[2]
“มึงมาอยู่นี่ได้ไงวะ” ผมตะโกนเรียกไอ้ไผ่อย่างแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างมันจะมานั่งอยู่แบบนี้ แล้วยิ่งมานั่งและใส่ชุดยามของตึกด้วยยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่
“เป็นยาม” มันเงยหน้ามาตอบผมแบบไม่ใส่ใจนัก พร้อมกับมองหน้าผมนิ่ง ไอ้คำตอบของมันนะผมรู้แล้วว่ามันมาเป็นยาม แต่มันมาทำได้ยังไงใครเค้ารับมันทำงานแบบนี้วะ ตัวมันก็แค่นี้จะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับโจรได้
“กูรู้ว่าเป็นยาม แต่มึงมาทำได้ยังไงวะ” ผมหัวเสียใส่มัน เพราะไอ้หน้านิ่งๆของมันนี่หละ วันนี้ทั้งวันมันกวนประสาทผมมาเท่าไหร่แล้วเนี่ย
“ก็สมัครมา” นี่มันกวนผมหรือเปล่าเนี่ย ตอบมาแต่ละอย่างมันยิ่งทำให้ผมประสาทแดกจริงๆ
“ช่างมึงเหอะ ว่าแต่มึงทำอะไร” ผมมองไปที่กองหนังสือที่มันอ่านอยู่เมื่อครู่
“รวบรวมข้อมูลทำรายงาน” เอาอีกแล้วมันมองหน้าผมเหมือนว่าผมไม่น่าถามคำถามแบบนี้ออกไป
“แล้วทำไมไม่หาในเน็ต เร็วกว่าเยอะ” ผมสวนมันกลับทันที เพราะหาข้อมูลในเน็ตง่ายกว่าอีก แถมไม่ต้องพิมพ์ให้เยอะด้วย แค่รวบรวมมาก็พอ ถ้าหาจากหนังสือก็ต้องพิมพ์เองทั้งหมด
“ไม่มีคอม” มันหันมองซ้ายทีขวาที เหมือนหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะแบมือทั้งสองข้างออก แล้วตอบผมกลับมา......นี่มันกวนผมใช่ไหมนี่
“มึงกวนกูหรอ” ผมถลาเข้าไปใกล้มันมากขึ้น ซึ่งนั่นก็ทำให้ไอ้ไผ่ตกใจอยู่นิดหน่อย
“ไม่ได้กวนนี่ แค่ตอบตามความจริง” มันรีบตอบผมเหมือนว่ากลัวผมจะไปทำร้ายมันเสียก่อน
“โว้ย...เจอมึงทีไรหงุดหงิดทุกที” ผมสบถออกมาก่อนจะเดินแยกจากมันมา เพราะไม่อยากวุ่นวายกับมัน คนอะไรกวนประสาทได้ตลอดเวลา
ผมขึ้นมาบนห้องได้ก็อาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น แต่ทำไมในใจผมกลับรู้สึกหงุดหงิดก็ไม่รู้ ไอ้ไผ่นะไอ้ไผ่วันนี้มึงกวนกูหลายรอบแล้วนะเว้ย ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งโมโหผมก็ยิ่งขยี้หัวแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนที่สมองผมจะล้าเพราะการกระชาก ขยี้ไปมากกว่านี้ ผมกลับคิดถึงซองมาม่าที่ว่างอยู่ข้างๆตัวของไอ้ไผ่.....อาหารมื้อเย็นหรือว่าเตรียมไว้สำหรับมื้อดึกกันหละแบบนั้น
“ใครจะไปสนใจวะ” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดนั้นออกไป ไม่มีอะไรที่ผมต้องไปสนใจคนอย่างมันเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ยาม....ขึ้นมาที่ห้อง 7406 หน่อย” ผมโทรลงไปที่โต๊ะยามหน้าตึก
“มีเรื่องอะไรครับ” เสียงไอ้ไผ่ตอบกลับมา ซึ่งถ้าฟังจากการตอบ ก็พอจะเข้าใจได้ว่า มันไม่รู้ว่าเป็นผมที่โทรลงไป
“ขึ้นมาก็รู้เองหละ” ผมวางสายทันทีที่พูดจบ เพราะไม่อยากจะพูดอะไรมาก......ผ่านไปสักครู่ก็มีเสียงเคาะที่หน้าห้อง ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นไอ้ไผ่แน่นอน
“อ้าวติน...เกิดอะไรขึ้นหรือ” มันทำตาโตเล็กน้อยที่คนเปิดประตูออกไปหามันเป็นผมเอง
“มึงกินข้าวเย็นหรือยัง” ผมถามมันออกไป ถึงผมจะพยายามทำเป็นไม่คิดเรื่องซองมาม่านั้น และไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมถึงต้องคิดถึงเรื่องของมันด้วย
“ยัง” มันส่ายหน้าเบาๆ มองผมแบบงงๆ ที่อยู่ๆผมก็มาถามอะไรแบบนี้
“งั้นมากินเป็นเพื่อนกูหน่อย กูซื้อมาเยอะ” ผมเดินเข้าไปดึงมือมันจะให้เข้ามาในห้อง ก็สัมผัสได้กับข้อมือที่เล็กผิดกับมือของผม นี่มันกินอะไรบ้างไหมวันๆหนึ่งนะ
“ไม่ได้ๆๆ” ไอ้ไผ่พยายามรั้งตัวเองไว้ไม่ให้ผมดึงเข้ามาง่ายๆ
“ทำไมวะ มีปัญหาอะไรอีก ยังไม่ได้กินข้าวก็มากินกับกูสิ จะไปกินทำไมมาม่านะ มันมีประโยชน์นักหรือไง” ผมเผลอหลุดปากว่ามันออกไป
“เรากำลังทำงานอยู่นะติน แล้วอีกอย่างถึงมาม่ามันจะไม่มีประโยชน์ แต่มันก็ไม่ทำให้เราอดตายนะ” ไอ้ไผ่เอามืออีกข้างจับลงบนมือผม ก่อนจะตบมือผมเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ผมปล่อย อาการก้มหน้าของมันแถมยังพูดออกมาอย่างแผ่วเบา มันทำให้ผมต้องปล่อยมือมันออก
“ขอตัวไปทำงานก่อนนะ” ผมเดินหันหลังให้ผมไปที่ลิฟท์ ทิ้งผมให้รู้สึกผิดอยู่เพียงลำพัง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อะไรนะติน” ไอ้ไผ่เงยหน้าขึ้นมามองผม เพราะหลังจากที่ไอ้ไผ่ลงมาแล้วก็คิดว่า ผมอาจจะก้าวก่ายกับมันเกินไป เลยเดินลงมาพร้อมกับของกินที่ผมซื้อมา
“มึงเข้าไปกินในห้องกูไม่ได้ กูก็เลยเอาลงมากินข้างล่าง...อย่าบอกนะว่ากินไม่ได้อีกนะ” ผมรีบตัดหน้าบอกมันก่อน เพราะกลัวมันจะปฏิเสธอีก เพราะแค่นี้ผมก็เขินแย่แล้ว มันเหมือนผมมาง้อไอ้ไผ่ยังไงยังงั้นเลย
“อื้ม” ไอ้ไผ่ตอบมาคำเดียวพร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆมาให้ แค่เห็นแบบนี้ ความรู้สึกผิดเมื่อครู่ก็หายไปทันที ผมเริ่มลงมือแกะกล่องข้าว ของกินต่างๆทันที โดยที่มีไอ้ไผ่คอยช่วยอยู่ด้วย
ผมเห็นมันตักกับข้าวแล้วหงุดหงิดจริงๆ เพราะมันตักแต่ผักแล้วก็นานๆจะตักที จนแทบจะเหมือนมันกินแต่ข้าวเปล่า
“ไก่ย่างกินเข้าไป” ผมตักไก่ย่างชิ้นใหญ่ใส่ลงในจานของมัน
“หมูทอดนี่ด้วยกินให้หมด” ผมหันไปเห็นหมูทอดเจ้าประจำของผม ก็ตักเพิ่มให้มันอีก
“ผัดผักนะเค้าใส่กุ้งด้วย กินซะ” ผมตักกุ้งใส่ลงในจานมันเพิ่มอีกอย่าง
“พอแล้วหละติน แค่นี้ก็จะกินไม่หมดแล้ว” ไอ้ไผ่มันห้ามผม เพราะผมกำลังจะตักไก่เพิ่ม
“งั้นก็กินให้หมดนะ อย่าให้เหลือ” ผมตักไก่ลงในจานมันอีกชิ้นจนได้ พร้อมกับกำชับให้มันกินให้หมด ไอ้ไผ่ก็ได้แต่พยักหน้าให้เบาๆ
“อิ่มมาก” ผมเอามือลูบหน้าท้องตัวเอง พร้อมกันเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์
“งั้นเดี๋ยวเราเอาไปล้างให้นะ” ไอ้ไผ่เก็บจาน กวาดเศษอาหารออก พร้อมกับยกไปที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นห้องน้ำของยามนั่นเอง
“นี่ถามหน่อย ไอ้ที่ไปหลับตอนเรียนนี่เพราะมาเป็นยามแบบนี้นะหรอ” พอไอ้ไผ่ล้างของเสร็จ ผมก็เอาคางเกยกับโต๊ะ ก่อนจะถามมันออกไป
“ก็ประมาณนั้น” มันนั่งลงข้างๆผม พร้อมกับเริ่มหยิบหนังสือมาอ่านต่อ
“นี่....ไม่เหนื่อยหรือไง” ผมตะแคงหน้ามองมันด้านข้าง
“เหนื่อยมันก็เหนื่อย แต่ทำไงได้ ไม่ทำก็ไม่มีเงิน” มันยังก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป โดยมันไม่ได้รู้เลยว่า คำตอบของมันทำให้ผมรู้สึกผิดที่ถาม
“ทำไมไม่หางานอื่นหละ” ผมถามมันเพราะสงสัย ทำไมไม่หางานที่มันไม่ต้องอดนอนแบบนี้
“หาแล้ว แต่เค้าไม่รับ” มันตอบมาทำให้ผมคิดถึงร้านกาแฟพี่ชายผมทันที
“แล้วถ้าเค้ารับหละ จะทำไหม” ผมถามมัน เพราะคิดว่าอาชีพแบบนี้ไม่เหมาะกับมัน แล้วถ้ามันทำงานกับพี่ผม มันก็ไม่ต้องอดนอนอีกด้วย
“เป็นงั้นได้ก็ดีสิ” มันหันมามองผมนิดนึง ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือของตัวเองต่อ
“งั้นไปลาออกจากงานนี้ซะ แล้วพรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วรอด้วย จะพาไปที่ร้านเอง” ผมตบบ่ามันเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นเก็บของกลับห้อง
“เดี๋ยว มันหมายความว่าไงนะติน” มันตะโกนถามผม แต่ก็ได้แต่โบกมือไม่บอกอะไรกับมันต่อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ไปลาออกหรือยัง” ตอนเช้าผมเจอมันที่คณะ ก็ถามมัน
“ยัง” มันมองหน้าผมอย่างสับสน ไม่รู้จะเชื่อผมดีหรือเปล่า
“เอาน่า เชื่อกู ไปลาออกซะ แล้วเย็นนี้รอกลับพร้อมกูด้วย เข้าใจนะ” ผมชี้หน้ามัน พร้อมกับส่งยิ้มให้ ซึ่งพอเห็นมันพยักหน้าแบบกล้าๆกลัวๆ ก็ทำให้ผมใช้สองมือหยิกแก้มมันเบาๆ
“ดีมาก....งั้นเย็นนี้เจอกัน” ผมเดินผละออกจากมัน ตรงไปยังห้องเรียนก่อน ซึ่งสักพักไอ้ไผ่ก็ตามเข้ามา และแน่นอนว่า.......มันฟลุบหลับเช่นเคย...........
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณกำลังใจที่ให้ครับ
เรื่องนี้ไม่ดราม่าแน่นอน
เพราะอยากให้เห็นความอบอุ่นของคนสองคน
ถึงตินจะขี้โวยวาย
แต่ก็เป็นคนใจอ่อนนะครับ อย่าเพิ่งเหม็นขี้หน้าน้องตินกันหละ อิอิ
+1 ครับ
ปล.เสาร์ อาทิตย์นี้ไปดูงานกับที่คณะครับ เลยไม่สามารถมาต่อตอนสามได้
ยังไงอย่าทิ้งน้องไผ่น้องตินให้เหงานะครับ