ตอนที่ 1 จิต
รถคันงามจอดลงที่จอดวีไอพีของคอนโดหรูใจกลางเมือง ตั้งแต่ที่ขึ้นรถมากับมัน ผมกับมันยังไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนตอนนี้ ผมรู้แค่มันชื่อจิม ส่วนผมชื่อต้า ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ม.6 ครับ ช่วงนี้ชีวิตล่องลอย หลังจากที่สอบตรงผ่านและมีที่เรียนต่อแล้ว ผมก็ชิว
หลายครั้งที่ผมกลับบ้านดึกๆ หรือไม่กลับเลย แต่ทุกครั้งก็จะโทรบอกที่บ้านก่อนเสมอ พ่อกับแม่จะได้ไม่เป็นห่วง ผิดกันก็แต่ครั้งนี้ที่ผมไม่ได้บอกใครไว้ก่อน แต่พ่อกับแม่คงรู้แล้วล่ะว่าคืนนี้ผมคงไม่กลับบ้าน คงมีคนบอกพวกเขาแล้ว เหอะ
ทันทีที่รถดับ เจ้าของรถเปิดประตูลงแล้วเดินไปโดยไม่รอผม ผมรีบลงจากรถแล้วเดินตามหลังร่างสูงทันที มันหยุดตรงหน้าลิฟต์ จิมมันไม่ได้หันมามองผมอย่างที่ผมนึกหวั่น หากแต่เป็นผมที่ลอบมองแผ่นหลังมัน ใส่ชุดสูทท่าทางดูภูมิฐาน แผ่นหลังกว้าง หากจะเทียบความสูง ผมสูงแค่ไหล่มันเอง ผมไม่ได้เตี้ยไปนะ ผมยังสูงได้อีกเยอะครับ ไม่แน่ว่าพอผมอายุเท่าคนตรงหน้า ผมอาจสูงกว่ามัน
ติ๊ง
ประตูลิฟต์เปิดออก มันเดินนำเข้าไปและผมเดินตาม มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
เงียบครับ ทั้งผมและมัน เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ตอนนี้ลักษณะท่าทางของมันตอนนี้แตกต่างกับที่ผมเจอมันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้ามาก จิมคนนั้นดูเจ้าเล่ห์จนไม่น่าไว้ใจ แต่จิมตรงหน้าผมนี้ มันดูมีมาด เหมือนนักธุรกิจ เงียบขรึม แทบจะเป็นคนละคนกันเลย เอาเถอะครับ มันจะเป็นยังไงก็เรื่องของมัน ก็แค่คนที่ผ่านมาเจอกัน มีเซ็กซ์กัน แล้วพรุ่งนี้ก็บอกลากัน
ผมมองชั้นที่มันกด 33 เหี้ยแม่ง.. จะสูงไปไหน ผมไม่ชอบอยู่ชั้นสูงๆ ถึงแม้ว่าวิวมันจะดีกว่าชั้นล่างๆก็เถอะ เต็มที่สำหรับผม ผมขอแค่ชั้น3 คิดดูนะครับ หากวันหนึ่งไฟดับ ลิฟต์ใช้ไม่ได้ คุณจะทำยังไง? เดินขึ้นห้องเหรอ? ตายเถอะครับ 33เลยนะ ยอดมนุษย์ไปแล้ว
ตอนนี้ถึงชั้น 20 แล้วครับ ผมเหลือบมองคนที่ยืนเยื้องข้างหน้าผม มันเอาแต่มองโทรศัพท์ กดนู่นกดนี่ ผมไล่สายตาสำรวจโครงหน้าด้านข้างของมัน อืมม จมูกโด่ง ผมดำสนิท ตาก็สีดำ ริมฝีปากหนา
“มองอะไร?” มันถามทั้งๆที่ไม่เงยหน้าจากโทรศัพท์เครื่องนั้น ผมยักไหล่ก่อนจะเสตามองไปอีกทางเสียดื้อๆ สองมือล้วงลงกระเป๋ากางเกง ไม่สนที่จะตอบคำถามอีกฝ่าย
“ถามไม่ได้ยินเหรอไง?” ผมขมวดคิ้วกับแรงผลักที่ไหล่ ตวัดสายตามองไปเคืองๆ เรื่องอะไรมาผลักไหล่ผม หาเรื่องหรือไง? กูได้ยินแต่กูไม่อยากคุยกับมึง!!
มันเดินเข้าประชิดตัวผมอย่างเร็วจนผมผงะถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ ผมขมวดคิ้วแน่น รู้สึกไม่ชอบกับการลุกไล่แบบนี้ ผมดันแผ่นอกมันไว้กะจะผลักออกไปไกลๆ แต่ดูท่าจะช้ากว่าอีกฝ่าย เพราะมันตวัดมือเกี่ยวเอวผมพร้อมกับออกแรงดึงจนส่วนล่างแนบชิดติดกัน
“เฮ้ย!” ผมร้องอุทาน ตาเบิกกว้าง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้จะเตรียมใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่กี่นาทีต่อจากนี้ไว้แล้ว แต่แบบนี้.. ผมว่ามันเร็วไปนะ! กูยังไม่ได้ตั้งตัวนะเฮ้ย!!
ติ๊ง
เสียงลิฟต์ดังขึ้นบอกว่ามาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ผมค่อยรู้สึกหายใจทั่วท้อง ก่อนที่มันจะผละจากไป ทันได้เห็นรอยยิ้มมุมปาก ดูเจ้าเล่ห์ชอบกล
ให้ตายเถอะ ผมไม่ชอบรอยยิ้มของมัน เสียงหัวเราะ และท่าทางของมันเลย
ผมเดินตามหลังร่างสูง ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง ทันทีที่ประตูห้องพักเปิดออก ร่างผมถูกโยนเข้าไปในนั้น ถูกโยนเหมือนหมูเหมือนหมา ผมหันขวับไปมองหน้ามันบอกให้มันรู้ว่าผมไม่พอใจที่ถูกทำแบบนี้ มันเพียงแค่ยิ้ม ร่างสูงคลายเน็คไทให้หลวม พับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นในขณะที่ค่อยๆเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ตามันจ้องหน้าผมไม่วางตา
ผมที่ถูกไล่ต้อน เดินถอยหลังไปเรื่อยๆจนไม่สามารถถอยไปไหนได้อีกเมื่อน่องชนกับโซฟากลางห้อง
“หึ” มันหัวเราะคล้ายขบขัน มือหนาลูบผมของผมเบาๆ ในวินาทีที่ผมตายใจมันกลับกระชากเส้นผมของผมเต็มแรงจนหน้าหงาย
“โอ้ยย!” ผมยกมือขึ้นจับมือมัน พยายามแกะมือมันให้ปล่อยผม
“คืนนี้บริการพี่ดีๆนะครับ” มันก้มหน้าไล้ลิ้นเลียข้างแก้ม ผมขนลุกซู่ทั่วร่าง กวาดสายตามองไปทั่วห้อง พยายามมองหาสิ่งของที่พอจะเป็นอาวุธได้
“มองหาอะไร?” มือที่กำเส้นผมไว้ยิ่งกระชากแรงกว่าเดิมจนใบหน้าของผมเชิดหงายจนรู้สึกปวดขอ หนังศีรษะเจ็บตึงไปหมด ผมปล่อยตัวตามแรงดึงของมัน หากยังดื้อดึงฝืนแรงผมของผมคงหลุดหมดหัว
“.....” ผมยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม จ้องตามันนิ่งๆ งอขาก่อนจะถีบหน้าท้องมันเต็มแรง
และได้ผล ไอ้จิมถูกถีบจนเสียหลักล้มลงพื้น แต่ผมคงลืมไป ทำร้ายมันก็เหมือนทำร้ายตัวเอง ผมหน้าเบ้ด้วยความเจ็บ หัวถูกกระชากให้ล้มตามไปจนร่างคล่อมทับร่างสูง
ไอ้จิมพลิกตัวขึ้นคล่อมตัวผม มือมันปล่อยจากเส้นผมก่อนใช้สองมือบีบลำคอผมสุดแรง สีหน้าดูเกรี้ยวกราดจนผมเสียวสันหลัง ผมยกมือจับข้อมือหนาจิกเล็บไว้พยายามกระตุกข่วนให้มันปล่อยมือจากลำคอ
“เหี้ย ปล่อย.. อึ่ก ปล่อยกู!!” หางตาปริ่มไปด้วยน้ำใสๆ ผมดิ้นรนสุดแรง เริ่มหายใจไม่ออก แรงที่มันบีบไม่ได้ลดน้อยลง มีแต่เพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ
“กล้าทำร้ายกูเหรอ? กล้าเหรอ” ไอ้จิมละมือข้างหนึ่งจากลำคอที่ตอนนี้คงจะเป็นรอยนิ้วมือแดงปื้น มันหยิบมีดพับที่แขวนห้อยไว้กับกุญแจรถที่มันพกติดตัวตลอดขึ้นมา เป็นมีดพับอันเล็กๆ แต่ความคมของมันคงไม่ด้อยประสิทธิภาพไปกว่ามีดทั่วไป
มือหนากดปุ่มปลดล็อกโลหะในมือ ใบมีดดีดผึงสะท้อนแสงไฟ ผมตาเหลือก เล็บจิกข้อมือหนาแรงกว่าเดิม พยายามตะกายตัวหนีจากเงื้อมมือมัจจุราช ผมยอมรับอย่างไม่อายเลย ผมกลัวมัน.. ไอ้จิมปล่อยมือจากลำคอผมก่อนจะลูบเบาๆเมื่อเห็นว่าผิวขาวๆเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของตัวมันเอง
“กลัวเหรอ?” มันขยับมีดไล้บนแก้มผมเบามือ ผมเหล่ตามองตามมีดอย่างนึกหวั่น เหงื่อซึมออกมาตามไรผม ผิวโลหะเย็นเยียบของมีดทำให้ผมอดสั่นไม่ได้
“ถามไม่ตอบ ปากมีไว้ทำไม!” ดูเหมือนความอดทนของมันจะหมดลง มือหนาบีบคางผมเต็มแรงจนเจ็บร้าวไปหมด
“หรือจะเก็บเสียงไว้ครางให้พี่ฟังอย่างเดียวล่ะครับ?” เสียงทุ้มพูดเนิบๆแสยะยิ้มมุมปาก โทนเสียงของมันแตกต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ อารมณ์มันเปลี่ยนเร็วเกินไป.. มันก้มหน้าลงต่ำ ปากหนากดลงบนปากผมเม้มและดูดเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองดวงตาที่สั่นระริกของผม
ไอ้จิมมันดูหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง หน้าตาถมึงทึงเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง มันจรดคมมีดลงบนลำคอ เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกหายใจไม่ออก ไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าหากขยับเพียงนิด คมมีดจะฝังลงมาในร่าง
ไอ้จิมใช้มีดกรีดเสื้อยืดผม พลางแหวกเสื้อให้พ้นตัว โชว์ผิวขาวๆให้เห็นได้ชัดเจน คิ้วเข้มเลิกขึ้น ดวงตาคมคู่นั้นไล่สายตามองตั้งแต่ลำคอ ไหปลาร้า หน้าอกก่อน เหยียดยิ้มหยันอย่างดูถูกในทันที
“หึ ไม่เบานี่ รอยเต็มตัวขนาดนี้” มันจ้องนิ่งตรงหัวนมที่แดงช้ำ มีทั้งรอยดูด รอยกัดมากมาย ผมหลับตาแน่นกับคำพูดนั้น ไม่กล้ามองสบตามัน แค่สายตาที่มันมองมาเมื่อกี้ทำเอาผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่
“ข้างบนยังขนาดนี้ แล้วข้างล่างล่ะจะขนาดไหน” มันพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือเขี่ยยอดอกแดงช้ำไปมา ผมกัดฟันแน่นยกมือจับมือข้างนั้นไว้ดึงให้ออกห่าง
“ทำไม? ให้ฟรีๆไม่ใช่หรือไง? หรือเกิดเปลี่ยนใจอยากได้เงิน?”
“พอ ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะกลับบ้าน” แม้การกลับบ้านจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมนึกถึงในตอนนี้ แต่สัญชาตญาณในตัวมันร้องบอกว่า ผมไม่ควรอยู่ใกล้คนๆนี้มากไปกว่านี้อีกแล้ว!
“เหรอ? เอางั้นเหรอ? ได้สิ” มันยักไหล่ลุกขึ้นยืนโยนมีดในมือทิ้งไปไกลๆ ใจผมเต้นรัว ไม่คิดว่ามันจะยอมง่ายดายขนาดนี้ สองมือรวบเสื้อที่ถูกกรีดจนขาด จับๆให้มันเข้ามาชิดกันเหมือนเดิม ผมลุกขึ้นก้มหน้าก้มตาเร่งเท้าเดินไปที่ประตู กลัวมันเปลี่ยนใจ
รู้สึกว่ามือมันสั่น ยามที่จับลูกบิด เมื่อประตูเปิดออก ผมไม่รอช้าที่จะเดินออกไป ทว่าผมกลับชนเข้ากับอะไรบางอย่าง และเป็นสิ่งนั้นที่ผลักผมอย่างแรงจนล้มก้นกระแทกพื้น
“จะรีบไปไหนล่ะครับ”
ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่ยืนค้ำหัวอยู่หน้าประตูห้อง ผู้ชายตัวสูงหัวสกินเฮด มีรอยสักตั้งแต่ข้อมือลากยาวไปถึงข้อศอก ใส่เสื้อกล้ามสีดำกับยีนส์ขาดๆสีซีด มันเดินมาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะนั่งยองๆ ใช้มือลูบแก้มผมแผ่วเบา
“เจ็บหรือเปล่า? ไม่น่ารีบร้อนขนาดนั้นเลย” มันลูบหัวผม เสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง เป็นไอ้จิม ริมฝีปากของมันปรากฏรอยยิ้ม ดวงตามันพราวระยับ
“มาช้าจังวะเหี้ยเซม” คนชื่อเซมมันยักไหล่ หันมายิ้มตาหยีให้ผม รอยยิ้มมันสองคนไม่น่าไว้ใจพอกัน
“มัวแต่เตรียมของอยู่ว่ะ” มันเดาะลิ้นอย่างกวนตีน ตาไอ้เซมเวลามองผมดูเจ้าเล่ห์แฝงไปด้วยนัยยะไม่ต่างอะไรจากเพื่อนมัน
ผมพยายามลุกขึ้นยืน กัดฟันแน่น นิ่วหน้าด้วยความเจ็บตรงเบื้องล่าง เมื่อกี้ล้มก้นกระแทกพื้นจังๆ กระเทือนแผลเก่าที่ไอ้ระยำมันทำเอาไว้ ถึงจะเจ็บ แต่ผมก็ต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้ได้ สัญชาติญาณผมมันร้องเตือนดังลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“พี่ช่วยดีกว่านะครับ” ไอ้จิมที่อยู่ด้านหลังพูดพร้อมกับอุ้มผมพาดบ่า ก่อนจะเดินดุ่มตรงไปยังห้องนอน
“ปล่อยกู.. ไหนมึงบอกให้กูออกไปได้แล้วไง ปล่อย!!!” ผมดิ้นรนตีขาเตะหน้าท้อง สองมือต่อยหลังมันสุดแรง
“เมื่อกี้น่ะปล่อย แต่มึงไม่ไป” ไอ้เหี้ย ใครว่ากูไม่ไป กูไปได้มั้ยล่ะสัส!! ร่างผมถูกโยนลงเตียงอย่างแรง ผมตะกายตัวขึ้นนั่ง พุ่งตัวไปทางซ้ายของเตียงคว้าโคมไฟมาถือไว้ ขนาดกำลังดีเหมาะมือ
“วางลงซะ” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องตรงมาที่ผม ผมหันไปมองไอ้เซมที่มันเพิ่งเดินเข้ามา หน้าตามันดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ยังคงยิ้มระรื่นเหมือนเดิม
“ถ้ามึงเข้ามาใกล้กูอีกนิด หัวแตกแน่สัส!” ผมไม่ได้ขู่ ผมทำจริงแน่ ไอ้จิมเดินเข้ามาใกล้เหมือนไม่กลัวต่อคำพูดผม มือผมกระชับโคมไฟแน่นขึ้นพร้อมฟาดเต็มที่
“จุ๊ๆ อย่าใจร้อนสิครับ” ไอ้เซมที่เข้าประชิดตัวผมตอนไหนไม่รู้พูดกระซิบข้างหู มันฟาดสันมือลงข้อมือผมอย่างแรงจนโคมไฟหลุดจากมือ
“ไอ้เหี้ย!” ผมคว้ามือมันไว้ก่อนจะกัดจนหน้าสั่น รับรูได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งอยู่ในปาก
“โอ้ยย! ไอ้เด็กเวร!!!” ไอ้เซมจิกหัวผม กระชากให้ออกห่างจากข้อมือมันแล้วเหวี่ยงผมลงกับเตียงก่อนจะตบหน้าอย่างแรงจนหน้าหัน
มึงเป็นใครมาตบหน้ากู ขนาดพ่อแม่กูยังไม่เคยตบกูเลยนะ!!!!
น้ำร้อนๆมันรื้นที่ขอบตา วินาทีนี้ผมคิดถึงครอบครัวขึ้นมาจับใจ คิดถึงแม้กระทั่งไอ้พี่เลว ไม่อยากยอมรับ แต่ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ผมอยากให้มันมาช่วยผมตอนนี้
ผมถีบมันเต็มแรงตรงหน้าท้อง เหมือนมันไม่รู้สึกเจ็บมันแค่เซเล็กน้อยกับแรงถีบของผม ในจังหวะที่ผมกำลังจะต่อยหน้ามันข้อมือผมก็ถูกคว้าไว้โดยไอ้จิมที่มันเข้ามาทางด้านหลัง
แกร๊กก
ข้อมือข้างหนึ่งถูกล็อกด้วยกุญแจข้อมือตรึงไว้กับหัวเตียง กระตุกยังไงก็ไม่หลุด ผมหน้าซีด หนทางการหนีแทบเป็นไปไม่ได้ ผมมองไอ้จิมที่มันหยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นมา มันเปิดซิปก่อนจะเทของด้านในลงบนเตียง
“ไม่เลวนี่หว่า” มันหันไปยักคิ้ว ยิ้มกว้างกับไอ้เซม
เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาตามหลังผมเต็มไปหมด มือเหนียวชื้นไปด้วยเหงื่อเมื่อผมเห็นของบนเตียงนั้นเต็มๆตา ดิลโด้หลายขนาด ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ แส้ โซ่ ปลอกคอ เทียน ไวเบเตอร์ ไข่สั่น!!!!!!!
“พวกมึงมันโรคจิต!!!” ผมยิ่งกระตุกมือแรงขึ้นหวังจะหลุดไปจากพันธะนาการบ้าๆนี่ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งเจ็บ มันไม่มีทีท่าจะหลุดง่ายๆ กุญแจนี่ของจริง!
“โรคจิตแล้วไง? มึงอย่าลืมสิ ว่ามึงเองที่ขึ้นรถมากับกู กูไม่ได้บังคับมึงเลยนะครับ หึๆ” มือหนาของไอ้จิมตบลงที่แก้มผมจนได้ยินเสียงแปะๆดังชัดเจน ไอ้เซมขึ้นมาบนเตียง ดึงขาข้างหนึ่งผมไปก่อนจะใช้โซ่ล่ามที่ข้อเท้ากับมุมเสาปลายเตียงอีกด้าน ผมขยับขาจะดึงขากลับ แต่มันจับขาผมไว้แน่น เสียงโซ่ดังเสียดสีจนน่ารำคาญ
“อย่าดื้อเลยน่า เด็กใจแตกหนีออกจากบ้านมันต้องได้รับโทษ” ไอ้เซมพูดพร้อมกับใช้มือลูบขาผม มันก้มหน้าลงใช้ลิ้นเลียปลายเท้าลากยาวมาถึงต้นขา ผมขนลุกซู่ด้วยความขยะแขยง ยิ่งมันสัมผัส ผมยิ่งคลื่นไส้! ผมใช้ตีนอีกข้างยันหน้าจนมันหน้าหงาย!!
ผมเหยียดยิ้มเมื่อได้ถีบหน้ามันเต็มๆ สะใจครับ
เพี้ยะ!!
ไอ้จิมตบหน้าผมอีกข้างอย่างแรงจนฟันกระทบกับแก้มเลือดกระจายในปาก มันคงโกรธที่ผมทำอย่างนั้นกับเพื่อนมัน ผมมองมันอย่างอาฆาต ผมโดนตบหน้าสองครั้งแล้วนะ! ผมดุนลิ้นกวาดเลือดในปาก ใช้มืออีกข้างวางบนบ่าไอ้จิมโน้มหน้ามันเข้ามาใกล้ๆ ไอ้จิมเลิกคิ้วนิดๆแต่ก็ยอมโน้มตัวลงตามแรงดึง
ถุยย!
คิดเหรอว่าผมจะยอมถูกมันทำฝ่ายเดียว ผมถุยน้ำลายใส่หน้ามันจังๆ ก่อนจะกระชากมันเข้ามาใกล้ๆแล้วกัดหูมันแรงๆ
ไอ้จิมกัดฟัดจนดังกรอดๆ เส้นเลือดที่ข้างขมับปูดนูน ก่อนจะต่อยท้องผมเต็มแรง ความเจ็บและจุกแล่นปรี่จนต้องงอตัวเข้าหากัน
“หาเรื่องใส่ตัวดีนักนะมึง” มือหนาของไอ้จิมยกขึ้นลูบหูตัวเอง สายตาที่มันมองมาที่ผมดูกราดเกรี้ยว ไอ้เซมผลักผมให้นอนราบไปกับเตียง เสียงโซ่ที่ดังตามการเคลื่อนไหวของผม ยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้ถึงสภาพที่ไม่มีทางหนี
ถ้ารู้ว่าชีวิตแม่งจะบัดซบขนาดนี้ ผมคงไม่ทำเรื่องบ้าๆอย่างนั้น!
“อยู่เฉยๆ อย่าขยับ!!” เสียงเข้มดุขึ้นเมื่อผมดิ้นไม่หยุด ไอ้เซมใช้มีดตัดกางเกงผมขาดก่อนจะตัดกางเกงใน มันยิ้มหื่นเลียปากล่างอย่างกระหาย ผมยกขาจะถีบหน้ามันแต่มันดันใช้มือจับไว้ได้ทัน
“ท่าสวย อย่าใจร้อนสิครับ” มือข้างหนึ่งมันจับขาผมยกขึ้นสูง สายตามันมองสำรวจไปทั่ว มืออีกข้างของมันเริ่มสอดเข้ามาใต้เสื้อ ผมรีบใช้มือที่เหลือตะครุบจับมือไอ้เซมไว้ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไอ้จิมหายไป! กวาดตามองหามันเห็นมันกำลังเดินมาพอดี มันนั่งลงปลายเตียง ยักคิ้วให้ผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่
“จับไว้ดีๆนะเหี้ยเซม” ไอ้จิมมันยิ้มเล็กน้อย ชูของในมือให้ผมดู
ผมหน้าซีด สะบัดขาถีบไอ้เหี้ยเซม เล็บจิกแขนมันเต็มแรง ผมไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่รู้ว่าไอ้ที่มันถืออยู่น่ะคืออะไร
ดิลโด้!!!!
“ไอ้เหี้ย ปล่อยกู กูจะกลับบ้าน ..ปล่อยกู!!” ผมยิ่งดิ้นหนักขึ้นเมื่อไอ้จิมขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มือมันจับขาผมไว้แน่นช่วยกันกับไอ้เซม ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลัง!!
_____________________________________________________
ดีใจมากมายมีเม้นท์ด้วย
นึกว่าจะแป้กไม่มีคนอ่านซะแล้ว 55555
เรื่องนี้ค่อนข้างดราม่านะคะ แล้วก็มีกฏการอ่านอยู่ข้อเดียว
อย่าเพิ่งมองหาว่าใครคือพระเอกของเรื่องนี้ ขอให้อ่านไปเรื่อยๆค่ะ : )
ขอบคุณมากค่ะะะะ มีอะไรสามารถแนะนำได้เลยน้า อยากปรับปรุงข้อผิดพลาดค่ะ พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
PS. Yuthaiz2
กอดๆ ตามมาด้วย