จิมพาทอมและแม็กกี้เดินทางกลับไปเยี่ยมลูกชายปีละ 2 ครั้ง จนเมื่อการ์เซียน้อยอายุได้ 5 ขวบ มาเรียพบรักกับนักดนตรีหนุ่มออสซี่และต่างมีความรักให้กันอย่างจริงใจ จึงขอแยกทางไปใช้ชีวิตคู่ของตัวเอง มารดาของจิมไม่ขัดข้องแต่ไม่ให้เธอพาลูกไปด้วย มาเรียเข้าใจดีว่าลูกชายตัวน้อยของเธอเป็นความหวังของตระกูลการ์เซีย และเธอเองก็ไม่อยากพาลูกไปลำบากด้วย จึงออกปากฝากการ์เซียน้อยไว้กับมารดาของจิมแทนที่จะฝากให้เขาดูแล เป็นเพราะเธอคิดว่า จิมต้องการมีชีวิตส่วนตัวและความเป็นอิสระซึ่งเธอเข้าใจผิด เธอไม่รู้หรอกว่าจิมปรารถนาอยากได้เด็กชายมาอยู่ใกล้ชิดด้วย แต่เขาไม่กล้าเอ่ยความในใจนี้กับใครแม้แต่ทอม เพราะทุกคนต่างเข้าใจเหมือนกันหมดว่าเขาตั้งใจมีลูกชายคนนี้ไว้เพื่อสืบสกุลเท่านั้น
แต่แล้วมารดาของจิมกลับออกปากให้เขาพาลูกชายตัวน้อยกลับมาเลี้ยงดูที่เมืองไทย โดยให้เขาเป็นฝ่ายพาเด็กชายกลับไปเยี่ยมบ้านปีละ 2 ครั้ง ซึ่งคนที่ทำให้มารดาของเขายอมเปลี่ยนใจมอบหลานชายสุดที่รักให้เขาดูแลก็คือ เทพบุตรแสนรักของเขานั่นเอง
ทอมเป็นคนเดียวที่รับรู้ความรู้สึกของจิมในฐานะพ่อ ทุกครั้งที่เดินทางกลับมาจากเยี่ยมลูก จิมจะมีอาการเหม่อลอยและหงอยเหงา ถึงจะไม่เคยบ่นคิดถึงลูกให้เขาได้ยิน แต่ทอมรู้ดีว่าจิมรู้สึกอย่างไร
ดังนั้นเมื่อหนูน้อยไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ที่คอยให้ความรักและความอบอุ่น คนเดียวที่จะให้สิ่งนี้ทดแทนได้ก็มีแต่พ่อเท่านั้น ทอมอยากเห็นจิมมีความสุขและเขาเองก็รักและอยากเลี้ยงดูหนูน้อยด้วยเช่นกัน จึงแอบเอ่ยปากกับมารดาของจิมขอรับหนูน้อยมาเลี้ยงดู มารดาของจิมตกลงทันทีและบอกว่ารอให้เขาเอ่ยปากอยู่แล้ว
หนูน้อยแอนเดรส การ์เซีย หรือ จิมมี่จูเนียร์ จึงเติบโตขึ้นมาในฐานะคุณหนูคนเล็กของบ้านแม็คกิลล์ที่มีแต่ความซุกซน ความปั่นป่วนที่หนูน้อยมอบให้ทุกคนในบ้านสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ด้วย สมาชิกทุกคนต่างมีความสุขกันทั่วหน้าโดยเฉพาะเจมส์ การ์เซีย ผู้เป็นพ่อ
ในขณะที่ทุกคนต่างชื่นชมและมีความสุขกับเด็กชายวัย 5 ขวบที่แสนจะซุกซน สแตนลีย์ แม็คกิลล์ หนุ่มน้อยวัย 18 ปีของเรากลับไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไร เนื่องจากถูกเด็กชายตัวน้อยตามติดเป็นตังเม จะไปไหนก็ขอตามไปด้วย และเนื่องจากวัยที่ต่างกันมากกว่า 1 รอบ แม็กกี้จึงดูเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กมากกว่าพี่ชาย
“พี่จะไปโรงเรียนแล้ว แอนดี้.. ปล่อยมือเร็ว ” แม็กกี้พูดภาษาอังกฤษกับหนูน้อย
“อื้อ.. ไม่เอา หนูจะไปโรงเรียนด้วย”
“ไปไม่ได้นะ นี่มันโรงเรียนของผู้ใหญ่ แอนดี้ยังเด็กอยู่ต้องเรียนโรงเรียนของเด็ก”
“ไม่เอา”
หนูน้อยคว้าชายเสื้อแม็กกี้ไว้แน่น เงยหน้าขึ้นจ้องมองพี่ชายที่โตกว่าตาปริบๆ หวังจะอ้อนขอให้พาไปด้วย
แม็กกี้มองเด็กชายตัวน้อยอย่างพิเคราะห์ ผิวขาวเหมือนแม่ ผมหยิกเป็นลอนเหมือนแม่ ดวงตาดำขลับกลมโตเหมือนแม่ ปากบางสวยก็เหมือนแม่อีก เป็นลูกลุงจิมจริงๆ รึเปล่าเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย..
“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ไปไม่ได้ อย่าดื้อนะ แอนดี้.. ถ้าดื้อพี่ไม่รักนะ”
แม็กกี้ใช้ไม้ตายเพราะเคยใช้ได้ผลหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เด็กชายทำหน้าตกใจก็จริง แต่ไม่ยอมปล่อยมือแถมยังกอดหมับเข้าให้
“ไม่เอา.. แอนดี้รักพี่แม็ก พี่แม็กต้องรักแอนดี้ด้วย ฮือๆ…” หนูน้อยร้องไห้โฮ แม็กกี้ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ตาม
“โอ๊ะ.. โอ๋.. รู้แล้วๆ รักก็รัก อย่าดื้อซี.. ปล่อยก่อนแล้วจะรัก..”
หนูน้อยยิ้มทั้งน้ำตา รีบปล่อยมือทันที
“แอนดี้ให้พี่แม็กไปโรงเรียนก็ได้ แต่ต้องสัญญาก่อนว่าจะกลับมาเล่นกัน..”
แม็กกี้รีบตกลงทันที หนูน้อยจึงเดินจูงมือไปส่งที่รถโดยไม่เซ้าซี้ขอตามไปอีก บทจะพูดรู้เรื่องก็ว่าง่าย น่ารักเหลือเกิน…
จิมและทอมเดินออกมาตามหนูน้อยเห็นกำลังยืนโบกมือร่ำลาพี่ชายที่นั่งอยู่ในรถ คุณพ่อทรุดตัวลงสวมกอดลูกชายตัวน้อยและหอมแก้ม 1 ฟอด
“ส่งพี่แม็กไปโรงเรียนหรือลูก วันนี้ไม่ร้องตามเหรอ..”
จิมใช้ภาษา Spanish กับลูกเป็นเป็นส่วนใหญ่ เด็กกำลังอยู่ในวัยจดจำถ้าไม่พูดคุยด้วยให้เกิดความเคยชิน กลับไปพูดกับปู่และย่าไม่รู้เรื่อง เขาถูกมารดาเล่นงานแน่
“ไม่ร้องแล้วฮะ เดี๋ยวพี่แม็กไม่รัก ตอนเย็นพี่แม็กจะกลับมาเล่นด้วย”
“โอ!.. จริงเหรอ.. ว่าง่ายจังน้า… ลูกใครเนี่ย.. น่ารักที่สุดเลย”
“ลูกแด๊ดดี้จิม.. กับ แด๊ดดี้ทอม..ไงฮะ” หนูน้อยเรียกทอมว่าแด๊ดดี้ตามที่แม็กกี้เรียก
เด็กชายตอบเป็นภาษาอังกฤษเอาใจทอมซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ใจจริงอยากจะบอกว่าเป็นลูกของแด๊ดดี้จิมกับมามี้มาเรีย... แต่นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ที่อยู่ข้างๆ แด๊ดดี้จิมก็เห็นมีแต่แด๊ดดี้ทอมเท่านั้น
“เข้าบ้านเถอะลูก..”
จิมลุกขึ้นยืนฉุดมือเด็กชายจะพาเข้าบ้าน แต่ถูกสะบัดออก
“เดี๋ยวฮะ” มือเล็กป้องปากตะโกนไล่หลังรถ
“กลับมาเร็วๆ นะ พี่แม็ก.. แอนดี้จะรอเล่นแต่งงานน้าาา..”
จิมสะดุ้งโหยงในขณะที่ทอมเองก็ทำสีหน้าอธิบายความรู้สึกไม่ถูก
“เอ่อ.. แอนดี้.. ล้อพี่เขาเล่นใช่มั้ยลูก..”
จิมกล่าวถามขณะเป็นฝ่ายเดินตามเด็กชายที่วิ่งกลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าและอารมณ์เบิกบาน
หนูน้อยหยุดชะงักเงยหน้าทำหน้าเหรอใส่พ่อ
“เรื่องไรฮะ”
“ก็เรื่องเล่นแต่งงานน่ะซี..”
“ไม่ได้ล้อ..เล่นจริง รอพี่แม็กกลับมาก่อน... แด๊ดกับแด๊ดดี้ทอมเล่นด้วยกันมั้ยฮะ เป็นแขกมาในงาน..”
จิมทำหน้าแปลกๆ ทอมยิ้มแห้งๆ เอ่ยถามหนูน้อยอย่างรู้สึกเกรงใจ
“พี่แม็กเขารู้หรือเปล่าว่าแอนดี้จะเล่นแต่งงานด้วยน่ะ”
“เมื่อกี้ตะโกนบอกแล้วฮะ เดี๋ยวค่อยบอกใหม่ตอนกลับมาก็ได้”
“เล่นแต่งงานแบบไหนเหรอ แอนดี้.. บอกแด๊ดหน่อยได้มั้ย”
จิมทรุดตัวลงสวมกอดเด็กชายไว้ อยากรู้ว่าเด็กอายุ 5 ขวบรู้จักการแต่งงานแบบไหน
“ก็เล่นแบบในหนังไงฮะ สวมแหวนแล้วก็จุ๊บกัน แบบนี้..” มือเล็กๆ ของหนูน้อยโน้มศีรษะจิมเข้าไปใกล้และจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง
ทอมยืนอึ้งในขณะที่จิมนั่งตาปริบๆ กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเอ่ยขัดคอหนูน้อยแสนซนของเขา
“เอ่อ.. แด๊ดว่าเล่นอย่างอื่นดีกว่านะลูก.. พี่แม็กเขาคงไม่ชอบเล่นแบบนี้หรอก”
“ไม่เอา จะเล่นแต่งงาน..” เด็กชายทำหน้าจะร้องไห้เมื่อถูกขัดใจ ผละจากจิมหันไปสวมกอดและอ้อนแด๊ดดี้ทอมซึ่งใจดีกว่าเยอะ
“แอนดี้จะเล่นแต่งงานกับพี่แม็กอ่ะฮะ.. แด๊ดดี้..”
“เอ่อ.. ไว้รอพี่แม็กกลับจากโรงเรียนแล้วค่อยถามพี่เขาว่าอยากเล่นมั้ย ถ้าพี่เขาโอเคหนูก็เล่นได้ แต่ถ้าพี่เขาไม่ชอบก็เปลี่ยนไปเล่นแบบอื่นดีมั้ยแอนดี้.. เรื่องแบบนี้ไม่ควรบังคับใจกันนะ..”
ทอมโอ๋ก็จริง แต่พยายามตะล่อมไม่ให้เด็กชายเล่นแปลกๆ แบบนี้
“ไม่บังคับหรอก... พี่แม็กบอกรักแอนดี้ แอนดี้ก็บอกรักพี่แม็กแล้ว..”
ครั้งนี้ทอมสะดุ้งโหยง จิมส่ายหน้ากับลูกชายตัวน้อยที่มีเรื่องทำให้เหนื่อยใจอยู่เรื่อย ทอมโบกมือห้ามเมื่อจิมทำท่าจะต่อความยาวออกไปอีก
…ปล่อยเถอะ จะเอาอะไรกับเด็ก 5 ขวบ ให้แม็กกี้กลับมาแก้ปัญหาเองก็แล้วกัน…
สามวันถัดมาหนูน้อยจอมซุกซนของบ้านล้มป่วย มีไข้สูงและอาเจียน จิมแทบขาดใจที่จู่ๆ ลูกก็ป่วยหนัก หมอแจ้งว่าเป็นไวรัสลงกระเพาะ คืนแรกที่ป่วยเด็กชายไม่มีสติเพ้อหาแต่แม่จนจิมใจไม่อยู่กับตัวต้องนอนเฝ้าและกอดลูกไว้ทั้งคืน คืนที่สองหนูน้อยมีสติขึ้นมาบ้าง แต่ขณะที่มีไข้จะเพ้อหาแต่พี่แม็กกี้บอกว่าอยากจะแต่งงานด้วย เนื่องจากเมื่อเย็นวันก่อนหนูน้อยไม่ได้เล่นแต่งงานกับพี่แม็ก เพราะจู่ๆ พี่แม็กก็ยื่นคำขาดกลับมาใหม่อีกว่า ถ้าให้เล่นแต่งงานด้วยจะไม่รัก แปลว่าถ้าอยากให้รักก็ห้ามเล่นแบบนี้ หนูน้อยหน้าจ๋อยจำใจต้องล้มเลิกแผนการแต่งงานกับพี่แม็กกี้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ภายในจิตใจของเด็กชายยังคงค้างคาความผิดหวังไว้จนเก็บไปละเมอเพ้อในขณะที่มีไข้
แม็กกี้ซึ่งนั่งเฝ้าไข้อยู่ด้วย ไม่อาจทนเห็นน้องชายตัวน้อยป่วยหนักอยู่ต่อไปได้ จึงกระซิบปลอบเด็กชายให้หายเร็วๆ ด้วยคำพูดที่สร้างความตกใจให้จิมและ ทอม
“หายเร็วๆ นะ แอนดี้.. อยากแต่งงานกับพี่แม็กต้องหายเร็วๆ นะ เด็กดี..”
“แม็กกี้..” จิมรีบปราม ถึงจะป็นแค่การเล่นของเด็กแต่เขาไม่อยากให้ลูกชายตัวน้อยฝังใจกับเรื่องนี้ไปจนโต
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ลุงจิม.. เดี๋ยวโตขึ้นก็ลืม ตอนเด็กๆ ผมยังเคยเล่นแต่งงานกับเพื่อนข้างบ้านเลย..”
จิมอยากจะถามต่อว่า …เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะที่เล่นแต่งงานด้วย แต่ช่างเถอะ !.. ขอให้แอนดี้ของแด๊ดหายป่วยเร็วๆ ก็พอ ปัญหาอื่นไว้แก้กันทีหลัง บางทีเขาอาจจะกังวลเกินไป...
แม็กกี้สวมแหวนให้น้องชายตัวน้อยในขณะที่ยังสะลืมสะลือ และไม่ลืมจุมพิตริมฝีปากเล็กที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ด้วย เพราะรู้ว่าพิธีแต่งงานตามความคิดของหนูน้อยคือการสวมแหวนและจูบกันอย่างที่ดูในหนัง
ทันทีที่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานแบบแกล้งๆ หนูน้อยแสนซนก็หายจากอาการไข้ในวันรุ่งขึ้น และกลับมาซุกซนได้ต่อในอีก 2 วันถัดมา