ตอนที่ 7
I do
Pitchy’s partปัง!
“ปิดเบาๆก็สนิทแล้วจ้า”
“อย่าเพิ่งกวนตีน”
“อุ่ย”
ไอ้คนที่นั่งตำแหน่งคนขับทำท่าเป็นสะดุ้งแล้วแอบหันหน้าไปขำเบาๆก่อนออกรถ เดี๋ยวมึงจะโดนกูแดกหัวเดี๋ยวก่อน คนยิ่งหงุดหงิดๆอยู่
“ไปบ้านเลยหรือเปล่า”
“แวะคอนโดเปลี่ยนชุดก่อน” มีหวังไปชุดนี้พ่อได้เป็นลมพอดี
“รับทราบครับ”
ผมเปิดคอนโซลหน้ารถหยิบยางมัดผมที่มีติดรถไว้ขึ้นมามัดขมวดเป็นปมไว้กลางศีรษะ ตอนนี้อะไรก็ดูยุ่งเหยิงน่ารำคาญไปเสียหมด แม้แต่ผมยาวสลวยที่ผมรักนักหนาก็ไม่เว้น
“น้องมันขัดใจอะไรอีกล่ะ”
“เสือก”
“มาทีไรก็เกรี้ยวกราดกลับมาทุกที แต่ก็ยังมาหาเค้าได้ทุกวันเนอะ”
“สาระแน ใครให้เสนอความเห็น”
“ก็แค่พูดลอยๆ”
“หุบปาก”
ขอเวลาจัดการกับอารมณ์ตัวเองสักพักนี่ไม่ได้เลย ไอ้ตัวดีข้างตัวนี่ไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด พูดมากพูดอยู่ได้ ที่สำคัญมันพูดแทงใจดำด้วย
“นี่ผมยังงงอยู่เลยนะว่าพีทชอบอะไรเด็กนั่นน่ะ ดูไม่น่าใช่สเป๊กอ่ะ คนที่น้ำลายหกกับผู้ชายหุ่นล่ำกล้ามแน่น ไปติดใจอะไรกับเด็กปีหนึ่งตัวกระเปี๊ยก แถมหน้าตาโคตรอ้อยเลย”
“อ้อยพ่องอ่ะ”
“วุ้ย แค่นี้ก็หวง กับน้องกับนุ่งเนอะ”
“รุงรังมึงอ่ะ แล้วรถกูเมื่อไหร่จะคืน ไปไหนมาไหนลำบากเนี่ย” ไอ้พอร์ชมันกระโหลกขับรถไปเสยต้นโกงกางหน้ายุบไปครึ่งคัน แล้วก็ทำตัวลำไยมาตื๊อเอารถผมไปใช้ เมื่อไหร่จะซ่อมเสร็จก็ไม่รู้ ลำไยไหทองคำเป็นที่สุด
“อีกสักอาทิตย์อ่ะ ลำบากตรงไหนผมก็ไปรับไปส่ง”
“ไปไหนทีก็ต้องโทรเรียก บางทีมึงก็ไม่ว่างกูต้องเรียกแท๊กซี่ไปเอง อากาศก็ร้อน มึงรู้มั้ยแสงยูวีมันทำร้ายผิว”
“เอาน่า ให้น้องนุ่งยืมหน่อย ช่วงนี้กำลังจีบดาวพยาบาลอยู่ จะพาเดินพาขึ้นรถสาธารณะก็ไม่ไหวมั้ยอ่ะ น่า เดี๋ยวน้องได้รถเมื่อไหร่จะรีบคืนนะ”
“ย่ะ”
“ทำไม กลัวน้องน่ารักนั่นเข้าใจผิดหรอ บอกน้องไปยังอ่ะว่าผมเป็นใคร”
“ยัง”
“อ้าว ทำไมอ่ะ มางอนกันนี่ผมไม่เกี่ยวนะเว้ย”
“หึ ไม่สนใจสิไม่ว่า” เอาจริงๆถ้าอิกลูต้ามันทำท่าไม่ชอบใจหรือหึงผมคงรู้สึกดีกว่านี้แล้วรีบอธิบายว่าไอ้พอร์ชเป็นน้อง แต่มันนิ่ง มันไม่สนใจ เหมือนไม่แคร์กันเลยอะ
อยู่ๆให้ไปเอ่ยปากเองก็ดูจะเสร่อเกินไป ผมไม่ทำหรอก
ไม่ถึงสิบนาทีรถก็มาถึงคอนโด ผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวโตเดินตามมาด้วย เดินก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ยิกๆยิ้มน้อยยิ้มใหญ่น่าหมั่นไส้จริง
“นั่งรอข้างนอกนี่แหละ อย่านั่งทับลูกสาวกูนะ!” ผมตีไหล่มันที่นั่งลงโดยที่ไม่มองเลยว่าอันนานอนอยู่ที่มุมโซฟา ก่อนเดินเข้าห้องนอนมาเปลี่ยนชุด เลือกเป็นกางเกงยีนกับเสื้อเชิร์ตผ้านิ่มสีขาว ผมก็รวบขึ้นมัดเป็นหางม้า
“ป่ะ”
ไอ้คนที่นั่งจิ้มหน้าจออยู่เงยหน้าขึ้นมองก่อนเลิกคิ้วสูง
“ไม่ลบเครื่องสำอางออกหรอ”
“เออ ลืมเลย” ผมเลยเดินกลับเข้าห้องนอนอีกครั้งเพื่อจัดการใบหน้าของตัวเอง เอาจริงๆพ่อก็รู้แหละว่าผมเป็นแบบไหน เคยดราม่าบ้านแตกกันมาแล้ว ทุกวันนี้ก็พอทำใจยอมรับได้บ้าง แม้จะยังไม่เต็มร้อยก็เถอะ แต่ก็ยอมลงมาเยอะ ผมเลยไม่อยากทำอะไรที่มันดูประเจิดประเจ้อมาก เดี๋ยวจะหัวใจวายตายไปซะก่อน
“เสร็จยัง”
“ใครให้เข้ามา ออกไป”
“นิดหน่อยเอง”
“ไม่ได้ ออกไปเลยไป๊”
“ขี้หวงงงง อยากจะรู้จริ๊งใครจะได้เข้ามาบ้างน้อ น้องที่เทียวไปหาเช้าเย็นเคยได้เข้ามามั้ยน้า”
เสียงโหยหวนน่ารำคาญดังไกลออกไปที่ห้องนั่งเล่น ทำไม ผมจะหวงพื้นที่ส่วนตัวไม่ได้หรอ คนสวยที่ไหนก็มักจะมีเขตแดนเป็นของตัวเองทั้งนั้น อย่างในห้องผมนี่ใครจะนั่งจะเดินไปไหนก็ได้ ยกเว้นห้องนอน หวง!
มีคนเดียวเท่านั้นแหละที่เข้ามาได้
แต่ก็ไม่เคยจะรู้ตัวสักทีว่าสำคัญขนาดไหน
ลำไยที่สุด ขัดใจ
“ป่ะ”
“เค เมื่อกี้น้าตุ่นโทรมาตามแล้ว”
“ก็ไปสิ รออะไร”
“รอพีทมั้ยล่ะคร้าบบบ”
คืนนี้ผมกลับมานอนบ้านเพราะพรุ่งนี้เช้าเป็นวันเกิดของเพ้นท์น้องชายคนเล็กของบ้าน แต่ไม่ใช่พ่อแม่เดียวกันนะครับ ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ ส่วนพอร์ชกับเพ้นเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่ลุงทรงไม่ค่อยว่างหรอกต้องไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ เราสามคนเลยถูกเลี้ยงมาด้วยแม่ของผม
เรียกได้ว่าโตด้วยกันมาจากเต้าเดียวกัน
เรียกได้ว่าพอร์ชกับเพ้นท์เล่นหุ่นยนต์เล่น ผมก็เล่นนะ เอาหุ่นยนต์มาเป็นบอดี้การ์ดให้เหล่าเจ้าหญิงน้อยๆของผม
“อุ้ย หลีหล่น!” ตกใจกับเงาตะคุ่มๆที่อยู่ตรงมุมบันไดขั้นบนสุด พอเพ่งมองดีๆถึงเห็นว่าเป็นใคร นึกว่าผีไม่มีหัว “พ่อ”
พ่อพยักหน้าเดินสวนลงมา
“เพิ่งกลับมาถึงหรอ”
“ครับ” นี่พยายามเก๊กเสียงให้ทุ้มสุดชีวิต ก็รู้แหละว่าพ่อจับโป๊ะได้นานแล้ว แต่ก็เกรงใจนิ๊ดนึงอ่ะนะ
“ไปพักผ่อนไป พรุ่งนี้อย่าตื่นสายล่ะ”
“ครับ”
“อืม”
เมื่อพ่อพยักหน้าแบบนั้น ผมเลยเบี่ยงตัวเพื่อเดินขึ้นไปบนบ้าน แต่ในจังหวะที่เดินสวนกันเสียงทุ้มมากด้วยอำนาจก็ดังขึ้นให้ผมเสียวสันหลัง แล้วซอยเท้าก้าวถี่ขึ้น นี่ถ้ากระโดดข้ามทีเดียวสามขั้นได้คงทำไปแล้ว
แต่ไม่ได้ไง มันขัดต่อภาพลักษณ์กุลสตรีที่แสนเรียบร้อย...
“เห็นภาพงานวันนี้ จะแต่งตัวอะไรก็ดูให้เหมาะสมหน่อยนะ”ปัง
หลังจากสอดตัวเข้ามาในห้องและปิดประตูลง แผ่นหลังพิงประตูแล้วก็พรูลมหายใจออกมา
เชิญคุณลงทัณฑ์บรรชา จนสมอุราจนสาแก่จายยยย
โอเค โศรยาต้องหยุดโศกาก่อน คุณหฤษฎิ์ก็บ่นเราทุกครั้งที่ออกอิเวนท์อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ
แต่ใครหนอใครช่างเอภาพเอาคลิปมาให้พ่อผมดูอยู่นั่น
กะให้หัวใจวายตายหรือยังไงกัน ตายไปก็ไม่ได้สมบัติหรอกนะเพราะผมรอฮุบอยู่ บอกไว้เลย!
ก็หารายได้ส่งเด็ก เลี้ยงผู้ชายเนอะ ค่าเปย์ผู้ชาย ค่าดูแลผิวพรรณมันก็ไม่น้อยนะค๊า
ก็อยากจะขอโทษเจ้าคุณพ่อที่ทำให้ผิดหวังในความเป็นตัวผม
ติ๊ดๆ
ใครทักมาดึกดื่น ก็ว่าลบสติ๊กเกอร์ไลน์ฟรีไปหมดแล้วนะ
‘ถึงบ้านหรือยัง’หือ อิกลูต้าหน้าหวานของผม ฝนจะตกลงมาเป็นลูกหมาซะมั้ง อยู่ๆทักมาเนี่ย
ผมรีบเข้าโปรแกรมไลน์ตอบกลับทันที
‘ถึงแล้ว’และยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา ผมก็กดวีดีโอคอลไปหาก่อน รออยู่นานจนสายเกือบตัดอีกฝ่ายถึงจะกดรับ
ลีลาท่ามากได้ตลอดจริงๆ
‘โทรมาทำไม’
มัดจุกหน้าเอ๋อเชียว ทำปากบุยๆน่าจับมาบี้จูบแรงๆ
“ทำไรอยู่”
‘กำลังจะนอน’
“ทำรายงานไปถึงไหนแล้ว”
‘เอ่อ...’
แค่เห็นหน้าอึกอักผ่านจอผมก็กรอกตามองบนอย่างเบื่อหน่าย ยังไม่ได้ทำน่ะสิอีหน้าแบบนี้
“ทำไมขี้เกียจ”
‘เขียนบทนำไปแล้ว ที่เหลือพรุ่งนี้ค่อยทำ ง่วงแล้ว’
“เดี๋ยวก็ทำชุ่ยๆอีก เกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์เนื้อสมองน้อยแล้วยังจะสันหลังยาวอีก”
‘บ่นจริง น่ารำคาญอ่ะ’
ริมฝีปากเล็กจุ๋มจิ๋มงึมงำจนแทบจับเป็นประโยคไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าผมถึงฟังรู้เรื่อง
พอๆกับไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงตกหลุมรักอิเด็กน้อยหน้าขาวปากแดงเป็นตูดลิงแสมลพบุรี
มันโคตรจะคนละไทป์กับแบบที่ผมชอบ ไม่สูงไม่ล่ำไม่แม้แต่จะหำใหญ่
รูปร่างหน้าตาออกไปทางหมากระเป๋า แถมยังโง่อีก ขัดใจไปเสียทุกอย่าง
ขัดใจเดี๊ยนเนี่ย ทำไมจากที่คิดว่าจะได้ผัวหน้าพี่เวียร์ ดันได้เมียหน้าหมาปั๊ก เฮ้อ
“รำคาญให้ตลอด ง่วงก็ไปนอน อย่าให้รู้ว่าแอบเล่นเกม”
‘เออน่า’
มาทำเสียงจิ๊จ๊ะน่าจับมาหวดน่องด้วยไม้มะยมสักทีสองที ทำไมดื้อแบบนี้นะ
แล้วผมก็ต้องแปลกใจกับไอ้เด็กกระโปกอีก เมื่อมันไม่ได้ตัดสายไปเหมือนทุกที ซ้ำสายตายังสาดส่องมองอะไรอยู่นั่น
ผมหันไปด้านหลังตัวเองตามสายตาของคนปลายสาย
อะไร อย่าบอกนะพ่อเลี้ยงกุมารแล้วมันมาเพ่นพ่านในห้องผมน่ะ กรี๊ดแตกจริงๆนะ
“มองอะไรยะ”
‘ปะเปล่า...’
“ไม่ได้เห็นเอ่อ...อะไรแปลกๆใช่มั้ย...”
‘แล้วซ่อนอะไรไว้ล่ะ’
“กรี๊ดดด เห็นหรอ!” ไม่ได้แล้ว ผมต้องไปบอกพ่อ ว่าให้ไปสร้างบ้านใหม่ให้กุมารอยู่ จะมาเลี้ยงในบ้านเดียวกันแบบนี้ไม่ได้!
‘นี่กรี๊ดทำไมเนี่ย’
“กก็มึง...เห็น เอ่อ สิ่งลี้ลับ...งือ กูบอกพ่อแล้วนะว่าอย่าเอาเข้ามา ฮือ” ผมมองซ้ายขวาตาหลุกหลิก จับเอาปลายผมมาขบกัดเพื่อระบายความหวาดหวั่นในใจ
‘เจ๊อยู่บ้านหรอ’ มันหยุดทำตายื่นตายาวไปด้านหลังแล้วหันมามองหน้ากัน เอ่อแสดงว่าไปแล้วใช่มั้ย
“อืม พรุ่งนี้วันเกิดน้องชาย บ้านมีกินเลี้ยง มะมึงไม่เห็นแล้วใช่ป่ะ” ผมจะร้องแล้วจริงๆนะเว้ย
แล้วนี่มึงยิ้มทำไม มะไม่ใช่มันมานั่งแกว่งเท้าอยู่บนไหล่ผมนะ ไม่นะ อย่ามองแบบนั้นสิอิกลูต้า เดี๋ยวตบตาหลุดเลย
‘หะๆ งั้นไปนอนแล้วนะ’
ทำไมต้องทำหน้าอารมณ์ดีเกินเบอร์ มึงจะแก้แค้นกูโดยการปล่อยกูไว้กับผีใช่มั้ย!
“ไม่! อยู่เป็นเพื่อนกูก่...”
ติ๊ด
แล้วภาพใบหน้าไอ้เด็กลิงแสมก็หายไปจากหน้าจอ เหลือไว้เพียงตัวเลขที่ปรากฎระยะเวลาที่คุยกัน
อะเด็กบ้า! ทิ้งกันได้ไง! พรุ่งนี้กูจะไปตามทบต้นทบดอกให้หายแค้นเลย งือ คืนนี้ลากหมอนไปนอนห้องพระแล้วกัน สาธุ
Guitar’s partฟู่ววว
ทำไมต้องโล่งใจแปลกๆด้วยนะที่รู้ว่าอิเจ๊มันติดธุระกับที่บ้าน ไม่ใช่ เดต...
ฮ้าฮา ตาแจ้งสมองโล่งขึ้นมาแล้วสิ นั่งแก้รายงานสักหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ไม่ไฟลนก้นมาก
แค่นี้ก็จี้ตูดจนร้อนไปหมดละ
ผมนั่งทำงานจนเวลาล่วงไปนานแค่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ พอรู้ตัวอีกทีแสงแดดสีส้มอ่อนก็ลอดผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา โห อเมซิ่งจิงเกอเบล ผมสามารถนั่งทำงานได้หกชั่วโมงติดกัน พ่อแม่ควรเอาน้ำแดงกับซาลาเปาไส้หวานไปแก้บนที่ยอดปลวกหลังบ้านแล้วล่ะ
จากเด็กขี้ขนหลังยาวกว่าต้นมะพร้าว กลายเป็นหนุ่มหล่อผู้เคร่งขรึมกร๊าวใจ
แหม่ เรานี่เวลาจริงจังกับงานก็ดูหล่อใช่เล่น อิอิ
โครกกก
โอย แต่พอหลุดจากภวังค์ของงานตรงหน้า หนังตาก็โคตรหนัก แถมท้องยังร้องโครกคราก เลยบิดขี้เกียจสามที ซ้าย ขวา ซ้าย ฮึบ แล้วลากสังขารเดินไปยังตู้เย็น มีอะไรกินบ้างว้า เช้าตรู่แบบนี้ใกล้ๆหอก็พอมีของขายบ้างอ่ะนะ โจ๊ก น้ำเต้าหู้ หมูปิ้ง อาหารเช้ายอดฮิต แต่ผมขี้เกียจอ่ะ อยากยัดอะไรก็ได้ลงท้องแล้วนอนเลย
แล้วก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อเปิดตู้เย็นที่ทำใจว่าคงมีแค่น้ำเปล่ากับไข่ฟองสองฟองเหมือนอย่างทุกครั้ง กลับพบกับของกินมากมายที่อัดแน่นเต็มตู้เย็น
อาหารแช่แข็งในช่องฟรีซ ไล่ชั้นลงมาเป็นพวกผลไม้สดจำพวกองุ่น แอปเปิ้ล ส้ม ชั้นล่างสุดเป็นขนมขบเคี้ยว อะไรคือห่อโปเต้ก็เอามาแช่เย็นด้วย ไล่ไปยังฝาตู้เย็นข้างขวดน้ำเปล่าจะเป็นบรรดานมรสจืด ช็อกโกแลต สตรอเบอรี่ แม้แต่นมถั่วเหลืองก็ยังมี
ไม่ต้องเปิดไพ่ให้เสียเวลาก็รู้ว่ามาจากฝีมือใคร
นี่คิดว่าห้องผมน้ำท่วมหรือไง ถึงซื้อของมาตุนให้เยอะขนาดนี้ นี่ถ้ามีข้าวสาร ปลากระป๋อง มาม่าละใช่เลย ถุงยังชีพชัดๆ
โอ๊ย แล้วพูดไม่ทันขาดคำ เพราะเมื่อผมเปิดกล่องลิ้นชักลายริลัคคุมัคที่สะสมแสตมป์เซเว่นอย่างบ้าคลั่งเพื่อแลกมันมาก็เจอเข้ากับมาม่าหลากหลายรสชาติทั้งไทยและเกาหลี แล้วยังจะปลากระป๋อง ผักกาดกระป๋องยังมีอ่ะ เอ้า ยอมเค้าเลย
บ้านใครน้ำท่วมมาห้องผมได้นะครับ ดูแล้วเป็นศูนย์หลบภัยไปได้หลายวัน
ผมเลือกเกี๊ยวน้ำออกมาเวฟ ได้กินอะไรร้อนๆหลังจากที่อดนอนมาทั้งคืนแล้วรู้สึกดีเป็นบ้า
หลังจากซัดมื้อเช้าเสร็จ ผมก็เคร้งลงเตียง และหลังจากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย เรียกว่าสมองชัตดาวน์เหมือนคอมพิวเตอร์แบตเสื่อมตอนโดนดึงปลั๊กออก
ครืด ครืด
งืมๆ
ใครโทรมาว้า ง่วงโว้ยยยยยย
มือผมควานเปะปะไปยังโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะคว้าวัตถุที่สั่นครืดๆขึ้นมา
“โหล”
ครืดดด
งืออ ทำไมสั่นใส่หูกู!
ดึงขึ้นมาก่อนหยีตาดู
อ่อ ยังไม่ได้กดรับอ่ะ
ติ๊ด
“โหล”
‘ไอ้ตาร์’
“เออ”
‘ยังไม่ตื่นหรอวะ’
“อืม”
‘ตื่นๆ ไปหอสมุดกลางกัน’
“ไม่ไป จะนอน”
ติ๊ดๆ
โอ๊ย มึงเข้าใจคำว่าจะนอนมั้ย มึงต้องวางสาย ไม่ใช่กดขอวิดีโอคอล!
“กูง่วง!” ผมกดรับคำขอ ทันทีที่หน้าไอ้แฟ้มโผล่มาบนหน้าจอ ผมก็ตีหน้าบึ้งทันที
‘ไหนเมื่อวานบอกจะไปหอสมุดกลางอ่ะ กูก็จะไปเนี่ย ลุกเลย ไปด้วยกัน’
“ไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป” ผมว่างัวเงียพลางบี้หน้าลงบนหมอน
“ไม่ได้ อีกครึ่งชั่วโมงกูไปรับ ตามนี้”
แล้วมันก็วางสายไป ทิ้งให้ผมนอนหลั่งน้ำตาท่วมหมอน ถ้าราขึ้นก็โทษไอ้แฟ้มคนเดียวเลย
เกิดเฮี้ยนห่าไรขึ้นมา ทุกทีกูเห็นมึงขี้เกียจจะตาย!
ผมโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ขออีกสิบนาทีก็แล้วกัน ฮือ
สุดท้ายสิบนาทีก็ลากยาวไปเป็นชั่วโมง ไอ้แฟ้มด่ายาวจนผมต้องกดตัดสายหนี สรุปว่ามันไปก่อน แล้วให้ผมตามไปทีหลัง
ทั้งที่ขี่รถมาถึงหน้าหอผมแล้วนะ บอกให้ขึ้นมารอบนห้องขอแต่งตัวแป๊บเดียวก็ไม่ยอม
รีบไปตายที่ไหนวะ
ผมเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำทั้งที่หัวยังหนักอึ้งและมึนขั้นสุด ฮือ ใครมาแอบเอาขี้เลื่อยกูออกแล้วยัดหินเข้ามาแทนวะ ปวดหัวเว้ยยย
พอได้น้ำเย็นราดหัวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เดินขยี้ผมออกมาจากห้องน้ำพลางเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา บ่ายโมงแล้วหรอวะ ตายโหง วันนี้หอสมุดกลางปิดบ่ายสามโมงเย็น
รีบเลยกู รีบเลยกู ดีนะอิเจ๊ลิสต์รายชื่อหนังสือไว้ให้แล้ว
พูดถึงก็หายไปเลยเนี่ย จมเค้กวันเกิดตายไปแล้วมั้ง ปกติต้องทักต้องโทรมากวน นี่แม้แต่สติ๊กเกอร์หน้ามาดามมดที่ส่งมาเป็นประจำก็ไม่มี เฮอะ! ไปวันเกิดน้องชายจริงเปล่าเหอะ
แล้วกูจะมาฟุ้งเรื่องอิเจ๊ทำไมล่ะเนี่ยยยยยยย
ผมรีบแต่งตัว กวาดของลงเป้หนังสีน้ำตาลใบโปรดแล้วลงไปยังลานจอดรถของหอ อืม ให้ตายเถอะ ลืมใส่เสื้อคลุมแขนยาวมา แดดโคตรร้อนเลย กูจะละลายกลายเป็นผุยผงก่อนถึงที่หมายมั้ยวะ
บนงึมงำแต่สุดท้ายเพราะความขี้เกียจก็ตัดสินใจออกมาทั้งอย่างนั้น ระหว่างขี่รถเห็นคนที่ผมติดหนี้บุญคุณเขาไว้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ยืนกระสับกระส่ายหน้าเคร่งอยู่ข้างถนน ผมเลยเปิดไฟเลี้ยวแล้วชะลอรถจอดลงข้างๆพี่เขา
“พี่เต้”
“อ้าว น้องตาร์”
“รถเป็นไรอ่ะครับ” ผมมองไปที่รถยนต์คันสีขาว
“ยางแตกน่ะ เซ็งเลย แต่เรียกช่างแล้วล่ะ” ปัญหาเหมือนได้รับการแก้ไขแล้วแต่หน้าตาเจ้าตัวดูไม่คลายความเครียดลงเลย
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” พี่เต้มองหน้าผมอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา
“คือความจริงพี่มีสอบน่ะ โทรให้เพื่อนมารับแล้ว แต่ไม่รู้ว่ากว่ามันจะมา จะไปเข้าสอบกันทันมั้ย”
อืม แพทย์เขาเรียนเขาสอบไม่เหมือนคณะอื่นอ่ะเนอะ
“งั้นผมไปส่งมั้ย แอร์ไม่เย็นเหมือนรถยนต์ แต่ไปสอบทันแน่นอน”
“ได้หรอครับ รบกวนน้องตาร์หรือเปล่า”
“สบายมาก ขึ้นมาเลยครับ” ผมขยับตัวไปด้านหน้านิดหน่อยเพื่อให้พี่เต้ขึ้นมาซ้อน อีกฝ่ายหายเข้าไปในรถแป๊บนึงก่อนออกมาพร้อมกระเป๋าสะพายข้าง พอขึ้นซ้อนวิญญาณนักบิดฟอมูล่าวันก็เข้าสิง ถึงจะเป็นแค่ฮอนด้าสกูปปี้ แต่พาสารถีไปสอบทันแน่นอนจ้า
ในที่สุดผมก็พาพี่เต้มาสอบทัน แต่กว่าจะถึงก็เล่นเอาเหงื่อตก
พี่เต้อ่ะเหงื่อออกเพราะแดดเผา แต่ตัวเรานี่สิ...เหมือนชาวนากับกูเห่าชัดๆ
อะไรคือผมช่วยพี่ แต่พี่หลอกแต๊ะอั๋งโผ้มมมมมมม
เดี๋ยวเกาะบ่า เดี๋ยวจับเอว แรกๆก็ว่าพี่เค้าคงไม่ชิน คงกลัวตก โอเค ยอมรับได้
แต่หลังๆมีลูบๆไล้ๆนี่ไม่ใช่แล้วโว้ยยยยยยย
นี่ถ้าไม่รีบลงไปมีถีบนะเออ
“ขอบใจน้องตาร์มากนะครับที่มาส่ง”
“ครับ พี่รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทัน”
“มีห่วงด้วย น่ารักจัง” ไล่ต่างหากโว้ย
“ผมไปก่อนนะ”
“ครับ เอาไว้พี่เลี้ยงข้าวตอบแทนนะ”
“เห้ย ไม่เป็นไร นิดเดียวเอง” ถือว่าหายกัน เพราะผมก็เอาชื่อพี่มาแอบอ้างบ่อยๆ
“ตกลงตามนี้ เดี๋ยวพี่ไปก่อน จุ๊บครับ”
โฮ ไม่ฟังกูเลย แล้วมาทำปากจู๋อีก จุ๊บเจิ๊บอะไรล่ะ ขนลุกเว้ย
กว่าผมจะมาถึงหอสมุดก็ล่อไปบ่ายสองกว่าๆ โทรหาไอ้แฟ้มก็ได้ความว่านั่งอยู่ชั้นสอง ผมขึ้นไปพลางกวาดสายตามองหาก็เจอเจ้าตัวที่ยกรักแร้โบกมือไหวๆอยู่
เออ เห็นแล้ว
“ช้า”
“เออน่า อ้าว หวัดดีครับพี่อ้อนน้อย” ผมขมวดคิ้วงงว่าพี่เขามาอยู่นี่ได้ยังไง หันไปเลิกคิ้วใส่ไอ้แฟ้ม ผมว่าได้กลิ่นตุๆ
“อ้อนขอตามมา”
“ไม่ได้อ้อน แฟ้มต่างหากตามพี่มาเอง!”
ตกลงอ้อนนี่คือคำกิริยาไม่ใช่นาม ถูกม๊ะ
“รู้หรอกว่าอยากให้มาด้วย”
“ไม่เคย”
เอ่อ ผมว่าผมได้กลิ่นผัวเมียแปลกๆ หรี่ตามองอย่างคนขี้เผือก เรื่องเรียนไม่ค่อยขยัน แต่เรื่องมันกูต้องยุ่ง!
แล้วที่จิกกูเป็นไก่นี่ความจริงผีเด็กเรียนไม่ได้เข้าสิงถูกมั้ย ผีขุนแผนนี่เอง
หึ เพื่อนแฟ้ม เราต้องมีหลังไมค์กันแล้วล่ะ
“อ่ะแฮ่ม ตามสบายนะ ไม่ต้องสนใจกูหรอก เฮ้ย กูอยู่ได้จริงๆ ไม่เป็นไรๆ” ผมวางกระเป๋าเป้ ยกมือขึ้นโบก อีกมือทาบอกเป็นเชิงเจ็บปวดมากมาย เลยโดนยางลบปาใส่ เฮ้ย โดนหน้าผากดังแปะเลย เจ็บนะ
“ไหนจะไปยืมหนังสืออ่ะ ไปดิ เดี๋ยวก็หมดเวลายืมหรอก”
“โอเค เพื่อนแฟ้ม กูรู้มึงเป็นห่วง กลัวกูยืมหนังสือไม่ทัน ไม่ได้คิดจะไล่ เข้าใจๆ”
แล้วก่อนที่อะไรๆจะลอยมาอีก ผมก็เผ่นแนบ โหย แซวนิดแซวหน่อยทำเกรี้ยวกราด ได้ทีกูก็ต้องขี่แพะไล่ป่าวอ่ะ ทีมึงยังเล่นกูเป็นเดือนๆ
ผมไปที่คอมพิวเตอร์ของหอสมุดเพื่อดูว่าหนังสือที่ต้องการเลขที่อะไร อยู่ชั้นไหน เพื่อสะดวกต่อการหา ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงผมก็ได้หนังสือทั้งหมดมาไว้ในมือ ไปทำเรื่องยืมกับบรรณารักษ์แล้วหอบหนังสือที่หนาเท่าตึกสามชั้นกลับมาที่โต๊ะ
“โห เดี๋ยวนี้อินเตอร์ อ่านหนังสือภาษาปะกิด” กูอยากอ่านซะที่ไหนล่ะ โง่จะตาย ขนาดอ่านภาษาบ้านเกิดยังไม่ค่อยเข้าใจเลย
แต่เพราะเนื้อหาที่ต้องการไม่มีในหนังสือภาษาไทยไง ฮือ ชีวิต
“แล้วไปไหนต่อ” ผมถาม ใกล้บ่ายสาม หอสมุดจะปิดละ
“อ้อนไปไหน” แฟ้ม จู๋มึงผูกติดกับพี่เค้าหรอ!
“เดี๋ยวจะไปทำงานห้องพิชชี่ต่อ เออแล้วก็...” พี่อ้อนน้อยหันมาสบตากับผม ง่อวววว ทำไมตาพี่เค้าสวยจัง “พิชบอกว่าให้ตาร์ไปด้วย”
“หะหา? เกี่ยวไรกับผมอ่ะ” แล้วเจ๊รู้ได้ไงอ่ะว่าผมอยู่ด้วย
“ไม่รู้อ่ะ พิชบอกที่นัดกันเมื่อวานเปลี่ยนเป็นไปที่ห้องพิชเลยแล้วกัน”
อ่อ สงสัยที่เจ๊บอกเสร็จธุระแล้วจะมาช่วยดูรายงาน ตะแต่! ไปบอกคนอื่นว่านัดกันแบบนี้ก็สงสัยกันหมดสิ! อิเจ๊บ้าเอ้ย
“พะพอดีผมบังเอิญเจอเจ๊ที่มหาลัย เจ๊รู้เรื่องที่รายงานผมโดนตีกลับ เลยเอ่ยปากจะช่วย”
“ยังไม่ได้ถาม”
กูอยากบอกไงไอ้เชี่ยแฟ้ม! อย่าขัดดิ เดี๋ยวมีพิรุธ
“พิชก็แบบนี้แหละ ใจดีกับทุกคน งั้นเราไปกันเลยเนอะ”
“ครับ”
จะทำไงได้ล่ะ ปฎิเสธก็เดี๋ยวจะดูมีพิรุธไปใหญ่ เลยได้แต่เก็บกระเป๋า เดินตามพี่อ้อนน้อยไป
“เดี๋ยวผมแยกไป รถผมอยู่ทางนี้”
“งั้นพี่รอข้างหน้านะ”
“ไม่ต้องรอครับ พี่เอารถยนต์มาใช่มั้ย เจอกันที่คอนโดเจ๊พิชเลย” มาขับรอผม คันหลังบีบแตรไล่พอดี
“อ้าว เรา...”
พี่อ้อนน้อยทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไอ้แฟ้มจับแขนไว้ซะก่อน
“ไปกันเถอะ เฮ้ย กูไปกับอ้อนนะ”
“เออ”
ผู้หญิงกับเพื่อน มึงก็ไม่เลือกกูหรอก ชิ
แต่พี่อ้อนน้อยไม่ใช่ผู้หญิงนี่หว่า เหอๆ
#เมียตุ๊ด