เอ้า คนอัพ มีแรงก็อัพ ส่วนคนอ่านมีแรงก็อ่านกันเข้าไป ฮ่าๆๆๆ
นิยายเรื่องแรกของชีวิตอันนี้ ไม่ขอเรียกเรตติ้งอะไร ขอแค่คำติชมให้ไปพัฒนาฝีมือกับกำลังใจเล็กๆน้อยๆนะคะ
*********************************************************************************
ตอนที่ 12
“อาเติม.......อาเติม” เสียงคุ้นเคยดังข้างหู เมื่อเด็กหนุ่มลืมตาขึ้นก็พบรอยยิ้มอบอุ่นคุ้นเคย ความรู้สึกดีใจแล่นขึ้นจุกอกบาง น้ำตาใสไหลรื้นออก มือคว้าหญิงชราตรงหน้าเข้ามากอดแน่น
“อาม่า....ฮึก เติมคิดถึงอาม่าจังเลยครับ” สะอื้นไห้กอดร่างอุ่นของหญิงชรา อุ่นเหมือนตอนยังอยู่ด้วยกัน
“อาม่าก็คิดถึงลื้อ” อาม่ายิ้ม มือเหี่ยวย่นลูบแก้มใสเช็ดน้ำตา
“อย่าห่วงอาม่าเลย อาม่ามีความสุขดีตอนนี้ แต่ยังเห็นลื้อร้องไห้.......อั๊วห่วงลื้อ”
“ขอโทษครับ เติมขี้แย” แขนบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาให้แห้งโดยไว
“ก็เติมเหงา”
“ไม่เหงาหรอก อาเติม ลื้อจะไม่เหงา” ยิ้มจากอาม่าเหมือนยืนยันคำบอก
“ลื้อจะไม่เหงาหรอก ลื้อไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป อั๊วดีใจ อาเติมของอั๊วจะไม่เหงา.....”
เด็กหนุ่มลืมตา กระพริบตาถี่ๆพบเพียงเพดานสีขาวสะอาดตา ยกมือสองข้างขึ้นดู เหมือนความอุ่นเมื่อครู่ยังติดตรึง ร่างบางถอนหายใจยาว
เขาจะไม่ขี้แย เขาจะไม่ให้อาม่าต้องเป็นห่วงอีก
เสียงหัวเราะขรมดังเล็ดลอดประตูเข้ามา ร่างเล็กหันมอง
“สู้ๆเว้ย อาม่าจะได้ไม่เป็นห่วง” ร่างเล็กกำมือยกขึ้น ทำท่าให้กำลังใจตัวเองเหมือนพระเอกการ์ตูนฮีโร่ญี่ปุ่น ลุกขึ้นบิดมื่อยไปมาแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปยิ้มกับตัวเองในกระจก
เริ่มต้นวันใหม่เป็นนายเติมใจคนเดิม
เปิดฝักบัวล้างเนื้อล้างตัวให้สดชื่น แล้วออกไปสมทบกับก๊วนเพื่อน
“เฮ้ยไรเนี่ย เล่นพ่งเล่นไพ่ กุจะแจ้งตำรวจว่ามีการพนันที่นี่” ร่างเล็กเดินออกไปยียวนคนกำลังนับแต้มเลขกันอย่างเอาจริงเอาจัง
“ไอเหวย มึงมีตองแจ็ค เดี๋ยวมึงก็กวาดเรียบ” ยังไม่เลิก
“เฮ้ยยย ไอ่ห่าเติมมม มึงนี่หายเศร้าแล้วใช่มั้ย กวนส้นตีนได้ขนาดนี้” หนุ่มแว่นประท้วงเพราะโดนขัดลาภ เขากำลังจะกินเรียบอยู่แล้วแต่กลับโดนแฉไพ่
“เออ กุจะไม่โศกเศร้าอาดูรอะไรแล้ว อาม่าบอกว่าทำอีเครียด อีไปไม่สบาย” ร่างบางยืนเกาพุงแกรกๆ
“เฮ้ย อาม่าเข้าฝันมึงหรอวะ ห่าเติม มึงขอหวยเผื่อกุเปล่า” เป๊ปซี่หันมาถามหน้าตาเอาจริงเอาจังอย่างคาดหวัง
“เออว่ะ กุลืมว่ะ” เด็กหนุ่มทำหน้าตกใจจริงจังเหมือนลืมทำเรื่องสำคัญจริงๆ
“เอ้าๆ พอๆ เลยเถิดไปใหญ่และ ครบองค์แล้ว กินข้าวๆ” ร่างสูงเจ้าของใบหน้าเค้าฝรั่งโยนไพ่ลงกลางวง ยุติเกม
“พิซซ่า!” ร่างบางตะโกนพร้อมยกแขนสองข้างขึ้นสุด
“พิซซ่าๆๆๆ!” ก๊วนแก๊งเริ่มส่งเสียงสมทบ เป็นอันว่ามื้อนี้พวกเขาจะเติมแคลลอรี่หนักๆกัน
เด็กหนุ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างร่าเริงเป็นปกติสุข บางวันก็ไปเตะบอล บางวันก็ไปหาอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตอย่างที่ควรใช้ โดยมีอีกคนที่พ่วงอยู่ข้างๆตลอด
“เติม เจ้านายมึงเขาทำงานทำการไรวะ กุเห็นเขาเดินตามมึงต้อยๆ ไม่เห็นมีเวลาไปทำอย่างอื่น นี่กุนึกว่ามึงตกล่องปล่องชิ้นกันไปแล้วนะ ตัวติดกันขนาดนี้”
เติมสำลักน้ำหลังจากฟังคำถามจากเป๊ปซี่
“ไอ้เหี้ยเป๊ป กุยัง!”
“แต่อีกไม่นานใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่โว้ยยย” ร่างบางยันโครมเพื่อนตัวแสบที่เพิ่งไปทำผมทรงแอฟโฟร่มาหมาดๆ
“ห่า กุเจ็บนะมึง” คนผมฟูลูบก้นป้อยๆ
“เจ้านายกุเป็นมาเฟีย”
“ห๊ะ แบบยากูซ่าน่ะหรอ”
ร่างบางหันตามอง มันต่างกันตรงไหนหรอ สองอาชีพนี้
“เอาจริงๆดิ เจ้านายมึงน่ะ จริงๆหรอ?”
“จริงๆ” ร่างบางย้ำคำ
“โห รู้งี้กุไม่น่าตั้งใจเรียนเลยว่ะ กุน่าไปเข้าแก๊งแว๊นแต่เด็ก โตมากุจะได้เป็นยากูซ่า ดูดิ ชีวิตแม่งสบายชิบหายเลย อย่างกับพระเอกละคร วันๆไม่ทำห่าไร มีเงินใช้ มีรถขับ ทำไมครูแนะแนวไม่บอกกุแต่แรกวะ สัสเอ๊ย”
ร่างบางปล่อยเพื่อนหัวฟูบ่นล่องลอยอยู่คนเดียว แล้ววิ่งเข้าไปวอร์มอัพ เตรียมเตะบอล
“เฮ้อออ ร้อนๆๆ” ร่างบางเอื้อมมือไปปรับทิศทางแอร์ให้วิ่งเข้าหน้าตัวเอง มือจับคอเสื้อกระพือรับลม
“ขยับ เท่ากับออกกำลังกาย” ว่าพลางกระพือคอเสื้อไปด้วย
“นี่เตะบอลเมื่อกี้ยังไม่เรียกออกกำลังกายอีกหรอ” ชายหนุ่มเอี้ยวมือควงพวงมาลัยรถเพื่อถอยออกจากซองจอด ร่างบางหันมายิ้มตาหยี
“ออกแล้วก็ออกอีก ออกแล้วก็ออกอีกๆ” พูดซ้ำวนไปมาอย่างอารมณ์ดี
ชายหนุ่มหันมองคนเริงร่าข้างๆ นึกอยากจะให้คนตัวเล็กนี่ออกกำลังกายแบบอื่นกับเขาบ้าง
เกือบสัปดาห์ที่ผ่านมาชายหนุ่มแทบไม่แตะเนื้อต้องตัวคนข้างๆ เขายังห่วงความรู้สึกเปราะบางนั้นและต้องห้ามใจตัวเอง การใกล้ชิดเกินไปอาจทำให้ห้ามใจลำบาก เพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันก็เพียงพอแล้ว
เขาจะรอเวลา
“เหนียวตัวโครสส” ร่างบางลากเสียงเน้น หลังจากเปิดประตูเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นในคอนโดหรูแห่งเดิมที่เขาอาศัยชายคาอยู่มาเกือบครึ่งเดือนแล้ว
“ผมอาบห้องข้างนอกแล้วกัน คุณอาบในห้องคุณเถอะ” พูดเสร็จก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำ ต่างคนต่างแยกย้ายไปชำระล้างเหงื่อไคลจากการเตะบอลเมื่อค่ำ
ไม่นาน ชายหนุ่มก็จัดการตัวเองเรียบร้อย เดินถือกาแฟอุ่นไปทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่ม มือยกหนังสือนิตยสารเกี่ยวกับรถขึ้นอ่าน ปล่อยกายสบายๆไปกับแอร์เย็นฉ่ำ
“หู๊ยยย หนาวๆๆ คุณเปิดแอร์เย็นจัง”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง กลืนน้ำลายลงคอ เมื่อร่างบางก้าวออกมาจากห้องน้ำ มีเพียงผ้าเช็ดตัวขาวสะอาดพันท่อนล่าง หยดน้ำพราวตามผิวขาวซีด มือเรียวถือชุดเตะบอลเมื่อเย็นไปโยนลงตะกร้าสำหรับเตรียมส่งซัก แล้วเดินเลยเข้าไปในห้องเพื่อหาชุดนอน
ร่างสูงขมวดคิ้ว ยกมือขวาขึ้นกอดอก มือซ้ายถือหนังสือเล่มโปรดขึ้นทาบทับใบหน้า หลับตา เขาพยายามจะตั้งสติ
ร่างบางก้มเปิดเก๊ะค้นกางเกงนอนตัวนุ่มกับเสื้อกล้ามตัวโปรด ปากฮัมเพลงอารมณ์ดี
ไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่คว้าต้นแขนดึงจนเซถลา ร่างบางอุทานตกใจ หากกลืนคำกล่าวหาลงคอเมื่อริมฝีปากร้อนก้มลงทาบทับหนักหน่วง
เร่าร้อน....เนิ่นนาน
เสียงอู้อี้ร้องหาอากาศเข้าปอด ชายหนุ่มปล่อยริมฝีปากบางเป็นอิสระ คนตัวเล็กรีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างโหยหา
“ขอโทษ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างหัวเสีย หันหลังเดินออกไป แต่มือเล็กคว้าข้อมือเขาไว้ ชายหนุ่มหยุด หันมองใบหน้าเจ้าของมือเรียว
“ระวังตัวหน่อย ชั้นใช้ความอดทนอยู่ เข้าใจมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่ม แต่มือเรียวยังไม่ปล่อยมือเขา เหมือนจะพูดอะไรแต่แววตาลังเล ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือยีหัวผมนุ่มชื้น
“ไปแต่งตัวไป”
ร่างบางเงยสบตา แววตาสั่นไหว
“คุณไม่ต้องอดทนขนาดนั้นก็ได้”
ชายหนุ่มรู้สึกใจพองแว๊บหนึ่ง แต่ยังไม่มั่นใจ
“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา?”
ร่างบางพยักหน้า หลุบตาลงต่ำ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สังเกตชายหนุ่ม หลายวันที่ผ่านมาร่างสูงไม่เคยรุ่มร่ามกับเขาเหมือนเคย ซ้ำยังดูระมัดระวังเป็นพิเศษ ชายหนุ่มกำลังประคองความรู้สึกที่เปราะบางของเขา แต่ร่างบางก็เริ่มเห็นใจอีกฝ่ายมากเช่นกัน และตอนนี้เขาก็ไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่ผ่านมาแล้ว เขาควรจะทำอะไรเพื่อคนตรงหน้าบ้าง
“รู้ใช่มั้ยว่าชั้นต้องการอะไร?”
พยักหน้าช้าๆอีกครั้ง
มือเรียวถูกดึงให้เดินตามหลังกว้างเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เตียงนอนนุ่มถูกใช้เป็นที่รองรับร่างบาง ชายหนุ่มขึ้นทาบทับแผ่วเบา
ดวงตาคมจ้องลึกในดวงตาใสที่ไหวระริกเหมือนย้ำในความแน่ใจ ร่างบางหลุบตาต่ำ แก้มซับสีเข้มเป็นริ้ว
เหมือนได้คำตอบ........
ริมฝีปากร้อนเร่งเร้า มือหนาป่ายปะไปทั่วผิวเนียน
ชายหนุ่มลิ้มรสหวานจากร่างบางไม่รู้คลาย เสียงครางแผ่วหูและร่างสั่นสะท้านไหวทำให้อารมณ์ทะยานแรง ร่องรอยสีเข้มถูกประทับไปทั่วผิวขาวที่ขึ้นซับสีเข้มจากอุณหภูมิที่เร่งร้อน
ร้อน.........จวนละลาย
วาบไหว.......ราวคลื่นถาโถม
ร่างสูงกัดกรามแน่นเป็นสันนูนเมื่อแทรกกายเข้าทางคับแคบ ร่างข้างใต้สะดุ้งเฮือกตกใจ กระถดหนีด้วยความเจ็บอันไม่คุ้นชิน
“เติม.....อย่าดิ้น” เสียงพร่าชายหนุ่มสั่นไหวอยู่ข้างหู
ร่างบางหยุดนิ่งแต่ยังสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง หายใจหอบ
“เจ็บ....” เอ่ยเพียงเบา กลัว แต่ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องผิดหวัง
พลันยกมือโอบรอบคอแกร่งเบื้องบน ได้ยินเสียงหัวใจระรัวจากอกหนาของคนตรงหน้า
ร่างสูงลังเล หากเมื่อแขนเรียวยกโอบรอบคอ เหมือนคำอนุญาต
“จะค่อยๆ โอเคมั้ย” ร่างบางพยักหน้าอยู่กับไหล่กว้าง เสียงทุ้มพร่านั้นทำใจเต้นระรัว ริมฝีปากอุ่นเลื่อนประทับจูบกลางผากเนียนเล็กถ่ายทอดความรู้สึกปลอบประโลม
ทุกจังหวะที่ร่างแกร่งถาโถม เหมือนถูกหอบให้ลอยละลิ่ว ความสุขสมเริ่มไหลเอ่อเข้าท่วมท้นช้าๆ ร่างบางสะท้านไหว เสียงครางหอบผลักดันความร้อนในกายชายหนุ่มลอยสูง ไม่นานความหวามไหวก็ถูกปลดปล่อย สองร่างกอดกรุ่น
หัวใจสองดวงเต้นเป็นจังหวะช้าๆ..........เคียงกัน
“เป๊ป เออ กุเอง” ร่างบางกดโทรหาเพื่อนสนิท
“วันนี้กุไม่ไปเตะบอลนะ เออ กุไม่สบาย เจ็บ.....เข่า” อึกอักเล็กน้อยเมื่อโดนซักไซ้ไล่เรียง รู้สึกว่าคงโทรหาผิดคน เขาน่าจะโทรบอกเหวยหรือไม่ก็ทิป
“เออ ไม่ต้องมาเยี่ยม กุไม่ได้เป็นไรมาก” ปฏิเสธความห่วงใยจากเพื่อนหัวฟูเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นห่วงจริงจังแต่อยากมาเที่ยวเล่นคอนโดหรูเสียมากกว่า
“โถๆ ไอ่เติม มึงไม่ต้องให้กุไปดูแลเพราะสามีมึงคอยประคบประหงมอยู่แล้วชิมิ กุรู้ววว กุล่ะว่าแล้ว แม่งตัวติดกันอย่างกับจงอางหวงไข่ เดี๋ยวมึงก็เสร็จเขา” เพื่อนตัวดีจีบปากจีบคอล้อเลียน
“ไอ่เชี่ยเป๊ป ไม่เลิกกวนส้นตีนกุจะเอาปืนเจ้านายไปยิงกรอกปากมึง คอยดู” ร่างเล็กเสทำเป็นขู่ เพราะปฏิเสธไม่ออก
“ฮืออออ เชี่ยแว่นนน ห่าเติมจะเอาปืนผัวมันมาฆ่ากู” หันไปฟ้องคนข้างๆ
“สมควรโดน ปัญญาอ่อนนักนะมึงนี่ กุจะช่วยไอ่เติมซ้ำมึง”
“เชี่ยเติม มึ....”
ร่างบางกดตัดสาย ยิ้มขำเมื่อปลายสายมีคนคอยอบรมสั่งสอนแทนแล้ว
“โหดจังเลยหื๊อ?” แก้มใสถูกขโมยหอมฟอดใหญ่จากคนตัวโตด้านหลัง ทำใบหน้าเนียนร้อนผะผ่าวขึ้นมา
“ห่าเป๊ปมันกวนตีน สมควรที่พ่อมันตั้งชื่อว่าเป๊ปซี่ ชื่อเหมือนหมา คงมาพร้อมหมาในปากมัน”
ร่างสูงหัวเราะขำในตรรกะคนตัวเล็ก
“เจ็บมากมั้ย?”
“ก็.....เดินได้แหละ แต่ไม่วิ่ง” ตอบไปก็หน้าร้อนไป เสมองทางอื่น ไม่กล้าสบตา
“ทำบ่อยๆดิ เดี๋ยวชิน” ร่างสูงยิ้มทะเล้น
ร่างบางเหล่หางตาค้อน บ่นงุบงิบๆไม่ได้ยินเสียง
วันทั้งวันเติมใช้เวลานั่งวาดรูป โดยมีคนตัวสูงเป็นแบบนั่งหันหลังให้ดูรอยสัก เพราะร่างบางทวงสัญญาเก่า จนเมื่อเวลาใกล้อับแสงจึงเริ่มเก็บข้าวของจากระเบียงเข้าห้อง
ชายหนุ่มนั่งมองผลงานที่ถอดแบบมาจากแผ่นหลังตัวเอง เพิ่งเคยได้มองชัดๆโดยไม่ผ่านกระจกเป็นครั้งแรก หงษ์ตัวนี้ไม่ได้ดูดุดันมากเท่ากับตัวต้นแบบ แต่ดูอิสระและมีชีวิตชีวาตามลักษณะอารมณ์จากปลายพู่กันเจ้าของผลงาน
“เอาไปใส่กรอบดีกว่าเนอะ” ร่างสูงชูภาพขึ้นทาบผนัง
“ชอบขนาดนั้นเลย?”
คนตัวโตพยักหน้ารับ กางหามุมประดับให้พอเหมาะพอดี
“อันนี้ก็ดูขลังดีนะ” ชายหนุ่มหยิบภาพสเก็ตช์อีกแผ่นขึ้นมา หงษ์ตัวเดิมในอากัปกิริยาเดิม แต่ว่าเป็นเพียงสีขาวดำเล่นแสงเงาจากดินสอดำวาดรูป
“ส่งไปให้คนที่ฮ่องกงดีกว่า”
“ส่งให้ใครหรอ?” ร่างบางสงสัย จะมีใครที่รู้จักหงษ์ตัวที่เขาวาดอีก
“หัวหน้ากลุ่มมาเฟียชั้นไงล่ะ ลูกพี่ลูกน้องชั้นเอง อายุเท่านายเลย”
“ห๊ะ อายุเท่ากัน แต่คุมนักเลงทั้งแก๊งเนี่ยนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าเรียบๆเหมือนเป็นเรื่องไม่น่าแปลกประหลาด ร่างบางนั่งนึกภาพตัวเองยืนอยู่ต่อหน้านังเลงมาดโหดเป็นร้อยคน รู้สึกพิลึก
“หายเจ็บยัง?”
“ยัง”
“โถ่” คนตัวโตส่ายหัวขัดอารมณ์ ร่างบางค้อนขวับ
...........เย็นวันที่สอง
“หายยัง?”
“ยัง”
คนตัวโตยักไหล่เดินจากไป
..........เย็นวันที่สี่
“ยังไม่หายอีกหรอ?”
“ก็........ยัง!” ร่างบางรีบตอบ พอทำท่าลังเลปุ๊บก็เดินปรี่เข้ามาหาเขาเลยเชียว
“ทำไรให้กินบำรุงดีเนี่ย” ร่างสูงบ่น
“วินนิ่งมั้ย?” ร่างเล็กเอ่ยชวน อยากเปลี่ยนหัวข้อคุย เพราะเวลาพูดเรื่องนี้ เหมือนหน้าเขาจะบางจัดขึ้นมาเฉยๆ
“มาเลย ดวลเลย” ชายหนุ่มผู้อายุแตะเลขสาม แต่พร้อมเป็นเด็กเสมอเมื่อได้เจอเกมโปรด
ร่างบางกดรัวปุ่มเกมเมื่อทีมฟ้าขาวของตัวเองเป็นฝ่ายบุก บอลลูกกลมๆในหน้าจอทีวีถูกส่งไปมา คนตัวโตรัวมือไม่แพ้กันเพื่อป้องกันประตู
“HEY!! FINALLY!” ร่างบางลุกขึ้นเฮ เมื่อเฉือนเก็บแต้มชนะไปในวินาทีเกือบสุดท้าย กระโดดหมุนตัวไปรอบ
“อ้าว ก็หายดีแล้วนี่”
ยิ้มกริ่มจากร่างสูงทำให้คนตัวเล็กชะงัก
“ชิบหายเลย” คำอุทานหลุดจากปากบาง
“มานี่เลย ตัวแสบ” มือใหญ่คว้าข้อมือคนตัวเล็ก แต่ไม่ทันความไว ร่างบางซอยเท้าหนี
ไม่รู้จะหนีไปไหน แต่หนีไว้ก่อน
ร่างบางวิ่งไปจนมุมที่ห้องแต่งตัวชั้นสอง สถานที่เดิม แขนแกร่งยกร่างเล็กตัวลอยเดินเข้าห้องนอนไปที่เตียงนุ่ม
ไม่นาน.....เสียงโวยวายก็เปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจหนักหน่วง
*****************************************************************************
แหม่ สมใจแล้วสินะ เจเดน
หรือสมใจคนแต่ง? หรือคนอ่าน?
win-win นะ ฮี่ๆ