ตอนที่22 part2
หลังจากนั่งอ้อยอิ่งกันในห้องคาราโอเกะอีกสักพักพี่กาจน์ก็ผมกลับมาที่คอนโด ขอสารภาพตรงๆเลยว่ามันเป็นอะไรที่เขินมากมาย ตั้งแต่ตกลงใจคบกันผมไม่กล้าสบตาพี่เขาตรงๆด้วยซ้ำ เมื่อกลับมาถึงคอนโดยิ่งแล้วใหญ่ ผมไม่รู้จะเอาตัวเองไปไว้ส่วนไหนของห้องดี มือไม้ก็รู้สึกเกะกะไปหมด
“มานั่งนี่มา”พี่กาจน์ที่ดูไม่ตื่นเต้นอะไรเลยกวักมือเรียกผมให้ไปนั่งด้วยกันที่โซฟา
“คือ...”พอผมทิ้งตัวลงนั่งข้างกายอีกฝ่ายเขาก็ลากผมเข้าไปกอด
ใจเต้นแรงจนแทบระเบิด โชคดีที่ไม่ต้องนั่งสบตากันจึงอาศัยโอกาสซบหน้าลงกับไหล่ของพี่กาจน์ เก็บซ่อนใบหน้าแดงๆของตัวเองไว้ แต่คงเก็บได้ไม่มิดเพราะตอนนี้มันคงแดงลามไปยันหู จู่ๆมือแกร่งก็เลื่อนมาเกลี่ยปลายผมของผมเล่นแถมยังขี้แกล้งเลยมือไปนวดกลึงใบหูของผมอีก
สยิววววว
ผมแอบหลับตาด้วยความหวาดเสียว
บรรยากาศชวนเสียตัวสุดๆ...
“พี่กาจน์ คือ...”ผมต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อไล่ความโรแมนติคแปล่งๆในอากาศออกไปให้หมด
“ครับ?”
ทำไมต้องพูดเพราะ แล้วเสียงน่ะ ใช้เสียงสองพูดทำไม๊ จงใจแกล้งกันใช่มั้ย ตอบ!!
“ผม ผม...ไปอาบน้ำก่อนนะ”
“รีบเหรอ”
“หะ ระ รีบอะไร!?”
“ตกใจทำไม พี่แค่ถามว่ารีบอาบทำไม เพิ่งทุ่มกว่าเอง จะนอนแล้วเหรอ คิดไปถึงไหนเนี่ย”
“ปะ เปล่า”ผมปฏิเสธไม่เต็มเสียงเพราะใจมันแอบคิดไปไกลจริงๆ เคยได้ยินมาว่าก่อนมีอะไรกันก็ควรอาบน้ำก่อนเพื่อความ
สะอาด พอใจมันกังวลอยู่แต่จุดนี้พอมีคนทักเข้าหน่อยก็สะดุ้งจนตัวโยน
เดี๋ยวนะ...พี่กาจน์ถามกลับมาว่าคิดไปถึงไหน...
ก็แปลว่าคิดไปถึงจุดเดียวกันน่ะสิ
“โฮกกก...”ผมเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ปล่อยน้ำไหลผ่านตัวไปส่วนสมองก็พาลคิดว่าถ้าถึงเวลาเข้านอนจริงๆจะทำยังไง
ต้องนอนด้วยกันด้วยสิ
“เห้อ”
คงเพราะมัวแต่ฟุ้งซ่านเลยใช้เวลาอาบน้ำค่อนข้างนาน พอออกมาก็ไม่เห็นพี่กาจน์นั่งอยู่แล้ว มองซ้ายมองขวาได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำอีกห้องเลยรู้ว่าพี่เขาก็เข้าไปอาบน้ำเหมือนกัน แต่พี่กาจน์อาบน้ำเร็ว ในขณะที่ผมกำลังยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องนอนเจ้าตัวก็เดินมาใกล้
“นอนเลยมั้ย”
“เห้ย!”
“อะไรจะขวัญอ่อนเบอร์นั้น นี่แฟนไง ไม่ใช่ผี”
แล้วทำไมพี่ต้องแกล้งพูดคำว่าแฟนด้วยเล่า! ผมส่งค้อนไปให้พี่กาจน์ พี่กาจน์ตั้งรับได้แบบชิวๆแถมยิ้มแป้นกลับมา
“วันนี้ดูพี่อารมณ์ดีนะครับ งั้นผมก็ไม่ต้องกล่อมนอนแล้วสิ คืนนี้ผมนอนอีกห้องนะ”เป็นไง เจอไม้แข็งของนิทานเข้าไป พี่กาจน์ถึงกับหน้างอ คุณเจ้าของห้องเช่าขมวดคิ้วเป็นผมเหมือนไม่พอใจแถมยังมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า นัยน์ตาสีขี้เถ้าที่ผมชอบนักชอบหนามีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ก่อนรอยยิ้มหล่อๆจะถูกจุดขึ้นบนใบหน้า
“เขินสินะ งั้นคืนนี้นอนแยกกันก็ได้ ฝันดีนะครับนิทาน”พี่เขาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยนก่อนเดินเข้าไปในห้องนอนของตน
ผมยืนมองบานประตูที่ถูกปิดใส่หน้าอย่างงุนงง
มันรวดเร็วเสียจนผมตั้งตัวไม่ทัน
“พี่...กาจน์”ผมไม่ได้เรียกเต็มเสียง ด้วยความทำอะไรไม่ถูกผมจึงยืนละล้าละลังอยู่หน้าห้องนอนใหญ่อีกครั้ง
และในที่สุดผมก็รู้ตัวว่าผมอยากนอนกับพี่กาจน์
แค่นอนข้างกันนะไม่ใช่ร่วมหลับนอน!!
และพี่กาจน์ก็คงอ่านใจผมออก พี่เขาเลยแกล้งทำเป็นเมินผมที่เอาแต่ปฏิเสธเสียงหัวใจของตัวเองไม่เลิก และอีกสักพักคนที่ไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเองอย่างผมก็ต้องเดินจ๋อยเข้าไปในห้องของพี่กาจน์โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องเอ่ยปากอะไรเลย
ร้ายกาจมาก!
ชื่อกาจน์นี่ย่อมาจากร้ายกาจใช่มั้ย!
แล้วคนอย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจาก
ก๊อกๆ
“พี่กาจน์ ผมขอเข้าไปได้มั้ย”ผมไม่รอให้อีกฝ่ายขานรับ พอเปิดประตูเข้าไปด้านในก็พบว่าพี่กาจน์กำลังยืนอยู่ข้างเตียง ไม่ใช่เพิ่งลุกแต่ยังไม่ได้นั่งเลยตั้งแต่เข้ามา
“นึกว่าจะทิ้งพี่ซะแล้ว”
“อยากเล่นตัวทำไมล่ะ”
“ขอเรียกร้องความสนใจหน่อยไม่ได้เหรอ”
“อ่ะๆ น้องมาแล้วน้า โอ๋ๆครับพี่กาจน์”ผมเดินเข้าไปลูบหัวพี่เขา พี่กาจน์ตอนนี้ให้อารมณ์แบบหมาตัวโตที่ต้องการความรักความอบอุ่นจากเจ้าของเบอร์แรงมาก เจ้าตัวถึงกับก้มหัวลงมาให้ผมลูบง่ายๆ ทำงี้ด่าว่าเตี้ยเลยเหอะ
“กอดนะ”
ทำไมต้องขอ ทีตอนนั่งโซฟาเมื่อกี้ยังไม่ขอ
ผมไม่ตอบแต่ละมือลงมาวางข้างตัว ยืนมองปลายเท้าตัวเองนิ่งๆ ในหัวใจคำว่ากอดสิๆวนไปเวียนมา พี่กาจน์ก็รู้ใจผมดีเพราะพี่เขาอยู่ในใจผมนั่นเอง(ฮิ้ว) ผมถูกรั้งแขนให้ตามพี่กาจน์ขึ้นไปนั่งบนเตียง พี่เขาจัดหมอนนั่งพิงหัวเตียงแล้วก็ลากผมไปนอนซบอก
“ได้ยินเสียงใจเต้นด้วย”
“แหงล่ะ ไม่เต้นก็ตายสิ”
“โรแมนติกหน่อยสิพี่กาจน์”
“อ่ะๆ เอาอกนิทานมาให้พี่แนบฟังเสียงหัวใจบ้างสิ”
“เย้ย ทำบ้าอะไรน่ะ นั่งเฉยๆไปเลยนะ”ผมรีบปัดป้องอีกฝ่ายออกไปเมื่อพี่เขาทำท่าจะเอาหัวมาซุกอกผมจริงๆ แค่จินตนาการภาพหน้าก็ร้อนผ่าวขนาดนี้ถ้าถูกทำจริงๆไม่ระเบิดตายไปเลยเหรอ
“เอ๊า เอาใจยากจัง แฟนพี่เนี่ย”
อย่าพูดคำว่าแฟนบ่อยนักจะได้มั้ย!
ผมประท้วงในใจ รู้ดีว่าถ้าพูดออกไปพี่กาจน์คงพูดคำว่าแฟนใส่รัวๆเป็นคอมโบชุด
“นิทาน...”
“ครับ?”
“เป็นแฟนพี่น่ะ ลำบากนะ”
“ก็พอจะรู้...”ไม่ใช่แค่ลำบากแต่อันตรายด้วย ผมแอบยิ้มหน้าเจื่อนๆเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองที่ตึกอิฐและคิดถึงเรื่องที่เกิดกับแฟนเก่าของพี่กาจน์ที่ตึกอิญอีกนั่นแหละ บางทีปัญหามันอาจจะอยู่ที่อิตึกนั้น ตอนสร้างได้ดูฮวยจุ้ยบ้างมั้ย อุตส่าเป็นตึกในคณะสถาปัตถ์ทั้งทีทำไมการออกแบบแย่
“ตอนอยู่ที่นิทานร้องเพลงให้พี่ฟังพี่ดีใจเกินไปหน่อยเลยเผลอพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไป”
สิ่งที่ต้องการที่ว่าคือการขอผมเป็นแฟนน่ะเหรอ?
ผมไม่ตอบอะไรกลับไป แนบซบอกพี่กาจน์เงียบๆ ได้ยินเสียงหัวใจดังก้องอยู่ข้างหู จังหวะของมันช้าลงกว่าเมื่อกี้ เดาว่าความตื่นเต้นที่ได้กอดผมคงลดลงแล้วหรือไม่ก็เรื่องที่กำลังจะพูดต่อไปนี้มันทำให้รู้สึกแย่
“พี่เป็นห่วงนิทาน ไม่อยากให้เจออะไรแย่ๆเพราะมาข้องเกี่ยวกับพี่อีก แต่พี่ก็อยู่ห่างจากนิทานไม่ได้”
“คิดมากแฮะ”ผมงืมงำตอบ
“ต้องคิดสิ เรื่องของนิทานน่ะสำคัญมากนะ”
“พี่จะไล่ผมไปไกลๆเพราะเป็นห่วงผมเหรอ ฟังดูย้อนแย้งเนอะ เป็นห่วงก็อย่าให้คลาดสายตาสิ”
“นิทาน...”พี่กาจน์ที่นิ่งไปพักใหญ่ครวญชื่อผมออกมาก่อนจะพลิกตัวผมออกจากอก ผมมองพี่กาจน์ที่ขยับมานอนข้างกันด้วยรอยยิ้ม พี่กาจน์เองก็ยิ้มกลับมาและดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
“น่ารักว่ะ”เหมือนจะบ่นกับตัวเองมากกว่าพูดให้ผมฟัง แต่ผมก็ได้ยินแล้วไง
ได้แต่อมยิ้มกับตัวเองอย่างมาความสุข ในหัวตอนนี้คิดแค่ว่าผมน่ารักก็รักผมให้มากๆล่ะ
คืนนั้นพวกเราแค่นอนกอดกัน พี่กาจน์ลูบหัวผมบ้างเป็นบางครั้ง รู้สึกเพลินแต่ก็มีบางอารมณ์ที่เขินจนนอนไม่หลับ พี่กาจน์ก็คงเป็นเช่นกัน ไม่รู้เลยว่าหลับไปตอนไหน พอรู้สึกตัวตื่นก็พบว่าพี่กาจน์ตื่นอยู่ก่อนแล้ว ผมมองเวลาเห็นว่าแปดโมงกว่าแล้วเลยหยัดกายขึ้นนั่ง
“อรุณสวัสดิ์นิทาน”
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่กาจน์”
แล้วทำไมผมต้องมานั่งเขินกับคำทักทายยามเช้าแบบนี้ด้วยล่ะ! ไม่สิ ผมไม่ได้เขินเพราะคำพูด แต่ผมเขินรอยยิ้มของพี่กาจน์ต่างหาก คนอะไรขนาดเพิ่งตื่นยังหล่อได้ขนาดนี้ รอยยิ้มมีดาเมจแรงมาก ผมที่โดนคอมโบชุดเล็กเข้าไปเดินกุมใจออกมาจัดการตัวเองในห้องน้ำ ก่อนจะผลัดให้พี่กาจน์เข้าไปอาบบ้าง ระหว่างนั้นก็เตรียมอาหารเช้า
ปกติพวกเราจะกินข้าวเช้ากันแบบง่ายๆ พวกปาท่องโก๋หรือโจ๊กนี่เมนูประจำเลย แต่มื้อนี้ผมอารมณ์ดีเลยอยากทำอะไรที่มันพิเศษๆหน่อยจึงเลือกทำอาหารเช้าสไตล์อเมริกัน พวกไส้กรอก เบคอนพี่กาจน์ซื้อติดตู้เย็นไว้อยู่แล้ว แน่นอนว่าเนย แยม ขนมปังก็มีพร้อม
“พี่กาจน์ชอบออมเล็ตหรือไข่เจียวมากกว่ากันครับ”ผมเดินไปถามคนในห้องน้ำ
“ออมเล็ตทำยากมั้ย”
“ไม่ยากๆ”ตกลงว่าเอาออมเล็ตสินะ เมื่อถามความเห็นจากพี่กาจน์เสร็จผมก็เดินกลับมาในครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า ระหว่างทำออมเล็ตอยู่พี่กาจน์ก็อาบน้ำเสร็จพอดีผมจึงบอกให้พี่เขาเอาพวกไส้กรอกไปลวกน้ำร้อน
“เห็นแล้วภูมิใจว่ะ”คนที่ง่วนอยู่กับการลวกไส้กรอกเปรยขึ้น
“แค่ต้มน้ำร้อนด้วยกาน้ำสำเร็จมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ”ผมทำออมเล็ตเสร็จแล้วจึงหันไปจัดขนมปังใส่จาน
“พี่ไม่ได้ภูมิใจในตัวเอง พี่ภูมิใจในแฟนพี่”
“!!”ถุงขนมปังแทบร่วง ผมหันไปมองหน้าคนพูดเพื่อดูว่าพี่แกกำลังพูดเล่นหรือจังจริงแค่ไหน ปรากฏว่าใบหน้าหล่อๆของพี่กาจน์ยามนี้ประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความภูมิอกภูมิใจจริงๆ แถมนัยน์ตาที่จ้องมองผมยังเป็นประกายจนผมทำตัวไม่ถูก
“ผม...ทำอะไรงั้นเหรอ?”
“น่ารักอ่ะ ถ้ามื้อนี้เป็นโจ๊กปากซอยมันจะไม่น่ารักเท่านี้”
“เอ๊า ก็แค่อยากทำอะไรที่มันพิเศษ”เห็นว่าเมื่อวานเพิ่งคบกันไง วันนี้เลยจัดเต็มเสียหน่อย ทีแรกเขินกลัวพี่เขาจะคิดว่าผมทำตัวเยอะไปด้วยซ้ำ
“นั่นแหละที่น่ารัก”
ขอร้องอย่าชมกันบ่อย จะละลายไปพร้อมกับเนยบนโต๊ะแล้ว!
------------------------------
สาดความหวาน 555+
ฝากเพจหน่อยเด้อออ
https://www.facebook.com/nikkoustory/