“มึงจะพากูไปไหน แล้วหม่อมละ แฟนมึงอยู่ไหน มึงทิ้งผู้หญิงไว้คนเดียวหรอ แม่งเลว ทำไมมึงสันดานเหี้ยแบบนี้วะ แล้วน้องกูมันจะอยู่กับใคร ไหนจะโทรศัพท์ไอ้เบียร์ที่มันฝากกูไว้อีก” ผมโวยวายเป็นไอ้บ้าอารมณ์ร้ายตั้งแต่ถูกไอ้ภูมิลาก ถูกมันยัดใส่รถจนนั่งมาได้ซักพักแต่ผมยังไม่หยุด ชักจะเหมือนไอ้เต้ยแล้วสิกู
“ห่วงมันมากหรอไอ้เบียร์น่ะ ห๊ะ!!!” ผมสะดุ้งตกใจเสียงตะคอกกับดวงตาคมของมันที่เหมือนมีไฟลุกอยู่ในนั้น ผมกำมือจนเกร็ง อย่านะพีม ถ้ามึงชกมัน เรื่องอาจจะวุ่นวายกว่านี้
“………………………” ผมเงียบ
“…………………………” มันก็เงียบ แม่งอึดอัดชิบ ปกติผมไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ไม่ใช่คนชอบใช้อารมณ์ อะไรที่พอยอมได้ก็ยอมแต่บางครั้งการที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ต้องมาถูกไอ้ภูมิทำพฤติกรรมเหี้ยๆใส่ผมก็ไม่อยากจะทน
“จะพากูไปไหน จะฆ่ากูหรอ ก่อนฆ่าช่วยบอกความผิดของกูด้วยนะ เผื่อยมบาลถามจะได้ตอบถูก”
“……………………………” มันไม่ตอบ เอาแต่เงียบและเยียบคันเร่งลูกเดียว ผมหันออกไปมองนอกกระจก รถแม่งวิ่งเร็วจัดเสาไฟไหลจนผมตาลาย
"มึงเป็นเบ้ใคร" อยู่ๆไอ้ภูมิก็ถามอะไรแปลกๆขึ้นมา เล่นเอาผมถึงกับงงเลยทีเดียวสำหรับคำถามนี้ มันจะมาไม้ไหนอีกวะ
"อะไร เมาเนื้อรึไง " ผมมองหน้ามันแบบไร้ความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น
"ถามก็ตอบ ไม่ใช่มาย้อน เดี๋ยวปั๊ดชกตาหลุด" เอะอะจะทำร้ายร่างกายกูตลอด ถามว่ากลัวมั้ย กลัวครับ กร๊าก(กูก็นึกว่าแน่)
“มึงถามว่าไงนะ” ผมขอทวนคำถามอีกรอบแต่มันหันมามองตาเขียวแถมส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ
“มึงเป็นเบ๊ใคร”
"กูเป็นเบ้มึง พอใจรึยัง"
"หึ ดี แล้วจำไว้ด้วย ว่ากูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร" แค่เนี๊ยะ แล้วจะมาบอกผมทำไม ฮึ๋ย อะไรของมันวะ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันนักแต่ผมก็พยักหน้าส่งๆให้มันจบๆเรื่องไป
และแล้วก็มาถึงสถานที่หนึ่งซึ่งผมไม่คิดว่าชาตินี้คนอย่างไอ้ภูมิจะรู้จัก วัดอรุณราชวรารามครับคุณผู้อ่านโปรดฟัน(ฟังดีกว่ามั้ย)อีกครั้งหนึ่ง ที่นี่คือวัดอรุณฯครับ
บรรยากาศที่นี่ดีดีกว่าที่มหาลัย อาจจะเป็นเพราะว่าดึกแล้วคนเลยไม่วุ่นวายแต่ก็ถือว่ายังเยอะอยู่ดี มีออกร้าน ขายของคาว ขนมหวาน อาหารแห้ง ต้นไม้ดอกไม้ สินค้าOTOP คล้ายที่อื่นๆ
แต่ความรู้สึกมันสงบ สบายใจกว่า อาจจะเป็นเพราะมีพระปรางค์ยอดสวยทำให้รู้สึกถึงความเป็นไทย ให้ความรู้สึกดี นึกถึงตอนปีหนึ่งที่อาจารย์ให้ออกเขียนรูปนอกสถานที่ วัดอรุณฯนี่แหละครับที่ทำให้ผมคว้าB+ วิชา drawing1 มาได้อย่างทุลักทุเล เหอๆ
“ที่นี่จัดงานลอยกระทงด้วยหรอ”
“อ้าว กูนึกว่ามึงรู้ นี่มึงไม่ได้ตั้งใจจะพากูมาแต่มาแบบเดาๆว่างั้น”
“เออ อย่าพูดมาก จะเที่ยวมั้ย”เมื่อไรจะเลิกเหวี่ยงซักทีวะ
“สะ…” จะด่าสัดแล้วครับแต่นึกได้ว่าอยู่ในวัดเลยต้องสำรวมหน่อย ถึงมันจะไม่ได้ตั้งใจพาผมมาที่นี่แต่ผมก็ไม่คิดว่าไอ้ภูมิจะเลือกเลี้ยวเข้ามาในสถานที่ที่เรียกว่าวัด คนอย่างมันน่าจะไปรักษากระแสใหม่ของวันลอยกระทงอย่างทำให้ผู้หญิงเสียตัวสักคนสองคนมากกว่า
ไอ้ภูมิบอกแล้วเดินเบียดไปกับฝูงคน ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้น กี่ครั้งแล้วนะที่ผมมักจะมองมันจากข้างหลัง มองมันด้วยสายตาที่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันสื่ออะไร หมายถึงอะไร รู้สึกยังไงกันแน่
“ยืนบื้ออยู่ได้ เดินมาดิ” แต่คราวนี้มันหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ มันหันมามองและรอผมก้าวไปหา
ได้ กูจะเดินไปหามึงเองพวกผมก็เดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย คุณชายมันก็บ่นนู่นบ่นนี่ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวคอแห้ง เดี๋ยวรำคาญที่คนมอง แต่คนก็ไม่รู้จะมองมันทำไมกันนักกันหนา ไม่เคยเห็นคนรึไงวะ หน้าไอ้ภูมิก็มีปาก มีตาตาสองข้างมีจมูกสองรู เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ หงุดหงิดเว้ย
“เป็นไร ทำหน้าเหมือนจะตาย”
“กูหิวน้ำ”
“ไปซื้อสิ”
“พาไปหน่อย”
“อย่าสำออย” เหี้ย ด่ากูตลอด
“ทีมึงหิวกูยังพาไปซื้อเลย” ให้ไปคนเดียวหรอ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมันก็ทิ้งผมอีก
“เรื่องมาก” มันดึงข้อศอกผมให้ก้าวตาม ขามันยาวก็ก้าวฉับๆได้ดิ แต่ผมแม่งต้องซอยเท้าถี่ยิบเหมือนแข่งเดินเร็วถ้าทำเอวด็อกแด็กๆอีกนิดใช่เลยนะเนี่ย
“น้ำขวดนึง” มึงจะซื้อน้ำหรือท้าชกปากชาวบ้าน ห้วนได้อีก
“อ้าว พี่ภูมิ มาลอยกระทงที่นี่ด้วยหรอพี่”
“อืม แล้วมึงมาทำอะไร”
“ขายน้ำ หึหึ” ไอ้เด็กนั่นตอบทำหน้ากวนตีน เรียกเสียงหัวเราะจากผมและไอ้ภูมิ มันทะเล้นเหมือนไอ้เต้ยเลยแฮะ ภายในร้านมีนักศึกษาเกือบยี่สิบคนถ้าให้เดาน่าจะเป็นพวกชมรมพุทธศาสนาของมหาลัยผม มันมาออกร้านถึงที่นี่กันเลยหรอ และไอ้เด็กที่กล้าเล่นกับไอ้ภูมิคงไม่ธรรมดา
“แล้วมากับใครอ่ะพี่ ฮั่นแน่ แฟนหรอพี่ภูมิ” ไอ้เด็กเวร เห็นๆอยู่ว่ากูเป็นผู้ชาย
“มึงอย่ากวนตีนไอ้เจย์ เอาน้ำมา เร็วๆ”
“ฮี่ฮี่ ไม่กวนๆ ใครจะกล้ากวนพี่รหัสสุดหล่อละคร้าบบบ นี่ครับน้ำ” อ่อ ที่แท้ก็น้องรหัส หน้าตาไม่น่าอยู่ชมรมพระชมรมเจ้าเลยนะมึง แบบนี้คงตามเมียมา ไอ้หน้าตี๋มันยื่นขวดน้ำให้ไอ้ภูมิแถมแจกยิ้มมาเผื่อผมด้วย
“แต่พี่หน้าคุ้นๆวะ หน้าเหมือนแฟนเก่าผมเลย” เย้ดเขร้ มามุขนี้หมาในปากไอ้พีมไม่ทำงานเลยครับ แล้วเชี่ยภูมิแม่งทำหน้าเหมือนเชื่อ มันก้มลงมองหน้าผมตาเขียวปั๊ด อะไรอี๊ก ไม่พอใจอะไรกูอีกครับมึง ส่วนไอ้ตี๋ฟันเหล็กแม่งก็หัวเราะคิกคักมันถูกอกถูกใจอะไรนักหนาวะ
“แฟนเก่าพี่เพิ่งถูกยิงตายวันก่อนนี่เอง น้องจำคนผิดแล้วละ ภูมิไปเหอะ” ผมไม่รออยู่ดูหน้าตี๋ๆของไอ้เด็กนั่น
เหวอนานนัก รีบลากไอ้ภูมิออกมา
“หึหึ”
“ขำเหี้ยไร น้องมึงน่าเอาส้นเท้าตรวจสุขภาพช่องปากมาก”
“หึหึ แต่มันก็แพ้มึง อ่ะน้ำ”ไอ้ภูมิยังขำต่อไปผมรับน้ำมากระดกดับกระหาย เมื่อไรผมถึงจะหลุดพ้นจากการถูกผู้ชายเกี้ยวพาราสีซักที จะพูดเล่นพูดจริงพูดแซวพูดขำๆก็ไม่ชอบ เข้าใจมั้ยสาดดด
“ห่า ทำไมไม่เปิดฝาวะ” มิน่ายกจนก้นขวดตั้งฉากเก้าสิบองศาแต่น้ำไม่หยดลงมาซักแอะ
“มากไปแล้วไอ้เตี้ย เจียมบอดี้บ้างกูเจ้านายนะ”
“ไหนวันนี้มึงบอกว่าจะงดหน้าที่เบ๊ให้กูไง”
“เออกูลืมไป กะว่าจะทำบุญทำทานวันลอยกระทงซักหน่อย หึ เอาขวดมาดิ” แล้วมันก็รับขวดคริสตัลราคาสิบบาท(ขึ้นราคาหน้าเทศกาล)ไปแกะพลาสติกพร้อมเปิดฝาให้ผมเสร็จสรรพ
“เฮอะ ขอบพระคุณนะครับเจ้านายยยยยย”ไ ด้ดื่มน้ำเย็นๆอารมณ์ก็พลอยดีไปด้วย เลยเดินเที่ยวกันต่อ แต่คราวนี้คนเริ่มน้อยลงก็มันจะเที่ยงคืนแล้วครับระหว่างเดินก็มีรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาลัย ทักทายไอ้ภูมิไม่ขาด กว้างขวางจริงๆพ่อคุณ มันก็แค่ยิ้มให้ ทักบ้าง แต่หลายครั้งเหมือนมันไม่รู้จักอีกฝ่าย
เราซื้อขนมโป๊งเหน่งกินกันคนละไม้แต่ผมกินได้แค่สองคำดันมีเด็กวิ่งชนจนขนมหลุดมือ ไอ้ภูมิหัวเราะสะใจหน้าดำหน้าแดงแต่มันก็ยอมแบ่งให้ผมกินด้วย มีร้านขนมโบราณหน้าตาแปลกๆเยอะแยะพวกผมเลยเดินว่อนทั้งงาน
ได้ลองปั่นสายไหมด้วยครับ สนุกดี แล้วก็ได้ทำขนมหม้อเงินหม้อทองคุณยายเจ้าของร้านบอกว่าเป็นขนมมงคลใช้ในพิธีแต่งงาน ไม่รู้ว่าคำพูดคุณยายไปสะกิดต่อมอะไรเข้าผมกับไอ้ภูมิถึงได้เงยหน้ามามองตากัน เกิดมาเพิ่งสะกดคำว่า เขิน จริงๆจังๆก็ครั้งนี้ละวะ
ผมกับมันเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ เล่นเกมส์สารพัด ปาลูกโป่ง สอยดาว โยนห่วง ส่วนมากจะหนักไปทางล่ารางวัล เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณชายก็ปาลูกโป่งแม่นเหมือนกัน
“เอาตัวนี้ๆ ตัวนั้นอ่ะพี่ ตุ๊กตาควาย นั่นแหละๆ”ผมชี้บอกพี่เจ้าของร้านปาลูกโป่ง หลังจากไอ้ภูมิมันปาลูกดอกลูกที่เจ็ดสังหารเจ้าลูกโป่งโชคร้ายแตกจนครบ“มึงนี่สุดยอดเลยวะ ไอ้แทนเซียนๆยังไม่เทพเท่ามึงเลย กูขอนะ ชอบ”^_^
“เอาไปดิ หน้าเหมือนมึงดีออก”มันหัวเราะแล้วกดหัวผมบี้ลงกับไอ้ตุ๊กตาที่เพิ่งได้มากอด แหม ไอ้คนหน้าตาดีไอ้คนหล่อ มันว่าผมหน้าควายอ่ะ
เมื่อมันสาแก่ใจในการทำร้ายร่างกายผมแม่งก็เดินตัวปลิวไปเฉยเลย จะช่วยกูถือหน่อยก็ไม่ได้ คนไทยรึเปล่า น้ำใจมีบ้างมั้ย เมื่อมันไม่คิดจะช่วย ผมคงต้อง
“เฮ้ยมึง ช่วยกูถือหน่อยดิ”มือขวามีตุ๊กตาหมีตัวเท่าควาย มือซ้ายมีตุ๊กตาควายตัวเบ้อเร่อ จริงๆไม่ได้ไซส์นี้หรอกครับแต่ผมเลีย
แข้งเลียขาขอเจ้าของร้าน เขาเมตตาสงสารเห็นว่าดึกแล้วเลยให้มา ไอ้ภูมิมันส่ายหน้าเอือมระอาคงอายมั้ง ทำไมละ ก็อยากได้
“อยากได้ก็ถือเองสิ”
“ก็กูหนัก”
จึ๊ มันจิ๊ปากทำหน้างอ
“น่ารำคาญวะพีม” ไม่ได้อึ้งที่มันช่วยเอาตุ๊กตาควายไปถือ แต่ผมกำลังควบคุมหัวใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับการได้ยินชื่อของผมที่หลุดออกจากปากมัน เข้าใจอารมณ์มันตอนที่ผมเรียกชื่อมันครั้งแรกแล้ว
“
มองหน้าทำไม จะลอยมั้ยกระทง”
“หะ เออๆ ลอยๆ”ไอ้ภูมิพาผมเดินไปร้านขายกระทงที่เหลือแค่ร้านเดียว เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีคนแล้วครับผมหันซ้ายหันขวา รวงร้านต่างๆทยอยเก็บของกันแล้ว บรื่อ มืดๆในวัด ผี อ๊ากกก
“ป้ากระทงหมดแล้วหรอครับ”
“เหลืออันนี้อันเดียวแล้วลูก”กระทงอันสุดท้ายแถมสวยมากด้วย สงสัยว่าจะแพงคนเลยไม่ซื้อ ผมกับมันมองหน้ากัน ใครจะได้ครอบครองกระทงอันนี้ มาลุ้นกันครับ
“เท่าไร/เท่าไรครับ”
“ป้าขายสามร้อย แต่มันดึกแล้เดี๋ยววป้าลดให้นะ ”ถึงคุณป้าไม่ลดมันก็สมราคาครับ ประณีตสวยงามขนาดนั้น ผมวางไอ้หมีโข่งไว้ว่าจะล้วงกระเป๋าตัง
“สามร้อยใช่มั้ย นี่ครับ” ไอ้ภูมิยื่นแบงค์สีม่วงๆให้คุณป้า แม่งตัดหน้า ผมฟึดฟัดใส่มันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคว้าไอ้หมีขาวขั้วโลกขึ้นมาแบกไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม“ไม่ต้องทอนครับ แต่ช่วยทำกระทงอีกอันได้มั้ย”ผมเงยหน้ามองไอ้ภูมิ และเผลอกอดรัดไอ้หมีจนแน่น
“แต่ใบตองหมดแล้วนะพ่อหนุ่ม เหลือแต่ต้นกล้วยกับดอกไม้” มันแรงก็ตรงนี้แหละ ลองคิดสภาพกระทงของผมคร่าวๆสิครับ แต่ก็เอาเถอะของฟรีมีเสี่ยจ่ายตังให้
“ยังไงก็ได้”
“งั้นก็รอเดี๋ยวนะ”คุณป้าลงมือทำกระทงที่ไร้ใบตองมีแต่ต้นกล้วยเพียวๆผมเหลือบมองกระทงกลีบมรกตของไอ้ภูมิก็หมั่นไส้มันนิดๆ ไอ้กระทงอันนี้มันไม่มีคนซื้อหรือว่าสวรรค์เก็บไว้รอไอ้ภูมิวะ อิจฉาๆๆๆ
“อยากได้หรอ”มันหันมาถามผมด้วยใบหน้าระรื่น ออกแนวเย้ยมากๆ
“หืม เปล๊า”
“อยากได้ก็บอกว่าอยากได้สิ จะเอาให้”
“กูไม่ได้อยากได้ แค่หมั่นไส้มึง คนอะไรวะเกิดมาโชคดีชิบหาย ดูดิดึกป่านนี้ยังมีกระทงสวยๆเหลือ รอให้มึงมาลอยเลย”
“แต่มีบางอย่างที่กูอยากได้ แต่ไม่รู้จะได้รึเปล่า”
“อะไรวะ” ในโลกนี้มีอะไรที่คุณชายภูมิอยากได้แล้วไม่ได้ด้วยหรอ แมวดำหกขารึเปล่าวะ
“ก็….” ผมรอฟังคำตอบของมัน แววตาสีดำไหวระริกเหมือนไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ นี่ผมสบตากับไอ้ภูมิอยู่หรอเนี่ย มิน่าใจสั่นหวั่นไหวอีกแล้ว
“กระทงเสร็จแล้วลูก ป้าไม่คิดเงินหรอกจ๊ะ เอาไปลอยเถอะ เด็กหนุ่มๆสมัยนี้ดีนะที่ยังไม่ลืมประเพณีของไทย ดูสิดึกป่านนี้ยังพาน้องมาลอยเลย”ไม่ใช่น้องคร้าบบบ เห็นเตี้ยๆหอบตุ๊กตาแต่อายุก็ยี่สิบแล้วนะครับป้า
“อ่อ ครับ ขอบคุณนะครับคุณป้า” นึกว่าจะดูกสูบวิญญาณเข้าไปในดวงตาไอ้ภูมิแล้วซะอีก ผมรับกระทงพร้อมเงินทอนสองร้อยยื่นให้มัน
“หึหึ” ไอ้ภูมิมันหัวเราะเยาะกระทงผมครับ ผมก็อยากจะขำนะแต่แม่งขำไม่ออก สงสารตัวเอง นึกภาพตามนะครับต้นกล้วยที่เกือบกลมแผ่นเล็กๆมีดอกดาวเรืองปักรอบๆสามสี่ดอกตรงกลางมีกลีบกุหลาบโรยเบาๆพร้อมธูปเทียนปักไว้
หรูได้อีก ประหยัดได้อีก พอเพียงสุดๆ ประยุกต์สุดๆทำไมสวรรค์ต้องทำกับไอ้พีมสุดหล่อแบบนี้ ลอยกระทงทั้งทีปีนึงมีหนเดียว แล้วทำไมๆๆโถ่กระทงพิการของพ่อ
“เอาน่า ทำด้วยใจ หึหึ”
“ใจกูโคตรเป็นกุศลเลยวะ” กว่าคุณป้าจะทำกระทงเสร็จในเขตบริเวณนี้ก็แทบไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่แต่ก็ยังดีที่มีหลอดไฟประดับประดาตามทางเดินไปจนถึงท่าน้ำ เลยไม่ค่อยมืดไม่น่ากลัวเกินไป พวกผมเอาน้องควายกับน้องหมีนั่งชมพระจันทร์รอที่ศาลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“มึงมีไฟแช็คป่ะภูมิ”
“มี” มันล้วงเอาไฟแช็คในกระเป๋ากางเกง ห่านี่ สูบบุหรี่นี่หว่า
“เอามือบังลมไว้ดิพีม” เมื่อไรผมถึงจะชินกับการถูกมันเรียกซะทีว๊า ไอ้ภูมิวางกระทงของตัวเองแล้วจุดเทียนในกระทงให้ผม เพราะมันมัวแต่จดจ่อกับการจุดไฟ เลยไม่รู้ว่าผมมองมันอยู่ สีหน้าท่าทางที่ดูตั้งอกตั้งใจของมันก็ดูมีเสน่ห์ดีแฮะ
“จ้องมากๆคิดว่ากูเขินไม่เป็นรึไงเตี้ย” มันช้อนตาขึ้นมองพร้อมกับยิ้มมุมปากที่แม่งโคตรอ่อนโยนชิบหาย และก่อนที่ผมจะกระโดดน้ำเจ้าพระยาตายเพราะอายที่ถูกจับได้ว่าแอบมองมัน ไอ้ภูมิก็หันไปจุดเทียนในกระทงของมันบ้าง แม้ลมจะแรงแต่คนมันมีไฟไงครับ เทียนเลยไม่ดับ(อวยตัวเองตะร๊อดๆ)
“
ขาสั้นๆระวังสะดุดตกน้ำละ”
“รู้ ไม่ต้องย้ำ เฮ้ยเดี๋ยว จะลอยเลยรึไง มึงต้องอธิฐานก่อนสิ หลับตาแล้วก็อธิฐาน” มันทำหน้าไม่เก็ทผมเลยสาธิตให้ดู ด้วยการนั่งยองๆลงตรงท่าน้ำหลับตาถือน้องกระทงพิการ ก่อนที่จะขอพร ผมขอบคุณพระแม่คงคา ขอบคุณน้ำทุกหยดแม่น้ำทุกสาย ทะเลทุกแห่ง ขอบคุณที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ส่วนคำอธิฐานในปีนี้ ผมไม่ได้ขออะไรมากมายที่มากไปกว่าการได้เห็นรอยยิ้มของผู้ชายที่อยู่ข้างๆในตอนนี้
ขอให้ไอ้ภูมิมีความสุขนะครับ“นานวะ”
“เฮ้ย” ผมตกในแทบตกน้ำจริงๆก็ตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วหน้าไอ้ภูมิอยู่ใกล้ๆ“เออ เสร็จแล้วๆ ลอยดิ”เราวางกระลงบนผืนน้ำพร้อมกัน คลื่นค่อนข้างแรงกระทงอันเล็กๆของผมจะจมมั้ยเนี่ย
“มึงว่ากระทงของกูจะจมมั้ยวะ”
“ไม่จมหรอกเพราะกระทงกูให้มึงเกาะ”
“หึ เออวะ” กระทงอันเล็กของผมล่องลอยฝ่ากับคลื่นของแม่น้ำโดยมีกระทงแสนสวยอย่างไอ้ภูมิลอยเคียงอยู่ข้างๆให้พึ่งพิง ผมกับมันยืนมองกระทงจนแสงไฟริบรี่ห่างไปไกลเรื่อยๆ เรายืนรับลมเย็นๆโดยไม่มีใครพูดอะไรเป็นนานสองนานกว่าจะหอบไอ้ควายกับไอ้หมีขึ้นรถกลับ
วันนี้ผมสนุกมาก มีความสุขมาก ได้ตุ๊กตา ได้กินขนม ได้เล่นเกมส์
และได้ลอยกระทงตอนตีหนึ่งกับไอ้ภูมิ
……………………………………………..
“ภูมิ” ผมเรียกมันเมื่อนั่งรถมาได้ซักพักใหญ่ๆ ถนนโล่ง ไฟสีส้มก็สวย สบายตาดี ผมเห็นเงาสะท้อนของผู้ชายคนหนึ่งในกระจกรถ เขาดูมีความสุขจนน่าอิจฉา
“อืม”ไอ้ภูมิหันมามองผม มันรอให้ผมพูดแล้วก็หันกลับไปขับรถต่อ ผมหันมองเซี้ยวหน้าคมด้านข้างของมัน
วิ
นาทีนี้ผมรู้แล้วว่าไอ้ที่ผมมักจะถามตัวเองว่า ทำไม เพราะอะไร คำถามทั้งหลายที่คั่งค้างอยู่ในใจผมได้คำตอบแล้ว ว่า
ผมชอบมัน
ผมชอบไอ้ภูมิ“กูไปค้างที่ห้องมึงนะ”TBC>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
…………………………………………………..
บอกได้คำเดียวว่าไอ้พีม แรว๊ง รุกฆาตคะ ^____^ และแล้วพีมของเราก็รู้ใจตัวเองซะที ว่าแต่เมื่อไรพระเอกถึงจะมีใจน๊า ต้องติดตามตอนต่อๆไปนะจ๊ะ และแม้จะล่วงเลยเทศกาลลอยกระทงมาเป็นสัปดาห์แต่เราก็หาได้แคร์ไม่ จะลงอ่ะ หึหึ ยาวเว่ออีกแล้ว ตัดตอนไม่เป็นยกมาทั้งแผงเลยคะ เหอๆ
ของฝากคะ
ขอโทษที่ลงผิดนะคะ อ๊ากกกก อยากกระทืบตัวเอง สรุปว่าที่ลงไปเกือบอาทิตย์มีแค่ชื่อตอน ขอบคุณทุกคอมเม้นที่คอยเตือนเค้านะคะ โอยยย อินี่มันบ้าจริงๆ