8 – แววตานานครั้งเป็นไทจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกในห้องที่เขาไม่เคยปิดโคมไฟเหนือหัวเตียง หัวใจสั่นระรัว หายใจหอบถี่เหมือนเพิ่งวิ่งหนีจากอะไรบางอย่าง ใช่ ไม่ผิดนัก เพราะทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ คือทุกครั้งที่เขาเพิ่งวิ่งหนีจากฝันร้าย และก็ไม่มีฝันใดจะร้ายเท่าอดีตที่ตามมาหลอกหลอนอีกแล้ว
เป็นไทเห็นแววตาคู่เดิมในความฝัน แววตาว่างเปล่าของพ่อที่หมดธุระทั้งกับเขาและแม่ แววตาที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บแสบยิ่งกว่าการถูกผรุสวาทด่าทอว่าไร้ค่า ไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงตามกลับมาหลอกหลอนเขาบ่อยครั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมมันดูฝังลึกยิ่งกว่ารอยแผลเป็นบางรอยบนแผ่นหลัง แต่สุดท้ายเป็นไทก็ไม่คิดจะใคร่ครวญให้กระจ่าง เขาก็แค่อยากจะลืมและได้แต่หวังว่าจะไม่ฝันถึงมันอีก
ทุกคืนที่สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย เป็นไทจะลุกไปเปิดไฟนีออนให้ส่องสว่าง ขับไล่ความมืดทุกซอกทุกมุม จุดบุหรี่สูบ หาอะไรทำให้ลืมเลือน เล่นเกม ดูหนัง กระทั่งนั่งแก้โจทย์เลข จนง่วงเขาก็จะกลับไปล้มตัวลงนอน ข่มตาให้หลับโดยที่เปิดไฟทิ้งไว้อย่างนั้นทั้งคืน
ตื่นมาในเช้าวันเสาร์ เป็นไทรู้สึกหลับไม่เต็มอิ่ม อันที่จริงไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนเองหลับหรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าเป็นฝันหรือตะกอนของความทรงจำที่ทำงานให้ราตรีผ่าน กระนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้และไม่อยากจำนัก ลุกจากเตียงไปปิดไฟ เดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าล้างตามองตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าสภาพดูไม่ได้สักเท่าไหร่ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงนั่นก็ด้วย
ก่อนเที่ยงวันนั้นเป็นไทจึงออกไปตัดผมที่ร้านประจำแถวบ้าน ลังเลอยู่ไม่นานก็เลือกรองทรงต่ำธรรมดา ด้วยเขาก็ไม่ได้สำอางชอบเซทผมนัก เปิดข้างที่เคยตัดก็เพราะเพื่อนบอกว่าจะได้เหมือนกัน คิดๆ ดูแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ก็ได้อิทธิพลมาจากเพื่อนทั้งนั้น
เป็นไทกลับบ้านมาในตอนบ่าย ตรงกับที่เมอเซเดสเบนซ์สีงาช้างจะมารับเขาที่บ้าน ทั้งที่เคยบอกไปว่าเกรงใจแต่คุณเกษราก็บอกไม่เป็นไร แล้วเขาจะขัดอะไรได้นอกจากเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเงียบๆ จนกว่าจะถึงบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลังนั้น
ในซุ้มไม้ที่โอบล้อมไว้ด้วยม่านบาหลี รากเริ่มยาวและเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แหวกม่านเข้าไปก็พบเด็กหนุ่มที่คุ้นตานั่งอยู่ ยิ้มบางเบาถูกส่งมาให้ ใจเย็นยิ้มให้แบบนี้เสมอ แต่เป็นไทก็ไม่เคยยิ้มตอบ เขาแค่เตรียมรับมือความกวนประสาทหน้าตายนั่นอยู่ในใจ เตรียมฟังคำทักทายที่ไม่เคยเป็นคำว่าสวัสดี ไม่เคยยกมือไหว้ เพราะใจเย็นจะถามว่ากินไอศกรีมไหม ไม่ก็จะพูดถึงดอกไม้ในแจกันโง่ๆ นั่น วันนี้เป็นดอกไม้สีชมพูอมขาว หน้าตาดูอยู่ในตระกูลกล้วยไม้ และเป็นไทไม่รู้ชื่อ
“เป็นไทตัดผมมาเหรอ”
แต่สิ่งที่คิดไว้ก็ผิดถนัดเมื่อถูกถามถึงรูปลักษณ์ของเขาเอง เป็นไทเพียงพยักหน้า นั่งลงข้างๆ เหมือนทุกทีเพราะสะดวกในการสอน และตอนที่เปิดกระเป๋าหยิบชีท ก็รู้สึกได้ว่ามือของใจเย็นจับเข้ามาที่เส้นผมของเขา
“ชอบตอนผมหน้ายาวกว่านี้อะ”
“ปีนเกลียว” แทบไม่ต้องพิจารณาอะไร เป็นไทด่าออกไปพร้อมกับดึงมือของใจเย็นวางลงบนโต๊ะ แรงแบบที่เรียกได้ว่ากระแทก ให้ใจเย็นชะงักเงียบ เหมือนทุกสรรพเสียงเงียบหายไปชั่วครู่แม้แต่เสียงน้ำตก ก่อนจะกลับคืนปกติเมื่อใจเย็นเอ่ยถาม
“ไม่ชอบให้แตะตัวเหรอครับ”
“ใครเขาเล่นหัวรุ่นพี่วะ”
เป็นไทบอกเหตุผลที่ทำให้ตนหงุดหงิด อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ถืออาวุโสอะไรนัก แค่ไม่ชอบความถือวิสาสะของใจเย็น และก็ไม่ชอบแววตาเรียบนิ่งนั่นด้วย หลายครั้งดูเป็นภัยต่อความส่วนตัวของห้วงคิด หลายครั้งเดาอารมณ์ไม่ออก ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“ขอโทษครับ”
และไม่รู้ทำไมเขารู้สึกผิดคาดที่ใจเย็นเอ่ยคำนั้น เรียบง่าย ดูเต็มความรู้สึก ไม่ใช่ต่อล้อต่อเถียงกวนประสาท แต่เอาเถอะ เป็นไทคิด เขารู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จนกระทั่งเริ่มสอนไปได้สักพักนั่นแหละ เป็นไทถึงรับรู้ได้ว่ามันมีอะไรตกค้าง
“มึงจะมองอะไรกูนักหนา” เขาหันไปถาม สบตาตรงๆ ทั้งที่ก็ไม่ชอบสบตากับใจเย็นเท่าไหร่นัก
“ผมแค่คิดว่าแล้วต้องเป็นใครถึงจะจับผมของเป็นไทได้” คำเฉลยทำให้เขาขมวดคิ้ว “ต้องแก่กว่าเหรอ”
“คงใช่” เป็นไทตอบส่งๆ ให้ได้ยินเสียงรับ ‘งั้นเหรอ’ ของใจเย็น คิดว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่ก็อีกแล้วที่ผิดคาด
“งั้นผมก็ไม่มีสิทธิ์เลยดิ”
“จะอยากได้สิทธิ์ไปทำไม”
“ไม่รู้สิครับ”
ตอบเสียงเรียบ หน้าตาย ให้ไม่เข้าใจว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เป็นไทก็คร้านจะต่อความในเมื่อใจเย็นเลิกจ้องเขาให้รำคาญแล้ว ไม่สิ ไม่ใช่แค่เลิกจ้อง แต่ขอตัวไปหยิบไอศกรีมมากินเป็นการพักเบรกโดยผู้เรียนเองหน้าตาเฉย
ตอนที่รสไอศกรีมหวานซ่านในปาก ต่อให้เป็นไทไม่อยากวิเคราะห์ความคิดคนข้างๆ แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะใจเย็นมักจะเงียบในเวลานี้ ปล่อยให้สรรพเสียงจากสวนดอกไม้และน้ำตกดังเป็นฉากหลัง เสียงความคิดดังเป็นฉากหน้า หากสุดท้ายเป็นไทก็ไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลย ปากจึงเอ่ยชวนคุยไม่ให้ความเงียบงันปั่นหัว
“วันนี้ไม่พูดถึงดอกไม้หรือไง” และหัวข้อก็ถูกหยิบยกมาง่ายๆ จากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“อยากรู้เหรอครับ”
“เปล่า ก็ปกติเห็นพูดถึง”
ตอนนั้นเองที่เห็นใจเย็นยิ้มบางเบา “วันนี้เป็นดอกซิมบีเดียมครับ”
ใจเย็นเอ่ยเสริมว่าเป็นกล้วยไม้ ดอกที่เห็นเป็นลูกผสม ซึ่งเป็นไทก็แค่ฟัง ไม่ตอบรับอะไร ตักไอศกรีมเข้าปากพลางคิดว่าคุณเกษราน่าจะชอบดอกไม้ ใจเย็นถึงได้รู้เรื่องเยอะแยะเต็มไปหมด
“ชอบเหรอครับ” พลันก็ถูกถามขัดความคิด
“ดอกไม้อะนะ”
“ครับ ดอกซิมบีเดียม”
“ไม่อะ ถามเฉยๆ”
“แต่ปกติไม่เคยถามนี่ครับ”
อีกแล้ว เป็นไทเริ่มรู้สึกถึงการต่อล้อต่อเถียงวกวนซับซ้อน เขาจึงรีบตัดบทไปง่ายๆ
“เออๆ สวยดี”
ตอบไปพอดีกับที่ไอศกรีมคำสุดท้ายหมดถ้วย ให้เขาตัดบทกลับเข้าการสอนได้สักที รู้สึกชอบทำงานขึ้นมาถนัดใจเมื่อคนที่เรียนเป็นใจเย็น เพราะจะได้ไม่ต้องคุยนอกเรื่อง ไม่ต้องถูกจับจ้อง ด้วยเขาไม่ชอบสายตาของใจเย็นนัก เวลาบังคับให้จับจ้องลงไปที่ชีทเรียนได้จึงสบายใจมากกว่า
“เป็นไท ถามอะไรหน่อย”
“ว่า”
“ตอนนี้เป็นไทเห็นผมเป็นรุ่นน้องใช่ไหม”
คำถามประหลาดก่อนจากทำให้เป็นไทมุ่นหัวคิ้ว
“เออ ทำไม”
“มีอย่างอื่นไหม”
“อะไรของมึง”
ถึงตรงนี้ใจเย็นก็ยกยิ้มจาง ขณะที่ปมคิ้วของเป็นไทยิ่งขมวด “ไม่มีเลยเหรอครับ”
“นายจ้างกับลูกจ้างไง”
“งั้นเหรอ” คำตอบรับทำให้เป็นไทยิ่งรู้สึกว่าถูกกวนตีน แม้จะเริ่มชินและพยายามคิดว่าเป็นเรื่องปกติของใจเย็นก็ตาม สายตาแบบที่ใจเย็นใช้มองเขามาก็ด้วย “กลับดีๆ นะครับ”
จนได้ยินคำลา เป็นไทก็คร้านจะเก็บมาใส่ใจ เดินกลับออกไปขึ้นรถยนต์สีงาช้างคันเดิมที่เสริมให้การทำงานพิเศษของเขาสะดวกกว่าทุกงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีงานไหนที่มีรถไปรับไปส่งเขาแบบนี้ กระนั้นเลย เขาก็ยังปวดประสาทกับ ‘นายจ้าง’ อย่างใจเย็นอยู่ดี
หากคิดมุมกลับ ใจเย็นก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก แค่เข้าใจยากไปหน่อย ไม่สิ เป็นไทแทบจะไม่เข้าใจอะไรใจเย็นเลยสักนิด และเพราะแบบนั้นจึงรู้สึกเหมือนโดนกวนตีนอยู่บ่อยๆ ทั้งจากคำพูดจา สีหน้า แววตา กวนตีนยิ่งกว่าโจทย์เลขที่คิดเท่าไรก็ไม่ได้คำตอบเพราะโจทย์ผิดเสียอีก
แต่อย่างไรก็ตาม เป็นไทก็ยังต้องมาสอนใจเย็นทุกวันเสาร์ อย่างน้อยก็จนกว่าจะหมดเทอมตามที่ตกลงกับคุณเกษราไว้ อย่างน้อยก็เห็นแก่ความช่วยเหลือของคุณเกษรา เป็นไทท่องทวนซ้ำแบบนั้น ให้รู้สึกตัวอีกทีวันเสาร์ก็เดินทางมาถึงอีกครั้ง
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าที่รากอากาศของม่านบาหลีเริ่มแปรเป็นสีน้ำตาลในตอนที่เดินเข้าไปถึงซุ้มไม้ แต่ก็คงไม่แปลกกับความเปลี่ยนแปลงที่แม้จะคืบช้าแต่ก็ดำเนินตลอด เหมือนกับที่อีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะใกล้เปิดเทอมแล้ว เป็นไทคิดเรื่อยเปื่อยก่อนแหวกม่านเข้าไป พบเด็กหนุ่มคนเดิมที่เห็นหน้าทีไรก็รู้สึกว่าต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี
“เป็นไท” และครั้งนี้ใจเย็นดูกระตือรือร้นอะไรสักอย่าง ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยอะไรตามชื่อ แค่ยิ้มเบาบางให้เหมือนเคย จนกระทั่งเขานั่งลงข้างๆ ถึงเพิ่งสังเกตเห็นดอกไม้ในแจกัน
ว่ามันยังคงเป็นดอกซิมบีเดียมกลีบเรียวสีชมพูอมขาว ทั้งยังดูช่อใหญ่กว่าเดิมด้วย
“อย่าเพิ่งด่าผมนะ” พลันคำพูดของใจเย็นทำให้เขาหันไปมอง จนประสานสายตาเข้าตรงๆ ใจเย็นก็ยังไม่สะทก เอื้อมมือมาจับสัมผัสเรือนผมของเขาที่ยาวกว่าสัปดาห์ที่แล้วมาเล็กน้อย และด้วยอารามตกใจ ไม่เข้าใจ มึนงง จึงทำให้รู้สึกว่าบังคับปากให้ไปตามความคิดได้ยาก ใจเย็นจึงชิงพูดมาก่อน “ถือเป็นคำสั่งของนายจ้างได้ไหมครับ”
นายจ้างอะไร เป็นไทคิดทวน ย้อนไปไกลถึงเสาร์ที่แล้ว ก่อนจะนึกออกถึงคำที่ตนเองเคยพูดไว้ก่อนจะกลับ
“อยากลูบหัวเป็นไทอะ”
พลันเข้าใจซึ่งทุกอย่างเมื่อได้ยินคำนี้ เข้าใจแล้วว่าใจเย็นต้องการอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม พอๆ กับที่ไม่เข้าใจคำบอกชอบรอยยิ้มของเขาตอนแก้โจทย์เลขได้ และยิ่งจ้องลงไปในแววตาของใจเย็นตอนนี้ เป็นไทก็รู้สึกเหมือนถูกพาย้อนเวลา ย้อนไปในฝันของเสาร์ที่แล้ว กระทั่งย้อนไปในอดีตตอนเขาอายุสิบสอง ให้รู้สึกป่วนปั่น สั่นคลอน อาศัยเวลาสักพักจึงตั้งสติได้และดึงมือของใจเย็นที่ถือวิสาสะเขาอยู่ออกไป แต่คราวนี้ไม่ได้กระแทกลงบนโต๊ะ แค่วางลงเท่านั้น
“มันเกินสิ่งที่จะทำได้ละ” เป็นไทเอ่ยบอก แปลกใจไม่น้อยเหมือนกันที่ตัวเองอารมณ์เย็นกว่าที่คิด “มึงจ้างกูมาสอน ไม่ใช่ให้มาทำอะไรแบบนี้”
“งั้นต้องทำยังไงล่ะครับ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เรียนเหอะ”
เขาบอก เสียงเรียบ ตัดกับความรู้สึกภายใน เป็นความรุนแรงที่เหวี่ยงไหว ความรุนแรงของความไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจใจเย็น ไม่เข้าใจแววตานั้น จนกระทั่งสบตาเข้ากับเหล่ากล้วยไม้ซิมบีเดียม เป็นไทก็เหมือนถูกย้ำถึงอะไรบางอย่าง เป็นอดีต เป็นแววตาว่างเปล่าของพ่อในวันนั้น
พลันก็เข้าใจว่าตลอดมาที่เขาไม่ชอบแววตาของใจเย็นไม่ใช่เพราะรู้สึกเหมือนถูกทะลวงล้วงความลับอะไรหรอก แต่เป็นเพราะใจเย็นมักจะจ้องมองด้วยความต้องการอะไรสักอย่างที่อยู่ลึกๆ ข้างใน แบบที่เขาไม่เคยถูกจ้องมองจากคนอื่นเลยสักคน
และตรงข้ามกับแววตาว่างเปล่าของพ่อเขาในวันนั้นโดยสิ้นเชิง*****************************************************************************************
ติดแท็ก #ใจเย็นกับเป็นไท กันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆน้า