Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.19 100%
สายน้ำเย็นสาดเข้ากระทบกับใบหน้า ฉุดกระชากสติที่กำลังดำดิ่งลงลึกสู่ความเงียบงันให้ฟื้นตื่นขึ้นแม้เจ้าของร่างจะไม่เต็มใจ รัตติกรฝืนเปลือกตาให้เปิดขึ้นเล็กน้อย มันหนักราวกับมีใครเอาหินมาถ่วงไว้ภายในร่างกายของเขาร้อนผ่าว ผิดกับภายนอกที่เย็นเฉียบจากน้ำที่ยังเกาะพราวอยู่ตามร่างกาย
“มันรู้สึกตัวรึยังวะ?”
“ขยับแล้วนี่? คงจะตื่นแล้วล่ะ มึงเข้าไปเช็คสิวะ”
ปลายคางถูกดันให้ยกขึ้นสูง รัตติกรปรือตามองอีกฝ่ายที่เห็นได้เพียงแค่เป็นภาพเลือนราง ฝ่ามือหยาบหนาตบเข้าที่ใบหน้า รสเลือดแสบคอจึงแผ่กระจายอยู่ในปากอีกครั้ง จมูกกระสากลิ่นสนิมจางๆ หากแต่ความเจ็บร้าวก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม หนุ่มชาวไทยครางออกมาแผ่วเบาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารู้สึกตัว ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะลั่นเมื่อทำตามคำสั่งของเจ้านายได้ลุล่วงเสียที
“ว่าไปไอ้เลขานี่ก็อึดเป็นบ้า เหยื่อคราวก่อนของนายไม่มีใครทนได้เท่านี้สักคน”
“ปากเก่งด้วยนะโว้ย ใจเด็ดชิบหาย โดดฟาดเลือดสาดขนาดนั้นยังเถียงนายกลับไปได้ ไม่หลุดความลับของไอ้พวกมาเฟียนั่นออกมาสักคำ”
“งี้พวกอเมริกันที่นายพามาเค้าจะไม่หัวเสียแย่เหรอวะ?”
“มึงก็รอดูตอนนายกลับมาสิวะ ท่าทางเป็นยังไงผลก็เป็นแบบนั้นแหละไอ้โง่”
พวก…อเมริกัน?
รัตติกรเงี่ยหูฟังสิ่งที่ลูกน้องของฟงเจิ้นฮ่าวคุยกัน ข้อมูลที่หลุดออกมาอีกอย่างช่วยจำกัดวงของผู้ต้องสงสัยว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่เบื้องหลังคนคนนั้นของเจิ้นฮ่าวต้องเป็นคนอเมริกัน มีอำนาจมากพอที่คิดจะต่อกรกับเวสเปอร์แฟมมิลี่ รวมไปถึงเส้นสายที่ฝ่ายนั้นมีก็เชื่อมโยงมาถึงประเทศจีน มันแน่นหนาพอที่จะเป็นแบ็กอัพให้กับตระกูลฟงแทนที่อำนาจเดิมของลาร์เฟียร์
ดูท่างานนี้ศัตรูจะเป็นตัวฉกาจไม่เบา ดอนแห่งปาเลอร์โม่คงจะเจอกระดูกชิ้นโตเข้าให้แล้วล่ะมั้ง…
เสียงประตูเหล็กลั่นครืดคราดดังขึ้นมาจากด้านบน ฝีเท้าของผู้ก้าวเข้ามามีไม่กี่คน มันลงจังหวะแผ่วเบาแล้วค่อยๆเยื้องย่างลงบันไดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชายผ้าไหมสีแดงเข้มชี้ตัวผู้ก้าวเข้ามาได้ก่อนสิ่งใด
ฟงเจิ้นฮ่าวนั่นเอง…
หนุ่มชาวจีนมีผู้ติดตามมาด้วยสองคน ผู้แรกคือคนสนิทที่รัตติกรเห็นตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ถูกจับมา หากแต่อีกคนกลับเป็นชายมีอายุที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา สังเกตคร่าวๆได้ไม่นานฟงเจิ้นฮ่าวก็ก้าวเข้ามาภายในห้องขัง ดวงตาเรียวรีฉายประกายระยับลุ่มหลง เสริมความน่าขยาดเข้าไปด้วยรอยยิ้มเหยียดกว้างและเสียงหัวเราะแหลมในลำคอที่ระคายหูเหลือคณานับ
รัตติกรขมวดคิ้วและให้ความสนใจกับชายในเสื้อกาวน์มากกว่ามาเฟียโรคจิตตรงหน้า นายแพทย์คนนั้นวางกล่องเครื่องมือลงกับพื้นและมองมาทางเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว มือที่มีร่องรอยเหี่ยวย่นให้ได้เห็นบ้างแล้วนั้นสั่นระริกยามที่เอื้อมมือไปเปิดกล่องตรงหน้า เผยให้เห็นภายในที่มีทั้งขวดยาขนาดเล็ก ชุดผ่าตัด รวมไปถึงเข็มฉีดยาและผ้าผันแผล
หมอนี่จะเล่นอะไรกับเขาอีกล่ะ…
“ดีใจที่คุณยังมีสติรอผมกลับมานะครับ ช่วงที่ผมไม่อยู่คงมีเวลาเหลือเฟือให้คุณได้คิดไตร่ตรองสักนิดบ้าง ว่ายังไงครับ ตกลงจะบอกผมได้รึยัง?”แม้จะว่าเช่นนั้น ทว่าท่าทางที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าที่ควรกลับทำให้รัตติกรสงสัยว่าอีกฝ่ายมั่นใจอะไรนักหนาว่าจะสามารถเค้นความจริงออกจากปากของเขาได้
“โง่…รึเปล่า? ถ้าผมจะบอก อึก!…คุณก็ไม่ต้องมาอ้อนวอนขอมันจากผมแบบนี้หรอก!! หึ”หนุ่มชาวไทยส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกเป็นการยั่วโมโหอีกฝ่าย รวมไปถึงใช้ปิดบังอาการสำลักเลือดที่พุ่งวูบขึ้นมาถึงคอ ดูท่าสนับมือที่อีกฝ่ายซัดเข้าชายโครงของเขาจะออกฤทธิ์เข้าให้แล้ว
บาดเจ็บภายใน…มันเริ่มเข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ!
เมื่อไหร่ไอ้เจ้านายซังกะบ๊วยของเขามันจะโผล่หัวมาช่วยสักที?
“นั่นสิ…ผมก็เลยไม่หวังว่าจะเค้นอะไรจากคุณในสภาพนี้ได้อีกแล้วล่ะ!!”ฟงเจิ้นฮ่าวกล่าวทั้งรอยยิ้ม มือเรียวยาวตวัดขึ้นคว้าลำคอเพรียวบางเอาไว้อย่างถนัดมือแล้วบีบขย้ำเต็มแรงจนรัตติกรดิ้นพล่าน รอจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มจะแน่นิ่งไป ร่างในชุดจีนจึงยอมผ่อนแรงลงจนกลายเป็นการจับเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะยิ้มเยาะให้เหยื่อของตนเองที่สำลักไอจนน้ำตาคลอ
แม้จะไม่ใช่น้ำตาที่เกิดจากความหวาดกลัว ทว่าใบหน้าหยิ่งทะนงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสิ่งที่แลดูอ่อนแอเช่นนี้กลับยิ่งทำให้เขาอยากเห็นคนตรงหน้าดิ้นรนครวญครางทั้งน้ำตาภายใต้ร่างของเขายิ่งกว่าสิ่งใด!!
ฟงเจิ้นฮ่าวใช้อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบขวดแก้วใบเล็กขึ้นมา ปลายนิ้วเรียวยาวคลึงขวดนั้นให้กลิ้งไปมาบนฝ่ามือขาวซีด รัตติกรกัดริมฝีปากข่มอาการของตนเอาไว้ คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อมองเห็นขวดที่ว่า ภายในนั้นบรรจุของเหลวสีใส ปริมาณมีเพียงเล็กน้อย ที่ฝาขวดผนึกไว้ด้วยจุกยางสีเทาอ่อน ลักษณะของขวดชัดเจนว่าเป็นขวดยาที่ต้องใช้เข็มฉีดเข้าเส้นเลือด…
ยาที่เอามาใช้เพื่อให้สารภาพความจริงส่วนใหญ่มักเป็นยาที่อยู่ในกลุ่มกล่อมประสาท อยู่กับมาเฟียพวกนี้ก็ไม่น่าจะเป็นยาที่ใช้ในทางการแพทย์โดยตรงเท่าไหร่นัก หนุ่มชาวไทยเลยสันนิษฐานได้ไม่ยากว่ามันคือยาเสพติดชนิดหนึ่ง!
“แค่ก! หึ…เลยต้องใช้…มอร์ฟีน…มาคุยแทนสินะ? อั่ก!!!”รัตติกรกล่าวทั้งใบหน้ายิ้มเยาะคล้ายไม่รู้สึกรู้สา ทว่าเสียงหัวใจในอกที่กำลังเต้นกระหน่ำเพราะความหวาดกลัวกลับดังก้องกระหึ่ม มือของผู้กระทำลงแรงบีบอีกครั้งความเจ็บปวดที่ได้รับเปลี่ยนเป็นด้านชา หยาดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนใบหน้าเย็นเยียบขึ้นมากระทันหัน
“!?...”ฟงเจิ้นฮ่าวขมวดคิ้วทันควัน หนุ่มชาวจีนรู้ว่ารัตติกรกลัวเป็นและกำลังกลัว แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น สติของเจ้าเลขานี่กลับยังมีอยู่เต็มเปี่ยม ดวงตาสีน้ำตาลไหม้คู่นั้นยังคงฉายประกายแวววาวคมกล้า เขาแน่ใจว่าไม่ได้เอ่ยชื่อยาในขวดนี่ออกไปแม้แต่น้อย แล้วทำไมคนคนนี้ถึงรู้ทั้งที่ทำแค่เพียงเหลือบมองมันเท่านั้น?
รองหัวหน้าตระกูลฟงขบฟันแน่น เขาไม่ยอมแสดงอาการหวั่นวิตกให้คนตรงหน้าได้ใจไปกว่านี้แน่นอน ชายหนุ่มกระชับมือตนเองเพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา สัมผัสเย็นเฉียบของขวดแก้วที่ถือเอาไว้สร้างความอุ่นใจให้เขาอย่างง่ายดาย
มีสิ่งนี้แล้วเขาจะกลัวอะไร? อีกไม่นานความหยิ่งทะนงที่น่ารำคาญนี่ก็จะถูกทำลายจนราบคราบแน่นอน!!
“เก่งจริงนะ…ไม่แปลกใจที่นายท่านเลือกคุณมาเป็นเลขาของเวสเปอร์…เสียดายที่ผมต้องทำงานให้เสร็จก่อน รับรองว่าถ้าคุณพูดมันออกมาเมื่อไหร่ ต่อจากนั้นผมจะพาคุณไปสนุกให้ถึงสวรรค์เลยล่ะ”กล่าวจบฟงเจิ้นฮ่าวก็แย้มรอยยิ้มออกกว้าง เขาคลายมือออกจากลำคอของรัตติกรอย่างอ้อยอิ่ง เฝ้ามองคนตรงหน้าที่สั่นระริกไปด้วยความกลัวที่ยังคงผสานความกล้าเอาไว้ด้วยกัน ลำคอขาวเนียนเป็นรอยแดงช้ำ เสียงหอบหายใจเบาๆฟังดูยั่วยวน ดวงตาแสนสวยคู่นั้นก็ยังฉายประกายดื้อรั้นไม่ยอมคนอยู่เช่นเดิม
“เอาให้ถึงนรก…ก็อย่าหวัง ว่าจะได้อะไรไปจากผม!!!”
ความรู้สึกที่ควรจะขัดแย้งกัน รัตติกรกลับแสดงมันออกมาพร้อมกันได้…
เพราะสิ่งนี้หรือ ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์จึงเก็บคนคนนี้เอาไว้กับตัว?
“ฉีดยาให้เขาซะ!”
ถ้าอย่างนั้น เขาก็จะทำลายคนตรงหน้านี้ให้กลายเป็นเพียงเศษกระเบื้องให้ดู!!! ______________________________________
โซอาห์เร โนวาห์ ผิวปากเบาๆเมื่อเห็นสิ่งที่รัตติกรโต้กลับฟงเจิ้นฮ่าวผ่านโทรทัศน์ที่มีทั้งภาพและเสียงต่อตรงมาจากคุกใต้ดิน เจ้าของผมสีเงินยาวเอนตัวพิงผนักโซฟาหนานุ่มแล้วมองไปทางโนเอลซึ่งยืนอยู่ข้างหลัง บอดี้การ์ดร่างสูงแค่เพียงทำหน้าเรียบเฉยตอบกลับท่าทีเหมือนจะถามของคนตรงหน้า ส่งผลให้ดวงตาสีไอซ์บลูเย็นชาฉายประกายขบขันขึ้นมาแวบหนึ่ง
“เลขาคนใหม่ของลาร์เฟียร์ไม่เลวนะว่าไหม?”โซอาห์เรถามเหมือนจะกระเซ้าเย้าแหย่ให้คนสนิทหน้าตายของตนหลุดออกมาบ้าง ทว่าเจ้าตัวคนถูกถามกลับยังคงมาดนิ่งไม่มีเปลี่ยน
“ก็ดีครับ”
“จะไม่แสดงความเห็นอะไรรึไง?”
“ก็ ดี ไงครับ”โนเอลยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ตัดกับโซอาห์เรที่ยิ้มบางๆ เสียงหัวเราะแหบเครือดังขึ้นในลำคอก่อนที่เจ้าตัวจะกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเดินมาข้างหน้าแทนที่เขาจะต้องเสียเวลาเอี้ยวตัวกลับไปมอง
“หึงเหรอ?”
“....”
“ฉันจะสนใจใครมันก็เป็นเรื่องของฉันนะโนเอล ฉันไม่ใช่ของของเธอ”
“แต่ผมเป็นของของคุณ...”
“...หึ”ฝ่ายหนึ่งยังคงคงสีหน้าเรียบเฉยของตนเอาไว้ ขณะอีกด้านทำเพียงหัวเราะเสียงเหยียดหยัน โซอาห์เรกระชากแขนของโนเอลที่มายืนอยู่ตรงหน้า บังคับให้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาหา ริมฝีปากสีซีดสัมผัสที่มุมปากแผ่วเบาแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเทาสบกับปราการน้ำแข็งในดวงตาของผู้เป็นเจ้านาย มันยังคงไม่สะท้อนสิ่งใดอยู่เช่นเคย
เป็นดวงตาอันแสนเย็นชาที่ไม่ต่างกับจูบเบาๆเมื่อครู่นี้
โซลให้เขาได้ ถ้าเขารู้จักเรียกร้อง...
แต่โซลจะไม่มีวันมอบทั้งหมดให้เขา เหมือนกับที่เขามอบทั้งชีวิตให้โซล...
“ถึงเวลาไปรึยังครับ?”โนเอลถามพร้อมกับยันตัวขึ้นมาจากโซฟาที่ถูกดึงให้ล้มลงไปหาเมื่อครู่ ท่าทางแสดงออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาถ้าจะทำเป็นเฉยดีกว่าจะต้องแสดงออกว่าเจ็บปวดเพื่อเรียกร้องให้อีกฝ่ายหันมาสนใจตน
บอดี้การ์ดหนุ่มเบี่ยงตัวหลบออกไปเพื่อให้โซอาห์เรเห็นภาพในวงจรปิดอีกตัวกำลังแสดงให้เห็นถึงกลุ่มคนที่กำลังบุกเข้ามาจากทุกประตูของคฤหาสน์ ส่วนใหญ่เป็นคนจากทางฝั่งยุโรปด้วยรูปร่างและหน้าตา แต่สิ่งที่บอกสังกัดของผู้ที่บุกรุกได้ชัดเจนที่สุดก็คือชุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่
มีเพียงเวสเปอร์แฟมมิลี่เท่านั้นที่ใช้สีขาวเป็นสัญลักษณ์...
“ลาร์เฟียร์เร็วกว่าที่คิดเยอะเลยนะ ฉันอุตส่าห์วางกับดักเขาไว้ตั้งหลายชั้น หึหึหึ”
“มาเถอะครับ เขากับคุณก็ไม่ใช่เล่นพอๆกัน คนของเรามีอยู่แค่นี้รับมือเขาได้ไม่นานหรอกนะครับ”โนเอลเอ่ยเร่ง ทว่าท่าทีของเขาก็ดูไม่ได้รีบร้อนเหมือนเช่นคำที่เอ่ยออกจากปาก บอดี้การ์ดร่างสูงถ่ายโอนสัญญาณของกล้องวงจรปิดมาสู่ i-pad ด้วยรู้ว่าหมาป่าสีเงินแห่งองค์กรโนวาห์ยังต้องการรับชมภาพการบุกเข้าชิงตัวเลขาคนใหม่ของเวสเปอร์แฟมมิลี่อย่างแน่นอน
“ฉันรอวันจะงัดข้อกับเขาบ่อยไป โนเอล”ว่าไปพลาง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของโซอาห์เรก็ยิ่งดูเหี้ยมเกรียมขึ้นเท่านั้น ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปที่เตียง โทรศัพท์เครื่องบางวางอยู่เหนือกล่องสีดำสนิท ตัวเลขดิจิตอลสีแดงส่องแสงเรืองวาบ มันเป็นเลข 30 ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว ปลายนิ้วเรียวเอื้อมไปกดรหัสเพื่อเปิดการทำงานของกล่องดำตรงหน้า ตัวเลขที่เคยหยุดนิ่งจึงได้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยตัวเลขที่ลดไปทีละวินาที
29:30....
“หวังว่าของขวัญชิ้นพิเศษนี่จะทำให้ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ประทับใจนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เหลือเวลาอีก 28:00นาที คฤหาสน์แห่งนี้จะระเบิดเป็นจุล!!!! ______________________________________
ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์นั่งอยู่ในรถของตนขณะมองภาพกลุ่มลูกน้องที่กำลังบุกฝ่าเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฟง ชายหนุ่มกำมือแน่นเมื่อนึกถึงข้อมูลที่ได้มาว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลังการทรยศครั้งนี้
โซอาห์เรทิ้งกับดักเอาไว้ในแต่ละที่ตามแต่ที่เขาจะตามรอยไปถึง สายลับจากจีนคนนั้นรู้แค่เพียงเป้าหมายที่จะต้องถ่วงเวลาของเวสเปอร์แฟมมิลี่ให้อยู่ที่เมืองจีนต่อไปและสถานที่สำหรับไปรับค่าตอบแทนเมื่องานเสร็จลุล่วงเพียงเท่านั้น พอให้คนตามไปสถานที่นัดพบที่ว่า กลุ่มคนที่บุกเข้าห้องของพวกเขาก็กลายเป็นผู้ค้ายาที่กำลังนัดซื้อขายเฮโรอีนหลายกิโลกรัม ประจวบเหมาะจนเกินพอดีกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามาจับกุม ทำให้เสียเวลาและเงินไปไม่ใช่น้อยกว่าจะเจรจาและติดสินบนกรมตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้
เส้นทางการตามหารัตติกรเหลือศูนย์ ทว่าเป้าหมายของผู้บุกรุกนั้นคือการถ่วงเวลาให้เขาเลื่อนการเดินทางออกไป การมองหาและจำกัดวงผู้ต้องสงสัยที่จะได้รับประโยชน์หากเขาอยู่ที่นี่ต่อก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งคิดไปถึงเมื่อบ่ายที่เขาเข้าพบกับพวกตระกูลฟงนั่นด้วยแล้ว ไม่ยากเลยที่จะระบุคนร้ายได้
ทว่ากับดักที่สองของโซอาห์เรกลับรอเขาอยู่ที่คฤหาสน์หลักของตระกูลฟง ฟงต้าเหลียง ประมุขแห่งตระกูลได้กลายเป็นศพคาเก้าอี้ผู้นำท่ามกลางกลุ่มคนรับใช้คนสนิทที่จมกองเลือดอยู่ไม่ห่าง ในห้องนั่นเต็มไปด้วยสีแดงสดของโลหิตที่พร่างพราย รวมไปถึงกระดาษนับร้อยแผ่นที่กระจายกันกลาดเกลื่อนอยู่รายล้อม มันแสดงหลักฐานการทำผิด ทั้งค้ายา ค้ามนุษย์ รวมถึงการติดต่อกับกลุ่มหัวรุนแรงทางตะวันออกกลางเพื่อลักลอบผลิตอาวุธเถื่อนอย่างเช่นระเบิดแสงและแก๊สน้ำตาจำนวนมาก
หนึ่งในนั้นมีเพียงกระดาษแผ่นเดียวที่ดอนแห่งปาเลอร์โมให้ความสนใจ…
มันคือภาพถ่ายของรัตติกรที่เต็มไปด้วยเลือดซึ่งถูกตอกยึดเอาไว้กลางหน้าอกของฟงต้าเหลียง…
พร้อมกับตราประทับสีทองขององค์กรโนวาห์…นั่นเป็นการเย้ยหยั่นที่แรงพอดู ดังนั้นเมื่อถึงตอนที่ออกจากคฤหาสน์ หัวหน้าบอดี้การ์ดสคูร์โดจึงได้รับหน้าที่ให้ไปเผาบ้าน ส่วนฟรานก็ต้องนั่งข้างคนที่อารมณ์กำลังร้อนเสียยิ่งกว่าไฟเพราะทำของเล่นแสนรักหลุดมือไปให้คนอื่นใช้จนเกือบพัง เลขาหนุ่มแทบนั่งไม่ติดที่ราวกับถูกเผาเสียเองอย่างไรอย่างนั้น
แน่แล้วว่าฟงเจิ้นฮ่าวที่พอให้หาทั้งคฤหาสน์กลับไม่พบศพ รวมกับตราประทับของโนวาห์บนรูปของรัตติกร การสันนิษฐานว่าใครคือคนบงการและผู้ที่อยู่เบื้องหลังจึงไม่ยากเกินความสามารถเลย ดูท่าความกระหายอำนาจอยากจะขึ้นมาเป็นผู้นำของฟงเจิ้นฮ่าวถึงกับทำให้เขาสามารถขายกระทั่งตระกูลของตนเอง ปล่อยให้โซอาห์เรลงมือฆ่าพี่ชายแท้ๆเพื่อยึดตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแทน!
ไม่รู้จะเรียกว่าโง่หรือบ้า…
สุดท้ายแล้วเมื่อดอนแห่งปาเลอร์โมยกหูโทรศัพท์เพื่อคุยกับสายที่แทรกซึมอยู่ในองค์กรโนวาห์ ก่อนจะวางสายแล้วต่อหารองบอสของเวสเปอร์แฟมมิลี่ซึ่งประจำการอยู่ที่ซิซิลีให้ระดมคนจำนวนหนึ่งมาช่วยในการเปิดฉากสงครามแย่งตัวประกันคืน รอเพียงไม่นาน สถานที่ที่โซอาห์เรอยู่ในตอนนี้ก็ได้ถูกรายงานมาถึงมือของเขาในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว
ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ต่างฝ่ายต่างทั้งเก็บงันและรู้ไส้รู้พุงกันเป็นอย่างดี การปะทะกันแต่ละครั้งของเวสเปอร์และโนวาห์จึงมักจะตามมาด้วยความเสียหายมหาศาล ความโกลาหลปั่นป่วนของเศษฐกิจหลายชนิด รวมไปถึงกำลังคนที่ต้องเสียไปด้วยเช่นกัน
ฟรานมองลาร์เฟียร์ที่ลงมือทำอะไรรวดเร็วและไม่ค่อยจะรอบคอบอย่างที่เคยเป็นเท่าไหร่ เพราะการติดต่อหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กรโนวาห์นั้น ช้าเร็วก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้คนที่ส่งเข้าไปถูกเปิดเผยตัวเร็วขึ้น ดังนั้นการสั่งงานแต่ละครั้งจึงต้องมีความสำคัญมากพอและได้รับการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เลยยิ่งทำให้ฟรานที่คอยรับคำสั่งต้องสงสัยถึงความสำคัญของการไปนำตัวรัตติกรกลับมาอีกครั้ง…
______________________________________
“ทางเข้าออกทุกประตูเคลียร์แล้วครับดอน คุณสคูร์โดกำลังพากำลังเสริมค้นทั่วคฤหาสน์ ถ้าเจอคุณลูน่าเมื่อไหร่จะรีบแจ้งให้ทราบครับ”
หนึ่งในลูกน้องที่เป็นฝ่ายประสานงานควบคุมสัญญาณเสียงและการติดต่อของไมค์ทุกตัววิ่งเข้ามาแจ้งลาร์เฟียร์ซึ่งนั่งรออย่างนิ่งสงบอยู่ในรถ แสงจากไฟถนนส่องลอดผ่านกระจกติดฟิล์มหนาได้แค่เพียงเบาบาง เสริมสร้างเงาของผู้ที่อยู่ภายในให้ไม่ต่างกลับเสือร้ายที่จ้องจะตะครุบเหยื่อท่ามกลางความมืด
บรรยากาศเงียบสงัดทิ้งตัวลงครอบคลุม ทั้งๆที่เสียงปืนจากภายในคฤหาสน์ดังแว่วออกมาเป็นระยะ ทว่าบริเวณรอบรถของเหนือหัวแห่งโลกสีเทากลับเงียบกริบจนหน้าหวั่นใจ ชั่วขณะที่ประตูรถเปิดออกมาอย่างแช่มช้า เงาของลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ที่ก้าวออกมาจากข้างในนั้นดูราวกับยมทูตที่กำลังออกล่าวิญญาณ ปืนพกสั้นสีดำลายทองหม่นหรูหราของวอลเธอร์ รุ่น P99 ลาเชสส์ ถูกจับมั่นกระชับในอุ้งมือหนา
ถ้ายมทูตใช้เคียวในการคร่าวิญญาณ มาเฟียอย่างเขาก็จะใช้ปืนในการล่าสังหารเหมือนกัน!!“ดอนครับ! ทางเราส่งกำลังคนเข้าไปแล้ว ดอนไม่จำเป็นต้อง…”
“ฉันจะเข้าไปเอง! ส่งหูฟังมานี่!”ร่างสูงโดดเด่นก้าวล้ำเข้าหาลูกน้องที่ยืนสั่นผวาอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีสนิมคมกริบจ้องสะกดอย่างดุดันให้อีกฝ่ายทำตามที่ตนต้องการโดยเร็ว
“แต่…”
“เอาหูฟังให้ท่าน ส่วนเธอก็กลับไปทำหน้าที่ต่อได้แล้ว”ฟรานที่นั่งอยู่ในรถคันเดียวกันก้าวตามออกมา เขาเอ่ยประโยคคลายสถานการณ์ให้ลูกน้องเร่งกลับไปทำงาน ส่วนตนเองก็เดินออกมายืนเคียงกับดอนแห่งปาเลอร์โมพร้อมกับยกปืนคล็อคปี 1991 ขึ้นมาเช็คกระสุนไปด้วย
“ถ้าดอนจะเข้าไปจริงๆ ผมก็จะไปด้วยครับ เอากำลังเสริมไปด้วยอีกสองสามคน ถึงสคูร์โดจะเคลียร์ทางไว้แล้วก็จริง แต่การที่คุณจะบุกเดี่ยวเข้าไปเพียงคนเดียวแบบนี้มันก็อันตรายอยู่ดีครับ”แน่ล่ะว่าสิ่งที่เลขาอย่างเขาเอ่ยออกมาย่อมไม่ใช่ประโยคคำสั่ง ทว่ามันก็ไม่ใช่ประโยคคำถามให้อีกฝ่ายปฏิเสธเขาได้เช่นเดียวกัน!
ลาร์เฟียร์ตวัดหางตามองฟรานชั่วครู่หนึ่งก็พยักหน้าให้ ร่างสูงเดินล่วงหน้าเข้าประตูคฤหาสน์ไปก่อน ทิ้งให้ฟรานต้องรีบเรียกกำลังเสริมอีกสามคนให้เร่งตามเข้าไปก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นมา
“
ออร์ก้าเรียกชีลด์ ออร์ก้าเรียกชีลด์ ตอบด้วยครับ” ฟรานส่งสัญญาณเรียกสคูร์โดซึ่งอยู่แนวหน้าขณะเดินตามลาร์เฟียร์เข้าไปในคฤหาสน์ ดวงตาสีเขียวมรกตสอดส่องผ่านเลนส์แว่นเพื่อมองหาอะไรก็ตามที่ผิดปกติ ชายหนุ่มขยับหูฟังไร้สายให้เข้าที่ ก่อนจะมองกวาดไปรอบด้านอีกครั้ง
ในการสื่อสารทางสัญญาณวิทยุนั้น พวกเขาจะไม่เผยชื่อจริงของตนเป็นอันขาดเพราะเสี่ยงต่อการถูกดักฟังสูงมาก ดังนั้นชื่อของเขาจึงเป็นออร์ก้า ส่วนสคูร์โดก็ใช้ความหมายของชื่อตนเองจึงได้ชื่อชีลด์มา
“
นี่ชีลด์ ทราบแล้วเปลี่ยน”รอไม่นาน สัญญาณตอบรับจากสคูร์โดก็ถูกส่งมา
“
อีเกิ้ลกับผมกำลังเข้าไป เคลียร์ทางไว้เรียบร้อยมั้ยครับ?”แน่นอนว่าคนที่สำคัญที่สุดในองค์กรอย่างลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ผู้มีฉายาว่าพญาอินทรีนั้นก็มีชื่อของตนเองเช่นกัน
“หา!?
จะบ้าเรอะ! เข้ามาทำไม!!”หัวหน้าบอดี้การ์ดหลุดเสียงอุทานอย่างไม่ทันได้คิด แน่ล่ะว่าช่องสัญญาณนี้ทุกคนในแฟมมิลี่ต่างก็ใช้ร่วมกัน ดังนั้นหัวหน้าขององค์กรที่บังคับเอาหูฟังของลูกน้องมาก็ได้ยินการ์ดของตัวเองหาว่าบ้าได้อย่างชัดเจน ฟรานเหลือบตามองดอนของเขาที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยถึงได้กล่าวตัดบทด้วยการถามย้ำถึงสิ่งที่ต้องการไปอีกรอบ
“เคลียร์ทางไว้เรียบร้อยมั้ยครับ?”
“ตายหมดเรียบร้อยครับออร์ก้าที่รัก บอกอีเกิ้ลด้วยว่าลูน่าไม่ได้อยู่
บนคฤหาสน์”
“งั้นก็รีบไปหาให้เจอ
ฉันจะฆ่ามัน!”น้ำเสียงเรียบแฝงแววดุดันเอาไว้เต็มเปี่ยมเร่งสั่งการ ลาร์เฟียร์ให้ลูกน้องคนหนึ่งส่งแผนที่ของคฤหาสน์มาให้ ไม่นานพิมพ์เขียวแบบสามมิติก็ถูกส่งเป็นไฟล์เข้ามาในมือถือของฟรานที่ยืนรอรับคำสั่งและคอยคุ้มกันไปด้วยในตัว
ดอนแห่งปาเลอร์โมยื่นมือไปรับมือถือมาดู ดวงตาสีสนิมกวาดมองไล่ไปตามแต่ละส่วนของคฤหาสน์เพื่อหาเส้นทางที่จะเข้าไปในทางลับชั้นใต้ดินอย่างรวดเร็ว
“ชีลด์ ให้คนไปเช็คที่ห้องนอนชั้นหนึ่งฝั่งปีกซ้ายห้องที่สาม ห้องนั่งเล่นชั้นสองถัดจากบันไดไปหนึ่งห้อง แล้วก็ห้องพระใหญ่ที่ฝั่งตะวันออกของบ้าน ส่งคนมาหาฉันที่ศาลากลางน้ำอีกสามสี่คนด้วย”
“ไอ้สามที่แรกเข้าใจ แต่ที่สุดท้ายไหงคุณจะไปเองล่ะครับ?”
“ลูน่าอยู่ที่นั่น”
“ห๊า!? เฮ้ย งั้นก็ให้ผมไปด้วยสิ! จะให้แยกออกไปอีกทำไม?”
“ห้องนอนนั่นคงเป็นของพวกโนวาห์ ไปเช็คดูเผื่อมันทิ้งกับดักอะไรเอาไว้อีก ห้องนั่งเล่นมีเตาผิง ฟงเจิ้นฮ่าวจะใช้เป็นทางหนี ส่วนห้องพระมีสมบัติของพวกมันเก็บเอาไว้ ให้คนไปขนมาให้หมด”
“
รู้ได้ไงวะ?…”สคูร์โดกระซิบบ่นเบาๆ แน่ล่ะว่าคนอื่นเค้าก็ได้ยินอยู่ดี ทว่าเพราะเป็นเรื่องที่แต่ละคนก็สงสัยกันอยู่ ดังนั้นข้อหาหมิ่นประมาทเจ้านายตัวเองเลยไม่ถูกเก็บไปขึ้นบัญชีหนังหมา
“เอางี้นะอีเกิ้ล รุ้ว่าคุณอยากลุยเดี่ยวเสียวกระหน่ำ ผมก็จะส่งลูกน้องไปตามที่คุณบอก แต่คนที่จะไปหาคุณที่น้ำพุนั่นจะมีผมอยู่ด้วย ไม่ขัดข้องนะ?”
“หึ….ตามใจ”
ท่ามกลางเงามืดในมุมหนึ่งของคฤหาสน์ ตัวเลขดิจิตอลสีแดงสดสว่างตากำลังนับถอยหลังเหลือเพียง 20 นาที!!
______________________________________
ความเจ็บแปลบของเข็มฉีดยาที่แทงเข้ามาในผิวเนื้อนั้นรู้สึกได้เพียงแค่เบาบาง ทว่ารัตติกรถึงกับหายใจสะดุดเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงดันของสลิงค์ที่กดให้มอร์ฟีนแล่นเข้าไปตามกระแสเลือดทีละเล็กทีละน้อย
มันเป็นความเจ็บปวดที่คุ้นเคยเมื่อนานมาแล้ว…
อดีตนั้น…กำลังเรียกเขากลับไปอีกครั้ง…
“
อย่า…”
บางสิ่งที่ร่างกายต่อต้านค่อยๆแทรกเข้ามาภายในตัว…
มันเรียบเรียงตัวต่อที่ถูกทำให้แตกกระจัดกระจายกลับมาประกอบเข้ารูปกันอีกครั้งอย่างอ่อนหวาน
…เลือดเย็น…
“อย่านะ…” มอร์ฟีนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเส้นเลือด เกินกว่าขนาดที่แพทย์จะใช้ระงับอาการปวดของผู้ป่วย มันวิ่งตรงเข้าสู่หัวใจ ขึ้นไปที่สมองแล้วค่อยๆออกฤทธิ์กดประสาท คลายความเจ็บปวดให้คล้ายกับการล่องลอยในปุยเมฆข้นขาว…
ซึ่งซ่อนกรงเล็บแหลมคมของสัตว์ร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด…
“อึ๊ก!”
ร่างกายของรัตติกรลอยเคว้งคว้าง ภาพที่มองเห็นได้เพียงเบลอๆเอนไหวไปมาคล้ายกำลังร่ายรำอยู่กับที่ อาการนั้นผ่านไปเพียงชั่วนาทีก่อนที่ความมืดในอดีตซึ่งซุ่มตัวอยู่ท่ามกลางสติอันเลือนรางจะส่งเสียงกรีดร้องและฉีกกระชากลากเอาความเจ็บปวดทั้งหมดของเขามาระเบิดออกอย่างรุนแรง!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”______________________________________
สวัสดีปีใหม่ครับนักอ่านที่รักทุกคน
(ได้โอกาสอัพเพราะพักจากงานไปหายายที่บ้านนามาครับ)
ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่ออกจะมักง่ายไปสักหน่อย แต่ก็ขอมอบให้กับทุกคนนะครับ
(ดูท่าผมจะมีปัญหากับการแบ่งเปอร์เซ็นต์แฮะ 20% ที่ลงตอนนี้ยาวเท่ากับ 80%ที่ลงมาก่อนเลยอ่ะ
)
เพื่อไม่ให้ทุกคนค้างไปมากกว่านี้ จะรีบมาลงโดยไวเลยนะครับ
(อา ดูงานข้างหน้านั่นสิหมาโย เอ็งไม่รอดแน่)
งานฝ่ายฉากสนุกนะครับถ้ามีคนเยอะ แต่นี่คือละครของสาขาที่ได้ชื่อว่ามีคนน้อยที่สุดในคณะ ดังนั้นคนที่มาทำจริงก็ยิ่งมีน้อยยิ่งกว่าอีก ฉากใหญ่5ฉากกับคนทำงานนับได้ประมาณหกคนบวกลบในแต่ละวัน 555...
อีกยี่สิบห้าวันจะแสดง 555
ร่างฉากยังไม่ถึงไหนเลย 5555
me>>>>>>>
ช่วยเค้าด้วยยยยยยยยยยยย
อา ใครผ่านไปผ่านมาร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนละครภาษาญี่ปุ่นด้วยนะครับ
แฮ่ๆ เจอกันในเร็ววันนี้ จะรีบกลับมาเท่าที่จะทำได้ครับผม
คำนับลา
Namioto Yo
สวัสดีปีใหม่ มีความสุขมากๆทุกคนนะครับ ^^