(ต่อนะคะ)
แน่นอนว่าด้วยระยะทางทำให้ไม่สามารถใช้เวลา5นาทีเหมือนที่พูดไว้ได้ แต่ดูเหมือนปายจะรอผมและลูก้าอยู่ ทันทีที่เหยียบบนเรือปายก็สั่งให้ออกเรือโดยไม่รีรอ
“สัตว์ที่หลุดไปเป็นพันธุ์อะไร”ผมเดินไปถามข้อมูลจากหัวหน้าฝ่ายควบคุมอย่างปาย
“เรื่องนั้นการติดต่อถูกตัดไปก่อนแต่เหมือนจะเป็นออสตราโคเดิร์มนะ”
“หึ...”
“มีอะไรน่าขำเหรอสาม”ลูก้าที่ตามมาถามด้วยใบหน้างงๆ
“น่าขำสิ...สัตว์ที่อาจมีเชื้อโรคตอนนี้อยู่ในทะเลแถมดันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ก้นทะเลอย่างออสตราโคเดิร์มอีกต่างหาก”น่าขำจนอยากจะร้องไห้
ระดับน้ำที่ใช้ในการแล่นเรือคงไม่ใช่10-20เมตร ระดับน้ำที่วาฬอยู่คือประมาณ1,000เมตรการจะดำลงไปก้นทะเลในระดับที่ลึกกว่า1,000เมตรถือเป็นเขตอันตรายที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง
น้ำลึกขนาดนั้นสัตว์ที่ต้องจับดันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ก้นทะเล
แถมขนาดของมันยังมองเห็นง่ายซะเหลือเกิน
นี่ผมกำลังประชดอยู่นะ
ออสตราโคเดิร์ม เป็นปลาดึกดำบรรพ์ที่มีเกราะหุ้มอยู่ทั้งตัวเพื่อป้องกันอันตรายจากนักล่าในก้นทะเลลึก ด้วยขนาดเพียงฝ่ามือหรือไม่เกิน30เซนติเมตรทำให้มันถูกมองข้ามจากนักล่าตัวใหญ่
ไม่มีอะไรยากไปกว่านี้แล้ว
“คิดจะให้พวกลูกน้องดำลงไปเหรอ”ผมหันไปถามปาย
“...นอกจากนั้นคงไม่มีทางเลือกอื่น”ปายนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา
“ได้พากันแย่น่ะสิ...ระดับน้ำขนาดนั้นไม่มีใครเคยดำลงไปหรอก ความมืดของก้นทะเลมนุษย์ปกติไม่มีทางมองเห็น”การจะดำลงไปในความลึกระดับนั้นจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญสูง
ขนาดผมยังไม่เคยดำลงไปลึกขนาดนั้นเลย
“มีวิธีอื่นจะเสนอรึเปล่าล่ะ...ตอนนี้ถ้าพวกมันถูกสัตว์อื่นกินไปแล้วเกิดแพร่เชื้อมันจะยิ่งควบคุมยากขึ้นไปอีก”
“ข้อเสนอน่ะมี...แต่ต้องถามข้อมูลมากกว่านี้ก่อน”
“ว่ามา...”
“หัวหน้า ถึงแล้วครับ”เสียงตะโกนของโก้หนึ่งในลูกน้องของปายดังขึ้นขัดจังหวะ
เรือขนาดกลางของพวกเราเข้าไปจอดเทียบกับเรือขนาดใกล้เคียงกันอีกลำ บนเรือนั่นมีคนอยู่หลายสิบคนที่กำลังทำหน้าเหมือนคงกำลังหมดหวัง ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะทำหน้าแบบนั้น...ถ้าเรื่องสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่อาจมีเชื้อระบาดอยู่รู้ถึงหูพวกองค์กรสิ่งแวดคงได้มีบทลงโทษไม่น้อยแน่
“ก่อนอื่นผมของถามว่าทำไมถึงได้นำสัตว์ที่อาจมีเชื้อบรรทุกมากับเรือด้วย”ผมไม่รอแม้จะเอ่ยทักทายรีบตรงเข้าไปหาคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า
“การทำยารักษาจำเป็นต้องมีการทดลองจริง ถ้าขืนรอให้นำยาไปทดลองคงจะกินเวลามากดังนั้นทางเบื้องบนเลยมีคำสั่งให้นำสัตว์ในเขตที่มีการแพร่ระบาดส่งให้กับสถาบันวิจัยทั่วโลก...ความจริงทางเราก็จะส่งให้กับพวกคุณเหมือนกัน”
“...แบบนี้นี่เอง”เข้าใจล่ะว่าทำไมถึงต้องพาสัตว์พวกนี้มา
เราจะปล่อยเวลาให้เสียไปไม่ได้ การจะรอให้สร้างยาได้แล้วส่งไปยังพื้นที่แพร่ระบาดเพื่อทำการทดลองว่าใช้ได้หรือไม่นั้นกินเวลาเกินไป และถ้าเกิดใช้ได้กว่าจะทำยาตัวเพิ่มก็ยิ่งเสียเวลามากขึ้นไปอีก
“เดี๋ยวพวกเราจะพยายามลงไปจับออสตราโคเดิร์มให้แต่ไม่รับประกันว่าจะจับได้ครบไหม”ปายพูดต่อ
“เอ่อ...เกี่ยวกับเรื่องเราเกรงว่าจะไม่ได้มีแค่ออสตราโคเดิร์มที่พวกคุณต้องช่วยจับ”
“จะบอกว่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ตกทะเลไปไม่ได้มีแค่ออสตราโคเดิร์มงั้นเหรอ”ผมแทบจะตะโกนออกมาเมื่อได้ยินคำพูดนั่น
“คะ...ครับ”
“มีอะไรอีก”
“พิคายา...”อีกฝ่ายพึมพำเสียงเบาราวกับไม่อยากพูดชื่อนั้นออกมา
“พิคายา...ให้ตายเถอะ นี่มันยิ่งกว่าออสตราโคเดิร์มอีกนะ”ผมละอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆเลย
ออสตราโคเดิร์มยังมีขนาดประมาณ30เซนติเมตรซึ่งก็ถือว่าเล็กแล้วสำหรับการมองหาด้วยตาในทะเลอันกว้างใหญ่แต่พิคายามีขนาดเล็กกว่าอีกหลายเท่าคือมีขนาดตัวเพียง5เซนติเมตรเท่านั้น
คิดดูสิว่าจะมองหาสัตว์ขนาดเล็กเท่านั้นได้ยังไงในทะเลที่กว้างเป็นหมื่นๆกิโล
“...แล้วก็มีฮัลลูซิจีเนียอีกครับ”
“...”ผมถึงกับพูดไม่ออก ดวงตาสีน้ำตาลของผมเบิกกว้างทันทีที่อีกฝ่ายพูดต่ออีก
“สาม...ฮัลลูซิจีเนียนี่ผมเคยได้ยินมา เห็นว่าเป็นสัตว์ขนาดเล็กที่มีหนามบนหลังถึง7คู่...ถึงจะมีหนามเยอะขนาดนั้นแต่ขนาดตัวมันน่ะ...”
“0.5มิลลิเมตรถึง3เซนติเมตร”ผมพูดต่อสิ่งที่ลูก้าค้างไว้
พิคายาว่าตกใจแล้วเจอฮัลลูซิจีเนียยิ่งตกใจกว่าอีก
นี่มันรวมสัตว์ดึกดำบรรพ์ยุคแคมเบรียนรึไง
“สาม”ปายเรียก
“สัตว์เล็กขนาดนั้นโอกาสหาเจอแทบเป็นศูนย์”
“แต่จะปล่อยเอาไว้...”
“ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
“อืม...เห็นบอกว่ามีแผนอะไรนี่”
“ก็มีอยู่แต่ขอถามข้อมูลอีกหน่อย...พวกสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ล่วงไปในทะเลมีอะไรใส่ไว้สินะครับ”ผมหันกลับไปถามเจ้าหน้าที่คนเดิม
“ใส่กล่องใสไว้ครับ...กล่องนั่นมีระบบล๊อคอยู่ต่อให้โดนกระแทกก็ไม่เปิดแน่นอน”อีกฝ่ายอธิบาย
อย่างน้อยก็อยู่ในกล่องอย่างที่คาดนึกว่าต้องงมเข็มในมหาสมุทรซะแล้ว
แบบนี้ค่อยง่ายหน่อย
“แล้วบริเวณที่ตกลงไปล่ะ”
“บริเวณนั้นครับ...ตกไปได้เกือบชั่วโมงแล้ว”
“เกือบชั่วโมงเหรอ...ลงไปลึกแน่...ปาย”
“พูดแผนของนายมาเลย”
“จะทำตามงั้นสิ”
“ก็ดีกว่าไม่มีแผนละกัน”
“เป็นหัวหน้าแต่ไม่มีแผนนี่แย่นะ”
“ใครมันจะคิดได้เร็วเหมือนนายเล่า...บอกมาได้แล้ว”ปายเร่ง
“ถ้าสิ่งที่ตกลงไปคือกล่องเราก็หาได้ง่ายขึ้นแต่ขอบเขตการค้นหาก็จะกว้างหน่อยเพราะกระแสน้ำอาจทำให้กล่องถูกพัดไปค่อนข้างไกล...ผมเสนอให้แบ่งกันทำงานเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกดูตั้งแต่ผิวน้ำไปจนถึงระดับความลึก50เมตร กลุ่มที่2ตั้งแต่50เมตรไปจนถึง80เมตร...”
“ระดับน้ำมันตื้นไปรึเปล่า น่าจะหาในระดับที่ลึกกว่านั้น”ปายพูดแทรก
“กล่องขนาดประมาณไหนครับ”ผมหันไปถามอีกรอบ
“ประมาณนี้ครับ”อีกฝ่ายบอกรูปร่างโดยใช้มือทั้งสองข้างช่วย ขนาดนั้นประมาณเครื่องซีพียูปกติหนึ่งเครื่องได้
“จากที่ผมคาดคิดว่ายังไม่น่าลงไปลึกขนาดนั้นแต่เพื่อความแน่ใจผมกับลูก้าจะเป็นกลุ่มที่3จะลงไปหาในระดับความลึกมากกว่า80เมตรให้”
“แค่สองคน?”
“ใช่...ผมไม่ได้บอกว่าคนอื่นประสบการณ์ไม่พอหรือไม่เหมาะสม เพียงแต่ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินผมกับลูก้าสามารถกลับขึ้นมาได้โดยมีเปอร์เซนต์ความปลอดภัยมากกว่า”ผมอธิบายต่อ
“สาม...”
“ไหวนะลูก้า”ผมหันไปมองลูก้า
“แน่นอน”
“เคยดำลึกสุดเท่าไหร่”
“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยวัดแต่ลึกพอดู”
“โอเค...มีชุดกับถังออกซิเจนใช่ไหม”ผมหันไปถามปาย
“อืม...มีอยู่ท้ายเรือ”
“บอกให้ทุกคนทำตามนั้น พวกเราต้องรีบหน่อย”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากคุยจบผมก็รีบวิ่งไปจัดการเปลี่ยนชุดและอุปกรณ์ต่างๆ ถังออกซิเจนถูกปรับให้มีขนาดเล็กกว่าปกติแต่มีปริมาณอากาศมากกว่าถังขนาดใหญ่ เมื่อผมจัดการทุกอย่างเสร็จก็ออกมายังส่วนท้ายเรือที่ตอนนี้มีเหล่าลูกน้องปายกำลังดำลงไปอยู่
“ลูก้า ไม่เปลี่ยนชุดแน่นะ”ผมหันไปถามอีกรอบ
“ไม่เปลี่ยน...แบบนี้สบายกว่า”
“รู้ใช่ไหมว่าเราต้องหาอะไร”
“อืม...กล่องใสที่มีสัตว์ตัวเล็กอยู่ข้างใน”
“ดี...นี่ลูก้า”ผมมองไปรอบๆก่อนจะเข้าไปปะชิดตัวอีกฝ่าย
“อะไร”
“ห้ามกลับร่างโนเสาร์ถ้าผมไม่บอกนนะ”ผมกระซิบต่อ
“เข้าใจแล้ว”
“และถ้ากลั้นหายใจไม่ไหวให้บอกผมจะให้ออกซิเจน”
“สามจะจูบผมเหรอ”
“ไม่ได้พูดสักคำ”ผมหันไปบ่นเสียงดัง
ประโยคไหนที่สื่อความหมายว่าจะจูบกัน
“ก็บอกว่าจะให้ออกซิเจน”
“แค่ที่หายใจต่างหาก...เลิกเล่นก่อน ไปกันได้แล้ว”
“อืม”ลูก้าพยักหน้าก่อนจะค่อยๆลงใบยังทะเล
“ปาย...ถ้ามีท่าไม่ดีเรียกคนอื่นให้ขึ้นเรือซะ”ผมบอกพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนตัวมา
“คนอื่นที่ว่ารวมพวกนายสองคนด้วยนะ”
“ผมไม่ใช่ลูกน้องนายนะ”ผมบอกยิ้มๆ
“คิดจะจัดการคนเดียวเหรอ ครั้งก่อนก็ทีแล้ว...แบบนี้ยุบฝ่ายควบคุมไปรวมกับฝ่ายวิจัยเลยดีกว่ามั้ง”
“ไว้จะลองเอาไปเสนอที่ประชุมดูนะ”ผมพูดติดตลก
“ติดเครื่องสื่อสารไร้สายไปแล้วใช่ไหม”
“อืม”ผมพยักหน้าก่อนจะลงไปในน้ำบ้าง
ลูก้าลอยคอรออยู่พอผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายก็มุดลงไปใต้น้ำทันที ผมเองก็ดำลงไปตามหลังลูก้าไป...ระยะห่างที่ทิ้งกันนี่คงเป็นความห่างของความสามารถในน้ำสินะ
ทั้งที่ร่างกายเป็นมนุษย์เหมือนกันแต่ลูก้ากลับเคลื่อนไหวในน้ำได้คล่องกว่าบนบกซะอีก
ระดับน้ำที่เริ่มลึกขึ้นเริ่มทำให้การมองเห็นแคบลงไปเรื่อย...เมื่อผ่านระดับ80เมตรมาโลกใต้ทะเลก็เปลี่ยนเป็นสีเทา ฝูงปลาขนาดใหญ่สีเงินแหวกว่ายผ่านกระแสน้ำเป็นภาพชวนมองเพียงแต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาจะไปหลงกับวิวพวกนั้น
“สาม...ได้ยินสินะ...ตอนนี้เราเจอกล่องออสตราโคเดิร์มแล้วในระดับน้ำลึกประมาณ25เมตรห่างจากตัวเรือไปประมาณ200เมตร ตอนนี้มีการติดต่อมาว่าหน่วย2เจอกล่องใสแล้วแต่เพราะเริ่มมีกระแสน้ำเลยต้องใช้เวลาอีกนิด ฝนทำท่าจะตกแล้วพวกนายควรรีบขึ้นมา”เสียงจากเครื่องสื่อสารไร้เสียงทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนผิวน้ำที่เกิดความสั่นไหวขึ้น
ด้วยระดับความลึกนี้แค่ฝนตกไม่สามารถส่งมาถึงผมได้แต่ถ้าเป็นพายุก็ไม่แน่
เครื่องมือสื่อสารไร้สายมีข้อดีคือเราสามารถติดต่อกับคนด้านบนได้โดยมีข้อเสียคือไม่สามารถตอบได้เพราะปากกำลังหายใจด้วยออกซิเจนอยู่
ลูก้า
ผมหันซ้ายขวามองไปรอบๆเพื่อหาแผ่นหลังที่เมื่อครู่ยังเห็นอยู่แต่ตอนนี้กลับหายไปจากสายตาอย่างสิ้นเชิง
จะว่าไปผมยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับลูก้าให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนี่นา
พวกเรายังไม่มีสัญญาณที่ใช้ใต้น้ำรวมถึงอีกหลายๆอย่าง
ฮืม
คิ้วของผมเริ่มขมวดแน่นเมื่อเห็นอะไรบางอย่างว่ายขึ้นมาจากก้นทะเล เส้นผมสีฟ้าแซมแดงอันเป็นเอกลักษณ์นั่นทำให้ผมยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ลูก้าว่ายขึ้นมาพร้อมกับกล่องใสที่ภายในมีพิคายาตัวเล็กใส่อยู่
พอลูก้าว่ายมาตรงหน้าผมก็ทำหน้าโกรธพลางชี้ไปยังตัวอีกฝ่ายสลับกับกล่องใสด้านข้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าผมไม่พอใจที่เขาไปจัดการคนเดียวทั้งที่พวกเราเป็นคู่หูกัน
แบบนี้ก็เหมือนผมไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยน่ะสิ
ลูก้าเองยกยิ้มขึ้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาเหมือนจะบอกว่าพูดอะไรไม่รู้เรื่อง
ลูก้า
ท่าทางนั่นยียวนจนผมอดไม่ได้ที่จะยกเท้าถีบอีกฝ่ายแรงๆจนลอยไปแต่ไม่ไกลมาก
“สามตอนนี้มี...”อยู่ๆเสียงจากเครื่องสื่อสารไร้สายก็หายไป
หรือว่าจะเสีย
ไม่ก็อยู่ในระดับน้ำที่มากเกินกว่าเครื่องจะทนไหว
นิ้วผมชูขึ้นด้านบนเป็นสัญญาณบอกให้พวกเราว่ายขึ้นไปได้แล้วซึ่งลูก้าก็พยักหน้าก่อนที่พวกเราจะว่ายขึ้นไปด้านบนด้วยกัน ยิ่งใกล้ผิวน้ำกระแสน้ำก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆแปลว่าด้านบนต้องกำลังเกิดฝนตกและอาจพ่วงด้วยพายุขนาดย่อม
ลูก้า
พึ่บ
เหมือนลูก้าจะได้ยินที่ผมเรียกเขาเขยับเข้ามาใช้มือข้างนึงกอดเอวผมไว้ก่อนจะค่อยๆพาขึ้นไปด้านบนต่อ กระแสน้ำขนาดนี้ถ้าไม่อยู่ด้วยกันมีสิทธิ์ปลิวไปคนละทางได้
สัมผัสของกระแสน้ำที่เปลี่ยนแปลงทำเอาผมถึงกับเบิกตากว้างใต้หน้ากาก ความรู้สึกเหมือนโดนดูดนี่คือน้ำวนอย่างไม่ต้องสงสัย
สาม
ระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีอยู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงของลูก้า พอหันไปมองดวงตาสีเงินนั่นก็กำลังสบมา สายตานั่นกำลังบอกให้ผมตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับสถานการณ์นี้
สิ่งที่ลูก้าคิดกับสิ่งที่ผมคิดรู้สึกจะตรงกันสินะ
ผมพยักหน้าส่งไปให้เล็กน้อยนั่นทำให้ลูก้าส่งกล่องใสมาให้ผมถือก่อนร่างนั้นจะเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นไดโนเสาร์ร่างสีฟ้าลายแดงขนาดใหญ่ยักษ์ ด้วยร่างขนาดใหญ่ของลูก้าสามารถผ่านกระแสน้ำวนไปได้อย่างไม่ยากเย็นโดยมีผมถูกปากเรียวขนาดใหญ่คาบไว้
ความจริงก็อยากจะเกาะหลังมากกว่าแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลามาเรื่องมาก
กรรรรรร~
ร่างของลูก้าโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำพร้อมกับเสียงคำรามสูง สายฝนด้านบนดูจะค่อยๆสงบลงเช่นเดียวกับหมู่เมฆสีเทาที่สลายไปอย่างเชื่องช้า
บริเวณที่เราโผล่ขึ้นมาคือด้านข้างของเรือทั้งสองลำที่จอดเคียงข้างกันอยู่
“นั่นอะไรน่ะ”ไม่รู้ว่าเป็นลูกน้องของปายหรือพนักงานบนเรือที่ส่งเสียงร้องตกใจขึ้น
“หัวหน้านทีธารกำลังจะถูกกินแล้ว”
เฮ้ย...ใครถูกกินกัน
“สาม”เสียงของปายตะโกนพร้อมชะโงกหัวลงมาหาผม
“แค่ก...ผมไม่เป็นไร”ทันทีที่ดึกสายออกซิเจนออกผมก็ตะโกนตอบอีกฝ่ายไป
“ไม่เป็นอะไรที่ไหนเล่า...ตัวนั่นมัน...”
“หัวหน้าออกคำสั่งได้ครับ”โก้บอกพร้อมกับเหล่าลูกน้องที่เล็งกระบอกปืนสีดำมายังลูก้าในร่างไดโนเสาร์
“เดี๋ยวๆๆ...ห้ามยิง ห้ามยิงเด็ดขาดนะ นี่ลูก้า”ผมรีบโบกมือบอกปายโดยไม่สนว่าท่าทางของตัวเองมันจะน่าเกลียดขนาดไหน
ตราบเท่าที่ผมยังอยู่จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูก้า
“ลูก้า?...ก็รู้ว่าเป็นไดโนเสาร์กลายพันธุ์แต่ไม่ใช่ไดโนเสาร์บกเหรอ”น้ำเสียงงงๆนั่นทำให้ผมรู้ว่าถึงปายจะรู้ว่าลูก้าเป็นใครแต่ก็ไม่รู้ว่าร่างจริงของเขาคืออะไร
จะว่าไปก็มีไม่กี่คนที่เคยเห็นลูก้าในร่างนี้
“เขาเป็นไดโนเสาร์น้ำ...ห้ามยิงเด็ดขาดเลย”ผมย้ำอีกรอบ
“...เข้าใจแล้ว...ห้ามยิง”ปายหันไปสั่งลูกน้องที่เหลือ
“เฮ้อ...ลูก้าปล่อยผมได้แล้วมั้ง”ผมหันไปบอกเสียงสั่น พอทุกอย่างจบผมก็พึ่งสังเกตว่าสภาพตัวเองที่ถูกฟันคมกริบคาบถังออกซิเจนอยู่ในท่าทิ้งตัวต่องแต่งนี่มันไม่น่าดูเอาซะเลย
งี๊ดดด~
ลูก้ายอมทำตามที่บอกพาผมไปวางลงยังบันไดขึ้นเรือก่อนจะกลับร่างมนุษย์ท่ามกลางความตกใจของหลายๆคนที่มองอยู่
“ไม่อายเหรอลูก้า”ผมหันไปถามเพราะดูอีกฝ่ายไม่สนใจเท่าไหร่ว่าจะมีคนมองหรืออะไร
“ไม่นี่...สามไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม ผมไม่รู้จะคาบยังไงเลยได้แค่นี้”ลูก้าพูดพลางไล่มองร่างกายผมว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนบ้าง
“ผมไม่เป็นไร...ลูก้าทำดีแล้ว...ขอบคุณที่ช่วยนะ”ผมบอกด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็จะช่วย”หัวใจผมเต้นเร็วขึ้นราวกับตอบสนองกับคำพูดนั่นโดยไม่รู้ตัว
หลังจากขึ้นไปผมก็จัดการหยดยาที่พึ่งทดลองเสร็จลงไปแล้วนำสัตว์ดึกดำบรรพ์พวกนั้นไปตรวจอย่างแน่นอนยังศูนย์วิจัยสัตว์ทะเล จากการทดลองจริงเชื้อโรคที่แพร่อยู่ได้หายไปตามคาดพวกผมที่คิดค้นยารักษาได้เป็นที่แรกเลยต้องวุ่นกับการทำยานั่นในปริมาณมาก
การจะทำยาให้เพียงพอกับสัตว์ในบริเวณนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจึงได้มีการเปิดเผยข้อมูลยาเพื่อให้ทางสถาบันวิจัยอื่นๆช่วยทำยาตัวนี้ขึ้นมาในเวลาพร้อมๆกัน
โรคระบาดในมหาสมุทรแปซิฟิกถูกควบคุมและรักษาเสร็จสิ้นในเวลา1เดือน
ผมดีใจที่เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีแต่ก็มีหลายอย่างที่ติดอยู่ในหัว ไม่ว่าจะสลัดยังไงก็ไม่ออก
ตอนนี้ผมมันอ่อนแอ
มีแต่ต้องให้ลูก้าช่วย
ผมเคยคิดว่าถ้าเป็นเรื่องในน้ำผมสามารถทำได้แต่มันไม่ใช่
มันคงได้เวลาที่ผมจะเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังสักทีเพื่อที่ครั้งหน้าผมจะเป็นฝ่ายช่วยลูก้าบ้าง
......................................................................
มาต่อแล้วค่าาา
แต่งเสร็จมาได้สักพักแต่ยุ่งๆ เลยไม่ได้ลงให้อ่านกันสักที
พัฒนาของทั้งคู่กำลังค่อยเป็นค่อยไปกันค่ะ คนอ่านก็อย่าพึ่งรีบร้อนกันน้า 555
หลายคนกำลังรอฉากต่อสู้มันส์ๆ รับรองว่าอีกไม่นานจะได้เห็นฉากต่อสู้ยาวแน่ค่ะ
ลูก้าตอนแรกเราวางให้เป็นพวกเนือยๆ แบบไม่ค่อนสนใจอะไรแต่พอแต่งได้สักพักกลับติดสามแจซะอย่างงั้น แต่งเองก็ชอบเอง ความจริงลึกๆ แล้วเราอาจจะชอบผู้ชายแบบนี้เลยแต่งออกมาละมั้ง มโนไปอีก
ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์และทุกๆ กำลังใจนะคะ
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้า
ปล.พรุ่งนี้ก็เป็นงานหนังสือแล้วใครสนใจภาค1และภาค2สามารถไปหาซื้อกันได้นะคะ ติดตามทางเพจเราก็ได้จะทยอยลงให้ทราบค่ะว่ามีเรื่องอะไรอยู่บูธไหนบ้าง
---มุมให้ความรู้เกี่ยวกับไดโนเสาร์---
วันนี้ขอนำเสนอหนอนในยุคแคมเบรียน ฮัลลูซิจีเนีย (Hallucigenia) หนอนทะเลที่มีเดือยแหลมเจ็ดคู่ไว้ป้องกันตัวจากนักล่า ซึ่งมีขนาดประมาณ 0.5 - 3 ซ.ม. กินพวกซากสัตว์และอาศัยอยู่ที่ก้นทะเล
เครดิต
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cryptomnesia&month=02-01-2009&group=10&gblog=18และหนังสือสัตว์ในยุคแคมเบรียน
ปล. เว็บไทยบอยใส่รูปไม่ได้ค่ะT-T
nicedog
♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪ ღ♫ ♪ ♪