-จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -จบบริบูรณ์- ★ มุจลินท์ ★ [Special Halloween] หน้าที่๑๗ {๑๐๐%} ๓๐.๑๐.๖๑  (อ่าน 168840 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ช่วงนี้บวกเป็ดไม่ได้เลย จะพยายามเม้นต์ให้แทนนะ  :pig4:

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
อ้าว คิดว่าสำนึกผิด ที่ไหนได้สติแตกซะงั้น  :hao4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
พี่ฉลามต้องหายสิ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เกศรา อยู่เฉยๆก็ไม่เดือดร้อนละ
หลังจากเรื่องทุกอย่างกล้ามาวุ่นวายบ้านนี้อีกได้ไง
แค่ลินตบมันยังน้อยไป

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารพี่ฉลามกับน้องลินท์จัง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ตอนอ่านรีบนมีแต่คำว่าน่ารัก พอรีต่อมา :fire: หัวร้อนแทบไม่ทัน

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตอนที่ ๓๑

ชลธีขยับตัวได้ยากลำบากร่างกายเขาเหมือนหินถูกถ่วงไม่สามารถจะพลิกไปไหนได้ตามใจชอบ ชายหนุ่มยกมือขึ้นนวดศีรษะเพื่อบรรเทาอาการปวดแปลบ ส่วนแผลที่ดวงตาที่เขาเพิ่งเข้ารับผ่าตัดยังคงไม่สามารถถอดออกได้  นายทหารหนุ่มเข้ารับการผ่าตัดเมื่ออาทิตย์ก่อนแม้เขาจะมีความกลัวในใจอยู่บ้างแต่ก็ดีกว่าเขาไม่ลงมือทำอะไรเลย ชายหนุ่มยังมีความหวังว่าตัวเองจะกลับมาหายเป็นปกติ ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวได้เหมือนเดิม พักที่โรงพยาบาลได้ไม่นานเขาก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านโดยมีคนรักคอยช่วยดูแล

   ช่วงหลังมานี้เขาฝันว่าตัวเองหล่นวูบตกมาจากเขาเหมือนเหตุการณ์ในครั้งนั้น ช่วงเวลานั้นโผล่แวบเข้ามาในหัวบ่อยมากจนเขาจำไม่ได้ว่าฝันแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง แค่ต้องตื่นมาพบกับความมืดสนิทเขาก็รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งมันช่างอ้างว้างและเปล่าเปลี่ยวเกินใจจะทน ทุกครั้งที่เผลอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเขาจะต้องควานหาคว้าตัวคนรักเข้ามาแนบอก ชลธีพยายามไม่ออกแรงเยอะเพราะกลัวเด็กหนุ่มจะเจ็บตัวเพราะเขา

   “ลินท์.. ลินท์”

   “หนูอยู่นี่” เด็กหนุ่มพงกหัวขึ้นมาจากหมอน ค่อยๆกระเถิบเข้าไปหาชายหนุ่ม “ไม่เป็นไรนะ”

“พี่กลัว พี่กลัวจริงๆนะ”

“ไม่มีอะไรต้องกลัวนะครับ”

“ครับ”

“นอนกันนะครับ” เขากอดคนรักแนบแน่น พร่ำบอกว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน “หนูจะกอดพี่เอาไว้เอง”

“พี่รักลินท์นะ”

“หนูก็รักพี่เหมือนกัน”

มุจลินท์รอจนคนรักหลับสนิทเขาก็ลุกขึ้นมาห่มผ้าให้เรียบร้อย ช่วงฟ้าใกล้สว่างเขามักจะตื่นขึ้นมาตระเตรียมยาเอาไว้ให้คนป่วยเหมือนอย่างเคย และลงไปห้องครัวเตรียมของสดทำกับข้าวเหมือนทุกวัน เขารับหน้าที่ดูแลชลธีทุกอย่าง มีคุณแม่และคุณยายสลับเปลี่ยนกันอยู่บ้างเพราะเขายังต้องดูแลไทเกอร์อีกคน ถึงจะเหนื่อยแต่เขาก็มีความสุข เขามีครอบครัว มีคนรัก มีลูกชายน่ารักหนึ่งคน เพื่อนๆที่มหาลัยก็แวะมาหาเขาอยู่ไม่ขาดสายและคอยตามงานให้ในช่วงที่เขาต้องไปเฝ้าชลธีที่โรงพยาบาล

ชายหนุ่มไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลและเร่งเร้าคเชนทร์ให้รีบพากลับ เขาเลยได้มีเวลาอยู่กับคนรักที่บ้านบ่อยขึ้น เขาจับความรู้สึกได้ทันทีว่าชลธีกำลังกลัว กลัวว่าตัวเองจะกลับมามองไม่เห็นเหมือนเคย สำหรับเขาแล้วต่อให้ชลธีจะเป็นอย่างไรเขาก็ยังรักเหมือนเดิม..

“ลินท์” เด็กหนุ่มกำลังง่วนอยู่ในครัว ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านบน “ลินท์..”

ตึง!

เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกละจากจานที่กำลังล้างอยู่วิ่งถลาขึ้นไปด้านบนบ้านอย่างรวดเร็ว เปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เห็นชายหนุ่มกลิ้งหล่นจากเตียงนอนในลักษณะนอนคว่ำหน้า เขารีบเข้าไปประคองคนรัก ตัวเองยังไม่หายดีแท้ๆแต่ก็ยังซนไม่เข้าเรื่องน่าตีจริงๆ

“พี่ฉลามเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ลินท์ลงไปทำกับข้าวให้พี่มา” เมื่อคืนเขารับรู้ได้ว่าคนรักสะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อยมาก จนเขาสงสัยว่าชลธีได้นอนบ้างหรือเปล่า เห็นความกังวลของคนรักเขาก็ไม่อยากเครียดไปด้วย ไม่อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านอีกแล้ว เขาต้องคอยคุยคอยอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา

“พี่ไม่เป็นอะไรครับ” ชลธีตอบพลางยันตัวเองขึ้นมาจากพื้น “แค่ลงจากเตียงผิดท่าไปหน่อย”

“ไปอาบน้ำแปรงฟังแล้วลงมาทานข้าวนะครับ ให้ลินท์ช่วยอะไรไหม”

“ไม่เป็นไร พี่ทำเองได้” ชลธีพยายามทำอะไรด้วยตนเองเพราะไม่อยากเป็นภาระ แค่คิดว่าเด็กหนุ่มจะต้องดูแลเขาไปตลอด ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้

“งั้นหนูไปเตรียมเสื้อผ้าให้นะ”

“ขอบคุณนะครับ”

ลินท์เปิดตู้เสื้อผ้า หาเสื้อผ้าโปรดของคนรักที่อัดแน่นเต็มตู้ เลือกเสื้อยืดสีเทาและกางเกงสามส่วนมาเตรียมเอาไว้ อาทิตย์หน้าชลธีมีนัดกับคุณหมอและจะได้เปิดแผลออกเพื่อที่คุณหมอจะได้เช็ค เขาไม่ได้เป็นกังวลเรื่องดวงตาของชายหนุ่มเท่าไหร่ จะห่วงก็แค่ความรู้สึกของคนรักเท่านั้น สภาพร่างกายเปลี่ยนไปเป็นใครบ้างจะไม่ช็อค ชลธีต้องปรับตัวมากมายจริงๆ เขาพับผ้าได้อีกสักครู่นายทหารหนุ่มออกมาจากห้องน้ำโดยคาดผ้าขนหนูไว้หมิ่นเหม่ ดีที่อยู่ในห้องนอน เขาล่ะกลัวว่ามันจะหลุดจริงๆ

“เดี๋ยวนี้ไม่ฉีดน้ำหอมแล้วหรือ”

“ฮื่อ พี่รู้ได้ไง แอบดมหนูหรือ”

“อืม หอมดี เวลานอนกอดพี่ชอบดม.. หรือพี่ดมไม่ได้” ชลธีทำเสียงตัดพ้อ เดี๋ยวนี้ชักทำแง่งอนจนเขาต้องเอาใจเป็นพิเศษ

“ได้สิ” เดินเอาผ้าไปเก็บที่ตู้แล้วก็มาช่วยคนป่วยที่ยืนเป็นตุ๊กตาให้เขาช่วยแต่งตัว “แก่แล้วขี้น้อยใจนะ!”

“ไม่แก่สักหน่อย ยังเตะปี๊บดัง” กระซิบข้างหูคนรักจนเด็กหนุ่มหน้าแดงซ่านไปหมด “หรือจะพิสูจน์?”

“มะไม่เป็นไรครับ”

“แล้วจะรีบไปไหน” ชลธีพูดดักทางเอาไว้เพราะเห็นเสียงคนรักเงียบไป “ไม่อยู่ช่วยพี่แต่งตัวก่อน”

“พี่ก็แต่งเองได้ แต่ชอบแกล้งหนูทุกที”

“พี่ไม่ได้แกล้ง พี่อยากให้หนูช่วยพี่นี่นา” ชายหนุ่มจุดยิ้มหวาน “นะครับ” แค่ได้ยินเสียงออดอ้อนจากคนรักเขาก็แทบจะใจอ่อนเสียตรงนั้น

“ก็ได้ครับ” เขาจับแขนชายหนุ่มให้กางออกแล้วบรรจงสวมเสื้อยืดให้ มือเขาเผลอไปโดนหนวดที่ขึ้นเขียวครึ้มของชายหนุ่มจนรู้สึกจั๊กจี๋จนต้องชักมือกลับ ชลธีทำหน้าสงสัยแต่ไม่ได้พูดอะไรจนเด็กหนุ่มช่วยเขาสวมกางเกงจนเสร็จเรียบร้อย

“พี่ว่าตัวนี้มันคับนะ”

“นั่นสิ พี่อ้วนขึ้นหรือเปล่า”

“น่าจะใช่นะ เล่นกินๆนอนๆมาเกือบสามเดือนไม่ได้ออกกำลังกายเลย”

“โอ๋ๆ ถึงอ้วนก็รักนะ”

“ไม่เอาหรอก พี่จะไม่ยอมอ้วนเด็ดขาด” ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น “ขุนลินท์ให้อ้วนยังดีกว่า.. จะได้ไม่มีคนมายุ่ง!” ชายหนุ่มทำเสียงเข้มจนเจ้าลูกเป็ดทำปากยู่ใส่

“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับหนูเลย คนบ้า!” ได้ยินเสียงลูกเป็ดบ่น เขาก็รวบเอวบางเข้ามาใกล้ ซุกไซร้ซอกคออุ่นขบเม้มจนเกิดเสียงดังจุ้บ เจ้าลูกเป็ดหดคอหนีเป็นพัลวัน ส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย “อย่า อย่าทำหนู มันจั๊กจี้”

“หื้ม? จริงหรือ”

“ม่ายยย พี่จ๋า อย่า ยะอย่า” เด็กหนุ่มดิ้นจนกลิ้งหลุนลงไปกับเตียง ชายหนุ่มรีบประคองจนร่วงหล่นลงไปบนเตียงทั้งคู่ เด็กหนุ่มหอบหายใจถี่และหัวเราะไปด้วย หนวดขึ้นเป็นตอทิ่มเนื้ออ่อนจนเขาขนลุกซู่ ไม่ไหว เขาบ้าจี้!

“ปกติไม่เห็นเป็นอย่างนี้ หรือว่า..” เขาลูบหนวดเข้มไปมา

“ฮืออออ หนูยอมแล้ว ว้ากกกก”

“มาให้ฟัดซะดีๆ”

“ช่วยด้วยยยยย ว้ากกกกกก”

“เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวคุณแม่คิดว่าพี่ปล้ำหนูจะทำยังไง”

“งั้นพี่ก็หยุดสิ ไม่เอาแล้วว”

“ไม่หยุด” เขาจุดยิ้ม “ร้องให้ตายก็ไม่มีคนมาช่วยหรอกน่า”

“คนบ้า ออกไปนะ” เขาพยายามดันคนรักออกไปแต่ไม่ขยับเลยสักนิด นี่คนป่วยจริงๆหรือ! “ผีเข้าหรอไงฮะ! ปล่อยหนูนะ”

“อืม ผีทะเลซะด้วย” เขาเลิกเสื้อยืดของเด็กหนุ่มขึ้นใช้มือหนาควานหาตุ่มไตแล้วบี้ไปมา เล่นจนพอใจก็ก้มลงงับยอดอกทั้งดูดทั้งเลียจนมันชื้นแฉะ เจ้าลูกเป็ดดิ้นคลุกคลักก่อนจะต้องยอมปล่อยให้เขาได้ชิม มือบางเลื่อนเข้าไปโอบรอบคอ

“อืมมมมม” ส่งเสียงร้องอย่างพอใจพร้อมทั้งแอ่นอกให้ตรงกับริมฝีปากที่กำลังกินอย่างกระหาย “หนูต้องไปทำกับข้าวนะ ถ้าพี่ไม่หยุดมันจะไม่เสร็จนะ”

“เอาไว้ก่อน พี่ขอกินตรงหน้านี้ก่อนแล้วกันนะครับ” เขากดจูบแนบลงไปกับริมฝีปากที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วข้างหู เกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างไม่มีใครยอมใคร มือหนาฟอนเฟ้นผิวเนื้อนุ่มไปทุกอณูตีตราจองและแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเอาแต่ใจ ขบเม้มไปตามเนื้ออ่อนจนมั่นใจว่ามันขึ้นรอยจึงผละไปที่อื่น โดนเฉพาะช่วงโคนขาด้านในที่เขาทั้งเม้มทั้งเลียจนเด็กหนุ่มสั่นสะท้านไปทั้งกาย

“ฮื่อ หนวดพี่มันโดน”

“ไม่ชอบหรือ” เขาแตะลิ้นไปที่รอยพับใช้น้ำลายเบิกทางให้ช่องทางขยายตัว เด็กหนุ่มกระตุกเฮือกด้วยความเสียวซ่าน พยายามยันหัวคนรักออกไปให้พ้น

“อย่าทำแบบนี้ ไม่เอา!” เจ้าลูกเป็ดพูดน้ำตาคลอ เขาบอกกี่รอบทำไมไม่ฟังกันบ้าง มันจั๊กจี๋!

“ยิ่งลินท์ห้าม ยิ่งเหมือนยุพี่” เขาหัวเราะหึ ก้มลงเบิกทางต่อแล้วล็อคขาเด็กหนุ่มเอาไว้

“อื๊อ พี่ อย่า” เขาดึงรั้งผ้าปูที่นอนจนมันติดมือออกมา แต่ชลธีก็ยังไม่หยุด เขาจั๊กจี๋จนจะขาดใจตายอยู่แล้วนะ! “ฮือ คนบ้า อ๊ะ..หนูเสียว”   

“หื้ม ไหน.. ตรงนี้หรือ” เขาเน้นย้ำไปจุดเดิมและได้รับคำตอบเพียงเสียงครางหวานหู จึงใช้นิ้วสอดเข้าไปเชื่องช้าควานหาจุดอ่อนไหว ชลธีถอนนิ้วออก เขารูดตามความยาวแก่นกายคนรักสองสามครั้งแล้วค่อยๆครอบครองด้วยริมฝีปาก เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง ขบเม้มริมฝีปากสะกัดกั้นเสียงไม่ให้หลุดเล็ดรอด เขาเกร็งหน้าท้องยามถูกโอบล้อมด้วยผนังอุ่นนุ่ม มองเห็นชลธีกำลังใช้ปากให้เขาแบบนี้เขาจะเขินจนเป็นลมจริงๆแล้วนะ

“พี่ไม่ต้องทำให้หนูขนาดนี้ก็ได้”

“พี่จะทำ”

“ฮื่อ ไม่ต้อง อ๊ะ”

“อย่าห้ามพี่!” 

“ฮื่อ หนูไม่ไหวแล้ว หนูจะตายแล้ว” เด็กหนุ่มโวยวายลั่นพลางแอ่นตัวโยน ปลดปล่อยอารมณ์สู่ห้วงความสุขอันลึกล้ำ มือสองข้างยังกำผ้าปูที่นอนแน่น หอบหายใจถี่รัว สภาพเตียงตอนนี้เหมือนเพิ่งเกิดสงครามชัดๆ เขามองคนรักที่เก็บกลืนน้ำรักเข้าไปจนหมด จะลุกขึ้นไปห้ามตอนนี้ก็ไม่มีแรง

“ไม่มีใครตายทั้งนั้น” ชายหนุ่มโยกตัวขึ้นไปจูบข้างแก้ม กอดรัดเจ้าลูกเป็ดจนแน่น “มีแต่คนมีความสุข”

“ละแล้วพี่ล่ะ”

“พอแล้ว ให้หนูไปทำกับข้าวดีกว่า”

“เอ้า.. แบบนี้ได้ยังไง” เขาหันไปมองคนรักที่นอนเคียงข้าง เจ้าตัวหายใจสม่ำเสมอเหมือนกับว่าหลับไปแล้ว “พี่ฉลาม” เขาพยายามปลุกแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตอบสนอง เมื่อกี้ยังคุยกับเขาอยู่ดีๆ คิดว่าแกล้งเขาแล้วจะรอดไปง่ายหรือ? เด็กหนุ่มพลิกตัวคนรักให้นอนหงาย ใช้นิ้วเรียวยาวกรีดลงบนขอบกางเกง สองมือขาวกอบกุมแก่นกายอุ่นร้อนที่กำลังสู้มือเขา ขยับขึ้นลงจนคนแกล้งหลับเผลอสะดุ้งเฮือก ใช้นิ้วชี้เกี่ยวกางเกงตัวเองออกก่อนจะนั่งทับลงไปเบาๆถูไถให้ฉลามน้อยเสียดสีกับก้อนกลมนุ่มของเขา

“จะตื่นไม่ตื่น?”

“…”

“หึ!” เด็กหนุ่มแอ่นก้นงอนขึ้นเล็กน้อยใช้มือขาวกอบกุมแก่นกายคนขี้แกล้งก่อนจะถูไถอยู่ปากช่องทาง ทิ้งตัวลงทีละนิดจนมิด แอบสังเกตเห็นคนที่นอนอยู่ขบกรามแน่นเป็นสันนูน อยากแกล้งเขาดีนัก คราวนี้เจอเขาแกล้งคืนบ้าง! “ฮื่อ.. อ๊ะ” ส่งเสียงครางหวานพร้อมขับเคลื่อนเนิบนาบ และค่อยๆขี่ควบเร็วขึ้นเมื่อเห็นหน้าท้องเกร็งคัดจนซิกแพ็คชายหนุ่มขึ้นชัดเจน

“ฮึ่ม!” ชลธีอดรนทนไม่ไหวตะปบเข้าที่สะโพกขาว เปลี่ยนหน้าที่เป็นคนบังคับขยับขึ้นลงแทนบ้างหลังจากเด็กหนุ่มไม่ยอมทำให้เสร็จสักที “แกล้งพี่หรือครับคนดี?”

“ใครแกล้งใครก่อนกันแน่!”

“พยศนักนะ”

“อื้อ.. อ๊ะ เบาก่อน” ชลธีไม่ออมแรงเลยสักนิด คว้าสะโพกเขาไว้มั่นแล้วโจนจ้วงอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาตาพร่าไปหมดใกล้จะแตะจุดสูงสุดรอบที่สอง ความรู้สึกเสียวแปลบแล่นขึ้นที่หัวไหล่ “อื้อ พี่.. อย่ากัดหนูสิ”

“อย่าเพิ่งสิ รอพี่ก่อน”

“เบาก่อนพี่ฉลาม เบา เบา”  รู้จักไหมคำว่าเบา!

“ฮึ่มมมมม” ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นจนสุดแรงหลั่งน้ำรักเข้าไปจนหมดสิ้น เขารั้งตัวคนรักเข้ามากอดคลอเคลียไม่ห่าง ช่วยเช็ดเหงื่อชื้นแฉะข้างกรอบใบหน้า

“หนูลุกไม่ไหวแล้ว”

“ไม่ไหวก็นอนพัก”

“หนูต้องไปทำกับข้าวนะ” เขาดันตัวเองขึ้นมาอย่างลำบาก รู้สึกปวดเมื่อยขบไปทั้งตัว แค่จะขึ้นมาดูคนรักทำไมเขามาอยู่ในสภาพนี้ได้เนี่ย พี่ฉลามนะพี่ฉลาม!

“ไม่ต้องเดี๋ยวพี่ทำเอง”

“ไม่ได้!” เขารีบรั้งชลธีให้ลงมานอนที่เตียง คว้าผ้านวมมาห่มให้เรียบร้อย ขืนให้ไปยุ่งในครัวมีหวังห้องครัวได้ระเบิดเป็นจุณแน่ “รอหนูอยู่นี่นะ ทานข้าวทานยาเสร็จเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“ไม่”

“อยู่ที่นี่นะครับที่รัก”

“ก็ได้” ชายหนุ่มถดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ส่วนเขารีบสวมกางเกงให้เรียบร้อย เขาต้องไปจัดการครัวข้างล่างก่อน ป่านนี้ไทเกอร์คงจะตื่นแล้ว เขาเปิดประตูห้องก็เจอคุณหมอกำลังอุ้มลูกชายยิ้มแฉ่ง พอไทเกอร์เห็นเขาก็งอแงจะให้เขาอุ้มให้ได้ เขารับลูกชายมาอุ้มเปรยตามองคเชนทร์ที่ทำหน้าจืดเจื่อน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับพี่ช้าง หิวข้าวหรือ?”

“ก็ไม่หรอก พี่แค่แวะมาบอกว่าหมอเลื่อนนัดพี่ฉลามเป็นวันศุกร์นี้แทนนะ” เด็กหนุ่มนึกในใจ นับวันได้ราวๆอีกสามวันข้างหน้า 

“อ่อ ได้ครับ พี่ฉลามจะมารับใช่ไหมหรือให้ลินท์พาไป”

“เดี๋ยวพี่มารับแล้วกัน”

“ได้เลยครับ”

“จะว่าไป.. พี่ฉลามก็ยังไม่หายดี ลินท์ก็อย่ารุนแรงกับพี่เขามากนะ เดี๋ยวมันจะกระเทือนแผล” คุณหมอตอบได้แค่นั้นก็เดินลิ่วไปอีกทาง ไทเกอร์บีบแก้มเขานั่นแหละถึงจะรู้สึกตัว

รุนแรง? เขาทำอะไรรุนแรงหรือ?

“แม่ลินท์คับ”

“จ๋าลูก”

“ไหนน้องเกอร์ละคับ”

“น้องไหนหรือครับลูก”

“คุมอาช้างบอกว่าคุมแม่กับป๊าทำน้องให้เกอร์อยู่คับ”

“…….”

ไอ้พี่ช้าง ไอ้พี่บ้า!

- - - - - -

คเชนทร์เดินวนไปมาอยู่หน้าห้องตรวจรอพี่ชายที่เข้าไปได้สักพักแล้ว ส่วนเด็กหนุ่มนั่งรออยู่ตรงเก้าอี้พลาสติกหน้าห้อง มือเรียวขาวประสานตั้งขึ้นชันเข่าเอาไว้ ใบหน้าหวานซีดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านานแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนรักออกมาเสียที เวลาที่ผ่านไปช่างเชื่องช้าไม่ทันใจคนที่กำลังร้อนรุ่ม เขาคิดไม่ตกชักจะเริ่มกังวลไปอีกคน หน้าจอโทรศัพท์ยังคงมีข้อความเด้งขึ้นมาไม่ขาดสาย เป็นข้อความจากครอบครัวและเพื่อนที่เป็นห่วงส่งผ่านกำลังใจมาให้ เขาอมยิ้มอยู่คนเดียว เปิดอ่านแล้วก็ตอบกลับไปยังทุกคน

เขารู้ตัวดีว่าตั้งแต่ได้มาดูแลชลธี เขาเองก็แบกความเครียดไว้มากไม่แพ้กัน เมื่อนึกย้อนชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่เล็ก คิดไปคิดมาแล้ว นี่มันยังได้ไม่ถึงครึ่งที่เขาเคยเจอด้วยซ้ำไป เด็กหนุ่มถอนหายใจพร่างพรู ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ หันไปมองคเชนทร์ที่กำลังเดินวนเป็นหนูติดจั่นก็นึกขำ

“พี่ช้างนั่งพักก่อนก็ได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรลินท์ พี่ไม่เป็นอะไร” ใบหน้าคมเข้มซีดเจื่อนขนาดนั้น คุณหมอคนเก่งยังโบกมือให้เขาว่าไม่เป็นไร เขามองเห็นความรักความอบอุ่นที่ทุกคนมีให้กัน แล้วนึกรักขึ้นมาจับใจ สายสัมพันธ์อบอุ่นของครอบครัวมันช่างแข็งแกร่งเสียจริงๆ

“พี่ฉลามจะต้องหายดี เชื่อลินท์สิ”

“พี่ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”

“เดี๋ยวลินท์เครียดตามพอดี”

“เห้ย อย่ามาเครียดตามสิ ไม่ต้องมองเลย หันไป”

“มีงี้ด้วย” เด็กหนุ่มทำแก้มพองลมใส่ชายหนุ่ม แก้มกลมขาวใสนั่นน่าจะบีบให้แหลกจริงเชียว ขณะที่คเชนทร์กำลังแกล้งหยอก คุณหมอก็เข็นรถเข็นของชลธีออกมาจากห้อง ชายหนุ่มสวมเสื้อชุดสบายๆที่คนรักเลือกให้ แต่สิ่งที่แปลกตาคือไม่มีสิ่งใดรบกวนปิดบังบริเวณสายตาเหมือนเคยอีกแล้ว มุจลินท์มองสบดวงตาที่เลื่อนลอย โบกมือไปมาอยู่ข้างหน้า ชลธียังนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี่ฉลาม..” เขาเข้าไปหาคนรัก “เป็นยังไงบ้างครับ”

“ลินท์เองหรือ พี่นึกว่าใคร” ชลธีเอื้อมไปแตะท่อนแขนคนรัก “คล้ำลงไปนะ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าต้นไม้หลังบ้านไม่ต้องไปรดมัน ให้ลุงมิ่งมาจัดการ” เด็กหนุ่มตาโตใช้มือปิดริมฝีปากแน่นด้วยความตกใจ นี่หมายความว่าชลธีมองเห็นเขาแล้วใช่ไหม

“ฮึก.. ฮึก หนูไม่ได้ไปรดน้ำบ่อยสักหน่อย ก็ฟักทองที่ซื้อเมล็ดมารอบนั้นมันเหลือนี่”
“เด็กดื้อเอ๊ย” เขาลูบหัวเจ้าลูกเป็ด ภาพตรงหน้ายังคงเลือนลางแต่ทว่าสามารถรู้ได้ว่ามีใครอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าเขายังกลับมามองเห็นได้ไม่ชัดนักและยังต้องรักษาอีกระยะหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่น่ายินดีว่าเขาจะมีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมอย่างแน่นอน

“ฮึก.. ฮือ”

“ร้องไห้ทำไม หื้ม?”

“หนูดีใจนี่นา” เขาปาดน้ำตาที่จู่ๆก็ไหลออกมาเองไม่รู้ตัว ชลธีลุกขึ้นนั่งยืนเดินโดยไม่จำเป็นต้องมีคนช่วยอีกต่อไป คเชนทร์หายไปคุยกับจักษุแพทย์ที่เป็นเจ้าของไข้ เป็นที่ยืนยันว่าชลธีจะกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมจริงๆ และต้องใช้เวลาการปรับตัวอีกสักพัก คุณหมอหนุ่มยิ้มแป้นด้วยความดีใจ เท่านี้พี่ชายเขาก็หมดทุกข์หมดโศกเสียที 

“พี่อยากกลับบ้านจัง” ชลธีดูซูบไปอยู่บ้างเพราะได้แต่นั่งๆนอนๆ เขาหันไปรบเร้าคนที่เข็นรถเข็นให้ ชายหนุ่มจะเดินเองแต่เจ้าลูกเป็ดไม่ยอมท่าเดียว “พี่อยากเจอลูก”

“อดใจอีกแปบเดียว เดี๋ยวพี่ช้างขึ้นไปเคลียร์ธุระเสร็จจะไปส่งเราที่บ้านนะครับ”

“ลินท์”

“หื้ม?”

“ลินท์”

“มีอะไรหรือเปล่า เรียกหนูทำไม” เขาหยุดรถเข็นแล้วเดินไปนั่งยองๆตรงหน้า จับมือหนาให้มาซุกกับแก้มขาวอุ่นของเขา “หนูอยู่นี่แล้ว..”

“พี่นึกว่าฝันไป” ชายหนุ่มยกมือจะตบหน้าตัวเองแต่เจ้าลูกเป็ดห้ามไว้ได้ทัน “ตบพี่ที”

“ไม่ได้ฝันสักหน่อย!” เขาพูดเสียงสั่น “พี่จะกลับมามองเห็นแน่นอน”

“มันเหมือนฝัน เหมือนฝันเกินไป.. พี่คิดว่าตัวเองจะไม่กลับมาหายซะแล้ว”

“ไม่ได้ฝัน จริงๆ พี่ไม่ได้ฝัน” เขาถูไถใบหน้าไปกับมือหนาของคนรัก

“พี่กลัวเหลือเกิน ถ้าชีวิตนี้พี่ไม่สามารถได้มองสบตากับลินท์แบบนี้ ไมได้มองเห็นลูกชายเติบโต พี่ก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีค่า ไม่มีความหมาย”

“ชู่ว” เขายื่นมือไปปิดริมฝีปากคนตรงหน้าเอาไว้ “พี่ไม่ต้องคิดมากแล้ว มีหนูอยู่ข้างๆ หนูจะไม่ยอมปล่อยให้พี่เป็นอะไรแน่”

“เก่งจริงนะเรา ตัวแค่นี้” ชลธียิ้ม มองคนรักด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น

“ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่ หนูสู้ตาย” เขาชูสองนิ้วยิ้มเริงร่า “หนูโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอ ได้รักกับพี่”

“พี่สิต้องบอกว่าโชคดีแค่ไหนที่ได้เจอลินท์ พี่ยังจำเด็กตัวกระเปี๊ยกที่วิ่งตัดหน้ารถพี่ได้อยู่เลยนะ”

“พี่นั่นแหละ ขับรถไม่ดูเลย คนกำลังข้ามถนนแท้ๆ!” เขาบ่นอุบเมื่อนึกวันแรกที่ได้เจอกัน สายฝนชุ่มฉ่ำที่ตกไม่ขาดสายวันนั้นทำให้เขาตาพร่ามัวจนแทบจะมองหน้าผู้ชายตรงหน้าไม่ชัดด้วยซ้ำ ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาตบปากรับคำมาช่วยดูแลไทเกอร์จนได้

“ขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งลินท์ให้มาหาพี่ มาเจอพี่ ให้พี่ได้รักได้ดูแล”

“คงเป็นเวรกรรมของพี่มากกว่าที่ต้องมาเจอหนู” เขายิ้มแหย เกาหัวแกรก

“ถ้าเป็นเวรกรรมจริงๆ ก็ขอให้ติดตามพี่ไปทุกภพทุกชาติเลยก็แล้วกัน”

“พี่พูดอะไรเนี่ย ของแบบนี้เขาพูดเล่นๆได้หรือ” เด็กหนุ่มถลึงตาใส่ชลธี อยากจะตีปากที่พูดไม่หยุดนั่นสักทีให้หายมันเขี้ยวจริงๆ

“เชื่อหรือเรา?”

“ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่!” เรื่องแบบนี้เขาพูดกันเล่นๆได้ที่ไหนกันเล่า!

“พี่พูดแล้วไม่คืนคำหรอกนะ ลองได้ผูกพันกับพี่แล้วในชาตินี้ ไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดอีกกี่สิบครั้งคนที่พี่จะรักมีเพียงลินท์คนเดียว”

“พี่ฉลาม!” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ทนไม่ไหว รู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ไม่เอาไม่พูดแล้ว ขนลุก”

“สิ่งที่พี่จะทำให้เราได้ในชาตินี้ นอกจากรักและดูแลจนกว่าชีวิตของพี่จะหาไม่ นั่นคือการให้เกียรติยกย่องเป็นคู่ชีวิต นั่นคือเกียรติยศของทหาร”

“หนูรับรู้ว่าพี่ว่ารักหนูมากแค่ไหนก็พอแล้ว” เขาไม่เคยต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆ แค่ได้ดูแล ได้รัก ได้อยู่ข้างๆกันเหมือนทุกวันนี้ มันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วจริงๆ

“ลินท์”

“คะครับ” ชลธีลุกจากเก้าอี้รถเข็น ก่อนจะนั่งคุกเข่า เอื้อมมือไปจับเรียวนิ้วขาวขึ้นมาจุมพิต เด็กหนุ่มมึนงงจะสะบัดมือออกก็ไม่กล้า ที่นี่โรงพยาบาลนะ นี่ชลธีจะทำอะไร?

“แต่งงานกับพี่นะ”

“…”

เด็กหนุ่มเบิกตาโพลง มองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจ้องเขาและชลธีเป็นตาเดียว เด็กหนุ่มหน้าร้อนผ่าวหัวใจเต้นระส่ำจนกลัวว่ามันจะเด้งออกมานอกอก เขาเหลือบไปเห็นคเชนทร์ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นค้าง เขาเขินจนอยากจะแทรกพื้นหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ เด็กหนุ่มรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิด พยักหน้าลงก่อนจะตอบ

“คะครับ”

“พี่เคยขอลินท์กับคุณยายไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่พี่จะต้องทำอะไรให้ถูกต้องจริงๆสักที” ชายหนุ่มลุกขึ้น ดึงคนรักเข้ามากอดแนบอก “ขอบคุณที่ให้เกียรติเป็นคู่ชีวิตพี่นะครับ” ชายหนุ่มใช้หัวแม่มือปาดน้ำอุ่นที่คลอหน่วยของเด็กหนุ่ม โยกตัวเข้าไปกดจูบข้างขมับ เจ้าลูกเป็ดโผเข้ากอดร้องไห้โฮขยุ้มเสื้อเขาจนยับย่น ชลธีหันไปมองน้องชายที่กำลังเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ก่อนจะช้อนตัวคนรักขึ้นอุ้ม

“อื้อ ปล่อยหนูลง!”

“ไม่ได้” เขาก้มลงกระซิบ เดินตามหลังคเชนทร์ไปที่รถยนต์ “พี่จะพาเจ้าสาวเข้าห้องหอมันต้องอุ้มท่านี้”

“คนบ้า!”

“พูดแล้วไม่คืนคำนะครับคนดี” ชลธีจุดยิ้ม หัวใจพองโตจนปิดบังความสุขล้นเอาไว้ไม่อยู่ “ถ้ายังจำไม่ได้.. คืนนี้พี่จะทวนให้ใหม่ตั้งแต่ต้นเลย”



TBC

อีกไม่เกินสามตอนจะจบแล้วค่า <3
ขอบคุณที่เอ็นดูน้องลินท์นะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นัลลั๊คคคค  :กอด1: ลูกเป็ดต้องอยู่กับพี่ฉลามตลอดไปเลยน๊า

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ว๊าย!  :o8: กลับมามองเห็นแล้วยิ่งหื่นนะพี่ฉลาม

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดีใจ  พี่ฉลามจะหายแล้ววว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
หมดเคราะห์ หมดทุกข์ หมดโศก
ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เฮียหลามจะหายแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรมาทำให้วุ่นวายอีกแล้วล่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
หนูน่ารัก ใครๆก็ต้องรักค่ะ จะจบแล้ว ใจหาย
 :L1:  :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ Banoffypie.novel

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ตอนที่ ๓๒

   สายฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนล่วงเลยถึงเวลาเลิกเรียน เด็กหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือกระสับกระส่าย ยืนหลบฝนอยู่ใต้อาคารเรียนร่วมยี่สิบนาทียังไม่มีวี่แววของรถยนต์เข้ามารับ เขากดโทรศัพท์หาชลธีหลายครั้งแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย นี่ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วแต่เขายังไม่ได้ออกจากมหาลัยเลยด้วยซ้ำ ความกังวลร้อนใจทบทวีคูณเมื่อนึกถึงลูกชายที่กำลังรออยู่ที่โรงเรียน

   ‘พี่ฉลาม แวะไปรับลูกเลย หนูติดฝนอยู่ที่มอ’

   เขายืนรอคำตอบอยู่สักครู่ก็ยังไม่มีวี่แววตอบกลับ พาลนึกสงสัยว่าคนรักกำลังทำอะไรอยู่ สองเดือนแล้วที่อาการของชายหนุ่มดีขึ้นมากจนสามารถมองเห็นได้เหมือนคนปกติทั่วไป และเพิ่งได้รับอนุญาตจากเขาให้ขับรถไปไหนมาไหนได้เสียที ในเมื่อไม่ได้รับคำตอบเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเรียกแท็กซี่ไปลงหน้าห้างสรรพสินค้าเพื่อนั่งรถตู้กลับบ้าน ส่วนบรรดาเพื่อนที่หายไปนั้น ต่างคนต่างติดกิจกรรมชมรมไม่มีใครว่างให้เขาได้ขอความช่วยเหลือ

   ‘พี่ฉลามมมมมม’

   ‘งื้อ หายไปไหนแล้วครับ’

   ‘อย่าเงียบแบบนี้สิ’


   ทันทีที่นิ้วกดส่งข้อความไปจนครบ โทรศัพท์ในมือก็สั่นครืดคราด เขากดรับรีบกรอกเสียงลงไป ตรงที่เขาอยู่เป็นป้ายรถเมลล์หน้าห้างสรรพสินค้ามีท่ารถตู้และรถเมลล์เข้ามาจอดเทียบท่าไม่ขาดสาย ประกอบกับสายฝนที่ยังคงพร่างพรายไม่หยุด เสียงในตอนนี้จึงดังกลบเสียงคนในโทรศัพท์ไปจนหมด

   “ลินท์ อยู่ไหนแล้วครับ”

   “หนูไม่ค่อยได้ยินพี่เลย ตรงนี้เสียงดังมาก”

   “งั้นแชร์โลเคชั่นมา ไทเกอร์อยู่กับพี่แล้ว.. เดี๋ยวพี่ไปรับนะ”

   “อ๊ะ ได้ครับ” เด็กหนุ่มค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อยที่มีคนไปรับลูกชายกลับจากโรงเรียน เขาค่อยๆเดินหลบบรรดาผู้คนที่รีบเร่งเดินทางกลับบ้าน เพราะมัวแต่กดโทรศัพท์ส่งโลเคชั่นให้คนรักจึงไม่ทันมองคนที่กำลังเดินสวนมาจึงชนจนไหล่กระทบกัน เขาเซไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นไปจะขอโทษขอโพยก็ต้องตกใจเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคลับคล้ายคลับคลาเหมือนคนรู้จัก

   “พี่ลินท์!”

   “เปรี้ยว!” เขาร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นหน้าเด็กสาวชัดๆ เปรี้ยวเป็นด็กสาวที่โตมากับเขาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่เขาย้ายมาอยู่กับชลธี เปรี้ยวได้กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับเปรี้ยวอีกเลย

   “หนูคิดถึงพี่จังเลย อ้วนขึ้นหรือเปล่าจ้ะ” เปรี้ยวโผเข้ามากอด เธอลากพี่ชายเข้าหลบที่ร้านอาหารข้างทาง ควักทิชชู่ให้เด็กหนุ่มซับเหงื่อและหยดน้ำฝนที่เปื้อนไปตามกรอบหน้า

   “เจอหน้ากันทักว่าอ้วนเลยหรือไง ยัยเด็กคนนี้”

   “หนูเห็นพี่สบายดี หนูก็ดีใจ” เด็กสาวยิ้มแฉ่งเข้ามากอดแขนเขาเสียแน่น

   “แล้วเราล่ะ เป็นยังไงบ้าง” เห็นเด็กสาวหน้าตาสดใสก็อดคิดถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ “เรียนไปถึงชั้นไหนแล้ว”

   “จะจบมอหกแล้วจ้ะพี่ ตอนนี้กำลังหาเงินเรียนมหาลัยอยู่” เด็กสาวยิ้มร่าเริง “ไม่ต้องห่วงนะจ้ะ ตอนนี้เปรี้ยวอยู่กับพ่อแม่แล้ว”

   “ค่อยยังชั่วหน่อย.. มีอะไรติดขัดก็บอกพี่ได้นะ” กับน้องสาวคนนี้มีหรือที่เขาจะไม่ช่วยเหลือ ตอนนี้เขาไม่ได้ขัดสนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาอยากจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าอย่างไรถ้าน้องสาวอยากเรียนเขาก็จะส่งเรียนให้ได้

   “จ้ะพี่ ขอบคุณพี่ลินท์มากๆเลยนะ”

   “มีอะไรก็ช่วยกัน เปรี้ยวก็เหมือนน้องสาวของพี่แหละ”

   “พี่ลินท์น่ารักที่สุดในโลก” เด็กสาวยิ่งกระชับกอดแน่น เธอคิดถึงพี่ชายคนนี้เหลือเกิน “เอ้อ เมื่อวานก่อนเห็นลุงโทรมาหา เห็นลุงแกบอกว่าแม่พี่ติดต่อมาน่ะจ้ะ เห็นว่าไปหาที่บ้านแล้วไม่เจอ ลุงก็เลยบอกไปว่าพี่กับยายย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว”

   แม่?

   “หมายความว่ายังไง แม่พี่มาหา?”

   “จ้ะ เห็นลุงกับป้าว่าอย่างนั้น” ฟังเด็กสาวพูดจบ เขาก็มือไม้สั่นไปหมด จิตใจเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี่เขาจะได้เจอแม่แล้วจริงๆหรือ? เขาฝันไปหรือเปล่า?

   “พี่ขอเบอร์ลุงไว้หน่อยได้ไหม” อยากหยิกแก้มตัวเองดูสักครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าตัวเองหูไม่ฝาด แต่สติที่มีก็ให้รีบขอเบอร์ติดต่อของคุณลุงเอาไว้

   “ได้ๆ แกน่าจะขอเบอร์แม่พี่เก็บไว้อยู่นะ แต่ลุงติดต่อพี่ไม่ได้ เลยไม่รู้จะบอกยังไง”

   “ขอบใจนะเปรี้ยว”

   “เดี๋ยวพี่เม็มไว้นะ อะนี่จ้ะ” เธอยื่นโทรศัพท์ให้พี่ชายดู ทั้งคู่คุยกันอยู่อีกสักพักชลธีก็โทรตามเขา แลกเบอร์โทรและช่องทางติดต่อกันเรียบร้อย เขาก็ให้สัญญาว่าต้องพาเปรี้ยวไปทานขนมแน่ๆ ทั้งคู่กอดกันตัวกลมด้วยความคิดถึง เปรี้ยวย้ายเข้ามาอยู่บ้านเช่าแถวชานเมือง พ่อและแม่ได้งานใหม่เป็นนิคมอุตสาหกรรมอยู่แถวนั้น เธอเลยได้อานิสงส์เข้ามาเรียนในกรุงเทพด้วย เด็กสาวถือกาสเข้าไปสวัสดีชลธีก่อนจะขอตัวกลับบ้านก่อน

   “ลินท์เป็นไรหน้าซีดๆ” ชายหนุ่มเอ่ยทักเพราะเห็นคนรักขึ้นมาบนรถก็นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา “ไม่สบายหรือ ตากฝนมาใช่ไหม?”

   “ไม่ได้เป็นอะไรครับพี่ แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ยังไม่ทันจะได้ตอบ เจ้าตัวแสบก็ร้องเรียกหา

   “แม่ฮะ.. แม่” ไทเกอร์นั่งอยู่บนหลังชะโงกเข้ามาจะขอนั่งตักเหมือนอย่างเคย เขาอุ้มลูกมานั่งตักตัวเอง ก้มลงจูบหน้าผากขาวใสของเด็กชาย

   “ไหนวันนี้มีการบ้านอะไรไหมครับลูก”

   “เกอร์ทำเสร็จหมดแล้วฮะ”

   “เรื่องอะไรล่ะ หื้ม?” ชลธีที่ยังสงสัยจึงถามซ้ำอีกรอบ “มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้นะ”

   “พี่ฉลาม..” เขานั่งนิ่งกำมือที่เย็นเฉียบเข้าด้วยกัน “ลินท์อยากไปหาแม่” ชลธีได้ฟังก็นิ่งเงียบ เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มไม่มีแม่ มีแต่คุณยายที่คอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก ชายหนุ่มรู้ดีว่ามุจลินท์อ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก

   “ไปสิ จะให้พี่พาไปไหม” เขาพยักหน้ารับ เห็นวงหน้าซีดเซียวค่อยมีสีเลือดขึ้นมาหน่อยจึงเบาใจลงไปบ้าง

   “ไปครับไป!”

   กว่าจะถึงบ้านต้องฝ่าฟันรถติดเกือบชั่วโมง มุจลินท์รีบพาลูกชายไปอาบน้ำและทานข้าว ในหัวก็ยังคิดวนเวียนเรื่องที่จะโทรหาคุณลุง เขาอยากรู้ว่าแม่มาหาเขาเพราะอะไร แม่จะกลับมาอยู่กับเขาแล้วใช่ไหม หลากหลายคำถามที่เขาอยากจะถาม อยากจะพูดคุยกับแม่เหลือเกิน เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องคุณยายก่อนจะผลักเข้าไปเห็นคุณยายยังไม่นอนก็รีบวิ่งถลาเข้าไปกอดไปอ้อนซบเหมือนเมื่อครั้งตัวเองยังเป็นเด็ก

“ยายจ๋า”

“กลับมาเหนื่อยๆทำไมไม่ไปอาบน้ำอาบท่าล่ะลูก” ยายสมใจทัก เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของหลานชายก็ลูบกลุ่มผมนุ่มปลอบประโลม “เดี๋ยวไม่สบายจะโดนพี่เขาดุเอานะ”

“ลินท์เจอเปรี้ยวจ้ะ” เขาเงยหน้ามองหน้ายาย สองมือยังโอบกอดร่างสูงวัยของหญิงชรา “เปรี้ยวบอกว่าแม่ติดต่อไปหาลุง”

“อะไรนะ.. จริงหรือ?” ยายสมใจตกใจมากส่งเสียงร้องพร้อมอุทานออกมาเสียงดัง ด้วยไม่คิดว่าลูกสาวของตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ หล่อนถอดใจไปตั้งนานแล้ว..

“ลินท์จะโทรถามคุณลุงให้แน่ใจอีกที ยายจ๋า.. แม่กลับมาแล้ว.. แม่ไม่ได้ทิ้งหนูจริงๆ”

“โถ่ หลานยาย ป่านนี้แล้วหนูยังคิดมากอยู่อีกหรือ?”

“หนูอยากเจอแม่” เขาซุกหน้าลงบนตักยาย ปลดปล่อยหยดน้ำตาออกมา “ชีวิตนี้หนูไม่ขออะไรอีกแล้ว”

“ลูกเอ๊ย..”

ลินท์อ้อนยายอยู่อีกพักใหญ่เขาก็ตัดสินใจโทรหาคุณลุงเพื่อสอบถามว่าแม่เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ พูดคุยกันอยู่เกือบชั่วโมงได้ความว่าแม่ของเขานั้นป่วยหนักและอยากเจอเขากับยายมากจึงได้มาหาที่บ้านเดิมที่เคยอยู่ในชุมชนแออัดแต่กลับไม่เจอใคร จนได้พบกับคุณลุงคุณป้าที่รู้จักกันจึงทราบว่าเขาและยายย้ายไปอยู่ที่อื่นร่วมปีแล้ว เด็กหนุ่มตกใจมือไม้สั่นเพียงรู้ว่าแม่บังเกิดเกล้าของตนป่วยหนัก ความน้อยใจตัดพ้อที่คิดว่าแม่ไม่รักก็ไม่ได้นึกถึงอีก เขาได้ชื่อเบอร์โทร และชื่อตึกที่แม่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐที่ไม่ไกลจากบ้านเดิมที่เขาอยู่นัก

    “พี่..” เด็กหนุ่มเดินคอตกเข้าห้องนอน ชลธีกำลังสวมเสื้อยืด “พรุ่งนี้พี่ฉลามพาหนูไปหาแม่ได้ไหม”

   “ที่ไหนหรือ”

“โรงพยาบาลครับ” เด็กหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ท่าทางซึม “แม่ไม่สบาย แม่อยากเจอหนู..” เขาดูก็รู้ว่าคนรักกำลังงอแงอยากให้คนกอดปลอบ

“มางอแงกับพี่มา” เขาดึงเจ้าลูกเป็ดมากอด “นี่คือสิ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจงั้นสิ”

“ลินท์เป็นห่วงแม่”

“ถ้าคุณแม่รู้ว่าน้องลินท์ของคุณแม่ขี้แยแบบนี้จะว่ายังไง”

“หนูไม่อยากร้อง แต่มันไหลออกมาเองนี่นา”

“เด็กน้อยเอ๊ย”

“ฮึก.. ฮือ.. พี่ฉลาม” เขากำเสื้อยืดของคนรักแน่น “คืนนี้กอดหนูหน่อยนะ”

“พี่ก็กอดอยู่ทุกคืน” กดจูบลงข้างแก้มขาวนวลได้รสชาติเค็มปะแล่มจากน้ำตาเด็กขี้แย เขาปาดจนมันแห้งสอดมือเข้าที่ซอกคอดึงรั้งร่างบางเข้าสู่อกอุ่น “นอนพักผ่อนกัน ฝันดีนะครับ ที่รัก”

   ขอให้ค่ำคืนปัดเป่าฝันร้ายให้มลายไป..

มุจลินท์ปลุกคนรักแต่เช้า เด็กหนุ่มกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เขาทำข้าวกล่องอย่างง่ายๆเผื่อคุณยาย และแวะเข้าไปหาคุณพ่อกับคุณแม่บอกกล่าวกับผู้ใหญ่ว่าจะไปที่ไหน เด็กหนุ่มได้กำลังใจและได้รับพรกลับมา ความรู้สึกหนักอึ้งค่อยๆถูกผ่อนคลายลงไปบ้าง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลเด็กหนุ่มรีบติดต่อกับเคาน์เตอร์พยาบาลเพื่อขอเยี่ยมทันที ชลธีรู้ว่าคนรักกำลังใจร้อน รั้งข้อมือขาวให้เดินช้าลง ด้านในตึกผู้ป่วยห้องของมินตราถูกแยกออกมาพิเศษและจะต้องแจ้งพยาบาลก่อนการเข้าเยี่ยมทุกครั้ง ทุกคนสวมแมสปิดปากและจมูกให้มิดชิดก่อนจะดันประตูเข้าไป บนเตียงขาวสะอาด หญิงสาวรูปร่างผอมแห้งกำลังนอนหลับตาสนิท เด็กหนุ่มยังจำรูปภาพของแม่ที่พกเอาไว้ติดตัวได้เสมอ สภาพที่เปลี่ยนไปทำให้เขารู้ว่าแม่ป่วยหนักจริงๆ

   “แม่.. แม๋จ๋า” เขาเรียกเสียงเบา มือยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด “แม่มินของหนู”

“ละ..ลินท์?” หญิงสาวค่อยๆเปิดเปลือกตาเชื่องช้า พยายามดันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง

“ยัยมิน” คุณยายพูดเสียงแหบพร่า น้ำตาคลอด้วยความสงสารลูก

“แม่… หนูขอโทษ” มินตราหันไปมองผู้มาเยี่ยมก่อนจะกระพุ่มมือไหว้มารดาบังเกิดเกล้าที่ไม่เจอกันร่วมยี่สิบปี น้ำตาที่กักเก็บไว้ก็ไหลท่วมท้นเต็มใบหน้า มือหยาบเอื้อมไปหมายจะลูบหัวลูกชายคนเดียวแต่ก็ต้องชะงักเพราะกลัวเชื้อโรคร้ายที่รุมเร้าเธอตลอดหลายปีต้องแตะต้องโดนตัวลูกไปด้วย “ลินท์แม่ขอโทษ แม่ขอโทษ..”

“แม่ป่วยหนักขนาดนี้ทำไมไม่บอกหนู หนูจะหาเงิน หนูจะทำทุกอย่างให้แม่หาย ฮึก”

“โรคที่แม่ป่วยไม่มีทางหายขาดหรอกลูก คนอื่นมีแต่จะรังเกียจ” มินตราหันหน้าหนีก่อนจะกระแอมไอ “แม่ไม่อยากให้หนูต้องมาป่วยเหมือนแม่อีกคน ไม่อยากให้ใครมองลูกแม่ไม่ดี”

“หนูไม่สน หนูไม่เห็นสนใจเลย” เด็กหนุ่มสะอึกสะอื้น อยากเข้าไปกอดแม่ใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ พยาบาลกำชับชัดเจนให้ระวังเรื่องการสัมผัส “ทำไมแม่ใจร้ายอย่างนี้ ไม่ยอมให้หนูได้ทำหน้าที่ลูกเลย”

“เป็นบุญของแม่แล้ว ที่มีลูกกตัญญูอย่างหนู แค่นี้แม่ก็ตายตาหลับ”

“ไม่เอา ไม่เอา แม่มิน ไม่เอา แม่ต้องอยู่กับหนู” มุจลินท์แผดเสียงร้องอย่างหนัก เขาทรุดลงข้างเตียงร้องไห้โฮออกมาเสียงดัง จนชลธีต้องเข้ามากอดปลอบ

“แม่สู้มานานเหลือเกิน”

“แม่!” เด็กหนุ่มปิดหู ส่ายหน้าไม่อยากฟัง “แม่อย่าพูดแบบนี้”

“มิน.. ลูกต้องเข้มแข็งสิ” คุณยายพูดทั้งน้ำตา ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากสายตาที่ส่งผ่านซึ่งกันและกัน

“หนูเหนื่อยเหลือเกินจ้ะ” มินตรายกมือไหว้มารดาอีกครั้ง ก่อนจะล้วงกระเป๋าสะพายใบเล็กที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมา เป็นสมุดบัญชีเงินฝากสองเล่ม “นี่เป็นเงินเก็บทั้งหมดที่หนูเก็บเอาไว้ให้น้องลินท์กับแม่ เอาเก็บไว้ใช้นะจ้ะ”

“ฮึก ฮือ หนูไม่เอา หนูไม่อยากได้” เด็กหนุ่มตัดพ้อ

“ลินท์ ใจเย็นๆ” ชลธีเข้ามากอดปลอบ ค่อยๆลูบหลัง “ค่อยๆคุยกับคุณแม่นะครับ”

“ฮึก ฮือ”

“คุณใช่ไหมที่ช่วยดูแลน้องลินท์กับคุณยายมาตลอด” มินตรายกมือไหว้ผู้มีพระคุณ เธอทราบมาจากคุณลุงที่อยู่แถวบ้านมีคนช่วยดูแลลูกชายของเธอ “ขอบคุณนะคะ”

“เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับคุณแม่ เพราะลินท์และคุณยายต่างก็เป็นครอบครัวของผม คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลน้องลินท์เอง” เธอเห็นแววตาหนักแน่นและมั่นคงของอีกฝ่ายจึงได้วางใจลง สิ่งที่คิดเป็นกังวลว่าลูกจะอยู่อย่างลำบากค่อยๆผ่อนเบาลง

“พี่ฉลามเป็นแฟนหนู” เด็กหนุ่มพูดเสียงดังฟังชัด “หนูพาแฟนมาให้แม่ดูตัวนะ”

“ร้ายจริงๆนะเรา” มินตราหัวเราะขำ สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ ไม่ได้ตกใจที่ลูกชายคนเดียวมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน ขอเพียงสิ่งใดที่ลูกชายทำแล้วมีความสุข หล่อนก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง หัวใจอิ่มเอมเมื่อได้พบหน้ากับมารดาและลูกชายสักครั้งก่อนที่ร่างกายที่ป่วยมานานจะรับไม่ไหว “แม่รักหนูนะลินท์.. ไม่มีแม่คนไหนอยากจะทิ้งลูกไป”

“หนูก็รักแม่.. หนูไม่โกรธแม่เลยนะ แม่ต้องหายไวๆนะจ้ะ” เขาก้มลงกราบแทบเท้าของมารดาบังเกิดเกล้า มินตราค่อยๆลูบหัวลูกชาย ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่อีกสักครู่ก่อนที่พยาบาลจะมาแจ้งหมดเวลาเยี่ยม

เด็กหนุ่มขยันมาเฝ้าแม่ทุกวัน แม้จะได้เพียงเวลาแค่ไม่นานแต่เขาก็พยายามมาให้ได้ อาการของแม่เริ่มตอบสนองช้าแล้ว บางครั้งทำได้แค่เปิดเปลือกตามองหน้าเขา แทบจะขยับปากพูดไม่ได้ เขาปรึกษากับคเชนทร์ว่าจะมีทางรักษาอาการของแม่ให้หายได้ไหม แต่ดูเหมือนอาการวัณโรคเข้าสู่ห้วงระยะสุดท้ายแล้ว

เขาถูกจำกัดไม่ให้เข้าใกล้ได้แต่ยืนมองแม่ที่นอนหายใจรวยรินที่เตียง เขาอยากให้แม่หาย อยากให้แม่อยู่กับเขาต่อ อยากใช้ชีวิตด้วยกัน ทำเรื่องอะไรอีกมากมายด้วยกัน แต่ดูเหมือนคำขอครั้งนี้เขาจะไม่มีหวังจริงๆ ภายในคืนนั้นเอง พยาบาลก็โทรแจ้งกับเขาว่าแม่เสียชีวิต เขาทำใจได้สักพักแล้วเพราะคเชนทร์คอยอธิบายให้เขาได้เข้าใจและทำตามความต้องการของแม่ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เขานำสมุดบัญชีที่แม่เก็บเงินไว้ให้ใส่เข้าบัญชีตัวเอง แม่อยากให้เขามีความสุข อยากให้เขามีชีวิตที่ดีกว่าที่แม่เคยมี เขาสัญญากับตัวเองเอาไว้ ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด

“ลินท์..”

“พี่ฉลาม”

“ไม่เป็นไรนะครับคนดี” ชายหนุ่มดึงคนรักเข้ามากอดแนบแน่น กดจูบอย่างที่เคยทำเป็นประจำ “คุณแม่จะคอยมองหนูอยู่บนสวรรค์นะครับ”

“ฮึก ฮือ”

งานศพถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายโดยมีคนสนิทภายในครอบครัวที่ไปร่วมงานเพียงเท่านั้น เขาบวชหน้าไฟให้แม่คงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูกชายอย่างเขาจะกระทำให้แม่ได้ในชาตินี้ ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ แต่เขาก็ได้รับกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อน คนรัก เขาไม่อยากให้แม่เป็นห่วง มีแต่ต้องยิ้มสู้เท่านั้น เขาจะต้องเข้มแข็งให้ได้

เด็กหนุ่มกลับมาเรียนปกติ ใช้ชีวิตดังเดิมแต่ความรู้สึกวูบโหวงในใจไม่มีอีกแล้ว เหมือนได้ปลดล็อคความรู้สึกลึกๆที่ติดค้างในใจ เขาได้ทราบข่าวเรื่องที่เกศราถูกจับเข้าคุกเพราะมีหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงินผิดกฎหมาย เขานึกแล้วก็ขออโหสิกรรมให้ และอย่าได้ข้องเกี่ยวกันอีกเลย

ในระหว่างที่เขากำลังไว้ทุกข์ให้กับแม่ ทำให้เขาพลาดข่าวสำคัญอีกอย่างหนึ่ง รุ่นพี่ที่เขาเคารพอย่างชวิศกำลังมีคนรักใหม่ หลังชายหนุ่มโพสต์รูปจับมืออีกฝ่ายในอิสตราแกรม เขาคงจะไม่ตกใจเท่าไหร่ถ้าหากชื่อที่แท็กในรูปนั้นไม่ใช่กรวิชญ์เพื่อนสนิทอีกคนของเขาเอง

ชลธีกลับไปทำงานและได้เลื่อนยศเป็นพันโท แม้ว่านายทหารหนุ่มจะได้กลับบ้านแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป เขากำลังทำเรื่องขอย้ายมาทำงานใกล้บ้านเนื่องด้วยถึงวาระในการย้ายตำแหน่งพอดี เป็นข่าวดีและเขาได้แต่หวังว่าจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกวัน..
- - - - -

ชลธีเกลี่ยเส้นผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนที่เพิ่งยาวขึ้นมาได้ไม่มากของคนรัก หน้าผากเกลี้ยงเกลาขาวเนียนและคิ้วเรียงตัวสวย ขนตายาวเป็นแพ และจมูกโด่งเชิดรั้น เขาใช้นิ้วแตะไล้ไปตามผิวอ่อนนุ่มจนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกตัว ชลธีชอบมองเจ้าลูกเป็ดเวลานอนหลับที่สุด

น่ารัก..

ทุกคืนวันศุกร์คงเป็นวันที่เด็กหนุ่มหวาดกลัวเขามากที่สุด หากเขากลับมานอนที่บ้านเมื่อไหร่นั่นหมายความคืนนั้นเด็กหนุ่มจะไม่มีทางได้นอนหัวค่ำแน่.. กลิ่นกายคุ้นเคยกระทบจมูกเมื่อร่างกายขาวผ่องเขยิบเข้ามาแนบชิด เขาอยากจะฝากฝังตัวตนลงไปทุกครั้งเพียงแค่ได้มอง.. มุจลินท์มีอิทธิพลกับเขามากจริงๆ

เขาว่ากันว่าทหารมักจะกลัวเมียคงจะไม่ผิดนัก เพราะเขาทั้งรักทั้งหลงเด็กหนุ่มจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

“ฮื่อ มานอนมองหน้าหนูทำไม? ไปอาบน้ำสิครับ” มุจลินท์ลืมตาตื่นก็พบชายหนุ่มกำลังเท้าแขนมองเขาก็รีบกระเถิบตัวออกห่าง

“อยากนอนมองหน้าหนูทั้งวันเลย”

“ทะลึ่ง!” ทำปากยู่ใส่คนขี้แกล้งที่นอนอยู่เคียงข้าง

“พี่ดีใจนะ ที่เราได้อยู่ด้วยกันในวันนี้” ชลธีเอื้อมตัวเข้าไปกดจูบข้างแก้มคนรัก ดวงตาสีดำสนิทหวานเชื่อมยามมองคนตัวเล็กกว่าในอ้อมกอด “ลินท์คือของขวัญล้ำค่าของพี่จริงๆ”

“หนูก็อยากอยู่กับพี่ทุกวัน” เจ้าลูกเป็ดหน้าร้อนผ่าว แดงก่ำไปยันใบหู ยกมือปิดไม่ยอมให้นายทหารหนุ่มได้เห็น อยากพูดอะไรก็พูดไม่คิดว่าเขาจะเขินบ้างเลย!

“อยู่กับพี่ไปนานๆเลยนะ”

“อื้อ” เด็กหนุ่มที่กำลังปิดหน้าตอบเสียงหวาน ชลธีตวัดผ้านวมให้คลุมตัวเขา รั้งเอวบางให้เข้ามาใกล้ก่อนจะกระหน่ำจูบไปตามรอยช้ำที่เขาฝากไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จูบเลียไล้อ้อยอิ่งไปตามผิวขาวที่ขึ้นรอยช้ำ จนคนถูกทำรู้สึกวาบหวามแทบจะปล่อยตัวไปกับความรู้สึกที่ถูกปรนเปรอ

“แล้วก็ปั๊มน้องให้ไทเกอร์สักสองคน”

“พี่ฉลาม!”

เด็กหนุ่มดิ้นในอ้อมกอดของคนรักแล้วถือโอกาสจูบตอบคนขี้แกล้ง ผลัดกันปลดเปลื้องอารมณ์ภายในใจ ตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับชลธีเขาถูกเติมเต็มด้วยความรัก เติมเต็มด้วยความเอาใจใส่จากผู้ชายคนนี้ด้วยความทะนุถนอมและให้เกียรติเสมอมา ชลธีสอนให้เขารู้จักคำว่าครอบครัว สอนให้เขารู้จักชีวิตที่แท้จริง เขาไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะยังมีแบบทดสอบชีวิตอีกมากมายแค่ไหนที่ต้องพบเจอ แต่เขาเชื่อว่า.. กำลังใจจากที่เรารักคือพลังที่จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ สองมือขาวค่อยๆเลื่อนโอบรอบคอดึงรั้งใบหน้าคมเข้มให้เข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน

“ถ้าปั๊มไม่ได้ก็อย่าหยุดนะ!”


TBC
ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายค่า 
กราบขอบพระคุณแม่ๆทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้..
รักนะคะ
ฝากคู่พี่นารถและน้องปาปังในเรื่องสุขศาลาด้วยค่า <3

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ว๊ายยยจะจบแล้ว :serius2:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
มีลูกให้เยอะๆ เลย ชอบ ๆ  :katai3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด