บทที่ 15
น้องมีนผู้นี้ต้องหัวฟูกับการสอบปลายภาคและปั่นชิ้นงานสรุปจนเกือบเป็นลมคาเฟรมผ้าใบขนาดสองเมตรคูณสองเมตร ที่ไม่เข้าใจว่าอาจารย์จะสั่งใหญ่ไปไหน
พรุ่งนี้ช่วงเวลาแห่งการปิดเทอมจะมาถึง หลังจากการพรีเซ็นท์งานผ่านไปด้วยดี ถึึงงานจะโหดแต่ผมก็สนุกกับมัน ผิดกับเรที่อารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสได้จากบรรยากาศอึมครึมรอบตัวมันเพราะโดนสั่งงดกิจกามบนเตียงไปเกือบสามอาทิตย์
"อื้อ เร ขอกูนอนเถอะ" ผมบ่นขณะที่นอนแผ่หราบนเตียงนุ่มหลังกลับมาจากคณะ อดนอนมาหลายคืนง่วงเป็นบ้า แต่จมูกโด่งยังคลอเคลียข้างแก้มไม่เลิก
ผมก็อมนุษย์นะแต่ทำไมถึงผอมแห้งแรงน้อยไม่ต่างจากมนุษย์ ผิดกับไอ้แฝดนรก แม้การสอบและชิ้นงานปลายภาคจะมากมายแค่ไหน แต่พวกมันกลับมีพลังงานเหลือเฟือไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
"อืมมมม..."มันฟังผมซะที่ไหน ริมฝีปากร้อนประทับจูบอ้อยอิ่งแล้วดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปไกล ไอโฟนที่รักได้ช่วยชีวิตผมไว้ ร่างสูงฮึมฮัมอย่างขัดใจ
"ฮัลโลคร๊าบบบบบ"
"ลืมป๋าไปแล้วใช่ไหมบักหำน้อย" เสียงบิดาบังเกิดเกล้าดังขึ้นจากปลายสาย
"มีนเปล่าลืม ปั่นงานท้ายเทอมส่งอาจารย์ไงป๋า" ผมแถ
"ไม่ใช่มีแฟนแล้วลืมป๋าหรอกนะ" ใครลืม ผมไม่เค้ย ไม่เคย ลืมท่านจะเอาตังไหนใช้(รู้สึกตัวเองชั่ว) ตั้งแต่มีเรื่องกับไอ้น๊อตผมก็ไม่ได้กลับไปร้องเพลงอีกเลยขาดรายได้ไปเยอะ สาเหตุเพราะเรียนหนักการบ้านเยอะทั้งการบ้านอาจารย์และการบ้านไอ้เรเวร
"โถ มีนจะไปลืมป๋าได้ยังไง เนี่ยปิดเทอมแล้วมีนว่าจะกลับบ้านอยู่เนี่ย" ผมอ้อน ตั้งแต่มาเรียนมหาลัยก็ไม่ได้กลับหนองคายเลย
"ก็ดี ย่าเอ็งถามหาอยู่เนี่ย" น้ำเสียงผู้เป็นพ่อระรื่นขึ้นทันตา "แล้วจะมาวันไหน"
"ก็ว่าจะออกพรุ่งนี้แหละป๋า" พอพ่อถามเลยรู้สึกอยากเดินทางซะเดี๋ยวนี้ "แต่มีนขอแวะเที่ยวก่อนได้ไหม น่าจะสองสามวันถึงไปบ้านอะ แล้วมีนจะอยู่ยาว ๆ เลยเนอะ"
"เออ เออ ยังไงก็ตามใจแกเถอะ ถ้าแวะปากช่องอย่าลืมของฝากป๋าละ" พ่อผมจะอยากได้อะไรถ้าไม่ใช่ เหล้าอุ(เป็นไหที่ยัดสมุนไพรเวลาจะทานก็แค่เติมเหล้าขาวลงไปแล้วทิ้งไว อธิบายง่ายๆ ก็ยาดองประเภทหนึ่งนั่นแหละครับ)
"ได้เลย" พูดถึงอุแล้วเปรี้ยวปาก
"ว่าแต่ลูกเขยมันมาด้วยหรือเปล่า" บางทีพ่อผมก็ใจง่ายไปนะ ยอมรับเรเป็นลูกเขยซะแล้ว ผมหันไปมองหน้ามันเพื่อขอคำตอบ มันหูดีได้ยินอยู่แล้วละ
"ไปสิ จะไปสู่ขอ"ฉ่า หน้าผมแดงจนแทบไหม้ ได้ยินป๋าหัวเราะลั่นจากอีกฝั่ง
"บอกมันเตรียมตังมาเยอะๆ แค่นี้แหละ ขับรถกันดีๆ" พ่อทิ้งระเบิดแล้ววางสายไป
"เก็บกระเป๋ากัน" ผมออกปาก รีบหาเรื่องอื่นให้ทำเดี๋ยวโดนมันปล้ำ
"ค่อยเก็บ" แต่มีหรือมันจะยอมเมื่อเรเล่นกอดผมแน่นหมายจะสานต่อเหตุการณ์เมื่อครู่ ถ้ายอมมันคืนนี้ยาวได้หลับบนรถแน่ หลับไปตามทางคงอดถ่ายรูปวิวรอบ ๆ แถมปวดเมื่อยอีกต่างหาก
"เร" ผมเรียกมันเสียงนิ่งทำเอาเจ้าตัวชะงัก
"กูตามใจมึงก็ได้นะ แต่หลังจากนี้ยันเปิดเทอมงดไปเลย เอาปะ" ไม่ใช่แค่ขู่นะ น้องมีนเอาจริง หน้าตาผมก็คงจะเอาจริงคนตัวโตถึงกับยกมือยอมแพ้
"แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย...ฮิฮิ" แซวเองเขินเอง
พวกผมเปล่าทิ้งแฝดน้องไว้ลำพังนะครับ แถมเจ้าตัวยังอาสาทำงานแทนพี่ ทั้งงานล่า ทั้งเข้าสภา คือมันขยันผิดปกติ แว่ว ๆ มาว่ามันตามจีบคนในนั้นอยู่ จากแต่ก่อนชอบงอแงว่าพวกผมไม่สนใจมัน ตอนนี้กลายเป็นมันไม่สนใจพวกผมแทน บางครั้งเรนก็หายหัวไปค้างที่อื่น ไม่มีมันมากวนคอนโดเงียบลงไปเยอะ เพราะเรก็ไม่ได้ช่างพูดอะไรมากมาย
เราออกเดินทางแต่เช้าโดยมีท่อนไม้เป็นสารถี สาเหตุที่ไม่นั่งเครื่องบินเพราะผมอยากแวะเที่ยวตามทาง นานทีจะหยุดยาว เป้าหมายแรกของทริปนี้คงจะเป็นฟาร์มแถวปากช่อง ก่อนจะแวะพักกันตรงเขาใหญ่ สโลไลฟ์ซึมซับบรรยากาศแห่งธรรมชาติที่นี่ซักสองคืน
ตอนนี้ผมกำลังนั่งง่วนอยู่กับการหาที่พัก ดีหน่อยที่ไม่ใช่ไฮซีซั่นห้องว่างเยอะแต่ราคานี่สิ ข้อยเวียนหัวเลย
"แม่งแพง" บ่นครับ ดูราคาที่พักแล้วหน้ามืด คือตรงใกล้เขาใหญ่คืนละสามสี่พัน เข้าใจว่าบรรยากาศมันดี วิวงามแต่มันไม่แพงไปหน่อยเหรอ "เข้าเมืองไปซื้อเต้นท์เถอะเรกูว่า"
"สวยไหม" ดูมัน ไม่ตอบ ถามกูกลับเฉย
"ถ้าหมายถึงรีสอร์ทที่ดูอยู่อะ สวย ในรีวิวคนก็ชมเยอะ" ว่าพลางโชวไอแพตในมือให้มันดู
"แล้วชอบไหม"
"ก็ต้องชอบสิ" ไอ้นี่ถามไม่คิด
"ก็ไป เดี๋ยวจ่ายเอง" เหอะไอ้รวยใช้เงินไม่รู้จักคิด
"เย้ ขอบใจมึง" ก็บ่นมันในใจไปงั้น ใครจะไปปฏิเสธละครับ
มาถึงเป้าหมายในช่วงสายเพราะเรเป็นพวกตีนหนักขับรถไว ผมนี่หัวใจจะวายตาย เข้าเขตเขาใหญ่อากาศที่นี่แตกต่างจากกรุงเทพฯ อย่างสิ้นเชิง ผมลดกระจกรถลงสูดอากาศบริสุทธิ์ ลมเย็นนำพาจิตใจให้ผ่อนคลาย เรชะลอความเร็วลงอย่างรู้งานผมจึงคว้ากล้องมาเก็บภาพบรรยากาศภายนอก สีเขียวของป่าแบ่งเขตชัดเจนกับท้องฟ้าสดใส สวยจนเผลอกดชัตเตอร์ไปหลายที
เมื่อรถมาจอดยังรีสอร์ทที่ดูไว้ ผมมองไปรอบกายก่อนสายตาจะสะดุดกับรถแวนสีดำที่จอดห่างออกไป ชายสี่คนลงจากรถนั้นพร้อมมองมาทางเราดูไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรผมก็ค่อนข้างขี้ระแวงครับ
"เร คนพวกนั้น"
"อ้อ บอดี้การ์ดที่อาส่งมานะ" เรอธิบาย คนพวกนั้นโค้งให้เมื่อรู้ว่าถูกมอง
"ส่งมาทำไม"
"คุ้มกัน" มีอะไรที่ผมไม่รู้หรือเปล่า ทำไมต้องมีการ์ดตามมาด้วย "ที่จริงพวกนั้นเฝ้าพวกเรามาซักพักแล้วแต่ค่อนข้างรักษาระยะมีนเลยไม่เคยเห็น" เรอธิบายยาวเมื่อผมทำท่าสงสัยไม่เลิก
"อ้อ" ผมเลิกสนใจคนเหล่านั้น แค่รู้ว่ามาดีก็สบายใจแล้วละ "มึงเคยมาที่นี่ก่อนไหม"
"เคย" มันตอบแค่นั้นพลางหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเราออกจากกระโปรงหน้ารถ(ซุปเปอร์คาร์ส่วนใหญ่เครื่องยนต์จะอยู่ด้านหลัง) ส่วนผมหอบกระเป๋ากล้อง และเลนพร้อมอุปกรณ์ยิบย่อยออกมา แต่ก็ถูกเร็แย่งไปถือจนเหลือแค่กล้องโปรตัวเดียวห้อยคอ
ตัวอาคารล๊อบบี้สร้างจากไม้ผสมคอนกรีตดูกลมกลืนกับวิวเขาด้านหลัง แต่ยังคงความหรูหราได้อย่างน่าทึ่ง ที่ถูกใจสุด ๆ คงเป็นทางเดินระแนงไม้ตรงเคาท์เตอร์ประชาสัมพันที่ด้านล่างเป็นบ่อน้ำ มีพืชน้ำแซมตกแต่ง ราวกับกำลังเดินบนลำธาร ทุกการออกแบบวางมาดี แถมยังมีสนามกอล์ฟและกิจกรรมให้ทำหลายอย่างสมราคาเลยครับ
"มากี่ท่านค่ะ" พนักงานต้อนรับทักทายเสียงหวาน
"สองครับ" ผมตอบ
"แล้วได้จองล่วงหน้าหรือเปล่าคะ" พนักงานสาวคนเดิมถามต่อแต่สายตากับจดจ้องที่ร่างสูงข้างตัวบอกให้รู้ว่าเธอจงใจถามใคร
"เปล่าครับ ดูรีวิวในเว็บเลยสนใจ" ไม่ได้เสือกนะครับ คุณคิดว่าเรมันจะตอบเหรอ
"เอ่อ นี่คือรายการห้องของเราค่ะ แต่ตอนนี้ในส่วนห้องธรรมดาเต็มแล้วนะคะ จะเหลือก็แต่ที่เป็นฮอริซอนวิวสองห้อง เทอเรนสูทสำหรับที่เป็นครอบครัว แล้วก็เต็นท์ วิลล่า อันนี้จะมีแค่สี่หลังและมีสระว่ายน้ำส่วนตัว" พนักงานอีกคนยื่นโบวชัวร์ให้เรา
รู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อยกับอาการยิ้มเขินตอนมองหน้าเรของสาว ๆ พวกนั้น ทีกับผมแม้จะแค่แวบเดียวแต่ก็แอบเห็นสายตาจิกกัด หล่อน้อยกว่ามันก็งี้ เซงเลย
"คิดว่าไง" ผมรับมาอ่านเห็นราคาแล้วตกใจ หันไปมองหน้าคนจ่ายแบบขอความเห็น กูนอนข้างทางก็ได้นะ ถ้าจะคืนหลักหมื่นขนาดนี้ เรชี้ที่รูปสุดท้าย "จะดีหรอ"
"ส่วนตัวดี"
"เอ่อ งั้นก็เต็นท์วิลล่าแล้วกันครับ" เอาเถอะ ซื้อความสุขครั้งหนึ่งในชีวิต "สองคืนครับ เพิ่มยังไงเดี๋ยวแจ้งอีกที"
"เผื่อพวกนั้นด้วย" เรบอก เลยนึกขึ้นได้ว่ามีบอดี้การ์ดตามมาอีกสี่คน
"เพิ่มอีกหลัง สองคืนเหมือนกัน"
"รบกวนขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ สนใจชำระเป็นบัตรเครดิตหรือเงินสดคะ" เรเอี้ยวตัวให้ผมหยิบกระเป๋าตังด้านหลัง
รื้อเลยครับเงินของเรก็คือของมีนเงินของมีนก็คือของมีน ในนั้นมีเงินไม่กี่พันเลยใช้บัตรรูดไป กรอกรายละเอียดจ่ายตังเสร็จสรรพ ก็ยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้พวกพี่ที่มาด้วย
"ขอบคุณครับ" แกโค้งขอบคุณก่อนรับ ไอ้เราก็ไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก
"ไม่ต้องโค้งก็ได้พี่" พี่คนนั้นยิ้มให้ก่อนจะเดินไปรวมกับพวกอีกสามคน
"อ้อ นี่เป็นบริการอื่น ๆ ในรีสอร์ทของเราค่ะ" พนักงานยื่นโบวชัวร์ให้ ในนั้นมีโฆษณากิจกรรมของที่นี่่ ทั้งขี่ม้า ชมแปลงดอกไม้ โยคะ นวดสมุนไพร หรือแม้กระทั้งสกีในทะเลสาป
"สนใจอันไหนมั่ง" ผมหันไปถามเร เรื่องเงินผมไม่อยากตัดสินใจ
"เลือกเลยเดี๋ยวจ่ายให้"
"คุณลูกค้าโชคดีจัง มาเที่ยวทั้งทีเพื่อนเลี้ยงหมดเลย" พนักงานแซว
"อ่อ ไม่ใช่เพื่อนครับ นี่แฟน" เรตอบพร้อมยิ้มมุมปาก
คือถ้าผมหัวเราะมันจะเสียมารยาทไหม...ก็สองสาวทำหน้าเหวอเสียขนาดนั้น มันตลกจนลืมเขินเลย แต่พอหันมาเจอสายตาคมกริบที่มองมาถึงกับสะดุ้งเฮือก ตาขวากระตุกสงสัยคืนนี้จะเสียตัว
"เร็วดิ ไปถ่ายรูปเล่นกัน เดี๋ยวมืดก่อน" ผมเร่งเรให้เก็บของ
ผมจูงมือร่างสูงให้เดินตาม ทิวเขาตรงนั้นก็สวย สระว่ายน้ำตรงที่พักก็งาม ดูสวนนั่นสิ...ชักจะจิตหลุดไปไกล รู้ตัวอีกทีพากันมาเดินเล่นอยู่ริมรั้วของตัวรีสอร์ท"
"เฮ้ย!!!!!" ผมร้องลั่นเมื่อจู่ ๆ เรก็ช้อนอุ้มในท่าเจ้าสาว
"คือ...มะ มีอะไร ปล่อยกูลงเลย...เชี่ย" แล้วมันก็พาผมทะยานขึ้นฟ้าด้วยปีกสีดำของมัน พื้นหญ้าที่ดูห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ ทำเอาใจหายวาบ
กูกลัวความสูง แง...ได้แต่ซุกหน้ากับอกแกร่งพร้อมกอดคอมันแน่นเพราะกลัวตก ไม่มงไม่มองแล้วครับอย่าพาไปตายพอ
"ถึงแล้ว..." เสียงทุ้มกระซิบข้างหูพร้อมปล่อยผมลงเบา ๆ
พื้นหญ้านุ่มทำให้ใจชื้นเลยเงยหน้ามองไปรอบตัว หนองน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้า กับทุ่งหญ้าและแมกไม้ของป่าเบญจพรรณทำเอาดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นตะลึง ผมยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้เห็นมัน
"สวย..." พูดออกมาแค่นั้นก่อนจะหันมามองเรอย่างขอบคุณ มันยิ้มตอบก่อนจะก้มลงมาจูบให้เขินเล่น
กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศไป บ้างก็ถ่ายรูปเรตอนเผลอ แฟนใครวะเท่สัด ตลกตัวเองมากร้อยวันพันปีไม่เคยพิศวาสในตัวผู้ชาย แล้วไงถึงมาตกลงปลงใจกับเรเวนตนนี้ได้
บริเวณนี้อากาศค่อนข้างเย็น แต่เจอแดดจ้าฟ้าใสยามบ่ายก็ไม่ไหวเหงื่อเริ่มมา มองดูหนองน้ำกว้าง มันใสซะจนมองเห็นกรวดข้างใต้ เห็นแล้วอยากลงไปว่ายดูจัง ตั้งแต่กลับจากทะเลผมลองกลายร่างเป็นเงือกบ้าง ในอ่างที่คอนโดแต่ยังมีปัญหากับการคืนร่าง ที่แม้จะสามารถตั้งสมาธิทำได้เองในบางครั้งแต่นั่นก็ยังทำให้ผมคิดหนักว่าจะลงเล่นน้ำดีหรือเปล่า
"อยากเล่นก็เล่น แถวนี้ไม่มีคน" เรบอกพลางถอดเสื้อกล้ามวางรองพื้นก่อนจะดึงกล้องจากมือผมไปวาง ตามด้วยแว่น โทรศัพท์และกระเป๋าตัง
"เอ่อ...หันไปทางอื่นหน่อยดิ" ผมจะถอดเสื้อผ้าไง แต่ดวงตาสีน้ำเงินนั้นกลับเอาแต่จ้องจนรู้สึกประหม่า "หันไป ๆ กูอายย" เดาว่าหน้าผมคงแดงแปรดเลยตอนนี้
"ทำอย่างกับไม่เคยเห็น"
"กูไม่ได้หน้าด้านแบบมึง!!!!" ยัง...มันยังจะยิ้ม คนด่าไม่ได้รู้สึกเลย "เร...งือ ขอร้องเหอะ" แล้วมันก็ยอมหันไป ถอดไปแอบระแวงมันไป พอหมดพันธนาการผมก็รีบกระโจนลงน้ำในทันที
น้ำเย็นสดชื่นอย่างที่คิด ความรู้สึกเจ็บปลาบแผ่กระจายเพราะร่างกายที่เปลี่ยนแปลง ขาทั้งสองกลายเป็นหางซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดสีมุกแวววาวสะท้อนแสงอาทิตย์ ผมดำผุดดำว่ายเพื่อให้ชินกับการบังคับร่างกาย รู้สึกอิสระเป็นบ้าเลย
ผมว่ายไปยังโขดหินกลางน้ำที่มีมอสปกคลุมก่อนจะยกตัวขึ้นนั่งตีหางกับน้ำเล่น หันไปทางเรที่ตอนนี้กำลังสนอกสนใจภาพในกล้องสลับกับมองตามผมชวนให้นึกอะไรเจ๋ง ๆ ออก
"เฮ้ย!!! เร มาดูนี่ดิ" ผมตะโกนข้ามไป ทำท่าถืออะไรไว้ในมือ แสร้งมองมืออย่างสนอกสนใจ ใจผมนะอยากให้มันโดดลงน้ำว่ายมาดูแต่พี่ท่านกลับกางปีกบินมาหา
"เนี่ยดู..." พอมันเข้าใกล้ ผมก็จัดการคว้าแขนมันลากลงน้ำไปด้วยกัน
ตูม!!!! ซ่า!!!!! เราทั้งคู่เอนตกลงไปในน้ำ เรดูตกใจเล็กน้อยแล้วทำท่าเหมือนนึกได้จึงยิ้มออก
ผมว่ายวนรอบตัวมัน หยอกล้อ ให้มันว่ายตาม แขนแกร่งคว้าหมับเข้าที่เอวเมื่อไล่ทัน เรหมุนตัวผมให้หันกลับไปเผชิญหน้า นันย์ตาสีน้ำเงินจ้องลึกลงมาทำเอาผมหยุดชะงัก
ไม่ว่ากี่ครั้งดวงตาของมันก็สะกดผมได้เสมอ ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ทุกความรู้สึกของเรถูกถ่ายทอดผ่านแก้วสีน้ำเงินลึกลงสู่ใจ เมื่อรวมกับบรรยากาศรอบตัวที่งดงามราวกับเทพนิยาย แผ่นน้ำ ผืนป่า และทิวเขา เวลาของเราเหมือนถูกหยุดไว้ตรงนี้
"ขอบคุณนะ" ผมบอกเสียงแผ่ว คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างสงสัยแต่ก็ยิ้มรับ ในหัวมันว่างเปล่าจนนึกไม่ออกว่าอยากขอบคุณมันเรื่องอะไร...หรืออาจจะเป็นทุก ๆ เรื่องที่อีกคนมอบให้ "เร..."
"กูก็ ขอบคุณ" มันพูดออกมาบ้าง มือกร้านเกลี่ยเบา ๆ ที่ข้างแก้มจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า "ที่เข้ามาในชีวิตกู"
เรดึงผมเข้าไปจูบ ริมฝีปากร้อนบรรจงจูบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนิบช้าแต่ดูดดื่ม จิตใจล่องลอยไปไกลกับความอ่อนหวานของมัน แขนแกร่งโอบเอวผมไว้ เผลอเอาแขนคล้องคอมันอย่างลืมตัว มือเรเริ่มซนแต่เพราะต้องประคองตัวให้ลอยบนผิวน้ำมันจึงทำอะไรได้ไม่มากนอกจากลูบไล้ไปตามแผ่นหลังให้ผมสยิวเล่น ริมฝีปากร้อนถอนจูบอย่างเสียดายไม่วายพรมจูบไปทั่วหน้าทิ้งท้าย ก่อนจะยอมผละออกแต่โดยดี
อย่าคิดว่าคนอย่างเรจะหยุดแค่นี้ ร่างสูงรั้งกายขึ้นนั่งบนโขดหินกลางน้ำแล้วดึงผมตามขึ้นไปนั่งบนตักมัน ไม่รู้ว่าตัวผมเบาหรือมันแรงควายถึงได้ถูกมันจับอุ้มราวกับตุ๊กตา
แขนแกร่งกอดเอวผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างเชยคางผมให้เงยขึ้นรับจูบเร่าร้อนเอาแต่ใจของมัน จูบเก่งนักใช่ไหม...หึ ดวลกันซักหน่อยเหอะ ถึงผมจะไม่ได้เทพ แต่คนเรามันต้องเรียนรู้ ลิ้นร้อนหยอกล้อในเรียวปาก เกี่ยวกระหวัดราวกับกระหายในตัวของกันและกัน มือกร้านที่บีบคลึงสะโพกหนักเตือนถึงห้วงอารมณ์ของเรที่เลยเถิดมาไกล
"นี่มัน กลางแจ้งเลยนะ" ผมดันอกแกร่งออกอย่างตระหนกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน
"ไม่มีใครอยู่แถวนี้หรอกน่า ไม่มีคนเห็นหรอก" มันแย้ง
"แต่มึง...แบบว่ามัน..."
"เมื่อคืนยังใจร้ายกับกูไม่พอเหรอ ฮึ" เสียงทุ้มตัดพ้อ ดูทำหน้าเข้าสิ ผมควรรู้สึกผิดไหม
"มึงหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า" ผมแขวะอย่างนึกหมั่นไส้
"หึ...ก็อยากเฉพาะกับมีนเท่านั้นแหละ" ใบหน้าคมยิ้มร้ายพลางไล้มือไปบนแผ่นอกผมเบา ๆ ให้สะท้านเล่น
"ก็มีนน่ากินขนาดนี้ ทนไม่ทำอะไรจนหมดช่วงสอบได้นี่สุด ๆ แล้ว สงสารผมเถอะนะ ที่รัก" อ๊ากกก...แล้วทำไมต้องมากระซิบข้างหูด้วยเสียงเซ็กซี่แบบนั้นด้วยเล่า ปกติถามคำตอบคำที่ไอ้เรื่องอย่างว่านี่มึงขยันต่อรองจังนะ
"มึงนี่...แม่ง...." ไม่รู้จะด่าคำใด จึงได้แต่เงียบหลบตามัน
"มีนครับ" ไม่ต้องมาพูดเพราะเลย "นะครับ" คิดว่าจะใจอ่อนหรอ "ไม่ตอบกูปล้ำแล้วนะครับ"
"เชี่ย...จะทำอะไรก็ทำ จะเย็นแล้วเนี่ย เดี๋ยวมืดก่อนหรอก" ผมวีน
ผมตั้งสติเปลี่ยนหางให้กลับคืนร่างเดิมจนกลายเป็นนั่งคร่อมตักมันไว้ในตอนนี้ บทรักเริ่มบรรเลงอีกครั้งจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามตัว บ้างขบเม้ม กดจูบทิ้งรอยไว้ทั่ว
ลมหายใจของผมสะดุดในทุกครั้งที่ถูกสัมผัส เสียงตัวเองครางชวนให้รู้สึกกระดากจนต้องกัดริมฝีปากห้ามเสียงไว้ ผมทอดมองลำตัวหนาลูบไล้ไปตามอกแกร่งอย่างหลงใหลและชื่นชม ลูบต่ำลงผ่านกล้ามท้องที่เรียงตัวดูสวยงามจนนึกอิจฉา ก่อนจะดึงรั้งขอบกางเกงขาสั้นและกางชั้นในของร่างสูงลง ให้ความแข็งแกร่งปรากฏต่อสายตา ผมได้แต่มองเรน้อยอย่างอึ้ง ๆ เมื่อนึกถึงยามที่มันอยู่ในร่างของผมแล้วอารมณ์มันขึ้น มีนหัดเป็นคนจังไรตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
"หึๆ...อย่าเอาแต่มองสิ" เรว่าพร้อมดึงมือผมไปรวบของเราทั้งคู่แลวบังคับให้ขยับรูด
"อ๊ะ...เร" เสียวสัด รู้สึกตื่นตัวมากกว่าปกติส่วนหนึ่งเพราะเราอยู่ในที่โล่ง ทำเอาใจเต้นแรงแทบทะลุจากอก ผมสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวสอดลึกเข้ามาในกาย หมุนวนกดเค้นอย่างรู้จุดทำเอาผมร้องครางอย่างกลั้นไม่อยู่
"ขอโทษนะ" ????
"โอ๊ย...เร อ๊ะ เบา...ฮึก" ผมร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาทีเดียวจนสุด น้ำตาร่วงด้วยความทรมานเมื่ออีกฝ่ายขยับกายอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว มันทั้งเจ็บ ทั้งเสียว เหมือนทุกความรู้สึกมันโถมเข้ามาจนเกินจะครองสติได้
ถึงอากาศจะเย็นแต่ภายในกลับร้อนรุ่มจนเหงื่อโทรมกายสองมือไขว่คว้าร่างหนามากอดไว้เป็นหลักยึด ท่อนเนื้อร้อนที่เสียดสีด้านใน กระแทกย้ำ ๆ ตรงจุดกระสันจนต้องจิกข่วนแผ่นหลังของเรเพื่อระบายอารมณ์
เสียงทุ้มครางต่ำที่ข้างหูกระตุ้นความอยากจนแทบคลั่ง ไม่คิดว่าเรจะทำให้ผมจมดิ่งได้ขนาดนี้ หรือเพราะเรากำลังทำกับคนที่รักมันจึงรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มทั้งกายและใจ เหมือนที่เขาว่าเซ็กซ์กับเมคเลิฟนั้นต่างกัน
"เร...อ๊ะ" ร่างทั้งร่างสั่นเกร็งเพราะความรัญจวนถึงขีดสุดเมื่อเอวหนากระแทกกระทันเร็วรัวจนร่างสั่นคลอนไปตามแรง มือทั้งสอง่บดขยี้ยอดอกจนผมบิดเร่าอย่างซาบซ่าน
"พร้อมกัน....อา..." เรพรมจูบไปทั่วหน้าก่อนจะจบที่ริมฝีปากผมด้วยจูบหนัก ๆ เร่งเร้าทุกสัมผัสจนพาเรามาถึงจุดสิ้นสุดพร้อมกัน ภายในเต็มตื้นจนเอ่อล้น ผมฟุบหน้าลงกับไหล่หนาพลางปรับลมหายใจให้คงที่ เรจูบขมับแล้วกอดผมไว้อยู่แบบนั้น
"อ๊ะ" แก่นกายถูกถอนออกพร้อมอะไร ๆ ที่ไหลเลาะตามมา
"มีน โอเคไหม" มันถามอย่างนึกห่วงพลางลูบหัวผมเบา ๆ
"พักแปป"
"กลับไหม เย็นแล้วเดี๋ยวจะมืดก่อน" มองฟ้า พระอาทิตย์เริ่มตกดิน คงใกล้เวลากลับอย่างมันว่า แต่สายตาที่มึงมองมานี่สิ
"เร...กูรู้นะมึงคิดอะไร" โอ๊ย... ...งือ...เขินจะตายอยู่แล้วเนี่ยเหนื่อยแถมเริ่มหิวแล้วด้วย
"หรือเมียอยากจะเอาท์ดอร์ อีกซักรอบ"
"ไอ้จังไร...ทะลึ่งวะ...ไอ้ๆ..." ผมวักน้ำใส่ใบหน้าคมที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้ ไอ้ที่หน้าแดงเนี่ยไม่รู้โมโหหรืออาย "กลับสิ...แม่ง มืดแล้วยุงจะเยอะ คนยิ่งผิวบางแค่รอยจูบมึงกูก็ลายทั้งตัวแล้วเนี่ย" อยากจะร้องไห้
"หึๆๆ" มึงจะหัวเราะเพื่อ!!?
เรพาผมกลับมาถึงรีสอร์ทก็มืดพอดี เราตัดสินใจจะสั่งอาหารมาทานที่พักเพราะผมขี้เกียจ ว่าจะชวนพี่บอดี้การ์ดพวกนั้นมากินข้าวด้วยกันสรุปพวกแกเป็นแวมไพร์โครงการเลยดรอปไป
ที่นี่มีห้องอาหารญี่ปุ่นระดับห้าดาว ส่วนตัวคิดว่ามันก็เข้ากับบรรยากาศแห่งขุนเขาดีนะ แบบทานอาหารแล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติตามปรัชญาเซน ผมสั่งปลาซาบะย่างซีอิ้ว ปลาดิบรวมเซตใหญ่ แซลมอนยำ ไข่ปลาแซลม่อนห่อสาหร่าย ปลาโอ แล้วก็สารพัดเมนูปลา จนเรแซวว่าผมทรยศต่อเผ่าพันธุ์ ก็คนมันชอบทำไงได้
เราใช้เวลาวันที่สองทำโน่นเล่นนี่ เป็นกิจกรรมที่มีให้บริการในรีสอร์ท ปั่นจักรยานไปรอบ ๆ หัดขี่ม้า เก็บผลไม้สดจากไร่มากินเอง โดยรวมก็สนุกดี
ส่วนตอนกลางคืนเป็นคิวของคุณชายท่านละ เล่นผมซะหนำใจ ทริปนี้เรเเวนหื่นเปลืองตัง ส่วนน้องมีนผู้น่าสงสารเปลืองตัว...คิดซะว่ามาฮันนีมูน...เรมันว่างั้น
เราออกเดินทางต่อในเช้าวันที่สาม ผมมีบ้านอยู่สองหลังครับ หลังหนึ่งอยู่ในตัวอำเภอตรงที่พ่อเปิดร้านขายอะไหล่ ส่วนอีกหลังเป็นบ้านพักต่างอากาศอยู่ริมโขง ในวันหยุดยาวผมมักใช้เวลาที่บ้านหลังนั้นเพราะผมชอบว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจว่าจะแวบไปให้ย่าเห็นหน้าพอหายคิดถึง อ้อนป๋า พาไอ้เรเที่ยวในเมือง แล้วค่อยหลบไปทำตัวอาร์ตที่บ้านริมโขง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ หลับบนรถเพราะสูญสิ้นพลังงานไปมากเมื่อคืนแต่แรงกระชากของรถทำผมสะดุ้งตื่น
"อะไร!!!!" ผมหันไปถามคนขับอย่างตกใจ
"มีคนตามเรามา" เรบอกพลางเพ่งมองถนนพร้อมเพิ่มความเร็วจนหลังผมติดเบาะ หันไปมองด้านหลังรถแวนสีดำสามคันกำลังไล่เบียดกันไปมาอยู่ คันหนึ่งเป็นของพวกพี่บอดี้การ์ดที่มาด้วยกัน เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นพร้อมประกายไฟจากรถทั้งสอง
"คุณเร ล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวทางนี้ยื้อไว้ให้" เสียงร้อนรนดังขึ้นจากเครื่องเสียงหน้ารถเดาว่ามันคงต่อบูทูธกับมือถือไว้
"บ้าเอ้ย พวกมันใช้กระสุนเจาะเกราะ ミ *∩-ℓ¦©ï°ü$ _∩*" ปลายสายโวยวายก่อนจะตัดไป พอหันกลับไปมองเลยเห็นว่ารถของพวกพี่เขาเสียหลักลงข้างทาง
กระทิงดุ(ฉายาของแลมโบกินี่)ควบทะยานไปตามถนนโดยมีแรนโลเวอร์สองคันเกาะตามมาติด ๆ ใกล้พ้นเขตทางเลี่ยงเมืองซึ่งข้างหน้าเป็นทางหลวงชนบน แม้จะลาดยางแต่ก็โค้งงอจนหน้าตกใจ
"พวกไหน"
"เดาว่า ซาโตนี่...จับดี ๆ นะมีน"
"เร! ระวัง" ผมร้องลั่นเมื่อสิบล้อเลนตรงข้ามขับแซงขึ้นมาเลนเราเฉย "ตายๆ ๆ ๆ"
ผมเบิกตากว้างมองก้อนโลหะขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งมาหาเราอย่างตื่นกลัว ด้วยความเร็วกว่าสองร้อยไม่มีทางที่จะเบรกทันแน่ เรหักหลบลงข้างทาง
"มีน!!!!" ไวเกินความคิดเมื่อเรปลดเข็มขัดตัวเองและผมออกจากที่นั่งแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้รถเราพลิกคว่ำลงข้างทางจนร่างของเรากระแทกแรงภายในห้องโดยสารโดยมีตัวของเรรองรับผมเอาไว้
ปัง!!!! เสียงปะทะดังสะนั่นเมื่อตัวรถกระแทกเข้ากับต้นยางใหญ่ข้างทางจนยับเยิน แรงกระแทกละแรงเหวียงทำเอามึนไปหมด รู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วร่าง หากไม่มีเรโอบกอดไว้ผมคงแหลกเป็นชิ้น ๆ
"เร..." ใบหน้าคมที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดมองตอบผมแต่มันช่างพล่าเบลอ
"กู...ไม่เป็นไร" เสียงมันสั่นและดูฝืนเต็มที
"เร...เร" ผมพยายามฝืนเรียกอีกคนแม้สติจะเลือนลาง กลัวจับใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้หากผมต้องหลับไป
"ไม่ต้องกลัวนะ" แต่เหมือนร่างกายไม่ฟังคำสั่งใด เพราะทุกอย่างดับวูบไปเมื่อสิ้นคำพูดนั้น
...
ไม่เจอกันหลายวัยเลย พอดีเรางดลงในช่วงไว้ทุกข์ นี่เป็นงานอาร์ตน้องมีน ลองว่าเล่น ๆ ว่าน่าจะประมาณนี้ทดแทนที่ห่างหาย เรายังอยู่ในช่วงหาแนวเส้นของตัวเองอยู่เพราะงานแบบ เรียลลิส คนวาดเยอะและขาดเสน่ห์ แต่ให้วาดการ์ตูนก็ทำไม่เป็น ก็ต้องพยายามกันต่อไป