เวร!!!!! โทรศัพท์ดับไปแล้ว!!!! ผมกอดโทรศัพท์แนบอกเสมือนว่าเป็นตัวแทนของคนที่คุยด้วย แค่มีมันตอนนี้ก็ไม่สนอะไรแล้ว นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง นึกขำตัวเอง ก่อนหน้านี้จะนอนซมอยู่แท้ ๆ พอได้ยินเสียงกลับรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก แค่รู้ว่ามีมันอยู่ด้วย...ผมก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
แค่มันบอกให้กินข้าว ผมก็เริ่มจะหิวข้าวทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาอาหารของวัน แต่เข้าไปล้างหน้าแล้วลงไปข้างล่างสักหน่อยดีกว่า...หาอะไรกิน...
*-------------------------------------------------*
นับจากวันที่มันโทรมาก็เกือบอาทิตย์ ขอบคุณนะ...ไม่ได้ช่วยให้ผมมีความหวังอะไรขึ้นมาเลย วันทุกวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อเป็นที่สุด พี่ฟ้าพยายามจะพาไปโน่นไปนี่ แต่ผมก็ไม่ค่อยตอบสนองเขาเท่าไหร่ พี่ชายเลยถอยร่นออกไปทุกครั้ง ช่วงนี้ไม่ได้คุยกับพี่บุ้งเลย ไม่เห็นพ่อกับแม่บ่นคิดถึง เหมือนว่ามีอะไรแปลก ๆ แฮะ?
“มะนาวลูก.....มะนาวววว”เสียงแม่เรียกเป็นรอบที่ร้อย จะอะไร
มะนาวตื่นลูก กินข้าวลูก อาบน้ำ....ขึ้นไปอยู่บนห้องนะ วัน ๆ มีอยู่แค่นี้~
“มะนาว~”
“คร้าบบบบ”ผมรับคำเมื่อเห็นหน้าแม่โผล่เข้ามา แม่นั่งลงบนที่นอนที่ผมกำลังกลิ้งไปมา
“หิวข้าวไหม...”
“เพิ่งจะกินไปเองนะแม่...”
“นั่นสิ แม่กลัวหนูหิวกว่าจะอาหารเย็น ทานอะไรรองท้องหน่อยไหม เมื่อกลางวันก็กินไปนิดเดียว”
“ไม่เอาแล้ว แม่บอกพ่อให้หนูหน่อยสิ...นะ ๆ ให้หนูไปเล่นบ้านปู่หน่อย”
“ไม่ได้ ซนอย่างเรา...เดี๋ยวไปเกิดอุบัติเหตุอะไรอีก”
“โธ่แม่ หนูตั้งใจให้มันเกิดที่ไหนเล่า มีแต่เรื่องซวย ๆ วิ่งเข้ามาหาเอง”
“เหมือนเรื่องพ่อติณฑ์รึเปล่า”แม่ถาม เรื่องที่ไม่คิดว่าจะพูดถึงได้ในบ้านหลังนี้...
“แม่~”ผมคว้าเอวแม่กอดหมับ
“พ่อเขาเป็นห่วงเรานะ เรายังเด็กอยู่แท้ ๆ ยังไม่เข้าใจความรัก”
“แต่ติณฑ์มันเป็นคนดีนะแม่ มันดูแลหนูได้ทุกอย่าง จริง ๆ นะ”
“แม่เชื่อว่าพ่อติณฑ์ดูแลหนูได้ แล้วหนูละ...พร้อมจะดูแลใครแล้วเหรอลูก ชีวิตหนูไม่ได้อยู่แค่ปีสองปีนะ ต้องอยู่ไปอีกสิบปียี่สิบปี หนูพร้อมแค่ไหน...ถ้าต้องเห็นหน้าคนคนนึงทุกวันไปตลอดยี่สิบปีอย่างนั้น”
คำพูดของแม่ทำให้ผมได้คิด...ว่าตัวเองพร้อมแค่ไหน เอาเข้าใจจริง ๆ ผมก็ไม่ได้คิดไปไกลกว่าการที่มีมันอยู่ในทุก ๆ วันนั้นเลย...
“พ่อเขาขอแค่เรียนจบทำให้เขาหน่อยนะ”
“หนูคบกับติณฑ์ไม่เสียการเรียนหรอกนะแม่ นะฮะ...แม่บอกพ่อหน่อยนะฮะ”
“รอพ่อกลับมาไปคุยกับพ่อเองเลยไหม”
“ง่ะ!~”
“โตแล้ว เรื่องแค่นี้ยังจัดการเองไม่ได้เลย แม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“ถ้าหนูเป็นพี่บุ้ง พี่ขิง หรือพี่น้ำตาล เรื่องคงสบายกว่านี้มาก”พูดแล้วน้ำตาก็ซึม...
“แม่รู้ว่าหนูน้อยใจพ่อ แต่พ่อเขาห่วงทุกคนเท่ากันนะ”
“ฮะ”
“อย่าคิดว่าพ่อไม่รักหนู พ่อรักหนูมากกว่าใครเลยนะครับ”แม่บอก
“พ่อตบหนูด้วย”ผมนอนตักแม่ จับมือแม่ลูบแก้มตัวเองเบา ๆ
“ก็พ่อเขาโมโห ตอนไปเรียนพ่อสั่งว่ายังไง ห้ามมีแฟนใช่ไหม...ให้ตั้งใจเรียนรึเปล่า หนูก็ทำไม่ได้”
“มะ มันก็ไม่ได้เสียการเรียนสักหน่อย”
“จ้า พ่อคนเก่ง...”
“แม่ แม่ชอบติณฑ์รึเปล่า”
“หือ...”แม่จ้องตาแป๋ว
“แม่ชอบมันไหม”ผมถามย้ำ
“ชอบจ่ะชอบ”
“จริง ๆ นะ!!!!!!”
“จ้า....”
“เย้~~”
“ชอบเฉย ๆ แต่ถ้ามาเอาลูกแม่ไป อันนั้นไม่ชอบ”
แป่ววววววว~
“เรียนก่อนนะครับ เรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัว”
“ไม่คิด ๆ แต่มันก็ปวดหัวอยู่ดี”
แม่เอามืออังหน้าผากวัดระดับความร้อน จริง ๆ ผมก็ตัวไม่ร้อนเท่าไหร่ ปกติ...
ป้าแก้วเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ เพราะแกแก่แล้ว อ้วนด้วย ฮี่ฮี่ ๆ
“มีคนรออยู่ข้างล่างค่ะ”ป้าแก้วกระซิบบอกแม่ แต่ผมหูกระดิก ๆ ๆ
“ใครเหรอฮะ???????”น้ำเสียงลิงโลดไปแล้ว แทบจะกระโดดลงจากที่นอนวิ่งปรูดลงไปข้างล่าง ดีที่แม่ทำเสียงเข้มาชะงักไว้ก่อน!!!
“อยู่บนนี้นะมะนาว เดี๋ยวแม่กับป้าจะลงไปดู ปิดห้องให้เรียบร้อยด้วย”
“โธ่แม่~~~~”
“ห้ามขัดคำสั่งนะครับ แม่รักหนูนะ”
“ฮะ~~”
เมื่อแม่กับป้าแก้วลงไปข้างล่าง ผมโผล่หัวออกไป คนทั้งคู่ก็หันกลับมาส่งสายตาดุ ๆ จนต้องดึงหัวและความอยากรู้ของตัวเองกลับเข้าห้อง....
ในใจก็คิดว่าจะเป็นติณฑ์ วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น...
อ๊าาาาาาาา~
ผมออกไปที่ระเบียง เอ่อ...ความจริงก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปอีกอ่ะนะ โผล่หัวออกไปดูว่ามีรถใครที่แปลกประหลาดมาเยี่ยมเยียนรึเปล่า เห็นท้าย ๆ รถเป็นสีดำกับล้อหลัง...อยู่ซีกนึง
ด้วยความอยากรู้ก็ก้ม ๆ ลงไปอีก แต่ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี ตอนนี้เลยเอาหูแนบพื้นเผื่อจะได้ยินอะไรบ้าง ปกติคนมาหาที่บ้าน แม่ต้องดีใจส่งเสียงดัง หรือได้ยินเสียงคนคุยกับมั่งนี่ไม่เห็นมีสัญญาณอะไรเลย
อุ๊ปปปปปส์!!!!!!!!
พ่อขับรถเข้ามา ผมรีบผลุบตัวเองเข้ามาเกือบไม่ทัน อั้ยย่ะเกือบไปแล้วนาวา...
แขกที่มาท่าจะสำคัญไม่น้อยพ่อถึงได้เข้ามาเอง แล้วทิ้งพี่ฟ้าไว้ที่ไร่ นั่นยิ่งเพิ่มความอยากรู้เป็นสิบเท่า...นาทีนี้คงไม่ใช่ติณฑ์แล้วล่ะ ถ้าใช่มันคงโดนลูกปืนไปแล้ว
ไม่ได้การวิญญาณนักสืบโคนันเข้าสิง ด้วยความอยากรู้เกินพอดี...ผมเปิดประตูห้อง ค่อย ๆ นอนลงคลานหมอบอย่างทหารไปจนถึงบันได เอาหูเงี่ย ๆ ฟัง แต่ห้องรับแขกดันอยู่ไกลไปนิด คนในนั้นก็ดันพูดเสียงเบาอีก ผู้ดีกันแท้....ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของพ่อกับแม่
ตอนนี้ผมเอามือยันบันไดไว้ ขณะที่ตัวเองนอนราบ เอาหัวห้อยลงมาเหลือบตามองเห็นแผ่นหลังของพ่อ กับด้านข้างของแม่ ข้าง ๆ กันของผู้มาเยือนเป็นหญิงสาวน่าตาน่ารัก เฮ้อออ...แล้วก็มองไม่เห็นอะไรแล้วเพราะติดเพดาน
หมดกัน! คงไม่ใช่คนที่หวัง
ไอ้ติณฑ์ไอ้บ้าอย่าให้เจอนะมึง คอยดูจะเล่นตัวแน่!!!
เข้าห้องตัวเองด้วยหัวใจห่อเหี่ยวเป็นที่สุด....
เวลาก่อนอาหารเย็น ลุงคนนี้กับลูกสาวก็อยู่ทานข้าวด้วย ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ลงไปทาน ป้าแก้วกับพี่ฟ้าเลยต้องยกมาให้ทานข้างบน บ้านตัวเองแท้ ๆ นะ กลัวผมจะทำขายหน้าขนาดนี้เชียว? ผมก็รู้หรอกมารยาทบนโต๊ะอาหารน่ะ!!!
“อิ่มไหมครับ พี่ลงไปเอามาเพิ่มให้ไหม”พี่ฟ้าถาม เห็นผมกินมาก มาก...กว่าปกติ
“ไม่”
“ครับ”พูดน้อยคำกว่าทุกที พี่ฟ้ามองเงียบ ๆ คอยจัดน้ำ จัดผลไม้ให้ ผมก็นั่งทานไปเงียบ ๆ เช่นกัน
“ฟ้าลงไปทานข้าวได้แล้วล่ะ”ป้าแก้วบอก
“รอให้น้องทานเสร็จก่อนก็ได้ครับแม่”
“เค้าไม่เป็นไรหรอกน่า ทำยังกับว่าเค้าเป็นผู้ป่วยทางจิตไปได้!!!!!”ผมเผลอตวาดเสียงดัง ด้วยความรำคาญ...
“มะนาว!!!”พี่ฟ้าปรามเพราะป้าแก้วยืนอยู่ด้วย ผมกอดเอวป้าแก้วหมับ
“ขอโทษนะครับป้าแก้ว พี่ฟ้าน่ะทำเหมือนหนูเป็นเด็กเลวเข้ากับสังคมไม่ได้”
“ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอกค่ะ ที่ลงไปทานข้างล่างไม่ได้เพราะคุณพ่อมีธุระนะคะ มะนาวไม่ต้องลงก็ดีแล้วไง ไม่ต้องโดนบ่นอีกไงคะ ไม่ดีเหรอ?”เสียงป้าแก้วนุ่ม
“ฮะ”
ทั้งสองยิ้ม ๆ ไม่มีใครถือสาคำพูดผมสักคำ เลยต้องทำตัวเป็นเด็กดี นั่งทานไปคนเดียว...ป้าแก้วกับพี่ฟ้าลงไปแล้ว ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าสองคนนั่นเขาเป็นใครกัน!!!!
พอกินเสร็จก็นั่งเฉย ๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี พ่อก็ขึ้นมาบนห้อง ผมนั่งตัวตรงขึ้นทันที
“แผลเป็นยังไงเรา”
“ไม่เท่าที่พ่อตบหรอกฮะ”
“มะนาว!!!!”เผลอตวาด คงไม่คิดว่าผมจะตอบอย่างนี้ละมั้ง! พ่อถอนหายใจแรง ๆ หนึ่งที แล้วจับแขนผมไปดู
“เดี๋ยวให้ฟ้าขึ้นมาทำแผล อย่าให้โดนน้ำล่ะ”แล้วพ่อก็บ่นอยู่สองสามที ผมมองมือใหญ่หนาเกือบจะหยาบกร้านนั้นที่จับอยู่ที่ข้อมือ พ่อทำงานกลางแดดจนผิวเกรียมแดดเกือบคล้ำแต่ยังดูดี และทรงอำนาจมาก
“พ่อ...ให้หนูไปหาติณฑ์ได้ไหม”ผมบอกเสียงเบา พูดออกไปแล้วยังนึกอยากตบปากตัวเอง พ่อเงียบ...ไปคล้ายกำลังใช้ความคิด
“ไม่อยากเป็นลูกบ้านนี้แล้วเหรอ”นั่นคือคำที่พ่อพูด ผมเงียบ...พูดอะไรไม่ออก โผเข้ากอดพ่อ...ซบไหล่แล้วร้องไห้ พ่อยังเป็นพ่อที่คอยดุ คอยด่าผมอยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโต...ทำไมผมยังไม่ชินสักทีก็ไม่รู้
“อยากเป็นไหมลูกบ้านโน้น”พ่อถาม ผมทำหน้างง....
“บ้านไหน?”
“มีกี่บ้าน มีแฟนกี่คนกันนะเรา?”พ่อลูบหัว สื่อความหมายแบบนี้...ทำให้ผมหน้าแดง เกิดอะไรขึ้นกับพ่อผม...???
“กะ ก็.....”
“ก่อนมะนาวจะไปเรียนกรุงเทพฯ พ่อเคยบอกอะไรไว้จำได้ไหม”
“จะได้ฮะ บอกว่าให้ตั้งใจเรียนมาก ๆ”
“แล้ว....อะไรอีก”
“ห้ามติดยา ห้ามติดการพนัน ห้ามมีแฟน”
“แล้วเราผิดสัญญาพ่อใช่ไหม”
“ก็ไอ้ติณฑ์นั่นแหล่ะ มันหลอกล่อหนู”กูเอาตัวรอดก่อนละ ฮี่ฮี่ฮี่......
“เราก็ด้วย ไม่มีความอดทนอะไรเลย”พ่อดุ แม่เดินเข้ามาในห้องแล้วตอนนี้ มานั่งข้าง ๆ และกอดผมไว้อีกข้างนึง
“แม่~”อ้อนพ่อไม่ขึ้น อ้อนแม่ก็ได้ว่ะ!!!!!!
“พ่อกับแม่รักหนูนะ...เข้าใจไหมครับ”แม่บอก
“ฮะ....”
“ถ้าต่อไปนี้ทำตัวไม่ดี ระหว่างเราไม่มีข้อต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้นแล้วนะ!”พ่อบอก ผมทำหน้างง...แม่หอบแก้มซ้ายขวาสลับกันไปมา ก่อนที่จะงงมากไปกว่านี้
ท่านทั้งสองจูงผมลงมาข้างล่าง...เจอชายแก่และหญิงสาวหน้าตาน่ารัก นั่งอยู่ในห้องรับแขก...ปู่ย่าตายาย นั่งขนาบเรียงกัน ที่พื้นมีใครบ้างคนนั่งอยู่ ใครบ้างคนที่ผมคุ้นหน้ามันเหลือเกิน
.............................
สองตาเบิ่งกว้าง....หันควับมองหน้าพ่อกับแม่ สลับไอ้คนที่นั่งยิ้มหน้าบานอยู่ ทุกคนในห้องนั้นก็ยิ้ม ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสดชื่น...การที่ไอ้โหดมานั่งหน้าชื่นตาบานตรงนี้ได้ นับว่าไม่ธรรมดาและเหนือความคาดหมายอยู่มาก พ่อดันผมลงไปนั่งคู่ติณฑ์
“มารับแล้วนะ”มันกระซิบบอกบาง ๆ ขณะที่ผมยังรู้สึกช็อคกับเหตุการณ์ ทำอะไรไม่ถูก...หัวสมองมันเบลอ ๆ ไปหมด
“มะนาวไหว้คุณลุงตุลากับพี่น้ำตาลสิ”แม่ร้องบอก ผมยกมือไหว้ท่านอย่างงง ๆ
“พ่อกับน้องสาว”ติณฑ์บอกอีกหน ผมแยกยิ้มมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ที น้ำตาพาลจะไหลออกมาให้ได้
“น่ารักจังพี่ติณฑ์”พี่น้ำตาลพูด แค่เสียงยังกังวานสดใส พี่ฟ้านั่งข้าง ๆ ป้าแก้ว...ทั้งสองคนจับมือกันไว้แล้วยิ้มมาให้
“ท่าทางจะยังงงอยู่นะ ประสิทธิ์”ลุงตุลาเรียกพ่อผมอย่างสนิทสนม ทุกคนหัวเราะ...ผมไม่ได้มองหน้าติณฑ์ด้วยซ้ำ แต่มองหน้าพ่อ กับแม่ พี่ฟ้า...ปู่ย่าตายาย แม่คงเห็นยังงงไม่หายเลยพูดอะไรให้ผมเริ่มเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น
“ลุงตุลาเป็นเพื่อนสมัยเรียนพ่อ เป็นคนให้เงินก้อนแรกพ่อมาทำไร่ ตอนนั้นพี่ตุลายังบุกเบิกโรงงานที่ญี่ปุ่นอยู่เลยใช่ไหมคะ”แม่เล่า
“คุณหน่อยท้องตาติณฑ์ได้สัก 2 เดือนได้ละมั้ง เจ้าติณฑ์นี่แก่เดือนลูกชายคนโตคุณใช่ไหม”ลุงตุลาเล่า คุณหน่อยน่าจะเป็นชื่อแม่ ใช่สิ...ผมไม่เห็นแม่ของติณฑ์เลย
“แก่กว่า 3 เดือนค่ะ ไม่เคยพาไปไหว้เลย”
“ผมก็ไม่ค่อยอยู่เมืองไทยนี่นะ ป่านนี้โตเป็นหนุ่มแล้วละสิ”
“ค่ะ เรียนปริญญาโทอยู่เมืองนอก นี่ก็ว่าจะหางานทำที่โน่นเลย”
“เรียนเก่งดีจังนะ...”
“แล้วพี่หน่อยไม่คิดจะกลับมาเลยเหรอ”พ่อถาม
“ต้องผลัดกันมา งานที่โน่นหนักกว่าที่นี่เยอะ แต่ถ้าคุณยอมให้ลูกผมจัดงานแต่งนะ...รับรองมาหมดบ้าน ปิดโรงงานฉลองก็ยังไหว”
“ลูกผมยังเด็ก แล้วอีกอย่างสังคมก็ไม่น่าจะรับเรื่องแบบนี้ได้ด้วย”พ่อบอก
“คนรักกันไม่ต้องแคร์อะไรหรอกประสิทธิ์ จะมีชีวิตยืนยาวสักเท่าไหร่กันเชียว ก่อนตายทำเรื่องดี ๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขอีกกว่า”ผมสังเกตพ่อติณฑ์เป็นคนยิ้มเก่ง ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย...ดีจัง...
“ตอนนี้ให้เป็นอย่างนี้กันไปก่อนดีกว่า เผื่อมะนาวมันเปลี่ยนใจยังไงจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก”
“คิดให้ดีนา ผมทุ่มไม่อั้น...สินสอดไม่เกี่ยง”
“เรื่องเงินตอนนี้ผมไม่เดือดร้อนแล้วพี่ตุลาก็รู้ ห่วงแต่เด็กว่าจะดูแลกันได้ไหม ลูกคนนี้ผมหวงนะ...ดูแลมาดี จะให้ใครพรากไปง่าย ๆ ไม่ได้หรอก...”พ่อกับพ่อคุยกัน
“คนอื่นคนไกลที่ไหนกันเล่า ผมไว้ใจลูกผม ประวัติดีไม่มีด่างพร้อย เราต่างก็รู้จักกันดีไม่ใช่เหรอ”ลุงตุลาพูดเรื่อย ๆ สบาย ๆ เหมือนเป็นเรื่องต่อรองธุรกิจก็มิปาน ติณฑ์นั่งห่างไปจากผมอีกนิดหน่อย มองพ่อตัวเองแล้วก็ยิ้ม ๆ
“ยก ๆ ให้ไปเถอะ เบื่อเลี้ยงแล้ว”ปู่บอกแล้วหัวเราะ ผมมองค้อน...
ชิส์~~~
“มันดื้อกว่าที่คุณคิดนะพ่อ...ให้แล้วไม่รับคืนนะโว้ย”ตาบอกบ้าง
ผมมองคนโน้นคนนี้คุยกับ แม่หันมาถาม
“แล้วเราล่ะว่ายังไง”
“ว่าอะไร?”ผมถามแม่อย่างงง ๆ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก
“อยากเป็นไหมลูกบ้านโน้น”พ่อถาม เหมือนกลั้นใจฟังรอคำตอบเหมือนกัน ทุกคนเหมือนลุ้นคำตอบ ผมมองหน้าพ่อแล้วรู้ทีเดียวว่าพ่อลุ้นมาก ถึงกับจ้องตาเขม็งทีเดียว
“อยากเป็นลูกบ้านนี้”
……………………………
“กับ ลูกบ้านโน้นด้วย”
“เฮ้~~~~”เสียงหลายคนเฮ้ออกมา เอ่อ ยกเว้นพ่ออ่ะนะ
“แต่....!!!!! ถ้าทำลูกอาเสียใจ ได้มีเรื่องกันนะ....!!!!”
“อาฝากดูน้องด้วยนะพ่อติณฑ์”แม่น้ำตาคลอ...
ติณฑ์ยกพานขอขมา จับมือผมไหว้พ่อกับแม่ ปู่ย่าตายาย แล้วไหว้ลุงตุลา ลุงตุลาหยิบซองสีน้ำตาลออกมา ยื่นให้ผม
“รักษามันไว้ดี ๆ นะ ลุงให้”ผมรับมา เปิดออกดู ตาโคตรโตเท่าไข่ห่าน ที่ดินพังงา 120 ไร่ พร้อมบ้านเป็นชื่อผมด้วย!!!!!! ติณฑ์มันร้องโวยวาย
“เฮ้ยพ่อ!!!!!! นี่มันที่ผมเคยขอไว้นี่!!!!!”
“แกไม่ต้องโวยวายเจ้าติณฑ์ ชั้นให้ลูกชายคนใหม่ของชั้น!!!!”
“สมน้ำหน้า...คริคริคริ”พี่น้ำตาลหัวเราะคิก
ติณฑ์หยิบแหวนเงินเกลี้ยงขึ้นมา ขออนุญาตพ่อกับแม่ แล้วสวมมันลงที่นิ้วกลางข้างขวา
“ขอจองนะครับ”มันบอกแล้วจูบมือต่อหน้าทุกคน ผมหยิกมันด้วยความอาย
“หนูไม่มีอ่ะ...”ผมหันไปหาแม่...ไม่มีของอะไรให้ฝ่ายนั้นเลย
“ไม่เป็นไรครับ แค่นาวก็พอแล้ว”
กร๊ากกกกกกกกกกกกก ๆ ๆ ๆ พูดโคตรเพราะอ่ะ.....
“ไม่เกินสามเดือน....”ยายพูด
“ชั้นว่าสอง....”ย่าเอ่ยทับ ติณฑ์หันไปถาม “อะไรกันหรอครับ”
“แหวนน่ะ...ไม่เกินสองหรือสามเดือนหรอก หายแน่ๆ” 555555555555+ ทุกคนในห้องหัวเราะร่วน ผมทำหน้ามุ่ย!!!! ส่วนติณฑ์มองหน้าผมกับแหวนเลิ่กลั่ก คงยังไม่รู้กิตติศัพท์ความเอ๋อในส่วนนี้ของผม
“อย่าทำให้ลูกอาเสียใจเด็ดขาดนะ”พ่อกำชับ
“ครับ...”ติณฑ์รับคำหนักแน่น
ผมยังรู้สึกเหมือนตัวเองยังงง ๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนแค่ฝันไปยังไงก็ไม่รู้
“เอาล่ะ เป็นลูกบ้านนี้ด้วยแล้ว เรียกพ่อว่าพ่อนะ...”ลุงตุลาเอ่ย ผมยิ้ม
“คะ ครับพ่อ”
“อะแฮ่มมมม!!!!”พ่อทำเสียงกระแอมไอ ผมโผเข้ากอดคนดีที่หนึ่งของผมคนนี้
“แต่ผมรักพ่อคนนี้ที่ซู้ดดดดดดดด”ไล่หอมแก้มพ่อ แม่ พี่ฟ้า ป้าแก้ว....และทุกคนอย่างชื่นใจ
“ดูแลน้องด้วยนะจ๊ะ...”แม่กอดติณฑ์แล้วสั่งอย่างกับผมจะลาจากไปที่ไหนอย่างนั้นแหล่ะ
TBC.