0
| เดือนดับ |
“ ผม... ”
เสียงที่ส่งออกไปมีความประหม่าและตื่นเต้นอยู่ในที คนตรงหน้าทำเพียงรอรับคำถามที่กำลังเอื้อนเอ่ย
ความเงียบรอบด้าน ยิ่งกว่าทำให้หยุดหายใจ คนตรงหน้าทำเพียงมองตรงมานิ่ง ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตสายตา
ผมไม่อาจละหนีไปไหนได้อีก...
วันนี้อีกฝ่ายเรียกผมมาในจุดประจำ ห้องขนาดพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่ในบ้านชั้นเดียวยกพื้นใจกลางเมือง ที่ ๆ ผมแวะวนเวียนมาหลายปี จนลืมไปแล้วว่ามันเริ่มต้นเมื่อไร เวลามากกว่า 7 ปี ที่เราทำมันซ้ำ ๆ เดิม
ข้อความที่ส่งเข้ามา หรืออาจจะเป็นเสียงทุ้มต่ำที่โทรเข้ามาเพื่อบอกจุดประสงค์ที่ต้องการ การทานข้าวเย็นบนระเบียงกว้างที่ทำไว้เป็นที่นั่งเล่น เตียงนอนกว้างที่ได้ทิ้งตัวลงไปอยู่ประจำทุกสัปดาห์
ความสัมพันธ์ที่เรียบเรื่อยที่ดำรงอยู่มาตลอด ถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องมีจุดเปลี่ยน การใช้เวลากับอีกฝ่ายมันดีมาก ดีจนเหมือนอยู่ในห้วงฝัน ฝันที่ผมยอมหลับตา และไม่หันมองหน้าความเป็นจริง
คนอื่นอาจบอกว่าผมโง่หรือบ้า
ที่อยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกนี้มามากกว่า 7 ปี
ฮ่า ๆ มันน่าตลกนะ ที่เราทั้งกินข้าว ท่องเที่ยว และนอนด้วยกัน เหมือนดังคู่สามีภรรยา แต่ในความเป็นจริงของความสัมพันธ์นี้นั้นเราไม่อาจรู้เลยว่ามันถูกเรียกว่าอะไร ผมเลิกถาม เขาก็ไม่พูดถึง
ใจต่อใจ กายต่อกาย แต่ไม่ใช่ความเป็นจริง
ตลกจนอยากหัวเราะ แต่ทุกครั้งก็ทำได้แค่ปล่อยให้หยดน้ำไหลลงไปในมุมเงียบ ๆ ของตัวเอง
และแน่นอน เมื่อถึงจุดหนึ่ง เมล็ดของความอดทนที่เก็บเงียบอยู่ในใจก็ถึงเวลาผลิออก ผลของมันคือระเบิดลูกใหญ่ที่ตะโกนบอกตัวเองว่า เราไม่ควรทนกับเรื่องนี้อีกต่อไป
มันอาจใช่ ที่มีความสุข
แต่อีกด้านของความสุข คือช่วงเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น เวลาที่ไม่ได้อยู่กับผมทำไมจะไม่รู้ ว่าเราเป็นอิสระต่อกัน ไม่มีความหึงหวง ไม่มีการครอบครอง เราแค่สบายใจในการพบเจอกัน
แต่กับความรักแล้ว เมื่อเราหลงรักก่อน ความรักในความสัมพันธ์แบบนี้ คุณก็คงรู้ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร ผมถึงเลือกความสุขที่ได้หลับตาต่อไปเสมอมา
ปิดและหันหน้าหนีเรื่องที่ไม่ต้องการจะเห็น
แต่เชื่อเถอะ ว่าต่อให้ไม่อยากเห็นแค่ไหน ผมก็ไม่ได้หนีความจริง ผมรับรู้แค่ไม่เก็บมาใส่ในใจ แต่ต่อให้ไม่ใส่ในใจ มันก็ถูกบันทึกลงความทรงจำอยู่ดี
วันนี้ก็เป็นนัดประจำของเรา ข้อความง่าย ๆ ที่พิมพ์ถามว่า ว่างไหม เจอกันที่เดิม ถูกส่งมาก่อนเวลาเลิกงานไม่นาน การตอบตกลงเหมือนทุก ๆ ครั้งถูกส่งตีกลับไป
แต่ในจิตใจนั้นรู้ดี ว่าวันนี้มันจะไม่เหมือนเดิม
ผมตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจเลือกทางเลือกให้กับตัวเอง คำตอบจะเป็น ใช่ หรือ ไม่ใช่ ก็สุดแล้วแต่โชคชะตาจะบันดาล
เชื่อไหม ว่าผมมีคำตอบให้ตัวเอง แต่ข้างในก็ยังคงคาดหวัง ความสัมพันธ์หลายปีของพวกเราจะไม่มีความหมายกับอีกฝ่ายเลยหรือ
ผมเป็นคนเดียวนะที่อยู่ตรงนี้มาตลอด
ข้าง ๆ ที่ไม่ใช่ข้างกาย แต่ก็อยู่ข้าง ๆ บนเบาะโซฟาเดียวกัน
มันต้องมีหวังบ้างสิ !
ผมกำลังประหม่าและกำลังรวบรวมความกล้าจนหยดเหงื่อชื้นมือ ทั้งที่อุณหภูมิห้องกำลังเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
“ ผมชอบพี่ ! ”
เสียงที่เปล่งออกไปราวกับเสียงตะโกนใส่ จากทุกอย่างที่ผมกำลังเป็น ทำไมการบอกรักคนที่ได้กันไปขนาดนั้นแล้วมันถึงตื่นเต้นจังว่ะ ให้ตาย
“ พูดบ้าอะไร ”
นั่นล่ะครับประโยคที่ได้รับกลับมา ทำเอาผมส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้อย่างไม่รู้จะทำตัวยังไง สองมือที่จับกันไว้ด้านหลังบีบกันแน่นอย่างต้องการให้ตัวเองผ่อนคลายกับสถานการณ์ตรงหน้า
หน้าเรียบนิ่งดูไม่ดีใจหรือดูผ่อนคลายมีอารมณ์ขันที่นึกว่าผมพูดมันเล่น ๆ เลยสักนิด
แย่แล้วไหมล่ะ
แต่จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอดไม่ได้ แม้ใจผมจะไม่ได้แตกกสลาย แต่มันก็เต็มไปด้วยรอยแผลจนรู้สึกว่าไม่อาจทนเก็บไว้ต่อไปได้แล้ว
ช่องว่างของเวลาถูกทิ้งไว้ในความเงียบต่ออีกเป็นนาทีอย่างที่ไม่มีใครขยับทำอะไรหรือเคลื่อนไหว
ก่อนรอบยิ้มบาง ๆ จากอีกฝ่ายจะถูกส่งออกมา อย่างที่ผมไม่อาจเข้าใจ
แต่ก็บอกได้ว่าเรื่องที่ผมพูดออกไป มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมายนัก ก่อนแรงดึงจากมือหนาจะดึงผมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้าไปในวงแขนจนร่างกายพวกเราแนบชิดกัน
หรือว่ามันกำลังจะไปได้ด้วยดีกันนะ
“ พูดมากี่รอบแล้ว ว่ารู้อยู่แล้วน่า ถ้าเธอไม่รักเธอจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง พูดอะไรโง่ ๆ ” ก่อนแรงจูบหนัก ๆ จะถูกกดลงบนหน้าผากของผม
อีกแล้ว บ้าบอว่ะ ลืมได้ยังไงว่าพี่มันเป็นแบบนี้
คำพูดอีกคนที่เหมือนต้องการผ่อนคลายสถานการณ์ และกำลังจะปัดตกมันทิ้ง โดยการ...
“ทำอะไรให้กินหน่อยสิ หิวจะแย่ ”
นั่นไงล่ะผมคิดไว้ไม่มีผิด ปากก็บอกว่าหิวข้าวแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ปากร้อน ๆ เอาแต่แทะเล็มต้นคอผม จนรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ
เฮ้อ คนเราจะกินข้าวหรือกินผมกันแน่ล่ะแบบนี้
ไม่สนใจคำพูดกันเลย
“ เฮ้อ... พี่ธี... ”
การเรียกนั้นช่วยหยุดการกระทำของคนตรงหน้าให้หยุดมาสนใจคำพูดกันได้สักที ไม่บ่อยหรอกที่ผมจะเลือกเรียกพี่เขาว่าพี่ธี มีอะไรก็เรียกพี่ เรียกชื่อจริงกันไป
นั่นอาจทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าผมเริ่มจริงจัง
“ ที่ผมพูดน่ะ ผมพูดจริง ๆ นะ คราวนี้ผมอยากได้คำตอบ ”
ผมพูดช้า ๆ ชัด ๆ ให้เขาเข้าใจและรับสารไปเสียที ว่าผมต้องการพูดคุยเรื่องนี้จริง ๆ “ พี่ควรให้คำตอบผมได้แล้ว ”
ความเศร้าที่มักถูกกลบไว้กำลังถูกส่งผ่านออกไปให้คนตรงหน้าเข้าใจ เข้าใจตัวผมที่กำลังต้องเผชิญกับสิ่งที่เราเป็น
“ … ” ความเงียบกับสายตาที่กลับไปนิ่งสงบอีกครั้งถูกส่งออกมาเหมือนเคย สองมือที่โอบกอดผมไว้ถูกปล่อยออก ก่อนจะลากผมตรงไปในเส้นทางประจำที่สามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ว่าเขาคิดจะทำอะไรและพาไปไหน
ทำไมพี่ถึงคิดว่าจะแก้ปัญหาได้ด้วยเซ็กส์ตลอดเลยว่ะ หรือจริง ๆ แล้วพี่ต้องการแค่นั้นจากกันมาตลอดจริง ๆ
“ คุณธวิ ! พอสักที ! ” ผมตะโกนออกไปสุดเสียง รวมถึงพยายามยื้อตัวไว้เพื่อไม่ให้ถูกลากเข้าไปมากกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าหากจบที่เตียงนอนนั่นเมื่อไร ก็ไม่พ้นที่ตัวเองจะใจอ่อนกับคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ ทำไมคุณพนา ” การเรียกชื่ออย่างสุภาพด้วยเสียงกดต่ำแบบนี้ ก็บอกได้ถึงอารมณ์ที่ไม่ปกติเช่นกันของคนตรงหน้าได้ดี พอผมประชดไปเขาก็มักประชดประชันกลับมาเสมอ
“ พอเถอะพี่ พอสักที ผม...ผมไม่ไหว ”
เสียงผมสั่นจนตัวเองยังรับรู้ได้ ร่างกายเกร็งเครียดและทรุดตัวลงกลับพื้น ทั้งที่แขนยังถูกจับลากไว้
“ … ”
“ถ้าพี่ไม่รัก พี่ปล่อยผมไปเถอะ มันไม่โอเคแล้ว ”
“ แล้วมาไม่โอเคอะไรตอนนี้ ” ธวิเอ่ยออกมาเสียงเรียบ และเพิ่มแรงบีบตรงข้อมืออีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวเอง
“ คนเรามันก็ต้อมีจุดที่ทนไม่ได้กันบ้างไหมว่ะพี่ ”
“ กูทำอะไร กูก็เหมือนเดิม มีอะไรให้มึงทนไม่ได้ ”
“ ก็เพราะพี่เหมือนเดิมไง ! เหมือนเดิมจนผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ”
“ กับกูมันไม่ดีแล้วหรือไง หรือมึงมีใคร ”
“ … ” คำถามเรียบ ๆ นั้น ทำเอาผมนิ่งค้าง พี่มันคิดได้ไงว่ะ คิดได้ยังไง ทั้งที่รู้ความรู้สึกกันมาตลอดแท้ ๆ แล้วผมจะไปสนใจใครได้ แย่ว่ะ ความรู้สึกผมเนี่ยล่ะที่แย่ และเลือกที่จะตอบบางอย่างออกไป
เราจะได้เปลี่ยนกันเสียที
“ ครับ ผมมีคนที่อยากคบด้วยแล้ว ” ผมเลือกตอบออกไป
และยังไม่ทันจบประโยคดี คนตรงหน้าก็พูดออกมาโดยไม่รอให้เกิดช่องว่างในอากาศ “แล้วหมาตัวไหนเมื่อกี้มันบอกชอบกู ? ”
“ ผมไม่ใช่หมา ! ”
“ แล้วยังไง ทำไมมึงทำตัวย้อนแย้งว่ะ ก่อนหน้าบอกชอบกู แต่ตอนนี้มาบอกมีคนอื่นแล้ว มึงจะเอายังไง ? ” คนตรงหน้ายังคงพูดออกมาด้วยเสียงเรียบเฉยตรงข้ามกับใจความพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง
มือที่กำข้อมือไว้แน่นก็ไม่มีท่าทีจะปล่อย จนทำเอาผมที่ถูกกระทำ ขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปอีก
คำพูดอีกฝ่ายถูกกระแทกเข้ามาในใจจนวุ่นวายไปหมด ความเศร้าเสียใจที่เพิ่มขึ้นถูกขับดันออกมาเป็นหยดน้ำที่คลอหน่วยจนเต็มตา
ทำไมกัน ทำไมต้องมารู้สึกอะไรกับคนแบบนี้กัน
“ พี่ไม่สนใจมัน แล้วจะเอากลับมาถามทำไม ”
ประโยคนั้นทำเอาคนตรงหน้านิ่งไปชั่วขณะ เราไม่มีคำพูดใด ๆ ให้กันอยู่นาน จนผมไม่อาจทนมันไว้ได้ไหวอีก “ พี่...พี่แค่ตอบผมเอง ”
ผมพูดขึ้นก่อนใช้ตาที่ยังคลอไปด้วยน้ำไม่หายทั้งที่พยายามห้ามมันไว้มองตรงไปหาอีกฝ่าย เหมือนต้องการให้รับรู้มันให้ได้จริง ๆ เสียที ผมเหนื่อยมามากแล้ว
“ พี่ชอบผมบ้างไหม ” ตอบผมทีเถอะ และคุณธวิเขาก็ยังคงใช้ความเงียบเก่งเช่นเคย เก่งมากจนผมยอมใจ
ฮ่า ๆ ไม่เอาแล้ว ผมไม่ไหวจริง ๆ ผมยังคิดว่ามีหวังมาตลอด หวังแม้จะรู้ว่าความเป็นไปได้มันน้อยแค่ไหน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คำถามนี้ถูกส่งออกไป แต่ครั้งนี้ผมปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะแบบนั้น
เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ
ผมรู้จักเขาดี ดีพอที่จะรู้ว่าต้องทำยังไง
“ เฮ้อ โอเคครับ ผมไม่เอาคำตอบแล้ว แต่ว่าพี่ครับ เรื่องข้อตกลงของพวกเราน่ะ ”
ผมเว้นช่องว่างไปชั่วอึดใจก่อนพูดต่อ “ ผมมีคนที่จะคบด้วยแล้ว ”
“ … ”
“ พี่เข้าใจใช่ไหม ”
ผมหมดเรื่องที่ต้องพูดแล้ว เหลือเพียงรอเวลาให้คนตรงหน้าได้ทำความเข้าใจกับมัน
“ แล้วทำไมบอกชอบกู ” คำหยาบที่ยังคงหลุดออกมาไม่หยุด ยิ่งทำให้รู้ว่าคนที่ร้อนเหมือนไฟยังไม่หายหงุดหงิดสักนิดเดียว เป็นแบบนี้ตลอด พูดดีได้ไม่นานหรอก ขึ้นกูขึ้นมึงตลอด
ถ้าไม่ใช่เคยขอไว้ให้พูดกันดี ๆ ได้ไหม โดยมีรางวัลมาแลก มีหรือจะยอม แต่เอาตามจริง ก็พูดดีได้แค่ตอนอย่างว่าเท่านั้นล่ะ ลงเตียงมาก็ทำตัวหยาบคายเหมือนเดิม คนอะไรกัน
“ ผมอยากพูด อยากพูดให้พี่ฟังเป็นครั้งสุดท้าย ” นี่คงเป็นความจริงเดียวที่ผมจะบอกกับเขาได้ “ ผมอยากพูดเพราะผมคงไม่ได้พูดให้พี่ฟังอีก ”
พี่ธีเขาจะรู้บ้างไหมว่าผมต้องพยายามไม่ให้แสดงออกถึงรอยร้าวที่พยายามจะผลิออกมาไว้มากแค่ไหน
“ มึงอย่าโกหกกู มึงจะมีใครได้ ”
ธวิยังคงเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง
“ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด พี่จะมารู้ยังไง ” ผมเลือกตอบออกไป และมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย
ความเงียบถูกทิ้งตัวลงมาไม่นานนักสิ่งที่ผมอาจคาดหวังในใจลึก ๆ ว่าได้โปรดอย่าพูดมันออกมา ทั้งที่รู้ดีว่ามันจะเป็นไปอย่างไร
“ แสดงว่ามึงจะไป ”
คำพูดเรียบ ๆ ถูกส่งออกมา เหมือนเป็นแค่คำพูดลอย ๆ ออกมา หรืออาจเป็นคำถามที่กำลังถามผมมาตรง ๆ ก็ไม่อาจรู้ได้
และคำตอบของผมตอนนี้ มันคงมีเพียงอย่างเดียว
“ ครับพี่ ” พร้อมรอยยิ้มจนตาปิดที่ถูกส่งออกไป
ตอนนี้เขาไม่ได้กำแขนผมด้วยแรงมหาศาลอีกแล้ว เจ้าตัวทำแค่เลื่อนมือมากุมกับมือผมไว้นิ่ง ๆ ผมพยายามฉีกยิ้มให้กว้าง เพื่อกลบลบความแตกร้าวข้างใน
ผมเลือกแล้ว
ในเมื่อไม่เคยได้รับคืนมา ผมก็ขอช่วงเวลาของผมคืน ความรักมันสวยงามเสมอ แต่ว่านะ มันก็ทำให้ผมเห็นแก่ตัว อยากสำคัญ อยากเป็นที่หนึ่ง ไม่อยากใช้เขาร่วมกับใคร อยากให้มีเพียงแค่ตัวเองที่เป็นผู้ครอบครอง
ความรักน่ะ สวยงาม
แต่ผมนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว ในเมื่อไม่อาจเป็นของเรา ก็อย่าเป็นสิ่งใดต่อกันเลย เวลาที่ผมมีให้กับเขามันถึงจุดตัดแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมทำได้
สิ่งสุดท้าย คือการพยายามอีกครั้ง กับเรื่องที่พยายามมาตลอด
ความรักที่ส่งออกไป ผมมีให้เขาเสมอ ตลอดมาและคงเป็นตลอดไปเท่าที่เวลายังเดินไป
และคนประหาลดก็ยังเป็นคนประหลาด ไม่คิดเลยว่าเรื่องสุดท้ายที่เราได้คุยกันจริง ๆ จะเป็นประโยคพวกนี้เลย ให้ตายสิ ธวิ ทวีตะวัน ก็ยังคงเป็นธวิ ทวีตะวัน
“ งั้นนอนด้วยกันเป็นครั้งสุดท้ายเป็นไง ? ”
“ ฮ่าๆ ครับพี่ ” ผมตอบรับออกไปด้วยรอยยิ้ม ยิ้มจากความรักและช่วงเวลาที่มีด้วยกัน เราเริ่มต้นด้วยความประหลาด อยู่กันด้วยเซ็กส์ และจบลงด้วยเซ็กส์อีกครั้ง มันก็คงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
ที่ผิดพลาดไป คงเป็นตัวผมที่หลงรักเขามาตลอด ตั้งแต่แรกเห็น
ผมชอบพี่นะ
ชอบพี่จริงๆ
แต่ผม...จะตัดใจแล้ว ตัดออกไปจากใจ
0
---------------------------------------------------
>>> เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ พนาวิน กับ คุณธวิ
หวังว่าจะน่าติดตามและชื่นชอบ ฝากพวกเขาไว้ด้วย
ปล. เจอคำผิดแจ้งและเตือนเราได้เลยนะ
//t.ss
Half of QUARTER
#ครึ่งของ15