ห า กั น จ น เ จ อ
ตอนที่ #11
ความวุ่นวายหลังจากคำสั่งบ้า ๆ ของบรรณาธิการหนุ่มยังไม่สงบเพียงแค่วันต้นสัปดาห์ ดาวรู้สึกเหมือนมีอาฟเตอร์ช็อคที่เกิดหลังแผ่นดินไหวอย่างไรอย่างนั้น เพราะอยู่ ๆ บก.ตัวดีก็มีคำสั่งลงมาในวันพุธกลางสัปดาห์ว่าจะให้เด็กฝึกงานในแผนกของเธอไปสัมภาษณ์พิธีกรหนุ่มซึ่งกำลังโด่งดังถึงขีดสุดในตอนนี้เพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์หลักด้วย เท่านั้นคงยังวุ่นวายไม่พอ เจ้าตัวถึงได้กำชับมาอีกว่าตนจะเป็นคนพาเด็กคนนั้นไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ตอนได้รับคำสั่งมาเธอรู้สึกอยากลุกไปบีบคออีกฝ่ายเสียให้รู้แล้วรู้รอด มีอย่างที่ไหนเอางานใหญ่ให้เด็กฝึกงานทำตั้งแต่เดือนแรกของการฝึกงาน มิหนำซ้ำยังจะประเมินจากงานนี้ด้วย คิดจะแกล้งเด็กอย่างเดียวคงไม่พอ หมอนั่นต้องคิดจะทำลายชื่อเสียงของสำนักพิมพ์ด้วย!
ใช่ว่าเธอจะดูถูกความสามารถของรณณ์ เด็กหนุ่มเป็นคนมีไอเดียสร้างสรรค์ แต่ก็เท่านั้น เด็กคนนั้นออกตัวตั้งแต่เข้ามาฝึกเลยด้วยซ้ำว่าตนไม่เก่งเรื่องการพูดคุย ยิ่งเรื่องเขียนยิ่งแล้วใหญ่ เพราะฉะนั้นจึงอยากมาเรียนรู้ทักษะพวกนี้จากแผนกของเธอ แล้วอย่างนี้การเอาเด็กที่ไม่มีทักษะออกไปสัมภาษณ์แขกที่ดังระดับนั้น สำนักพิมพ์ของเราจะไม่ถูกตำหนิว่าไม่มีความเป็นมีอาชีพอย่างนั้นหรือ
หรือแท้ที่จริงแล้วดีนต้องการแกล้งเธอ?
ต้องใช่แน่ ๆ คงมีเหตุผลอื่นไปไม่ได้นอกจากจะให้เธอหัวหมุนกับงานสองทาง ไหนจะเร่งตรวจคัดกรองคอลัมน์ต่าง ๆ แล้ว เธอยังต้องแบ่งเวลามาเทรนงานน้องใหม่เพื่อให้มีความพร้อมมากพอสำหรับการลงสนามจริงโดยไม่มีใครประกบอีกด้วย
รู้อยู่หรอกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ แต่แค่เธอถูกพี่ชายเขาบอกเลิกก็น่าจะสาแก่ใจแล้วไม่ใช่หรือ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งหัวเสีย ดาวบอกได้เลยว่าตอนนี้เธอเลยคำว่าหงุดหงิดมาไกลมากแล้ว เธอในตอนนี้อารมณ์ยิ่งกว่าผู้หญิงช่วงมีประจำเดือนเสียอีก เธอพร้อมที่จะอาละวาดทันทีที่มีอะไรมาขวางหูขวางตา
และแน่นอนว่าภาระงานที่มากมายและเร่งด่วนทำให้เธอไม่มีเวลาเสียใจกับการถูกผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งทิ้งได้ เสร็จสิ้นจากการอ่านงานลูกน้องและแก้ไขกลับไปด้วยหมึกสีแดงเต็มหน้ากระดาษแล้วก็ได้เวลาตรวจงานใหญ่อีกงานหนึ่ง คำถามไม่กี่ข้อในหน้ากระดาษเอสี่ดูน่าเอ็นดูพอกันกับเจ้าของงานที่นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้า หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกอย่างเงียบ ๆ พยายามคุมอารมณ์ตนเองเต็มที่เพื่อไม่ให้เผลอไปลงกับเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แค่นี้รณณ์ก็ได้รับผลกระทบจากการกระทำสุดแสนเอาแต่ใจของบก.งี่เง่านั่นพอแล้ว
“ผมไม่แน่ใจว่ามันจะดีพอรึยังครับ” เด็กหนุ่มหลบหน้าหลบตาพูดอ้อมแอ้ม ท่าทางไม่มั่นใจยิ่งทำให้เธอนึกเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้เอ่ยปลอบอะไรออกไป เธอเพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองก่อน นั่นก็คือการอ่านคำถามที่รณณ์คิดมา
อืม…รณณ์คงเป็นคนไม่ชอบอยากรู้เรื่องคนอื่น
“พี่ว่า…คำถามมันดูไม่ครอบคลุมสิ่งที่บอกอเขาอยากรู้นะ”
รณณ์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หมดคำจะพูดนอกจากเงียบรอฟังคำแนะนำ หนึ่งวันกับหนึ่งคืนหมดไปกับการคิดคำถามเพื่อไปสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดังแต่ก็ได้ออกมาเพียงแค่ห้าข้อเท่านั้น
ปริมาณไม่มี คุณภาพยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“คำถามที่รณณ์คิดมามันยังกว้างเกินไป สิ่งที่คนอ่านเขาอยากรู้หรือที่เราอยากนำเสนอมันยังไม่ถูกดึงออกมาจากคำถามพวกนี้”
“แล้วผมควรทำยังไงดีครับ”
“รณณ์รู้จักคุณภพไหม?”
“รู้จักครับ ผมชอบดูรายการนั้นมากเลย” รณณ์หมายถึงรายการชื่อดังที่แจ้งเกิดให้กับพิธีกรวัยหนุ่มรูปหล่อว่ามีดีด้านความสามารถไม่แพ้หน้าตา พิธีกรที่กำลังกลายเป็น ‘สามีแห่งชาติ’ ของสาวไทยเกือบทั้งประเทศ
“แล้วรู้ไหมว่าเขาเป็นคนยังไง”
คำถามนี้ทำเอาคนเด็กกว่าเงียบ แม้จะไม่รู้เรื่องการสัมภาษณ์เพื่อมาเขียนคอลัมน์นัก แต่เขาไม่ใช่คนโง่ รณณ์หัวไวพอที่จะรู้ว่าตนพลาดที่ลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท
หาข้อมูลของคนที่เราจะไปสัมภาษณ์
“พื้นฐานเดิมคุณภพเป็นคนประหยัดคำพูด เขาจะพูดเท่าที่จำเป็น ถ้าคำถามไม่ลึกพอ อย่าหวังว่าเขาจะเล่าหรือพูดออกมาเอง เพราะฉะนั้นอยากรู้อะไรก็ต้องถามให้หมด ถ้าเขาเล่าเกินกว่าที่ถาม ก็ถือเป็นเรื่องดี เราตัดคำถามที่ลิสต์ไว้ทิ้งได้ แต่ถ้าเขาไม่เล่า แล้วตอนนั้นเราคิดไม่ทัน เราจะพลาดการเก็บข้อมูลสำคัญไปนะ”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะไปคิดมาใหม่”
ดาวยิ้มให้กำลังใจ “ถ้าเป็นคนที่มีประสบการณ์แล้ว พี่ก็คงให้ลิสต์มาแค่คำถามแบบเนื้อเน้น ๆ แต่สำหรับรณณ์ที่ยังไม่เคยทำแบบนี้ พี่อยากดูพวก small talk ด้วย จะได้ช่วยคัดช่วยกรองให้ว่าเรื่องไหนควรพูดเรื่องไหนควรเลี่ยงเพื่อความเหมาะสม”
“ครับ ผมจะกลับไปเขียนมาใหม่” เด็กหนุ่มรับคำด้วยแววตาที่เป็นประกาย เธอมองดูแล้วก็เบาใจที่รณณ์เป็นคนไม่หมดหวังง่าย ๆ เด็กหนุ่มสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ
“พี่รู้ว่าเรากดดัน แต่ไม่ต้องเครียดนะ พี่ ๆ ทุกคนพร้อมจะช่วยรณณ์เสมอ”
เผยยิ้มพิมพ์ใจส่งท้ายหลังจบคำขอบคุณของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นด้วยความกังวลใจ
。。。。。
DEAN @DEANada . 4d
จีบไม่เป็น ต้องทำไง
ดีนไม่เคยมีประสบการณ์ในการจีบใคร ประสบการณ์การถูกจีบนั่นก็ด้วย ทักษะในการเกี้ยวพาจึงต่ำเตี้ยจนเกือบติดดิน แม้จะมีหน้าตา ฐานะทางสังคมเป็นตัวดึงดูดชั้นดี แต่มันก็เสียของอย่างที่คนรอบข้างได้กล่าวไว้อยู่บ่อยครั้ง เพราะดีนเป็นดีน จึงไม่มีใครอยากเข้าใกล้เขานัก สาว ๆ หลายคนที่ชอบเลยไม่กล้าเข้ามาตีสนิทด้วยสักเท่าไหร่ ถึงกล้าเข้าหาก็จะโดนตอกกลับไปอย่างไม่แยแสอยู่ดี ดีนจึงไม่รู้ว่าจีบเป็นแบบไหน หากจะเข้าหาใครสักคนแล้วไม่ถูกปฏิเสธต้องทำอย่างไร
‘ทำอย่างที่ใจมึงต้องการ’
คำแนะนำห้วน ๆ จากที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ไม่ได้ช่วยให้เขาหาทางออกได้เลยสักนิด อะไรกันล่ะที่ใจต้องการ อยากกอดก็กอดเลย อยากจูบก็จูบเลย หรือว่าอยากนั่งมองหน้าเปื้อนยิ้มนั่นทั้งวันก็ทำได้เลยอย่างนั้นหรือ?
โรคจิตชะมัด!
ดีนระบายความอึดอัดใจโดยการทวีตข้อความลงบนทวิตเตอร์ และนั่นต่างหากที่ทำให้เขาได้คำตอบ
หลายคนที่ตามเขามาหลายปีต่างก็เมนชั่นมาแสดงความคิดเห็นกันต่าง ๆ นานา บางคนตกใจระคนตื่นเต้นไปกับเขา บางคนรอดูเขามีความรัก บางคนแนะวิธีให้เสร็จสรรพ ขณะที่บางคนถึงกับแนะนำ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ด้านความรักให้รู้จักกันเลยทีเดียว
หลายสิบข้อความที่ตอบเข้ามาในกล่องเมนชั่นถูกไล่อ่านทีละน้อยอย่างใช้ความคิด แต่มีหนึ่งความคิดเห็นที่เขามองว่า ‘เข้าท่า’ ที่สุด อย่างน้อยก็น่าจะทำได้ง่ายที่สุด…
…หาโอกาสอยู่ด้วยกันสองคน…
นั่นจึงเป็นที่มาของการใช้อำนาจในทางที่ผิดอีกครั้งหนึ่งโดยการยกเลิกเรื่องเก่าที่รณณ์เคยเขียนไว้แล้วออกคำสั่งผ่านทางหัวหน้าแผนกนั้นไปว่าให้เด็กฝึกงานสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดังเกี่ยวกับประเด็นความชอบตามธีมหลักของเล่ม และจะใช้งานนี้ในการประเมินการฝึกงานของเด็กหนุ่มด้วย ปิดท้ายคำสั่งนั้นด้วยการบอกว่าเขาจะเป็นคนพารณณ์ไปสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง
คืนก่อนเขาโทร.ไปถามว่ารณณ์เสียใจไหมที่งานเขียนเรื่องเก่าที่เจ้าตัวตั้งใจจะให้ตีพิมพ์กลับถูกปฏิเสธอีกครั้ง รณณ์ตอบกลับมาเพียงแค่ว่าเสียใจนิดหน่อย ถ้าหากไม่ได้ยินเสียง เขาก็คงจะไม่เชื่อตามนั้น แต่เพราะน้ำเสียงที่ตอบกลับมาไม่ได้เศร้าหมองจนน่าเเป็นห่วง อีกทั้งเจ้าตัวยังยกเหตุผลประกอบมาด้วยความร่าเริงอีกด้วยว่าดีเสียอีกที่จะได้ลองทำอะไรแปลกใหม่ดูบ้าง
‘เด็กดี’
ใจชื้นจนเผลอเรียกออกไปแบบนั้นให้อีกฝ่ายแย้งกลับมาเสียงอ้อมแอ้มว่าตนไม่ใช่เด็กแล้ว หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้เด็กกว่าเขามากเสียหน่อย ดีนก็ได้แต่หัวเราะขำขันเมินเสียงง้องแง้งของอีกฝ่ายไปเสีย
น่าแปลกเหลือเกินที่ดีนคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งได้นานเป็นชั่วโมงทั้งที่ไม่ใช่คนคุยเก่งและออกจะเบื่อเสียด้วยซ้ำกับการสนทนานาน ๆ แต่กับรณณ์ ทั้งเรื่องมีสาระและไม่มีสาระกลับทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินไม่รู้เบื่อ ไม่มีเลยสักวินาทีเดียวที่จะรู้สึกว่าอยากวางสาย หรือพยายามหาคำพูดดี ๆ มาตัดบทสนทนา มันมีแต่จะยืดยาวออกไป หากไม่ติดว่าอีกฝ่ายต้องการสมาธิในการคิดงานที่เขามอบหมายไว้ บางที…ดีนอาจได้รู้จักการหลับคาโทรศัพท์เป็นครั้งแรก
.
.
.
วันนี้รณณ์ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาอย่างทุกวัน เพื่อความน่าเชื่อถือว่าไม่ได้เป็นมือสมัครเล่น ร่างสูงโปร่งจึงทำตามคำแนะนำของรุ่นพี่ในแผนก เสื้อเชิ้ตสีกรมที่ขับผิวขาวสะอาดให้ยิ่งผ่อง เปลี่ยนจากกางเกงสแล็คเป็นยีนส์เดฟสีซีดดูสมกับเป็นคอลัมนิสต์หัวศิลป์แต่ก็ยังสุภาพให้เกียรติแขกรับเชิญ ดูดีทีเดียวในสายตาของดีน
ดีนเลือกนัดคู่สัมภาษณ์ตอนบ่ายสองเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการชวน ‘เด็กดี’ ออกมาทานอาหารกลางวันข้างนอกด้วยกัน มิหนำซ้ำยังวางแผนไว้ด้วยว่ากว่าจะสัมภาษณ์เสร็จสิ้นทุกกระบวนการก็คงได้เวลามื้อเย็นพอดี ถือเป็นการใช้เวลาร่วมมื้ออาหารกันถึงสองมื้อในหนึ่งวัน
รณณ์เลือกร้านอาหารไทยที่ตั้งบนเส้นทางสู่จุดนัดหมายในตอนบ่าย เห็นหน้าอ่อนใสแบบนี้แต่ทานเผ็ดมากกว่าที่ดีนคิด คนช่างสังเกตจดจำรายละเอียดจากการมองบ้างสอบถามบ้างทำให้รู้ว่ารณณ์ชอบอาหารไทยรสจัด ยิ่งอาหารใต้ก็ยิ่งโปรด และค่อนข้างจะเบื่ออาหารทะเลนิดหน่อยเพราะบ้านเกิดอยู่ชลบุรี ผิดกันกับเขา อาหารเผ็ดก็พอทานได้ แต่ไม่ถูกปากนัก ยิ่งเครื่องเทศจัด ๆ ยิ่งไม่ใช่ทาง ก็เขามันเชื้อตะวันตกผสมจีน รสจัด ๆ แบบที่คนไทยส่วนใหญ่ชอบกันมันระคายกระเพาะจนเพื่อนฝูงหาว่ากระแดะกันมานักต่อนักแล้ว
“คุณดีนน่าจะแย้งตอนที่ผมเลือกร้านอาหารไทยนะครับ” เพราะคุณดีนไม่เคยอัพเดทเกี่ยวกับรสนิยมด้านอาหารลงทวิตเตอร์หรืออินสตราแกรม รณณ์จึงไม่รู้ว่าดีนชอบทานอาหารประเภทไหน พออีกฝ่ายให้เขาเลือกร้าน เขาจึงเลือกร้านอาหานไทย เพราะเผลอคิดแทนอีกฝ่ายว่าผู้ชายวัยกลางคนอย่างเรา ๆ น่าจะอยากทานอะไรที่เป็นข้าวในมื้อกลางวันเพื่อเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ แต่ดูจากท่าทางที่ไม่ค่อยเจริญอาหารของคุณดีนแล้ว ต่อมรู้สึกผิดของเขาก็เริ่มทำงานจนพาลให้ความอยากอาหารลดลงตามไปด้วย
“ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ”
“คุณไม่ผิดหรอก ผมตามใจคุณเองต่างหาก” ใช่จะอยากเอาใจ แต่เขาเป็นคนง่าย ๆ เรื่องอาหารการกินอยู่พอสมควร จะพิถีพิถันอยู่ก็แค่กาแฟเท่านั้น อาหารไทยก็ใช่ว่าจะทานไม่ได้ พวกรสชาติจืด ๆ หรือไม่เผ็ดมากนี่ก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว
“ทำไมต้องตามใจผมละครับ คุณควรตามใจตัวเอง” รณณ์ถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากหน้าหงอด้วยความเกรงใจเมื่อครู่กลายเป็นคนที่กล้ามองสบตาไม่ลดละแล้ว
“อย่ากังวลไปเลย ผมก็เป็นคนแบบนี้แหละ อยากตามใจคนอื่นตอนไหนก็จะตามใจ เรื่องฝืนใจน่ะ ไม่มีหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าตามใจผมบ่อยนักนะครับ ผมเกรงใจ”
…คงได้เกรงใจกันจนเหนื่อยล่ะ…
“ไม่รับปากหรอกนะ” มุมปากแต้มยิ้มบางปิดบทสนทนาก่อนเชื้อเชิญให้ทานอาหารกันต่อดังเดิมโดยไม่สนใจท่าทางงุนงงของอีกฝ่ายเลยสักนิด
.
.
.
“ตื่นเต้นหรือ?”
นัยน์ตาคมเหลือบมองคนที่นั่งเบาะหน้าคู่กันมาสลับกับถนน เห็นมาสักพักแล้วว่าอีกฝ่ายนั่งกุมมือเสียแน่นจนน่ากลัวว่ามันจะบีบกันจนเจ็บระบม
“ถ้าตอบว่าใช่ คุณจะผิดหวังในตัวผมไหมครับ”
ดีนเผยยิ้มบาง เริ่มลังเลว่าท่าทีกังวลแกมประหม่าที่สื่อออกมาจากถ้อยคำและน้ำเสียงหรืองานใหญ่งานแรกกันแน่ที่กำลังทำให้เด็กนี่ตื่นเต้น
“ในฐานะบอกอ ผมคงตอบว่าไม่ เพราะนี่เป็นงานแรกของคุณ แต่ก็อยากจะบอกว่าผมคาดหวังกับผลของมันไว้เยอะพอสมควร”
รณณ์กลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก น่าแปลกทั้งที่มันเป็นของเหลวในร่างกายตัวเองแต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้กลืนยาขมลงไป
“…แต่ในฐานะคุณดีนของคุณ ผมก็ยังยืนยันที่จะตอบว่าไม่ และอยากจะบอกว่าอย่ากังวลนักเลย คุณเตรียมตัวมาดีแล้ว แค่ทำมันให้เต็มที่ ถ้าหากเกิดอะไรที่เกินจะควบคุมได้ ขอให้รู้ไว้ว่ามีผมอยู่ทั้งคน ไม่ต้องกลัว”
รณณ์เชื่อว่าคุณดีนพูดจริง นัยน์ตาคู่นั้นที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มเปิดเผยไม่เคยโกหก มันทำให้เขารู้สึกดีเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นสองมือที่กุมกันไว้บนหน้าตักก็ยังไม่คลายออกจากกัน
“พูดถึงขนาดนี้แล้วยังตื่นเต้นอยู่อีกเหรอ?” ดีนยื่นมือข้างหนึ่งไปวางทับมือบางคู่นั้นไว้ ออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจด้วยหวังว่ามันจะคลายออกก่อนที่เจ้าของจะบีบมันแน่นไปมากกว่านี้ ทว่าเขากลับรู้สึกถึงแรงสั่นของมันเป็นการเปลี่ยนแปลงต่างจากที่หวังไว้
“เป็นอะไรไป มือสั่นเป็นเจ้าเข้า”
คนที่ทำหน้าที่ขับรถหันมองเด็กหนุ่มข้างกายด้วยความเป็นห่วง ยังไม่ทันได้รับคำตอบเป็นคำพูดก็ได้รับความกระจ่างจากอวัจนภาษาที่ฉายชัดบนใบหน้าอ่อนใสนั้นแล้ว
ดีนอาจไม่ถนัดเรื่องเกี้ยวพา แต่ก็ไม่โง่ที่จะดูไม่ออกว่าพวงแก้มแดงระเรื่อทั้งที่ห้องโดยสารก็เปิดแอร์เย็นขนาดนี้คืออาการของคนเขินกัน สาเหตุก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมือเขาที่ยังวางทับมือของเจ้าตัวไว้ ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ปฏิเสธสัมผัสของเขาหรือมีท่าทีรังเกียจ เห็นแบบนี้แล้วก็อยากจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เนียนวางมือไว้อย่างนั้นอย่างที่แรมบอกไว้ว่า ‘ทำอย่างที่ใจมึงต้องการ’ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอย่างอื่นที่ใจต้องการมากกว่าเสียแล้ว ในเมื่อพวงแก้มสุกปลั่งนั่นยั่วยวนใจให้ต้องปล่อยมือคู่นั้นไปบีบแก้มอีกฝ่ายเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยวแทน
“อื้อ~~~” คนถูกประทุษร้ายส่งเสียงประท้วงเรียกเสียงหัวเราะจากคนกระทำได้ไม่น้อย “แกล้งกันทำไมละครับเนี่ย” เขินก็เขิน แต่ความอยากโวยวายมันมีมากกว่า เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยกลบความอายได้มากทีเดียว
“ก็อยากให้ผ่อนคลาย” พูดแล้วก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับหนทางข้างหน้า
หัวใจเต้นแรงกว่าเดิมแบบนี้ เขาไม่เรียกว่าผ่อนคลายหรอกครับ!
.
.
.
เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนเวลานัดหมายในตอนที่สองหนุ่มมาถึงร้านกาแฟหรูย่านท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ดีนจอดรถแล้วก็เอี้ยวตัวไปเบาะหลัง หมายจะหยิบกล้องตัวใหญ่คู่ใจที่ตั้งใจจะนำมาถ่ายรูปแขกคนพิเศษด้วยตัวเอง ในจังหวะที่จะหมุนตัวกลับมาจึงได้เห็นว่าเด็กหนุ่มที่นั่งมาด้วยกันยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงในท่าเดิมกับตอนที่ถูกเขาแกล้งไป
“อะไรกัน ยังตื่นเต้นอยู่อีกเหรอ?”
“ก็นิดนึงแหละครับ”
“มา ผมช่วย”
“เห้ย! ไม่ต้องครับ ผมโอเค ๆ” ขืนปล่อยให้ช่วยแบบที่ทำก่อนหน้านี้มีหวังเขาได้ตื่นเต้นหนักกว่าเดิมแน่ หัวใจตัวเองรึก็แปลก จะเต้นแรงอะไรนักหนาเวลาอยู่กับผู้ชายคนนี้
นับวันจะยิ่ง
ชื่นชอบเขามากเกินไปเสียแล้วไอ้รณณ์เอ๋ย
.
.
.
เป็นครั้งแรกที่ดีนรู้สึกเหมือนตัวเองตัดสินใจผิดพลาด…
หาเรื่องให้ออกมานอกสถานที่เพื่อจะได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่ด้วยกัน มันก็ได้จริงอย่างที่หวังอยู่หรอก แต่ของแถมที่ไม่พึงประสงค์อย่างสายตาพึงพอใจในตัวคอลัมนิสต์ฝึกหัดของแขกผู้มีเกียรตินี่สิ
ไม่โอเค!
คุณดีนไม่โอเค รณณ์รับรู้ได้แม้จะตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับแขกตรงหน้า แต่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเอาใจไปจดจ่ออยู่กับเจ้านายที่นั่งเงียบมาตั้งแต่จบประโยคแนะนำตัวแสนเรียบเมื่อสิบนาทีก่อน
ความจริงแล้วคุณดีนไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าอะไร มองผ่าน ๆ ก็เหมือนหน้าตาปกติที่คุณดีนชอบทำ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ใช่ว่าตอนที่อยู่ด้วยกันจะไม่มีช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างเงียบ แต่มันก็เป็นความเงียบที่รู้สึกปลอดภัยไม่อึดอัด ต่างกับตอนนี้ที่เหมือนมีรังสีของความขุ่นข้องอะไรบางอย่างแผ่กระจายออกมารอบตัวของร่างสูง
หรือเขาจะทำได้ไม่ดีพอ?
คุณดีนต้องไม่พอใจเรื่องนี้แน่ ๆ เลย
คิดได้อย่างนั้นก็รีบเอาใจมาจดจ่ออยู่กับคู่สนทนาตรงหน้าถามบ้างก้มลงจดบ้างในประเด็นสำคัญ ส่วนประเด็นปลีกย่อยอื่น ๆ อาศัยให้เทคโนโลยีช่วยจำ
ไม่ต้องเป็นพวกนิยมชมชอบเพศเดียวกัน ภพก็ยังคิดว่าคอลัมนิสต์หน้าเด็กของนิตยสารไลฟ์ดึงดูดสายตาอยู่ไม่น้อย หน้าตาอาจไม่ได้สวยหวานหรือน่ารักเสียทีเดียว ดูบอย ๆ ในแบบเด็กผู้ชายหล่อคนหนึ่ง แต่ผิวพรรณสะอาดสะอ้านนั่นก็เสริมให้มีเสน่ห์มากทีเดียว
จริง ๆ แล้วออกจะน่ามองจนไม่อาจละสายตาได้เลยด้วยซ้ำ
การสัมภาษณ์ก็เป็นไปตามธรรมชาติ แม้จะมีท่าทีตื่นเต้นประหม่าอยู่บ้างแต่ก็นะ ไอ้การสะดุดบ้าง ไม่ลื่นไหลบ้างนั่นก็ยังดูเป็นธรรมชาติได้อย่างน่าเอ็นดู สุ้มเสียงทุ้มน่าฟังจนเผลอหลงลืมคำถามเดือดร้อนเจ้าตัวต้องเอ่ยซ้ำอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีท่าทีไม่พอใจเขาเลยสักนิด
“ทานอาหารเย็นร่วมกันก่อนกลับนะครับ” ภพเอ่ยชวนหลังจากที่ดีนถ่ายรูปของตนในมุมต่าง ๆ เพื่อนำไปประกอบคอลัมน์ปิดท้ายการสัมภาษณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษที่ต้องบอกปฏิเสธ พอดีพวกผมมีงานกันต่อ ขอโทษจริง ๆ นะครับ” ท่าทางสุภาพนอบน้อมจากคนเป็นนายคงทำให้คนชวนเชื่อได้ แต่กับรณณ์ที่รู้ดีว่าเนื้อความนั้นปนคำปดกลับยืนนิ่งตีหน้ายุ่ง ไม่คิดจะเสริมคำอีกฝ่ายให้มีน้ำหนักมากขึ้นแต่อย่างใด
“แต่นี่เย็นมากแล้วนะครับ ยังมีงานกันต่ออีกเหรอเนี่ย” ภพหน้าเศร้า หันมองคอลัมนิสต์หน้าเด็กด้วยความเป็นห่วง “วันนี้คุณรณณ์เหนื่อยแย่เลยสินะครับ”
“ไม่หรอกครับ สนุกดี” ตอบกลับไปแล้วก็ยิ้มปิดท้ายเสียหน่อย อีกฝ่ายจะได้ไม่รู้สึกว่าเราตัดขาดไมตรีต่อกันเสียทีเดียว แค่ปฏิเสธจะร่วมมื้อเย็นด้วยกันก็น่าเกลียดพอแล้ว แต่รณณ์ไม่รู้เลยว่าการทำแบบนั้นยิ่งทำให้ดีนอยากจะทำในสิ่งที่ ‘น่าเกลียด’ มากกว่าเมื่อครู่เสียอีก
“พวกผมคงต้องขอตัวกลับก่อน ขอบคุณคุณภพที่สละเวลามาให้เราสัมภาษณ์นะครับ”
เสร็จสิ้นคำลา ดีนไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทันแม้แต่จะขอช่องทางการติดต่อกับรณณ์เลยสักนิด กายโปร่งบางปลิวตามแรงฉุดรั้งจนมาถึงรถคันหรู เมื่อนั่งประจำที่กันได้เรียบร้อยแล้วดีนก็ไม่รอช้าที่จะพายานยนต์ทะยานออกสู่ถนนใหญ่
.
.
.
เกลียดตัวเองจริง ๆ
ทำไมเก็บอารมณ์ไม่อยู่เสียได้ ทั้งที่เคยนิ่งสงบได้ตลอด เรื่องทำสงครามประสาทตีหน้านิ่ง ๆ เรียบเฉยเคยเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเสียที่ไหน แต่แค่ได้เห็นว่าคนอื่นพอใจ ‘คนของตน’ เหมือนกันก็ถึงกับคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
ไหนจะความรู้สึกที่ไม่อยากให้รณณ์ถูกจ้องมองจากคนอื่นนั่นอีกเล่า ยังไม่รวมถึงรอยยิ้มสดใสราวกับโลกทั้งใบไม่เคยหม่นหมองนั่นอีก ไม่ชอบเลยที่คนอื่นได้เห็นความน่ารักของเด็กคนนี้ ไม่อยากให้ใครได้เห็นรณณ์ในแบบที่ตนเห็น
อาการแบบนี้หรือเปล่าที่เขาเรียกกันว่า ‘หึงหวง’
ทำไมดูเห็นแก่ตัวจังวะ!?
“ผมทำได้ไม่ดีพอใช่ไหมครับ?” ออกมาจากคาเฟ่หรูได้สักพักแล้ว แต่คุณดีนก็ยังไม่โอเค จังหวะการหายใจเร็วและแรงบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่ รณณ์เดาเอาว่าน่าจะเป็นสิ่งเดียวกับตั้งแต่ที่เขาเริ่มสัมภาษณ์พิธีกรชื่อดัง
“หือ?” เหมือนจะเพิ่งได้สติตอนที่อีกคนเอ่ยถามขึ้นมา ดีนหันไปมองแวบหนึ่งให้รู้ว่าตนสนใจฟังอยู่
“คุณดีนดูไม่พอใจตลอดเวลา…”
“…”
“…ตั้งแต่ที่ผมเริ่มสัมภาษณ์”
ดีนเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้ม “สังเกตด้วยหรือ?”
“ผมสัมผัสได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้สิว่าผมไม่พอใจตั้งแต่ที่เขายื่นมือมาจะเช็คแฮนด์กับคุณแล้ว”
“คุณดีน…ไม่ชอบเขาเหรอครับ”
เด็กหนอเด็ก ขณะที่เขาหึงหวงแทบตาย แต่รณณ์ยังเข้าใจว่าเป็นเพราะความไม่ชอบพอกันส่วนตัวได้อีก แต่ไหนเลยจะขัดให้ไก่ตื่น ยอมตามน้ำอือออกับเขาไปก่อนแล้วกัน
“นี่เป็นเหตุผลที่คุณปฏิเสธดินเนอร์กับเขาด้วยรึเปล่าครับ”
ดีนตอบด้วยเสียงครางในลำคอเหมือนเด็กไม่กล้ายอมรับผิด
รณณ์กลั้นขำ เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคุณดีนมีนิสัยเด็ก ๆ กับเขาเหมือนกัน
“ผมผิดเหรอที่อยากทานข้าวกับคุณแค่สองคน”
รอยขบขันบนริมฝีปากจางหายไปจนทำให้ใบหน้าหล่อใสเรียบนิ่ง ทว่าภายในใจกลับไม่ใช่เลยสักนิด พวงแก้มสีระเรื่อนั่นไงคือสิ่งที่ประจานความรู้สึกทั้งหมดแก่สายตาคนมอง
“ว่าไงล่ะ ผมผิดรึเปล่า” ถามจี้ซ้ำอย่างนึกสนุก ยิ่งเห็นท่าทางอ้ำอึ้งก็ยิ่งอยากลองใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มะ ไม่ผิดหรอกครับ”
“ก็หมายความว่าทำถูก?”
นัยน์ตาสุกใสลอกแลก ไม่ตอบคำถาม แต่กลับเบี่ยงประเด็นออกไปเสียเอง “ทำไมคุณดีนถึงไม่ชอบคุณภพละครับ เขาออกจะนิสัยดี เป็นกันเองไม่ถือตัวสักนิด ความคิดความอ่านเป็นสุภาพบุรุษมาก ๆ เลยนะครับ สมาร์ทสุด ๆ ของรักของชอบก็เก๋เท่จนคาดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเขาจะเคยชอบอะไรแบบนี้ด้วย…”
“ชอบเขาหรือไง?” ดีนขัดขึ้นก่อนที่จะได้ยินคำสรรเสิญอีกฝ่ายให้ระคายหูไปมากกว่านี้
“ห๊ะ ครับ?”
“ถามว่าชอบเขารึไง” ดีนอาศัยช่วงที่รถติดไฟแดงตรงสี่แยกใหญ่พอดีหันมองคนข้างกายเต็มตา เมื่อครู่หันมองตัวเลขสีแดงที่ปรากฎบนป้ายเหนือระดับสายตาทำให้รู้ว่าเขามีเวลาเยอะถึงสองนาที
“ครับ ผมชอบนะ”
“แบบคนรัก”
“เห้ย!! ใครมันจะไปคิดแบบนั้นด้วยละครับ”
“แล้วกับผมล่ะ”
“คะ ครับ คุณดีนว่าไงนะครับ”
“ถ้าไม่คิดกับเขา แล้วคุณคิดกับผมรึเปล่า” รณณ์หรี่ตามอง ยังตกใจไม่หายกับคำถามตรงไปตรงมาแบบนั้น แต่ก็ยังมีสติพอที่จะวิเคราะห์จุดประสงค์ที่แท้จริงของคำถามนั้น คุณดีนถามเพราะสงสัยอะไรในความรู้สึกของเขา หรือถาม…เพราะอยากรู้ว่าคิดเหมือนกันหรือเปล่า
เดี๋ยวนะ!
“ถามเหมือนจีบเลยนะครับ” รณณ์พูดติดตลกทีเล่นทีจริง แต่คำตอบเกินคาดที่ได้รับสวนกลับมาทำให้เสียงหัวเราะน้อย ๆ ถูกตัดฉับราวกับมีใครมากดปุ่มหยุด
“นี่ผมแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?” ให้ตายเถอะ! นึกว่าแนบเนียนไม่กระโตกกระตากแล้ว ทำไมเด็กนี่ยังล่วงรู้ความคิดของเขาได้อีก
ใบหน้าอ่อนใสร้อนผะผ่าว นึกถึงทวีตของอีกฝ่ายเมื่อหลายวันก่อนแล้วก็ยิ่งร้อนหน้ามากขึ้นจนแทบไหม้
‘จีบไม่เป็น ต้องทำไง’คนที่คุณดีนจะจีบคือเขาจริงหรือ? แล้วควรจะรู้สึกยังไงวะ?
…วันก่อนบอกขอเป็นเพื่อน วันนี้มาบอกว่าจีบ…
“จะ จะ จีบผมจริงเหรอครับ”
“อื้ม ได้รึเปล่าล่ะ”
“…”
“รังเกียจความรู้สึกของผมไหม”
“มะ ไม่ครับ” ไม่อยากให้คุณดีนเข้าใจว่ารังเกียจกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบรับกลับไปอย่างไร เขาไม่เคยคาดคิดอะไรแบบนี้ อย่าว่าแต่จะถูกคุณดีนจีบ ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“หมายความว่าจีบได้?”
“…” …ไม่รู้
“ยังไงก็ช่วยให้ความร่วมมือกันด้วยล่ะ ผมน่ะ…
จีบใครไม่เป็นหรอกนะ”
TBC.
---------------------------------------------------------
หายหน้าไปนานจนคนอ่านลืมคุณดีนกับน้องรณณ์ไปหมดแล้วม้างงงง
น้องรณณ์เป็นโรคติดอ่างไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและคำติชมทั้งหลายนะคะ
#ไม่ดิ้นรนหา
ด้วยรักและขอบคุณ
ธัญญ์