เพลิงพ่าย
บทที่ 32
แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปในงานเลี้ยงเล็กๆที่ปราบจัดให้พนักงานหลังจากเสร็จสิ้นงานใหญ่ของบริษัททำให้เขา
ปวดศีรษะไม่น้อย ช่วงระยะหลังมานี่ปราบห่างหายจากของมึนเมาไปพอสมควรตั้งแต่ตอนทุ่มเทเวลาให้งานที่กำลังขยาย
กิจการ แต่เพราะขัดพวกลูกน้องที่สนิทกันไม่ได้วันนี้จึงต้องดื่มบ้างตามคำคะยั้นคะยอ เขาโบกมือปฏิเสธเมื่อเหล้าแก้วต่อ
ไปถูกส่งมาให้
“พอแล้ว เดี๋ยวเมา”
“โหย เจ้านายอะ นานๆที”
“แก้วสุดท้ายแล้วนะโว้ย”
ปราบส่ายหน้าอย่างระอากับลูกน้องที่ยังนั่งอึดนั่งทนแต่ปราบก็ไม่ได้ห้ามเพราะรู้ว่าทุกคนทำงานกันหนักเพื่อให้
ผลงานออกมาดีในเมื่อถึงเวลาพักผ่อนปราบก็ปล่อยให้ได้ดื่มกินกันอย่างเต็มที่ เมื่อจัดการกับเหล้าแก้วสุดท้ายหมดลง
ปราบก็เดินขาแทบขวิดไปยังห้องน้ำของร้านอาหาร
“ชนัย”
ปราบชวนชนัยมาด้วยเพื่อเป็นการแนะนำที่ปรึกษาด้านกฏหมายคนใหม่ของบริษัทให้ทุกคนได้รู้จัก ชนัยที่เดิน
มาเข้าห้องน้ำก่อนแล้วยิ้มให้กับปราบที่เพิ่งจะเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้างกับพวกลูกน้องผม อย่าถือสาถ้าพวกนั้นจะห่ามไปสักหน่อยนะ”
“โอ ไม่เลยครับคุณปราบ พวกเขาน่ารักมาก”
ชนัยรีบปฏิเสธ
“ไม่แปลกใจที่บริษัทของคุณเติบโตได้เร็วมาก เป็นเพราะได้คนเก่งๆมาร่วมงานด้วยนั่นเอง”
คำชื่นชมของทนายหนุ่มนั้นมาจากใจ ยิ่งเห็นยิ่งใกล้ชิดเขาก็ยิ่งปลื้มปราบมากขึ้นทวีคูณ
“รวมทั้งคุณด้วยนะชนัย ผมยินดีจริงๆที่ได้ร่วมงานกับทนายเก่งๆอย่างคุณ”
ปราบยื่นมือออกไปชนัยรีบยื่นมือมารับ ดวงตาที่ทอดมองมายังปราบบอกถึงความหลงใหลอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณนะครับคุณปราบที่มอบโอกาสสำคัญให้ผม รับรองว่าผมจะทำงานให้คุณสุดความสามารถ เชิญคุณ
ปราบทำธุระตามสบายครับ ผมออกไปข้างนอกก่อนละ”
ชนัยก้าวขาเดินออกไปแต่เท้ากลับสะดุดกันเองจนกระทั่งตัวเอียง มือที่ยังยึดจับมือของปราบไว้จึงดึงให้ปราบที่
ยังครองสติได้ไม่เต็มที่ให้เซตามเข้ามาจนตัวชิดติดกัน ชนัยหัวใจเต้นโครมครามเมื่อใบหน้าที่เขาเฝ้าฝันถึงอยู่ใกล้เพียง
ลมหายใจที่รินรดลงมาแค่เพียงเขาจะยื่นใบหน้าเข้าหาอีกสักนิด
แล้วชนัยก็ทำจริงๆ เขาขยับตัวเข้าไปจนปากของเขาแนบไปกับปากของปราบ ชนัยกลั้นหายใจเมื่อความร้อน
วาบแผ่ซ่านไปทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า มืออีกข้างที่ยังว่างยกวางไว้บนบ่ากว้างดึงรั้งให้ปราบยังคงนิ่งอยู่ในท่านั้นจน
กระทั่งปราบได้สติเอนกายห่างออกไปแล้วสะบัดหน้าขับไล่ความงงงัน ชนัยได้แต่นึกเสียดายแทบขาดใจ
“เอ่อ ผมขอโทษ วันนี้ดื่มเยอะไปนิด”
ปราบรีบเอ่ยอย่างตกใจ เขาไม่นึกว่าตนเองจะควบคุมร่างกายได้ยากขนาดนี้ในขณะที่ชนัยเม้มปากแน่น
“ไม่เป็นไรครับคุณปราบ มันเป็นอุบัติเหตุ ผมออกไปด้านนอกก่อนนะครับ”
ชนัยรีบหันหลังแล้วก้าวออกมาภายนอกห้องน้ำ และทันทีที่พ้นสายตาของปราบเขาก็แทบอยากจะตะโกนออก
มาอย่างอัดอั้น
แค่เพียงปากประกบปากชนัยยังร้อนรุ่มถึงขนาดนี้ ชนัยนึกอยากจะนอนทอดกายให้ปราบได้กระทำมากกว่านั้น
เสียเหลือเกิน
“หวังว่าน้ำเย็นๆคงจะช่วยหนุ่มน้อยที่แสนน่ารักให้หายเหนื่อยได้”
ปมุตหันไปยิ้มให้พร้อมกับรับขวดน้ำเย็นมาจากนายจ้าง วันนี้เขามาถ่ายทำโฆษณาคอนโดมิเนียมตั้งแต่ตอนเช้า
จนกระทั่งถึงยามค่ำ แดเนียลผู้เป็นเจ้าของมาอยู่ชมการถ่ายทำด้วยจนถึงตอนเย็นเขาจึงหายไปพักใหญ่แล้วจึงกลับมา
ก่อนเลิกกองไม่นานนัก
“ขอบคุณครับแดเนียล”
อึดอัดกับสายตาของแดเนียลที่จ้องมองไม่วางตา ราวกับแดเนียลจะเดาออกฝรั่งตาน้ำข้าวหัวเราะแก้เก้อ
“ขอโทษที่จ้องมองคุณนานไปจนเสียมารยาท พอเห็นใบหน้าของคุณแล้วผมนึกถึงใครคนหนึ่งในอดีต”
ปมุตเลิกคิ้วโก่งมองอย่างสนใจ
“ผมหน้าตาคล้ายคนที่คุณเคยรู้จักงั้นหรือครับ”
แดเนียลพยักหน้ารับ มีร่องรอยความเสียใจอยู่บนใบหน้าจนปมุตนึกสงสาร
“คล้ายกันมากทีเดียว ทั้งดวงตาและรอยยิ้มเพียงแต่คนๆนั้นเป็นไม่มีเชื้อสายเอเชียปะปนอย่างเช่นคุณ”
เสียงทอดถอนใจดังเป็นระยะปะปนกับเสียงสนทนาดึงอารมณ์ให้ปมุตมองเห็นภาพเมื่อแดเนียลเล่าให้ฟัง
“เขาเป็นเพื่อนของผมตั้งแต่อยู่บ้านเด็กกำพร้า เราทั้งสองถูกทำร้ายจนต้องต่อสู้และหนีออกมาด้วยกัน เขาคือ
ชีวิตของผม ผมทำทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุขและคาดหวังไว้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับคนๆนั้นไปตลอดจนกระทั่งวันหนึ่ง
ความหวังของผมก็พังทลาย”
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
ปมุตใจหายไปด้วยกับเสียงเศร้าสร้อยของแดเนียล
“มีไอ้เลวคนหนึ่งมันใช้เสน่ห์ของมันหลอกล่อให้คนที่ผมรักตกเป็นเหยื่อและพาไปสู่ความตาย”
“โอแดเนียล มันเศร้ามาก”
“ใช่ครับป้อง มันเศร้าจนผมไม่สามารถจะรักใครได้อีก และที่สำคัญไอ้คนเลวจอมหลอกลวงคนนั้นมันเป็นคน
ไทย”
“คนไทยงั้นหรือ”
ใบหน้าหวานถอนหายใจออกมาด้วยความสะเทือนใจไปกับสิ่งที่ได้ยิน แดเนียลก้มหน้าลอบยิ้มเมื่อเห็นดังนั้น
“คนๆนั้นมันชื่อว่าปราบ ผมไม่เคยลืมชื่อมันได้เลย”
“คนๆนั้นชื่อว่าปราบ”
อาจจะเป็นแค่เหตุบังเอิญเท่านั้นที่ชื่อเหมือนกัน ปมุตส่ายหน้าที่ตนเองนำเรื่องที่แดเนียลเล่าให้ฟังกลับมา
ขบคิดแม้ว่าจะกลับมาถึงบ้านแล้ว
ร่างโปร่งเหม่อคิดไปเรื่อยเปื่อยปล่อยให้สายน้ำเย็นจากฝักบัวรินรดขับไล่ความร้อนอบอ้าวที่ต้องทำงานตลอด
ทั้งวัน เขาครุ่นคิดอย่างคลางแคลงใจ
จะว่าไปตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาปมุตไม่เคยรู้เลยว่าปราบจะมีชีวิตแบบไหนและผ่านอะไรมาบ้างเพราะปราบเอง
ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แม้กระทั่งเมื่อพบหน้ากันอีกครั้งปราบก็ใช่ว่าจะทำดีกับเขา พ่อตัวเองปราบก็ยังหลอกได้และทุกวัน
นี้ถึงกับให้ไปอยู่ในห้องเล็กๆหน้าห้องครัว ปมุตต่อว่าตนเองที่กลับมอบหัวใจให้กับคนใจร้ายอย่างปราบ
ภาวนาแค่เพียงให้คนชื่อปราบที่แดเนียลเล่าให้ฟังเป็นแค่คนที่ชื่อเหมือนกันเท่านั้น ปมุตคงจะทำใจไม่ได้หาก
ปราบจะเป็นคนเลวที่พรากความรักของคนอื่นออกจากกัน หนุ่มน้อยถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปิดน้ำและคว้า
ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเดินออกมาจากห้องน้ำ
“อ๊ะ พี่เดี่ยว เข้ามาตั้งแต่ตอนไหนครับไม่ได้ยินเสียงเลย”
ปมุตชะงักเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเห็นปราบนั่งพิงหัวเตียงอ่านนิตยสารธุรกิจอยู่ ปราบเงยหน้าขึ้นมอง
นัยน์ตาพราวจนปมุตหน้าร้อนเห่อเมื่อรู้ว่าสภาพตนเองล่อตาขนาดไหน ปราบขยับมานั่งท้ายเตียงแล้วดึงปมุตมานั่งตัก
“ก็มัวแต่อาบน้ำจนตัวจะเปื่อยนั่นแหละ พี่เข้ามารอป้องตั้งนานแล้ว”
“พี่เดี่ยว ป้องตัวเปียกอยู่”
ปมุตประท้วงเมื่อปราบจูบลงที่ไหล่ ปราบยิ่งยิ้มถูกใจเมื่อได้ยิน
“งั้นพี่จะเช็ดน้ำออกให้นะ”
“พี่เดี่ยว ฮื้อ”
ปราบพรมจูบลงไปตามลาดไหล่ ปลายลิ้นไล่ชิมหยดน้ำที่ยังเกาะพราวอยู่บนเนื้อตัวแสนนุ่ม มืออุ่นวางแนบไปที่
แผ่นหลังลูบไล้ไปมาก่อนจะเลื่อนมาที่เอวแล้วกระตุกปมผ้าเช็ดตัวโยนทิ้งจนปมุตเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย เขาจับท่อนขา
เรียวแยกออกให้นั่งคร่อมอยู่บนตักหันหน้าเข้าหา หยดน้ำที่เกาะอยู่ตรงยอดอกสีชมพูล่อตาให้เขาขบเม้มดูดซับจนเรียก
เสียงครางแผ่วได้จากปมุต
“ทั้งหอมทั้งหวานเลยรู้ไหมเด็กน้อย”
ปราบเอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่า มือร้อนเหนี่ยวรั้งเอวบางเข้าหาพลางกดสะโพกแนบชิด ส่วนแข็งขืนที่มีเพียงชุด
นอนๆของปราบขวางกั้นดุนดันขึ้นมาจนปมุตรู้สึกได้ ส่วนจุดอ่อนไหวของเขาก็ถูกปราบกอบกุมนวดเฟ้นจนร้อนวูบวาบไป
หมด
“พี่เดี่ยว ดะ เดี๋ยวสิครับ อะ อึก”
คางเรียวถูกดึงให้ก้มลงหน้าเพื่อปราบจะบดปากจูบหนักหน่วง ลิ้นร้อนสอดลึกภายในจนแทบจะถึงลำคอในขณะ
ที่ปราบสอดมืออีกเข้าไปใต้สะโพกแล้วดันนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่น ปมุตครางฮือเมื่อนิ้วค่อยๆหมุนวนนวดเฟ้นเปิด
ทางโล่งขึ้นทีละนิดจนกระทั่งท่อนเนื้อยักษ์ที่ถูกดึงมาจนพ้นขอบกางเกงของปราบทักทายส่วนหัวอยู่หน้าประตู ปราบยก
เอวปมุตเพื่อที่เขาจะดันมันเข้าไป เขากดเอวปมุตลงมาเพื่อให้ช่องทางนั้นรับเขาเข้าไปได้จนหมด
“อื้อ เสียวครับพี่เดี่ยว”
ปมุตปรือตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเมื่อร่างกายเต็มไปด้วยความกระสัน สองแขนคล้องไปรอบคอเหนี่ยวให้ปราบ
ขบเม้มอยู่ตรงซอกคอนุ่ม
“โยกเลยครับคนเก่งของพี่เดี่ยว เต็มที่เลย”
ขาเรียวกอดเกี่ยวไปรอบเอวของปราบ ปมุตหายใจหอบเมื่อกดสะโพกลงมาแล้วหมุนเป็นวงกลม ยิ่งบดเบียด
แท่งเนื้อร้อนก็ยิ่งกระแทกถูกจุดอ่อนไหวให้เสียวซ่าน ปราบครางลึกอย่างพอใจพลางเด้งเอวสวนกลับพร้อมกับระดม
ปลายลิ้นลงไปที่ยอดอกแข็งเป็นไต
“อา อื้อ”
แทบจะทนไม่ไหวกับความกระสัน ปมุตซบหน้าลงกับไหล่กว้างเบียดกายแนบชิดปล่อยเสียงครางหวานยาวนาน
เมื่อร่างกายบีบคั้นถึงขีดสุด ปราบกัดฟันกดเอวปมุตลงแล้วแช่ค้างนิ่งพลางแข่งกันหอบหายใจถี่ยิบ เขาเชยคางปมุตแล้ว
จูบหนักหน่วงอีกครั้ง
“ยิ่งนับวันก็ยิ่งร้อนแรง พี่เดี่ยวจะไปไหนรอด”
“พี่เดี่ยว”
ปมุตเม้มปากหน้าแดงก่ำจนปราบหัวเราะอย่างเอ็นดู เขายกเอวปมุตขึ้นพลางดึงท่อนเนื้อออกจนน้ำรักไหลริน
“ว้า แย่จัง ตัวแห้งแล้วแต่กลับเปียกตรงอื่นแทน”
“พี่เดี่ยวครับ”
“โอ๋ ไม่ล้อแล้วครับคนเก่งของพี่เดี่ยวนอนพักเหนื่อยก่อนนะครับคนดี พี่เดี่ยวลืมโทรศัพท์ไว้ที่รถลงไปหยิบแป๊บ
เดียว เดี๋ยวจะมาต่ออีกสักยกก่อนนอน อย่าเพิ่งหลับก่อนนะ”
ปราบวางร่างของปมุตลงกับที่นอนนุ่มแล้วก้มลงจูบที่หน้าผาก ปมุตมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปจาก
ห้องของเขาแล้วส่ายหน้ากับความหื่นของพี่ชาย
เมื่อเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านหลังจากไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่รถยนต์ ปราบก็ต้องเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นแม่เลี้ยงยืน
ดักอยู่ที่หน้าบันได ดวงตาคมมองรัศมีตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อหญิงวัยสี่สิบอยู่ในชุดนอนบางเบาปิดทางเขาไว้
“มีอะไร”
ปราบถามเสียงเย็นชา รัศมีเคลื่อนตัวที่ยังอวบอัดไม่เผละผละเพราะหล่อนดูแลตัวเองอย่างดีเข้ามาใกล้แล้วช้อน
สายตามองอย่างท้าทาย
“คนอยู่บ้านเดียวกันจะทักทายกันหน่อยไม่ได้หรือคุณปราบ”
ริมฝีปากอิ่มที่คล้ายกับปมุตคลี่ยิ้มยั่วยวน
“แม่เลี้ยงก็อยากจะคุยกับลูกเลี้ยงบ้างไม่ได้หรือไง อย่าลืมนะว่าฉันน่ะเป็นแม่ของป้อง”
“สิ่งเลวร้ายอย่างหนึ่งในชีวิตของป้องสินะ”
“คุณปราบ”
รัศมีกัดฟันมองตอบสายตาดูหมิ่นนั่นทรวงอกกระเพื่อมไปด้วยความต้องการ ยิ่งปราบใช้สายตาไว้ตัวมองกลับมา
มันยิ่งเร้าใจจนต้องก้าวเข้าไปเบียดกายแนบชิดลูกเลี้ยงที่บัดนี้สูงใหญ่กว่าหล่อนมากมายนัก รัศมียกมือวางไปรอบ
ท้ายทอยของปราบพลางเงยหน้าเชิญชวน
“อยากจะรู้ว่าป้องมันมีอะไรดีถึงได้หลงมันนัก จะลองกับร่างกายผู้หญิงแท้ๆดูบ้างไหมล่ะ รับรองว่าฉันจะทำให้
คุณลืมไม่ลงเชียวละ”
“ร่าน”
“คุณปราบ”
รัศมีมองอย่างเจ็บใจ หล่อนโน้มคอปราบลงและบดจูบอย่างกระหาย อกอิ่มเบียดแนบไปกับแผ่นอกแกร่งก่อนจะ
ผละออกอย่างเจ็บใจที่ปราบไม่ได้ทีท่าจะตอบโต้เลยสักนิด
“บ้าที่สุด”
รัศมีแทบจะกรีดร้องเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
“คุณมันทั้งโง่ทั้งบ้า”
ปราบแค่นยิ้มเยาะเมื่อเห็นกิริยาของแม่เลี้ยง
“การที่ฉันไม่คิดจะมีเซ็กส์กับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอแล้วเรียกว่าโง่ว่าบ้า มันก็โอเคนะ”
“อะ ไอ้…”
“ถ้าคิดจะเอาเธอ ฉันคงจะเอาไปนานแล้วตั้งแต่วันสุดท้ายที่ยังอยู่ในบ้านหลังนี้”
ปราบพูดเสียงเหี้ยม ดวงตาดุคุโชนด้วยความรังเกียจ
“ไอ้ปราบ”
“ผู้หญิงที่ไม่เคยเต็มอิ่มจนต้องทำตัวเลวๆไปหากินนอกบ้าน”
“พูดอะไรของแก”
รัศมีตะคอกเมื่อหล่อนทนไม่ได้อีกต่อไปเนื้อตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความโมโห ปราบยักไหล่พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้น
มาแล้วเปิดคลิปที่ยังคงเก็บเอาไว้มายื่นให้รัศมีดู
รัศมีผงะ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อภาพและเสียงที่เห็นคือหล่อนและคู่นอนที่กำลังโรมรันพันตูกันอยู่บนเตียง มัน
ชัดเจนราวกับตั้งกล้องถ่ายไว้อยู่ตรงปลายเตียง รัศมีกรีดร้องดังลั่น
“กรี๊ดดดด”
ตึง!!
ทั้งปราบและรัศมีหันขวับไปตามเสียงดังที่เกิดขึ้น มองเห็นนายปัญญานอนหงายล้มตึงเหยียดยาวอยู่ไม่ไกลนัก
“พี่ปัญญา”
รัศมีวิ่งเข้าไปแล้วนั่งลงประคองสามีที่ยังหมดสติมาอยู่บนตัก ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นปราบได้ยินเสียงปมุตวิ่งลง
บันไดมา ร่างเพรียววิ่งผ่านเขาไปหาบิดาและเมื่อเห็นว่าบิดาเป็นแบบนั้น ใบหน้าหวานก็เงยหน้ามามองเขาทั้งน้ำตา
“คนใจร้าย พี่ทำอะไรพ่ออีก ผมเกลียดพี่”
TBC