ตอนที่ 13.2“เลิกงอนกูได้แล้ว!”
“เงียบไปเลย!” ผมบ่นไอ้แซคเสียงดังขณะที่เดินอยู่ในหอกำลังจะกลับห้อง
“กูก็บอกไปแล้วไง ว่ากูแค่อยากลองใจมันเท่านั้น”
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย แล้วไปต่อยมันทำไม?”
“ก็มันทำมึงก่อนนี่”
ผมเงียบ พอคิดย้อนไปก็เข้าใจว่าทำไมไอ้แซคถึงโกรธขนาดนั้น
“รองเท้าใครวะ?” ไอ้แซคถามเมื่อเห็นว่าหน้าห้องของผมมีรองเท้าวางอยู่คู่นึง
“ไอ้ยักษ์คงกลับมาแล้ว”
ในตอนนั้นเองไอ้ยักษ์ก็เปิดประตูออกมาพอดี
“กูกำลังจะโทรหาพอดีเลย แต่ได้ยินเสียงมึงซะก่อน” ไอ้ยักษ์บอกแล้วหันไปไหว้ไอ้แซค
“หลบดิ!” ผมบอกแล้วรีบเดินเข้าไปในห้อง
“เป็นอะไรวะ?”
“มันงอนกู”
“งอนเรื่องอะไรกันอ่ะ?”
“ไว้ก่อน ขอเคลียร์กับมึงก่อนเรื่องมันก่อน ที่ตกลงกันไว้คือมีอะไรมึงต้องบอกกู แต่มึงปิดบังกูหลายเรื่องมาก”
“โหย พี่ จะให้ผมทำยังไงอ่ะ? ก็ไอ้โซ่มันไม่ให้บอก” ไอ้ยักษ์รีบแก้ตัว
“มึงเชื่อมัน แต่มึงไม่เชื่อกูหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นพี่ แต่ถ้าผมบอกมันก็โกรธผมนะสิ”
“มึงไม่ต้องไปโทษมันหรอก ทำให้มันลำบากใจซะเปล่า ๆ” ผมบอก
“แล้วตกลงมีเรื่องอะไรกัน?”
หลังจากนั้นไอ้แซคก็เล่าทุกอย่างให้ไอ้ยักษ์ฟัง
“แต่ก็สงสารไอ้ภพมันนะ”
“แต่มันผลักไอ้โซ่จนแขนไปกระแทกกับประตูรั้วเลยนะ มึงคิดว่ากูควรจะอยู่เฉย ๆ หรอวะ?”
“ถ้าอย่างนั้นก็สมควรแล้วแหละ ผมเคยบอกมันแล้ว ว่าอย่าทำให้ไอ้โซ่เจ็บตัวอีก”
“มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่กูทำ” ผมแย้ง
“เออ อันนั้นก็จริง ทั้งที่กูก็เคยบอกมึงไปแล้วเหมือนกัน ว่าอย่าตัดสินใจโง่ ๆ”
“มันใช่เวลาจะมาซ้ำเติมกูมั้ย?”
“ไอ้ยักษ์ ไหน ๆ มึงก็เป็นคนนึงที่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอด เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กูฟังอีกทีสิ เอาตั้งแต่มันเจอกันครั้งแรกเลย กูฟังมาจากไอ้ภูบ้างแล้ว อยากฟังจากมึงบ้าง เอาไว้ประกอบการตัดสินใจว่ากูควรจะทำยังไงต่อไป”
“มึงจะทำเชี้ยอะไรอีก? ตอนนี้ยังแย่ไม่พอหรอวะ?” ผมบ่น
“มึงเงียบไปเลย ขอกูคุยกับไอ้ยักษ์ก่อน”
“ตามใจมึงสองคนก็แล้วกัน อยากจะทำเชี้ยอะไรกับชีวิตกูก็ตามสบายเลย” ผมบอกแล้วลุกไปนอนบนเตียง
ไอ้ยักษ์กับไอ้แซคออกไปคุยกันที่นอกระเบียง ผมไม่รู้ว่ามันคุยอะไร หรือตกลงอะไรกัน แต่ผมเหนื่อยเต็มทนแล้ว เพราะวันนี้เจอแต่เรื่องที่หนักหัว
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีการแจ้งเตือนจากไลน์เข้ามากว่า 30 ข้อความ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นของไอ้ภพคนเดียว
“ไอ้โซ่... กูขอโทษ”
“อย่าไปไหนจากกูนะ อย่าทิ้งกูไปอีก”
“กูขอโทษ มึงยกโทษให้กูนะ”
“กูขอโทษ”
มีแต่ข้อความแบบเดียวกันนี้ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งทันทีที่ผมเปิดอ่าน ไอ้ภพก็รู้ได้ทันทีว่าผมได้อ่านข้อความของมันแล้ว
ไอ้ภพ : “มึงอยู่ห้องใช่มั้ย? กูไปหานะ”
ผม : “ยังไม่ต้องมาหรอก มาตอนนี้ก็โดนไอ้แซคแกล้งอีก”
ไอ้ภพ : “โซ่ กูขอโทษนะ ทุกเรื่องเลย”
ผม : “เลิกขอโทษได้แล้ว กูเข้าใจที่มึงโกรธกู”
ไอ้ภพ : “ขอโทษที่ทำมึงเจ็บตัวอีกแล้ว”
ผม : “กูไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก มึงอ่ะ? เป็นไงบ้าง? เจ็บมั้ย?”
ไอ้ภพ : “นิดหน่อย
”
ผม : “ขอโทษแทนไอ้แซคด้วยนะ”
ไอ้ภพ : “ทำไมมึงไม่เคยบอกเลยว่ามีแฝด”
ผม : “ก็มันยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเรื่องนี้นี่ ช่างมันเถอะ”
ไอ้ภพ : “อืมมม... มึงยกโทษให้กูได้มั้ย?”
ผม : “ที่กูไปหามึงวันนี้ ก็เพราะจะไปขอโทษมึงนะ”
ไอ้ภพ : “กูไม่โกรธมึงแล้ว กูรู้แล้วว่ากูมันโง่เอง”
ผม : “อืม”
ไอ้ภพ : “โซ่... มึงจะไปญี่ปุ่นจริง ๆ หรอ?”
ผมชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบมันกลับไป
ผม : “ใช่!”
ไอ้ภพ : “อย่าทิ้งกูไปแบบนี้ดิ
”
ผม : “แค่นี้ก่อนนะ ไอ้แซคมาแล้ว กูไม่อยากให้มันรู้ว่าเราคุยกัน”
ไอ้ภพ : “ไม่เอา ถ้างั้นกูไปหานะ”
ไอ้ภพยังดื้อดึง
ผม : “งั้นไปเจอกันที่ร้านข้าวข้างม.นะ เดี๋ยวกูไปรอที่นั่น”
ตอนนี้ไอ้แซคกับไอ้ยักษ์กำลังคุยกันอยู่ที่ระเบียง ผมจึงอาศัยจังหวะนี้ หลบออกจากห้องไปรอไอ้ภพที่ร้านอาหารตามสั่งข้างมหาลัยที่ผมเคยไปกินกับไอ้ภพ
ผมนั่งรอไอ้ภพที่ร้านเกือบ 40 นาที มันจึงโทรมาหาผม
“มึงอยู่ไหน?” เสียงไอ้ภพถาม
“กูก็อยู่ที่ร้านข้าวไง ก็บอกว่าจะรอที่นี่ มึงอ่ะ? ทำไมยังไม่ถึงอีก?”
“กูอยู่ในม. มึง มึงเข้ามาหากูในนี้ได้มั้ย?”
“ไปทำอะไรในม. วะ?”
“มาเอาของที่ห้องล็อคเกอร์ มึงรีบเข้ามาเร็ว ๆ เลย” ไอ้ภพบอก
“ทีอย่างนี้สั่งใหญ่เลยนะ กูกลับไปโกรธเหมือนเดิมดีมั้ยเนี่ย? มึงจะได้ทำตัวดี ๆ หน่อย”
“โอ๋ ๆ ขอโทษครับ รีบมาหาเค้านะตัวเอง” ไอ้ภพแกล้งพูดประชด
ผมหัวเราะ พอวางสายจากไอ้ภพผมก็รีบออกจากร้านแล้วเดินตรงไปหามันที่ห้องล็อกเกอร์ทันที
ไอ้ภพนั่งรอผมอยู่ในห้องล็อคเกอร์ มันยังคงใส่ชุดบอลตัวเดิมเหมือนตอนที่อยู่ที่บ้าน เพราะหลังจากที่คุยกันในไลน์ มันก็คงรีบออกมาเลย
“ไอ้ภพ!” ผมเรียก
ไอ้ภพเดินตรงเข้ามาหาแล้วดึงผมเข้าไปกอดทันที โดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกจากปากของเราทั้งสองคน โชคดีที่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม จึงไม่มีนักศึกษามาใช้ห้องล็อกเกอร์มากนัก จะมีก็แต่นักกีฬาว่ายน้ำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ผมสวมกอดมันกลับตามที่ใจต้องการจะทำมาตลอด กลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ กับกลิ่นหอมที่คล้ายกับกลิ่นของช็อกโกแลต และยังมีกลิ่นหอมเย็นที่รวมกันอยู่อย่างลงตัว ทำให้ผมรู้สึกอยากอยู่ในอ้อมกอดของมันแบบนี้นาน ๆ
“มาเอาของหรอ?” ผมแกล้งถามมัน
“ก็อยู่ที่ร้านข้าวมันกอดไม่ได้อ่ะ” ไอ้ภพบอกแล้วหอมแก้มผมฟอดนึง
“พอแล้ว เดี๋ยวมีใครเข้ามา”
“ไม่มีหรอก กูเช็คหมดแล้ว”
“หึหึ กูไม่น่าหลวมตัวมาเลย”
“ทำไมอ่ะ? มึงไม่อยากเจอกูหรอ?”
“ถ้าไม่อยากก็คงไม่มาหรอก” ผมบอก
ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายกอดมันก่อนบ้าง ซึ่งไอ้ภพก็กอดตอบ และระดมจูบผมจนผมต้องผลักมันออกเบา ๆ เพราะก็ยังกังวลว่าอาจจะมีใครเข้ามา
“แล้วนี่ มึงต้องไปญี่ปุ่นจริง ๆ หรอ?”
“อืม...”
ไอ้ภพน้ำตาคลอ
“ไม่ไปไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องไป”
“แต่กูไม่อยากให้มึงไป ถ้ามึงไปอยู่ที่โน่นแล้วกูจะทำยังไง?”
“กูไปแค่สองอาทิตย์เอง ไปอยู่โน่นเราก็ยังคุยกันได้”
“สองอาทิคย์?” ไอ้ภพถามย้ำ
“เออ”
“แต่พี่มึงบอก...”
“มันแค่แกล้งมึง แล้วก็อยากลองใจมึงดู ว่ามึงจะทำยังไง”
“มึงสองคนนี่กวนตีนไม่แพ้กันเลยเนอะ” ไอ้ภพบอกแล้วปาดน้ำตา ที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาเพราะดีใจหรือเสียใจ
“แต่ตอนแรกมันก็คิดจริงจังนะ ที่ว่าจะให้กูไปอยู่ญี่ปุ่น”
“ทำไมวะ?”
“เพราะ... เรื่องนี้ละมั้ง” ผมโชว์แขนข้างที่มีรอยถลอก ซึ่งเกิดจากตอนที่มันผลักผมจนแขนไปฟาดกับประตูรั้ว
“กูขอโทษ...”
“มันรู้ทุกเรื่องระหว่างเรา และมันก็คงประเมินจากอะไรหลาย ๆ อย่าง จนคิดว่ามันไม่โอเคที่มึงคบกับกู”
“กูจะทำอะไรได้บ้างวะ?”
“ภพ... พ่อมึงบอกกับกูคำนึง มึงอยากรู้มั้ยว่าเค้าพูดว่าอะไร?”
ไอ้ภพพยักหน้า พลางเอามือมานวดที่แขนผม
“
พ่อมึงบอกว่า ถ้ามึงกับกูจะคบกัน ก็ต้องพากันไปในทางที่ดี มึงพอจะเข้าใจมั้ย? กูรู้ว่าจริง ๆ แล้วไอ้แซคมันก็แค่เป็นห่วงกู เหมือนที่พ่อมึงเป็นห่วงมึง ทุกอย่างที่มันแสดงออกมา มันแค่อยากแน่ใจว่าคนที่กูจะคบด้วย ต้องไม่ทำให้กูเจ็บ ไม่ว่าในทางไหน”
“อืม”
“แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้... ยังใช้แต่อารมณ์ ใช้แต่กำลัง ไม่มีเหตุผลแบบนี้ ก็ไม่ต้องรอให้ไอ้แซคมาบอกให้เราเลิกกันหรอก เพราะกูคิดว่ากูก็คงจะไม่ทนเหมือนกัน”
“กูขอโทษ กูสัญญานะว่าจากนี้ไปจะไม่ทำให้มึงเจ็บอีก”
“มึงไม่ต้องสัญญาหรอก เพราะวันนึงเราอาจทำตัวไม่น่ารักใส่กัน วันนึงเราอาจจะเคยชินกับการมีกันจนลืมความสุขเหมือนในตอนนี้ วันนั้นมึงอาจจะทำตัวร้ายกาจใส่กูก็ได้ ก็ขอแค่ให้มึงจำสิ่งที่มึงพูด จำความรู้สึกที่มึงอยากจะมีกูอยู่ข้าง ๆ แบบนี้เอาไว้เท่านั้นเอง”
“แต่มึงก็ต้องกวนตีนให้น้อยลงหน่อยด้วยนะ เข้าใจมั้ย?”
“ไม่ได้หรอก ฮ่า ๆๆ”
ไอ้ภพหัวเราะแล้วดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง
“พอแล้ว เดี๋ยวมีคนเข้ามา”
“งั้นตามมานี่!” ไอ้ภพบอกแล้วดึงมือให้ผมเดินตามมันไปที่ห้องอาบน้ำ
ภายในห้องอาบน้ำจะเป็นห้องอาบน้ำรวม และมีห้องเดี่ยวอยู่ทั้งสองฝั่ง ไอ้ภพผลักผมเข้าไปแล้วถอดเสื้อตัวเองออกโชว์ผิวขาว ๆ ของมัน
“มึงจะทำอะไร?!”
มันไม่ตอบ แต่ดันผมจนตัวชิดกับฝนังห้องอาบน้ำและจูบอย่างหื่นกระหาย จนทำให้ผมรู้สึกอ่อนระทวยไปหมด
“ไม่เอา เดี๋ยวมีคนเข้ามา!”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก” ไอ้ภพบอกแล้วบรรเลงเพลงจูบกับผมต่อ
.....
จนกระทั่งทุกอย่างจบลงด้วยเสียงซ่า ๆ ของน้ำที่ไหลจากฝักบัว...
<---o--->
“ยิ้มอะไร?!” ผมบ่นไอ้ภพที่เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม ตั้งแต่ออกมาจากห้องล็อกเกอร์แล้ว
“เปล่า! แค่มีความสุขเฉย ๆ ไม่คิดว่ามึงจะ...”
“หยุดพูดไปเลย! เพราะมึงนั่นแหละ เริ่มก่อน”
“แต่มึงก็เต็มที่ไม่ใช่หรอ?” ไอ้ภพบอกแล้วแกล้งยื่นหน้ามาใกล้ ๆ ผม
“กูบอกให้หยุดพูดไง!”
“โอ๋ ๆ ไม่พูดแล้ว ๆ”
“แล้วนี่ จะไปไหนต่อมั้ย?”
“ไปห้องมึงได้ปะ?”
“มึงกล้าไปหรอ? ตอนนี้อยู่ทั้งไอ้แซค ทั้งไอ้ยักษ์เลยนะ”
“ถ้ามึงอยู่ข้างกู ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
“แต่วันนี้มึงกลับไปก่อนดีกว่า กูไม่อยากให้ไปทะเลาะกันอีก”
“งั้นขออยู่กับมึงต่ออีกแปปนึงได้มั้ย? ยังไม่หายคิดถึงเลย” ไอ้ภพทำท่าอ้อน
“งั้นไปหาอะไรกินกัน”
<---o--->
เดินทาง...“ไอ้ภพไม่มาส่งหรอ?” ไอ้แซคหันมาถามผมระหว่างรอขึ้นเครื่อง ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“อ้าว ไอ้นี่มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?” พี่แวนถาม
“อย่าให้เล่าเลยพี่ โคตรปวดหัวกับมัน”
ตอนนี้ไอ้แซคยอมรับให้ไอ้ภพคบกับผมแล้ว มันบอกว่า มันไม่มีสิทธิ์ห้าม เพราะนี่คือความรักของผม แต่มันจะคอยดูอยู่ห่าง ๆ ถ้าเกิดวันไหน ไอ้ภพทำผมเสียใจ มันจะกลับมาเล่นงานไอ้ภพทันที
“มันขนาดนั้นเลยหรอวะ? แบบนี้แปลว่ามึงก็รู้แล้วสิว่าไอ้โซ่มันชอบผู้ชาย”
“อืม รู้แล้ว”
“แล้วทำไมถึงไม่ให้แฟนมาส่งด้วยล่ะ?” พี่แวนถามผม
“แค่ไปเที่ยวนะพี่ ไม่อยากให้มันมาส่งแล้วรู้สึกว่าจะต้องห่างกัน ไม่อยากให้รู้สึกเศร้าอ่ะ”
“อย่างนี้แหละ เขาเรียกข้าวใหม่ปลามันใช่ป่ะไอ้ยักษ์
“ใช่เลยพี่ ฮ่า ๆๆ” ไอ้ยักษ์ที่มาส่งผมก็เออออไปกับไอ้แซคด้วย
“ว่าแต่น้อง แล้วมึงล่ะ? มีแฟนรึยังเนี่ย?” พี่แวนหันไปถามไอ้แซคบ้าง
“กวนตีนแบบนี้ใครจะไปเอามัน”
“เรื่องกวนตีนมึงก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากูเลยนะ มึงยังมีแฟนได้เลย ทำไมกูจะมีบ้างไม่ได้ กูแค่ชอบชีวิตโสดมากกว่าหรอก” ไอ้แซคแย้ง
“ไม่มีใครเอามากกว่า”
พอผมพูดจบ ไอ้แซคก็ตบหัวผมดังเพี๊ยะ จนคนข้าง ๆ หันมามอง
“ปากดีนัก”
“เฮ้ย ๆ อย่าตีกัน ๆ” พี่แวนทำเป็นห้าม แต่ก็หัวเราะออกมา
“จริง ๆ ทั้งสองคนอยู่ห่าง ๆ กันก็ดีนะพี่ อยู่ด้วยกันแล้วผมว่าคงปวดหัวน่าดู” ไอ้ยักษ์หันไปคุยกับพี่แวน
“นี่ไง! / นี่แน่ะ!” ผมกับไอ้แซคใจตรงกัน หันไปตบกะโหลกไอ้ยักษ์คนละทีพร้อมกัน
“โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบิน...... เที่ยวบินที่ TG 220 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ขอเชิญผู้โดยสารขึ้นเครื่องได้ที่ประตูทางออกหมายเลข 17 โปรดขึ้นเครื่องได้ที่ประตูทางออกหมายเลข 17 ขอบคุณค่ะ” เสียงประกาศขึ้นเครื่องของสนามบินดังขึ้น ผมกับไอ้แซคจึงลาพี่แวนกับไอ้ยักษ์ที่มาส่ง
“พี่แวน ขับรถกลับดี ๆ นะ”
“บอกแม่นะ ว่าเดี๋ยวอีกสามวัน พี่บินตามไป” พี่แวนบอก
“มึงอยู่คนเดียวได้นะ” ผมถามไอ้ยักษ์
“กูไม่ใช่พวกขี้เหงาอย่างมึงนะ ทำไมกูจะอยู่คนเดียวไม่ได้ล่ะ”
“เออครับ มึงมันเก่ง”
“แน่นนอนอยู่แล้ว พี่แซค เอาไว้เจอกันนะครับ ดูแลเพื่อนผมดี ๆ ด้วย”
“มึงไม่ต้องมาสั่งกูหรอก”
หลังจากที่ล่ำลากันจนเสร็จแล้ว ผมก็ลากกระเป๋าเดินตามไอ้แซคไป
ผม : “กูขึ้นเครื่องแล้วนะ”
ไอ้ภพ : “ถึงแล้วบอกกูด้วยนะ”
ผม : “อื้ม”
ไอ้ภพ : “กูรักมึงนะ”
“คุยกับไอ้ภพหรอ?” ไอ้แซคหันมาถามผม
“เออ”
“แล้วมึงจะบอกแม่เรื่องนี้มั้ย?”
“ไม่รู้สิ มึงคิดว่าไงอ่ะ?”
“บอก ๆ ไปเหอะ”
“กูก็คิดงั้น แม่ก็คงจะไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวกูอยู่แล้ว”
“มึงเลิกนอยด์เรื่องนี้ได้แล้ว ถ้าแม่ไม่คิดถึงมึงเค้าไม่ให้กูมาพามึงไปหาหรอก”
“แม่สั่งให้มึงมาหรอ?”
“กูอยากมาเอง แต่แม่สั่งให้พามึงกลับไปด้วย”
“อืม...”
ผมคิดในใจว่าแม่อาจจะคิดถึงผมจริง ๆ ก็ได้ แต่มันก็เกิดคำถามขึ้นมาในหัวอีก ว่าทำไมเพิ่งมาคิดถึงเอาตอนนี้
“เออ ใช่! กูลืมบอกมึงไป ตอนนี้มึงไม่ได้เป็นน้องคนเล็กแล้วนะ”
“หมายความว่าไงวะ?”
“ก็ตอนนี้มึงมีน้องอีกคนนึงแล้วไง ชื่อ ‘
โชตะ’ ตอนนี้เพิ่งจะขวบกว่า”
“ขวบกว่า? แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกู?”
“แม่ไม่ให้กูบอก เพราะกลัวมึงจะไม่โอเคที่แม่มีลูกอีกคนนึง”
“กูดูร้ายขนาดนั้นเลยหรอวะ? ทำไมแม่จะต้องกลัวว่ากูรู้สึกอะไร?”
“เค้าแคร์ความรู้สึกมึงต่างหาก”
“มันก็สายไปอยู่ดี”
“มึงนี่ไม่รู้จักโตเลยเนอะ ยังงอแงเหมือนเด็กที่งอนพ่อแม่เวลาที่พ่อแม่ไม่ซื้อของเล่นให้”
“มึงอยู่กับแม่งมึงก็พูดได้สิ” ผมโกรธที่โดนไอ้แซคว่าแบบนี้
“ก็เพราะกูอยู่กับแม่ไง กูถึงเข้าใจเหตุผลทุกอย่างที่แม่ทำลงไป”
“...”
“มึงโกรธแม่ที่แม่ไม่พามึงไปอยู่ด้วย แต่มึงไม่รู้หรอก แม่เค้าอยากพามึงไปอยู่ด้วยจะตาย แต่เค้าเห็นว่าตอนนั้นชีวิตยังลำบากอยู่ ไม่อยากให้มึงมาลำบากด้วย”
“ขอกูไปฟังทุกอย่างจากปากแม่เองแล้วกัน”
“เออ! เดี๋ยวมึงเจอหน้าน้องแล้วมึงจะไม่อยากกลับไทย”
“ขนาดนั้นเลยหรอ?”
ผมมัวแต่เถียงกับไอ้แซคอยู่จนลืมคุยกับไอ้ภพไปเลย จนมันแอบงอนผมที่ไม่ตอบกลับมัน
ไอ้ภพ : “ไม่บอกกลับหน่อยหรอ?”
ไอ้ภพ : “ไอ้โซ่.......”
ผม : “เฮ้ยย! ขอโทษ ไอ้แซคมันกวน”
“กูรักมึงเหมือนกัน สองอาทิตย์กูก็กลับแล้ว รอกูด้วย แล้วก็อย่าไปแรดที่ไหนล่ะ? อย่าให้รู้นะว่าตอนกูไม่อยู่มึงแอบไปไหนกับคนอื่น ไม่อย่างนั้นกูจะกลับมาพาน้องมึงไปอยู่ญี่ปุ่นกับกูด้วยเลย !!” ผมกดอัดเสียงแล้วส่งไปให้ไอ้ภพ มันฟังแล้วส่งข้อความกลับมา
ไอ้ภพ : “ไม่แรดแน่นอนคร้าบ ที่รัก”
<---o--->
2 วันก่อนหน้านั้นในช่วงนี้ร้านอาหาร หรือสถานที่หลาย ๆ แห่งต่างพากันตกแต่งร้าน และประดับไฟในดูสวยงามตามเทศกาลปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง เสียงเพลง พรปีใหม่ ดังระงมไปทั่ว พาให้รู้สึกถึงความสุขของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะด้วยความร่าเริงของเด็ก ๆ
“โซ่...แบบนี้กูก็ไม่ได้เคาท์ดาวน์กับมึงอะดิ!”
“ก็คงงั้น เอาไว้เราเคาท์ดาวน์ตอนวีดีโอคอลกันก็ได้”
“เวลามันไม่ตรงกันนะ”
“เออเนอะ”
“มึงไม่ไปไม่ได้หรอ?” ไอ้ภพถาม ผมถอนหายใจ
“จริง ๆ กูก็ไม่ได้อยากไปหรอก แต่แม่กูเค้าอยากให้กูไปเยี่ยมบ้าง”
“แม่มึง? อยู่ญี่ปุ่นหรอ?”
“อืม”
“จะว่าไป มึงไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวมึงให้กูฟังเลย แม้กระทั่งมีแฝดก็ไม่เคยบอก ตอนกูเห็นมันตอนแรกกูนึกว่ากูหลอนจนมองเห็นมึงสองคน”
“หลอนดิ เจอต่อยเข้าไปขนาดนั้น”
“ที่กูไม่สู้ เพราะกูทำไม่ลงหรอก ก็หน้าเหมือนมึงขนาดนั้น”
“หรอ? แต่ไม่รู้ทำไมเนอะ อยู่กับมึงทีไรกูมีเรื่องให้เจ็บตัวตลอดเลย”
“ขอโทษ” ไอ้ภพทำหน้าเศร้า
ผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวผมทั้งหมดให้ไอ้ภพฟัง มันฟังอย่างตั้งใจ และพอจะรู้สึกได้ว่าครอบครัวผมกับครอบครัวของมันมีอะไรคล้าย ๆ กัน เราเติบโตมาโดยขาดความรักจากคนเป็นแม่เหมือนกัน นั่นทำให้ผมเป็นคนที่ชอบการถูกดูแลเอาใจใส่ เหมือนที่ไอ้ยักษ์ชอบทำให้ผม หรือแม้แต่การเทคแคร์ของไอ้ภพก็ทำให้ผมรู้สึกวางใจที่ได้อยู่ใกล้ ๆ มันเช่นกัน
“ชีวิตเรานี่คล้าย ๆ กันเลยเนอะ” ไอ้ภพบอก
“ก็คงงั้น ต่างกันตรงที่มึงยังมีพ่อ แต่กูไม่เหลือใครเลย นอกจากพี่ชายสองคน”
“มึงยังเหลือแม่มึงอีกคนนึงไง”
“ไม่หรอก ถ้าเค้าเห็นกูอยู่ในสายตา เค้าคงไม่ทิ้งให้กูอยู่แบบนี้หรอก”
“กูว่าผู้ใหญ่ก็คงมีเหตุผลนั่นแหละ ทุกอย่างมันมีเหตุผลเสมอ”
“มึงคิดแบบนั้นหรอ?”
“อย่างน้อย ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้เราได้เจอกันนะ”
“ฮ่ะ ๆๆ ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย” ผมหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรวะ? เกี่ยวสิ ถ้ามึงไปอยู่ญี่ปุ่นด้วยกูกับมึงก็คงไม่ได้เจอกัน”
“ไม่คิดว่ามึงจะมีมุมน้ำเน่าแบบนี้ด้วย”
“เขาเรียกโรแมนติกเว้ย!” ไอ้ภพแก้ตัวหน้าแดง
“ก็คงงั้นแหละ”
เราหัวเราะกันทั้งคู่ จากนั้นไอ้ภพก็ดึงมือผมไปกุมเอาไว้
“ถ้าวันนั้น ตอนที่อยู่ที่ค่าย กูแค่ปล่อยให้มึงเป็นแค่อากาศธาตุ ไม่สนใจมึง เราก็คงไม่ได้มารักกันเหมือนตอนนี้หรอก จริง ๆ แล้วบางทีเราอาจจะเป็นคู่กันตั้งแต่แรกก็ได้”
“ทำไมคิดงั้นอ่ะ?” ผมถาม
“ก็ตอนนั้น เราจับฉลากได้นอนเต้นท์เดียวกัน มึงไม่คิดว่ามันจะบังเอิญเกินไปหรอ? ที่คนที่เกลียดกันสองคน จะมาจับฉลากได้เลขเดียวกัน และต้องมานอนเต็นท์เดียวกัน”
“เราไม่ได้เกลียดกัน... มึงคนเดียวที่เกลียดกู”
“โซ่... กูเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่มึงถึงไม่พามึงไปอยู่ด้วย เพราะแม่งกวนประสาทแบบนี้ไง แม่มึงคงคิดว่าถ้ามึงกับไอ้แซคอยู่ด้วยกัน คงปวดหัวตาย”
“เออ!”
“แต่กวนตีนแค่ไหนกูก็ยังรักมึงนะ”
“ตบหัวแล้วลูบหลัง”
“แต่กูก็ชอบนะ ชอบที่มึงเป็นมึงแบบนี้”
“หรอ? แล้วนอกจากนั้นมีอะไรอีกมั้ย?”
“ไม่มีหรอก แค่อะไร ๆ ที่มันรวมมาเป็นมึง กูก็รักหมดนั่นแหละ”
“ไปหัดพูดจาแบบนี้มาจากไหนเนี่ย?” ผมถามเพราะปกติไอ้ภพเป็นคนที่ไม่โรแมนติกขนาดนี้
“ตั้งแต่ตอนที่คิดว่าต้องเสียมึงไปนั่นแหละ ถึงรู้ว่าตอนที่ยังมีเวลา กูต้องทำดีกับมึงไว้เยอะ ๆ”
“กูก็จะพยายามเป็น... แฟน... ที่ดีของมึงแล้วกัน”
ในนาทีนั้นที่เราอยู่ด้วยกัน... ช่วงที่ในสายตาของผมมองไปข้างหน้าแล้วเห็นไอ้ภพอยู่ตรงนั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่า ปีนี้ซาตาคลอสได้ให้ของขวัญกับผมแล้ว และผมสัญญาว่าผมจะรักษาของขวัญชิ้นนี้ของผมอย่างดี
มาถึงตอนนี้... นิยายเรื่องนี้อาจจบลง แต่ความรักของผมกับไอ้ภพยังคงดำเนินต่อไป
ในขณะที่คุณกำลังอ่านเรื่องราวของผม ถ้าเป็นตอนเช้า ผมก็คงกำลังงัวเงียขี้ตา ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของไอ้ภพ ถ้าคุณอ่านตอนกลางวัน ผมกับไอ้ภพก็คงกำลังกินข้าวที่ร้านใดร้านหนึ่ง และไอ้ภพอาจกำลังสั่งข้าวไก่กระเทียมเมนูเดิมมากินอีกเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยก็ได้ หรือถ้าคุณอ่านตอนกลางคืน ตอนนี้ผมกับไอ้ภพก็คงกำลังนอนดูทีวี หรือไม่ก็ดูหนังกันอยู่ หรืออาจจะกำลังทะเลาะกันอยู่ก็ได้
ผมเพียงแค่อยากจะบอกว่า ในทุกลมหายใจเข้าออกของคุณในทุก ๆ วันต่อจากนี้ ผมกับไอ้ภพจะยังมีความรักให้กันอยู่เสมอ และกำลังมีความสุขอยู่ด้วยกันในมุมใดมุมหนึ่งของโลกใบนี้
<----O<<::::::======[ จบบริบูรณ์ ]======::::::>>O---->
ในที่สุดก็จบแล้วละ
หวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขไม่มากก็น้อยนะครับ
ก่อนอื่นต้องขออภัยอีกครั้งนึง ถ้าตรงไหนผู้เขียนพิมพ์ผิดไป พิมพ์ดึก ๆ บางทีมันก็มีเบลอ ๆ บ้างอ่ะครับ แฮ่ ๆๆ
และต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันจนมาถึงตอนจบนะครับ ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ
ความเห็นของคุณจะช่วยให้ผู้เขียนพัฒนางานชิ้นต่อ ๆ ไปให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ