ขนุนลูกที่ 11
ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่ดูเรียบง่ายสะอาดตา ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบ ไม่ต่างจากครั้งแรกที่ขนุนเคยเข้ามา สิ่งของน้อยชิ้นแต่ทุกอย่างล้วนถูกใช้งานตั้งแต่โคมไฟตัวเล็กตรงโต๊ะข้างเตียงนอน ตลอดจนคลิปหนีบกระดาษและโพสต์อิทหลากสี แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะถูกใช้งานมากที่สุดน่าจะเป็นโต๊ะอ่านหนังสือตรงมุมห้อง ที่อยู่ติดกับบานหน้าต่าง บนโต๊ะส่วนใหญ่จะวางหนังสือซ้อนทับกันไว้หลายเล่ม ตามสันหนังสือสอดโพสต์อิทสีต่างๆ คั่นไว้ในหน้าต่างๆ โพล่ออกมาสลับสีชวนสังเกต
ขนุนแอบใช้โอกาสที่คณินอยู่ให้ห้องน้ำสำรวจห้องอย่างอยากรู้ แอบเปิดลิ้นชักข้างเตียงที่ไม่ได้ล็อกออก อยากรู้ว่าจะมีอะไรซ่อนไว้เหมือนห้องของผู้ชายทั่วๆ ไปหรือเปล่า อย่างตอนไปเที่ยวห้องแจ็กเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ขนุนยังเคยเห็นถุงยางชนิดบางที่แจ็กสอดไว้ใต้หนังสือเลย
“พี่คณินจะมีบ้างไหม.....”แง้มไปก็พึมพำอยู่คนเดียว จนได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกขนุนผละจากลิ้นชักกระโดดขึ้นนั่งบนเตียงทำเหมือนนั่งรอคณินเป็นเด็กดีไม่ซุกไม่ซน
“ตัวพี่คณินหอมจังครับ ใช้อะไรมาเหรอครับ”
คณินชะงักมือที่ขยี้ผมตัวเองมองดูเจ้าของดวงตากลมใสเป็นประกาย แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ จะให้พี่ตัวเหม็นก็แปลกแล้ว กลิ่นเหมือนเรานั่นแหละ ถามแปลกคน”
“นั่นสินะครับ”ขนุนยกแขนตัวเองขึ้นทำทีเป็นดมกลิ่นเพราะก่อนหน้าก็แซงคิวเจ้าของบ้านอาบน้ำก่อนแล้ว
“ว่าแต่ขนุนเถอะหิวรึเปล่า เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินในครัวข้างล่างกัน”
ขนุนนั่งมองคณินที่เดินเปลือยท่อนบนอย่างไม่คิดอะไร ผิวขาวตั้งแต่แผ่นหลังกว้างยันสะโพกเนื้อแน่นจนน่าขย้ำยิ่งมองยิ่งหายใจฮึดฮัดจนแทบทำขนุนกลายร่าง แอบกลืนน้ำลายลงคอไปไม่รู้กี่ลิตรแล้ว เจ้าของห้องเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วคว้าเอาเสื้อยืดเข้ามาสวม ขนุนยังคงมองคณินที่เดินไปมาไม่วางตา เรียกได้ว่าเก็บทุกอิริยาบถของคนตรงหน้าก็ว่าได้
“ว่าแต่ตอนนี้เข่าพี่คณินยังเจ็บอยู่อีกรึเปล่าครับ? ”
“ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้ว”
“แน่ใจนะครับ พี่คณินมีน้ำมันนวดหรือพวกยาทาลดปวดเมื่อยรึเปล่าครับ? ”
“มี ถามทำไมครับ หรือเราเจ็บตรงไหนด้วย”คณินเดินเข้ามาหาขนุนที่ขยับตัวลงจากเตียงแล้วนั่งห้องขา ในจุดที่เคยนั่งครั้งก่อนตอนที่คณินเป่าผมให้
“ผมเป็นคนทับพี่จะเจ็บได้ไง ผมจะนวดให้พี่คณินมากกว่า มือผมอย่างเทพนะครับ ถึงจะไม่ได้เรียนกายภาพและเรื่องบีบๆ นวดๆ ผมก็ถนัด”ขนุนกระโดดมายืนทำมือยุบยับจนน่าสยองซะมากกว่าน่าเชื่อถือ
“พี่ว่า อย่าลำบากเราเลย”คณินคลี่ยิ้มส่ายหน้า เอื้อมมือมาขยี้เจ้าของเส้นผมสีบลอนด์ที่ทำหน้ายู่ ก่อนจะไปยืนซ้อนหลังดันไหล่ขนุนให้ลุกและพากันเดินลงไปข้างล่าง
“ไม่ต้องได้ไงครับ ขนาดตอนเล่นบอลผมจำได้ว่าล้มนิดเดียวไม่ทันจะเจ็บ แต่พอตื่นเช้ามาอย่างปวด ยังไงป้องกันไว้ก่อนดีกว่า เผื่อเจ็บขึ้นมาเดี๋ยวจะส่งผลต่อเรื่องเรียนของพี่คณินผมไม่รู้ด้วยนะ”
“โอเคพี่ยอมละ เอางั้นก็ได้ครับ”จนแล้วจนรอดคณินก็เอ่ยยินยอมจนได้ “แต่หลังจากหาอะไรรองท้องให้เรียบร้อยแล้วเท่านั้นนะครับ พี่หิวจนไส้กิ่วแล้ว”คนตัวโตทำท่างอแงกะพริบตาปริบๆ ใส่ขนุน
เล่นงี้พี่เอามีดมาแทงผมดีกว่า ก่อนที่จะเกิดอาชญากรรมพรากผู้ใหญ่
“ก็ได้ครับ”
“ยิ้มอะไรจนแก้มตึงขนาดนั้น”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
หลังจากลงไปขลุกอยู่ในครัว เมนูยามฝนตกก็คงจะหนีไม่พ้นมาม่า โชคดีที่ในตู้เย็นพอจะมีไข่อยู่บ้าง จึงพอจะทำให้มื้อนี้อิ่มท้องแบบไม่ขาดสารอาหารเกินไป คนที่ลงมือต้มมาม่าเห็นจะเป็นเจ้าของบ้านอย่างคณิน โดยมีขนุนคอยเอาใจช่วยอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าไข่ดาวที่เล่นอยู่ข้างๆ
หลังจากกินเสร็จคนที่อาสาเก็บกวาดคือขนุน ท่าทางคล่องแคล่วในระดับหนึ่งจนดูถูกไม่ได้เลย คณินมองขนุนที่จัดการล้างถ้วยล้างจานให้ก่อนจะไปยืนอยู่ข้างๆ ส่งผ้าสะอาดให้อีกฝ่ายเช็ดมือให้เรียบร้อย
“ขอบคุณครับ”
ขนุนเอ่ยขอบคุณเช็ดมือเลยเนื้อผ้าไปจนถึงมือคนยื่นให้อย่างเนียนๆ คณินแอบยิ้มขำก่อนจะเดินนำไปยังห้องรับแขก กดรีโมตเปิดโทรทัศน์ขึ้นเพื่อให้บ้านทั้งหลังไม่เงียบเกินไป ไข่ดาวที่เดินเตาะแตะตามมากระโดดขึ้นโซฟานั่งเทียบเสมอเจ้าของบ้านอย่างคุ้นเคย ก่อนจะล้มตัวลงนอนเอาหัวเกยคณินเล็กน้อย ขนุนมองไข่ดาวรู้สึกอิจฉาหมาในใจ
“พี่คณินยาอยู่ไหนครับ? ”
“อ้อ เกือบลืม เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมหยิบให้เอง”
“งั้นรบกวนทีนะ มันอยู่ในตู้ไม้ด้านล่างโทรทัศน์ตรงซ้ายมือ”
“โอเคครับ พี่คณินนั่งรอแป๊บนะครับ”
คนที่ถูกสั่งมองขนุนเดินไปเอายาตามตำแหน่งที่บอก ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับยาหลอดบีบที่ใช้นวดบรรเทาอาการปวดเมื่อยในมือ พลิกบรรจุภัณฑ์หน้าหลังขมวดคิ้วหรี่ตาอ่านสรรพคุณตัวเล็กจางอย่างตั้งใจ ก่อนจะนั่งลงกับพื้นด้านล่างตรงหน้าคณินในทันที
“ขนุนนั่งข้างบน”
“ไม่เป็นไรครับตรงนี้สะดวกกว่า ขอขาหน่อยครับ”
“จะทำให้ได้เลยสินะ”คณินส่ายหน้า มองคนรั้นจับขาตัวเองล็อกไว้แล้วถลกขากางเกงขายาวขึ้นเลยเข่าไปเล็กน้อย
“ไหนบอกไม่เจ็บครับ ผมเห็นตรงนี้มันแดงนิดๆ ด้วย”ขนุนก้มลงไปมองตรงเข่าคณินจิ้มเบาๆ ไปตรงที่เป็นรอยแดงขึ้นมา เพราะผิวของคนตรงหน้าค่อนข้างขาวเลยเห็นได้ชัด
“ก็แค่แดง”คณินพิงหลังกอดอกยอมให้ขนุนจัดการทายาแล้วนวดเบาๆ ให้ มองหัวทุยๆ ที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงหน้า แกล้งขยับขาไปมาให้ขนุนเงยหน้าขึ้นมาทำตาดุ
“นิ่งหน่อยสิครับ”
“ครับๆ ”คนถูกดุอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และยังคงใช้เวลามองขนุนที่ตั้งใจนวดให้เบามือ
การนั่งนิ่งๆ และมองคนตัวเล็กกว่าตรงหน้า มันเหมือนการนั่งมองความรู้สึกของตัวเองที่สะท้อนกลับมา ขนุนไม่ต่างจากกระจกที่ส่องสะท้อนอารมณ์ของคณิน น่าแปลกที่เขาแสดงความรู้สุกได้มากมายขนาดนี้เพียงเพราะคนๆ เดียว
เพราะตั้งแต่คณินรู้จักกับขนุน ทุกครั้งที่เจอและได้พูดคุย คงนับครั้งไม่ถ้วนที่คณินสามารถยิ้มและหัวเราะออกมาโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามแค่มองแววตาที่สดใส ซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองทำทุกอย่างด้วยความพยายาม
จนคณินรู้สึกว่า…..เหมือนเจอโอเอซิสกลางทะเลทราย
ช่วยชีวิตไว้ไม่ให้แห้งเฉาเหมือนไม้แล้งน้ำ โอเอซิสที่ทำให้ทุกอย่างดูสดชื่นไปหมด
“ถ้าเจ็บบอกผมนะครับ”
“เก่งพอตัวนะเรา”
“จะให้นวดที่อื่นก็บอกนะครับ พร้อมมาก”
“แต่พี่ไม่พร้อม กลัวเส้นยึด”
“ผมแบกพี่ได้ บอกเลย”
“หึ ตัวเท่าไข่ดาวจะมาแบกพี่ไหวได้ไง”
“ขนาดไม่สำคัญ มดยังแบกของที่หนักกว่าตัวเองหลายเท่าได้เลย นับประสาอะไรกับผมแบกพี่”
“ตกลงจะเป็นมดหรือเป็นขนุน”
“แล้วพี่คณินชอบอย่างไหนครับ มดหรือขนุน ผมจะเป็นอย่างนั้น”คนถามทำสายตากรุ้มกริ่มอย่างมีความหวัง
“พี่ชอบไข่ดาว น่ารักจะตายใช่มั้ยครับ”คณินแสร้งหันไปพูดกับเจ้าไข่ดาวที่ชันตัวลุกขึ้นนั่ง
นั่นปะไร แถเก่งกว่าใครก็คนตัวโตๆ ข้างหน้าขนุนนี่แหละ
“โห่ คนละเรื่องกับที่ถามมั้ยเนี้ย”ขนุนทำหน้างอนปากจมูกแทบจะติดกัน บีบๆ นวดๆ ไปเรื่อยเริ่มสะเปะสะปะ ไข่ดาวที่นั่งเอียงคอซ้ายขวามองขนุนทำเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก่อนเจ้าหมาจอมสงสัยจะกระโดดลงจากโซฟาแล้วมุดใต้แขนขนุนเข้าไปนั่งในตักซะอย่างนั้น
กลายเป็นเราสองและหนึ่งตัวที่มาแทรกกลาง
“ไข่ดาวทำไรเนี้ย”ขนุนโวยพยายามดันเจ้าไข่ดาวออก แต่ก็ไม่ยอมย้ายก้นออกไป คณินเห็นแบบนั้นเลยเก็บอาการขำไม่อยู่ ปกติไข่ดาวไม่ค่อยชอบไปนั่งตักใครหรือมากสุดก็แค่เอาคางหรือวางอุ้งมือสัมผัสก็เท่านั้น แต่กับขนุนดูเหมือนมันจะไม่แคร์เท่าไหร่ แถมยังไว้ใจสงสัยจะคิดว่าเป็นเพื่อนหมาเหมือนกัน
“ไข่ดาวไมทำงั้นฮะเรา มานั่งตรงนี้มา”คณินตบมือลงไปที่โซฟาข้างๆ ตัวเอง แต่เจ้าไข่ดาวก็ยังไม่ขยับ
“อ้อนผิดคนป่ะเนี้ย คนซื้ออาหารให้อยู่ทางโน้น”ขนุนใช้สองมือบีบไปที่แก้มไข่ดาวดึงเนื้อย้วยๆ ตรงแก้มอย่างหมั่นไส้ คณินมองขนุนที่เล่นกับไข่ดาวเหมือนนั่งมองสารคดีสัตว์โลกแสนรัก
“พี่คณิน ผมจะลุกแล้วเอาไข่ดาวออกหน่อย”ขนุนจิ้มนิ้วไปที่ตัวกลมๆ ของเจ้าไข่ดาวที่เล่นทับขาขนุนเสียจริงจัง ยิ่งขนุนขยับเจ้าไข่ดาวก็เหมือนแสนรู้ ดันขยับก้นตามเหมือนจะแกล้ง
“ไข่ดาวไม่กวนพี่เค้า มาตรงนี้”ไข่ดาวหันหน้าหลบ ทำเหมือนไม่ฟังแต่หูกระดิก คณินเลยจนปัญญาเพราะสงสารขนุนที่หน้ามุ่ยอยากจะลุกเต็มทน เลยตัดสินใจก้มตัวลงไปด้านล่างเพื่อจะดึงเจ้าไข่ดาวออก
ทว่าขนุนเองก็ขยับยึกยัก จึงเป็นจังหวะเดียวที่อีกฝ่ายโน้มตัวมาข้างหน้าเช่นกัน หากคณินชะงักหรือหยุดไม่ทันอีกหัวคงได้ชนโป๊กกับขนุนแน่ๆ แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่กว่าคือการหยุด และหยุดโดยที่ใบหน้าของทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกันเพียงฝ่ามือลอด แถมปลายจมูกก็ดันชนกันไปเล็กน้อย
ขนุนหลับตาปี๋เป็นปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ พอลืมตาโพล่งออกมาใบหน้าของคณินก็อยู่ซะใกล้ จนคนตัวเล็กกว่าใจเต้นโครมครามขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คณินผละออกไปแล้วส่งมือมาจิ้มแก้มกลมๆ ที่แดงเป็นลูกมะเขือเทศของขนุนเบาๆ คล้ายสะกิด ซึ่งตอนนั้นเจ้าไข่ดาวดันลุกออกไปตั้งแต่คณินเตรียมจะดึงตัวเจ้าหมาแสบออกไปแล้ว
“เมื่อกี้เจ็บรึเปล่า”
“เอ๊ะ? เอ่อไม่ครับ”ขนุนจับจมูกตัวเองเบาๆ เหมือนสติเพิ่งเข้าร่าง
“แน่ใจนะ แต่ดูแดงนิดหน่อย”
“เหรอครับ แหะๆ ”คนหัวเราะแห้งๆ เหลือบตามองไปทั่ว จนไปสะดุดกับเวลาที่อยู่บนหน้าปัดนาฬิกาเรือนใหญ่ตรงผนังบ้าน “เอ่อ.....ดูเหมือนว่าได้เวลาที่ผมต้องกลับแล้ว ดึกแล้วพี่คณินจะได้มีเวลาส่วนตัว อยู่จนลืมเวลาไปเลยแฮะ”
“นี่มันก็ 3 ทุ่มกว่าๆ แล้ว ฝนก็เพิ่งจะหยุดตกหากพรุ่งนี้ไม่รีบคืนนี้นอนที่นี่ก่อนไหม พี่ว่ามันดึกแล้วจะออกไปเดี๋ยวอันตราย”
จริงๆ ขนุนอยากจะบอกความจริงออกไปว่า ปกติตี 2 ก็ไม่หวั่น เวลาเที่ยวกลับตี 3 ก็เคยมาแล้ว แต่จะพูดแบบนั้นก็ดูจะประจานตัวเองไปหน่อย แถมอีฝ่ายยังเป็นคนเอ่ยปากชวนอีก มีหรือขนุนจะไม่ดีใจจนตาพร่า
“ผมเกรงใจพี่จังเลยครับ”
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าค่อยออกไปพร้อมพี่ก็ได้ พี่มีเรียนเช้า”
“เอ่อคือ.....”
ไม่ได้จะปฏิเสธหรอกครับ ผมแค่เล่นตัวตื๊อผมอีกนิดเถอะพี่
“ถ้าคิดว่าไม่สะดวกงั้นพี่ขับรถไปส่ง.....”
“นอนครับ! ห้องพี่คณินใช่มั้ย ผมขึ้นไปรอนะ”
เกือบกลับห้องไปนอนปากแห้งอยู่คนเดียวแล้วไหมล่ะไอ้ขนุน!
คณินหัวเราะคนตัวเล็กกว่าที่ผุดลุกขึ้นแล้วรีบร้อนขึ้นไปข้างบนโดยไม่รีรอ แถมยังระบุเจตจำนงที่ชัดเจนออกมาว่าไม่ขอนอนที่อื่นต้องที่ห้องของคณินเท่านั้น เจ้าของบ้านเพียงมองแผ่นหลังเล็กที่เดินออกไปด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมกับลุกขึ้นกดปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมทแล้วเดินตามไปบอกให้ไข่ดาวนอนเฝ้าอยู่ด้านล่าง และย้ำเรื่องสำคัญ
“วันนี้มีแขก ห้ามเห่าก่อกวน เดี๋ยวขนุนจะนอนไม่หลับเข้าใจมั้ย? ”คณินหันไปเตือนไข่ดาว ที่ปกติเวลามีใครมาบ้านเจ้าตัวแสบจะต้องเห่าขึ้นมากลางดึกกลางดื่นพร่ำเพรื่อทุกที ขนาดโจมกับอนาวินที่เคยมาค้างติวหนังสือเตรียมสอบก็ยังเคยโดนก่อกวน
“โฮ่ง! ”เสียงเห่าตอบรับที่เบาลงเหมือนจะรับรู้ก่อนจะวิ่งเตาะแตะกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟา และปล่อยที่นอนสำหรับหมาให้ว่างลงไม่คิดจะไปเหยียบซะด้วยซ้ำ
ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีคณินขึ้นห้องตามขนุนมา ก็เห็นอีกฝ่ายยืนทำท่าเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างเตียง ทันทีที่ได้ยินเสียงคณินเปิดประตูเข้ามาขนุนก็เอี้ยวตัวหันไปมองอีกฝ่ายแล้วถามออกไป
“เอ่อ ปกติพี่คณินถนัดนอนด้านไหนของเตียงครับ ซ้ายหรือขวา หรือว่านอนตรงกลาง? ”เจ้าของตากลมใสหันมาถาม คณินถึงได้รู้สาเหตุว่าทำไมขนุนถึงยังยืนอยู่แทนที่จะกระโดดขึ้นเตียงไปนอน
“ขนุนอยากนอนตรงไหนเป็นพิเศษพี่ให้เลือกเลยตามสบาย”ได้ยินแบบนั้นขนุนถึงกับเม้มปากเก็บรอยยิ้มที่เกือบขยายกว้างเต็มหน้าเอาไว้
“ก็.....ผมอยากจะนอนข้างๆ พี่นั่นแหละครับ”ขนุนพูดออกมา แม้จะเสียงเบาๆ เหมือนชั่งใจอีกฝ่าย แต่เพราะห้องมันเงียบคณินเลยได้ยินหมดทุกคำพูด
“แล้วใครบอกว่าพี่จะไม่ให้ขนุนนอนบนเตียง”
นั่นปะไร! ขนุนถึงกับถอนหายใจเพราะหยอดมุกใส่คณินไม่สำเร็จ
โถ่! หรือต้องให้พูดว่าอยากไปนอนกลิ้งอยู่ในใจพี่นั่นแหละ! แบบนั้นจะดีกว่าไหม! เมื่อไหร่จะมองว่าผมประสงค์ร้ายซะที
อยากเป็นโจรให้รู้แล้วรู้รอด คืนนี้จะได้ปล้นทั้งตัวทั้งใจคนซะเลยทีเดียว หึ!
คณินแอบเหลือบมองขนุนที่คลานขึ้นเตียงไปนอนฝั่งซ้ายแล้วมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มหน้าจ๋อยๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาซะอย่างนั้น เก็บกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้และกลบเกลื่อนท่าทีด้วยการเดินไปปิดไฟกลางห้อง และคว้าไอแพดที่วางอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆ นั่งลงขอบเตียงแล้วสอดขาและลำตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน โดยมีสายตาของขนุนคอยมองไม่วางตาในความสลัว
ไม่ใช่ไม่รู้สึกตัว แต่แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น สายตาอย่างกับลูกหมาของคนข้างๆ มันรบกวนจิตใจของคณินซะขนาดนั้น
“พี่ขออ่านชีทแป็บนึง ขนุนนอนก่อนได้เลยนะ แต่พี่ขอเปิดโคมไฟข้างเตียงดวงนึง เรานอนได้ใช่มั้ยครับ? ”
“ครับ พี่คณินก็อย่านอนดึกนะ ผมเป็นห่วง”
ครู่นึงที่เกิดความเงียบ เสี้ยวหน้าของคณินหันไปสบตากับขนุนแล้วระบายยิ้มเล็กๆ นัยน์ตาอ่อนโยน
“อื้ม ฝันดีครับ”คณินเอื้อมมือที่ลังเลว่าควรจะยื่นออกไปไหม แต่เพราะความคุ้นชินหรืออะไรบางอย่างทำให้คณินยื่นมือของตัวเองออกไปวางลงบนหัวของขนุนแล้วแทรกปลายนิ้วเข้าสัมผัสกลุ่มผมนุ่มคล้ายกับเสพติดความนิ่มละเอียดของเส้นผมที่สว่างดูอบอุ่นของขนุนซะแล้ว
“ฝันดีครับพี่คณิน”
เสียงงัวเงียดังขึ้นเบาๆ หลังจากที่เงียบไป เป็นประโยคสุดท้ายที่คณินได้ยินในคำคืนนี้
ขนุนขยับตัวเล็กน้อยใต้ผ้าห่ม เหมือนพยายามกล่อมตัวเองให้หลับหาท่าที่นอนสบายที่สุด ก่อนจะเอียงตัวทับแก้มกลมๆ จนจมไปกับหมอน ไม่ถึง 10 นาทีขนุนก็นิ่งไปและมีเสียงหายใจเบาๆ สม่ำเสมอดังขึ้น
คนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอที่สว่างหันหน้าไปมองเจ้าของใบหน้าที่หลับพริ้มสบายสุดๆ เพราะการจ้องมองที่เนิ่นนาน คณินไม่เคยสังเกตเลยว่าขนุนจะมีขนตาที่เรียงยาวได้หนาขนาดนั้น อีกทั้งปลายจมูกที่เจ้าตัวมักจะชอบขยี้บ่อยๆ กลับโด่งรั้นรับกับเรียวปากได้อย่างน่าชวนมอง
แบบนี้เขาเรียกว่าหน้าตาจิ้มลิ้มหรือเปล่า
ใบหน้าที่มีความสุขของขนุนยามหลับ ชวนมองเสียจนคนที่ยังไม่หลับยอมตัดใจวางไอแพดในมือแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ ค้ำศีรษะลงกับฝ่ามือเอียงตัวนอนมองคนที่หลับลึกอยู่ข้างๆ ราวกับที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง บางคนผิดที่ผิดทางก็จะนอนไม่หลับ แต่สำหรับขนุนดูเหมือนจะเป็นกรณียกเว้นหรือเปล่า หลับลึกหลับเป็นตายซะขนาดนั้น
“ไปนอนบ้านคนอื่นง่ายๆ แบบนี้บ่อยรึเปล่าฮะเรา ไม่ระวังตัวเอาซะเลย”เสียงพูดแผ่ว ถามออกไปพร้อมกับแตะนิ้วเรียวไปที่ปลายจมูกรั้น แต่เพราะเจ้าของเสียงกรนเบาๆ อย่างขนุนหลับไปแล้ว เลยไม่ได้ลุกขึ้นมาตอบ
การหลับที่ดูจริงจังแบบนั้น ขนุนถึงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกคนที่ชอบมองใกล้ขนาดไหน แถมยังมีลำแขนเอื้อมไปพาดวางเบาๆ ไปบนผ้าห่มเหนือตัวขนุน เคาะปลายนิ้วเป็นจังหวะเบาๆ จ้องมองไปที่คนตรงหน้าและครุ่นคิดบางอย่างไปด้วย
มอM
“ว่าไงขนุน เป็นไงบ้างช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตา หายหัวและตัวตลอดเลยว่ะ”คนที่เดินมาจากทางด้านหลังส่งเสียงโวยวายจนเด็กปี 1 ที่นั่งอยู่ใต้ถุนคณะหันมามอง กลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4 คนกับขนุนที่ไม่เข้าพวกกำลังจับกลุ่มคุยกันระหว่างทาง
“เราก็มาเรียนปกติ ไม่ได้โดดสักวิชา”ขนุนปัดมือใหญ่ที่ยื่นมาแกล้งทำให้ผมขนุนเสียทรง โชคดีที่ที่ผมขนุนมันจัดทรงง่าย
“ก็กูเห็นเย็นปุ๊บเดี๋ยวหาย สารภาพเดี๋ยวนี้ไปไหนคนเดียวบ่อยๆ ห๊ะ”ช้างยังคงคาดคั้น
“มึงยังต้องถามอีกเหรอวะ ก็เห็นความกระดี๊กระด๊าของมันอยู่”นิวส่ายหน้าอยากจะดีดมะเหงกใส่ขนุนสักโป๊ะตรงหน้าผาก เพราะเมื่อวานสายรายงานมาว่าขนุนไม่กลับห้อง
“อ้อ พวกกูลืมไปว่าขนุนกำลังมีความรัก”แจ็กพยักหน้านึกขึ้นมาได้ แล้วหันไปเหลือบตามองคนต่ำเตี้ยที่สุดในกลุ่มอย่างหมั่นไส้นิดๆ
“เออเกือบลืม กูมีเรื่องจะถามพวกมึงสองคน”ต้าที่หยุดเดินกะทันหันขณะที่ตัวเองเดินนำหน้า แล้วหันไปหาแจ็กกับช้างที่เดินกอดคอกันอยู่ข้างหลังก่อนจะกวักมือเรียกแล้วเบาเสียงลงขณะพูด
“เรื่อง? ”
“เมื่อวานพี่ไม้เอกชวนพวกมึงไปร้านเหล้าด้วยรึเปล่าวะ”
“อ้อชวน แต่ไม่ได้มีแค่พวกกูนะก็มีคนอื่นไปด้วย แต่ไม่ได้อยู่กันดึกมากหรอก 5 ทุ่มก็แยกย้ายกันกลับแล้ว”ช้างไหวไหล่
“มึงถามเรื่องนี้ทำไม? ”แจ็กขมวดคิ้วเอามือล้วงกระเป๋า
“ก็แค่อยากยืนยัน พอดีพี่ไม้มาชวนไอ้ขนุนไปกินข้าวไปกินเหล้านั้นและ แต่มันชิ่งหนีได้ซะก่อน”ต้าอธิบายความช้างกับแจ็กเลยเข้าใจ
“ถึงว่าทำไมบรรยากาศงานกร่อยๆ แม่งตัวหลักไม่มานี่เอง”
“เกี่ยวอะไรกับเราด้วย”ขนุนหลบตาไม่รู้ไม่เห็น
“เลิกพูดถึงคนที่ไม่อยากจะเจอได้แล้ว เดี๋ยวแม่งก็มาหรอก”นิวเข้าไปทลายวงเล่า ก่อนจะลากขนุนให้เดินตามไปด้วย
“มึงกลัวอ่ะดิ กลัวโดนล้ออีกรึไง”แจ็กแซวคนที่เดินก้าวฉับๆ ไม่สนคำพูด
“ไม่ได้กลัวเว้ย! ”
“เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นแบบนี้กูเข้าใจว่ะว่ามันเจ็บ นิว 1 นิ้ว”คนปลอบวางมือลงบนไหล่เจ้าของฉายาเป็นเชิงหยอกล้อ
“ไอ้ช้าง! ปากเสียเดี๋ยวกูถีบหน้าแม่ง! ”คนอื่นพากันหัวเราะกับความร้อนตัวของนิว
แต่ใครจะไปรู้ว่าวงแตกที่แท้จริงคือหลังจากนี้มากกว่า เพราะระหว่างที่ต่างคนต่างกำลังฮาครืนมองดูความวุ่นวายของสองชายฉกรรจ์ที่ไล่เตะไล่กวดกันอยู่นั้นคนที่เดินเลี้ยวมาตรงหัวมุมตึกดันเป็นหัวข้อสนทนาที่เพิ่งพูดถึงไปหยกๆ นี่เอง
“มึงไม่โดนล้ออย่างกูบ้างมึงไม่รู้หรอก! ”
“โถ่อย่าหัวร้อนดิ”
“มานี่เลย ถ้าจะให้กูสงบใจได้มาให้เพ่นกะโหลกหนาๆ ของมึงสักสองที”นิวกระดิกนิ้ว แต่คนอื่นขยิบตา เป็นนิวคนเดียวที่ไม่เห็นว่าใครเดินมาข้างหลัง กระทั่งคนหัวร้อน 2019 ง้างแขนข่มขู่ช้าง แต่จังหวะโคตรดีที่สันแขนเกือบฟาดหน้าคนที่เดินมาข้างหลัง
หมับ!
แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายป้องกันตัวเองได้โดยการรับด้วยฝ่ามือจนนิวหันขวับไปหาด้วยปฏิกิริยาเหมือนไฟลนตูดในทันที
“เหี้ย! พี่ไม้เอก”
“โตแล้วนะครับ เล่นเป็นเด็ก”เสียงเหมือนสุภาพ แต่ใครฟังก็รู้ว่ากำลังดุชัดๆ คนถูกดุถึงกลับดึงมือตัวเองกลับ และกำลังจะอ้าปากพ่นหมาออกมาล้านตัว
“ก็พี่มึงแม่งเดินไม่......!”แต่โชคดีที่แจ็กไหวตัวทันเข้าไปอุดปากแล้วลากนิวออกมาก่อน ไม่งั้นไม่รอดเงื้อมมือพี่ไม้เอกก็คราวนี้ เผลอๆ อาจสะเทือนไปถึงเฮดว๊ากและเฮดสันทนาการที่ยืนหัวโด่ตรงนี้ทั้งแจ็กและช้าง
“อย่าไปสนใจนิวเลยครับ พี่ไม้มีอะไรกับพวกผมรึเปล่า? ”ขนุนออกหน้าถามไถ่ เพราะไม้เอกไม่ได้เดินมาคนเดียวแต่มีรุ่นพี่ที่สนิทเดินมาด้วยอีกสองคน
“ลืมแล้วรึยังว่าสัญญาอะไรกับพี่ไว้ วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้แล้วนะ”
“สัญญา....”ขนุนขมวดคิ้วผูกเป็นปมรำลึกความหลัง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาเมื่อนึกได้ “อ้อ! เรื่องไปกินข้าวใช่มั้ยครับ? ”
“ใช่ครับ”ไม้เอกยิ้มพอใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ลืม สองมือที่ยืนล้วงกระเป๋าก็ดูเป็นท่ายืนธรรมดาอยู่หรอก แต่ก็เท่ไม่หยอกเพราะพวกสาวๆ ใต้ถุนคณะก็มองกันแบบจริงจัง เหมือนมีการรวมกลุ่มคนหน้าตาดีมาสุมหัวกันตรงนี้อย่างมิได้นัดหมาย อาจจะมีของแปลกอย่างช่างโผล่มาหนึ่งคน ถือว่าเป็นที่นิยมของคนสายหมียักษ์
“กะก็ได้ครับ แต่ผมพาเพื่อนไปด้วยนะครับ พอดีช่วงนี้ผมติดเพื่อนมาก”ขนุนถอยหลังไปสองก้าวเข้าไปคล้องแขนคนที่อยู่ใกล้สุดยิ้มจนตาหยี่ ผู้ที่ติดบ่วงไปด้วยเป็นนิวกับแจ็ก จนคนหัวร้อนอย่างนิวถึงกับสบถเสียงลอดไรฟันออกมาด่า
“แน่ใจว่ามึงติดเพื่อน ไม่ใช่ติดสัด! เอากูไปเอี่ยวทำไมไอ้ขนุน! ”
“เอาเหอะนา ไปเป็นเพื่อนเราหน่อย”ขนุนยิ้มสู้พูดเสียงแผ่วพยักหน้าให้ไม้เอกที่มองตัวเองตาเชื่อม แต่กลับมองตาแข็งๆ ใส่นิวที่ทำตัวไม่น่ารักเท่าไหร่นักกับพี่ไม้เอก
“ก็ดีนะ ไปกันหมดนี่สนุกดี เจอกัน 1 ทุ่มที่ร้านป๋าชุบใกล้ๆ ที่ขนุนชอบไปก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปเรียนก่อนไว้เจอกันที่ร้านครับ อ้อ.....ถ้าเพื่อนน้องไม่อยากมาก็ไม่ต้องบังคับก็ได้ นอนอยู่บ้านดูการ์ตูนคงจะอินกว่า”
ทุกคนอ้าปากเหวอกับประโยคทิ้งท้ายของพี่ไม้เอกสุดๆ พูดถึงใครก็คงไม่ต้องถาม เรื่องกินข้าวนั้น แน่นอนว่ามันคือยอดข้าวหมักที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์
“ไอ้ขนุนกูไปด้วย ไปที่แบบนั้นจะขาดกูได้ไง! กูพร้อมเป็นหมากันไม้ว่ะ”อยู่ดีๆ นิวก็จงใจพูดกับขนุนเสียงดังให้ใครบางคนได้ยิน
“หมากันไม้? ”ต้าทวนประโยคที่นิวพูดขึ้นเหมือนมีอะไรผิดไป
“อ้อ! กูพูดผิด ไม้กันหมาน่ะ ก็มึงชอบเมาเรื้อนเดี๋ยวมีพวกไม่หวังดีมาวอแวทำเรื่องปวดหัว กูจะเอาหน้าที่ไหนไปบอกแม่มึง”
“พี่ว่าก็ไม่จำเป็นนะ พี่ดูแลขนุนได้ ขนุนเป็นรุ่นน้องที่น่ารัก ไม่เหมือนน้องบางคน”ไม้เอกทำเหมือนไม่แคร์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายอคติต่อตัวเอง หรือง่ายๆ ว่าไม่ชอบขี้หน้าแต่ก็ไม่อยากถือสาเพราะแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่นิวคนเดียวที่คิดแบบนั้น แค่คนคนนี้กล้าแสดงออกโต้งๆ ก็เท่านั้นถึงมองออกง่าย
ไม้เอกยิ้มบางให้ขนุนเลิกสนใจคนหัวร้อน แล้วเอื้อมมือมาแตะไหล่ขนุนเอ่ยลาอีกครั้ง “งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“อ่า.....โอเคครับ”ขนุนโบกมือหย็อยๆ ให้กับไม้เอกที่เดินจากไปพร้อมกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน
“หยุดยิ้มได้แล้ว จะยิ้มให้เค้าทำไมนักหนาเดี๋ยวกูต่อยปากเลย”
“นิวพาลอ่ะ เมื่อกี้ยังดูปกป้องเราอยู่เลย”ขนุนเอี้ยวตัวไปหลบหลังช้างหรี่ตามอง เมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดเป็นประกายในดวงตาของนิว
“โธ่เพื่อนใจเย็นดิวะ ถ้ามึงไม่อยากให้เค้ามาวอแวขนุนคืนนี้ก็จัดการมอมเหล้าพี่มันแล้วสมอ้างยัดเยียดความเป็นผัวให้ แล้วใช้โอกาสนี้ดึงพี่มันออกจากวงโคจรของขนุนไง”ช้างเสนอไอเดียละครหลังข่าว
“โคตร!”
“โคตรเจ๋งใช่มะ!”
“โคตรเหี้ย! ”เสียงหัวเราะดังครืนขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่สนสายตากับคำตอบของนิว คนที่พูดหยอกก็ช่างไม่กลัวตายเสียเหลือเกิน โชคดีที่นิวก็แค่ส่ายหน้าเอือมๆ เพราะรู้สันดานกันดีเลยไม่อยากถือสาให้มาก แต่กลับต้องมากลุ้มเรื่องที่พลั้งปากพล่อยออกไป จะเรื่องอะไรหากไม่ใช่ประกาศตนไปว่าจะไปเป็นหมากันไม้ให้ขนุนนี่สิ
สัดเอ๊ย! ทำไมกูต้องพูดอะไรแบบนั้นไปด้วยวะ!
คนที่หน้าหดเหลือสองนิ้วขมวดคิ้วคิดหนักจนเป็นโบ ยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองแก้เครียด แถมยังพรูลมหายใจฟึดฟัดออกมาซะหลายรอบ
“นิว”ขนุนถือโอกาสที่ทุกคนกำลังเดินสะกิดคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“อะไร? ”
“แม่เราบอกว่า เกลียดอะไร ได้อย่างนั้นนะ”แล้วขนุนก็ทิ้งรอยยิ้มกว้างเป็นนายสยามไว้ให้นิวก่อนจะไปรวมกลุ่มกับแก๊งข้างหน้า ปล่อยให้นิวอ้าปากพะงาบๆ จะด่าแต่คิดคำพูดไม่ทัน
“ไอ้! ไอ้ขนุน! ”
!!!
ติดตามตอนต่อไป >>>