บทที่ 18 เผลอตัว เผลอใจ เผลอไป...
---แนะนำให้ฟังเพลงเผลอไป-เเทคทูคัลเลอร์ไปด้วยเพื่อเสริมสร้างอรรถรส---
“พี่ตฤนหอบอะไรมาเยอะแยะ” ตฤนเดินถือถุงพลาสติกหลายใบเดินเข้ามาในห้อง บุ้งทักทายก่อนเป็นคนแรก
“ขนม กับข้าวกลางวัน” นอกจากปราชญ์จะมาส่งเขา มันยังเตรียมขนมกับข้าวกลางวันให้เขาด้วย... ไอ้พวกร่ำรวยเงินเหลือเอ้ย!!!
จากนั้นตฤนก็พูดทักทายพี่ ๆ ทุกคน ก่อนจะนั่งประจำที่เช่นทุกครั้ง
วริษฐ์ยืดตัวขึ้นมองตฤน รอยที่แขนจางไปแล้ว แต่รอยเล็บที่หลังของเขายังแสบน่าดู วาเนสซ่า เหมือนจะทั้งรักทั้งชังในตัวเขา เมื่อวานตอนเย็นเขาจัดไปให้ตามความต้องการของเธอ แต่เธอทั้งจิกทั้งข่วนแผ่นหลังของเขาจนเป็นรอยแดง ผู้หญิงที่หึง และคิดว่าตัวเองสำคัญพอจะมาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขา บางทีนี่ก็น่ารำคาญนะ... เขาลอบมองใบหน้าเนียนที่ขยับจัดนู้นนี่เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานวันนี้ น้องมันน่ารัก...เขาจะต้องหาทางลองของใหม่ให้ได้...
วริษฐ์ มักมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวตฤน จะด้วยสอนงาน หรือมาแหย่เล่นก็ตาม
“น้องตฤน วันนี้ไปกินข้าวกับพี่มั้ย เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง แล้วไปส่งเราที่บ้าน” วริษฐ์พูดขึ้นขณะดูน้องนั่งพิมพ์งาน
“วันนี้ไม่ว่างครับพี่ ขอโทษด้วยครับ” เขาตอบปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
วริษฐ์พยักหน้าเข้าใจ ‘ไม่เป็นไรพรุ่งนี้ก็เจอกัน’ เขาคิดในใจ ก่อนลุกขึ้นยืน วางมือหนาลงที่บ่าของตฤน เขาตบมันเบา ๆ ก่อนจะเดินอ้อมกลับไปนั่งประจำที่
ช่วงเย็นปราชญ์มารับตฤนที่ทำงานตาม เวลานัดหมาย ไม่มีวริษฐ์หรือใครหน้าไหนมาแทรกกลาง เขาเพ่งมองแขนขาว ๆ ที่กำลังจับเข็มขัดนิรภัย มันมีรอยแดงเล็ก ๆ มันเหมือนจะเป็นแค่รอยจาง ๆ
“แขนตรงนั้นมันแดง ๆ มั้ยวะ” ปราชญ์ทักขึ้นทันที
“เมื่อวานโดนน้ำร้อนลวกนิดนึง”
“ฮะ! ทำไมไม่บอก!” ปราชญ์ส่งเสียงดังขึ้นมา
“ทำไมกูต้องบอกมึงทุกเรื่องวะ แค่น้ำร้อนลวกเนี้ย” ตฤนพูดพลางยกแขนให้อีกฝ่ายเห็นชัด ๆ “เนี้ยมันแค่นิดเดียวเอง”
“เออ ก็กู...เป็นห่วงนี่หว่า” ปราชญ์พูดเสียงอ้อมแอ้ม ๆ
“ข้าวกลางวันอร่อยดีนะ” ตฤนเปลี่ยนเรื่องพูดดื้อ ๆ หน้าตาเฉย
“อื้อ กำลังฝึกฝีมืออยู่”
“ตั้งใจจะทำได้ทุกอย่างเลยหรอไงวะ เป็นมิสเตอร์เพอร์เฟคหรอ” ตฤนบ่นขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ถ้ามันจะเก่งจะดีทุกอย่างขนาดนี้ล่ะก็นะ
“ก็คอยชิมให้หน่อยแล้วกัน”
“ให้เป็นหนูทดลองชัด ๆ ” ตฤนส่ายหน้าอ่อนใจ ขณะรถค่อย ๆ เคลื่อนไป
“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ ว่างมั้ย”ปราชญ์เอ่ยถามคนข้าง ๆ
“ไม่ว่างว่ะ” ตฤนตอบทันควัน ไม่มีคิดทบทวนอะไร
“ไปไหน” ปราชญ์ที่ตั้งใจจชวนตฤนไปเที่ยวต่างจังหวัดได้แต่รู้สึกผิดหวัง เมื่ออีกฝ่ายดันมีนัด เขารู้สึกเหงาหงอยอยู่ข้างใน ว่าจะชวนไปทะเล
“ไปเที่ยวกับที่ทำงาน”
“ไปที่ไหน” ปราชญ์ถามซ้ำ ถ้าไปกับที่ทำงานก็คงมีวริษฐ์ด้วย นึกหน้ามันก็หงุดหงิดแล้ว
“ไป..เอ่อ ลืมว่ะ” ตฤนค้นกระเป๋าตัวเอง หยิบกระดาษขนาดครึ่ง A4 ออกมา มันเป็นโปรแกรมเที่ยว เขากำลังจะอ่านแต่ปราชญ์ดึงจากมือไปก่อน
ตฤนทำหน้าไม่พอใจที่ถูกดึงกระดาษออกไปจากมือ
รถติดพอดี ปราชญ์เลยหยิบกระดาษมาอ่านหลายละเอียด เขาจดจำมันเอาไว้ เพราะเขาตั้งใจจะตามไป...
ปี้นนนน
เสียงแตรรถคันข้างหลังบีบไล่ปราชญ์ ที่ไฟเขียวแล้วก็ยังไม่ออกตัว
“รู้แล้วว้อย แม่ง ไม่กี่วิรอไม่ได้ไงวะ” ปราชญ์สบถเกรี้ยวกราดออกมา
“โวยวายทำไม เมิงผิด” ตฤนพูดพลางส่ายหัว เขาดึงกระดาษกลับมาเก็บใส่กระเป๋า
ปราชญ์เงียบไปพลางคิดว่าจะต้องทำอะไรก่อนหลังในวันพรุ่งนี้ จะตามดูไม่ให้คาดสายตาเลย
พวกเขาฝ่ารถติดจนมาถึงที่จัดคอนเสิร์ต รถติดหนึบเป็นช่วง ๆ กว่าจะมาถึงคอนเสิร์ตก็เริ่มไปแล้ว คนเยอะมาก ทั้งวัยรุ่นเด็ก ๆ ไปจนถึงวัยทำงาน ดนตรีมันไม่ได้จำกัดอายุ ปราชญ์ส่งบัตรเข้างานให้พนักงานตรวจ พอผ่านประตูเข้าไป เขาก็ถือโอกาสคว้าข้อมือบางเอาไว้ ก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน ผู้คนเบียดเสียด ตฤนก็ไม่ได้โวยวายอะไรที่ถูกจับแขน เพราะคนเยอะจริง ๆ กลัวหลง เขาก็ปล่อยให้อีกฝ่ายจูงเดิน เมื่อได้ที่พอเหมาะพวกเขาก็ยืนดูคอนเสิร์ต เสียงเพลงสนุกสนาน พาให้ทั้งคู่กระโดดโยกหัวโยกตัวสนุกไปด้วยกัน
เพราะคนเยอะแอร์เลยสู้ไม่ไหว เหงื่อผุดพรายบนใบหน้าของทั้งคู่ ไม่ต่างจากรอยยิ้มที่ฉายชัดว่าทั้งคู่กำลังมีความสุขและสนุกอยู่กับมัน
พลั่ก
คนอื่น ๆ ก็สนุกมากเหมือนกัน ข้างหลังกระโดดเเรงจนเสียหลักพลาดมาชนหลังตฤน จนเซหน้าทิ่มไปข้างหน้า ดึงที่ปราชญ์คว้าแขนไว้ได้ทัน
"ขอโทษครับๆ" ชายหนุ่มเอ่ยพลางก้มหัวขอโทษ
"ไม่เป็นไรครับ" ตฤนตอบกลับใบหน้ายิ้ม แม้จะรู้สึกเจ็บที่หลังนิดหน่อย ปราชญ์เห็นแบบนั้นจึงเอื้อมมือไปแตะหลังอีกฝ่ายเบาๆ " เจ็บมั้ย"
นิดหน่อย" ตฤนหันไปสนใจกับเสียงเพลงต่อ ส่วนปราชญ์ขยับไปกึ่งซ้อนอยู่ด้านหลังตฤน เพราะกลัวใครจะมาชนอีก ไม่อยากให้ตฤนต้องเจ็บตัว
เสียงเพลงจังหวะสนุกๆ พอให้คนโยกขยับตัว
"ต่อให้มองเธอเท่าไรไม่เบื่อ คุยกันเหมือนเราเป็นเพื่อน กอดสักทีได้ไหม แต่ต้องข่มใจไว้"
ปราชญ์มองคนตรงหน้าที่สนุกกับเพลง มือหนาแตะสัมผัสกับเอวบางของคนตรงหน้า อย่างลืมตัว
"เอาจริง ๆ ฉันคงไม่กล้า ปล่อยให้มันผ่านพ้นไป
และช่วงเวลา ไม่รู้อะไร
ที่มากดดันให้ฉันได้เฉลยในใจ ไม่กล้าจะเอ่ย
ให้ฉันได้พูดไปอย่างนั้น"
ปราชญ์ขยับตัวเข้าไปใกล้พลางร้องเพลงคลออยู่ข้างหู
"ว่าฉันนั้นรักเธอ ก็ปากมันเผลอไป
ในเวลาที่สองเราอ่อนไหว ได้ตัดสินใจพูดคำว่ารัก
และฉันไม่รู้ตัว ได้แต่ยอมรับมัน
เก็บคำบางคำซ่อนไว้ว่าใจฉันนั้นรักเธอ ฉันเผลอออกไป"
ตฤนยืนตัวแข็งทื่อ ทั้งเสียงทุ่มนุ่มที่ข้างหู ลมหายใจร้อนที่เป่ารดอยู่ที่ต้นคอ และสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างลำตัว ... เขาได้แต่ยืนนิ่ง อย่างไม่รู้จะทำยังไง ใบหน้าขึ้นสีเรื่อในความมืด บรรยากาศยิ่งร้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ใบหน้าของตฤนร้อนวูบอย่างคุมไม่ได้ และใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ 'มันก็แค่ร้องเพลง ที่ใกล้ขนาดนี้เพราะคนมันเยอะ ‘ตฤนผ่อนลมหายใจลง เมื่อคิดได้แบบนั้น’ ซะเมื่อไหร่... มันจะได้ยินมั้ยวะ ว่าใจเต้นแรงขนาดนี้
ตฤนขยับตัวเว้นระยะห่างนิดนึง ก่อนจะทำทีโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงแบบเบลอ ๆ
“ทุกคนครับบบบ เหนื่อยกันมั้ยครับ!!!” เสียงนักร้องพูดทักทายคนดู
“ไม่เหนื่อย” เสียงตะโกนกลับไปของคนดูส่วนใหญ่
“เฮ้อ แต่ผมเหนื่อยแล้วครับ ผมแก่แล้ว อีกอย่าง ผมเป็นห่วงทุกคนครับ กลัวจะดึกเกินไป”
“ไม่ต้องห่วง” เสียงตะโกนตอบกลับไปอีกครั้ง
“ห่วงครับ! ผมเป็นห่วงจริง ๆ เพราะตามส่งทุกคนไม่ไหวนะครับ เพลงสุดท้าย คืนนี้สบาย”
“ฉันได้ยินข่าว ว่าจะมีคนร้ายท่าทางดูดี
ผ่านไปมาเมื่อยามราตรี เธอระวังเอาไว้”
ปราชญ์อ้าแขนกอดคอคนข้าง ๆ เอาไว้ ตฤนก็ยกแขนขึ้นกอดคอคนข้าง ๆ ตอบ โยกตัวไปตามจังหวะเพลง ปราขญ์ร้องคลอตะโกนเสียงดังในท่อนฮุค
“งั้นไปด้วยกันไหม ให้ฉันมารับไปส่ง
งั้นไปด้วยกันไหม เพราะค่ำคืนอันตราย
งั้นไปด้วยกันนะ ฉันจะพาผ่านความเหงา ความเดียวดาย
ให้ฉันดูแลเธอ ไม่ต้องกลัวอะไร”
ตฤนหันมองคนข้าง ๆ เสี้ยวหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน ดีที่ความมืดซ่อนใบหน้าของเขาเอาไว้ ...อันตราย เหมือนมันจะไม่ปลอดภัยต่อหัวใจเขาเท่าไหร่ ตั้งสติหน่อยตฤน มันเป็นผู้ชาย เราก็เป็นผู้ชาย!
เมื่อคอนเสิร์ตจบลง ตฤนกลับสู่สภาพปกติแม้จะไม่เต็มร้อยนักก็ตาม ปราชญ์ไปส่งเขา พร้อมฮัมเพลงเบา ๆ
“งั้นไปด้วยกันไหม ให้ฉันมารับมาส่ง”
“ไปก็ได้ ประหยัดดี” ตฤนตอบหวังกวนประสาท
“หึ”
ปราชญ์หัวเราะพลางดันหัวตฤนเบา ๆ ส่วนตฤนแทบกลั้นหายใจ เขามักสะดุ้งเวลาปราชญ์โดนตัว เขากำลังเป็นบ้าไปแล้ว
วันรุ่งขึ้น
เขาออกเดินทางไปตามสถานที่นัด เพื่อนั่งรถไปเที่ยวกับที่ทำงาน พวกเขาแวะไหว้พระ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่พัก เมื่อไปถึงตฤนมองโรงแรมอย่างตื่นตาตื่นใจ โรงแรมดูหรูเกินกว่าที่ลำพังพนักงานเงินเดือนของเขาจะมาได้ พักที่นี่น่าจะใช้เงินเดือนไปเยอะจนเขาต้องกินมาม่าทั้งเดือนเพื่อให้ได้มา
“เดี๋ยวขึ้นไปเช็คห้องกันก่อน” พี่สายใจพูดขึ้นมา วันนี้พี่สายใจเหมือนกับเป็นหัวหน้าคณะทัวร์ “ส่วนกระเป๋าเอาแค่ของที่มีค่าออกมา นอกนั้นเดี๋ยวให้พนักงานยกไป” พี่สายใจเป็นหุ้นส่วนที่นี่ แกเลยได้ราคาพิเศษมาก ๆ สำหรับพวกเรา
ตฤนเดินไปรับกุญแจจากพี่สายใจ สายตามองเลยไปตรงเคาเตอร์ของโรงแรม เขาเห็นผู้ชายที่ดูคุ้น ๆ เขายืนหันหลัง หลังผู้ชายก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่หรอก
วริษฐ์เดินมารับกุญแจจากตฤน “ไปกัน จะได้ไปพักให้หายเมื่อย”
ตฤนพยักหน้าก่อนจะเดินตาม
พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกัน พักอยู่ในชั้นเดียวกันห้องใกล้ๆกันหมด
“รู้มั้ยทำไมเราถึงแยกมานอนกันสองคน”
ตฤนส่ายหน้าแทนคำตอบก่อนจะโดนลงไปบนเตียง
“เพราะว่าพี่สันติกรนนรกแตกมาก ๆ นอนไม่ได้เลย” วริษฐ์พูดพลางนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ตฤน เอียงคอมาคุยกับอีกฝ่าย ในดวงตาเป็นประกายประหลาด
“แล้วไม่ให้พี่แว่นมานอนกับพวกเรา สงสารแก” คนที่ต้องนอนกับพี่สันติคือพี่แว่น เขารู้สึกว่าห้องเขากว้าง นอนได้อีกคนสบาย ๆ
“พี่แว่นถ้ามันง่วงน่ะ ต่อให้เปิดลำโพงจ่อหูมัน มันก็หลับได้”
“จับคู่กันได้ดีเลยแฮะ”
“ตฤนล่ะกรนมั้ย” วริษฐ์ถามพลางขยับไปใกล้อีกฝ่าย
“น่าจะไม่ครับ” ตฤนขยับลุกขึ้นเดินไปเสียบชาร์จพาวเวอแบงค์
“ดีแล้ว ถ้ากรนจะไม่ให้นอน...” วริษฐ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูกรุ่มกริ่ม แต่เขาพูดกับตฤนผู้ใสซื่อซึ่งไม่สามารถรู้ได้ว่าเขาทำเสียงแปลก ๆ และไม่รู้ว่าคืนนี้คนตรงหน้ามีแผนจะทำอะไร
“อย่าไล่ผมไปนอนกับพี่สันติเลย” ตฤนเข้าใจว่าเขาจะโดนลงโทษให้ไปฟังพี่สันติกรนทั้งคืน
เสียงแอพเด้งเตือน
วริษฐ์หยิบมือถือที่ส่งเสียงแจ้งเตือนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะอ่านมันออกมา
“อีก 10 นาทีลงมาเจอกันข้างล่าง”
ก็อก ก๊อก
ตฤนลุกไปเปิดประตู พนักงานยกกระเป๋าขึ้นมาให้ เป้ใส่เสื้อผ้าสองใบใหญ่ ๆ ของเขากับพี่วริษฐ์ เขากล่าวขอบคุณพนักงานและถือวิสาสะหิ้วเข้าไปให้เลย
“กระเป๋าพี่” เขาวางกระเป๋าทั้งสองใบไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดกระเป๋าตัวเอง เพื่อหยิบชุดว่ายน้ำกับผ้าขนหนู และอุปกรณ์อาบน้ำเตรียมลงไปข้างล่าง
วริษฐ์ก็เช่นเดียวกัน เขาจัดเตรียมข้าวของ “พี่เข้าห้องน้ำแปปนึงนะ”
ตฤนพยักหน้า เขานั่งรอบนที่นอน สายตาไปเห็นของสบู่ซองตกลงมาจากกระเป๋าของวริษฐ์ เขาเลยลุกไปหยิบให้... แต่มันไม่ใช่สบู่ซอง มันคือถุง...
ตฤนรีบหย่อนมันลงไปในกระเป๋า แล้วกลับมานั่งที่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ในใจก็คิดว่า ‘พี่เค้าคงกะได้สาวสักคนวันนี้ ตามประสาคนหน้าตาดี
ทั้งคู่ลงไปด้วยกันแล้วเจอคนอื่น ๆ ทยอยลงมานั่งรออยู่ที่ล็อบบี้
ปราชญ์ไปนอนรออยู่ที่ริมสระ เพราะเขาจำโปรแกรมได้ ว่าจะเล่นน้ำกันช่วงเวลานะ เขาเนียนตามตฤนมาทั้งวัน รูปรวมรูปนึง ติดแผ่นหลังของเขาไกล ๆ เขาตั้งใจเข้าไปอยู่ในรูปนั้น ปราชญ์ตามมาที่พัก เขาได้อยู่ชั้นเดียวกันแต่คนละปีก ยิ่งเขารู้ว่าตฤนนอนห้องเดียวกับวริษฐ์ เขาก็ยิ่งไม่พอใจ มีแต่ความกังวล ถ้ามันกล้าแตะต้องตฤนละก็ เขาจะซัดใบหน้าหล่อเนี้ยบนั่นให้กระเด็น
ตฤนกับวริษฐ์รวมถึงคนอื่น ๆ ลงเล่นน้ำกันที่กลางสระ พร้อมลูกบอล คิดว่าคงเล่นลิงชิงบอลกัน
ปราชญ์แอบมองพวกเขา ถึงตัวเขาจะนอนเหยียดยาวอยู่บนเก้าอี้อาบแดดริมสระ โดยซ่อนใบหน้าไว้ใต้หมวกฟางสาน ซึ่งก็รู้สึกไม่ค่ออยสบายหน้าเท่าไหร่ มันคัน ๆ
“พี่วริษฐ์โคตรโกง” เสียงโวยวายของตฤนดังมาแว่ว ๆ “พี่มาจับเอวผมไว้เพื่อให้ผมไปรับบอลไม่ทัน มันโกงนะครับ”
จับ...จับเอว!!! เหมือนมีเสียงอะไรขาดสักอย่างในหัว เขาโวยวายอยู่ในใจ วริษฐ์มันกล้ามากเกินไปแล้ว! เดี๋ยวเถอะเมิง !
“พี่ไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย เจตนาบริสุทธิ์” เขาพูดพลางยิ้มขำ
แต่ปราชญ์ไม่ขำ เขานึกเกรี้ยวกราด ฉุนเฉียว นึกอยากลุกเดินเข้าไปเปิดเผยตัว แล้วพาตฤนออกมา... แต่เขาก็ได้แค่คิด เขาก็เป็นแค่เพื่อน ...พอคิดแบบนั้น เขาก็รู้สึกหน่วง ๆ ในใจ
“ตฤนส่งมาทางนี้” เสียงหญิงสาวอีกนตะโกนเรียก
“บุ้งรับ” เสียงเล่นกันครึกครื้นยังคงดำเนินต่อไป ส่วนปราชญ์ก็ได้แต่แอบมองแอบฟัง
ตฤนขึ้นจากสระเหลือบมองคนที่นอนอยู่ริมสระ เขารู้สึกคุ้น เขารู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เหมือนปราชญ์ แต่..เป็นไปไม่ได้ มันจะมาอยู่ที่นี่ได้ไง เขาเดินผ่านไปอย่างไม่ติดใจ
จากนั้นพวกเขาแยกกันไปแต่งตัว เตรียมกินข้าวและปาร์ตี้ต่อในช่วงดึก
ตฤนที่ไม่ค่อยดื่ม แก้วเดียวในมือเขา อยู่มาหลายชั่วโมง ปล่อยให้ละลายแล้วละลายอีก พอมันจาง ๆ ตฤนก็เติมโค้กลงไป ปริมาณเหล้าในแก้วจางในจาง จางจนไม่รู้จะจางยังไง ไม่ก็ไม่มีแล้วระเหยออกไปหมด
“ตฤนหมดแก้วนั้น แล้วพี่ขงให้ใหม่” พี่ใหม่ที่นั่งเยื้องกับผมพูดขึ้น
“โดนจับได้ซะแล้วหรอ”
“ใช่ พี่เห็นอย่ามาทำเนียน”
ในขณะที่วริษฐ์ซัดไปแล้วหลายแก้วจนกรึ่ม วาเนสซ่าที่นั่งข้าง ๆ ก็พยายามจะชงเพิ่มให้ ดูแลเอาอกเอาใจวริษฐ์เป็นอย่างดีแต่วริษฐ์กลับหันไปหาตฤน ยกแก้วขึ้นขอชน
“หมดแก้ว พี่ใหม่จะได้ชงให้เราใหม่”
พอตฤนดื่มหมด วริษฐ์ก็ขยับยกมือขึ้นกอดคอตฤนไว้ พลางพูดกระซิบชื่นชมอยู่ข้างหู
“เก่งมาก ตฤน” ลมร้อนข้างหูทำให้เขาขนลุกซู่
“พี่เนี้ยเริ่มเมาแล้ว” ตฤนพูดแย้งวริษฐ์ที่เอาแต่กอดคอเขาไม่ปล่อย
ปราชญ์นั่งมองทั้งคู่จากระยะไกล ได้แต่จ้องเขม็ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวด้วยความโมโห เขายกแก้วในมือขึ้นซัดอึกใหญ่
“เอ้าชน!” พี่ใหม่เรียกทุกคนชน
วริษฐ์ยกทีเดียวหมดแก้ว
“พี่เมาผมไม่แบกนะ”
“พี่น่ะ เมายาก” วริษฐ์พูดพลางหันจ้องหน้าตฤน
ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนมีประกายวิบวับไม่น่าไว้วางใจปรากฏออกมาจากดวงตาของวริษฐ์ ...ตฤนก็สลัดความคิดนั้นออกไป มันไม่มีอะไรหรอก
พวกเขานั่งกินดื่มกันไปเรื่อย ๆ พูดคุยเรื่องตลก เอาเรื่องแผนกอื่น หรือพี่คนอื่นในบริษัทมานินทาขำ ๆ ตฤนก็นั่งเก้บข้อมูลไปเงียบ ๆ เขาเองก็โดนให้ดื่มไปหลายแก้ว ชักจะไม่ไหว
“พี่ ผมไปห้องน้ำแปป”
ตฤนลุกขึ้นไปห้องน้ำ เขาดื่มน้ำเยอะก็เลยปวดฉี่
พอตฤนกลับมาก็พบว่ามีหลายคนลุกกลับห้องไปแล้ว ตัวเขาเองก็ง่วง ๆ อยากอาบน้ำพักผ่อน เขากดมือถือเพื่อดูเวลา เกือบจะห้าทุ่ม เขาฮ้าวออกมา เริ่มง่วง
“พี่วริษฐ์ผมขอไปก่อนนะ”
“หืม? ไปแล้วหรอ” วริษฐ์พูดเหมือนอาวรณ์ “เดี๋ยวพี่ไปด้วยขออีกสองแก้ว”
“ก็ได้พี่” ตฤนจำใจต้องนั่งรอรูมเมทของเขา พอครบกำหนดเขาก็ลุกขึ้น เขาลาคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่สว่าง ๆ
วริษฐ์ดื่มจนตัวแดง แต่เขาไม่ถึงกับเมา แค่กรึม ๆ มึน ๆ เท่านั้น
“พี่ไหวมั้ย” ตฤนถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อร่างสูงข้าง ๆ เดินเซ
“สบายมาก” เขาพูดพลางแตะที่กลางหลังตฤน เขาขนลุกขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
พวกเขาเข้าไปในห้อง ตฤนรู้สึกเหนื่อยล้าเขาอยากจะเข้าห้องไปอาบน้ำนอน
วริษฐ์เดินตามหลังเข้ามา พลางนั่งบนที่นอน
“พี่ ผมขออาบน้ำก่อนนะ” ตฤนลุกหยิบผ้าเช็ดตัว กับเสื้อผ้า เขากำลังเดินเข้าห้องน้ำ
“เดี๋ยวก่อน” วริษฐ์พูดขึ้นมาทำให้ตฤนชะงักก่อนหันไปมอง พี่วริษฐ์เดินเข้ามาใกล้
“พี่จะเข้าหรอ เข้าก่อนเลยก็ได้” ตฤนเบี่ยงตัวหลีกให้ แต่ทว่าวริษฐ์กลับเดินตรงมาหาเขา ดันตฤนติดกำแพง สองมือจับใบหน้าของคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะประทับจูบลงไป จูบรุนแรงเร้าร้อน ดวงตาตฤนเบิกกว้างด้วยความตกใจ ลมหายใจแทบขาดห้วงจากการถูกจูบรุกเร้าที่รุนแรง เขาแทบหมดแรง ตฤนนิ่งอึ้งเบลอไปชั่วขณะ ข้าวของทุกอย่างในมือร่วงลงกองกับพื้น
“ตฤน..” เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยอารมณ์ของวริษฐ์ ดังอยู่ข้างหู เขาขนลุกเกรียว แต่ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ตัวเขาแข็งทื่อ เขาไม่มีภูมิคุ้มกันกับเรื่องแบบนี้
วริษฐ์รุกต่อโดยมีเป้าหมายที่ซอกคอขาว สองมือลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียน ก่อนที่จะลูบลงมาที่กางเกง มือเรียวสอดเข้าไปในกางเกงหวังปลุกอารมณ์เด็กน้อยให้ตื่นขึ้น อยู่ ๆ ภาพของปราชญ์ที่เช็ดตัวให้เขาอย่างทะนุถนอมแว่บเข้ามาในหัว ตฤนมีสติกลับมามากพอเขาขัดขืน ผลักร่างสูงที่ไม่ทันตั้งหลักกระเด็นลงไปกับพื้น เขาวิ่งหนีไปทางประตู วริษฐ์ที่อยู่ในสภาพมึนเมา พยายามลุกขึ้น เขาคว้าแขนตฤนได้ข้างนึงก่อนออกแรงดึงให้ตฤนเสียหลักล้มลง
“ปล่อยว้อย” วริษฐ์พลิกตัวขึ้นคร่อมตฤน เขาซุกไซร้ซอกคอขาว ตฤนตีเข่าใส่จุดอ่อนไหวที่ผู้ชายทุกคนรู้กันดี แรง กระแทกถาก ๆ แต่ก็ทำให้วริษฐ์เจ็บได้ ตฤนพลิกลุกขึ้นวิ่งถลาไปที่ประตู ก่อนจะคว้าที่จับเพื่อเปิดประตู
วริษฐ์ที่ตั้งตัวได้ เขาประชิดด้านหลังดันเขาติดกับประตู เสียงดังตึง เขาประกบแนบชิด บางอย่างที่แข็งขืนในกางเกงถูไถอยู่ทางด้านหลัง มือหนากำรวบข้อมือของเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง
ตฤนได้แต่ปลงอยู่ในใจแม้เขาจะโมโหเกรี้ยวกราดแค่ไหน แต่เรี่ยวแรงที่มีกลับหดหาย...
.
[กรี๊ดดดดด น้องจะโดนปล้ำเเล้ววววว วริษฐ์มันร้ายยยยย!!!
จะเริ่มกรี๊ดอะไรก่อนดี กรี๊ดที่ปราชญ์ร้องเพลง หรือกรี๊ดที่น้องพลาดท่าดี! ]
ขอบคุณเพลง เผลอไป และคืนนี้สบายของ แทคทูคัลเลอร์
พูดคุยทักทายกันได้นะคะ ^^