ร้ายที่ 30 คบกับเจ้านายมาได้หนึ่งอาทิตย์ . .
ผมเพิ่งรู้ความจริงที่ว่าเจ้านายไม่ใช่คนโวยวายหรือนักเลงอะไรเท่าไหร่เลย สิ่งที่เขาแสดงออกไปนั้นดูเหมือนเป็นเพียงแค่เปลือกนอก ตัวจริงของเจ้านายนั้นติดจะขี้อ้อนน่ารักเอาแต่ใจหน่อยๆ ซึ่งผมคิดว่าน้อยคนนักจะได้เห็นเจ้านายในมุมนี้ ผมคงเป็นคนที่โชคดีสุดๆที่ได้มาเห็นสินะ
นั่นทำให้ผมมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนแสดงออกไม่ค่อยเก่งก็เถอะ แต่ผมก็มีความสุขมาก มากจนลืมไปว่าที่ผ่านมาผมจมอยู่กับอดีตมานานแค่ไหน
แมทคงส่งเจ้านายมาให้ผมจริงๆ . .
วันนี้ . . ผมที่ช่วยงานแด๊ดจนเสร็จประมาณสี่โมงเย็น ผมก็มาหาเจ้านายที่คอนโด ผมมาที่นี่ทุกวันจนกลายเป็นเรื่องเคยชินตั้งแต่ที่ยังไม่ได้คบแล้วเพราะมาหาไอ้แมท เรียกได้ว่าแค่ยามเห็นผมเขาก็นึกว่าผมอยู่คอนโดนี้ ทั้งๆที่ผมไม่ได้อยู่
พอผมถึงห้องผมก็เปิดประตูเข้าไปได้เลยเพราะผมมีกุญแจ ห้องเงียบมากเลย หรือว่าเจ้าของห้องจะยังไม่ตื่นหว่า ผมเดินเข้าไปวางน้ำเต้าหู้สดใหม่ที่แอบจิ๊กมาจากแด๊ด ที่จริงตอนเช้าผมก็มาทีนึงแล้วเจ้านายก็กินไปแล้วด้วย ตกเย็นผมก็มาอีกที มาจนไอ้แอร์แซวว่าผมติดราชินีของพวกมันเหลือเกิน . .
ผมติดเหรอ ไม่มั้ง . . แค่มาหาเช้าเย็นวันละสองเวลาเอง ถ้าเป็นวันมีเรียนก็มาขับรถให้แต่เช้าตกเย็นก็ขับรถมาส่ง แล้วก็กลับบ้านตัวเอง . . ผมติดมันเหรอ ?
“นาย” ผมเรียกหา มองซ้ายมองขวาในห้องนั่งเล่นที่มีทีวีก็ไม่มี ในห้องครัว ห้องกินข้าวก็ไม่มี ผมเลยเดินเข้าไปในห้องนอน . .ที่แท้ก็นอนอยู่นี่เอง
เห้ย . . ผมหันหน้าหนีแทบจะไม่ทัน มันใส่กางเกงบ๊อกเซอร์บางโคตรนอนถ่างขาอล่างฉ่างไม่แคร์คนบนโลก ผมกลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงส่วนที่นูนขึ้นมานิดๆตอนที่ผมมองเมื่อตะกี้ . . ให้ตาย . . นี่นอนยั่วกันเรอะ
แต่เจ้านายคงไม่ได้ตั้งใจหรอกมั้ง . . ผมถอนหายใจค่อยๆเดินไปห่มผ้าห่มให้ ขาอ่อนที่ผมต้องมองอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้นจำเป็นต้องเข้ามาอยู่ในคลองสายตาของผม ผมพยายามหลับตาแล้วก็ลืมๆมันซะ
ความจริงอีกเรื่องที่ผมรับรู้ . . คือเจ้านายขนบางมากดูผ่านๆเหมือนแทบจะไม่มี
ตลอดช่วงเวลาที่คบกันผมกับเจ้านายยังไม่มีอะไรมากไปกว่าการจับมือ ถึงแม้มีบางทีที่ผมอยากจะทั้งหอมทั้งกอดทั้งจูบทั้ง . . ทั้งอย่างนั้นแหละครับ แหมะ ผมเป็นผู้ชายนะ ผมก็ต้องมีความต้องการเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่จริงๆแล้วผม . . เขิน ใช่ครับ ผมเขิน ผมขอยอมรับแบบลูกผู้ชาย ผมเป็นคนแสดงออกไม่เก่งแทบจะไม่แสดงออกเลย การที่จะให้ผมไปกอดจูบลูบคลำ ทำอะไรหวานๆ . . ผมก็ไม่ค่อยกล้าน่ะ
พอห่มให้เท่านั้น เจ้านายก็เตะผ้าห่มออก มิหนำซ้ำยังนอนตะแคงกอดหมอนข้างด้วยท่าที่ผมสามารถบอกได้เลยว่าทำใจผมสั่นแค่ไหน . .
ไม่ไหวละ อย่างนี้ต้องปลุก . .
“นายๆ ตื่นได้แล้ว จะห้าโมงเย็นละนะ” ไม่ใช่อะไร ผมจะปลุกเขามากินข้าวเย็น วันนี้ผมสัญญากับเขาไว้ว่าจะพาไปกินข้าวร้านที่เขาอยากกินน่ะ เพราะหกโมงเย็นผมต้องไปช่วยงานแด๊ดที่ตลาดนัดตอนกลางคืน
“อืออออ” มันส่งเสียงตอบมาว่าอย่างนั้น พลิกตัวไปมา ให้ตาย . . ไอ้สิ่งนูนๆนั่นกระแทกสายตาของผมอีกแล้ว ผมเลยหลบมันซะ
“กี่โมงแล้ว”
“สี่โมงกว่าๆ”
พอผมตอบเจ้านายก็พลิกตัวแล้วก็นอนต่อทันที ไม่รู้ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน ทำไมขี้เซาจังวะ “ตื่นได้แล้วนะ นี่ถ้าช้ากว่านี้จะพาไปกินข้าวไม่ได้ละนะ”
“อือออ รู้แล้วๆ ลุกก็ได้” ของกินสำคัญเสมอสำหรับเขา “แล้วมึงไปยืนทำไมตรงมุมนั้นวะ”
“ฮะ เอ่อ เปล่า” นี่ผมหลบมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ
เจ้านายเกาหัวอย่างคนสะลึมสะลือ ดึงผ้าห่มออก และนั่นก็ทำให้ผมมองไปทางอื่นอีกครั้ง
“มึงเป็นอะไรของมึง”
แฟนผมโคตรช่างสังเกตเลย ให้ตาย . . “เร็วๆเข้า”
“รู้แล้วๆ”
แต่ช่างสังเกตยังไงก็ดีกว่าที่รู้ถึงอาการพิลึกพิลั่นของผม ผมสั่นหัวตัวเองแรงๆแล้วเดินออกมาข้างนอกห้องนอน เพื่อให้เจ้านายได้เปลี่ยนชุดตามใจตัวเอง
ปรากฏว่าเขาไม่ยอมเปลี่ยน . . แม่งเล่นเดินทั้งบ๊อกเซอร์เบาบางทั้งอย่างนั้นมากินน้ำข้างนอก ผมมองด้วยความตกตะลึง ขาอ่อนขาวแสบตาที่ไม่ค่อยมีขน กับสิ่งที่อยู่ภายใต้บ๊อกเซอร์นั่นที่มองแป๊บเดียวก็ดูรู้ว่าคืออะไรนั่นน่ะ . .
มันตั้งใจจะยั่วกันจริงๆใช่มั้ย ?
“กินน้ำป่ะ”
อยู่ไกลก็ดีแล้ว ทำไมต้องเรียกให้เข้าไปใกล้ด้วยฟะ
ผมส่ายหน้า
“แปลกๆนะมึง ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่สบายเหรอ” เดินเข้ามาใกล้จนอยู่ตรงหน้าแล้วเงยหน้าถาม เขาเตี้ยกว่าผมไม่เท่าไหร่แต่ก็เตี้ยกว่า
“เปล่าๆ”
ดวงตากลมๆแป๋วๆมองมาที่ผมอย่างงุนงงและจับผิด “แน่นะ”
“แน่ครับ” ผมรีบตอบ “รีบไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวจะไม่ว่างพาไปกินข้าวนะ”
“ก็ได้ๆๆ”
ในที่สุดเขาก็เชื่อฟังคำพูดผมสักที ผมกลืนน้ำลายแล้วพยายามไล่ความคิดออกไปจากหัวตัวเองเหมือนคนโรคจิต
และสุดท้ายเจ้านายก็แต่งตัวในชุดที่ไม่ยั่วผมสักที
“พร้อมแล้ว”
ทีนี้เราก็จะได้กินข้าวกัน . . ให้ตายสิ ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยๆยังไงก็ไม่รู้นะ
“ต้องไปช่วยลุงเมฆแล้วเหรอ” เจ้านายดูเหมือนจะหน้าบึ้งเล็กๆตอนที่ผมขับรถมาส่งที่คอนโด
“ไม่งั้นจะเอาเงินมาใช้หนี้นายได้ยังไงล่ะ”
“ไม่ต้องใช้หรอก” เถียงกันเรื่องนี้เป็นครั้งที่สิบกว่าๆแล้วมั้งครับ
“ต้องใช้สิ . . เงินนายตั้งหลายล้าน”
“บอกว่าไม่ต้องไง”
ผมถอนหายใจ ยังไงเจ้านายก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดของผมได้แน่นอน
“ไปแล้วนะ เข้าบ้านดีๆล่ะ”
เจ้านายทำหน้าเซ็งเหมือนไม่อยากจากอย่างเห็นได้ชัดจนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ เวลาผมยิ้มมักจะเป็นเวลาที่อยู่ลับหลังเจ้านายเสมอ เขาจึงมักบอกว่าไม่ค่อยได้เห็นรอยยิ้มของผมเลย
ผมลูบศีรษะเจ้านายเบาๆและก็จะเปิดประตูลงจากรถ แต่โดนมือมือหนึ่งที่แต่ก่อนผมมักจะดึงมือเขาแบบบีบบังคับจับมือผมเอาไว้ซะก่อน
“อย่าลืมโทรหากูด้วย”
“ครับ” ผมหลุดหัวเราะออกมานิดนึง
แต่มือผมยังไม่หลุดออกจากเกาะกุม . .
“มีอะไรอีกรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก”
แล้วเขาก็ปล่อยมือ . . อะไรหว่า . . เมื่อตะกี้ผมแปลกๆคราวนี้เจ้านายมาแปลกกว่าผมซะอีกนะ ผมทำหน้างงๆ มองหน้าเจ้านายที่เม้มริมฝีปาก . .
หรือว่า . .
ใช่ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ผมขอฉวยโอกาสนี้ทำกำไรให้กับตัวเองดีกว่า ผมเลื่อนตัวเองเข้าไปประทับริมฝีปากบนปากบางของเจ้านายก่อนจะแยกออกมา
นั่นทำให้แฟนผมหน้าแดงเจือสีระเรื่อขึ้นมาทันที เขาดูตกตะลึง
“อะไรของมึงนี่!”
“ทำไมอ่ะ ก็นึกว่ารอให้กูทำแบบนี้อยู่”
“ไอ้ . . เหี้ย กูแค่คิดว่าจะขอไปช่วยงานพ่อมึงวันนี้ดีมั้ยต่างหาก”
“อ้าวเหรอ” ผมคิดผิดเหรอเนี่ย แต่ไม่รู้สิ . . ผมได้กำไรไปแล้ว ฮ่าๆๆ “ได้สิ แต่จะไหวเหรอ วันนี้คนเยอะนะ” วันอาทิตย์แบบนี้ . .
“ไหวสิ” เจ้านายรีบบอก “มึงจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากด้วย”
“เอ่อ เอางั้นเหรอ”
“เอางั้นแหละ”
“ก็ได้ๆ”
วันนี้ผมได้ขับเบนซ์ไปทำงานแฮะ . . ท่าทางเจ้านายจะอยากช่วยจริงๆ สงสัยอยู่แต่ในคอนโดคงเบื่อ อีกอย่างแด๊ดของผมก็ถูกชะตากับคุณเจ้านายของแด๊ดไม่น้อย ยิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผมไปมาหาสู่เจ้านายบ่อยก็ยิ่งดีใจ เพราะแด๊ดบอกว่าผมเศร้าน้อยลง ผมจมอยู่กับอดีตน้อยลง
ซึ่งผมคิดว่า . . ผมน่าจะเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ที่ผมรู้จักคนทื่ชื่อเจ้านาย
ถึงร้านตอนเกือบหกโมงเย็น เจ้านายก็เดินนำหน้าผมไปและผมเองก็เดินตามด้วยความเคยชิน แต่ทว่า . .
“ร้านอยู่ไหนวะ”
“ตรงนั้น” ผมชี้มือไป
“ตรงไหน”
ท่าทางจะไม่ได้เรื่องได้ราวแน่ๆ ผมเลยถือโอกาสจับมือพาเจ้านายเดินไปหาแด๊ด เพื่อที่มันจะได้เร็วขึ้น
ผมเห็นแด๊ดก้มหน้าก้มตาอยู่หน้ารถเข็นแต่ไกล ร้านนี้ถ้าจะมีลูกมือล่ะก็ก็คงเป็นผมกับเพื่อนนี่แหละ แต่วันนี้ดูท่าจะมีลูกมือคนใหม่ และอีกอย่างหนึ่งไอ้ไนท์ช่วงนี้ก็หายตัวไปเหลือเพียงแต่ไอ้แอร์ที่โบกมือทักทายผมหยอยๆอยู่นั่น
“แด๊ด โทษทีมาช้า” ผมบอกพ่อบังเกิดเกล้า “วันนี้มีคนมาช่วยแด๊ดด้วยนะ”
“โอ๊ะ คุณเจ้านาย” แด๊ดทำทัพพีตกอย่างคนตกอกตกใจ ทำไมภาพนั้นดูคล้ายๆผมแปลกๆแฮะ “วันนี้อยากมาช่วยเหรอครับ”
“หวัดดีครับลุงเมฆ”
“แหมะ วันนี้มันร้อนด้วยนะ ไอ้มัง ทำไมเอ็งไม่ห้ามเค้า”
“ผมห้ามแล้วนะ” ผมบอกแด๊ด
“ผมอยากช่วยจริงๆครับลุง ไม่เป็นไร”
ไม่มีใครในตระกูลผมขัดใจเจ้านายได้เลยในตอนนี้ . . ทุกคนเลยจำใจต้องปล่อยให้เจ้านายมาช่วย ซึ่งผมเองก็จัดแจงให้เจ้านายนั่งเฉยๆไปก่อนเพราะลูกค้ายังไม่แน่น แต่ยิ่งดึกยิ่งแน่น ตอนนั้นคงจะถึงเวลาที่เจ้านายจะได้มาช่วยผมสักทีละ
“วันนี้พกเมียมาด้วยเหรอ” แอร์เข้ามากระซิบตอนที่ผมพันผ้ากันเปื้อนให้ตัวเอง
“เมียเหี้ยไร แฟน”
“อ้าว นี่ยังอีกเหรอ”
“ยังไรของมึง”
“เผด็จศึกไงสัด” “ไอ้ . . ตัณหากลับ” ผมด่ามัน
“เฮ้ย เสียชื่อราชาแห่งมอXXหมด ใครรู้เข้าอายเขาตายเลย” มันทำราวกับเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย “จัดการสักทีสิวะ คืนนี้เลย”
“เหี้ยอะไร กูคบเค้ากูไม่หวังเรื่องอะไรแบบนั้น”
“หึ . . จะดูว่ามึงจะทนได้นานแค่ไหน”
พอมันพูดจบผมก็ไม่ลังเลที่จะเตะตูดมันอย่างแรงทันทีเพื่อตัดความรำคาญ แม่งยังไม่เลิกทำหน้าล้อเลียนใส่ผมอีก
ผมก็ทำหน้าที่ของผมคือเสิร์ฟน้ำเต้าหู้บ้าง ตักใส่ถุงให้ลูกค้าบ้างตามปกติเท่าที่เคยทำ แต่ดูเหมือนจะไม่ปกติตรงที่มีคนนั่งอยู่ข้างหลังไม่ไกล กำลังพัดให้ตัวเองท่าทางจะร้อนไม่เบา
“ร้อนเหรอ”
“ไม่ๆๆ”
“ร้อนต่อไปนะ”
ผมแอบแวะไปกวนตีนเพื่อที่จะทำให้เขารู้ว่าผมทำงานแต่ผมก็ยังไม่ลืมเขา เจ้านายค้อนใส่ผมวงเล็กๆแต่ท่าทางไม่ได้ถือสาอะไรมาก ผมแอบยิ้มให้กับตัวเอง และดันซวยตรงที่ไอ้แอร์มาเห็นพอดี
“โอ้ย ตายๆๆ พ่อคนอินเลิฟ พ่อสิงโตติดเมีย . .”
“มึงไม่มีงานมีการทำรึไงวะ ไปไกลๆตีน”
ผมต้องทำงานไปมองเจ้านายไปแต่ดันมีมารมาคอยล้อเลียน ซึ่งยิ่งมันล้อผมมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งรู้ความจริงที่ว่าผมเริ่มจะติดเมียอย่างที่ไอ้แอร์มันพูดจริงๆ . .
เมื่อไหร่มันจะให้ผมทำงาน . .
ผมไม่ยอมนั่งแดกยุงเฉยๆหรอกนะ ลูกค้าก็เยอะแยะแถมงานก็ดูหนักหนาทำไมไม่ยอมให้ผมช่วยสักที อีกอย่างผมเห็นไอ้มังกรกับไอ้แอร์แอบอู้งานดอดไปคุยไรกันไม่รู้กระซิบกระซาบนั่นยิ่งทำให้ผมเซ็ง เพราะลูกค้าก็มีเต็มร้านแต่พวกมันเสือกจะคุยเล่นกันระหว่างงานมันมีอย่างที่ไหน
“อันนี้โต๊ะไหนครับ” ขี้เกียจรอแม่งละ ผมเลยไปถามลุงเมฆ เสนอตัวเพื่อช่วยทันที ลุงเมฆดูไม่กล้าใช้งาน แต่ท้ายที่สุดก็บอกโต๊ะผมแต่โดยดี
ผมเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าสาว จะว่าไปร้านนี้มีลูกค้าสาวๆวัยรุ่นเต็มเลย และส่วนใหญ่ทุกคนจะโฟกัสไปที่ไอ้มังกรกับไอ้แอร์ อีกคนลูกครึ่งอีกคนถึงแม้จะดูจืดๆแต่ก็ดูมีเสน่ห์
“ได้แล้วครับ” ผมแจกยิ้ม
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” เธอรับงงๆ แล้วเธอก็โฟกัสไปที่ไอ้มังกรกับไอ้แอร์ต่อ “โทษนะคะ”
“ครับ?”
“คนนั้นลูกชายเจ้าของร้านใช่มั้ย” เธอชี้ไปหามังกร
“ครับ”
“เขามีแฟนรึยังอ่ะคะ”
ผมที่ถือถาดอยู่แทบจะทำถาดหล่น . .
อยากจะรักษาน้ำใจอยู่นะ แต่ว่า . . “มีแล้วครับ” พูดจบผมก็เดินหนีมาเลย . .
อย่างไอ้มังกรน่ะหาไม่ได้ง่ายๆนะ . .
“เป็นไร หน้ามุ่ยมาเลย” มังกรเดินมาคว้าถาดไปจากมือผม
“มึงนั่นแหละ”
“อะไร กูทำไม”
“ชอบทำเท่นักแม่ง” พาลไปทั่วแล้วครับตอนนี้
“ฮะ?”
“ช่างเหอะ แต่ถ้าเป็นลูกค้าโต๊ะนั้น . .” ผมพยักเพยิดไปที่ลูกค้าสาวที่กำลังจับจ้องมาที่พวกเราท่าทางช็อคสุดขีด “. . ให้กูไปเสิร์ฟเอง”
“อ๋อ อื้อๆๆ” มังกรเกาหัว ดูงงเป็นที่สุด
พอจบจากโต๊ะนั้นก็มีโต๊ะอื่น พอผมไปเสิร์ฟนะแม่งไม่ได้สนใจไรผมเลย กรี๊ดกร๊าดแต่ไอ้ลูกครึ่งคนเดียวทั้งร้าน ไม่ว่ามันจะทำอะไรขยับไปทางไหน ก็มีคนแอบกรี๊ดแอบถ่ายรูป จะบ้าตาย นี่หนูๆไม่มีการบ้งการบ้านส่งพรุ่งนี้รึยังไง . .
ผมไม่ได้อิจฉามันเลยสักนิด . . ผมกำลังหวงมันต่างหาก
“นี่ถ้าเหนื่อยพักก่อนก็ได้นะ” มังกรพูดอย่างเป็นห่วง
“เปล่าไม่ได้เหนื่อยเลย”
“เดี๋ยวกูช่วยเสิร์ฟเอง”
“มึงไปช่วยงานแด๊ดมึงทางนู้นไป . .”
ผมไล่มัน ช่างน่าสงสารที่ผมหวงมันแต่มันไม่มีทางรู้ คนที่รู้ดีที่สุดเห็นจะเป็นแอร์ที่เอาแต่ขำลูกเดียวไม่รู้ว่าแม่งอารมณ์ดีอะไรนักหนา
มีลูกค้าใหม่เข้ามานั่งโต๊ะ เดินเฉิดฉายโชติช่วงเป็นนางพญามาก ผมค่อยๆเดินเข้าไปรับลูกค้าอย่างนอบน้อม
“โต๊ะนี้ยังว่างครับ”
มากี่คนก็ว่างโต๊ะเดียวนี่แหละ ขออภัยด้วยเด้อ เธอดูมีอายุมากแล้วแต่ด้วยน้ำหนักเงินจึงทำให้เธอดูไม่ค่อยแก่เท่าไหร่ สังเกตจากรองเท้าเมทาลิกสีมันวาวกับชุดเดรสสีดำและกระเป๋าแบรนด์เนมราคาก็เอ่อ . . หกหลัก
เธอมากับคนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นเลขาของเธอ . . มาติดต่อธุรกิจอะไรกันในร้านน้ำเต้าหู้นี่รึเปล่าหว่า . .
“ขออนุญาตรับเมนูครับ” ผมพูดขึ้นมาอย่างกระฉับกระเฉง
เธอปัดมือใส่ผมราวกับไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นหรือไม่ก็อีกนัยหนึ่งก็คือ . . ให้ผมไสหัวออกไป
ทำท่าแบบนี้กับคนอื่นมาเยอะ เจอกับตัวเองเข้าผมถึงกับมึน
“ไปเรียกมังกรมาหาฉัน”
ฮะ นี่ก็แฟนคลับมันอีกคนเหรอ ให้ตายสิ . . ป้าครับ ป้าแก่แล้วนะ . . ขอร้องล่ะ แค่ต่อสู้กับเด็กสาวๆผมก็เหนื่อยแล้ว นี่จะต้องมาไฝว้กับคุณป้ากระเป๋าหนักผมไฝว้ไม่ไหวจริงๆนะ
ผมนี่คิดอะไรไร้สาระดีแท้ . .
“ว่าไงนะครับ?”
“ไปเรียกมังกรมาหาฉัน . . ถ้าจะให้ดีอย่าให้อีตาเมฆโผล่หัวมาให้ฉันเห็น”
เอ่อ นี่มันเรื่องใหญ่นิดๆแล้วนะ . . ผมกลืนน้ำลายน้อมรับคำสั่งของเธอ เพราะดูยังไงเธอก็ไม่ใช่แฟนคลับแม่ยกรุ่นใหญ่ของไอ้มังกรแน่นอน และท่าทางกำลังมีเรื่องซีเรียสมากๆด้วย
“มังกรๆ” ผมเดินไปกระซิบข้างหูมังกร “มีคนเค้าอยากพบมึงว่ะ”
“ใครวะ” งานเต็มมือของมันอยู่เลยเพราะกำลังทอดปาท่องโก๋อยู่ . .
“ไม่รู้สิ ท่าทางรวยด้วย ญาติมึงป่ะวะ”
“ฮะ กูมีญาติรวยด้วยเหรอ”
มันคงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตระกูลธวัชพลังกรเลยสินะ . . ผมพยักเพยิดไปทางคุณนายนางพญาที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเราด้วยท่าทางกระตือรือร้นแบบมีมาด
“นั่นไง คนนั้นอ่ะ มึงรู้จักป่ะ”
“ . . คุ้นๆหน้า” มังกรทำหน้าสงสัย “เดี๋ยวมานะ แอร์ มาทอดแทนกูดิ๊”
ไอ้แอร์มีหรือจะไม่ทำตามคำสั่ง มันพยักหน้าแล้วก็มาทอดปาท่องโก๋แทนมังกร แล้วแฟนผมมันก็เดินผ่านหน้าผมไปเพื่อไปหาคนที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นญาติมัน ผมเหลือบมองไปทางลุงเมฆที่ยังคงง่วนอยู่กับการตักน้ำเต้าหู้ใส่ถุงเลยไม่รู้ว่ามังกรโดนลูกค้าเรียกไปคุยด้วย
ทางด้านมังกร
ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างมาก แต่นึกให้ตายยังไงก็นึกไม่ออก ผมเดินเข้าหาเธอแล้วก็ก้มศีรษะให้
“เรียกผมเหรอครับ”
หรือจะเป็นพวกแมวมองที่ผมโคตรเบื่อ . . นี่ผมปฏิเสธไปเกือบสิบรายละนะ . . ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบวงการ มันวุ่นวาย
“นั่งก่อนสิ”
ผมถอนหายใจพลางคิดในใจว่าจะปฏิเสธเธอยังไงดี . . ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“จำย่าได้มั้ย”
“ว่าไงนะครับ”
“นี่ย่าเองมังกร นี่ย่าเอง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและน้ำตาของเธอก็ดูเหมือนจะปริ่มที่ขอบตาด้วย “หลานรักของย่า”
“แม่ของแด๊ดน่ะเหรอครับ”
“ใช่”
“แด๊ดบอกว่า . . ย่าตายไปแล้วอ่ะ” ผมสาบานได้ว่าผมเห็นเส้นเลือดบนหน้าผากของเธอปุดขึ้นมาหนึ่งเส้น . . ก็แด๊ดบอกกับผมอย่างนี้จริงๆตั้งแต่ที่ผมยังเด็ก ผมก็ต้องเชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด . .
“อย่าไปเชื่อในสิ่งที่ไอ้ลูกคนนั้นมันพูดเลยนะหลาน” เธอดึงมือผมไปกุม . . ผมได้รับไออุ่นจากมือนั้น มันถูกส่งมาอย่างประหลาดนั่นทำให้ผมอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “โตแล้วหล่อขึ้นมากเลย”
ผมยังคงงุนงงต่อไป ถึงแม้ว่าผมจะคุ้นหน้าเธอแต่จะทำลายความเชื่อตั้งแต่เด็กของผมนั้นมันต้องใช้เวลา “คุณ . . ใช่ย่าของผมจริงๆเหรอ”
“ใช่สิ นี่ไง” เธอพยักเพยิดไปที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ ท่าทางจะเป็นเลขาส่วนตัวหรืออะไรไม่รู้ คนนั้นเอาแต่จ้องผมอยู่นั่นไม่วางตาแถมยังทำหน้าเคลิ้มนิดๆด้วย “เอาให้หลานชั้นดู”
มันเป็นรูปถ่ายรวมญาติที่ใหญ่บิ๊กเบิ้มโคตรๆ . . ผมนี่ยิ่งดูยิ่งมึนเพราะมีแต่ใครไม่รู้ที่ผมไม่รู้จัก ดูเหมือนจะมีแต่แด๊ดที่ผมคุ้นหน้า และก็ผมที่ตัวเล็กๆนั่งอยู่ตรงข้างหน้าแด๊ด . .
นี่เรื่องจริงเหรอ . .
“ทำไมจู่ๆ . . คุณย่าถึงมาหาผมครับ?”
“เพราะย่า . . คิดถึงหลานไง”
ดูเหมือนจะมีอะไรที่มากกว่าความคิดถึงแฝงอยู่ . .
“มาอยู่กับย่าเถอะนะมังกร . . มาอยู่กับย่า . .”
“ฮะ?”
“ย่าคิดถึงหลานจริงๆ มาอยู่กับย่าเถอะ . .”
“เอ่อ . . คุณย่าครับ”
“ไปอยู่กับย่าที่นู่น . . ที่อเมริกา”