อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๒
แสงแดดสาดส่องตามช่องไม้ในเช้าตรู่วันถัดมา บรรยากาศเย็นสบายโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศสักชิ้น
ชวนให้น่าหลับมากกว่าตื่นขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน แล้วจะโดนคาดคั้นอะไรขึ้นมาอีกไหม มันตอบ
ตัวเองไม่ได้ แก้วจึงเลือกกอดอกนั่งพิงผนังหลับตาลงอีกครั้ง
ผัวะ!
กำปั้นหนักถูกส่งเข้าหน้าเรียวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วปาก ไม่อยากตื่นก็คงต้องตื่นแล้วล่ะ
เขาใช้นิ้วโป้งแตะเบาๆมุมปากพอให้มีเลือดติดนิ้วออกมาเพื่อย้ำว่าปากเขาแตกจริง บ้าชะมัดมันเข้ามากันตอนไหนวะเมื่อกี้ยังไม่เห็นเลย
แหงนหน้าจ้องมองชายชุดดำคนเมื่อคืนไม่วางตาอย่างท้าทายให้มันรู้ว่าเขาไม่ได้เกรงกลัวที่จะถูกทำร้ายเลยสักนิด
คนที่ยืนอยู่ทำท่าจะเข้ามาโดนตัวแก้วอีกครั้ง จากคนอวดดีท้าทายด้วยสายตาเมื่อครู่ต้องเผลอขยับตัวหนีอย่างหลุดฟอร์มซะอย่างนั้น
“ฝิ่นใจเย็น” ชายชุดดำอีกคนเหมือนจะห้ามทั้งที่ไม่ทันแล้ว
“ไอ้เหี้ย! มึงบอกมานะเว้ยเพื่อนมึงอยู่ไหน” น้ำเสียงยานแต่ยังคงตะคอกได้ดังและดุเช่นเมื่อคืน
นัยย์ตาแดงก่ำคู่เดิม จับจ้องมายังเขาเขม็ง
“ฝิ่นพอก่อน” ถ้าไม่ได้อีกคนดึงมันไว้ แก้วคงได้โดนอีกหมัดเป็นแน่
“เพื่อนมึงมันเหี้ย ไอ้ระยำ ไม่บอกใช่ไหมว่ามันอยู่ไหน งั้นมึงก็ตายแทนมันเลยแล้วกัน”
ควับ!
กระบอกปืนถูกจ่อ ณ เบื้องหน้า แก้วสะดุ้งถึงกับตะลึง การท้าทายได้ผลเกินคาดเหรอนี่ แต่ทันทีที่
ปืนกระบอกนั้นถูกยกขึ้นอย่างส่ายไปส่ายมาถ้ายิงจริงคงไม่มีทางโดนเป้าหมายแน่ ขนาดตั้งใจชักมาขู่ยัง
โดนอีกคนแย่งชิงไปได้อย่างง่ายดาย จนแก้วอดคิดไม่ได้ว่าไอ้นี่มันห่ามก็จริงแต่ก็อ่อนแอสิ้นดี
“ไอ้ฝิ่น มึงจะทำอะไร หยุดนะเว้ย” มีปืนจ่อหน้าว่าน่าตกใจแล้วแต่ยังไม่เท่าเห็นบุคคลที่เพิ่งตามมาทีหลัง
เขาคนนั้นวิ่งเข้ามาผลักไอ้ฝิ่นนั่นให้ออกห่างจากแก้วที่ยังนั่งมองเหตุการณ์อย่างมึนงง
“มึงไม่ต้องยุ่ง แค่ตามหาคนๆเดียว พวกมึงแม่งหาไม่ได้ พรุ่งนี้ก็จะเผาแล้ว กูไม่ให้เพื่อนกูตายฟรีแน่”
“เฮ้ยฝิ่น...มึงสงบสติอารมณ์ก่อนดิวะ” ชายชุดดำอีกคนคนที่ช่วยไม่ให้แก้วต้องกลายเป็นเหยื่อลูกปืน
พยายามเรียกสติมัน เรียกจากความเมาหรือจากอาการบ้าคลั่งก็ไม่รู้
“เวลาแค่สองวันเองนะ ไหนตอนแรกมึงจะเอาหลังเผาไง แล้วนี่กูก็พยายามเต็มที่แล้ว พี่ไม้เข้าใจผมใช่ไหม?” พี่ดิว ประธานปีสามของแก้วโวยกลับไปทางสองคนนั้น
“แต่กูไม่รอแล้ว กูจะเอาก่อนวันเผา มันต้องมากราบเพื่อนกู แล้วมันก็ต้องไปอยู่กับเพื่อนกู!”
“แต่กูว่า...”
“มึงเงียบไปเหี้ยดิว น้องมึงนี่หว่า มึงจะช่วยพวกกูซักเท่าไหร่เชียว บางทีที่เพื่อนกูตายมึงอาจรู้เห็นด้วยก็ได้”
“เฮ้ยฝิ่น เย็นหน่อยดิวะ” พี่ไม้ตบไหล่ไอ้ฝิ่นเพื่อเตือนให้เลิกโวยวายคู่อริได้แล้ว ขนาดอยู่คนละโรงเรียน
ตีกันออกจะบ่อยแต่เมื่อมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ยังช่วยให้ความร่วมมืออย่างดี แก้วคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงกลัวไอ้ฝิ่น
จะพูดมากกว่านี้แล้วจะขาดแนวร่วมเพราะอาการของมันนอกจากเมาแทบไม่ได้สติแล้วก็เหมือนกับคนบ้า
กลายๆที่เอาแต่อาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคน
“ดิวกูขอโทษแทนมันด้วย มันเสียใจมาก มึงก็เห็น”
“อืม ช่างแม่งเหอะ แต่อย่าทำอะไรไอ้แก้วละกัน มันไม่รู้เรื่องอะไรหรอก”
พี่ดิวยังมีหน้ามาปกป้องเขาอีกเหรอ แก้วหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง พลันหันหน้าหนีจากวงสนทนาที่เอาแต่
ตะโกนคุยกันเมื่อดิวเอ่ยชื่อเขาเข้าไปในประเด็น
“เมียมันบอกกูหมดแล้วว่ามึงรู้ที่อยู่ไอ้นั่น” เมื่อคนชื่อไม้ไม่ยอมให้ต่อว่าพี่ดิว ไอ้ฝิ่นมันจึงหันมาเล่นงานแก้วต่อ
บอกหมดแล้วเหรอ บอกอะไร มิวรู้อะไรรึไง แก้วหันไปมองหามิวเพื่อจะถามเจ้าตัวว่าพูดอะไรออกไปรึเปล่า
ห้องโล่งๆ แต่เขายังมองแล้วมองอีก ทุกซอกทุกมุม แต่ไม่เจอ นี่เขาไม่เห็นแฟนเพื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วล่ะ
ถึงว่าเสียงดังขนาดนี้ถึงไม่ยอมตื่น แต่จะไปไหนเมื่อไหร่ก็ช่างเถอะ ที่เห็นว่ามองเขาแปลกๆเมื่อคืนคง
เพราะหาทางจับผิดเขาสินะ
ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยแต่เพื่อเอาตัวรอดกลับโบ้ยมาที่แก้วแทน ไม่ห่วงเขา เขาไม่ว่าแต่เท่ากับว่าส่งผัวตัวเองไปตายชัดๆ ผู้หญิงนี่เชื่อใจไม่ได้เลยจริงๆ
“หึ ถ้าผู้หญิงมันรู้จริงทำไมมันไม่บอกไปเลยล่ะว่าไอ้พงษ์อยู่ไหน” กำปั้นหนักเหวี่ยงเข้าแก้มข้างเดิม
อีกครั้ง ซี๊ดดด ไม่น่าปากดีเลย พี่ดิวทำท่าจะเข้ามาขวางแต่ถูกแก้วจ้องอย่างไม่พอใจ รุ่นพี่จึงได้แต่ยืน
มองใบหน้าที่มีแผลมุมปากอย่างกระวนกระวาย
“กูให้โอกาสถึงพรุ่งนี้ ถ้ายังไม่รู้ว่าเพื่อนมึงอยู่ไหน กูนี่แหละจะฆ่ามึงแทน” แล้วไอ้ฝิ่นมันก็เดินออกไป
นี่ถึงเวลาที่เขาต้องตายแทนเพื่อนแล้วจริงๆเหรอ...มึงนะมึงไอ้พงษ์
แต่คนชื่อไม้ยังมองหน้าแก้วอยู่ไม่ได้ตามฝิ่นออกไปในทันที มองด้วยแววตาสงบนิ่งแต่รู้สึกกดดันชะมัด
แก้วถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ขอบคุณที่ช่วยผมนะพี่” มือลูบแก้ม ปากเอ่ยขอบคุณ ทั้งที่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการฟังคำอื่นมากกว่า
“กูไม่ได้ใจดี แต่กูไม่อยากทำร้ายคนอื่นแค่นั้น ส่วนเพื่อนมึงถ้ามันเจอตำรวจก่อนก็ถือว่าโชคดี”
พูดจบไม้ก็ออกจากห้องไป แก้วมองตามหลังได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้ตำรวจแล้วก็คนพวกนี้เจอเพื่อนเขาเลย
“แก้ว พี่ขอโทษว่ะ พี่ก็โดนบีบมาเหมือนกัน ...แต่หวังว่าไอ้พงษ์มันจะรอดนะ” พี่ดิวนั่งลงตรงหน้าแตะไหล่
แก้วเบาๆ มองเขาสายตาเว้าวอนดั่งคนต้องการความเห็นใจ เหอะ ถึงแก้วกับพงษ์จะเรียนปีสามเหมือนกัน
แต่ก็ให้ความเคารพนับถือพี่ดิวในฐานะพี่ใหญ่คนหนึ่งในสายตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าเรียนแล้ว
แต่วันนี้คนที่เป็นประธานรุ่น คนที่เขาเคยเคารพและเชื่อใจ คนที่ต้องคอยดูแลคนในรุ่นไม่ใช่ไปเข้าข้างศัตรู
อย่างนี้ กลับต้องการส่งตัวเพื่อนเขาให้ไปตาย คนอย่างนี้ไม่สมควรได้รับความน่าเชื่อถืออะไรอีกแล้ว
“ผมผิดหวังในตัวพี่ที่สุด” แก้วปัดมือดิวออกจากไหล่ กอดเข่าหันหน้าไปทางอื่น ไม่สนใจรุ่นพี่อีกต่อไปจน
ดิวทนไม่ไหวต้องถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องไปเอง
แก้วนั่งประมวลความคิดอยู่สักพักจึงลุกเข้าห้องน้ำที่อยู่ในสุดของห้อง ถอดเสื้อนักเรียนที่ติดตัวมาตั้งแต่เมื่อวานพาดไหล่
เหลือเพียงเสื้อยืดสีขาวไว้ติดตัว น้ำก็ไม่ได้อาบ เหอะ อุบาทตัวเองอยู่เหมือนกัน ดีนะที่มันเลือกจับเขามาวันสอบวันสุดท้ายพอดี
ทำธุระส่วนตัว ล้างหน้าโดยใช้เสื้อนักเรียนนั่นแหละเช็ดหน้าเช็ดแผลมุมปากไปก่อน ออกจากห้องน้ำจึง
ลองมองลอดช่องเล็กๆของไม้ผุอีกครั้งเผื่อเห็นอะไรเป็นจุดเด่นบ้าง
“เฮ้อ ทุ่งนา” เห็นแต่ยอดข้าว แก้วส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายหันไปเจอข้าวกล่องกับขวดน้ำวางไว้ให้เหมือน
เมื่อคืนแต่ต่างกันตรงที่วันนี้มีแค่ชุดเดียว คิดแล้วก็ได้แต่สมเพชปนสมน้ำหน้าเพื่อนตัวเอง
ไอ้พงษ์มึงรู้ไหมว่าแฟนมึงเอาตัวรอดโคตรเก่งเลยว่ะ เขาเองก็หวังว่างานนี้พงษ์มันจะเอาตัวรอดได้เหมือนแฟนมันเหมือนกัน
อย่าให้สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ ต้องสูญเปล่าเลย
.
.
.
วันนี้คงสวดศพคืนสุดท้ายแล้วสิ แก้วหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง
มันคือใบแจ้งความ...
วันที่xx เดือน xx ปีxx เวลา 19.00 นาฬิกาโดยประมาณ
นายธรรมรัตน์ คงไพศาล ถูกทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิตด้วยอาวุธมีด บริเวณหน้าบ้านที่พักอาศัย
เลขที่ xx ตำบลxx อำเภอxx จังหวัดxx ผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า ผู้ตายได้มีปากเสียงและเกิดการ
ทะเลาะวิวาทกับนายพงษ์ศิริ วัชระตระการกุล นักเรียนโรงเรียนเทคโนT ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา
เด็กช่างมันก็แค่นี้ เลือกจะเรียนโรงเรียนอาชีวะก็เท่ากับเลือกที่จะเดินเข้ามาในถนนของนักเลงฝึกหัด
ชีวิตลูกผู้ชายพวกพ้อง น้องพี่ อำนาจ ศักดิ์ศรี ต้องมาก่อน
ตีรันฟันแทง ก็เหมือนกิจวัตรประจำวัน
บ้างก็ถูกตำรวจจับ บ้างก็เจ็บ บ้างก็ตาย มีให้เห็นแทบทุกครั้ง
แต่คนที่รอดอยู่กลับไม่เคยมีใครยอมรับมันได้เลย ทั้งที่ทุกคนในสถาบันล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งนั้น
อย่างเรื่องที่เพิ่งเกิดก็เหมือนกัน มันเป็นอุบัติเหตุนี่ ทะเลาะกันไม่ใครก็ใครต้องเจ็บ หรือถึงคราวซวยก็ต้องตาย
คนที่จับตัวเขามาก็รู้ แต่แค่ไม่ยอมรับความจริง เพราะความรักหรือแค่คำว่าศักดิ์ศรีที่พร่ำเพ้อกันแบบโง่ๆ
อยู่ทุกวันกันล่ะถึงทำให้พวกนี้คิดเอาคืน
ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตตามวิถีเด็กช่างอย่างนั้นหรือ
แต่ต้องไม่ใช่ชีวิตไอ้พงษ์ เพื่อนไอ้แก้วคนนี้แน่นอน...
เพราะต่อให้ฆ่าไอ้พงษ์ให้ตายตามกันไป เพื่อนของพวกมันก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ได้อยู่ดี
เลือกที่จะเรียนอาชีวะ เลือกที่จะเป็นนักเลงข้างถนน ก็เท่ากับเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้าย
เราไม่ทำเขา เขาก็ทำเรา เลือกจะเดินบนเส้นทางที่ใช้การตีรันฟันแทงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
ก็ต้องยอมรับให้ได้ไม่เจ็บก็ตาย เป็นเรื่องปกติเช่นกัน
........................
เยิ่นเย้อหน่อยนะคะ อยากให้เห็นถึงความคิดของแก้วเยอะๆ หรือบางทีคนอ่านอาจจะเห็นความคิด
ของพระเอกด้วยเช่นกัน นั่นแหละค่ะคือปมของเรื่อง ฮี่ๆๆ (เล่นบอกเลย กลัวไม่มีคนอ่านเพราะมันเขียนไม่รู้เรื่อง เอิ๊กกก)
ตอนหน้าจะพาขึ้นรถไฟฟ้าแล้วค่ะ ไอ้พงษ์จะมาแล้วววว (หวังว่าจะพามันมาได้)
บอกก่อนนะคะ คนเขียนไม่มีสต๊อคเน้อมีแต่พล็อตในหัว เขียนได้สวย(ในความคิดตัวเอง)เมื่อไหร่ ก็จะมาอัพทันทีค่ะ^^
ชื่อเรื่องก็เอาที่ชอบไว้ก่อนค่ะจริงๆไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะฟังดูหวานแหววอะไรนะ แค่ชอบเด็กช่างอยากเห็น
เด็กช่างกอดกันอะไรอย่างนี้ ...(เพลียเหลือเกิน!)
ส่วนดราม่ารึเปล่านั้น ...ไม่บอก ฮ่าๆ
มีคนอ่านแล้ว งง ด้วยอะ ข้าน้อยขออภัยT^T งงตรงไหนเอ่ยภาษามันวกวนใช่ไหมคะ อันนี้คนเขียนก็งง
เหลือเกิน(เหมือนกัน) จึงต้องมาอัพเพิ่มเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง (เหรอ?)
ก็แบบว่าเค้ายังอ่อนด้อยมากมายอะ ปกติแค่พูดยังไม่ค่อยมีใครจะเข้าใจเลย นี่เล่นมาเขียนอีกยิ่งแล้วใหญ่ Y^Y
อยากให้ช่วยติเยอะๆด้วยนะคะ เพราะคนเขียนเองคงวิจารณ์งานของตัวเองไม่ได้แน่ๆ มันเขียนอะไรมันก็รู้
เรื่องอยู่คนเดียว ... คนเขียนรู้ว่ามันต้องมีตำหนิอยู่ในนิยายเรื่องนี้มากมายแน่นอน ยังไงถ้าเนื้อเรื่องมัน
ดำเนินไปได้ซักพัก รบกวนจัดหนักมาได้เลยนะคะ
ยินดีรับฟังคำวิจารณ์จากทุกท่าน...ด้วยใจอันน่อยๆดวงนี้
หมายเหตุ: เพื่อให้เข้าใจในระบบโรงเรียนอาชีวะยิ่งขึ้นสำหรับคนที่ไม่คุ้นชิน อ้างอิงจากสถานศึกษาที่ซีซั่น
เคยร่ำเรียนมาในอดีตกาล(ป๊าดดด) เขาจะมีระบบดังนี้ค่ะ
ประธานนักเรียน คือ ใหญ่สุดในโรงเรียน สามารถพูดคุย สั่งการ รวมไปถึงควบคุมดูแลนักเรียนแผนกช่างได้ พาณิชย์ได้ ทุกสายทั้งโรงเรียน
ประธานสาย คือ โรงเรียนหนึ่งๆมักจะมีรถประจำทางผ่านหลายสาย นั่นแหละค่ะไอ้ตัวเลขสาย
เดินรถนั่นแหละ เขาเอามาจัดตั้งเป็นหน่วยงานในการปกครอง(?)ของเด็กอาชีวะกัน โรงเรียนคนเขียน
ประธานสายจะแฝงตัวอยู่ในระดับ ปวช.ปีสาม และ ปวส.ปีหนึ่ง เท่านั้น
ขอบอกว่าประธานสายรุ่นที่คนเขียนเรียนน่ะ หล่อมากกก
หน้าที่ของประธานสายที่เห็นๆคือ สั่งลุยให้ลุย สั่งหยุดให้หยุด ถ้ามึงไม่หยุดกูจะหยุดมึงเองและจะถูกขับ
ออกจากสายในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นเรื่องที่แย่นะสำหรับเด็กช่างที่ไม่มีสายอาศัย อันตรายทั้งจากศึกนอก
และศึกในเชียวล่ะ (มันไปเรียนหรือไปรบกันฟร่ะ!)
รองประธานสาย มีหลายคนค่ะ อธิบายง่ายๆก็เหมือนลูกน้องคนสนิทของประธานสายน่ะค่ะ
แต่ประธานสายก็ยังมีแยกย่อยออกไปตามสถานที่จุดหลักๆต่างๆที่รถประจำทางสายนั้นๆวิ่งผ่านอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น สายคลองหนึ่ง สายคลองสอง งี้ อันนี้ยกตัวอย่างเฉยๆนะ =*= จุดนี้ เพลียอีกละ...มันจะย่อยอีกทำไม
แต่อำนาจสั่งการสูงสุดในสายยังคงเป็นของประธานสายอยู่ดีค่ะ (ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของโรงเรียนจริงๆประธานนักเรียนท่านจะไม่เข้ามายุ่ง)
ยัง...ยังไม่หมด ยังมี...
ประธานปีหนึ่ง คือ คนที่ใหญ่ที่สุดในชั้น ปวช.หนึ่ง
ประธานปีสอง คือ คนที่ใหญ่ที่สุดในชั้น ปวช.สอง
ประธานปีสาม คือ คนที่ใหญ่ที่สุดในชั้น ปวช.สาม
หน้าที่รวมๆทุกตำแหน่งจะไปในทางเดียวกันค่ะ และคนที่คุมคนในสายได้จะต้องพาเพื่อนร่วมสายไป
โรงเรียนอย่างปลอดภัย และ กลับบ้านอย่างปลอดภัย รวมไปถึงการเล่นงานโรงเรียนคู่อริด้วย
เด็กช่างจะให้ความสำคัญในการลำดับญาติอย่างมากค่ะ เข้าก่อนเป็นพี่ เข้าทีหลังเป็นน้อง
อย่างเคสของพี่ดิวที่เรียนมาก่อนแต่มีเรื่องให้ต้องเรียนปีหนึ่งถึงสองรอบ แก้วถึงเรียกมันว่าพี่ค่ะ
จบการรายงาน (สักทีเถอะ) อิอิ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเข้ามาคอมเม้นให้นะคะ ขอบคุณหลายๆเด้อ เป็นกำลังใจให้กล้าที่จะเขียนมากเลย
ส่วนตอนนี้คนเขียนขอปั่นจักรยานไปดูมวลน้ำก่อน ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ถ้ายังไม่ได้หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่
ที่อื่นคงได้เจอกันอีกเร็วๆนี้ ระวังน้ำด้วยนะคะทุกคน
.....ทอล์คยาวมากแม่นาง เอวังY^Y....