►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►☼☼มนต์รักริมทุ่ง☼☼◄◄ บทที่ 22 ตอนจบ (Up 2/2/62) : P8  (อ่าน 39856 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เพิ่งได้มาติดตามค่ะ อ่านรวดเดียวเลย
เอ็นดูน้องทองกวาวมาก 55555
หวังว่าคล้าวกะสรัญจะไม่เป็นอะไร
รอตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องคล้าวอย่าพยามไปปกป้องอ้ายแสนแกเลย แค่ยอมเป็นของอ้ายแสนอย่างเต็มใจก็พอ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ที่แท้คล้าวก็เคยเห็นวิญญานของพี่แสนมาก่อนนี่เอง
ว่าแต่ คนเขียนเอาจูดี้ไปไว้ที่ไหน บทไม่มีเลย เขายิงกันเปรี้ยงๆ ปร้างๆ
อย่างน้อย น่าจะให้บทจูดีกรี๊ดดดดสักหน่อยก็ยังดี
ไม่มีอะไรอยากบอกแค่นี้แหละ
 :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ทองกวาวเป็นห่วงพี่คล้าวจนไม่ยอมไปไหน ตอนนี้ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ด้วยดีแล้ว ไปดีนะทองกวาว

ว่าแต่ยัยแม่ของสรัญกะหัวหน้าโจรถูกยิงตายไปหรือยังน่ะ

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 21


แสนเสน่ห์

   ผมนั่งเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งๆ ที่เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่รู้สึกว่าการรอคอยมันยาวนานและทรมานเหลือเกิน จนเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เดินออกมาจากห้องผมก็รีบลุกเข้าไปถาม

   “ขอโทษครับ อาการคุณคิมหันต์เป็นยังไงบ้างครับ”

   “ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วค่ะ โชคดีที่กระสุนไม่โดนอวัยวะสำคัญ คุณหมอให้ย้ายไปสังเกตอาการที่ ICU ก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็จะย้ายไปพักที่หอผู้ป่วยค่ะ”

   “แล้วคุณสรัญล่ะครับ”

   “ปลอดภัยเหมือนกันค่ะ ญาติไปรอที่หน้าห้อง ICU ได้เลยค่ะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะออกมาคุยเรื่องเอกสารอีกที ขอตัวก่อนนะคะ”

   “ขอบคุณมากครับ” พอได้ยินว่าทั้งสองคนปลอดภัยแล้วผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

   ผมไปรอหน้าห้อง ICU ที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องผ่าตัดตามที่เจ้าหน้าที่บอก ส่วนเฮียแผนพอรู้ว่าทั้งคู่ปลอดภัยก็ไปจัดการเรื่องคดีกับตำรวจต่อปล่อยให้ธงรบกับไม้อยู่เป็นเพื่อนผม

   ระหว่างที่รอคล้าวกับพี่สรัญออกจาก ICU ผมก็จัดการเรื่องเอกสารและจัดการให้ทั้งคู่พักฟื้นที่ห้องพิเศษคนละห้องโดยไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะทางตำรวจส่งคนมาดูแลความปลอดภัยให้แล้ว

   หลังจากนั้นธงรบก็ลากผมกลับบ้าน เพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะตอนนี้หมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม พอจะดื้ออยู่ต่อ ธงรบก็ไม่ยอมมันบ่นจนผมต้องยอมกลับแต่โดยดี พออาบน้ำเสร็จมันก็บังคับให้ผมกินข้าวต่อ จนผมยอมกินไปบ้างนั่นแหละ มันถึงได้ยอมพากลับมาที่โรงพยาบาลได้

เมื่อมาถึงพยาบาลก็แจ้งว่าย้ายคล้าวไปที่ห้องพิเศษแล้ว แต่พี่สรัญยังต้องอยู่ดูอาการในห้อง ICU ต่อ เพราะอาการยังไม่ค่อยStable เท่าไหร่

ผมเดินเข้าไปในห้องพิเศษตามที่พยาบาลพาไปเมื่อไปถึงก็ไปยืนมองคล้าวที่ยังหลับอยู่เงียบๆ ข้างเตียง พร้อมกับธงรบและไม้

คุณหมอบอกว่าคล้าวรู้สึกตัวมาแล้วรอบหนึ่ง ก่อนจะหลับต่อเพราะร่างกายยังอ่อนเพลียจากการเสียเลือดโชคดีที่กระสุนไม่โดนอวัยวะภายใน อาการของคล้าวก็เลยไม่หนักเท่าพี่สรัญที่ตอนนี้หมอยังต้องให้อยู่สังเกตอาการใน ICU ต่อ

ผมยื่นมือไปปัดเส้นผมที่ระหน้าออกให้เบาๆ และยืนมองต่อเงียบๆ เพราะกลัวจะรบกวนการพักผ่อนของคล้าว

“นั่งก่อนครับพี่แสน” ไม้ยกเก้าอี้มาให้ผมนั่ง

“ขอบคุณครับไม้”ไม้ยิ้มเขินๆ เมื่อเห็นผมยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้นั่ง ธงรบมันก็ขัดขึ้นมาซะก่อน

“กูว่ามึงพักสักนิดก็ดีนะแสน คุณหมอก็บอกแล้วว่าอีกนานกว่าคล้าวจะตื่น มึงเองก็ดูเพลียๆ เหมือนกัน พักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะน็อคเอา” ธงรบบอกผมด้วยสีหน้ากังวล

“แต่...”

“ถ้าไม่อยากกลับไปพักบ้าน ก็พักที่นี่ก็ได้ ไปนอนพักที่เตียงญาติก่อนไป” ธงรบมันบอกพร้อมกับดึงแขนผมให้ลุกด้วย ผมหันไปมองหน้าคล้าว เมื่อเห็นว่าคล้าวยังหลับอยู่ก็ยอมเดินตามแรงลากของมันแต่โดยดี เพราะไม่อยากให้มันเป็นห่วงไปมากกว่านี้

ธงรบดันให้ผมนอนลง ก่อนจะห่มผ้าให้อย่างเรียบร้อย แล้วลากเก้าอี้มานั่งเฝ้าเหมือนกลัวผมจะหนี

“ไม่ต้องเฝ้าหรอกน่า กูไม่ไปไหนหรอก”

“มึงมันดื้อไง กูเลยต้องเฝ้า เฮียไม่อยู่กูต้องทำหน้าที่แทนเฮียมึงนอนไปเลย อย่าดื้อ รึต้องไห้กูกล่อมก่อน” ผมกลอกตา เมื่อมันบ่นไม่หยุด แต่ก็ยอมหลับตาลงแต่โดยดี เพราะกลัวมันจะร้องเพลงกล่อมจริงๆ ถ้าให้มันร้องเพลงให้ฟังล่ะก็...ฟังเสียงควายออกลูกหรือเสียงหมาหอนยังจะเพราะกว่าอีก

ตอนแรกก็เหมือนว่าจะไม่ง่วง แต่พอหลับตาลงสักพัก ได้แอร์เย็นๆ กำลังดี ก็ทำให้ผมค่อยๆ เข้าสู่นิทรารมย์

*********************************************************

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูกเมื่อรู้สึกตัวเต็มที่แล้วผมก็ลุกขึ้นมานั่งนึกถึงความฝันก่อนที่จะตื่นขึ้นมา

ผมฝันว่าทองกวาวมาหา ถึงจะฟังภาษาควายไม่ออก แต่จิตใต้สำนึกกลับรู้ว่าทองกวาวมาเพื่อลา อาจจะเป็นเพราะเราเคยอยู่ในร่างเดียวกันมาก่อนก็ได้

ถึงจะรู้สึกใจหาย แต่ผมก็อยากให้ทองกวาวไปสู่ภพภูมิที่ดีมากกว่า เลยบอกทองกวาวว่าไม่ต้องเป็นห่วงคล้าว เพราะผมจะดูแลให้เอง ต่อให้คล้าวจะไม่รักผม ผมก็สัญญาว่าจะดูแลคล้าวให้เป็นอย่างดีไปชั่วชีวิต ถ้าตาไม่ฝาด ผมว่าผมเห็นทองกวาวยิ้มให้ผม ก่อนที่ร่างของทองกวาวจะหายไปแล้วผมก็ตื่นขึ้นมา

ไม่รู้ว่ามันเป็นความฝันหรือว่าทองกวาวมาหาผมจริงๆ แต่ผมก็หลับตาลงแล้วภาวนาขอให้บุญกุศลที่ผมเคยทำมาช่วยส่งให้ทองกวาวได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีขึ้นด้วยเถิด

เมื่อลืมตาขึ้นแล้ว ผมก็มองไปรอบห้อง เห็นแค่ไม้ที่นอนหลับอยู่บนโซฟา แต่ไม่เห็นธงรบ ไม่รู้ว่ามันไปไหน ผมลุกขึ้นเดินไปดูคล้าวก็เห็นว่าคล้าวยังคงหลับอยู่

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะทองกวาว ต่อไปนี้พี่จะดูแลคล้าวให้เอง” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ที่ไม้เอามาวางไว้ให้ก่อนหน้านี้  เพื่อนั่งมองหน้าคล้าวต่อ

ระหว่างทางที่กลับบ้านไปอาบน้ำ ธงรบกับไม้ก็เล่าสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่ต้องหลบหน้าผมไปให้ฟังหมดแล้ว ฟังแล้วก็ได้แต่โมโหน้องกินหญ้านั่น

ถ้ารู้แต่แรกว่าคล้าวถูกบังคับละก็ ผมคงจัดการน้องกินหญ้าไปเรียบร้อยแล้ว คงไม่ปล่อยให้คล้าวต้องถูกบังคับแบบนั้นหรอก

แต่ก่อนหน้านี้ที่ผมไม่รีบร้อนตามเรื่องก็เพราะผมกลัว... กลัวว่าที่คล้าวถอยห่างไปแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะคล้าวเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้คิดอะไรกับผมไปมากกว่าพี่หรือผู้ให้ทุนกลัวว่าคล้าวอาจจะรู้สึกคิดผิดที่ก่อนหน้านี้เปิดโอกาสให้ผมได้ใกล้ชิด

สมองคิดแต่เรื่องในแง่ลบจนกลัวไปหมดจึงได้แต่ประวิงเวลาให้ตัวเองได้เก็บความทรงจำดีๆ ไว้ให้นานอีกสักนิด เมื่อทำใจได้เมื่อไหร่แล้วค่อยเผชิญหน้ากับความจริงเอง

เมื่อรู้ว่าคล้าวไม่ได้คิดจะหลบหน้าจริงๆ และพยายามที่จะกลับมาหาผมทุกวิถีทาง ก็รู้สึกว่าหัวใจมันทั้งโล่งและอิ่มเอมเป็นที่สุด ยิ่งคล้าวพยายามปกป้องผมก็ยิ่งเต็มตื้น เหมือนหัวใจได้รับการเยียวยาขึ้นมาทันที

ผมเอื้อมมือไปจับมือคล้าวมาแนบใบหน้าแล้วหลับตาลง ซึมซับความอบอุ่นให้มั่นใจว่าตอนนี้คล้าวอยู่ตรงนี้แล้ว ก่อนที่ผมจะรีบลืมตาขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่ามือที่แนบใบหน้าอยู่นั้นมีการเคลื่อนไหว พอหันไปมองหน้าคล้าวก็เห็นว่าคล้าวลืมตาและมองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนโยน

“พี่แสน” คล้าวเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแหบๆ ผมจึงลุกขึ้นปรับเตียงให้หัวสูงขึ้นก่อนจะรินน้ำให้คล้าวจิบ เพราะหมอบอกไว้ว่าถ้าคล้าวฟื้นแล้วก็ให้จิบน้ำได้

“พี่แสน...ปลอดภัยใช่ไหมครับ” หลังจากจิบน้ำแล้ว คล้าวก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ยังแหบน้อยๆพร้อมกับกวาดสายตามองผมด้วยแววตาห่วงใย

“พี่ปลอดภัยดีครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยปกป้องพี่ไว้” ผมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ผมเต็มใจครับ... ขอแค่พี่ปลอดภัย ต่อให้แลกด้วยชีวิตผมก็ยอม”คล้าวพูดช้าๆ พูดจบก็นิ่วหน้า เหมือนจะรู้สึกปวดแผลขึ้นมา

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ พักผ่อนก่อนดีกว่า”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไหว” คล้าวจับมือของผมที่กำลังจะกดปุ่มปรับเตียงไว้ ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา แต่หนักแน่นจริงจัง ทำให้ผมต้องโน้มตัวลงไปฟังใกล้ๆ

“ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้พี่แสนเสียใจ”

“ไม้เล่าให้พี่ฟังแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันไม่ใช่ความผิดของคล้าวเลย ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ”

“แต่ผม...ทำอะไรไม่ได้เลย จะหนี ก็ยังหนีไม่ได้ แค่กๆ”ผมรีบหยิบน้ำให้คล้าวจิบอีกครั้ง เมื่อคล้าวไอขึ้นมา

“พักก่อนดีไหมครับ”ผมมองจุดที่โดนยิงอย่างกังวล

“ไม่เป็นไรครับ”

ทำไมดื้อแบบนี้เนี่ย ตีได้ไหม!

พอเห็นผมตีหน้าดุๆ ใส่ คล้าวก็ยิ้มแล้วเอามือของผมไปแนบหน้าตัวเองทำแบบนี้ใครจะไปดุลงเล่า! ผมเม้มปากแน่นด้วยความเขิน รู้สึกเหมือนถูกอ้อนยังไงไม่รู้

“ตอนที่ผมถูกยิง ผมกลัว ว่าจะไม่มีโอกาสได้กลับมาหาพี่แสน” คล้าวพูดช้าๆ ทีละคำ ก่อนจะพักหายใจให้หายเหนื่อย แล้วพูดต่อ

“กลัวว่าจะไม่มีโอกาส บอกพี่แสนว่า ‘รัก’” ผมชะงักกึก เมื่อได้ยินคำที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินในตอนนี้

“คล้าวว่าไงนะครับ” ผมอึ้งไปสักพัก ก่อนจะถามซ้ำอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง

“ผมรักพี่แสน... คล้าว รักพี่แสนครับ” หน้าซีดๆ นั้นเริ่มจะขึ้นสี โดยเฉพาะที่ใบหูนั้นแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้ผมรู้สึกเขินตามไปด้วย รู้สึกเลยว่าเลือดสูบฉีดขึ้นมาที่หน้าจนหน้าแดงไม่แพ้กัน เผลอๆ จะชัดมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะผิวของผมขาวจัด

แต่ถึงจะเขินยังไง ผมก็รู้สึกดีใจมากกว่า เลยได้แต่ยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า

“แน่ใจนะครับ ถ้าคล้าวยืนยันว่ารักพี่ พี่จะไม่ให้โอกาสคล้าวเปลี่ยนใจแล้วนะ”ผมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

“ครับ ผมมั่นใจยิ่งรู้ว่าพี่แสนเคยอยู่ในร่างของทองกวาว แล้วปกป้องผมไว้ด้วยชีวิต ผมก็ยิ่งมั่นใจ”พูดจบคล้าวก็จ้องตาผมนิ่งๆ

“คล้าว... รู้”หัวใจผมเต้นกระหน่ำด้วยความคาดหวัง เมื่อคล้าวพูดเหมือนรู้ว่าผมเคยอยู่ในร่างของทองกวาวมาก่อน

“ครับ ตอนที่หลับไป ผมเห็นทุกอย่างแล้ว ขอบคุณนะครับ ที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด” คล้าวยกมือผมไปจูบเบาๆที่กลางฝ่ามือ ก่อนจะพูดต่อ

“ขอบคุณนะครับ ที่ตามหาผม” พูดจบก็จูบลงไปอีกครั้ง

“ขอบคุณนะครับ ที่รักกัน” คล้าวสบตาผมด้วยแววตาอ่อนโยน อยู่ๆน้ำตาของผมก็เอ่อคลอขึ้นมา ก่อนที่มันจะไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจดีใจที่คล้าวรู้ในเรื่องที่ผมคิดว่าคงไม่มีโอกาสจะบอกไปชั่วชีวิตแล้ว

เมื่อเห็นผมร้องไห้ คล้าวก็ใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะไล้ลงมาที่ริมฝีปาก คล้าวหลุบตามองริมฝีปากของผมนิ่งๆ ผมจึงกดจูบนิ้วคล้าวเบาๆ

ผมสบตากับคล้าวนิ่งๆ ก่อนจะหลุบตาลงมองริมฝีปากของคล้าวเหมือนกัน ผมจับมือที่แตะริมฝีปากผมไว้ แล้วโน้มลงไปใกล้ๆ เมื่อใบหน้าของเราอยู่ในระยะประชิด คล้าวก็หลับตาลง ผมจึงแตะริมฝีปากลงไปแล้วกดไว้นิ่งๆ ชั่วครู่ก่อนจะขยับริมฝีปากขบเม้มอย่างห้ามไม่อยู่คล้าวตอบสนองกลับมาอย่างอ่อนโยนไม่แพ้กัน จนรู้สึกว่าเริ่มจะหายใจไม่ทันทั้งคู่ ถึงได้ตัดใจผละออกจากความอ่อนหวานตรงหน้าได้

“อะแฮ่ม!” ผมหันไปมองที่มาของเสียงกระแอม ก็เห็นธงรบกำลังยืนมองมาที่เราสองคนด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ ในมือถือข้าวของพะรุงพะรัง ส่วนไม้ก็นั่งกระพริบตามองเราปริบๆ บนโซฟา

ผมถอยออกมาจากคล้าวด้วยความขัดเขินในขณะที่คล้าวก็ยิ้มเขินๆ เหมือนกัน

“มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมถามธงรบแก้เขิน

“ก็มาทันเห็นมึงกัดปากกันนั่นแหละ” แต่ผมคิดผิด เพราะคำตอบของมันยิ่งทำให้เขินหนักกว่าเดิม ผมจึงถลึงตาให้ไอ้คนที่ยิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียนมา

“สัส!”

“แหม เขินแล้วหยาบคายนะจ๊ะน้องแสน”ผมหันรีหันขวางพอเห็นแก้วน้ำก็หยิบขึ้นมาแล้วทำท่าจะปาใส่มัน

“เฮ้ยๆ อย่าปามานะ ไม่แซวแล้วก็ได้หึๆ” พูดจบมันก็เดินมาหยิบแก้ววางลงที่เดิมแล้วยืนข้างผม ส่วนไม้ก็เดินมาเกาะเตียงลูกพี่มันอีกฝั่งน้องมันเหลือบมองผมด้วยสีหน้าเขินๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงเห็นฉากสวีทของผมกับคล้าวด้วยแน่ๆพอผมสบตากลับ ไม้มันก็หลบตาแล้วหันไปถามลูกพี่มัน

“เป็นไงบ้างพี่”

“กัดปากกันได้ขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นไรแล้วมั้ง” ผมหันขวับไปมองไอ้เพื่อนเวรที่ยังกวนตีนไม่เลิก ด้วยความหมั่นไส้ เลยทุบหลังมันไปที

ปึก!

“โอ๊ย! มันเจ็บนะแสน กูจะฟ้องแม่ว่ามึงทำร้ายกู ไม้ครับ พี่เจ็บ” ผมเบ้ปากให้เมื่อมันหันไปอ้อนไม้

“ตอแหล หนังหนาๆ อย่างมันไม่เจ็บง่ายๆ หรอกครับไม้ อย่าไปเชื่อ”ไม้หันมามองผม ก่อนจะหันไปมองธงรบ พอสบตากันก็รีบหันไปถามลูกพี่มันต่อเหมือนไม่สนใจ แต่สังเกตดีๆ จะเห็นหูน้องมันแดงๆ และธงรบก็คงสังเกตเห็นเหมือนกันเพราะมันมองหน้าไม้แล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมก็เบ้ปากอย่างหมั่นไส้อีกรอบ

“เจ็บมากไหมพี่”

“พอทน”คล้าวตอบสั้นๆ

“หมอบอกว่ายาชากับยาแก้ปวดน่าจะยังไม่หมดฤทธิ์ แต่ถ้าปวดมากก็บอกนะครับ หมอจะให้ยาแก้ปวดเพิ่ม”ผมบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“ครับ”คล้าวรับคำด้วยรอยยิ้ม ทำให้ผมยิ้มหวานตามไปด้วย

“โอ๊ย! รู้สึกว่าแถวนี้มันเหม็นๆ ไหมครับไม้” ผมเหลือบไปมองว่าธงรบจะเล่นอะไร

“เหม็นอะไรพี่” ไม้มันก็ถามตอบซื่อๆด้วยสีหน้างงๆ แถมยังทำจมูกฟุดฟิดเหมือนจะสูดหากลิ่น

“เหม็นความรัก!”ธงรบมันมองไม้อย่างเอ็นดู ก่อนจะเฉลยแล้วหันมาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ผมกับคล้าว

“หึๆ ช่วยไม่ได้ คนมันใจตรงกัน ไม่เหมือนคนแถวๆ นี้หรอกท่าทางจะแดกแห้ว” ผมหยักไหล่ให้ด้วยท่าทางที่เหนือกว่าทำเอาธงรบมันเขี้ยว เลยล็อคคอผมแล้วยีหัวเล่น

“นี่แน่ะๆ อวดนักเหรอ กูหมั่นไส้”

“พอๆ แล้ว ฮ่าๆๆๆ หัวกูยุ่งหมดแล้วสัส!”พอมันปล่อยแล้วผมก็ลูบๆ หัวตัวเองแล้วก็หันไปถลึงตาใส่มัน

“เออ ยังไม่ไปดูพี่สรัญเลยว่าเป็นยังไงบ้าง” ผมเพิ่งนึกถึงพี่สรัญขึ้นมา มัวแต่มาดูคล้าว ลืมพี่สรัญไปเลย

“ก่อนเข้ามากูไปดูมาแล้ว ตอนนี้หมอให้ย้ายจาก ICU มาอยู่ห้องข้างๆ แล้ว มีตำรวจนอกเครื่องแบบคอยดูแลความปลอดภัยให้ในห้อง ส่วนห้องเรา ตำรวจก็เฝ้าข้างนอกแทน

“อือ กูว่าจะไปดูพี่สรัญซะหน่อย”

“ตอนนี้ยังไม่ต้องไปหรอก เพราะยังหลับอยู่ ตำรวจที่เฝ้าบอกว่าหมอบอกอีกนานกว่าจะตื่น”

“ก็ได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเดี๋ยวค่อยไปเยี่ยมก็ได้”

“มึงไม่โกรธเหรอที่เขาจับมึงไปน่ะ”ธงรบมันถามด้วยสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นว่าผมเป็นห่วงพี่สรัญ

“ตอนแรกก็โกรธ แต่พอรู้เหตุผลก็สงสารมากกว่า แล้วพี่สรัญก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายกูด้วย แถมยังเอาตัวมาบังกระสุนให้กูอีก กูโกรธไม่ลงหรอกว่ะ”

“เออ ไอ้คนใจดี”

“ถ้าคนที่ตั้งใจทำร้ายกูจริงๆ กูไม่มีวันใจดีด้วยหรอก มึงก็รู้”

“หึๆแล้วแต่มึงเลย แต่ถ้าจะให้จัดการยังไงก็ขอให้บอก ทั้งสรัญ ทั้งเอญ่าเลย”

ได้ยินชื่อผู้หญิงคนนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วฉับ อดจะโกรธไม่ได้ที่เป็นต้นเหตุทำให้คล้าวต้องลำบากและทำให้ผมเสียใจมาตั้งนาน รอให้เรื่องยุ่งๆ ผ่านไปก่อน ค่อยๆ คิดไปว่าจะเอาคืนยังไง

ผมหันไปมองคล้าวก็เห็นว่าคล้าวหลับแล้วหลับทั้งๆ ที่พวกผมคุยกันเสียงดัง สงสัยจะเพลีย เพราะตั้งแต่ฟื้นมาก็พูดไม่หยุดเลยผมดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้คล้าว ก่อนจะปรับเตียงให้เอนลงเพื่อให้คล้าวได้นอนในท่าที่สบายๆ ขึ้น แล้วเราทั้งสามก็เดินไปนั่งที่โซฟา เพื่อไม่ให้เสียงรบกวนคนเจ็บมากนัก

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่คนข้างนอกจะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาเมื่อเห็นคนที่เข้ามาหาผมก็ยิ้มกว้าง

“เฮีย”

“เป็นยังไงบ้างแสน”

“ชู่ว คล้าวหลับอยู่ครับ” ผมส่งสัญญาณให้เฮียแผนเบาเสียงลง ซึ่งเฮียก็พยักหน้ารับรู้ แล้วเดินมานั่งลงข้างๆ ผม

“คุยกับตำรวจเรียบร้อยแล้วเหรอเฮีย” ธงรบถามเฮียเบาๆ

“อืม เรียบร้อยแล้ว แสนได้นอนบ้างรึยัง”

“นอนแล้วครับ แสนเพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง”

“ดีมาก ถ้าจะดูแลคนอื่นก็ต้องดูแลตัวเองดีๆด้วย เฮียเป็นห่วง”

“ครับเฮีย แสนไม่ดื้อหรอก”

“เหรอออออ” ธงรบมันลากเสียงยาวและดังจนผมต้องหันไปอุดปากมันก่อนจะหันมายิ้มประจบเฮีย

“หึๆ” เฮียหัวเราะเหมือนรู้ทันแล้วโยกหัวผมด้วยความเอ็นดู

“เฮียติดต่อป๊าได้แล้วนะ ป๊าบอกจะรีบพาแม่กลับมาเลย”

“ไม่ต้องให้ป๊ากับแม่กลับมาก็ได้ครับเฮีย ตอนนี้แสนก็ปลอดภัยแล้ว บอกให้เที่ยวต่อไปเลย นานๆ กว่าป๊ากับแม่จะได้ไปเที่ยวไกลๆ สักที เพิ่งจะไปถึงเองไม่ใช่เหรอครับ”

“เฮียก็บอกป๊าไปแล้วว่าให้เที่ยวต่อเลยแต่แม่มาได้ยินเฮียคุยกับป๊าพอดี แม่ก็เร่งให้ป๊ารีบกลับด่วนเลยขนาดเฮียยืนยันไปแล้วว่าแสนปลอดภัยดีไม่ต้องเป็นห่วง แม่ก็บอกว่าอยากมาเห็นกับตาตัวเองถึงจะวางใจได้”

“เดี๋ยวแสนโทรไปคุยกับแม่เองดีกว่าครับ เผื่อแม่จะได้สบายใจขึ้น”

“ไม่ทันแล้วมั้งป่านนี้ป๊าน่าจะรีบจองตั๋วกลับมาแล้วละ เพราะเฮียคุยกับป๊าและแม่ก่อนจะมาที่นี่หลายชั่วโมงแล้ว”

พอได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบใช้โทรศัพท์เฮียโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ แสดงว่าน่าจะอยู่บนเครื่องหรือไม่ก็น่าจะยุ่งๆ กับการหาเที่ยวบินกลับมาแน่ๆผมได้แต่มองหน้าจอตาปริบๆ จนเฮียต้องเอ่ยปลอบ

“ปล่อยให้กลับมาเถอะแสนถ้าไม่เห็นกับตาก็คงกังวลกันไม่เลิกอย่างที่แม่ว่านั่นแหละแล้วถ้ายังกังวลก็คงเที่ยวกันไม่สนุกหรอก เฮียเข้าใจนะ ถ้าเป็นเฮียก็คงรีบกลับมาเหมือนกัน” ฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างจำยอม

“ครับเฮีย”เพื่อความสบายใจของทุกคนผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากตามใจ

“หิวข้าวแล้วผมว่าเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”พอมีช่องว่างธงรบก็ชวนกินข้าวทันที

สำหรับธงรบนี่เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆ เจอหน้าทีไรก็ชวนกินข้าวตลอด หรือต่อให้ไม่เจอก็โทรมาถามตลอดว่ากินข้าวครบทุกมื้อรึเปล่า ทำตัวอย่างกับพ่อ อ้อ ลืมไป ก็มันเป็นพ่อ No.3 ของผมนี่นา

เราหิ้วอาหารไปกินกันข้างนอกเพราะกลัวกลิ่นอาหารจะรบกวนคนป่วย แล้วฝากให้คุณตำรวจเฝ้าคล้าวแทน หลังจากกินข้าวแล้วผมกับไม้ก็ขอนอนเฝ้าคล้าวที่นี่ ซึ่งเฮียก็ตามใจเพราะทนผมอ้อนไม่ไหว ส่วนธงรบก็กลับไปหอบผ้าหอบผ่อนมานอนเป็นเพื่อน

ธงรบกับไม้ให้ผมนอนที่เตียงญาติคนเดียว แล้วธงรบก็ถือโอกาสปูผ้านอนกับไม้สองคนเพราะโซฟามันแคบเกินกว่าจะนอนได้ ผมนี่ได้แต่เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ เพราะธงรบเนียนมากจนไม้ได้แต่มองตาปริบๆ

ที่จริงก็สงสารไม้อยู่หรอกนะ น้องมันคงเกรงใจเลยไม่กล้าขัด แต่ผมสงสารเพื่อนตัวเองมากกว่า กลัวเพื่อนจะกินแห้วเลยได้แต่ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาขอความช่วยเหลือจากไม้ รีบทิ้งตัวลงนอนแล้วแกล้งหลับทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ธงรบมันหาทางตกลงกับไม้เอาเอง แต่แกล้งหลับได้ไม่นานผมก็ดันเผลอหลับไปจริงๆ


ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
ผมรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงพูดคุยเบาๆ ในห้อง เมื่อลุกขึ้นมาก็ได้ยินเสียงหมอกำลังตรวจร่างกายคล้าวอยู่ในม่านพอดี มองไปรอบตัวก็เห็นธงรบนั่งอยู่บนโซฟา ส่วนไม้น่าจะอยู่กับคล้าวเพราะได้ยินเสียงจากด้านใน

“ไปอาบน้ำก่อนไป” พอธงรบเห็นว่าผมตื่นแล้วมันก็หันมาบอกผม ผมจึงลุกขึ้นแล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นคล้าวมองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่ดูสดใสขึ้นส่วนหมอก็ออกไปแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ครับพี่แสน”

“อรุณสวัสดิ์ครับคล้าว เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บแผลมากไหม” หลังจากวางเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้วก็เดินไปหาคล้าวแล้วถามอาการทันที

“ปวดพอทนครับ”

“ถ้าทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทนนะครับ” ผมรีบบอก เพราะเห็นตั้งแต่ตอนเป็นทองกวาวแล้วว่าคล้าวมักจะอดทนเวลาที่เจ็บป่วย เนื่องจากไม่ชอบไปหาหมอ

“ครับ” คล้าวรับคำด้วยรอยยิ้ม สายตาอ่อนโยนที่มองมาทำเอาผมเริ่มรู้สึกเขินขึ้นมา แต่ก็มีความสุขจนอดจะยิ้มตอบไม่ได้

“อะแฮ่ม! ลืมรึเปล่าว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน จ้องตากันขนาดนี้นี่ถ้าเป็นปลากัดก็คงท้องไปแล้วมั้ง” ธงรบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเอือมๆ เมื่อเห็นเราจ้องตากันอยู่อย่างนั้น

“ช่วยไม่ได้นะ คนมันใจตรงกันน่ะ ไม่ได้กากเหมือนคนแถวนี้ซะหน่อย” ผมยักคิ้วให้มันอย่างจงใจกวนประสาท จนมันเอื้อมมือมาผลักหัวผมเบาๆ ด้วยสีหน้าหมั่นไส้

“อะไรของมึง กากก็ยอมรับว่ากากสิหึๆ” อดจะหัวเราะขำๆ ไม่ได้ เมื่อมันหันไปส่งสายตาขอความเห็นใจจากไม้ แต่ไม้ดันทำเป็นมองไม่เห็นแล้วหันไปมองหน้าคล้าวแทน

ไม่รู้จะสมน้ำหน้าหรือสงสารก่อนดี

ก๊อกๆ ผมหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู พอเห็นเฮียเดินเข้ามาก็ส่งยิ้มไปให้

“เฮีย”

“เมื่อคืนนอนหลับดีไหมหืม” เฮียแผนเดินมาโอบแล้วถามด้วยน้ำเสียงอย่างอ่อนโยน

“แสนหลับไม่รู้เรื่องเลยครับเฮีย เพิ่งจะตื่นเมื่อกี้เอง แหะๆ” พอฟังคำตอบผมจบ เฮียก็พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปถามคล้าวต่อ

“แล้วเราล่ะเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นรึยัง”

“ดีขึ้นแล้วครับ ดีกว่าเมื่อวานมาก”

“อืม”

“เฮียกำลังจะไปทำงานเหรอครับ”

“อืม เฮียแวะมาดูแสนก่อน อ้อ คนที่ร้านโทรมาหาเฮีย บอกว่าอยากมาเยี่ยมแสน แต่เฮียกลัวนักข่าวจะมาวุ่นวาย เลยบอกว่าไม่ต้องมาหรอก เพราะแสนปลอดภัยแล้ว แสนโอเคไหม”

“โอเคครับ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”ผมอยากจะอยู่อย่างสงบๆ ต่อไป ไม่อยากให้เป็นข่าวเหมือนกัน

“แม่เพิ่งจะโทรมาบอกว่าถึงสนามบินแล้ว แม่จะมาหาแสนที่นี่เลยนะ”

“จะดีเหรอครับ ให้กลับบ้านดีกว่าไหม เดี๋ยวแสนไปหาเองก็ได้ แม่กับป๊าจะได้พักผ่อนต่อด้วย”

“เฮียก็บอกไปแบบนั้นเหมือนกัน แต่แม่ยืนยันว่าจะมาหาแสนที่นี่เอง”เฮียมองหน้าคล้าวเหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าสาเหตุที่แม่มาหาที่นี่เพราะอะไร นอกจากจะมาหาผมแล้ว แม่ก็น่าจะอยากมาดูคล้าวด้วยแน่ๆ

“โอเคครับ เฮียไปทำงานก่อนก็ได้นะ...” ผมชะงักแล้วขมวดคิ้วฉับด้วยความแปลกใจ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นป๊ากับแม่ทางหน้าจอทีวีที่ปิดเสียงทิ้งไว้ ผมมองหารีโมทแล้วเร่งเสียง เพื่อฟังว่านักข่าวกำลังสัมภาษณ์ป๊าเรื่องอะไร

“เจ้าสัวรู้สึกยังไงกับข่าวที่ออกมาคะ”

หือ? ข่าวอะไรกัน

“ข่าวอะไรครับ” ป๊าถามกลับด้วยน้ำเสียงสงสัยและรอยยิ้มสุภาพตามมารยาทส่วนแม่ถูกกันให้รออยู่ไม่ไกลโดยมีคนขับรถกันไว้ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นบริเวณหน้าโรงพยาบาล

“ข่าวของลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวกับนายแบบคนหนึ่งน่ะค่ะ เห็นบอกว่าทั้งสองคนมีซัมติงกัน” พอได้ยินคำถามผมก็หันไปมองธงรบกับเฮียทันที เพราะสงสัยว่าข่าวนี้มันออกมาเมื่อไหร่ แล้วออกมาได้ยังไง

“ได้ข่าวว่าลูกชายคนเล็กของเจ้าสัว คุณแสนเสน่ห์เป็นเกย์ใช่ไหมคะ” นักข่าวอีกคนถามแทรกขึ้นมา แล้วคนต่อๆ มาก็ถามแทรกขึ้นมาอย่างไม่มีมารยาท

“เจ้าสัวรู้สึกยังไงที่ลูกชายเป็นเกย์คะ”

“เจ้าสัวทราบมาก่อนไหมคะ ว่าลูกชายเป็นเกย์”

“แล้วเป็นทั้งคู่รึเปล่าคะ นอกจากคุณแสนเสน่ห์แล้ว คุณขุนแผนก็เป็นด้วยรึเปล่าคะ”

“เรื่องนี้มีผลกระทบกับธุรกิจรึเปล่าคะ เจ้าสัวตอบหน่อยค่ะ”

พอถูกถามเข้าเยอะๆ แต่ไม่เว้นช่องให้ตอบเลย ป๊าก็ยกมือเป็นปางห้ามญาติทันที

“เอาเป็นว่าผมจะตอบรวมๆ แล้วกันครับ ถามมารัวๆ แบบนี้ผมตอบไม่ทัน แต่ถ้าถามแทรกขึ้นมาอีกผมขอไม่ให้สัมภาษณ์ต่อนะครับ” ได้ยินอย่างนั้นนักข่าวก็พากันเงียบเสียงลงพอเห็นนักข่าวเงียบลงแล้ว ป๊าก็พูดต่อ

“รู้สึกยังไงถ้าลูกชอบผู้ชายน่ะเหรอ ผมรู้สึกเฉยๆ นะครับ เพราะแสนเป็นลูกชายที่ผมรักและภูมิใจในตัวเค้าเสมอ ต่อให้ลูกจะเป็นอะไรก็ตาม ผมก็ยังรักและไม่มีวันจะรักน้อยลง ต่อให้แสนเป็นตุ๊ดเป็นเกย์แล้วยังไงล่ะ ถ้าเป็นแล้วลูกมีความสุข ผมก็จะปล่อยให้ลูกเป็น”

“แล้วในฐานะของพ่อเจ้าสัวไม่คิดจะห้ามเหรอคะ” เมื่อป๊าพูดจบแล้วก็มีคนถามขึ้นมาอีก

“เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันได้ด้วยเหรอครับ” ป๊าถามกลับยิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อ

“ผมพูดในฐานะของคนที่เป็นพ่อและคนที่ผ่านโลกมาจนถึงตอนนี้แล้วกันนะครับผมว่าเราควรจะรับฟัง เข้าใจ และอยู่เคียงข้างลูกของเรามากกว่า เพราะบางทีเราอาจจะหลงลืมไปว่าสมัยเรายังเด็กนั้น เราก็เคยต้องการคนเข้าใจเหมือนๆ กับลูกหลานเราในตอนนี้นั่นแหละ

ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่น ผมเคยเสียเพื่อนรักไปเพราะความที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ ทำให้เขาไม่มีที่พึ่ง จนตัดช่องน้อยแต่พอตัว สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราเรื่องบางเรื่องอาจจะดูเหมือนเรื่องเล็กๆแต่สำหรับลูกๆ หลานๆ ของเราที่ยังอ่อนประสบการณ์แล้ว มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่เหมือนเป็นโลกทั้งใบสำหรับเขาก็ได้ พอไม่มีใครเข้าใจก็อาจทำให้รู้สึกว่าโลกทั้งใบสลายไปจนทำเขาก็อาจจะตัดสินใจผิดพลาดได้

เราอาจจะเปลี่ยนโลกหรือเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนความคิดของเราได้ ทำไมเราไม่ทำซะล่ะ อายุป่านนี้แล้วไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง ผมไม่อยากจะเคาะโลงศพ จุดธูปบอกรักลูกหรอกนะ สู้บอกรักและแสดงออกถึงความรักให้พวกเค้ารับรู้ตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าเพระฉะนั้นถ้าลูกทำอะไรแล้วมีความสุข ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ผมก็ยอมรับได้นะครับ

แล้วเรื่องนี้ก็คงไม่กระทบกับธุรกิจแน่นอนครับ เพราะมันเป็นแค่เรื่อง ‘ส่วนตัว’ ของลูกชายผม เคลียร์แล้วนะครับ แล้วก็ขอร้องว่าอย่าไปรบกวนลูกชายผมเลยนะเพราะลูกผมไม่ใช่ดาราหรือคนดังอะไรผมอยากให้ลูกใช้ชีวิตตัวเองต่อไปตามปกติ ผมต้องรีบไปธุระต่อแล้ว ขอตัวครับ” พูดจบป๊าก็เดินเลี่ยงออกมาจูงมือแม่เดินไปอีกทาง ทันทีโดยมีคนขับรถกันนักข่าวให้

   ฟังจบผมก็ยิ้มทั้งน้ำตา เรื่องที่ผมชอบผู้ชาย ผมไม่เคยบอกป๊ากับแม่ไปตรงๆ เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ก็คิดว่าทั้งสองคนคงจะรับรู้อยู่บ้าง เพราะหลังๆ มานี้แม่ไม่เคยพาผมไปแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวหลานสาวเพื่อนๆ เหมือนกับเฮียแผน

   “ชู่ว อย่าร้องสิ” เฮียแผนเช็ดน้ำตาให้ผมอย่างอ่อนโยน ผมเลยขยับเข้าไปกอดอ้อนเฮีย เฮียแผนก็กอดตอบแล้วลูบหัวอย่างเบามือ

   ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกของป๊ากับแม่ และเป็นน้องของเฮีย เพราะผมได้รับความรักความเข้าใจจากทั้งสามมาโดยตลอดมันทำให้ผมอุ่นใจและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้มาจนถึงตอนนี้

   ก๊อกๆๆ

   “แสน เป็นยังไงบ้างลูก” ผมผละจากอ้อมกอดเฮียแผนแล้วหันไปมองหน้าประตู

   “แม่” ผมเดินเข้าไปกอดแม่แน่น หลับตาซึมซับความอบอุ่นจากอ้อมกอดแม่ แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอีก

   “ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูก” แม่ลูบหลังผมอย่างอ่อนโยน ส่วนป๊าก็เดินมาลูบหัวอย่างเบามือ

   “ร้องไห้ทำไมหืม เจ็บตรงไหนรึเปล่าลูก” ป๊าถามด้วยสีหน้ากังวลจนผมต้องรีบเช็ดน้ำตาออกแล้วอธิบาย

   “แสนแค่ดีใจที่มีโอกาสได้กลับมาเจอป๊ากับแม่อีกครับ อีกอย่างเมื่อกี้แสนเพิ่งดูป๊าสัมภาษณ์มา ป๊ากับแม่โอเคกับเรื่องนี้จริงๆใช่ไหมครับ”

   “ป๊าโอเคจริงๆ อย่างที่ป๊าบอกไปนั่นแหละ แค่แสนมีความสุข ป๊าก็พอใจแล้ว” ได้ยินแล้วอยากร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งอีกรอบ

   “ขอบคุณนะครับป๊า รักป๊านะครับ” ผมกราบลงที่อกป๊าก่อนจะกอดแน่นๆแล้วบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

   “แล้วแม่ล่ะครับ”ผมหันไปถามแม่ แล้วรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

   “แม่ก็โอเคลูก ไม่งั้นแม่คงไม่แนะนำให้แสนรู้จักกับสรัญและเปิดโอกาสให้ไปไหนมาไหนด้วยกันหรอก” ผมได้แต่อ้าปากค้างเมื่อได้ฟังคำตอบของแม่ มิน่าล่ะถึงได้ตงิดๆ นัก นึกว่าคิดไปเองซะอีก ที่แท้แม่ก็ตั้งใจจะเป็นแม่สื่อให้ผมกับพี่สรัญนี่เอง

   “ที่จริงป๊ากับแม่ก็รู้เรื่องนี้มาสักพักแล้ว เพราะเฮียเรามาเลียบเคียงถามและออกโรงปกป้องตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าป๊ากับแม่รับไม่ได้ก็จะพาแสนไปอยู่ข้างนอกแล้วจะดูแลแสนเอง ทำอย่างกับป๊าเป็นพ่อใจยักษ์อย่างงั้นแหละ” ป๊าหันไปปรายตามองเฮียด้วยสีหน้าหมั่นไส้จนผมหลุดขำ

“ขอบคุณนะครับแม่ ผมรักแม่นะครับ” ผมยิ้มแล้วเดินไปกราบที่อกแม่และกอดแม่เหมือนกัน

   “แม่ก็รักแสนลูก ไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้เลยนะ แสนรักใครแม่ก็จะรักเหมือนกัน ขอให้เขารักแสนเหมือนที่แม่กับป๊ารักก็พอ”

   “แล้วเฮียล่ะ ไม่รักเฮียบ้างเหรอ” เฮียท้วงด้วยน้ำเสียงเหมือนจะงอนจนทุกคนหลุดขำ ผมผละจากอกแม่ไปกราบอกเฮียแล้วกอดเฮียแน่นๆ ก่อนจะบอกด้วยรอยยิ้ม

   “ขอบคุณนะครับเฮีย รักเฮียนะครับ” เฮียแผนกอดตอบแล้วลูบหลังอย่างอ่อนโยน

   “รักแสนเหมือนกัน”ผมยิ้มกว้างเมื่อป๊ายืนโอบเอวแม่มองมาด้วยรอยยิ้ม แววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความรักและความภูมิใจ

   “คล้าวใช่ไหมจ๊ะ” แม่หันไปถามคนบนเตียงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   “ครับ สวัสดีครับ” คล้าวกับไม้ยกมือไหว้แม่กับป๊าอย่างเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่คล้าวก็นั่งเกร็ง เพราะหลังจากรับไหว้แล้วทั้งป๊าและแม่ก็พิจารณาคล้าวเงียบๆ

   “แผนเล่าให้ฟังว่าหนูช่วยชีวิตแสนไว้ ขอบคุณมากนะจ๊ะ” ผมหันไปมองหน้าเฮียด้วยความสงสัยว่าเล่าอะไรให้แม่ฟังไปบ้าง

   “ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” คล้าวตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้แม่ยิ้ม ส่วนป๊าก็มีแววตาพอใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

   “แสนจะอยู่เฝ้าน้องต่อใช่ไหม ถ้างั้นแม่กับป๊ากลับบ้านก่อนนะจ๊ะ”

   “ครับแม่ แม่กับป๊าไปพักผ่อนเถอะครับ เดินทางมาเหนื่อยๆ”

   “แสนก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ฝากคล้าวดูแลพี่เค้าด้วยนะลูก” คำเรียกขานแทนตัวคล้าวและคำฝากฝังที่เหมือนจะตีความหมายได้กว้างนั้นทำให้ผมกระพริบตามองปริบๆ

   “ครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลพี่แสนให้ดีที่สุดครับ” ซึ่งคล้าวก็น่าจะฟังความนัยออก ถึงได้ตอบรับไปแบบนั้น

   “รู้ใช่ไหมว่าถ้าทำให้แสนเสียใจจะเกิดอะไรขึ้น” ป๊าถามด้วยน้ำเสียงข่มขู่

   “จะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอนครับ” คล้าวรับคำอย่างหนักแน่น

   “ดี จำคำของตัวเองเอาไว้ให้ดี” คล้าวสบตากับป๊าด้วยแววตาแน่วแน่จริงจัง จนป๊าถอนหายใจด้วยสีหน้าจำยอม

   “ถ้าไม่เห็นแก่แสน นี่ไม่ยอมหรอกนะ” ป๊าพึมพำคนเดียวอย่างขัดใจจนผมได้ยินแล้วอดจะยิ้มขำไม่ได้

   “คุณคะ” แม่ปรามเมื่อป๊าออกอาการหวงผม

   “ครับๆ เรากลับบ้านกันเถอะ คุณจะได้พักผ่อน”

   “แม่ไปก่อนนะ หายไวๆ นะลูก เดี๋ยวแม่จะมาเยี่ยมอีกที ว่างๆ ก็ไปหาแม่ที่บ้านได้” ผมฟังคำอนุญาตนั้นด้วยรอยยิ้ม

   “ขอบคุณมากครับ ที่ไม่รังเกียจผม” คล้าวยกมือไหว้ด้วยสีหน้าซาบซึ้ง

   “ขอแค่คล้าวเป็นคนดี จริงใจกับแสนและทำให้แสนมีความสุขได้ เท่านี้แม่ก็พอใจแล้วจ้ะ”

   “ขอบคุณนะครับแม่” ผมเข้าไปกอดแม่ด้วยความรัก แม่เป็นแม่พระสำหรับผมจริงๆ

   “เฮียไปทำงานก่อนนะ จะไปจัดการกับเรื่องข่าวด้วย” หลังจากป๊ากับแม่กลับไปแล้ว เฮียก็หันมาบอกผมด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางจะโกรธที่มีคนไปรบกวนป๊ากับแม่

   “ครับเฮีย อย่าหนักมือนักนะครับ” ผมพูดกับเฮีย แต่สายตามองธงรบ เพราะสงสัยว่าคนที่ปล่อยข่าวน่าจะเป็นคุณกินหญ้านั่น

   “อืม ไม่ต้องห่วงหรอก” เฮียโยกหัวผมอย่างเอ็นดู

   “ถ้าเป็นฝีมือเอญ่าจริงๆ เฮียจัดการได้ตามที่เห็นสมควรเลยครับ เพราะผมถือว่าผมเตือนเค้าแล้ว ผมถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว” ธงรบหันไปบอกเฮีย

   “ได้ เฮียไปละ ดูแลตัวเองดีๆ นะแสน ฝากด้วยนะรบ คล้าว”

   “ครับ” ทั้งคู่รับคำพร้อมกัน ผมนี่ได้แต่กลอกตา โตขนาดนี้แล้ว ผมดูแลตัวเองได้น่า!

   “เดี๋ยวกูไปหาอะไรกินกับไม้ก่อน มึงรออยู่นี่นะ” พูดจบก็เดินไปลากไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมกับคล้าวมองหน้ากันงงๆ

   “ดีจังเลยนะ” ผมขยับเข้าไปหาคล้าวใกล้ๆ แล้วยิ้มให้คล้าวอย่างมีความสุข

ดีจริงๆ ที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี

   “ครับ ครอบครัวพี่แสนน่ารักมาก” คล้าวยิ้มตอบแล้วแบมือให้ผม ผมจึงวางมือลงไป เราสองคนมองมือที่เกาะกุมกัน ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้กัน

   “ผมรักพี่แสนนะครับ” คล้าวยกมือข้างนั้นขึ้นจูบ ก่อนจะบอกรักอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาคมๆ คู่นั้นฉายแววรักใครจนผมเป็นปลื้ม

   “พี่ก็รักคล้าวครับ พี่คล้าวของทองกวาว อ้อ ไม่ใช่สิ ตอนนี้ต้องเป็นน้องคล้าวของพี่แสนสินะ” เราสบตากันนิ่งๆ ก่อนจะยิ้มให้กัน

ผมค่อยๆ โน้มตัวลงไปหาคล้าว แล้วค่อยๆ ประทับจูบที่ริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะทวีความลึกซึ้งขึ้นตามอารมณ์ของเราทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างถ่ายทอดความรักให้กันและกันอีกครั้งและอีกหลายๆ ครั้ง
   
   
   

****************************************************************

จริงๆ แล้วเรื่องนี้คนที่เป็นพระเอกคือคุณป๊าค่ะ ตอนนี้คือป๊าหล่อมาก เฮียแผนยังสู้ไม่ได้เลย 55555
ตอนหน้าก็จะจบแล้วค่า ฮูเร่!

#มนต์รักริมทุ่ง



:L2: :กอด1: :L1: :กอด1: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4:
   
   

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แสน+คล้าว ตอนนี้หวานแหววมุ้งมิ้ง
ธงรบ+ไม้ ธงรบนี่เนียนสุดๆ ไม้ตามไม่ทันหรอก
เฮียแผน เป็นพี่ชายที่อบอุ่นจริงๆ มีแฟนหรือยังจ๊ะเฮีย อิอิอิ
ป๊า+ม้า นี่สุดยอดของความเป็นพ่อแม่เลย
 :z2: :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ้ายแสนเป็นคนโชคดีนะ มีครอบครัวที่สามารถเป็นเซฟโซนให้เราได้จริงๆ
มีกัลยาณมิตร และมีคนที่รัก

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ป๊าพูดดีมากเลย ซึ้งใจ  :monkeysad:
พี่แสน น้องคล้าว โชคดีที่มีครอบครัวที่เข้าใจ แต่หวานกันออกสื่อไม่เกรงใจคู่นั้นที่ยังไม่คืบเลย 5555

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา
บทที่ 22

   หลังจากเรื่องยุ่งๆ ผ่านพ้นไป ผมก็ต้องเข้ามาเคลียร์งานจนหัวหมุนต่อ ส่วนเรื่องคดี เฮียแผนกับป๊าก็ร่วมมือกันจัดการอย่างเรียบร้อยหมดจด เช็คแล้วเช็คอีกจนแน่ใจว่าจะไม่มีคนกล้ามาทำร้ายผมอีกแล้ว ถึงได้วางใจปล่อยให้ผมไปไหนมาไหนคนเดียวได้อีกครั้ง

   ส่วนพี่สรัญ เมื่อผมขอร้องไม่ให้ป๊ากับเฮียเอาเรื่อง ก็เลยถูกกันให้เป็นพยาน หลังจากอาการดีขึ้นแล้ว คุณหญิงรัตนาเพื่อนของแม่ก็พามาขอบคุณพวกเราที่บ้าน

พี่สรัญเล่าให้ฟังว่าแม่แท้ๆ ของเขาถูกลูกหลงจนตอนนี้กลายเป็นอัมพาตไปแล้ว ถึงจะรู้สึกผิด แต่พี่สรัญก็โล่งใจที่แม่ของเขาไม่มีโอกาสไปทำร้ายใครอีกแล้ว ซึ่งพี่สรัญก็บอกว่าจะดูแลแม่ของเขาต่อไป เห็นสีหน้าที่สดใสของพี่สรัญแล้วผมก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน ต่อไปนี้พี่สรัญจะได้มีความสุขจริงๆ สักที

   “น้ำครับพี่แสน” ความคิดผมชะงักลง เมื่อคล้าววางน้ำไว้บนโต๊ะทำงานที่ผมกำลังนั่งสเก็ตเสื้อผ้าอยู่

หลังจากแผลหายแล้วคล้าวก็มาติวเพื่อเตรียมความพร้อมสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่อ พอติวเสร็จถ้าไม่ได้รับงานเดินแบบหรือถ่ายแบบที่ไหน ก็มักจะมาช่วยงานผมทุกวัน กำลังใจดีขนาดนี้นี่ต่อให้งานเยอะแค่ไหนก็ไหวครับ

   “ขอบคุณครับ” ผมหยิบน้ำมาดื่มแล้วส่งยิ้มให้คล้าวก่อนจะถามน้องต่อ

   “วันนี้วันสุดท้ายของคอร์สติวใช่ไหมครับ เป็นยังไงบ้าง มั่นใจขึ้นรึยัง”

   “มั่นใจขึ้นมากแล้วครับพี่แสน ผมกับไม้อ่านหนังสือที่พี่ๆ หามาให้ด้วยและได้พี่ๆ ติวให้เพิ่มด้วย ตอนนี้พร้อมขึ้นมากเลยครับ ต่อไปก็กะว่าจะอ่านหนังสือทบทวนความรู้อย่างเดียวจนกว่าจะถึงวันสอบเลย คงไม่ติวเพิ่มแล้วครับ”

   “โอเค ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะครับ”

   “ครับ” คล้าวรับคำด้วยรอยยิ้มจนผมต้องยิ้มตาม

   “แล้วไม้ล่ะครับ อยู่ข้างนอกเหรอ”

   “ตอนมาถึงหน้าร้านก็โดนพี่รบลากออกไปซื้อของต่อแล้วครับ” คล้าวบอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

   “เรื่องไม้กับธงรบ คล้าวโอเครึเปล่าครับ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเราไม่เคยคุยเรื่องนี้กันจริงจังสักที

   “ถ้าไม้โอเค ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ส่วนพี่รบก็มาคุยกับผมแล้วว่าพี่รบจริงจัง ผมก็เลยปล่อยให้เป็นเรื่องของสองคนนั้นไปครับ”

ได้ยินแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ คล้าวและไม้มีทัศนคติที่ดีกันมาก คล้าวบอกว่าเป็นเพราะได้รับการสั่งสอนจากหลวงตา ทำให้ทั้งคู่มองโลกในแง่ดีแต่ก็มองในความเป็นจริงและยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ง่ายๆ อีกด้วย

   “คุยอะไรกันอยู่” ธงรบเดินเข้ามาพร้อมกับไม้ ยังไม่ทันได้ตอบมันก็ถามต่อทันที

   “เรื่องที่จะไปดูผ้าที่เชียงใหม่รึเปล่า จะไปวันไหนวะ คล้าวไปด้วยรึเปล่า”

   “พี่แสนจะไปเชียงใหม่เหรอครับ” พอได้ยินคำถามของธงรบ คล้าวก็หันมาถามผมด้วยสีหน้าแสดงความสนใจ

   “ครับ พี่ว่าจะไปดูผ้ามาตัดชุดเพิ่มน่ะครับ ว่าจะไปดูผ้าตีนจกที่ม่อนแจ่มแล้วก็เตร่ไปดูผ้าฝ้ายทอมือแถวๆ นั้นด้วย”

   “อ้าว ไม่ได้คุยเรื่องนี้กันอยู่หรอกเหรอ” ได้ยินแล้วแทบจะกลอกตาใส่มันเลย

“ถ้าคุยแล้วน้องมันจะถามไหม มึงจะรีบไปไหนรบ!”

“ฮ่าๆๆ เออๆ โทษๆ ตกลงมึงจะไปวันไหนนะ”

“ว่าจะไปอาทิตย์หน้าแหละ”

“คล้าวว่างไหม ไปเป็นเพื่อนมันหน่อยได้รึเปล่า พอดีอาทิตย์หน้าพี่ติดธุระ เฮียก็ไม่ว่างเหมือนกัน พวกพี่เป็นห่วงไม่อยากให้มันไปคนเดียว” ธงรบมันหันไปถามคล้าวโดยไม่สนใจผมสักนิด

“กูไปคนเดียวได้น่า” ไม่ใช่เด็กซะหน่อยถึงจะไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้ เฮียก็อีกคน พอบอกจะไปดูผ้าที่เชียงใหม่ ก็รีบเช็คตารางงาน พอเห็นว่าไม่ว่างก็โทรถามธงรบทันที พอธงรบบอกไม่ว่างเหมือนกันก็หันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจังว่ายังไม่ไปได้ไหม ฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจ แต่ก็พอเข้าใจอยู่หรอก เพราะก่อนหน้านี้ชีวิตผมก็มีแต่เรื่องจนน่าเป็นห่วงจริงๆ

“ผมไปด้วยได้ครับ ตอนนี้ผมก็ไม่ต้องไปติวแล้วและอาทิตย์หน้าก็ไม่มีคิวงานด้วย ผมไปเป็นเพื่อนนะครับพี่แสน” พอเห็นคล้าวถามด้วยสีหน้าจริงจังและเต็มใจแล้วใจผมก็อ่อนยวบ

“ได้สิครับ” พอผมรับคำ คล้าวก็ยิ้มอย่างพอใจ ทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย

รอยยิ้มนี่มันเหมือนกับโรคติดต่อจริงๆ ครับ พอเห็นคนยิ้มโดยเฉพาะคนที่สำคัญกับใจเราแล้ว มันก็อดจะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ทุกที

มีความสุขจังเลยน้า

“พอๆ เลิกจ้องตากันได้แล้ว กูอิจฉาตาลุกเป็นไฟไปหมดแล้วเนี่ย” ธงรบมันมองผมด้วยสีหน้าหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปคุยกับคล้าวต่อ

“ถ้าคล้าวไปเป็นเพื่อนมันได้พี่ก็วางใจ พี่กับเฮียจะได้หายห่วง ยังไงก็ฝากดูแลมันด้วยนะ ให้มันกินข้าวให้ครบทุกมื้อด้วย ว่าแล้วก็ชักจะหิว ป่ะ ไปหาอะไรกินดีกว่าแสน กูหิวแล้ว” ผมหันไปมองธงรบอย่างระอา เมื่ออยู่ๆ มันก็หันมาชวนกินข้าวเฉยเลย ไม่รู้มันไปอดอยากมาจากไหน เจอหน้ากันทีไรก็ชวนกินตลอดสิน่า!

*************************************************************************************

   ผมนั่งมองวิวข้างทางและฮัมเพลงไปด้วยอย่างมีความสุข ยิ่งหันไปมองคนขับที่หันมาสบตาเวลาติดไฟแดงด้วยรอยยิ้มก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่

   วันนี้เป็นวันที่ผมออกเดินทางไปเชียงใหม่กับคล้าว เราออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 5 เพราะผมตั้งใจไว้ว่าจะถือโอกาสขับรถพาคล้าวแวะเที่ยวข้างทางไปเรื่อยๆ ด้วย

   แต่พอถึงเวลาจริงๆ คล้าวก็ขอเป็นคนขับให้ จะดื้อก็ไม่ได้อีก เพราะมีแนวร่วมอีกหลายคนที่สนับสนุนให้คล้าวเป็นคนขับ ผมเลยได้แต่นั่งให้กำลังใจและบอกคล้าวว่าถ้าเหนื่อยก็ให้บอก เดี๋ยวผมช่วยขับเอง

   พอเข้าเขตจังหวัดสุพรรณบุรีแล้วก็อดจะชื่นชมความสวยงามของเกาะกลางถนน และวิวทั้งสองข้างทางที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไม่ได้ เห็นแล้วก็ทำให้คิดถึงบ้านริมทุ่งของคล้าวขึ้นมา ก็เลยหันไปถามความเห็นคล้าว เมื่อรถติดไฟแดงพอดี

   “ขากลับแวะบ้านคล้าวหน่อยดีไหมครับ”

   “พี่แสนอยากไปเหรอครับ” คล้าวหันมาถามด้วยรอยยิ้ม

   “ครับ เห็นต้นไม้เขียวๆ เห็นทุ่งนาแบบนี้แล้วพี่คิดถึงที่นั่น”

   “ได้สิครับ เอาไว้ขากลับเราแวะ ‘บ้าน’ กันนะครับ” พูดจบคล้าวก็ยื่นมือมาให้ผม ผมจึงวางมือลงไป มือของเรากระชับกันไว้แน่นจนรู้สึกอุ่นไปถึงหัวใจ ผมมองมือที่เกาะกุมกันไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้คล้าวอย่างมีความสุข

   หลังจากนั้นเราก็แวะเที่ยวข้างทางไปเรื่อยๆ ผมชวนคล้าวแวะไปดูนกดูปลาที่สวนนกชัยนาทก่อนเป็นที่แรก ก่อนจะตียาวไปไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก แล้วแวะไปไหว้พระธาตุลำปางหลวงที่จังหวัดลำปางต่อ

   เราเข้าเดินทางมาถึงจังหวัดลำพูนในช่วงบ่ายๆ พอดี เมื่อพอดูเวลาแล้วคิดว่าน่าจะถึงเชียงใหม่ไม่ดึกจนเกินไป ผมก็เลยขอแวะไปดูผ้าไหมยกดอกลำพูนและผ้าฝ้ายทอมือที่ศูนย์วิจัยงานหัตถกรรมในจังหวัดลำพูนก่อน

   พอเห็นผ้าสวยๆ ก็ทำให้ผมเผลอชมเผลอเลือกจนลืมเวลา ผมได้ผ้าไหมและผ้าฝ้ายทอมือสวยๆ ติดไม้ติดมือมาอีกหลายสิบผืน จินตนาการแบบชุดที่เหมาะกับผ้าก็โลดแล่นจนต้องหยิบสมุดสเก็ตที่ถือติดมือมาด้วยมาร่างเอาไว้ก่อน

   กว่าจะออกจากลำพูนได้ฟ้าก็มืดพอดี ผมเลยให้คล้าวตรงเข้าไปที่เชียงใหม่ เพื่อพักในโรงแรมที่จองไว้ก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปดูผ้าและตระเวนเที่ยวกันอีกที

ตอนแรกผมว่าจะชวนคล้าวกินข้าวที่โรงแรมเลย เพราะเห็นว่าคล้าวขับรถมาทั้งวันแล้วกลัวว่าคล้าวจะเหนื่อย แต่คล้าวบอกว่ายังไม่เหนื่อย ถ้าอยากไปที่ไหนอีกก็บอกได้ ผมเลยชวนคล้าวไปหาอะไรกินข้างนอก ให้ท้องอิ่มแล้วค่อยไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินกันต่อ

ระหว่างที่กำลังรอเช็คอินอยู่หน้าเคาเตอร์ของโรงแรม ก็มีครอบครัวครอบครัวหนึ่งมาเช็คอินเหมือนกัน แต่น่าจะมีปัญหา เพราะพนักงานตรวจสอบรายละเอียดการจองแล้วไม่พบชื่อ ผมยืนตอบข้อความเฮียแผนอยู่ใกล้ๆ เลยได้ยินบทสนทนาพอดี

“แล้วไม่ทราบว่ามีห้องว่างไหมคะ” ผู้หญิงคนนั้นถามพนักงานด้วยสีหน้าคาดหวัง ในขณะที่คนเป็นพ่อก็อุ้มลูกชายอายุไม่กี่ขวบยืนรออยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้ากังวล

“ตอนนี้ห้องพักของโรงแรมเราเต็มทุกห้องแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้ายังไงลองไปดูโรงแรมใกล้ๆ ดูก็ได้ค่ะ เผื่อจะมีห้องว่าง”

“ไม่มีห้องที่มีแคนเซิลเลยเหรอคะ พอดีลูกชายพี่เมารถค่ะ พี่อยากให้ลูกได้พักเร็วหน่อยเพราะกลัวแกจะป่วยน่ะค่ะ ถ้ายังไงรบกวนเช็คให้อีกทีได้ไหมคะ” คนเป็นแม่ขอร้องพนักงานด้วยสีหน้าอ้อนวอน พนักงานฟังแล้วก็มีสีหน้าลำบากใจ แต่ก็ยอมเช็คให้แต่โดยดี สักพักก็หันมาบอกด้วยสีหน้าเห็นใจ

“ไม่มีห้องว่างจริงๆ ค่ะ” ได้ฟังแล้วเธอก็มีสีหน้าผิดหวัง ก่อนจะขอบคุณพนักงานเสียงอ่อยๆ แล้วหันไปถามสามีพร้อมกับแตะหน้าผากลูกด้วยสีหน้ากังวล

“ทำยังไงดีคะคุณ”

“ก็คงต้องไปดูโรงแรมอื่น เราไปนั่งเช็คในเว็บก่อนก็ได้ จะได้ไม่ต้องไปเสียเที่ยว” คนเป็นสามีแสดงความเห็นด้วยสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน

ผมเงยมองคนทั้งคู่เงียบๆ เมื่อมองไปยังเด็กที่อยู่บนบ่าคนเป็นพ่อด้วยท่าทางอ่อนเพลียแล้วก็สงสาร จึงตัดสินใจเอ่ยปากช่วย

“เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีผมจองห้องไว้สองห้อง ถ้าผมจะแบ่งให้ห้องหนึ่งไม่ทราบว่าสนใจไหมครับ” คนทั้งสองหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าแปลกใจ แต่พอฟังจบก็ยิ้มออกทันที

“สนใจค่ะ เดี๋ยวพี่จ่ายเงินให้เลยค่ะ ไม่ทราบว่าเท่าไหร่คะ” พูดจบก็รีบหยิบกระเป๋าเงินมาเตรียมจ่ายเหมือนกลัวผมจะเปลี่ยนใจ

“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าผมยกให้น้องได้พักแล้วกันนะครับ”

“ไม่ได้หรอกครับ คุณอุตส่าห์มีน้ำใจช่วย รับไปเถอะนะครับ เพื่อความสบายใจของเราสองคน” คนเป็นพ่อท้วงด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้ผมต้องยอมรับเงินมาบางส่วนโดยไม่บอกราคาเต็มไป

หลังจากรับคำขอบคุณจากทั้งคู่และแยกย้ายกันเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ถามความสมัครใจของเพื่อนร่วมห้องสักคำ

“ต้องมาพักด้วยกันแบบนี้ คล้าวโอเคไหมครับ เมื่อกี้พี่ก็ลืมถามคล้าวก่อน”

“โอเคครับ เดี๋ยวผมนอนโซฟาก็ได้” คล้าวเอากระเป๋าวางไว้ข้างเตียง พร้อมกับตอบคำถามผมไปด้วย ผมมองไปที่โซฟาแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เพราะถึงโซฟามันจะใหญ่แต่ก็ไม่น่าจะนอนสบายเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวค่อยกลับมาคุยกันอีกทีก็แล้วกัน ตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากแล้ว พอเก็บของเสร็จก็เลยชวนคล้าวออกไปหาอะไรกินข้างนอกตามรีวิวร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรม

หลังจากท้องอิ่มแล้วผมก็ชวนคล้าวไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน พอเจอบรรยากาศดีๆ ข้าวของหลากหลายก็เดินเพลินจนลืมเหนื่อย ได้ทั้งของกินของฝากติดไม้ติดมือจนพะรุงพะรังกันทั้งคู่ ขนาดคล้าวช่วยแบ่งไปถือเยอะแล้วก็ยังเต็มไม้เต็มมืออยู่ดี จนเมื่อรู้สึกว่าขาล้าแล้วนั่นแหละถึงได้ชวนคล้าวกลับโรงแรม

ผมวางข้าวของที่หิ้วมาไว้ข้างโซฟา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วถอนหายใจเฮือก เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองเมื่อยจริงๆ ก็ตอนที่มาถึงห้องพักนี่แหละ

“โอ๊ะ!” ผมอุทานด้วยความตกใจ เมื่อคล้าวทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าแล้วช่วยนวดขาให้

“ไม่ต้องนวดหรอกครับ นั่งพักแป๊บเดียวก็น่าจะหายแล้ว” ผมรีบบอกและโน้มตัวลงไปรั้งมือของคล้าวไว้ พอดีกับที่คล้าวเงยหน้าขึ้นมามองพอดี ทำให้ใบหน้าของเราสองคนอยู่ห่างกันแค่คืบ

ผมจ้องดวงตาคมๆ ของคนตรงหน้าอย่างเผลอไผล ก่อนที่ใบหน้าของเราจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากันเหมือนมีแรงดึงดูด รู้ตัวอีกทีริมฝีปากของเราก็สัมผัสกันแล้ว

ผมหลับตาลงซึมซับความนุ่มนวลอ่อนหวานของรสจูบที่เริ่มจากสัมผัสเพียงแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ ลึกซึ้งเร่าร้อนขึ้นตามอารมณ์

“อื้อ” ผมส่งเสียงประท้วงเมื่อเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทัน พอผละออกมาหายใจได้ไม่นานริมฝีปากคล้าวก็ตามติดมาประกบต่อ กว่าคล้าวจะยอมปล่อยให้ริมฝีปากผมเป็นอิสระผมก็หอบแฮ่ก รู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย

พอเห็นสายตาร้อนแรงของคล้าวที่จ้องมองมาก็รู้สึกร้อนวูบวาบตั้งแต่ผิวหน้าก่อนจะลามไปทั้งตัว

ผมได้แต่เม้มปากแน่นก่อนจะหลบตาด้วยความเขิน จากการนวดขาให้หายเมื่อยในตอนแรก กลายมาเป็นเหนื่อยเหนื่อยมากยิ่งกว่าเดิมได้ยังไงก็ไม่รู้

“ระ... ร้อนเนอะ” ผมพยายามคิดหาคำพูดเพื่อมาคลายบรรยากาศที่ชวนให้เก้อเขินในตอนนี้ แต่สิ่งที่หลุดปากออกไปกลับขัดกันเข้าไปใหญ่ เพราะตอนนี้ในห้องเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำจะไม่น่าจะร้อนได้

“หึ” ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะของคนตรงหน้ายิ่งเขินจนอยากมุดแผ่นดินหนี พอจะหันไปค้อนใส่ก็ดันเจอกับดวงตาที่เป็นประกายพราวของคนตรงหน้า เห็นแล้วก็เขินจนต้องหลบสายตาอีกรอบ

 โอ๊ย! ใครก็ได้ช่วยเอาผมไปจากตรงนี้ที ไม่รู้ความใจกล้าหน้าด้านที่เคยมีมันหายไปไหนหมด ถึงได้เขินอายง่ายแบบนี้

“หายเมื่อยรึยังครับ” คล้าวถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนจะช่วยหาทางออกให้ ผมเลยรีบตอบรับอย่างไว

“หายแล้วครับ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ” พูดจบก็ลุกพรวดพราดเดินเข้าห้องน้ำไป

ปัง!

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเงาในกระจกก็เห็นว่าใบหน้าของตัวเองแดงก่ำ ริมฝีปากที่บวมขึ้นนั้นก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง แววตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข ผมแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะแตะหัวใจตัวเองที่ยังเต้นกระหน่ำจากความใกล้ชิดเมื่อครู่ก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น รู้สึกเหมือนภายในหัวใจมันพองฟูไปหมดเลย

กว่าจะระงับอาการเขินของตัวเองได้ก็ต้องใช้เวลาสักพัก แล้วก็เพิ่งนึกออกว่าเข้ามาแต่ตัว ลืมเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนด้วย จะออกไปเอาก็ยังไงอยู่ เลยตัดสินใจอาบน้ำเลย เพราะในห้องน้ำก็มีอุปกรณ์อาบน้ำพร้อมอยู่แล้ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จก็หยิบผ้าขนหนูมาพันช่วงล่าง แต่ข้างบนก็ดูโล่งๆ พอจะพันทั้งตัวมันก็น่าจะดูแปลกๆ ผมได้แต่ขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง

“คิดอะไรมากวะแสน ยังไงก็ผู้ชายเหมือนกัน” ผมพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องน้ำมาทั้งอย่างนั้น

“เสร็จแล้วเหรอ...ครับ” เสียงของคล้าวขาดหายไปเมื่อหันมาเห็นผม ก่อนที่ข้าวของในมือจะหลุดร่วงลงพื้นไป

“เอ่อ เสร็จแล้วครับ คล้าวไปอาบได้เลย” พอผมพูดจบก็เหมือนคล้าวจะรู้สึกตัวขึ้นมา

“ครับ” คล้าวรับคำเบาๆ แล้วก้มลงไปเก็บของบนพื้น ก่อนจะเดินลิ่วเข้าห้องน้ำไป ตอนที่คล้าวเดินมาใกล้ๆ ผมถึงสังเกตเห็นว่าใบหูของคล้าวแดงก่ำ เห็นแล้วก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาอีกรอบ จึงรีบไปรื้อกระเป๋าหาเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย

หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็หันรีหันขวางเหมือนไม่รู้จะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหนดี ไอ้บรรยากาศแปลกๆ นี่มันมาได้ยังไงเนี่ย เล่นเอาทำตัวไม่ถูกเลย ผมปิดหน้าตัวเองไว้เผื่อจะคลายอาการขัดเขินลงได้บ้าง ก่อนจะตัดสินใจนั่งเล่นโทรศัพท์รอคล้าวบนโซฟา

ไม่นานคล้าวก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมแต่งตัวออกมาอย่างเรียบร้อย เมื่อเก็บของเสร็จแล้ว คล้าวก็หันมาถามผม

“พี่แสนจะนอนเลยไหมครับ เดี๋ยวผมปิดไฟให้”

“ครับ เอ่อ คล้าวมานอนบนเตียงกับพี่เถอะครับ เตียงออกจะกว้าง นอนสองคนได้สบาย ไม่ต้องนอนโซฟาหรอกครับ เดี๋ยวปวดหลัง” พอพูดจบผมก็เดินไปนอนบนเตียงเพื่อให้คล้าวเห็นว่าที่ว่างมันยังเหลือมากพอที่จะนอนสองคนได้สบายๆ จริงๆ

คล้าวมองไปยังเตียงฝั่งที่ว่าง ก่อนจะวกกลับมามองหน้าผมนิ่งๆ แล้วรับคำเสียงเบา

“ครับ” รับคำเสร็จ คล้าวก็เดินไปปิดไฟแล้วเดินขึ้นไปนอนที่เตียงอีกฝั่ง ผมนอนฟังเสียงเคลื่อนไหวของอีกคนนิ่งๆ สักพักบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ

“คล้าวครับ” ผมเรียกคล้าวเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าห้องมันเย็นๆ

“ครับ”

“อย่าลืมห่มผ้าด้วยนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย” พูดจบผมก็ขยับตัวแล้วดึงผ้าห่มออกมาจากขอบเตียง ก่อนจะสอดตัวลงไป หลังจากจัดการฝั่งตัวเองเรียบร้อยแล้วก็คิดว่าจะหันไปดูฝั่งคล้าว แต่พอชะโงกไปหัวก็ดันโขกกับคล้าวพอดี

“โอ๊ย!”

“โอ๊ะ!”

ผมถอยออกมาลูบหน้าผากป้อยๆ ก่อนจะหันไปเปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วหันกลับมาดูคล้าว

“พี่แสนเป็นยังไงบ้างครับ” คล้าวขยับตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจะเชยคางผมขึ้นแล้วสำรวจหน้าผากผมด้วยสีหน้ากังวล พอเห็นไม่ชัดก็ใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าผมไว้แล้วขยับมาดูใกล้ขึ้นอีก

“ไม่เป็นไรครับ แค่เจ็บนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย” ผมหันไปมองหน้าผากคล้าวแล้วลองแตะลงไปเบาๆ เมื่อเห็นคล้าวยังนิ่งเฉย ไม่มีทีท่าจะเจ็บก็เลยแซวขำๆ

“หัวแข็งเหมือนกันนะเราน่ะ” ผมละสายตาจากหน้าผากลงมาก็สบตากับคล้าวพอดี ทำให้ผมเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้กันมากแค่ไหน

ผมหลุบตามองริมฝีปากคล้าวแล้วนึกไปถึงรสจูบหวานๆ ก่อนหน้านี้ มือเลยเผลอไปลูบริมฝีปากของอีกคนอย่างเผลอไผล คล้าวปล่อยมือข้างหนึ่งจากใบหน้าผมมาจับหยุดมือผมไว้ ก่อนที่จะค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้และประทับริมฝีปากลงมาอย่างนุ่มนวล

ผมหลับตาลงรับสัมผัสด้วยความเต็มใจ แรกๆ นั้นสัมผัสเต็มไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนหวาน ก่อนจะค่อยๆ ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างฝ่ายต่างบดเบียด ดูดดึงริมฝีปากของกันและกันอย่างไม่ลดละ ปลายลิ้นถูกส่งไปทักทายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน กระตุ้นความปรารถนาให้ลุกโชนมาและทำลายความยับยังชั่งใจไปหมดสิ้น

คล้าวละริมฝีปากออกมาแล้วซบลงที่ซอกคอของผมนิ่งเหมือนพยายามจะหักห้ามใจ ร่างกายยังคงซ้อนทับกันอยู่โดยที่คล้าวไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมาเต็มที่ ทำให้สัมผัสได้ถึงความต้องการที่ร้อนผ่าวอยู่แถวๆ ต้นขา

ผมเม้มริมฝีปากแน่นอย่างขัดเขิน ก่อนจะตัดสินใจกระซิบบอกคล้าวด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นพร่า

“พี่ต้องการคล้าว”

คล้าวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมนิ่งๆ แววตาร้อนแรงที่มองมาทำให้ผมต้องหลบตาเพราะสู้สายตาไม่ไหว

“แน่ใจใช่ไหมครับ” เมื่อได้ยินคำถาม ผมก็หันมาสบตาคล้าวอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเพื่อยืนยันความตั้งใจของตัวเองแล้วรับคำเสียงเบาแต่หนักแน่น

“ครับ” จบคำก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มนวลที่หน้าผาก

   “ผมรักพี่แสน” ก่อนที่จะได้ยินถ้อยคำที่ทำให้หัวใจพองฟูจนอดจะยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้

   “พี่ก็รักคล้าว อื้อ” คำสุดท้ายยังไม่ทันจบดี ริมฝีปากนุ่มๆ ก็บดจูบลงมาทันที ผมเมากับสัมผัสที่นุ่มนวลและร้อนแรงจนสมองเบลอไปหมด รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เปลือยเปล่าหมดแล้ว

   ริมฝีปากของคล้าวไล่สัมผัสไปแทบจะทุกส่วนของร่างกาย ผ่านตรงไหนก็ทิ้งร่องรอยไว้แทบทุกส่วน เสียงครางผะแผ่วเคล้าคลอกันไปจนไม่รู้เสียงใครเป็นเสียงใคร แรงเสียดสีของร่างกายทำเอาความปรารถนาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด แต่อยู่ๆ ความเคลื่อนไหวของคนที่อยู่บนร่างก็ชะงักลง ทำให้ผมลืมตาขึ้นมามองด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

   พอเห็นสีหน้าลำบากใจของคนบนร่าง ความปรารถนาที่ถูกปลุกขึ้นมาก็แทบจะมอดดับลงทันที ผมถามคล้าวเสียงเบาด้วยความหวั่นใจ

   “คล้าว.... รังเกียจเหรอครับ” คล้าวมีสีหน้าตกใจเมื่อฟังคำถามผม เห็นแล้วก็ยิ่งทำให้หัวใจผมวูบโหวงเข้าไปใหญ่ พอเห็นสีหน้าผมหมองๆ ของผม คล้าวก็รีบอธิบาย

   “ไม่รังเกียจเลยครับพี่แสน” พูดจบก็ก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ ก่อนจะผละออกมาสบตาแล้วพูดต่อด้วยท่าทางเก้อเขินจนผมแปลกใจ

   “ผมแค่ไม่เคย... เอ่อ กับผู้ชายมาก่อน... เลยไม่รู้ต้องทำยังไง” พูดจบก็รีบหลบตาผมทันที

ฟังเหตุผลแล้วก็รู้สึกใจชื้นขึ้น ยิ่งเห็นท่าทางเหมือนทำอะไรไม่ถูกแล้วก็หลุดยิ้มอย่างเอ็นดู นี่ถ้าไฟสว่างๆ ผมมั่นใจว่าคงจะเห็นคนตรงหน้าหน้าแดงหูแดงแน่ๆ

ผมครุ่นคิดสักพักก็ตัดสินใจดันร่างคล้าวออกแล้วลุกขึ้นนั่ง พอจะลุกจากเตียงไปคล้าวก็รีบคว้าแขนไว้ ก่อนจะถามผมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร้อนรน

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ maneethewa

  • มณีเทวา
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
    • Maneethewa - มณีเทวา

“พี่แสนจะไปไหนครับ”

“พี่จะไป เอ่อ ไปเตรียมตัวในห้องน้ำก่อน” ผมหลบตาคล้าวแล้วบอกเสียงเบาด้วยความเขิน รู้สึกว่าผิวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเลย

“...”

เมื่อเห็นว่าคล้าวเงียบไป ผมก็เหลือบไปมองหน้าด้วยวามสงสัย ก็ได้เห็นว่าคล้าวมีสีหน้าเก้อเขินเหมือนทำอะไรไม่ถูก พอเห็นผมมอง คล้าวก็สบตาแล้วเอ่ยปากเบาๆ เหมือนไม่มั่นใจ

“ตรงนี้ได้ไหมครับ... ผมอยากเห็น” ฟังแล้วเลือดก็วิ่งมาเลี้ยงที่หน้ายิ่งกว่าเดิมอ จะปฏิเสธก็ปฏิเสธไม่ลง ยิ่งเห็นสีหน้าเว้าวอนของคนตรงหน้าก็ใจอ่อนยวบยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟ เขินจนอยากระเบิดตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

โอ๊ย! เขินโว้ย อยากจะตะโกนให้ลั่นห้อง แต่ทำได้แค่เขินต่อไป คำว่าเขินตัวแตกเป็นยังไง ก็ได้รู้สึกเองในวันนี้แหละ

ผมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะดึงแขนออกจากมือคล้าวแล้วบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ รู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมยังไงไม่รู้

“ต้องเอา เอ่อ เอาอุปกรณ์ก่อน” ผมตอบตะกุกตะกัก

“เอาอะไรครับ ผมหยิบให้” คล้าวยังคงรั้งไว้เหมือนกลัวผมจะหาย แต่ผมไม่อยากจะตอบเลย ถ้าพูดออกมาแล้วมันน่าอายเกินไป ได้แต่เลี่ยงบอกเลี่ยงๆ ไป

“พี่หยิบเอง” พูดจบก็ไม่รอให้คล้าวค้าน ผมรีบลุกพรวดพราดลากผ้าห่มคลุมตัวไปหยิบของในกระเป๋าออกมา พอเห็นของในมือแล้วก็อยากจะเอาหัวซุกกระเป๋าไว้เพราะความอาย แทบไม่กล้าจะกลับไปเลย

“พี่แสน” โอเค กลับไปก็ได้ ฮือ ทำไมการเสียตัวครั้งแรกมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้นะ ผมโอดครวญในใจ ก่อนจะค่อยๆ ลากผ้าห่มเดินกลับขึ้นเตียงไป

ผมกำของในมือแน่น พยายามไม่เหลือบมองสีหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้า หลังจากหายใจลึกๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วก็ยกผ้าห่มขึ้นบังร่างตัวเองไว้ ก่อนจะวางถุงยางไว้บนพื้นแล้วเปิดฝาเจลหล่อลื่นเทลงฝ่ามือตัวเอง ยังไม่ทันได้ทำขั้นตอนต่อไป คล้าวก็จับผ้าห่มด้านบนไว้แล้วจ้องตาผมก่อนจะบอกด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผมอยากเห็น” ฟังแล้วอยากจะเป็นลมหนีอายให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ทำไม่ได้ไง เลยได้แต่ยอมปล่อยให้คล้าวดึงผ้าห่มลง

คล้าวมองของในมือผมนิ่งๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมต้องรีบอธิบายอย่างร้อนตัว

“ธงรบมันยัดให้มา”

ไม่ได้ตั้งใจจะเอามาจริงๆ นะ!

คืนก่อนเดินทาง ธงรบมันเดินเข้าห้องมาแล้วถามหาเฮียแผนด้วยท่าทางมีพิรุธ พอบอกว่าเฮียแผนอยู่ที่ห้อง มันก็เดินดุ่มๆ เอาของมายัดใส่กระเป๋า จนผมต้องเข้าไปดูด้วยความสงสัยว่ามันยัดอะไรให้

แต่เมื่อเห็นของที่มันยัดมาก็แทบจะปาใส่หน้ามันคืน พอธงรบเห็นผมหน้าแดงมันก็หัวเราะ แล้วกระซิบบอกว่าควรพกติดตัวมาด้วย เพราะครั้งนี้เดินทางมาเที่ยวกันแค่สองคน ทางสะดวกเหมาะกับการเสียตัวมาก ได้ยินแล้วก็ต้องตบหัวมันแก้เขิน ไม่คิดว่าจะได้ใช้ เพราะผมจองโรงแรมไว้คนละห้อง

“หึ ครับ” ได้ยินเสียงหัวเราะที่หลุดมาก่อนจะรับคำแล้วก็เกือบจะเผลอค้อน แต่ยังไม่ทันได้นึกเคือง คล้าวก็ยื่นมือมาหยิบเจลหล่อลื่นในมือผมไปดู ก่อนจะหันมาถามผมด้วยสีหน้าอ่อนโยนจนแทบละลายอีกรอบ

“ใช้ยังไงครับ” ผมเม้มปากแน่นไม่ตอบ แต่พยายามหายใจลึกๆ เพื่อเรียกความกล้า แล้วเทเจลหล่อลื่นใส่ปลายนิ้วตัวเองจนชุ่ม ก่อนจะพยายามข่มความอายค่อยๆ แยกขาตัวเองออก ใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นค่อยๆ สอดเข้าไป

ผมขยับนิ้วเข้าไปเรื่อยๆ อย่างใจเย็น จนนิ้วแรกเข้าไปหมด ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มนิ้วที่สองตามทฤษฎีที่ศึกษามา ถึงจะไม่เคยปฏิบัติจริง แต่ทฤษฎีผมแน่นมาก เพราะผมศึกษามาเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ

ระหว่างที่ทำผมไม่กล้ามองหน้าคล้าวเลย เพราะกลัวจะอายจนทนไม่ไหว แล้วจะวิ่งหนีไปเข้าห้องน้ำซะก่อน ต้องทำไปด้วยพยายามปลุกปลอบใจตัวเองไปด้วยว่าถ้าอยากได้ผัว เอ๊ย! สามีเด็กก็ต้องใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้!

เมื่อนิ้วที่สองเข้าไปหมดแล้ว ระหว่างกำลังจะเอาออกเพื่อทำใจก่อนจะเพิ่มไปอีกนิ้ว คล้าวก็จับข้อมือผมไว้ ยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นไปมองคนจับ ก็ถูกริมฝีปากนุ่มๆ ประกบเข้าไปก่อน

   “อื้ม” รสจูบที่ทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปลุกอารมณ์ของเราขึ้นมาใหม่ ระหว่างที่ผมยังมัวเมากับรสจูบอยู่นั้น นิ้วมือที่ชุ่มของคล้าวก็ค่อยๆ สอดเข้ามา เริ่มจากนิ้วเดียวจนเพิ่มเป็นสองนิ้วและสามนิ้วตามมา แต่คล้าวไม่ได้แค่สอดมาเฉยๆ เหมือนตอนผมทำเอง คล้าวกลับขยับหมุนวนจนไปเจอกับจุดที่ทำให้ผมสะดุ้ง

   “อ๊ะ! คล้าว มัน อื้อ” ผมพูดไม่เป็นภาษาเมื่อรู้สึกเสียวซ่านขึ้นมาจนเผลอร้องครางออกมาเพื่อระบายความรู้สึก

   “ตรงนี้เหรอครับ” คล้าวก็เหมือนจะจับจุดได้ จึงหมุนวนและกดตรงจุดเดิมซ้ำๆ จนผมเสียวซ่านแทบจะขาดใจ

   “อ๊า!” เมื่ออารมณ์พุ่งถึงขีดสุด ผมก็ปลดปล่อยออกมา ก่อนจะนอนหอบอย่างหมดแรง

“อื้อ” แต่ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยดี ก็ถูกกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรงอีกครั้งจนกลัวว่าจะหัวใจวายก่อนได้เสียกันจริงๆ

“เข้ามา อึก คล้าวเข้ามาเลย” เมื่อรู้สึกว่าร่างกายพร้อมแล้ว ผมก็บอกกับกับคนที่กำลังดูดดึงหน้าอกด้วยเสียงหอบๆ

คล้าวผละออกไปจากร่างผม เมื่อหันไปดูก็เห็นคล้าวกำลังเอาใส่ถุงยางแล้วใช้เจลหล่อลื่นชโลมแก่นกายของตัวเองจนชุ่ม เห็นแล้วต้องเบือนหน้าหนีด้วยความอาย ทั้งหวั่นใจกับขนาดที่เห็น ทั้งรอคอยอย่างไม่รู้ตัว

เพียงไม่นานคล้าวก็กลับเข้ามามอมเมาผมด้วยจูบอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ แทรกแก่นกายเข้ามาในช่องทางที่ถูกเตรียมพร้อมเอาไว้

“อึก” แม้จะพร้อมแค่ไหน ก็ยังรู้สึกเจ็บจนผมต้องหายใจเข้าลึกๆ เพื่อผ่อนคลาย คล้าวพยายามใจเย็นอย่างถึงที่สุด ทั้งๆ ที่สีหน้าก็ดูทรมานไม่ต่างกันจนผมต้องกลั้นใจบอก

“เข้ามา ทีเดียวเลยครับ” คล้าวสบตาเหมือนไม่มั่นใจ ผมเลยหลับตาแล้วขยับสะโพกเข้าหาจนคล้าวกัดฟันกรอดเพระทนไม่ไหว ก่อนจะเข้ามาทีเดียวจนสุด

“อื๊อ!” มันเจ็บจนน้ำตาซึม คล้าวจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แล้วพยายามปลุกเร้าอารมณ์ให้ผมอีกครั้ง

“ขยับเลยครับ” จนเมื่อรู้สึกว่าเริ่มดีขึ้นก็บอกให้คล้าวขยับได้เลย

แรกๆ คล้าวยังขยับอย่างเชื่องช้าเพื่อให้ผมปรับตัว แต่เมื่อผมถูกระตุ้นในจุดที่ทำให้ผมรู้สึกเสียวซ่านก็เผลอหลุดปากขอให้อีกฝ่ายทำแรงๆ

เหมือนคำพูดของผมไปทำลายความยับยั้งชั่งใจของคล้าว เพราะหลังจากนั้น คล้าวก็ใส่แรงมาไม่ยั้ง เสียงหอบหายใจ เสียงครวญครางและเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วห้อง แต่ ณ จุดๆ นี้ต่างฝ่ายต่างก็หน้ามืดจนไม่รู้สึกอายแล้ว รู้สึกเพียงอยากให้แรงปราราถนาที่ลุกโชนอยู่ถูกปลดปล่อยออกมาเสียที

กว่าบทรักครั้งนี้จะจบลง ผมก็ปลดปล่อยไปอีกหลายรอบ แล้วกว่าคล้าวจะยอมปล่อยให้ผมได้พักผ่อน ผมก็ครางจนเสียงแหบเสียงแห้ง จะห้ามให้หยุดก็ใจไม่แข็งพอ แค่เห็นแววตาและสีหน้าเว้าวอนก็ใจอ่อนไปหมดแล้ว

ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนกับโดนรถหรืออะไรหนักๆ ทับ ร่างกายอ่อนล้าจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ ยิ่งส่วนที่รับศึกหนักเมื่อคืนยิ่งอาการหนัก แค่ขยับก็เจ็บร้าวสะท้านสะเทือนไปทั้งตัว



ฮือ ทำไมคล้าวไม่อ่อนโยนกับพี่เลย

ผมได้แต่คร่ำครวญในใจ เพราะยังกระดิกตัวไม่ได้

“ตื่นแล้วเหรอครับ” ผมยังไม่ทันได้ตอบ คล้าวก็ก้าวขึ้นมาบนเตียงแล้วแตะหน้าผากผมด้วยสีหน้ากังวล

“เหมือนจะมีไข้” คล้าวพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนหันไปรื้อของในถุง หยิบปรอทออกมาเสียบจั๊กกะแร้ แล้วลุกไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาเช็ดตัวให้

ระหว่างที่เช็ดตัวอยู่ เสียงปรอทก็ดังพอดี

“มีไข้จริงๆ ด้วย” คล้าวหยิบมาดูแล้วก็พึมพำมด้วยสีหน้ากังวล

“เจ็บมากไหมครับ ผมขอโทษที่เอาแต่ใจนะครับ” พูดจบคล้าวก็ก้มลงมาจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรครับ” ผมพยายามปลอบคล้าวด้วยเสียงแหบๆ

คล้าวรีบรินน้ำมาให้ผมดื่ม ผมก็ดื่มจนหมด เพราะรู้สึกคอแห้ง ส่วนคอแห้งเพราะอะไรนั้นไม่อยากจะนึกถึง พอนึกถึงขึ้นมาก็เหมือนจะร้อนหน้าขึ้นมาทันที

“ไปโรงพยาบาลดีไหมครับ” คล้าวถามด้วยสีหน้าที่ยังไม่คลายกังวล

“ไม่เป็นไรครับ นอนพักสักนิดก็คงจะดีขึ้น” ผมรีบตอบเพราะไม่อยากไปโรงพยาบาล จะให้บอกหมอว่ายังไงล่ะ ป่วยเพราะเสียซิงงั้นเหรอ เขินตายเลย ไม่เอาด้วยหรอก

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเช็ดตัวเสร็จก็ทานยาแล้วพักผ่อนเลยนะครับ”

“ครับ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย เพราะไม่อยากไปโรงพยาบาล

เมื่อคืนคล้าวก็คงเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมแล้ว เพราะผมไม่รู้สึกเหนียวตัวจากเหงื่อและจากอะไรๆ ที่เกิดจากกิจกรรมเมื่อคืน

ผมปล่อยให้คล้าวเช็ดตัวให้ต่อ ให้พลิกซ้ายพลิกขวาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พอเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของคนตรงหน้าก็อดจะยิ้มไม่ได้

เมื่อคล้าวเช็ดตัวเสร็จก็หันมาสบตากับผมแล้วยิ้มตอบ

“ยิ้มอะไรครับ” คล้าวก้มมากดจูบที่ริมฝีปากเร็วๆ แล้วผละออกมาถามด้วยร้อยยิ้มอ่อนโยน

“พี่แค่มีความสุข” ผมแตะแก้มคล้าว คล้าวก็แนบใบหน้ากับมือผมเหมือนจะอ้อน

“ผมก็มีความสุขมาก ขอบคุณนะครับ” คล้าวจับมือผมมากดจูบลงกลางฝ่ามือ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาทำท่าเหมือนจะจูบ ผมเลยรีบเอามือปิดปากคล้าวไว้

“พี่ยังไม่ได้แปรงฟันเลย”

“หึๆ งั้นเดี๋ยวผมพาไปครับ” พูดจบก็ก้าวลงจากเตียงแล้วโน้มตัวมาอุ้มผมขึ้นจนผมอุทานอย่างตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว คล้าวหัวเราะชอบใจ ก่อนจะอุ้มผมเดินไปส่งในห้องน้ำให้ทำธุระส่วนตัว

พอเปิดประตูห้องน้ำออกมา คล้าวก็เดินมาอุ้มกลับไปส่งที่เตียง ก่อนจะนำอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงที่

หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อย คล้าวก็ให้กินยาแก้ไข้ที่ไปซื้อมาระหว่างที่ผมหลับ ก่อนจะทายาที่ช่องทางข้างหลังให้ ซึ่งมันทำให้ผมอายจนแทบจะขาดใจอีกรอบ จะขอทาเองคล้าวก็ไม่ยอม

บรรยากาศหวานชื่นหมือนคู่แต่งงานใหม่นี้ ทำให้ผมได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข นี่ถ้าธงรบอยู่ด้วย มันต้องทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เราสองคนอย่างแน่นอน

หลังจากเรียบร้อยแล้ว คล้าวก็บังคับให้ผมพักผ่อน ผมเลยบอกให้คล้าวขึ้นมานอนด้วยกัน โปรแกรมวันนี้เลยต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย เพราะสภาพร่างกายของผมไม่เอื้ออำนวย

ผมซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของคล้าว ซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายที่แผ่ขยายไปถึงหัวใจ แล้วหลับไปอย่างมีความสุข
   
*************************************************************************************

   หลังจากพักผ่อนทั้งวันร่างกายผมก็ดีขึ้น วันต่อมาผมเลยชวนคล้าวออกไปดูผ้าตีนจกที่แม่แจ่มตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ซึ่งผมก็ได้ผ้าสวยๆ มาอีกหลายสิบผืน รวมทั้งของฝากเล็กๆ น้อยๆ อีกหลายชิ้น

ระหว่างทางก็แวะไหว้พระและแวะเที่ยวตามสถานที่ที่น่าสนใจไปเรื่อยๆ พอเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม วันต่อมาก็ออกไปเที่ยวต่อ

ผมพาคล้าวไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ ก่อนจะชวนขึ้นรถไปเที่ยวพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และไปต่อที่หมู่บ้านม้งดอยปุย

วันต่อมาเราก็ไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์ ก่อนจะกลับมาพักผ่อนเอาแรงที่โรงแรม เพื่อเตรียมเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

วันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางออกจากเชียงใหม่กันตั้งแต่เช้า ระหว่างทางเดินก็แวะเที่ยวไปเรื่อยๆ ไม่ต่างจากตอนขามา กว่าจะถึงสุพรรณบุรีในช่วงบ่ายๆ

หลังจากที่ไปนมัสการหลวงตาที่วัดเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับมาที่บ้านริมทุ่งแล้วช่วยกันเก็บกวาดบ้านเอาไว้สำหรับนอนในคืนนี้

   เสร็จแล้วผมก็ชวนคล้าวเดินเล่น เราเดินทอดน่องตามคันนาไปเรื่อยๆ ระหว่างทางก็เจอคนคุ้นหน้าคุ้นตาที่เคยเจอตอนผมอยู่ในร่างทองกวาวหลายคน เมื่อเห็นคล้าวก็ตะโกนทักทายข้ามแปลงนามา ผมยืนฟังไปยิ้มไปเพราะเอ็นดูกับความน่ารักของคนที่นี่

กว่าจะไปถึงต้นไทรพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินพอดี เราจูงมือกันเดินเลาะริมห้วยไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นผมก็ชวนคล้าวรำลึกความหลังไปด้วย

ที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเรา ทั้งช่วงเวลาที่ลำบากด้วยกัน ช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน ผมเล่าความรู้สึกและความคิดตอนที่เป็นทองกวาวให้คล้าวฟัง เว้นเรื่องที่ผมชอบลวนลามคล้าวไว้ก่อน ยังไม่กล้าสารภาพกับคล้าว เพราะกลัวคล้าวจะรู้ว่าผมแอบหื่น

พอเรามาทำความเข้าใจการกระทำของกันและกันในครั้งก่อน ก็ทำให้เราสองคนต่างหลุดหัวเราะออกมาเป็นด้วยความขำ เพราะบางเรื่องนี่เราต่างก็เข้าใจไปคนละทิศคนละทางเลย

เมื่อเดินกลับมาถึงบ้านคล้าวก็ล้างโอ่งที่อยู่ใกล้ๆ คอกทองกวาวแล้วรองน้ำให้อาบ ระหว่างที่คล้าวไปเทอาหารที่เราซื้อติดมือมาในจาน ผมก็อาบอย่างทุลักทุเล เพราะไม่ถนัดนุ่งผ้าขาวม้า กว่าจะเสร็จผ้าขาวม้าที่นุ่งก็เกือบจะหลุดอยู่หลายรอบ

“ให้ช่วยไหมครับ” ระหว่างที่กำลังเปลี่ยนผ้าขาวม้าอยู่ ก็ต้องหันขวับไปมองคนแซวที่กำลังยืนมองมาขำๆ

“ก็มาสิ” พอหลุดปากไป คล้าวก็เดินเข้ามาหาจนผมเผลอถอยหลัง เพราะไม่คิดว่าคล้าวจะมาจริง

เมื่อเดินมาถึงคล้าวก็หยิบผ้าขาวม้าผืนที่แห้งพันเอวให้อย่างแน่นหนา ก่อนจะกระตุกผืนที่เปียกอย่างรวดเร็วโดยที่ผมยังยืนงงอยู่ พอเปลี่ยนเสร็จคล้าวก็ขยับมาใกล้แล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากเบาๆ แล้วผละออกมาบอกด้วยแววตาพราวระยับ

“ไปแต่งตัวครับ ถ้าอยู่สภาพนี้ต่อไปเดี๋ยวจะไม่ได้ทานข้าว” ฟังแล้วรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที ต้องรีบเดินขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็วเพราะเห็นแววตาแล้วกลัวใจว่าคล้าวจะทำจริง

พอแต่งตัวเสร็จ เดินลงมาก็เห็นว่าคล้าวกำลังอาบน้ำอยู่ เลยทำเนียนไปนั่งเฝ้าอาหารแล้วนั่งจ้องคนที่กำลังอาบน้ำตาวาว เห็นแล้วน้ำลายแทบไหล ไม่ได้เพราะหิวข้าวนะ แต่หิวคนที่กำลังฟอกสบู่ตามตัวอยู่นี่แหละ

แต่พอคล้าวหันมา ผมก็หลบตาทำทีเป็นกำลังปัดอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้อะไรมาตอมอยู่

“อ๊ะ!” ก่อนจะอุทานด้วยความตกใจ เมื่อถูกคนที่อาบน้ำเสร็จแล้วเดินมาหอมแก้มแรงๆ พอหันไปมองก็เห็นตัวการมองมายิ้มๆ เห็นแล้วรู้สึกคันหัวใจยิบๆ

ทำไมถึงได้เป็นคนเกเรแบบนี้เนี่ย เพราะอยู่ในถิ่นตัวเองอย่างงั้นเหรอ อย่าให้กลับไปบ้านผมได้นะ ผมจะ... จะ... จะหอมคืนเลยคอยดู หึๆๆ

“ยิ้มแบบนี้นี่คิดอะไรอยู่ครับ” พอได้ยินคำถามผมก็หุบยิ้มฉับแล้วรีบปฏิเสธ

“เปล่าครับ” คล้าวมีสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ แต่พอเห็นผมยิ้มประจบก็ก้มลงมาจูบเบาๆ อีกรอบแล้วบอก

“เดี๋ยวผมไปแต่งตัวก่อน ถ้าหิวก็ทานก่อนเลยนะครับ” พูดจบก็เดินขึ้นบ้านไป ปล่อยให้ผมค้อนลมค้อนแล้งไปเรื่อย

หลังจากท้องอิ่มแล้ว คล้าวก็ทำความสะอาดแคร่ให้สะอาด เอาเสื่อและผ้ามาปู ก่อกองไฟเพื่อไล่แมลง ก่อนจะจับผมทายากันยุงจนทั่ว แล้วชวนผมนอนดูดาว

เราสองคนนอนมองดาวที่พร่างพราวบนท้องฟ้าเคียงกันเงียบๆ กลิ่นดอกมะลิลอยมาตามลมหอมจนผมต้องสูดลมหายใจรับกลิ่นหอมๆ จนเต็มปอด

“คล้าว” ผมเรียกชื่อคล้าวโดยที่สายตายังไม่ละไปจากท้องฟ้า

“ครับ” คล้าวรับคำเบาๆ

“ร้องเพลงให้พี่ฟังหน่อยได้ไหมครับ” ผมหันไปถามคล้าวด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

“ได้สิครับ พี่แสนอยากฟังเพลงอะไรครับ” คล้าวตะแคงตัวมาถาม

“มนต์รักลูกทุ่งครับ” เมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจของคล้าว ผมก็ตะแคงตัวไปทางคล้าวแล้วอธิบายต่อ

“พี่จำได้ว่าคล้าวเคยร้องให้พี่ฟังตอนพี่อยู่ในร่างทองกวาว พี่ชอบมากจนต้องโหลดมาฟังทุกเวอร์ชั่นเลย แต่เวอร์ชั่นที่ชอบที่สุดก็คือเวอร์ชั่นที่คล้าวร้อง พี่เลยอยากฟังอีกครั้ง” พอฟังจบคล้าวก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงมือผมไปจูบเบาๆ แล้วนำมือที่ประสานกันอยู่ไปวางไว้ตรงหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ก่อนจะสบตาผมแล้วเริ่มร้องเพลง

หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาย่านาง
มองเห็นบัวสล่างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยๆก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินมาคลึง
เคล้าเจ้าบัวตูมบัวบาน

หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
ครวญระคนหอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่วพริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานั้นมีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนาหวานแว่ว
แผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
ซ้ำหอมน้ำปรุงที่แก้มนงคราญ

ผมนอนฟังคนตรงหน้าร้องเพลงด้วยรอยยิ้ม พอเพลงจบลง ผมก็ขยับไปจูบริมฝีปากคล้าวเบาๆ ก่อนจะกระชับมือที่ประสานกันให้แน่นขึ้นแล้วบอกด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่คลาย

“เอาไว้ร้องให้พี่ฟังอีกนะครับ”

“ครับ ผมจะร้องให้พี่แสนฟังไปตลอดชีวิตเลย” คล้าวบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังจนหัวใจผมเต็มตื้น เมื่อคล้าวขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ผมก็หลับตาลงรับสัมผัสนุ่มนวลอย่างเต็มใจ


*****************************************************************************************

จบแล้วววววววววววววว เย้ๆๆๆๆๆ
เป็นการเขียนเลิฟซีนที่ทั้งขำทั้งเขินเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ ขำในความกากของคล้าว ทำตัวให้สมกับเป็นพระเอกหน่อยลูกกกก
ส่วนพี่แสนก็มุ่งมั่นกับการเสียตัวเหลือเกิน ถถถ
ตอนที่แล้วว่าเหม็นความรักแล้ว ตอนนี้เหม็นหนักกว่าเดิมอีกค่ะ

ขอบคุณทุกๆ คนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ
บอกตามตรงว่าที่เขียนจบได้เพราะกำลังใจจากยอดอ่านและจากคอมเม้นท์ของทุกคนจริงๆ
เพราะยอดอ่าน ยอดเม้นท์ มันทำให้นักเขียนมือใหม่อย่างเรารู้ว่า มีคนรอ มีคนสนใจอยู่นะ
มันทำให้เรามั่นใจที่จะเขียน มั่นใจที่จะถ่ายทอดจินตนาการของเราออกมาค่ะ
กราบแนบอกทุกคนงามๆ อีกครั้งนะคะ

แต่ตอนนี้คงจะหมด passion ในการเขียนไปอีกพักใหญ่ๆ เลยค่ะ
 ทั้งที่มีพล็อตในหัวอีกล้านแปด เอาไว้คึกๆ จะมาฝึกปรือฝีมือใหม่แล้วกันค่ะ
เผื่อจะมีคนรอ เผื่อจะมีคนติดใจสำนวนเราบ้าง เผื่อจะได้เจอกับ…
พี่แคนที่ยังคิดว่าตัวเองเป็นเป็ด
น้องซอที่ชื่อไม่ได้หมายถึงเครื่องดนตรี
น้องณะที่ไปอยู่ในร่างนายบำเรอ
เรื่องผีๆ ที่อยากจะเขียนดูสักเรื่อง

พล็อตเยอะแยะไปหมด แต่ถ่ายทอดให้ได้ดั่งใจยากจริงๆ ค่ะ
ตอนนี้กลับไปเคลียร์งานประจำ เคลียร์กองดองต่อก่อน
ไว้เจอกันใหม่เมื่อไฟมานะคะ
See you next time
LOVE


:กอด1: :กอด1: :L1: :pig4: :L1: :กอด1: :กอด1:

ปล. ฝากเอ็นดูก้อนดินลูกอีกคนของเราด้วยนะคะ ใกล้จะออกเป็นรูปเล่มแล้วค่ะ ปกงามมากเลย


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :o8: :-[
จบได้น่ารัก คล้าวเองก็ทำตัวไม่ถูกว่าจะเริ่มยังไงกับผู้ชาย อันนี้ขำ อิอิอิ
แต่พี่แสนที่ดูเรียบร้อย แต่การเตรียมตัวเพื่อเสียตัวเนี่ยว้าววจริง ๆ
 :hao6: :hao6:
ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆ มาให้อ่านนะ แล้วจะคอยติดตามเรื่องต่อไปจ้า
 :L2: :กอด1: :L2: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2019 12:26:39 โดย k2blove »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :katai2-1:  :z1:  :m25: หว๊านหวานไปดูผ้าหรือฮันนี่มูนค่ะ จบไปอีกเรื่อง
แม่ดินรักนะ แต่รักนู๋หินมากกว่า  :m20:  ส่วนพ่อไซก็.....รักนะ รักอะแหละ รักในความมั่นคง เอ๊ะมาเม้นเรื่องอื่นจะดีหรา  :hao3:
แต่จะมีเรื่องคุณไฟไหมค่ะ สงสารเฮียแกนะ ถึงแรกๆ จะหมั่นไส้ก็เถอะ  :mew1:
จะรอติดตามเรื่องต่อไปของคุณค่ะ  :pig4:  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อุตส่าห์ฝ่าฟันจบมาถึงตอนจบแแบบร้อนแรง ต้องขอบคุณกามเทพธงรพอุ้มสม เตรียมพร้อมให้ลูกสาวอย่างดี  :laugh:

ขอบคุณไรท์มากค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ขำ พี่แสนกับน้องคล้าวผู้ไม่อ่อนโยน
ตอนพิเศษต้องพี่แสนผู้ไม่ออนโยนบ้างแล้วนะ

ออฟไลน์ TuEyyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :-[ :-[ :-[ คล้าวจ๋าาา อะไรจะอ่อนโยนขนาดนั้น

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
ถ้าแสนมีความสุข เราก็สุขด้วย

มีพิเศษๆไหมน้อ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

น่ารักมากๆเลย
ขอบคุณที่แบ่งปัน เรื่องสนุกๆ
เวลานักเขียนเหนื่อยๆ เบื่อๆก็พักก่อนนะของแบบนี้ต้องใจเย็นๆ ส่วนเราก็รออ่านต่อไป เย้เย้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
น่ารักมากๆ ขอบคุณ ผู้เขียน จ้า สำหรับ ความสุขในการอ่าน ที่มอบให้ เป็นกำลังให้คนเขียน จ้า ^^

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รอเรื่องใหม่อยู่น๊าาา

ออฟไลน์ wetter

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบตอนเป็นพี่คล้าวกับทองกวาวมาก น่าร้ากกกก ชอบคล้าวตอนแรกๆ ด้วย หลังๆขรีมขึ้นเยอะเพราะเข้าเมือง :laugh:
พี่แสนคือมีแต่คนดีๆ รอบตัว ทั้งครอบครัวทั้งเพื่อน ดีมากๆ
ชอบภาษาการบรรยายมากค่ะ อ่านเพลินๆ เนื้อเรื่องสบายๆ ชอบความแฟนตาซีแบบนี้  o13

ออฟไลน์ zysygy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด