น่ารัก
ผมเคยได้ยินว่าคนอกหักมักจะไม่ยอมรับความจริง ซึ่งผมเองก็เป็น ผมกลับมาอยู่ที่ห้องเดิมได้เกือบเดือนแล้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถจอดที่ข้างล่างของตึกผมจะคิดเสมอว่าคงเป็นภัทร ผมมักจะโผล่ไปที่หน้าต่างเมื่อมองหาเขาช่วงตอนค่ำๆ
ทุกๆวันที่ผมกลับมาจากที่ทำงานผมจะคิดเสมอว่าเขากำลังนอนฟุบหน้าอยู่บนเตียงที่เดิมที่เขามักจะทำ ผมเคยร้องไห้ให้กับกันย์เพราะรู้ว่าเขาจะไม่กลับมาแล้ว แต่กับภัทร ผมหวังว่าเขาจะมาเคาะประตูเรียกผมเหมือนทุกที
ผมยังคุยกับแพทบ้างเพราะเราเข้าทำงานในสายงานเดียวกัน และเพราะเราค่อนข้างที่จะคุยกันรู้เรื่อง ผมว่าแพทรู้เรื่องทั้งหมดแต่เธอแค่ไม่เคยพูดมันแค่นั้นเอง จนกระทั่งวันนั้นวันที่เราดื่มกันที่ร้านอาหารแถวที่ทำงานของแพท เธอที่เห็นว่าผมยังรอภัทรอยู่เหมือนคนบ้าบอกผมว่าตอนนี้ภัทรกำลังเรียนต่อโทอยู่ที่อเมริกาและสบายดี ตัวผมเองที่ไม่ได้ข่าวเขาเลยหลังจากนั้นแค่นยิ้มและบอกกับตัวเองว่าให้พอได้แล้ว ภัทรก้าวไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ที่เดิม
จนเวลาผ่านไปสองปีผมที่เริ่มทำงานแล้วและมีเงินเก็บบ้างแล้วถึงได้ย้ายออกจากห้องเดิมที่ติดจะโทรม ในตอนที่ตัดสินใจทิ้งเสื้อผ้าและข้าวของของภัทรที่อยู่ในห้อง ผมรู้สึกเหมือนเสียเขาไปตลอดกาล
ระยะเวลาไม่ได้ทำให้ผมลืมภัทรได้ แต่ผมเลิกหวังแล้วว่าผมจะได้กลับไปรักกับเขาเหมือนเดิม
พอได้ลองก้าวออกมาหนึ่งก้าวผมถึงได้รู้ว่าดีแล้วที่มันจบแบบนั้น ถ้าภัทรหรือผมรังแต่จะเอาแต่ใจตัวเองป่านนี้เรื่องคงจบไม่สวยแบบนี้ ตอนแรกๆผมไม่กล้าพูดถึงชื่อของภัทรด้วยซ้ำเพราะมันเหมือนสะกิดอะไรบางอย่างในความรู้สึกผม ร้านไหนที่เคยไปกินกับเขาหรือแม้แต่อาหารโปรดของเขาอย่างพิชซ่าผมเองไม่กล้ามองด้วยซ้ำ
แต่พอผ่านมันมาได้ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองแม่งตลกสิ้นดี
ผมผ่านความเสียใจมาด้วยกำลังใจของพ่อกับแม่ที่สลับกันโทรหาผมวันละหลายครั้ง จนผมเริ่มรู้สึกว่าผมกำลังทำให้คนแก่สองคนที่บ้านเป็นห่วง ผมที่รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมานิดหน่อยอยากเป็นฝ่ายเป็นที่พึ่งให้พ่อแม่มากกว่าให้ท่านมาคอยโอ๋ลูกชายที่ถูกผู้ชายทิ้งแบบนี้
แม่ผมบอกว่า รักที่ดีจะมาในเวลาที่ดี และที่สำคัญคือผมหล่อ ผมจะต้องได้แฟนดี แต่สามปีผ่านมาตั้งแต่รักครั้งที่แล้วผมก็ยังโสดตัวเท่าบ้าน
“เอาเบียร์มาอีกไดจิ” ผมนั่งดื่มกับไดจิมาตั้งแต่หนึ่งทุ่มที่ร้านประจำของเรา จนป่านนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว
“เอาคนน่ารักคนเดิมคืนมา” คนญี่ปุ่นบอกพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“ผมมันทำไม”
“เธอไม่น่ารักแล้วนะ” เขาบอกหน้าตาจริงจัง
“ก็คุณมีคนน่ารักข้างตัวอยู่แล้วนี่ ผมเลยไม่น่ารัก” ผมบอกพร้อมกับขำแต่ไดจิส่ายหัวว่าไม่ใช่
“ตอนแรกๆนะ เอะอะไรก็ร้องไห้ ตาแดงๆ ไดจิครับ อย่างนั้นอย่างนี้ ดูตอนนี้สิ” ไดจิว่าพร้อมกับทำไม้ทำมือ ดูก็รู้ว่าเพราะอยากจะแกล้งผม
“ตอนนี้ผมทำไม”
“แก่แดด” ผมหัวเราะกับคนที่เหมือนคนไทยเข้าไปทุกที
“ตั้งแต่คุณมีแฟนผมทำอะไรก็ไม่น่ารักทั้งนั้นแหละ”
“แน่นอน รู้ไหมกันต์” เขาเว้นระยะไปชั่วครู่ ก่อนจะบอกออกมาใหม่
“หาหล่อๆดีๆแบบฉันไม่ได้แล้วนะ”
ผมหัวเราะเสียงดังจนโต๊ะข้างๆตกใจ
“ฉันพูดความจริง ทั้งทินเดอร์หล่อและดีที่สุดน่าจะเป็นฉัน”
ผมที่ขำจนแทบจะสำลักแกล้งถาม
“คุณยังเล่นอยู่อีกเหรอ”
“ไม่เล่นแล้ว เดี๋ยวแฟนตี แต่เธอควรเล่นจะได้มีใครเข้ามาบ้าง”
ผมที่เหมือนกำลังโดนแขวะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไป
“ว่าแล้วก็โหลดเลย” ผมว่าพร้อมกับมองมือถือใหม่ของตัวเองที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ก่อนจะโหลดแอปที่ไม่ได้เห็นมานาน ยังสงสัยอยู่เลยว่ามันยังมีอยู่อีกเหรอ พอลองเปิดเข้าไปเห็นหน้าตาตัวเองเมื่อหลายปีที่แล้วพร้อมกับข้อความเก่าๆที่ยังค้างอยู่
...เห็นแล้วขนลุกพิกล...
“ทำไม เป็นอะไร” ไดจิถามผมที่ทำหน้าเหมือนแบกโลก
“ลบทิ้งดีกว่า หลอนๆยังไงไม่รู้” ผมว่า ไดจิหัวเราะเพราะรู้เรื่องของผมที่ผ่านมาอยู่แล้ว
“งานเป็นไงบ้าง” เราเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย ผมส่ายหน้าเบาๆ ที่ชวนเขาออกมาดื่มก็เพราะเรื่องงาน
“หัวหน้าใหม่อย่างเหี้ย อยากลาออก แม่งแกล้งผม”
“หยาบคาย” ไดจิว่าพร้อมกับคีบไก่ย่างที่รสชาติเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้วเข้าปาก
“สังคมหล่อหลอม” ผมว่าด้วยความเซ็งชีวิต ไดจิหัวเราะก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่ผมเบาๆ
ช่วงแรกๆที่ผมทำงานที่นี่ก็สนุกดี แต่หลังๆองค์กรเปลี่ยนผังบริหารใหม่ พร้อมๆกับผมที่ได้หัวหน้าใหม่เป็นคนที่ไม่ยอมฟังความคิดเห็นลูกน้องเลย ชีวิตเลยค่อนข้างเซ็ง เรื่องที่แย่ที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่เพื่อนในทีมผมโดนหัวหน้าขโมยไอเดียไปเป็นของตัวเอง พี่เขานั่งร้องไห้เป็นวัน ฟ้องก็ไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน จะลาออกก็มีปัญหาเรื่องเงินที่บ้านอีก ผมที่ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันได้แต่ปลอบ
“กันต์ สรุปประชุมทีมเราเสร็จแล้วใช่ไหมคะ”
หัวหน้าเดินมาผมในตอนที่ผมเพิ่งพักเบรคออกมาจากห้องประชุม เขาคงถามถึงประชุมเมื่อวานตอนเย็น ผมทำงานในทีม sale&marketing มีหน้าที่หา solution เพื่อเพิ่มยอดขายให้บริษัทที่ทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ทำคอนโดกับหมู่บ้านอยู่หลายที่ เนื้องานแต่เดิมผมมีหลายอย่างแต่ไม่ใช่สรุปการประชุมของทีมแน่นอน
“ผมไม่ได้ทำครับพี่ ผมยังติดประชุมอยู่เลย” ผมว่าพร้อมกับชี้ไปที่ห้องประชุมที่ดูท่าว่าจะถกกันอีกยาว
จริงๆหน้าที่นี้ต้องเป็นเลขาเขาทำ แต่ผมเห็นเลขาเขาที่เพิ่งย้ายมาตอนปรับฝังบริหารนั่งดูยูทูปไปวันๆ ผมไม่รู้หรอกว่าใครทำอะไร แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรนั่งดูหนังในเวลางาน
“มันเป็นงานของทีมเรา ถ้าคุณไม่ทำใครจะทำ” เขาว่า ผมที่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อมองหน้าหัวหน้าใหม่ที่ดูก็รู้ว่าจ้องจะมาหาเรื่อง
“ต้องให้พี่รายงานพี่จุ๋มไหม” เขาพูดถึงคนที่ดูแลงานทั้งหมดของฝั่งเซล ผมพยักหน้า
“เอาเถอะครับ มีอะไรไหมครับ ผมจะไปประชุมต่อ”
“มึงแม่ง”
ผมนั่งขำพี่ปูพี่ที่สนิทในทีมที่ฟังผมเล่าแล้วจะร้องไห้แทน พี่ปูเป็นคนที่รับผมเข้าทำงานตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็กฝึกงาน เราทำงานเข้าขากันดี
“ก็ผมไม่รู้ผมยุ่งอยู่ ก็มาจี้จะเอาๆ ผมเลยบอกขอไปประชุมผมผิดตรงไหน”
ผมว่าพร้อมกับยื่นทิชชู่ให้เธอ เธอโคลงหัวไปมาก่อนจะบอก
“ชีวิตมึงจะไม่สงบนะกันต์”
ผมยักไหล่
“ก็ดีพี่ ชีวิตผมมีความสุขเกินไปช่วงนี้ จะได้มีชีวิตชีวา”
เธอตีไหล่ผม ก่อนจะกระซิบถามเบาๆเพราะตอนนี้เรานั่งอยู่ในโรงอาหารของออฟฟิศ
“จะหางานใหม่ไหม”
“หาสิพี่ แต่ได้ที่ดีๆก่อนค่อยออก ออกไปเตะฝุ่นไม่ได้” ผมว่าที่นี่ดีนะมีข้าว กาแฟ ขนมฟรี สวัสดิการก็ดี เพราะฉะนั้นถ้าจะออกคงต้องหาที่มันดีกว่านี้
“ผู้บริหารหรือคิงวากานด้าวะ ต้องมีห้องกินข้าวแยกต่างหาก ตอนคุณพงศักดิ์อยู่แกติดดินจะตาย ลูกน้องถึงรักแกไง”
ผมมองตามสายตาของพี่ผู้หญิงตัวเล็กที่มองไปยังด้านหน้าโรงอาหารที่ดูเอะอะวุ่นวาย ดูเหมือนว่าทีมบริหารใหม่จะลงมากินข้าว ผมเข้ามาทำงานไม่กี่ปีไม่มีโอกาสได้รู้จักคนระดับสูงแบบนั้นหรอก เพราะโครงสร้างของบริษัทค่อนข้างจะใหญ่มาก แถมตัวเองก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน
“แล้วนี่ใครมาทำแทนวะพี่” ผมถามพร้อมกับมองไปที่ห้องกินข้าวที่แยกออกไปจากพนักงานปกติ
“หลานชายเขามั้ง”
“อ๋อครับ”
และแล้วก็เป็นอย่างที่คิด เย็นวันนี้ผมโดนเรียกเพราะเหตุการณ์ที่เผลอไปเถียงหัวหน้าตัวเองเข้า
แต่เอาเถอะ ผมเซฟชีวิตตัวเองไว้แล้วระดับนึง เพราะคนมันเคยล้มมาก่อนถึงรู้ว่าควรจะล้มยังไงให้ขาไม่หัก ถ้าถูกไล่ออกตอนนี้ผมก็นอนนิ่งๆได้อยู่สักสามเดือนเพราะพอมีเงินเก็บเผื่อสำหรับเคสสุดวิสัย แต่ไม่โดนไล่ออกน่าจะดีกว่า
ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องแล้วตากระตุกแปลกๆ แต่ก็ให้กำลังใจตัวเองว่าพี่จุ๋มที่ผมเคยทำงานด้วยแกเป็นคนมีเหตุผลและเป็นกันเอง
“โครงการติดแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่เรียบร้อยนะคะ เจ้าของที่ยังไม่ยอมขายขาด ยังอยากให้เช่าระยะยาวอยู่”
ผมได้ยินเสียงคุยกันข้างในห้อง พี่จุ๋มกวักมือเรียกผมเข้าไป ผมไหว้พี่แกที่ดูเหมือนจะคุยงานเพิ่งเสร็จ ผมค่อยๆค้อมตัวเดินเข้าไปเมื่อเห็นว่าน่าจะเป็นพวกคนใหญ่คนโต ในระหว่างที่พวกเขาทยอยเดินออกจากห้องไป ผมสบตากับใครบางคนที่คุ้นตา ตัวผมชาเหมือนมีคนเอาฆ้อนมาทุบหัว เขาเองก็ดูตกใจเหมือนกัน
ตอนนี้ผมคิดอย่างเดียวว่า
...ถ้าพี่จุ๋มไม่ไล่ผมออกผมก็จะไล่ตัวเองออกแทน...
TBC.
__________
ชื่อตอนมาจากที่เรารู้สึกว่าน้องกันต์น่ารักขึ้นค่ะ //กอดลูก