ตอนพิเศษเล็กๆ ครบรอบ 3 ขวบ = ก้ อ น เ ม ฆ
“พี่เมฆ”
“หืม? ว่าไง” ผมตอบรับพลางเหลือบมองน้องเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองถนนเหมือนเก่า
“ขับช้าหน่อยได้ไหมครับ”
ได้ยินคำขอของน้อง ผมก็ชะลอรถให้ช้าลง เพราะมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง ทั้งถนนเล็กๆ เส้นนี้ก็ไม่มีรถคันอื่นนอกจากรถของพวกเราด้วย ทว่าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าจงรักอยากให้ขับช้าลงเพราะอะไร
“มีอะไรหรือเปล่า ถึงให้พี่ชะลอรถ”
“ผมอยากถ่ายคลิปน่ะครับ”
“คลิปอะไร”
“ก้อนเมฆครับ”
“ก้อนเมฆ?”
“ครับ” จงรักพยักหน้ารับ
“เมี๊ยว~”
แมวสีขาวตัวอ้วนในตะกร้าร้องขึ้นจากเบาะหลัง จงรักจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปคุยกับลูกรัก
“ไม่ได้เรียกเราสักหน่อยก้อนเมฆ” เขาว่า ก่อนกลับไปวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเองเหมือนเดิม
ผมมองท้องฟ้าผ่านกระจกหน้ารถแล้วนึกสงสัยขึ้นอีกว่าเขาจะถ่ายไปทำไม ก้อนเมฆก็เหมือนเก่า ไม่ได้แตกต่างจากที่เคยเห็น ถ้าบอกว่าถ่ายวิวทิวทัศน์คงจะเข้าใจมากกว่า เนื่องจากพวกเราไม่ได้ขับรถมาเที่ยวเชียงรายบ่อยๆ หากแต่ผมก็ไม่ได้ขัดใจเขา และตั้งใจขับรถช้าๆ กับชิดซ้ายเอาไว้ให้น้องได้ถ่ายจนสมใจ
เพลงเพราะๆ ดังคลอไปเรื่อยๆ พวกเราสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก แต่ฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง กระทั่งเราหลุดจากถนนเลี่ยงเมืองเข้ามาสู่เส้นทางหลัก จงรักจึงเก็บมือถือแล้วหันมาสนใจผมอีกครั้ง
“หิวไหมครับ”
“นิดหน่อย”
“งั้นแวะทานอะไรกันก่อนเข้าที่พักดีไหม”
“รักหิวหรือเปล่า”
“นิดหน่อยเหมือนกันครับ”
“ถ้างั้นก็แวะ เรามีร้านที่จะไปไหม หรือเจอร้านไหนก็แวะได้เลย”
“ไม่มีร้านไหนที่คิดไว้ครับ แต่เดี๋ยวเปิดหาดูดีกว่า เพราะบางร้านคงไม่ให้เราเอาสัตว์เลี้ยงเข้าไป”
ผมคิดว่าระหว่างทางไปที่พักคงไม่มีร้านให้เราเลือกมากเท่าไหร่ แต่จงรักก็หาร้านที่เป็นทางผ่านและตรงกับความต้องการได้พอดี พวกเราจึงหยุดพักทานมื้อเที่ยงก่อนเข้ารีสอร์ท
ผมคิดว่าอาหารมื้อเที่ยงในร้านคาเฟ่ริมทางท่ามกลางหุบเขาไม่ได้รสชาติอร่อยเลิศ แต่ด้วยบรรยากาศและความหิวทำให้อาหารมื้อนี้เป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย แม้กระทั่งเจ้าก้อนเมฆของจงรัก ที่พอกินอาหารแมวของตัวเองหมดก็ยังไปนอนผึ่งให้เจ้านายสุดที่รักลูบพุงเล่น
“พี่เมฆอิ่มไหม สั่งอะไรเพิ่มไหมครับ”
“พี่อิ่มแล้ว รักล่ะ”
“อิ่มตื้อเลยครับ เมื่อกี้หน้ามืดไปหน่อย สั่งกับข้าวตั้งสี่อย่าง” เขาว่ายิ้มๆ ก่อนจะเปลี่ยนจากลูบท้องแมว มาลูบพุงตัวเองแทน
แม้ว่าน้องจะไม่ใช่คนที่หน้าตาหน้ารักโดดเด่นอะไร แต่สำหรับผม พอเห็นเขาทำท่าทำทางแบบนี้ ก็รู้สึกว่าน่ารักจนอยากช่วยลูบพุงเสียอย่างนั้น
แต่ความคิดก็ถูกขัดจังหวะ เนื่องจากพนักงานเข้ามาคิดเงินตามที่จงรักเรียก
เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยจงรักก็เดินอุ้มเจ้าก้อนเมฆนำหน้าไปที่รถ แต่ก่อนออกจากร้านพนักงานก็ขอให้พวกเราเขียนอะไรสักอย่างเป็นที่ระลึกลงบนบอร์ดซึ่งอยู่ตรงทางเข้า ผมจึงอาสาอุ้มเจ้าก้อนเมฆแทน และให้น้องเป็นฝ่ายเขียน
เขารับโพสต์อิทกับปากมาเขียนด้วยความเต็มใจ
[อาหารอร่อย บรรยากาศดีมาก พวกเราจะกลับมาอีกนะครับ]
ข้อความสั้นๆ ง่ายๆ แต่คำต่อท้ายกลับไม่ใช่ชื่อ หากเป็นรูปก้อนเมฆก้อนเล็กๆ ที่เขาตั้งใจวาด พอเรียบร้อยก็เอาไปติดเรียงกับของแขกคนอื่นๆ ที่เคยมา ก่อนหันมารับลูกชายตัวอ้วนของตนเองคืนไปอุ้มไว้เหมือนเดิม
ผมเดินตามจงรักไปที่รถ พอขึ้นไปนั่งประจำที่ก็สังเกตเห็นเห็นหมอนอิงรูปก้อนเมฆที่น้องใช้รองหลังเพราะต้องนั่งรถไกล และโทรศัพท์ในมือที่สวมเคสรูปก้อนเมฆก้อนเล็กๆ สีฟ้าขาว
“รัก”
“ครับ?”
“ชอบก้อนเมฆหรือ” ผมถาม แต่ไม่ได้เจาะจงว่าก้อนเมฆไหม แมว สิ่งของ หรือก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้า แต่ดูเหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจว่าผมอยากรู้อะไร เพราะน้องอมยิ้มเล็กๆ พวงแก้มมีสีเลือดฝาดเข้มขึ้นนิดหน่อย
“ชอบครับ”
กี่ปีแล้วนะที่เราอยู่ด้วยกัน…แต่ทำไมผมถึงเพิ่งสังเกตเห็น
ทั้งที่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อยู่รอบตัวผมทุกวันผมเงียบและจมอยู่กับความคิดหลายหลากในหัว ทว่าจงรักกลับดึงให้ผมได้สติอีกครั้ง ด้วยประโยคที่ฟังแล้วทำให้ผมแทบอดใจไว้ไม่ไหว
“
แต่ที่ชอบที่สุดก็คือเมฆคนนี้นะครับ”
เพราะเมื่อกี้อยู่ในร้าน ผมถึงทำอะไรมากไม่ได้ แต่ในที่รโหฐานแบบนี้ คงไม่เป็นไรใช่ไหมครับ ถ้าหากว่าผมจะบอกรักเขาสักคำและจูบเขาสักครั้งสองครั้ง…
<><><><><><><><><><><>
3 ปีแล้วที่เริ่มลงนิยายจริงจัง
ทีแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะเขียนตอนพิเศษเรื่องไหนดี
แต่เพราะว่าเริ่มโตมากับโปรดจงรัก ก็เลยเขียนโปรดจงรักดีกว่า เพราะครบ 3 ปีเหมือนกัน
เร็วมากเลยเนอะ เผลอแปปๆ 3 ปีแล้ว
ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะยังไงต่อ แต่ฝนก็จะพยายามเขียนออกมาให้อ่านกันเรื่อยๆ นะคะ
ขอบคุณที่คอยตามอ่านกันมาตลอดนะคะ
รัก
ละอองฝน.