#37 ไปด้วยกันไหม...ปิง?! ….♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ เหมือนเราอยู่คนละฟ้า อยู่คนละชั้น รักเอยไม่เคยนึกฝัน จะบินลัดฟ้า
เพราะเธอคือดวงดาว เพราะเราคนธรรมดา แต่คืนนี้ดาวลอยจากฟ้าลงมา ลงดินด้วยรัก ชโลมหัวใจ ♪ ♫♪ ♫ ♩ ♬
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ รู้ตัวว่าดีไม่พร้อม ดั่งใจนึกฝัน แม้เธอจะบอกรักฉัน แต่ใจฉันหาย
เพราะเธอนั้นสูงค่า แต่ฉันมันไม่มีอะไร แค่เพียงใจดวงเดียวเท่านี้ที่มีให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♬。 ♫ ♫ รักเธอเท่าไร รักเธอเท่าไร ทุกลมหายใจก็ยังลอยไปที่จะให้เธอ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
เพราะมีน้อยไป นึกยังน้อยใจอยู่เสมอ ใจที่มีแต่เธอก็ยังน้อยไป ♪ ♫ ♫ ♪ ♫ ♩ ♬
♫ ~ ♬ ♫ ~ ♬ ♪ ♩ แสงดาวไม่เคยลับหายจากใจของฉัน แล้วเธอผู้เป็นเหมือนฝันได้ยินฉันไหม
แม้มันจะมืดมนหม่นหมองมองไม่เห็นทางใด แต่ในใจของฉันคนนี้ยังมีแสงดาว ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫
♪ ♫ ♩ ♬ ♬。 ♫ ♫ แต่ในใจของฉันคนนี้จะมีแต่เธอ เสมอไป……..
เสียงเพลงบรรเลงคลอมาตามสายลมอ่อน เรือนรับรองหลังเล็กที่โอบล้อมไปด้วยต้นลีลาวดีใหญ่ ดอกไม้เหลือขาวร่วงหล่นอยู่ตามทางเดิน ฝั่งขวาของเรือนมีสระบัวที่ออกดอกชูช่อสวย เรือแจวลำน้อยผูกลอยอยู่ริมฝั่งน้ำ เสียงนกการ้องจิ๊บ ๆแทรกเข้ามา ที่ตรงกลางเรือนมีคุณย่าพี่เอย์นั่งรออยู่ตรงนั้น เก้าอี้โยกหวายตัวใหญ่กับหญิงสูงวัยมวยผมขึ้นแบบชาวเหนือ ผมรู้สึกประหม่ามากถึงมากที่สุด พี่เอย์หันมองอีกครั้งพยักหน้าให้กำลังใจ ก่อนนำผมเดินเข้าไปหาท่านใกล้ ๆ ในมือสวยที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย เธอกำลังนั่งถักไหมพรมอยู่
“คุณท่านคะ คุณเอย์มาค่ะ” ป้าแพมแม่นมของพี่เอย์ คลานเข่าเข้าไปบอก คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมอง สายตาอ่อนโยนจดจ้องอยู่ที่ผมกับพี่เอย์สลับกัน
“คุณย่า สวัสดีครับ” เราทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้ ๆ ท่าน พี่เขาย่อตัวนั่งลงที่พื้น ผมเองก็นั่งลงด้วย
“เอย์ตั้น หลานมาเหรอลูก”
“คุณย่ายังถักต่ออยู่อีก” พี่เอย์จับตะกร้าหวายอันเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนตักเธอออกมาดู เธอหยิบเอาเนื้องานถักออกมา มันเป็นผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้าถักด้วยนิตติ้ง ยังไม่เสร็จดีแต่คิดว่าจวนจะเสร็จแล้วแน่ ๆ
“ก็หลานย่าจะได้ใช้ หนาวปีนี้ย่าทำให้ไม่ทันเลยแย่จริง ๆ ทำไมปีนี้หนาวไวนักก็ไม่รู้ ไหนเอย์ลองดูซิลูกความยาวพอดีไหม” เธอหยิบเอาผ้าพันคอผืนนั้นลองทาบวัดที่คอเขา
พี่เอย์ยิ้มแล้วพยักหน้า
“ต้องยาวกว่านี้อีกหน่อย โตขึ้นทุกปีเลยนะเรา แต่ก่อนย่าถักแค่เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าถักยาวแล้วแต่ก็ยังสั้นอยู่เลย” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ส่ายหน้าให้ตัวเอง พี่เอย์คว้ามือเธอมาจับ
“คุณย่าครับวันนี้ผมพาคนสำคัญของผม มาให้คุณย่ารู้จัก” พี่เอย์หันมาหา ผมขยับเข้าไปใกล้ คุณย่ามันมองมาที่ผมแล้วพยักหน้าเบา ๆ
“ปิงสวัสดีท่าน”
“สวัสดีครับ” ผมพนมมือไหว้ เอาแบบให้อ่อนน้อมที่สุด
“สวัสดีครับคุณย่า มึงต้องพูดแบบนี้”
พี่เอย์แก้คำพูดให้ผมใหม่ ผมสะดุ้งนิด ๆ รู้สึกว่าเหงื่อชุ่มแผ่นหลังไปหมด ร้อนมากกับชุดและตื่นเต้นแบบชนิดที่ สุดขีด
“สวัสดีครับคุณย่า” ผมไหว้ใหม่อีกครั้ง นอบน้อมไม่ต่างกับครั้งแรก เธอพยักหน้าให้อีก มุมปากยังคงเปื้อนรอยยิ้มอยู่ คุณย่าพี่เอย์ทำไมถึงสวยวะ ขนาดมีอายุแล้วยังสวยงามมาก หน้าตาหมดจรด ไม่แต่งแต้มอะไรเลย ลักษณะเดียวกับคุณแม่ของมัน เครื่องประดับมีเพียงแหวนเพชรวงเล็ก ๆ ที่สวมติดนิ้วนางไว้
“เพื่อนเอย์เหรอลูก?”
“คุณย่าครับ ปิงเป็นคนรักของผม”
“.......”
เธอนิ่งไป ชะงักเลย รอยยิ้มที่มุมปากหายวับไปกับตา พี่เอย์บีบมือเธอเบา ๆ
“เมื่อวานผมเกริ่นไว้แล้ว คุณย่าเองก็ยังบอกว่าอยากจะรู้จัก วันนี้ผมพามาแล้วครับ”
“คนรัก..ของเอย์?” เธอพึมพำอีก สายตาจดจ้องอยู่ที่ผม
“ใช่ครับ คนรักของเอย์”
“....”
“คุณย่ารังเกียจเอย์ไหม เอย์เป็นหลานคุณย่า ทุกอย่างของเรายังคงเหมือนเดิมเพียงแต่เอย์มีคนรักเพิ่มขึ้นมา ระหว่างเอย์กับคุณย่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณย่ารับได้ไหมครับ”
สายตาพี่เอย์คืออ้อนวอนมาก มันก้มลงไปมองหน้าท่านใกล้ ๆ มือใหญ่ที่กุมมือคุณย่าตัวเองไว้สั่นไหวนิดๆ ผมกลืนน้ำลายที่จุกอยู่ลงคอเหนียวหนืด ความรู้สึกหนักอึ้งตีตื้นขึ้นมาจนจุกอกไปหมด
สงสารมัน นี่คือความรู้สึกลึกๆของผม ผมเคยคิดนะว่าบางทีถ้าผมหรือมันคนใดคนหนึ่งเป็นผู้หญิงอะไร ๆ ของเราคงจะดีกว่านี้ง่ายกว่านี้ แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เราสองคนจำเป็นต้องฟันฝ่ากันไป ลำพังแค่ฐานะที่ไม่คู่ควรก็หนักมาแล้ว นี่ยังมีเรื่องที่ลำบากยิ่งกว่า
...คนรักที่เป็นผู้ชาย....“ผมขอโทษที่ทำให้คุณย่าผิดหวัง แต่อย่างที่ผมบอกไปเมื่อวานไม่ว่าคุณย่าจะคิดเห็นเช่นไรผมก็ยังอยากจะพาคนที่ผมรักมาให้คุณย่าได้รู้จักครับ”
“........”
เธอยังคงเงียบ ไม่พูดอะไรเลย ใบหน้าสวยค่อยเบือนหันหนีไปทางสระบัว ทอดสายตาออกไปไกลแสนไกล สายตาที่ผมและพี่เอย์คงไม่มีวันเข้าถึงได้ แต่เพียงแค่มองดูทั้งผมและมันต่างก็เข้าใจ
เรื่องของเราจะให้ผู้ใหญ่มายอมรับง่าย ๆ มันก็คงไม่ใช่
พี่เอย์ปล่อยมือท่านออกช้า ๆ มันก้มหน้านิ่ง ผมขยับไปอีกนิดอยากจะปลอบใจมันมากอยากจับมือเอาไว้อยากตบหลังให้กำลังใจ
“พี่เอย์ครับ” ผมเรียกให้เบาที่สุดรู้สึกตัวเองกับมันตัวเล็กลงมาก เล็กยิ่งกว่ามด พี่เอย์หันมามองผม แววตาคู่นั้นเจ็บช้ำ ผมเข้าใจนะพี่เอย์กล้าหาญมากแล้วในสายตาของผม มันกล้ามากที่พาผมมาที่นี่ กล้าบอกกับผู้ใหญ่ว่าผมสำคัญอย่างไรกับมัน กล้าสารภาพว่าตัวเองมีรสนิยมอย่างไรโดยไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ซึ่งขนาดผมยังไม่กล้าจะบอกแม่กับพี่ขมเลย ความสัมพันธ์ของเรา
“...สามปี...”จู่ ๆ คุณหญิงพึมพำขึ้น ทั้งผมทั้งมันต่างเงยหน้าขึ้นมอง สายตาเธอยังทอดออกไปในทิศทางเดิม เรือลำน้อยโคลงตัวนิดๆ อาจเพราะสายลมบางพัดผ่านผิวน้ำ
“สามปีที่ย่าและแม่ของเราพยายามกีดกันมาตลอด”“คุณย่า?” ทั้งพี่เอย์ทั้งผมตกใจไม่แพ้กัน แม้จะเป็นคำพูดพึมพำแต่ยังได้ยินชัดเจน
“แต่ทำอะไรเราสองคนไม่ได้เลยจริงๆ” “คุณย่าครับ?” พี่เอย์ท่าทางตกใจไม่น้อย
“ชื่ออะไรนะ?” เธอหันมามองผมแล้ว สายตาดุขึ้นนิดๆ
“ชะ...ชื่อปิงครับ” ผมตอบ พี่เอย์ขยับเข้ามาใกล้ มันรู้ผมประหม่ามาก
“เดี๋ยวอยู่ทานข้าวด้วยกัน คุยกับฉันสักนิดก่อน แพมตั้งโต๊ะเลยเย็นนี้ฉันจะทานข้าวกับหลาน” เธอบอกผมแล้วหันไปบอกแม่นมพี่เอย์ ป้าแพมลุกขึ้นทันที
“ที่นี่มีอะไรหลายอย่างให้ดู เอย์พาหนูปิงเขาเดินเล่นดูโน่นนี่รอไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแพมเขาเรียกแล้วเรามานั่งทานข้าวด้วยกัน”
“คุณย่าไปเดินเล่นพร้อมกับเราไหมครับ เดี๋ยวผมจูงเดิน” พี่เอย์ว่าแล้วเข้าไปพยุงเธอลุกขึ้น ความจริงเธอแข็งแรงมากนะ แต่พี่เอย์มันเอาใจผู้ใหญ่เก่ง วงแขนกว้างโอบเอาตัวเธอไว้จนมิด
เราสามคนเดินเข้ามาที่สวน ผมเดินอยู่ข้าง ๆ พี่เอย์
“ที่บริษัทรถเป็นยังไงบ้าง ได้ยินพ่อเขาบอกว่าเอย์ทำงานดี ลูกค้าเยอะขึ้นแบบนี้ย่าก็หมดห่วงนะลูก”
“ครับก็เรื่อย ๆ ความจริงไม่ใช่แค่ผม โชคดีที่ได้พนักงานดี ๆ มาทำงานด้วยมากกว่า ทุกอย่างของเราเลยพลอยดีไปด้วย กิจการก้าวหน้ามากครับ”
“ผลกำไรปีนี้ ย่าคิดว่าจะเพิ่มสัดส่วนให้เอย์ขึ้นอีกหน่อยคุยกับพ่อเขาไว้แล้ว ต่อไปส่วนของย่าทั้งหมดจะยกให้เราดูแล ทนายกำลังดำเนินการให้อยู่เอย์รอเซ็นต์เอกสารอย่างเดียวนะลูก”
“คุณย่า ผมไม่....”
“อย่าคิดปฏิเสธอีก เอย์โตแล้วพร้อมจะมีครอบครัว ย่าทำแบบนี้ถูกต้องที่สุดแล้วลูก”
“......”
“รับเอาไว้นะ”
“ขอบคุณครับคุณย่า”
“จริงสิ เห็นรันเขาบอกว่าหนูปิงทำงานอยู่ที่นั่นด้วยใช่ไหม” คราวนี้เธอหยุดเดินแล้วมองมาที่ผม
“ใช่ครับ ปิงทำอยู่ที่หน่วยซ่อมของบีเอ็มดับเบิ้ลยู ที่ศูนย์รถ” พี่เอย์ตอบแทนให้
“ทำไมล่ะ? เป็นถึงคนรักของท่านประธานแห่งอัศวเชียวนะ ทำไมถึงต้องไปทำงานแบบนั้น งานซ่อมรถนะหรือ”
สายตาของเธอเต็มไปด้วยคำถามจริงจัง พี่เอย์พยักหน้าให้ผมเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าให้ตอบเธอ ผมนึกถึงคำพูดของมันที่กำชับก่อนเข้ามาในนี้ทันที ‘เป็นตัวของตัวเอง’ ตอนนี้ผมอาจจะกำลังถูกทดสอบอยู่ก็เป็นได้
“ผมชอบงานนั้นครับ” ผมตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ
“ชอบ? แค่ชอบรึ?”
“ครับแค่ชอบ เพราะชอบผมเลยทำ ถึงผมจะมีงานอื่นที่สามารถทำได้อีก แต่ถ้ามีเวลาพอที่จะทำต่อได้ ผมก็อยากจะทำครับ เพราะว่าเป็นงานที่ผมชอบ”
“แต่งานซ่อมมันเงินน้อยไม่ใช่รึไง ตำแหน่งก็อยู่ชั้นล่าง ไม่มีอะไรการันตีหน้าที่การงานได้สักอย่าง ไม่คิดอยากจะเป็นหัวหน้าช่างเหรอ ลองให้เอย์เขาเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาสักหน่อยดีไหม”
“โอ๊ะไม่ครับไม่ ผมยังไม่เก่งขนาดนั้นผมเป็นแค่ลูกมือของพี่ปอนด์ดีแล้วครับ” ผมพลั้งปากพูดยาวไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ทั้งพี่เอย์ทั้งคุณย่าของมันมองผมนิ่งเลย
“เจ้าปอนด์น่ะเหรอ หึหึ” เธอหัวเราะเบา ๆ
“ครับคุณย่า ปอนด์เขาดูแลปิงอยู่ ผมจัดการไว้แบบนั้น”
ผมเริ่มงง บางทีคุณย่าท่านอาจจะรู้จักพนักงานของศูนย์รถทุกคนอะไรแบบนั้น
“ปอนด์เป็นช่างซ่อมส่วนตัวของคุณย่า รถยนต์ของที่นี่ทุกคันมีเขาเป็นคนดูแล” พี่เอย์หันมาไขความข้องใจให้ ผมพยักหน้ารับ เราเดินกันมากลางสวนกว้างจวนจะถึงริมสระบัวอยู่แล้วกระรอกตัวน้อยวิ่งผ่านกิ่งไม้ใหญ่จากตันหนึ่งสู่อีกต้นหนึ่ง ผมตื่นเต้นมากมายไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้
“เอย์ตั้น ชอบที่ดินทั้งหมดของที่นี่ไหมลูก ที่บ้านสวนหลังนี้”
“มีอะไรครับคุณย่า ทำไมถามแบบนั้น”
“ถ้าชอบย่าจะยกให้”
“ไม่เอาหรอกครับ คุณย่าเก็บไว้เถอะผมอยากมาหาเมื่อไหร่ผมก็มาได้ ผมไม่เอาหรอก”
“เป็นแบบนี้ทุกที ถามทีไรไม่เคยจะอยากได้เลย ย่ากลุ้มใจจริง ๆ ไม่ลองถามหนูปิงเขาดูล่ะ เผื่อเขาจะอยากให้น้องเอย์รับไว้ก็ได้นะ”
“ปิง มึงอยากได้ไหม อยากให้กูบอกท่านว่ายังไง” พี่เอย์หันมาถามผมทันที รู้แน่แล้วว่าผมถูกลองใจ คงอยากให้ผมตอบให้คุณย่ามันฟัง ผมไม่ชอบนะคำถามลองใจหรืออะไรพวกนั้นแต่เพื่อความสบายใจของแฟนผมผมจะตอบให้ คำตอบที่ออกมาจากใจผมเลยจริง ๆ
ก็อย่างว่าคุณย่ามันไม่รู้จักผมนี่ เขาก็คงจะถามหว่าน ๆ ไปเผื่อได้รู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน
“ผมไม่รู้ครับผมตามใจพี่เอย์ แต่ผมคิดว่าเราอยู่ในที่เล็ก ๆ ของเราพอใจในส่วนที่เรามี แบบนี้ก็ไม่ทุกข์นะครับ”
เธอยิ้มบางมองหน้าหลานชาย ยกมือขึ้นมาลูบหัว
“เอย์ตั้น เดี๋ยววานเข้าไปดูป้าแพมซิลูก ตั้งโต๊ะกันเสร็จหรือยัง ย่ากลัวแขกจะหิวแล้ว หน้าแดงเหงื่อตกไปหมด”
พี่เอย์หันมาหาผมทันที ผมรีบยกหลังมือปาดเหงื่อ คือผมร้อนจริง ๆ ครับทั้งที่อากาศเย็นสบายมาก ร่มรื่น มันทำท่าจะเข้ามาเช็ดให้ผมรีบถอยหลังแล้วทำหน้าดุพี่เอย์คงจะนึกออกมันจึงหยุดอยู่แค่นั้น
“ไป เข้าไปดูแพมเขาให้ย่าที”
“เดี๋ยวกูมานะ แปปเดียว” มันหันมาบอกเมื่อคุณย่าเธอย้ำอีกครั้ง ผมพยักหน้าให้ รู้ว่ามันห่วง รู้ว่ากำลังถูกทดสอบ เราสองคนรู้ทุก ๆ อย่าง แต่เราก็ต้องสู้ ถึงมันจะบอกไม่ว่าอย่างไรก็จะเลือกผม แต่ผมก็ยังอยากให้มันรักษาครอบครัวตัวเองไว้อยู่ดี ผมจะทำให้ถึงที่สุด
พี่เอย์เดินห่างออกไปแล้ว เธอค่อยนั่งลงที่ม้าไม้ยาวมีพนักพิง บอกให้ผมนั่งลงข้าง ๆ ตอนแรกผมจะนั่งลงที่พื้นแต่เธอส่ายหน้าแล้วบอกให้นั่งลงข้าง ๆ กัน
“ปลาสวยดีนะ หนูอยากจะให้อาหารพวกมันไหม”
เธอชี้มือไปที่ถังอาหารปลาเล็ก ๆ ที่วางอยู่ไม่ไกลผมเดินไปหยิบมา มือเล็กตบแปะๆๆ ไม่นานปลาใหญ่มารวมตัวกันเยอะแยะ
ผมโรยอาหารลงไป ปลาคาร์ฟที่เลี้ยงในบ่อดิน น่ารักจัง ธรรมชาติมากๆเลย
“สมัยก่อนเอย์เขาชอบมาดูปลามาก ฉันต้องคอยอุ้มไว้ตลอดเพราะกลัวว่าเขาจะตก เมื่อไหร่ที่เขาแวะมาที่นี่เขาจะต้องมาเล่นกับเจ้าปลาพวกนี้เสมอ”
โฮ่ง!
เสียงหมาตัวใหญ่ดังออกมาจากเรือนไม้เก็บเครื่องมือทำสวนใกล้ ๆ ไม่นานนักโกลเดนรีทรีฟเวอร์สีน้ำตาลอ่อนตัวโตมากสองตัว วิ่งเหยาะๆเข้ามาหามันวิ่งเร็วไม่ได้หรอกเพราะมันอ้วนมากหนักตูดล่ะดิ ผมชอบหมานะไม่กลัวหรอก
“เจ้านี่ชื่อโบวี่ส่วนเจ้านั่นชื่อดีว่า เอย์เขาตั้งไว้ให้ตั้งแต่มันสองตัวยังเด็ก พวกเขาโตมาด้วยกันเลยนะ”
เจ้าหมาสองตัวเข้ามาดมผมใหญ่ผมลูบหัวมันเบา ๆ มันกระโดดสองขาขึ้นมาตะปบหน้าอกผมอีก โอ่ยยหมาดื้อกูคุยกับผู้ใหญ่อยู่เนี่ยมึงไม่เห็นเหรอหื้ม?? ผมเม้มปากหมั่นเขี้ยวมัน มันเลียเลยดิ่ ผมเลยบีบปากมันน้ำลายเยอะมาก
“ที่นี่มีทั้งกระรอก กระแต กระต่าย โน่นแน่ะ กระรอกตัวนั้นมีชื่อดัวยนะ เจ้าเอย์เขาตั้งให้ ฉันสอนให้เขาเรียกมันว่า ‘สควอรอล’ แต่เขาดัดเสียงได้น่ารักมาก เขาเรียกว่า ‘สควอรอลดอล’ ฉันยังขำสำเนียงแบบนั้นมาจนถึงทุกวันนี้”
“ผมหันไปยิ้มให้กับท่านทั้งที่ยังฟัดอยู่กับเจ้าหมาแฝดสองตัวยักษ์ คุณย่าพี่เอย์มีใบหน้าที่อ่อนโยนมากจริง ๆ แววตาเธอก็อ่อนโยนไม่แพ้กัน เธอเองก็หันมาส่งยิ้มให้ กวักมือเรียกสองหมาที่วุ่นอยู่กับผมให้เข้าไปหา
“โบวี่ดีว่า มาหาย่า มานั่งนี่” เธอตบลงข้างตัว เจ้าหมาแสนรู้วิ่งเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ ลิ้นห้อยมองหน้าผมด้วย ไอ้เจ้าโบวี่นี่กวนชะมัด ผมทำหน้าดุๆ มันตวัดลิ้นยาว ๆ เลียใส่แล้วเชิดหัวทำไม่สนใจ
“หนูปิง ฉันรู้ว่าหนูเป็นเด็กดี สามปีที่ฉันกับคุณแม่ของเอย์เขาเฝ้าดูหนูอยู่ตลอด เรารู้ว่าหนูดีกับเอย์มากแค่ไหน ครอบครัวหนูเองก็เป็นคนดี ฉันนับถือหนูนะความดีความกตัญญูที่มีต่อคุณแม่และครอบครัว”
เธอลูบหัวเจ้าดีว่าแล้วหันมาที่ผมอีกครั้ง
“เรื่องฐานะฉันยังสามารถยอมรับได้ไม่คิดรังเกียจอะไรเลย ความขยันขันแข็งของหนูฉันเห็นมาตลอด แต่หนูปิงอย่าโกรธฉันนะถ้าฉันจะบอกว่า ไม่ว่าอย่างไรฉันก็อยากเห็นหลานชายฉันมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูกตัวเล็ก ๆ มาวิ่งเล่นในสวนแห่งนี้ มีเสียงสดใสน่ารักเรียกเอย์เขาว่า
‘คุณพ่อครับ’ ‘คุณพ่อขา’ เอย์ตั้นเป็นเด็กดีไม่เคยทำเรื่องให้ฉันเสียใจ ฉันไม่อยากพูดจาแบบนี้กับหนูเลย แต่ฉันก็จำเป็นจะต้องพูด”
ผมก้มหน้านิ่งคิดตามเธอทุกอย่าง
‘คุณพ่อครับ’ ‘คุณพ่อขา’ งั้นหรือ?? ความเป็นจริงที่ผมหลีกเลี่ยงที่จะคิดมาตลอด ผมรู้ผู้ชายอย่างเรามีลูกไม่ได้ ผมกับพี่เอย์รักกัน เราสองคนคิดแค่ว่า แค่เราเท่านั้นสองคนก็มีความสุขได้ แต่ผู้ใหญ่มักคิดแต่เรื่องของอนาคตเสมอ
...ผมเข้าใจ...
“ปล่อยหลานชายฉันไปได้ไหม ถือว่าฉันขอร้อง ฉันรู้ไม่ว่าฉันจะเสนอหรือหยิบยื่นอะไรให้หนูคงจะปฏิเสธที่จะรับไว้ทั้งหมด ฉันรู้หนูกับเอย์ตั้นรักกันด้วยใจจริง ๆ แต่ทว่า...ความรักจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องครอบครองไว้ ถ้าหนูรักเอย์เขาจริงลองคิดดูอีกครั้ง ปล่อยให้เขาได้มีชีวิตที่เป็นปกติ มีผู้หญิงดี ๆ สักคนผ่านเข้ามา ได้แต่งงาน มีลูก เป็นหัวหน้าครอบครัว แค่นั้นเองที่ฉันต้องการ”
ผมกลืนก้อนจุกลงลำคออย่างยากลำบากยิ่ง รู้สึกตัวเองตัวเล็กลงไปมาก ผมสงสารเธอนะ ผมรู้ว่าเธอคงรู้สึกผิดหวังมากจริง ๆ
“ถือว่าเห็นแก่ฉันได้ไหม ปล่อยให้เอย์เขามีชีวิตที่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป ฉันแก่มากแล้วช่วงชีวิตบั้นปลายก่อนที่จะมีอะไรๆเกิดขึ้น ขอให้ฉันได้เห็นว่าหลานชายที่ฉันรักที่สุด มีครอบครัวที่ดี สมบูรณ์พร้อมเถอะนะหนูปิง”
“คุณย่าครับ”ผมสะดุ้งขึ้น คุณหญิงท่านเองก็มีทีท่าตกใจ เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ด้านหลัง พี่เอย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่มันยืนอยู่ด้านหลังเราทั้งคู่สองมือบีบไหล่ผมแน่นสั่นนิดๆ ผมเอื้อมเอามือไปตบ ๆ มือมัน อยากให้รู้ว่าผมไม่เป็นไร ความจริงก็เตรียมใจมาอยู่แล้วผมคงไม่โชคดีเจอคุณย่าหัวโบราณที่จู่ ๆ ทันสมัยไฟแรงขึ้นมาหรอก ความเป็นจริงมันต้องยากเย็นแบบนี้
“อาหารเสร็จแล้ว เราไปทานกันนะครับคุณย่า”
พี่เขาพยุงเธอขึ้นมีผมเดินตามที่ด้านหลัง พี่เอย์แตะมือผมแล้วพยักหน้าให้ เราทั้งสามคนเดินเข้าไปที่เรือนเล็ก นั่งทานข้าว ระหว่านั้นพี่เขายังคงยิ้มแย้มคุยกับคุณหญิงย่าของมันเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยน ผมเองก็นั่งฟังย่าหลานคุยกัน จนกระทั่งค่ำ ๆ ถึงเวลาที่เราต้องลากลับ
“ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาอีกนะ ย่าอยู่กับเอย์แล้วมีความสุขมาก”
“คุณย่าดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ”
เธอเข้ามาหอมแก้มมันพี่เอย์เองก็หอมแก้มเธอตอบกลับไป พี่เขาอ่อนโยนกับท่านมากเลยนะ กอดเธอไว้จนจมแขน ผมอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ นึกถึงเรื่องที่เธอคุยกับผม สงสัยนิด ๆ เหมือนกันว่ามันได้ยินประโยคสำคัญที่เธอต้องการจะสื่อกับผมหรือไม่
เราสองคนออกมาจากบ้านนั้นแล้ว เสียงเพลงเบา ๆ จากสถานีวิทยุ ตัดกับสปอตโฆษณาดังเป็นระยะ
“ขอโทษนะปิง ให้มึงต้องมาฟังเรื่องที่ไม่สบายใจอีกจนได้”
ผมตกใจนิด ๆ เสี้ยวหน้าคนขับที่มีแววของความกังวลผสมอยู่
“พี่ได้ยินเหรอครับ?”
“ได้ยินสิ ได้ยินทุกคำที่ท่านพูดนั่นแหละ” พี่เอย์เลื่อนมือซ้ายลงมากุมมือผมไว้
“อย่าเกลียดคุณย่ากูนะ แล้วก็...ขอโทษทีที่ครอบครัวกูเป็นซะแบบนี้”
“ไม่ใช่ครับพี่ ผมไม่ได้คิดมากหรอก บอกให้รู้ไว้อย่างนะ ความรักไม่จำเป็นต้องครอบครองไว้ก็จริง แต่ผมไม่คิดแบบนั้นหรอก สำหรับพี่น่ะ รักของผมจะต้องครอบครองไว้ต่างหาก ผมไม่ยอมเสียพี่ไปง่าย ๆ บอกเลย ผมเด็กสมัยใหม่ไม่โบราณครับ
รักของผมต้องแย่งชิง ต้องไขว่คว้า และสุดท้ายคือต้องได้มาครอบครอง นี่แหละคติของผม”
“หึหึ มึงนี่มัน...” มันยกยิ้มร้ายส่ายหน้านิดๆ แต่ท่าทางพึงพอใจคำตอบผมเป็นที่สุด
“เพราะว่าผมเป็นนางเอกไง คึคึ”
“จะใช่เหรอวะปิง กูว่าคติแบบนั้นมันคติของนางร้ายนะ”
“ใช่ที่ไหน นางเอกยุคใหม่แล้วดิ่ ต้องร้ายต้องแรง แอบเลวนิด ๆ กำแพงสูงแค่ไหนผมจะปีนจะไต่ขึ้นไปให้ถึง”
“จริงเหรอวะ? แม้ว่ามันจะโคตรชันน่ะนะ”
“ถ้าผมปีนขึ้นไปไม่ถึงผมก็ไม่กลัวหรอก ผมรู้พี่นั่นแหละต้องยื่นมือลงมาหา”
รถชะลอตัวจอดติดไฟแดง พี่เอย์มองมาที่ผม มันยื่นมือซ้ายออกมาหา สายตามุ่งมั่นเต็มเปี่ยม
“ไปด้วยกันไหม ปิง!?”“พี่เอย์?!”
“ความจริงกูก็คิดไว้อยู่แล้วเรื่องของคุณย่า คุณแม่ เรื่องครอบครัวและวงศ์ตระกูล”
“แล้วพี่จะทำยังไงครับ” ผมยื่นมือออกไปจับมือมันไว้ พี่เอย์เอามือผมขึ้นไปทาบแตะที่ริมฝีปาก มันจูบเบา ๆ
“คิดว่าน่าจะใช้เวลาสักสองสามเดือน เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่างที่กูเคยบอกไว้ออกมาทำบริษัทเล็ก ๆ เองก็ดีเหมือนกัน ถ้าเราอยู่กันไปแบบนี้สักวันหนึ่งครอบครัวกูต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับมึงอีกแน่ ๆ กูจัดการให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่า คุณพ่อกูท่านใจดีนะ เดี๋ยวจะลองปรึกษาเรื่องเปิดบริษัทเล็กๆดู ช่วงนี้คุณแม่เดินทางต่างประเทศบ่อยกูจะใช้เวลาในช่วงนี้แหละ เคลียร์ทุกๆอย่างไว้”
“มันจะยุ่งยากไปไหมพี่ ความจริงพี่อยู่แบบนั้นไปก็ได้นะ เราก็แอบ ๆ เจอกันไง”
มันหันขวับมามองเลย ตาเขียวอีกแล้ว ผมรีบยกสองมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้ๆ ผมพูดเล่น
“แอบได้ที่ไหนเรื่องแบบนี้ กูคบมึงแล้วก็อยากเดินไปไหนมาไหนด้วยกันเปิดเผยสิวะ อย่าบอกนะว่ามึงอยากจะแอบ” คุณชายเสียงเหวี่ยงนิด ๆ
“เฮ้ยไม่ใช่แบบนั้น” ใครจะอยากคบแบบแอบ ๆ เล่า ผมก็อยากให้คนรู้เหอะว่าผมเป็นเจ้าของมัน
“ถ้างั้นก็เตรียมตัวไว้”