บทที่ 40
วันศุกร์แห่งชาติ
ผมเลิกงานก็รีบดิ่งไปหาแม่ที่บ้านตา แม่บอกตาเรียกเข้าหา ไม่รู้ว่ามีอะไร ปกติท่านไม่ค่อยยุ่งกับผมอยู่แล้ว ก็งงเหมือนกันว่าจะเรียกเข้าไปหาทำไม ไปถึงบ้านตาแม่ก็ผลักๆให้เข้าไปในห้องใหญ่ อันเป็นห้องพักรักษาตัวของตา พยาบาลสาวสองสามคนค่อยๆเดินออกจากห้อง เหลือเพียงผมกับตาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
ผมค่อยๆคลานหมอบกราบแบบผู้ดีไปนั่งข้างเตียงตา ท่านลืมตามองผมก่อนจะกวักมือให้เข้าไปใกล้ๆ
ผมขยับไปจนติดเตียง
“แม่บอกว่าตาเรียกผมมีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมนั่งพับเพียบเรียบร้อยบนพื้น เคยบอกว่าตาเคยมีเชื้อเจ้ามาก่อน กิริยามารยาทเวลาเข้าหาตาจึงต้องเยบร้อยนิดนึง
“กลับมาอยู่เชียงใหม่เป็นไงบ้าง ไม่ค่อยมาหาตาเลยนะ”เสียงแหบแห้งปนไอค่อกแค่กของตายังน่าเกรงขามเสมอ
“สบายดีครับ มีสอนเยอะหน่อยช่วงนี้เลยไม่ได้เข้ามากราบตาเลย”
“อื้อ สบายก็ดีแล้วเห็นแม่ว่าจะไปบ้านนู้นหรอ”
“...”บ้านนู้นไหน
“จะไปหาหนูดินหรอ”อ้อ
“ครับ”แม่บอกอะไรตาไปบ้างเนี่ย
“เอานี้ไปสิ”ท่านเอื้อมมือส่งของมาให้ผม เอ๋ อะไรหรอ ผมค่อยๆยื่นมือไปรับของจากตา
มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีแดง สี่เหลี่ยมเล็กๆ รูปร่างคุ้นตาดี เพราะมันมักถูกใช้เอาไปใส่สิ่งของมีค่าจำพวกแก้วแหวนเงินทอง
“มันเป็นของที่ตามอบให้ยายตอนขอยายแต่งงาน”ของมีค่าขนาดนี้ตาให้ผมทำไม
“เอาไปให้หนูดินสิ”ผมอึ้งไปเลย นิ่งไปสิบวิ ตาพูดแค่นั้นก่อนจะหลับตาลงแล้วนอนพัก ผมพูดอะไรไม่ออก
ก่อนจะก้มลงกับพื้นกราบเท้าตาแล้วเดินออกจากห้องมาเจอแม่ที่ยืนยิ้มดีใจ
“แม่นี่อะไรกัน”ผมดึงแม่ออกมานอกบ้าน
“ของผู้ใหญ่ให้ก็รับไปสิ”แม่ไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แม่ครับบอกเมฆหน่อย ตาให้ผมทำไม”เปิดออกมาเป็นแหวนเพชรวงเบอเร่อ ผมกลืนน้ำลายลงคอ ตัวแหวนถูกตบแต่งลวดลายอย่างอ้อนช้อยวิจิตรงดงาม
“ตอนแรกตาจะให้เมฆดูตัวกับลูกสาวเจ้าเมืองเก่า แม่ก็เลยเล่าเรื่องเมฆกับน้องให้ตาฟัง ตอนแรกท่านก็นิ่งไปก่อนจะเรียกลูกมาหาเนี่ยแหละ ก่อนเมฆมาถึงตาใช้ให้คนในบ้านไปหยิบแหวนของยายมาให้
แม่นี่ลุ้นแทบตาย นึกว่าจะโดนด่าเสียอีก ปกติท่านใช่คนแบบนี้ที่ไหน”
“รักแม่จังเลยขอบคุณนะครับ”ผมกระโดดกอดแม่หอมแก้มซ้ายขวา
“อื้อ ลูกคนนี้นิ ทโมนเหมือนลิงไป จะไปหาน้องไม่ใช่หรอ เดี๋ยวมืดค่ำเอา เดินทางปลอดภัยนะลูก”
“ครับแม่ ผมไปก่อนนะ จุ๊บ”
จุ๊บแก้มแม่ก่อนมาอีกที แม่ค้อนใส่ผมวงใหย่ก่อนจะเดินมาส่งที่รถ ท่านหอมแก้มผมอีกสองสามที กอดตบหลังให้กำลังใจ
“แม่จะรอฟังข่าวดีนะ”
“ครับ ผมไปก่อนนะ”
“จ้า”
รถสปอร์ตคันหรูที่ผมเคยใช้เมื่อสมัยอยู่เชียงใหม่ถูกเอาออกมาใช้อีกครั้ง
เพราะผมต้องการใช้ความเร็วของเครื่องพาผมไปหาน้องให้เร็วที่สุด
“กำลังไปครับ”ผมโทรหาน้องใส่บลูทูธเพื่อความปลอดภัย เพราะต้องเดินทางกว่า 6
ชั่วโมงผมก็เลยให้น้องคุยเป็นเพื่อนจะได้ไม่หลับ
“ไม่ต้องรีบขับนะครับ มาช้าๆจะได้ปลอดภัยนะ”
“โอเคครับ”
“แม่ทำกับข้าวรอด้วย”
“จริงหรอ วันนี้เลี้ยงอะไรพี่ครับ”
“มีเยอะเลย แม่แทบยกทะเลมาไว้ในบ้านแน่ะพี่เมฆ ไปซื้อกุ้งมา หอยปูเต็มเลย ตอนนี้กำลังตั้งเตาปิ้งบาบีคิว ฮ่าๆ”
เสียงกัวเราะสดใสร่าเริงมาจากปลายสาย
“แม่ครับอีกหกชั่วโมงไม่ต้องรีบจุดเตา”เสียงน้องบอกแม่ตัวเอง ผมอดหัวเราะตามไม่ได้
“ใครบอก แม่ทำเลี้ยงคนงานก่อนตั้งหาก ของเมฆทีหลัง”เสียงน้าแพรวๆแว่วๆมาเบาๆ
น้องเล่าให้ฟังว่าแม่จ้างแม่บ้านมาอยู่ด้วยคนหนึ่งเพราะว่าเหงา ไม่มีเพื่อนคุยเวลาน้องไปมหาลัย
แม่บ้านก็มีสามีแม่เลยจ้างคู่ให้สามีของแม่บ้านมาเป็นคนวนเสียเลย นอกนั้นยังมีไอ้เล็กไอ้น้อย
ลูกชายตัวแสบของทั้งคู่ที่น้องเล่าให้ผมฟังว่ามาถึงวันแรกก็ปีนต้นมะม่วงตกลงมาขาหักเลย ต้องใส่เผือกไปโรงเรียน
“คนเยอะแยะเลยครับ ไอ้เล็กไอ้น้อยสองคนก็เต็มบ้านแล้วเนี่ย”น้องบ่นงุ้งงิ้ง
“เต็มบ้านอะไร พวกผมตัวเล็กนิดเดียวเองอย่ามาใส่ร้าย”เสียงไอ้แสบคนใดคนหนึ่งลอดเข้ามา
“ตัวเล็กอะไร อยู่ ป.3 หนักตั้ง 50 ไอ้หมูอ้วน”
“พี่ดินนั้นแหละอ้วน”เออ ผมเห็นด้วยกับไอ้แสบสองคนนะ
“เฮ้ยใครบอกพี่อ้วนไม่ให้กินกุ้งเว้ยวันนี้”
“โหย ขี้โกงอ่ะ ผมกับไอ้เล็กช่วยกันล้างเลยนะ”เสียงใหญ่กว่าคนแรก สงสัยคนนี้ชื่อน้อย ส่วนอีกคนที่อยู่ป.3 หนัก 50 เมื่อกี้ชื่อเล็ก แต่ดูจากน้ำหนักแล้วไม่ได้เล็กสมชื่อ
“นั้นแหละเว้ย อด”อันนี้เสียงไอ้ตัวแสบแกล้งเด็กไม่เลิก
“ขอให้อ้วน ไขมันจุกคอตาย”
“ใช่ๆ ขอให้อ้วนกว่าไอ้เล็ก”
“กินคนเดียวระวังเป็นหมูนะครับ”ผมพูดตามสายไปเบาๆสมทบสองแสบ
“พี่เมฆเข้าข้างพวกมันหรอ งอนแล้ว”
“ฮ่าๆๆ”เสียงไอ้สองแสบหัวเราะลั่น
“แม่ไอ้สองตัวนี้กับพี่เมฆแกล้งดินอ่ะ”โอโห้เล่นฟ้องแม่เลยหรอ
“ไอ้สองตัวเอ้ย มึงไปแกล้งคุณดินทำไม มาช่วยพ่อมึงเอาถ่านใส่เตาเร็ว ขอโทษนะคะคุณดิน”
“คร๊าบ ฮ่าๆๆ โดนแล้วไง ฮ่าๆๆ”แกล้งเด็กได้มันน่าดีใจตรงไหนเนี่ย
“แกล้งเด็ก”
“ไม่ได้แกล้งครับ ก็พวกมันกวนอ่ะ”
“อยากเจอแล้วสงสัยพี่ต้องซื้อขนมไปให้สองคนนั้น ในฐานะที่ช่วยปราบดิน”
“โป้ง ไม่ต้องกลับมาเลยนะ”เสียงน้องกระเง้ากระงอด
ปัง!!
ผมหมุนพวงมาลัยหลบว้ายเพราะมีรถคันหนึ่งเบียดมา
ก่อนจะถูกชนท้ายแล้วบีบเข้าไประหว่างรถสิบล้อสองคนที่ขับคู่คี่กันมาขว้างถนน
ถ้าใครขับรถผ่านมาทางสายเหนือจะทราบดีว่าเส้นทางนี้รถสิบล้อเยอะมาก และเส้นทางสองข้างทางจะเป็นไหล่เขา บางก็หน้าผา
แต่ดึกๆมักจะไม่ค่อยมีรถ ทำให้รถสิบล้อพวงพวกนี้มักขับเร็งแบบนี้
“พี่เมฆ ดินล้อเล่นกลับมาหาดินนะโอ๋ๆ”
“พี่เมฆ เสียงอะไรครับ”
ผมเหยียบคันเร่งไปให้พ้นสองคันนี้
บรืนน….
ข้างหน้ามีรถสิบล้ออีกคันกำลังสวนมา ถนนสี่แลน ซ้ายมีสิบล้อ ตรงกลางรถผม และขวามีสิบล้ออีกคันที่พยายามจะแซงหน้า ส่วนด้านหน้าผมมีสิบล้ออีกคัน
แสงไฟสูงตบส่องเข้ามาจนแสบตา ผมหลบตาก่อนจะเบรกสุดแรงเพราะถ้าแซงคงไม่ทัน
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงล้อรถสปอร์ตคันใหญ่เบียดกับถนน
“พี่เมฆ”
สมาธิของผมอยู่ที่เท้ากับมือ ผมหักหลบเข้ามาที่สิบล้อคันแรก
ส่วนสิบล้อคันทางขวาเบียดแซงหน้าไปก่อนจะชนกับสิบล้อด้านหน้าอย่างเฉียดฉิว
ปึก!! ผมถูกชนท้าย
โครม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“พี่เมฆ เกิดอะไรขึ้น”
“............”
“พี่เมฆครับ ตอบดินหน่อย”
“พี่เมฆ”
ดินสอ Talk
ผมได้ยินเสียงเหมือนรถประแทกกับอะไร พี่เมฆเงียบไป ผมใจไม่ดีเลย ตอนนี้ตัวสั่นไปหมด
“พี่เมฆ เกิดอะไรขึ้น บอกดินหน่อย พี่เมฆครับ ดินล้อเล่น กลับมาหาดินำด้ ล้อเล่นจริงๆ”
“เฮือก ฮั่ก”เสียงเหมือนหายใจไม่ออก ผมเริ่มคิดไปต่างๆนาๆ ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ
“แม่ พี่เมฆ แม่ แม่”ผมผวาไปหาแม่ทันที
“ดินๆ เป็นอะไรลูก”
“แม่ พี่เมฆ ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ”ผมจ้องโทรศัพท์ในมือมันค่อยๆดับสายไป
“แม่”
“ดินใจเย็นๆลูก”ตัวผมสั่น ทำอะไรไม่ถูก
“แม่เหมือนพี่เมฆเกิดอุบัติเหตุเลยดินได้ยินเสียงเหมือนรถกระแทกกับอะไร แม่ๆ”
ผมโทรเข้าไปหาพี่เมฆเท่าไหร่เขาก็ไม่รับ
แม่ก็ช่วยโทรอีกแรง แม่โทรหาแม่พี่เมฆแล้วเล่าให้แม่พี่เมฆฟัง ท่านรีบให้คนออกตามไป
ผมไม่อยากได้ข่าวไม่ดี ตอนนี้ภาวนาให้ไม่เกิดอะไรกับพี่เมฆ
น้ำตาของผมไม่หยุดไหล มันกังวลไปหมด อยากจะขับน้องสนิมไปหาพี่เขาแล้ว
“ฮึกๆแม่”
“ไม่เป็นไรลูก พี่เมฆจะปลอดภัย ไม่เป็นไร”
...
ฮืออออออออออออออออ พี่เมฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆ ไม่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา