ร้ายที่ 31 ผมผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในออฟฟิศ ทักทายพนักงานตั้งแต่ยามยันผู้จัดการแผนกต่างๆ . . วันนี้จะมีเด็กฝึกงานคนใหม่เข้ามาฝึกงานด้วย เด็กคนที่ผมรู้ทีหลังว่ามันกำลังเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ซึ่งก็เหมาะเหม็ง ตามหลักสูตรของมันต้องมาฝึกงานกับบริษัทใหญ่ๆพอดี ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีของมันนะที่จู่ๆก็ได้มาฝึกก่อนชาวบ้านชาวช่องเค้าไปตั้งหนึ่งเทอม
ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงเช้า ผมกล้านั่งยันนอนยันเลยว่าไอ้เด็กฝึกงานมันยังไม่มาชัวร์ป๊าบ ท่าทางมันไม่เอาอ่าวจะตายไป . . ไม่เหมือนกับไอ้อาร์ตที่ผงกหัวทักทายผมที่แผนกบัญชี มันขยันมาก มาก่อนผมอีก มาจีบแม่บ้านหรือยังไง
ผมจึงถือโอกาสไปทักทาย “เฮ้ . . มาเช้านะ”
ไอ้อาร์ตหน้าตาและก็ท่าทางคล้ายผมโคตรๆ ถ้าวางมาดเป็นบอสคนอื่นนี่ใช่เลย แต่มันคงไม่ทำหรอก “ผมมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะครับบอส”
พูดจาดี มีสัมมาคารวะ “งานที่นี่ไม่ยาก แต่เยอะ” ข่มขวัญสักหน่อย
“ผมคิดว่าผมสู้ไหวครับ”
“ไฟแรงนะ จบมานานแล้วเหรอ”
“สองปีกว่าครับ”
“ทำไมถึงตัดสินใจมาทำงานที่นี่ล่ะ”
“เพราะโอกาสทำงานที่นี่ . . ก้าวหน้ากว่าที่เดิมครับ”
ไอ้นี่พูดตรงมาก . . มันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่ไม่ได้มีความทะเยอทะยานแต่อย่างใด มันดูมีความตั้งอกตั้งใจ . . “ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับความขยันของนายแล้ว”
“ผมจะพยายามครับ”
ผมตบบ่าแปะๆของไอ้คนที่มันสูงเท่าผมเป๊ะๆก่อนที่จะเดินไปยังห้องทำงานของตัวเองที่บังเอิญตั้งอยู่ใกล้แผนกบัญชีพอดี แต่ก่อนที่ผมจะเดินไปได้ไกล ผมก็โดนเรียกไว้ซะก่อน “บอสครับ”
“ว่าไง”
“บอสรู้จักกับ . . ไนท์เหรอครับ” มันดูไม่ค่อยแน่ใจนักที่จะถามผม
ผมยิ้มที่มุมปาก “มันเป็นเพื่อนของน้องชายน่ะ”
“แล้วเรื่องใช้หนี้ . . มันคือ . .”
“เฮ้ . . ผมไม่ได้ตัดสินใจจ้างคุณมาเพื่อให้คุณสนใจเรื่องของคนอื่นนะ”
“อ่า ครับ ขอโทษครับ”
ผมเดินเข้าห้องทำงานไปอย่างผู้กุมชัยชนะ . . ไม่ว่ายังไงผมก็ถือไพ่เหนือกว่าใครเห็นๆเพราะที่นี่คือบริษัทผม และที่ผมรับไอ้อาร์ตเข้ามาทำงานรวมทั้งดึงไอ้ไนท์เข้ามาเป็นเด็กฝึกงานผมมีจุดประสงค์
เพื่อแกล้งไอ้ไนท์ . . เท่านั้นแหละ
“ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะบอส” คุณจิ๊บทักที่หน้าห้องทำงานของผม
“อากาศดีน่ะ”
ครืน ครืน . . อ้าว ไอ้สัด ฟ้าจะมาร้องทำไมตอนกูพูดจบ = =
เพราะเสียงฟ้าร้องนั่นแทบจะทำให้คุณจิ๊บเงิบ “อ่อ เพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าบอสชอบอากาศแปรปรวน”
“เอ่อ . .” ผมเกาหัวแก้เก้อ “คุณจิ๊บถ้าเด็กฝึกงานคนใหม่มาแล้ว บอกให้เค้ามาหาผมที่ห้องด้วยนะครับ”
“ที่จริง . . น้องเค้าอยู่ในห้องบอสแล้วอ่ะค่ะ” เธอยิ้มแหยๆ
ครืนนนนนนนนนน . . ฟ้าผ่าเสียงดังทันทีราวกับมันต้องการเฉาะกบาลของผมเพราะผมคิดผิดเรื่องประมาทไอ้ไนท์
ผมกระแอม พยักหน้ารับรู้ แล้วก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง
ไอ้ไนท์ในชุดนิสิตถูกระเบียบเป๊ะทั้งเนคไททั้งสแลคขาเดฟ(อันนี้ไม่ถูกเท่าไหร่)กำลังนั่นสั่นขาบนเก้าอี้รับแขกด้วยท่าทางหงุดหงิด ที่แปลกตาไปกว่านั้นคือมันห้อยป้ายชื่อ TRIANEE เอาไว้ด้วย
มึงทำเหมือนมึงโดนบังคับมา แต่ทุกอย่างบนตัวมึงคือพร้อมเป๊ะราวกับรอคอยมานานคืออะไรวะครับ ???
“มาแล้วเหรอ”
พอผมมาถึงมันก็เดินตึงตังเข้ามาหาพร้อมๆกับกระชากคอเสื้อ ให้ตาย พนักงานคนอื่นมาเห็นคงขำ
เด็กฝึกงานกำลังจะข่มขวัญเจ้าของบริษัท “มึงคิดอะไรของมึงไม่ทราบฮะ ไอ้เหี้ย!”
“สัด ปล่อย” ผมด่าแล้วกระชากมือของมันออกไป กระชับเสื้อให้กลับมาคงรูปเดิม
“มึงจะแกล้งกูเหรอ กูไม่ขำด้วยนะ”
ท่าทางมันซีเรียสมากและดูเหมือนจะสะกดความโกรธแค้นมานาน ผมอึ้งนิดหน่อยที่เห็นเด็กอย่างมันทำหน้าจริงจังเป็นครั้งแรก ทั้งจริงจังทั้งโกรธจัดจนมือไม้สั่นหน้าแดงไปหมด
“กูเปล่า”
“มึงแกล้งกูชัดๆ”
“แล้วมึงไม่ชอบรึไงที่จู่ๆ . . ก็ได้ใกล้ชิดกับพี่อาร์ตของมึงอีกครั้ง”
“มึงไปรู้อะไรมา!!!”
“ไม่ได้รู้อะไรทั้งนั้น แค่ทุกอย่างมันสอดคล้องกันจนเดาได้ง่ายๆ” ผมพูดเสียงเรียบ “มึงละเมอออกมาตอนที่มึงเมา แค่ไม่กี่คำนั่น กูก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
“คนอย่างมึงจะไปรู้เรื่องอะไร” มันกัดฟันด่า กระชากป้ายชื่อออกจากคอแล้วเอามาฟาดหน้าผม “กูไม่ทำ!!!!”
ผมยิ้มอย่างโคตรชั่ว ราวกับว่าสิ่งที่มันเพิ่งฟาดหน้าผมไปไม่ทำให้ผมเจ็บเลยสักนิด “จริงๆแล้วมึงก็อยากให้เขากลับมาไม่ใช่เหรอ . .”
มันชะงัก
“ . . ทำไมไม่ลองใช้โอกาสนี้ดูล่ะ”
“มึงมัน . . เสือกแท้ๆ” ไนท์ชี้หน้าด่าผมอย่างหงุดหงิด
“เฮ้ กูเป็นบอสของมึงนะ” ผมเตือนสติมัน “หยิบป้ายชื่อตัวเองขึ้นมาและก็ห้อยซะ”
ราวกับผมดูออกว่ามันกำลังจะทำตามเงื่อนไขของผม
“กูต้องอยู่แบบนี้อีกนานเท่าไหร่”
“ก็ . .” นานเท่าไหร่ดีวะ “ . .เดี๋ยวจะบอกอีกทีละกัน” โทษทีกูคิดไม่ทัน
“มึงแกล้งกูชัดๆ”
“แถวบ้านเขาเรียกให้โอกาสมึงกับเขาต่างหาก”
“เสือกจริงโว้ย”
“อันดับแรก . . มึงต้องพูดดีๆกับกูก่อน”
“ถ้ากูไม่ทำล่ะ”
“มึงก็ต้องอยู่กับกูนานขึ้นไง”
“ไอ้ . .”
“ตกลงจะพูดดีๆได้รึยัง”
“ . . คะ ครับ” ท่าทางของมันดูเหมือนไม่อยากพูดโคตรๆ . . ถึงมันจะทำแบบนั้นแต่ผมก็กุมชัยชนะอยู่วันยังค่ำเลยไม่ได้ถือสาอะไรมากมาย “แล้วตกลงกูต้องทำอะไรบ้าง” นั่นไง คนอย่างมันจะพูดดีเกินสองวิมั้ยเนี่ย . .
“ก็ทำเหมือนเด็กฝึกงานที่นี่ทั่วไป”
“แล้วมันต้องทำอะไรล่ะ เกิดมาไม่เคยเป็นเด็กฝึกงาน”
“สั้นๆง่ายๆ . . เบ๊”
“ว่าไงนะ”
“ก็พนักงานเค้าสั่งอะไรมามึงก็ต้องทำทุกอย่าง ไม่ยากหรอกน่า” ผมเดินอ้อมข้างหลังไปนั่งเอาขาขึ้นมาพาดโต๊ะอย่างผู้มีอำนาจ
“เช้าๆอย่างนี้พนักงานยังไม่มา เพราะงั้นอันดับแรก . . มึงไปชงกาแฟมาให้กูก่อนไป”
“เรื่องอะไร” ไนท์โวยวายทันที
“ถามสูตรจากคุณจิ๊บนะ”
“ไอ้ . .”
“เฮ้!” ผมเอามือตบๆที่อกตัวเองให้มันรู้สถานะของผม ไม่ได้มีป้ายเหมือนพนักงานคนอื่นเลยไม่ได้ตบที่ป้าย ไอ้ไนท์กำหมัดแน่นเพราะมันไม่สามารถทำอะไรคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของมัน มันเดินออกไปจากห้อง โคตรกระทืบเท้า โคตรเสียงดัง ส่วนผมหลุดขำอย่างเดียว ถ้าผมปราบพยศไอ้ไนท์ได้ล่ะก็ . . มันจะเป็นอะไรที่ผมมีความสุขมาก
ผมค่อยๆย่องไปส่องผ่านทางประตูว่าไอ้ไนท์มันจะทำได้รึเปล่า ผมเห็นมันกำลังฟังคุณจิ๊บอธิบายสูตรกาแฟที่ผมชอบดื่มให้มันฟัง มันฟังแล้วก็เบ้ปากราวกับสูตรกาแฟของผมมันยากยังไงยังงั้น ยากตรงไหน . . ก็ใช้สูตรสามสามหนึ่งอ่ะ (กาแฟสาม คอฟฟี่เมทสาม น้ำตาลหนึ่ง)
แล้วมันก็เดินไปทำกาแฟให้ผม ระหว่างทางผมเห็นมันสวนกับไอ้อาร์ตแผนกบัญชีด้วย พวกมันมองหน้ากันแล้วไอ้ไนท์ก็รีบเดินหนีไปแบบจ้ำอ้าวชนิดที่ว่ากลัวกาแฟของผมจะหายไปหรือยังไงกัน
จนกระทั่งผมได้กาแฟ . . ตอนมันเดินกลับมาผมเกือบเดินกลับเข้ามานั่งที่ตัวเองไปทัน แหมะ . .เกือบเสียมาดไปซะแล้ว
“ได้แล้ว” ตึง! มันวางลงบนโต๊ะจนของเหลวในแก้วแทบจะกระฉอกออกมารดเอกสารของผม
“จะแดกได้มั้ย”
“ไม่แดกก็เททิ้งสิครับ ผมขอตัว” มันพูดรัวเร็วแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
“จะไปไหน”
“มีพี่คนหนึ่งเค้าให้ผมไปซีรอกซ์เอกสาร”
“ใคร”
เร็วโคตร . .พนักงานของผมขี้เกียจขนาดนั้นเลย . . แค่ไอ้ไนท์เด็กฝึกงานเดินไปเดินมาไม่ถึงสิบนาทีก็โดนใช้งานซะแล้ว
“คุณเสือกอยู่นะครับ”
“อย่ามากวนตีน”
“พี่อาร์ตครับ”
พูดจบไนท์ก็เดินออกจากห้องไป . . ผมจับช้อนมาคนกาแฟแล้วก็คนอยู่อย่างนั้น . . ไอ้อาร์ตเรียกไอ้ไนท์ไปช่วยงาน . . แสดงว่ามันกำลังหาโอกาสเพื่อที่จะกลับมาคุยกันอยู่สินะ
กาแฟเป็นหมันเพราะผมลุกออกไปส่องบรรยากาศข้างนอกอีกแล้ว . . ไอ้ไนท์รับเอกสารจากไอ้อาร์ตแล้วเดินหนีไปซีรอกซ์ให้ ทิ้งให้ไอ้อาร์ตมองตามตาละห้อย . .
บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกัน . . อีกฝ่ายก็อย่างกลับไปชิบหายถึงขนาดเมาแล้วพร่ำเพ้อละเมอหาส่วนอีกคนก็กำลังจะหาโอกาสง้ออีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน
แน่นอนผมเป็นคนสร้างโอกาสนั้นให้พวกมันเอง . . แต่ไม่รู้ว่าทำไม . . เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดอยู่ลึกๆ . .
จู่ๆความรู้สึกนั้นมันก็เกิดขึ้นมา . . แบบที่ผมเองก็ควบคุมมันไม่ได้ . .
“เดี๋ยวนะครับ . . ที่คุณพูดเมื่อกี้ . .”
“มังกร ไปอยู่กับย่า ที่อเมริกาเถอะ”
“แล้วแด๊ดล่ะครับ จะให้ผมทิ้งแด๊ดไปเหรอ . .”
“เรื่องนั้น . .”
“คุณทำให้ผมต้องอยู่โดยเชื่อว่าคุณตายไปแล้วมาสิบกว่าปี แล้วจู่ๆคุณก็โผล่มา คุณไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย นั่นทำให้คนที่เขาบอกว่าเป็นย่าของผมถึงกับหน้าซีดอย่างตื่นตะลึง และดูเหมือนว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าผมต้องตอบอะไรอย่างนี้ออกไปแน่ๆ
“. . .”
“ผมไม่ทิ้งแด๊ดไปไหน . . และอีกอย่างหนึ่ง . .” สายตาของผมมองไปยังเจ้านายที่กำลังมองมาที่ผมอย่างเป็นกังวลอยู่ไม่ไกล . . “ . .ผมก็จะไม่ทิ้งอีกคนหนึ่งไปไหนไกล . .เช่นกัน”
ผู้หญิงคนนั้นกำมือแน่น แล้วเม้มปาก “สักวัน . . ย่าเชื่อว่ามังกรจะเปลี่ยนใจ”
เธอเป็นย่าของผมก็จริง แต่เธอก็ไม่ได้อยู่กับผมมาทั้งชีวิต
เธอไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไง . .
“ไว้ย่าจะมาใหม่ อ้อ . .” เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันมาหาผมก่อนจาก “. . บอกอีตาเมฆให้กินยาที่ส่งไปให้ด้วยนะ เลิกหยิ่งได้แล้ว และก็ไปหาหมอซะบ้าง”
“แด๊ดเป็นอะไรครับ”
ผมถามตามหลังเธอ แต่เธอก็ไม่ตอบ ทิ้งให้ผมนั่งอยู่ตรงนั้นและก็เริ่มคิดมากว่าพ่อบังเกิดเกล้าของผมมีอะไรทีปิดบังผมอยู่หรือเปล่า
ผมเดินกลับมายังรถเข็นที่มีเจ้านายกับแอร์ยืนรออยู่ แด๊ดไม่รู้ว่าคุณย่ามาเพราะเอาแต่ตักน้ำเต้าหู้ใส่แก้วและใส่ถุงมือเป็นระวิง
“เป็นอะไรรึเปล่า” เจ้านายถามทันที ใบหน้าเขาดูเป็นห่วงผมมาก
“คนนั้นใครวะ หน้าคล้ายมึงเวอร์” แอร์ก็ส่งเสียงมาถามเหมือนกัน
แต่ผมยังไม่ตอบคำถามของเขาทั้งสองคน . . ผมเดินไปหาบุพการีของผมและยิงคำถามไปให้
“แด๊ด”
“ว่าไงไอ้มัง นี่พวกเอ็งจู่ๆก็ไม่ขายของกันเป็นอะไรกันไปหมดฮะ”
“แด๊ดมีอะไรปิดบังผมอยู่รึเปล่า”
นั่นทำให้พ่อของผมมีสีหน้าพิรุจทันที
“ปิดบังอะไร”
“เรื่องสุขภาพ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ”
“แด๊ด”
“ไปทำงาน . . อย่าทำให้ลูกค้าอารมณ์เสีย”
ผมรู้นิสัยพ่อผมดี ซักไซ้ไล่เลียงตอนนี้ก็มีแต่จะเลี่ยงไม่ตอบคำถาม . .
ผมจึงทำงานต่อ โดยที่ในใจยังเป็นกังวล ปกติผมเป็นคนไม่แสดงอะไรออกไปทางสีหน้า แต่ทว่าครั้งนี้ผมห้ามมันเอาไว้ได้ยากเหลือเกิน . .
“มึง . .” เจ้านายที่สังเกตผมอยู่นานเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้ “ . . ไม่เป็นไรใช่มั้ย ไม่มีอะไรใช่มั้ย”
ผมไม่อยากโกหก แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง . .
“ไม่มีอะไร”
“ผู้หญิงคนนั้นเขาจะเลี้ยงมึงเหรอ เขาจะเอามึงไปเป็นสามีเด็กลับๆใช่มั้ย”
จากที่ซีเรียสอยู่ผมถึงกับต้องหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“ว่าไงนะ”
“ก็มึงมีแฟนคลับเยอะอ่ะ ดูดิ ตอนนี้ทุกคนก็ยังไม่เลิกจ้องมึงเลย . .” เจ้านายพยักเพยิดไปที่ลูกค้าสาวๆที่กำลังมองมา ราวกับผมเป็นนักร้องบนเวทีและมีคนจ้องมาทุกคน
“เขาจ้องมึงมั้ง”
“ไม่เลยเหอะ!” เจ้านายโวยวาย “ขนาดกูไปเสิร์ฟนะแม่ง มองข้ามกูทุกคนเลย ไม่รู้ทำไมมีแต่คนถามหาแต่มึง กูเซ็ง . .”
“ไม่ชอบเหรอ มีแฟนหล่อ”
“ก็ . .” เจ้านายสะดุดกับคำพูดผม “มึงหล่อตรงไหน ไม่เห็นหล่อเลย เชี่ยแม่งอวยตัวเองว่ะ”
“ถ้างั้นจะพิสูจน์ให้ดู”
“อะไร” เจ้านายตกใจที่ผมทำท่าจะเดินเข้าไปหาลูกค้าสาวๆ
“โต๊ะนั้นมีผู้หญิงห้าคนใช่มั้ย”
“เออ นับเลขเป็น”
“จะขอเบอร์มาให้ได้ทุกคนเลยคอยดู”
“ไอ้เหี้ย” ผมโดนเจ้านายกระทืบเท้าใส่แบบไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นทำให้ผมต้องอุทานแล้วก็คลำหัวแม่โป้ง ตรวจสอบสุขภาพของมันดูว่ามันยังอยู่ดีมั้ย . . “ไม่ต้องพิสูจน์ไรแล้ว หล่อก็หล่อ มึงหล่ออออ ไอ้หล่อออออออ พอใจยังฟาย”
“ครับๆ พอใจแล้ว”
ไม่น่าหางานมาให้ตัวเองเลย เจ้านายเบะปากใส่ผมแล้วเดินไปทำหน้าที่ต่อ . .
ผมรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย . . ไม่ใช่เพราะใครแต่เป็นเพราะเจ้านายใช่มั้ย . .
บางทีความทุกข์มันก็มักจะมาพร้อมกับความสุข โดยที่เราไม่รู้ตัว . . ผมขอบคุณเจ้านายที่ทำให้ผมหายกังวลขึ้นมาได้นิดนึง . .
“แด๊ด แด๊ดบอกได้มั้ยว่าแด๊ดปิดบังอะไรอยู่” ผมถามในเช้าวันต่อมา วันที่ผมต้องไปเรียนที่มหาลัย และเป็นวันที่พ่อของผมต้องขายของต่อที่ร้านใต้ถุนบ้าน
“เอ๊ะไอ้นี่ . . ก็บอกว่าไม่มีอะไรไง” แด๊ดดูรำคาญผมมาก “เอ็งไปฟังใครเค้ามา”
“คนนั้นเค้าบอกว่าเค้าเป็นย่าของผม”
“ฮะ” แด๊ดตกใจมาก “ย่าเหรอ . . แม่มดอ่ะนะ”
“หืม?”
“แม่มด อ๋อ แม่มดคือแม่ข้าเอง” แด๊ดพูดถึงแม่ตัวเองราวกับตัวเองเป็นเด็ก “ไปเจอกับแม่มดตอนไหน”
“เมื่อคืน”
“เมื่อคืน . . ทำไมข้าไม่รู้ล่ะ”
“ก็แด๊ดทำงานอยู่นี่นา”
“คราวนี้แม่มดต้องการอะไร”
“เค้ามาหาแด๊ดหลายครั้งแล้วเหรอ”
“ที่จริงก็ไม่เยอะหรอก แต่มาทุกครั้งมีเรื่องตัวเองต้องการทุกครั้ง”
. . ผมกลืนน้ำลายฟังอุปนิสัยของคุณย่าของตัวเอง “เค้าบอกอยากให้ผมไปอยู่ด้วย"
“เอ็งอยากไปมั้ยล่ะ” แด๊ดดูไม่ตกใจเลยกับเรื่องนี้
“ใครจะอยากไป ใครจะอยากจากแด๊ด”
“หึ ไอ้ลูกรัก” พ่อบังเกิดเกล้าของผมคว้าคอของผมลงมาแล้วก็เอามือเขกหัวผม เหมือนมิซาเอะเขกหัวชินจัง “ข้านึกว่าเอ็งชอบความสะดวกสบายซะอีก”
“ถ้าเค้าจะซื้อโมเดลเดอะฮัลค์ตัวใหญ่เท่าบ้านให้ ผมอาจจะเปลี่ยนใจ”
โป๊ก! คราวนี้ผมโดนผู้มีพระคุณเขกหัวอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง โคตรเจ็บเลย . . คนนี้เป็นคนเดียวล่ะมั้งที่เขกหัวผมได้ อ้อ มีเจ้านายอีกคน แต่โชคดีหน่อยที่คนหลังไม่เคยเขกหัวผม เคยแต่ต่อยอย่างเดียว
“ไอ้ลูกเหี้ย”
“ตกลงแด๊ดจะบอกได้หรือยัง ว่าแด๊ดเป็นอะไร”
“. . .” แด๊ดดูลังเลที่จะบอก
“แด๊ด ผมลูกแด๊ดนะ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน พ่อลูกไม่มีอะไรจะต้องปิดบังกัน”
“เฮ้อออออออออ” พ่อของผมถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเดินไปหยิบถุงยามาให้ผม “อย่าตกใจ อย่าคิดมากล่ะ”
ผมรับถุงยามาด้วยมือที่สั่นงันงก . . ในห้าวิที่ผมเปิดถุงยาออกดูยายาภายในนั่นผมคิดไปต่างๆนานาว่าแด๊ดจะเป็นอะไรที่หนักหนามั้ย . . ผมกลัวว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“แด๊ด”
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าคิดมาก”
“ทำไมไม่บอกผม”
“. . .”
“ทำไมเพิ่งจะมาบอกผม!!!!!” “ . . ข้าไม่อยากให้เอ็งต้องกังวล”
“. . . ”
“สนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะนะ เรื่องของข้า ข้าจัดการเอง”
“. . แด๊ด”
ผมยืนนิ่งช็อคแผงยาที่ผมเอาออกมาจากถุง ยืนแข็งทื่อและตัวชาอยู่อย่างนั้น
. . แด๊ดเป็นโรคหัวใจ