ตอนที่ 16
หักห้ามใจ
“ว่ายังไงนะ! พูดจริงเหรอมะนาว”
ผมร้องถามมะนาวอย่างดีใจหลังจากฟังเรื่องที่เธอเล่าจบ
“จริงสิ ฉันจะโกหกทำไม”
ในที่สุด…ในที่สุดวันที่ไอ้ไฟรอคอยก็มาถึง!
อีกสองวันจะถึงวันคัดเลือกรอบต่อไป ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีแปดคนที่ไม่ได้ไปต่อในการประกวดคราวนี้ และทุกครั้งในรอบคัดเลือก ทางกองประกวดจะเปิดให้ผู้ชมลาติพี่น้องของผู้เข้าประกวดเข้ามาหาได้ และนั่นหมายถึง…
ผมจะได้เจอน้ำ! จะได้เจอไอ้ตูมตาม!
ช่างน่ายินดีอะไรเช่นนี้ โอ๊ยยยย ดีใจจนอยากตะโกนดังๆ
“ว่าแต่ฉันถามจริงๆนะ เธอกับบาร์บี้มีปัญหาอะไรกันเหรอ วันนี้ทั้งวันฉันไม่เห็นพวกเธออยู้ด้วยกันเลยนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวติดกันอย่างกับตังเม”
“เปล่านี่ ไม่มีอะไร”
ผมปฏิเสธ ความจริงเมื่อคืนพอกลับขึ้นไปบนห้อง บาร์บี้ก็พยายามชวนผมคุย พยายามจะเข้าหาและอธิบาย แต่เป็นผมเองที่หลบเลี่ยงเธอตลอด และทำเหมือนเธอเป็นเพียงธาตุอากาศ ส่วนไอ้หน้าหนวดก็ได้ยินว่าถูกไอ้เสี่ยตัณหากลับเรียกไปพบตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้นกันถึงไหนแล้ว บางทีอาจจะถูกถอนสปอนเซอร์ออกก็เป็นได้
“อ๊ะ คุณเปลวนี่นา ไปพบสปอนเซอรตั้งแต่เช้า เพิ่งจะออกมาเหรอเนี่ย มีเรื่องอะไรไหมนะ”
พูดถึงก็มาพอดี ตายยากเหมือนกันนะไอ้เวรนี่
ผมแอบเหล่มองมันเล็กน้อยเพราะแอบอยากรู้ว่าสรุปแล้วเรื่องจบลงยังไง สีหน้าของไอ้หน้าหนวดยังดูอารมณ์ดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล! ทำเป็นยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้คิดอะไรกับบาร์บี้ แต่สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง!
การกระทำสวนทางกับคำพูดทุกอย่าง
เฮอะ!
ละ…แล้วนี่กูจะมาโกรธทำตัวเป็นสาวน้อยไปทำไมฟะเนี่ย! แมนๆอ่ะแมนๆ สะกดให้เป็นหน่อยไอ้ฟายเอ๊ยยย!
“!!!”
เกิดอาการลนลานขึ้นมาทันทีเมื่อสายตาเจ้าเล่ห์ตวัดมาทางผม
ไม่ต้องมามองกูหรอกไอ้คนทุเรศ! กลับไปมองแม่ตุ๊กตาบาร์บี้ของมึงโน่นนนนน!
“เป็นอะไรมากไหมยะ ทำหน้าผีเข้าผีออกอยู่ได้ ให้ฉันตามหมอจิตเวชให้เอาหรือเปล่า”
มะนาวที่ยืนอยู่ข้างกายตลอดเวลาเอ่ยถามพลางยกมือขึ้นแตะหน้าผากผมเพื่อวัดไข้ การกระทำของเธอทำให้ไอ้หน้าหนวดที่ยังคงยืนจ้องผมอยู่ตลอดเวลาถึงกับหัวเราะพรืดจนผมต้องแยกเขี้ยวใส่มันเป็นการขู่
แล้วคิดว่าคนอย่างมันจะกลัวไหม?
คำตอบคือไม่!
เพราะหลังจากเจอผมแยกเขี้ยวใส่ ไอ้หนวดเวรตะไลก็ทำท่าส่งจูบมาให้ผมตามสไตล์กะล่อนของมัน ถ้าไม่ติดว่ากูกลัวคนอื่นเห็น พ่อจะจับเอารอยจูบที่ลอยละลิ่วมาตามลมเอามากระทืบให้จมดินเลย!
“เสร็จกิจกรรมของวันนี้แล้วใช่ไหม ฉันขอตัวไปเดินเล่นก่อนนะ ไม่อยากอยู่ในนี้เลย บรรยากาศไม่ดี”
“บรรยากาศไม่ดีตรงไหนยะ แค่คุณเปลวปรากฏตัวออกมา โลกทั้งใบก็เป็นสีชมพูแล้วย่ะ”
คุณพระช่วย!
แม้แต่มะนาวก็ยังหลงเสน่ห์ไอ้หน้าหนวดนั่นเรอะ!
แต่เอาเถอะ จะไปว่าเขาก็ไม่ได้ ตัวผมเองยังมาตายน้ำตื้นเลยเหมือนกันนี่นา ถึงจะยังงงๆว่าทำไมถึงไปชอบคนอย่างมันได้ก็เถอะ
เพศแม่งก็เพศเดียวกัน
กวนตีนก็กวนตีน
ลามกก็ลามก
มือก็ไวยิ่งกว่าโคตรพ่อโคตรแม่ปลาหมึก
ไม่มีเหี้ยไรดีสักอย่าง แล้วทำไมกูถึงไปชอบมันได้ล่ะเนี่ย
ทำไม! ทำไม! ใครก็ได้ตอบกูที!
ผมคิดว่าตัวเองควรไปหาที่สงบจิตสงบใจก่อนที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ อีกอย่าง ผมไม่อยากให้ไอ้หน้าหนวดมันมารู้ความรู้สึกในใจของผมด้วย ถ้าหากมันรู้ว่าตอนนี้ผมหลงคารมแอบชอบมันไปเรียบร้อยแล้วล่ะก็…
มีหวังได้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือแหงๆ!
ใครจะยอมศิโรราบให้คนอย่างมันง่ายๆกันเล่า
ชาติหน้าตอนบ่ายๆไอ้ไฟคนนี้ก็ไม่มีวันหงอให้หรอกโว้ย กูจะพยศจนกว่ามึงจะเป็นฝ่ายศิโรราบให้กูเอง ไม่เชื่อคอยดู!
ผมสะบัดหน้าเชิดใส่ไอ้หน้าหนวดที่ยืนทำปากขมุบขมิบส่งยิ้มหวานให้ผมไม่เลิก เรียกได้ว่าสะบัดหน้าทีเดียวคอเคล็ดไปสามชาติ…
ชักสงสัยแล้วสิว่าพวกผู้หญิงที่ชอบเชิดใส่ผู้ชาย...หัวของพวกเธอไม่หลุดออกจากคอบ้างเหรอ?
“อ๊ะ!”
หนีเสือปะจระเข้จริงๆให้ดิ้นตาย!
ผมชะงักเมื่อตรงหน้าคือไอ้เสี่ยตัณหากลับที่ออกมาจากประตูลิฟต์พอดี มันเองก็ชะงักไปเหมือนเมื่อเห็นผม อะ…เอาไงดีวะ จะถูกลากไปปู้ยี่ปู้ยำอีกไหมล่ะเนี่ย
“ไอ้แก่! มัวทำอะไรอยู่ จะกลับไหมบ้านน่ะ!”
เสียงแปร๋นยิ่งกว่าเสียงช้างดังขึ้นจากด้านหลัง ผมรีบมูฟตัวเองเข้าไปหลยอยู่หลังเสา เ ปิดทางให้คุณผู้หญิงท่านหนึ่งที่ลักษณะลำตัวใกล้เคียงกับแม่ช้างเป็นอย่างมาก เธอเดินดุ่มๆเข้าไปหาไอ้เสี่ยตัณหากลับก่อนจะดึงหูมันจนแทบจะยานติดพื้น
โอ้พระเจ้า!
มนุษย์เมียชัดๆ!
“กะ…กลับจ้า กลับแล้วจ้าที่รัก”
“ไม่ต้องมาที่รงที่รัก! รู้ไหมว่าวันนี้ฉันมีประชุมกี่ที่ อย่าให้ต้องมาเสี่ยเวลาตามจับผัวเจ้าชู้อย่างแกบ่อยๆจะได้ไหมฮะ!”
“โอ๊ยๆๆ ที่รักจ๋า เบาๆจ้ะเบาๆ คนมองกันใหญ่แล้ว”
ภาพไอ้เสี่ยมหาอำนาจเมื่อคืยหายไปไหนหมดแล้วล่ะ…
ผมยืนมองไอ้เสี่ยถูกเมียดึงหูลากออกจากโรงแรมไปอย่างงงๆ นอกจากมันจะไม่แม้แต่เหลือบมองผมแล้ว ผมยังรู้สึกว่าตัวเองโคตรจะปลอดภัยและไม่มีวันตกเป็นเป้าหมายของไอ้เสี่ยนี่อีกแน่นอน
เพราะอะไรกันนะ? จะบอกว่าแค่เมียมาก็เลยไม่สนใจผมแล้วงั้นเหรอ?
มันจะดูง่ายไปหน่อยไหม?
“มาอยู่ตรงนี้เอง”
“เฮ้ย!”
ร้องลั่นพลางกระโดดถอยห่างออกจากไอ้หน้าหนวดที่ไม่รู้มุดรูไหนโผล่ออกมา มันทำเป็นชะโงกหน้าลงมาพูดใกล้ๆหูของผมจนลมหายใจเป่ารดที่ต้นคอเบา
สะ…สยิวกิ้วเป็นอย่างมาก
ไอ้ไฟอยากตายโว้ยยย! อยู่ใกล้แล้วใจสั่นฉิบหาย แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว!
“มี’ไร”
“ว้า ทำไมพูดกับผมไม่เพราะเลยล่ะครับ งอนอะไรเหรอ หืม?”
มึงไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับกูเลยไอ้คนเจ้าชู้!
“ไปไกลๆเลย ไม่อยากเห็นหน้าเว้ย”
“เดี๋ยวสิครับ โกรธเรื่องเมื่อคืนเหรอ”
มือหนารั้งแขนผมเอาไว้แล้วลากให้กลับไปหลบหลังเสาตามเดิม เสาแม่งก็เสือกใหญ่มากจนจุดที่ผมกับมันยืนอยู่แทบจะกลายเป็นมุมบอดไปเลยทีเดียว
แบบนี้ถ้ามันหน้ามืดขืนใจผมขึ้นมาก็คงไม่มีใครเห็นหรอก!
“เปล่า”
“ไม่จริง ก็คุณไฟไม่ยอมมองหน้าผมเลยนี่นา หรือถ้ามองก็คอยแต่จะแยกเขี้ยวใส่ตลอดเลย”
ว่าพลางทำท่าแยกเขี้ยวแบบที่ผมทำใส่มันให้ดูจนเกือบหลุดขำ แต่ก็ต้องเก๊กเอาไว้สุดพลัง
ไม่ได้นะไม่ได้ ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดเลยไอ้ไฟ ห้ามแพ้ทางรอยจิ้มเจ้าเล่ห์ของมันนะเว้ยเฮ้ย!
“ใช่สิ ผมมันไม่ได้ส่งยิ้มหวานให้คุณตลอดเวลาเหมือนบาร์บี้นี่ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมอง จบ!”
“ทำไมชอบเอาคุณบาร์บี้เข้ามาเกี่ยวตลอดเลยล่ะเนี่ย”
“อ๋อ แตะต้องไมได้เลยสินะ แล้วทำเป็นบอกว่าไม่ได้ชอบ ทุเรศ!”
“คุณไฟ คุณเริ่มจะไม่มีเหตุผลจริงๆแล้วนะครับ”
ไอหน้าดุเอ่ยเสียงเรียบ นัยน์ตาไม่มีแววล้อเล่นอยู่เลยแม้แต่น้อย
โธ่เว้ย! เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ย ทำไมปากชอบไปไวกว่าความคิดเสมอเลย ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบมัน ผมก็มักจะเก็บอารมณ์หึงหวงไม่ได้ทุกที
จะหึงอะไรเบอร์นั้นวะไอ้ฟ๊ายยยย!
“ถ้าผมไม่มีเหตุผล คุณก็อย่ามาคุยกับผมสิ จะมาคุยกับคนไม่มีเหตุผลให้เหนื่อยใจทำไม”
“ก็อยากคุย”
“…”
“คิดถึง อยากได้ยินเสียง อยากอยู่ใกล้ๆ”
“…”
“อย่าโกรธกันแบบนี้เลยนะครับ ผมไม่ชอบเวลาถูกคุณเมินเลย”
ร่างสูงก้มหน้าลงมาจนอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน พร้อมกับชูนิ้วก้อยไปมาตรงหน้าผม ช่างเป็นง้อขอคืนดีได้น้ำเน่าสุดๆไปเลย!
แต่ว่า…
“ยิ้มแล้ว”
ผมกลับยิ้มออกมาเพราะกลั้นความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นในหัวใจเอาไว้ไม่อยู่จริงๆ!
ไอ้หน้าหนวดจิ้มเข้าที่แก้มของผมเบาๆเมื่อเห็นผมยิ้มออก จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยโกรธมันได้นานสักทีเลยสินะ แค่เขามาง้อนิดง้อหน่อยก็อ่อนระทวยเป็นเทียนโดนไฟลน
ตายๆๆ แบบนี้ดูท่าผมจะไปไหนไม่รอดเสียแล้ว
มึงต้องหักห้ามใจตัวเองให้มากกว่านี้นะไอ้ไฟ!
“ไปคุยกันบนห้องผมดีกว่านะ ไม่มีใครเห็นด้วย”
“เอะอะชวนขึ้นห้องตลอดเลยนะ คิดอะไรไม่ดีแน่ๆ”
“ไม่ดีตรงไหน การที่ผมอยากเป็นหนึ่งเดียวกับคุณมันเรียกว่าเรื่องดีๆต่างหากล่ะ”
ขยิบตาทิ้งท้ายแบบที่ชอบทำก่อนจะจับมือผมพาเดินไปทางลิฟต์อย่างรวดเร็ว โรงแรมแม่งก็กว้างไปเนอะ กูแอบย่องขึ้นห้องไอ้หนวดนับไม่ถ้วนแล้วยังไม่ยักกะมีใครเคยเห็นเลยสักคน แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราถ้ามีคนเห็นผมคงเสียเวลาอธิบายน่าดู
บางครั้งการแอบทำอะไรลับๆที่รู้กันสองคนก็ตื่นเต้นดีเหมือนกันนะ หึๆๆ
หมับ…
“ได้อยู่กันสองต่อสองสักที”
“นี่ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!”
บางทีมือมึงก็ไวไปนะไอ้หนวด! เพิ่งเข้ามาในห้องยังไม่ถึงสามวินาทีก็มาทำรุ่มร่ามกับร่างกายของกูแล้ว!
“คุณไม่อยากให้ผมปล่อยหรอก”
“ทำไมจะไม่อยาก ผมโคตรอยากให้คุณปล่อยเลย!”
“แปลว่าโคตรไม่อยากให้ปล่อยสินะครับ”
“เรียนจบเอกมโนศาสตร์มาหรือไงวะ บอกให้ปล่อยก็ปล่อยสิ”
ดูท่าด่าไปก็คงไม่สะเทือนหนังหน้าของมันแน่ๆ
ไอ้หน้าหนวดทำยักไหล่ไม่สนใจแม้ผมจะดีดดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากอ้อมแขนของเขาแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็จบลงที่ดิ้นเองเหนื่อยเอง ก็เลยยืนเฉยปล่อยให้มันสวมกอดจากด้านหลังอยู่อย่างนั้น
เอาจริงๆอยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน…
เฮ้ย! ไม่ชะสิ เอาอีกแล้วไอ้ไฟ บอกแล้วไงว่าให้หักห้ามใจของตัวเองเอาไว้! มึงเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถ้ามึงมาชอบผู้ชายแบบนี้แล้วใครจะสืบพันธ์ต่อนามสกุลให้ครอบครัวล่ะโว้ยยย!
ตะ…แต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน คงไม่สายเกินไปที่จะไปกลับตัวเป็นไอ้ไฟคนเดิมในตอนนั้น
คะ…คิดว่านะ
ฟืด…
เสียงหอมแก้ม หอมซอกคอ หอมเส้นผมดังสลับกันไปมา มือหนาลูบไล้หน้าท้องผมไปราวกับว่าต้องการจะปลุกอารมณ์บางอย่างในตัวของผม โชคดีชะมัดที่ปิกาจู้ยังจำศีลอยู่ ไม่อย่างนั้นคงผงาดง้ำรอการปลดปล่อยเป็นแน่
“จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะครับ”
เสียงกระซิบปร่าข้างหูชวนให้ขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ากระเพาะอาหารถูกขโมยไปเพราะในท้องมันโหวงเหวงเหลือเกิน
“ทะ…ทนอะไร”
“คุณน่ารักเกินไปแล้ว”
หน้าร้อนฉ่ากับประโยคนี้…
ผมหลับตาปี๋เมื่อใบหน้าถูกจับให้หันกลับไปหาเขา ลมหายใจร้อนๆกระทบกับแก้มเป็นสัญญาณบอกว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้เหลือเกินแล้ว
ตึกๆ! ตึกๆ! ตึกๆ!
“อื้อ…”
จูบอันแสนหวานเกิดขึ้นในเวลาต่อมา มือหนาบีบแก้มผมเล็กน้อยเพื่อให้เปิดปากออกพอที่เขาจะสอดลิ้นเข้ามาชิมความหวานจากผมได้ ปลายลิ้นของเราสัมผัสกันไปมา หนำซ้ำยังถูกร่างสูงดูดดุนเอาไปสร้างความเสียวซ่านเกินจะบรรยาย
จะ…จูบเก่งชะมัด!
‘ไฟ! ฝากด้วยนะ น้ำเป็นกำลังใจให้’
“!!!”
เสียงของน้ำที่แวบเข้ามาในหัวทำให้ผมรีบผลักไอ้หน้าหนวดออกห่างแทบไม่ทัน
จริงสิ ที่เราสวมรอยมาเป็นน้ำตอนนี้ก็เพื่อประกวดนางงามแทนน้ำ ทำทุกอย่างก็เพื่อน้ำ เพื่อความฝันของน้องสาว แต่นี่ผมกลับ…
เกือบลืมจุดประสงค์ทั้งหมดแล้วปล่อยตัวปล่อยใจให้กับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ความรู้สึกที่ตัวผมเองยังไม่มั่นใจเลยว่ามันเรียกว่าอะไร
ใช่ความรักหรือเปล่า?
“คุณไฟ…”
“ขอโทษครับ พอดีผมหายใจไม่ออก”
แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา ผมต้องมีสติให้มากกว่านี้ จะทำให้น้ำผิดหวังอีกไม่ได้เด็ดขาด ถ้าน้ำรู้ว่าพี่ชายคนเดียวของเธอดันมาชอบผู้ชายด้วยกัน น้ำจะต้องเสียใจและอับอายมากแน่ๆ
ผม…ไม่อยากให้น้ำต้องเสียใจเพราะผมอีก
“จริงสิ วันนี้คุณคุยกับไอ้เสี่ยนั่นว่ายังไงบ้างเหรอครับ เมื่อกี้ตอนเจอกัน เขาแทบจะไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ”
ผมเปลี่ยนเรื่องและหาเรื่องมาชวนเขาคุยเพื่อทำลายบรรยากาศชวนให้อึดอัดทิ้งไป จูบกันอยู่ดีๆก็โดนผลักออกแบบนั้น เป็นใครก็คงคิดมากแหละวะ
“เรื่องนั้นน่ะเหรอครับ”
ไอ้หน้าหนวดคลี่ยิ้มกว้างออกมาประหนึ่งว่าการจัดการไอ้เสี่ยตัณหากลับที่เป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับกองประกวดนี้เป็นแค่เรื่องหมูๆ
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“จัดการ? ยังไง?”
“ก็แค่…เอาจุดอ่อนของพ่อเสือมาใช้ แล้วจัดการถอดเขี้ยวเล็บออกซะ ง่ายนิดเดียวครับ”
“??”
‘มาแล้วเหรอคุณเปลว หวังว่าคุณจะรู้นะว่าผมเรียกคุณมาพบทำไม!’
เสียงตวาดกร้าวของตรีภพไม่ได้สร้างความหวาดกลัวหรือกังวลใจให้ชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มกริ่มก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้า พาดแขนไปบนขอบพนักพิงอย่างสบายอารมณ์
ตรีภพกำหมัดแน่น เดือดดาลกับท่าทีของคนอายุน้อยกว่าที่ไม่ได้สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย
‘เมื่อคืนคุณทำแสบมากนะ อยากให้ผมถอนการเป็นสปอนเซอร์กองประกวดนี้ออกหรือไง!’
‘แต่เอ… ถ้าผมจำไม่ผิด บริษัทที่คุณบริหารอยู่ตอนนี้ เป็นมรดกจากทางพ่อตาของคุณไม่ใช่เหรอครับ หรือจะพูดให้ถูกกคือ…คุณก็แค่ประธานในนาม ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆก็คือ…คุณกิมเล้ง ภรรยาคนสวยของคุณต่างหาก’
ชายหนุ่มเน้นคำว่าสวยเป็นพิเศษ เพราะเป็นที่ล่วงรู้กันดีว่ากิมเล้ง ภรรยาของตรีภพนั้นแตกต่างจากสาวสวยที่เขาเคยแอบควงลับหลังภรรยาขนาดไหน นอกจากรูปร่างที่อ้วนท้วมใหญ่ยักษ์ประหนึ่งนักมวยปล้ำแล้ว เธอยังชอบสร้างความอับอายให้สามีด้วยการตามด่าและตามหึงหวงแบบออกสื่ออีกด้วย
‘คุณจะพูดอะไรกันแน่’
‘ไม่เอาน่า ผมว่าเราค่อยๆจิบไวน์ไปคุยกันไปดีกว่านะครับ’
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับผู้ชนะของร่างสูงทำให้ตรีผมไม่สบายใจเอาเสียเลย เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกไล่บี้ทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้พูดอะไร
“หยุดดดดด!”
ผมขัดขึ้นขณะที่ไอ้หน้าหนวดกำลังเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างออกรสออกชาติ
“อะไรเหรอครับคุณไฟ”
“คุณกับมันจิบไวน์กันนานไหม?”
“ก็…ประมาณสามชั่วโมงครับ”
“ถ้างั้นตัดตอนเหอะ ข้ามไปเล่าไคลแม็กซ์เลยได้ไหมครับ ถ้าให้ผมนั่งฟังช่วงเวลาจิบไวน์ของคุณกับมันต่อไปมีหวังผมหลับก่อนแน่ๆ!”
“เอาแบบนั้นก็ได้ครับ งั้นผมข้ามเลยนะ”
“เออ!”
‘อะไร?’
ตรีภพเอ่ยถามหลังจากที่จิบไวน์เสร็จ ชายหนุ่มก็ล้วงเอาบางอย่างออกมาจากในเสื้อสูท เป็นซองสีน้ำซองเล็กขนาดเท่าซองจดหมาย
‘ลองเปิดดูสิครับ’
เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าจะยอมบอกแน่ๆว่าข้างในคืออะไร ตรีภพจำต้องหยิบซองขึ้นมาเปิดดูเอง ทันทีที่เห็นของข้างใน เขาก็โกรธจนตัวสั่น ปารูปภาพแอบถ่ายเหล่านั้นทิ้งลงพื้นทันที
‘นี่มันอะไรกัน!’
‘อะไรล่ะครับ จำรูปตัวเองกับบรรดาสาวๆที่คุณเลี้ยงไว้ไม่ได้เหรอ?’
‘คุณเปลว! คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?!’
‘รูปภาพพวกนี้จะจบลงที่ผมกับคุณเท่านั้น หากคุณรับปากมาว่าจะไม่แตะต้องนางงามไม่ว่าคนไหนก็ตามในกองประกวดของผมอีก’
‘ฮะ?’
‘ยื่นหมูยื่นแมวไงครับ ถ้าคุณยอมรับปาก ผมก็จะไม่ส่งรูปพวกนี้ให้คุณกิมเล้ง’
ตรีภพหน้าซีดเมื่อชายหนุ่มเอ่ยชื่อภรรยาบังเกิดเกล้าของเขาออกมา จากที่มีท่าทางใหญ่คับฟ้าก็ค่อยๆหดเล็กลงตามลำดับความกลัวเมีย
‘คะ…แค่ไม่แตะต้องบรรดานางงามของคุณก็พอใช่ไหม’
‘และที่สำคัญ…ต้องห้ามถอนสปอนเซอร์ออกด้วยนะครับ เพราะการประกวดของผมไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจู่ๆมาโดนถอนสปอนเซอร์ไปผมคงแย่’
‘ดะ ได้สิ ได้แน่นอน ฉันจะไม่ยุ่งกับนางงามของเวทีประกวดนี้อีกเลย แล้วก็จะไม่ถอนสปอนเซอร์ด้วย คะ…คุณอย่าส่งรูปพวกนี้ให้เมียผมนะ ไม่อย่างนั้นผมต้องตายแน่ๆ’
‘ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความระพฤติทั้งหมดของคุณนั่นแหละครับ แต่ในเมื่อคุณอุตส่าห์ขอร้องมาดีๆ ผมก็จะยอมช่วยเหลือคุณสักครั้ง’
ตรีภพยิ้มกว้าง ใจชื้นขึ้นมาหน่อยแม้ว่าตามใบหน้าจะมีเหงื่อผุดออกมาไม่หยุดก็ตาม
‘จริงสิ ผมลืมบอกไปว่า…ที่คุณทำร้ายนางงามของผมเมื่อคืนมันทำให้ผมโกรธจนขาดสติ ก็เลยเผลอโทรไปบอกคุณกิมเล้งเมื่อเช้านี้ว่าคุณแอบมาที่กองประกวด’
‘อะไรนะ! คุณโทรบอกกิมเล้งเรอะ!’
‘แต่ดูเหมือนว่าคุณกิมเล้งจะคิดว่าคุณไปดูงานอยู่ที่ต่างประเทศนะครับ เพราะอะไรกันนะ?’
‘ตายๆๆ กูต้องตายแน่ๆ มีหวังโดนริบบัตรเครดิตและระงับวงเงินชัวร์ๆ’
ตรีภพว้าวุ่นใจอย่างถึงที่สุด ส่วนชายหนุ่มผู้สร้างความวุ่นวายนี้ให้แก่เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะไปแบบสบายๆ
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ”
“ที่แท้ก็เอาแม่เสือมาขู่พ่อเสือนี่เอง ไอ้เราก็นึกว่าใช้กำลังในการข่มขู่เสียอีก”
“ยังไงผมก็จัดอยู่ในหมวดพวกชอบใช้สมองมากกว่ากำลังนะครับ จะเอาแรงที่ไหนไปสู้อดีตนักยูโดอย่างคุณตรีภพกันล่ะ”
ก็จริง ขนาดกูที่สู้มาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมยังไม่รอดเลย
กริ๊ง…กริ๊ง…
“ครับ”
ไอ้หน้าหนวดกดรับโทรศัพท์ที่ต่อสายตรงภายในห้องของโรงแรม
[คุณเปลวคะ มีคนมาขอพบคุณน้ำค่ะ แต่ดิฉันตามหาคุณน้ำไม่เจอ ไม่ทราบว่าจะให้บอกคนที่มาคุณน้ำว่าอะไรดีคะ?]
“ไม่ต้อง บอกแค่ว่าเดี๋ยวคุณน้ำจะไปพบ ว่าแต่…ใคร? ได้ถามชื่อเขาหรือเปล่า”
[ถามค่ะ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทคุณน้ำ ชื่อตูมตามค่ะ]
ตูมตาม!
ผมลุกพรวดจากโซฟาวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ทันที จะอะไรก็ไม่รู้แหละ ไหนมะนาวบอกว่าอีกสองวันทางกองประกวดถึงจะเปิดให้ผู้ชมและญาติพี่น้องของผู้เข้าประกวดเข้ามาในงานไง แล้วทำไมไอ้ตูมตามถึงโผล่มาวันนี้ได้ล่ะวะ?
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออก ผมรีบพุ่งไปที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว มองจากตรงนี้เห็นร่างสูงของไอ้ตูมตามยืนอยู่ไม่ไกล ผมจำท่ายืนเอาสองมือล้วงกระเป๋าไปจับไข่ของมันได้ดี ไอ้ตูมตามเพื่อนผมไม่ผิดแน่!
“ไอ้ตูมตาม!”
“ไอ้ฟะ…เอ๊ย น้ำ!”
ทั้งผมและมันต่างก็โผเข้ากอดกันราวกับว่าไมได้เจอกันมาหลายชาติ ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ ไม่ได้เจอมันมาเดือนกว่าแล้วมั้งเนี่ย
“มึงเป็น…”
หมับ!
“ต้องขออนุญาตที่ขัดจังหวะ แต่ช่วยกรุณาถอยห่างจากคนของผมหนึ่งเมตรเป็นอย่างต่ำด้วยครับ”
เสียงพร้อมร่างของไอ้หน้าหนวดปรากฏขึ้น มันแยกผมออกมาจากไอ้ตูมตามแถมยังเหวี่ยงให้ไปหลบอยู่ข้างหลังอีกด้วย
อะไรของมึงวะเนี่ย กูจะกอดเพื่อนกู มึงมาเกี่ยวอะไรไม่ทราบ!
“เอ่อ น้ำ…คนนี้คือ?”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นแฟนของคุณน้ำ”
“หา?!!!”
“ไม่สิ ผมเป็นแฟนของคุณไฟ”
พูดอะไรของมึงเนี่ยไอ้หน๊วดดดดดด!
ใครก็ได้ เอาไอ้ตัวชอบสร้างปัญหาคนนี้ไปเก็บในตู้ให้ผมที กราบล่ะ!!!
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า ตอนนี้เร่องราวดำเนินมาจนใกล้จะถึงบทสรุปของการประกวดแล้วน้า แต่การประกวดจบ ใช่ว่าเรื่องราวความรักของพี่ไฟกับคุณเปลวจะจบเสียเมื่อไหร่ ต้องตามไปลุ้นไปเอาใจช่วยกันเยอะว่าคู่นี้เขาจะลงเอยกันได้ยังไง?! ตอนต่อไปพบกันพรุ่งนี้จ้า จุ๊บๆๆๆ