๑๗. คืนเดือนมืดสลัวกับหิ่งห้อยสองตัวและตะเกียงเจ้าพายุ[/size]
พอซื้อของได้ครบทุกอย่าง ก็พอดีลูกพี่โทรมาบอกด้วยความเป็นห่วง ว่าไม่ต้องรีบขับรถกลับ เพราะไอ้คนที่อยากกินต่อดันนับดาวจนหลับคาที่ไปแล้ว วางสายจากลูกพี่แล้วไอ้จ๋าก็ได้แต่โครงหัว มันตั้งใจจะกลับบ้านเพราะดึกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ขับรถมาจอดอยู่ตรงนี้ นั่งมองพี่ฮีโร่ร่ำ ๆ จะปาทิ้งแล้วขับรถกลับ แต่มือไม่รักดีดันกดโทรออกหน้าตาเฉย ไอ้จ๋ายังไม่ได้เตรียมคำพูดไว้เลยไม่รู้จะคุยอะไรดี
“ยังไม่นอนหรือไง”
(ยัง) เออนั่นสิ มันต่อในใจ ถามไปแล้วถึงนึกได้ว่าเป็นคำถามโง่เง่าสิ้นดี นอนแล้วเขาคงไม่รับสายหรอกมั้ง
“หิวไหม” คำถามนี้ยิ่งดูโง่กว่าคำถามแรกอีก ดึกจนป่านนี้เขาคงกินข้าวกินปลาเตรียมตัวเข้านอนกันหมดแล้ว แต่คำถามของไอ้จ๋ากลับทำให้คนตัวผอมพึ่งนึกได้ ว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เย็น
(ก็..หิวอยู่นิดหนึ่ง) ตอบตามตรงแต่ไม่ตามความจริง เพราะพอนึกได้ว่ายังไม่กินอะไรความหิวก็ประดังขึ้นมาจนแสบท้อง
“อยากกินเกาเหลาไหม”
(ไม่อยากกินขี้เกียจออกไปเดี๋ยวก็นอนแล้ว แค่นี้ใช่ไหม) ยิ่งคุยไอ้จ๋ายิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งที่จุดประสงค์ของการโทรมาก็แค่อยากขอโทษ แค่พูดคำว่าขอโทษคำเดียว แต่เรื่องที่คุยกันอยู่กลับไม่ใกล้เคียงกับการขอโทษเลยสักคำ
“กินไหมล่ะ”
(หมายความว่ายังไง)
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ ไม่เข้าใจตรงไหนวะ กินไม่กิน” ออเรนจ์ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้จ๋าต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องกลับมาให้ความหวัง คนที่หวังมันก็อยากตะครุบไว้ แต่อีกใจก็กลัวเจ็บ ปลายสายเงียบมันเลยรีบบอก “ฉันอยู่หน้าบ้านเธอ”
(หา! ล้อเล่นหรือเปล่า) คนอะไรนึกอยากมาทำดีด้วยก็มา นึกอยากจะไปก็ไป
“ยายส้มเน่าเห็นฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง จะกินก็ออกมา”
(อือ...ก็ได้ เดี๋ยวลงไป) ความลิงโลดในใจนี้คืออะไร ออเรนจ์ไม่อยากคิดมาก ทิ้งความเสียใจความน้อยเนื้อต่ำใจ กับการกระทำของไอ้จ๋าไว้ข้างหลัง กระโดดลงจากที่นอนเปิดประตูห้องออกไป
“นายมาจริง ๆ ด้วย” ไอ้จ๋าพึ่งได้สติก็ตอนออเรนจ์ทักขึ้นนี่แหละ หลังจากที่มันยืนพิงรถเงียบ ๆ มองร่างผอมบางในชุดนอนสีขาวลายการ์ตูน ตั้งแต่ที่เจ้าตัวเดินออกจากประตูร้านมาแล้ว “มาชวนฉันไปกินเกาเหลาเนี่ยนะ”
“เปล่ามาธุระ”
“อะ อ๋อ เหรอ แล้วจะไปกินร้านไหนดี”
“ไม่ไป” อ้าว! ออเรนจ์มองไอ้จ๋า สีหน้าเหมือนกำลังถามว่า ตกลงจะเรียกมาทำไม “เออไม่ไป ฉันซื้อมาแล้วมีที่กินไหม”
“ไปกินที่ห้องก็ได้ตามมาสิ” ไอ้จ๋าอมยิ้มเดินตามร่างผอมบางเข้าไปในบ้าน ออเรนจ์แวะเอาของในครัวแล้วพากันขึ้นห้อง
“สาบานนะว่านี่ห้องคนอยู่”
“ใช่สิทำไมเหรอ”
“ทำไมมันต้องชมพูขนาดนี้วะ แล้วไอ้ตัวประหลาดนี่เอามาทำไมเยอะแยะ” ไอ้จ๋าชี้มือไปยังกองตุ๊กตาบนเตียงนอน ที่กินพื้นที่ด้านหนึ่งของเตียงไปเกือบครึ่ง
“นี่ไม่ใช่ตัวประหลาดนะ เขาเรียกคิตตี้นายไม่รู้จักหรือไง”
“ไม่รู้จักไม่เคยสนใจ” พูดจบก็มองกองตุ๊กตาด้วยท่าทางขยะแขยง ส่วนออเรนจ์จัดการแกะถุงเทของกินใส่ถ้วย ต่างคนต่างนั่งกินเงียบ ๆ จนกินอิ่ม เกาเหลาร้อน ๆ ทำให้รู้สึกดีและมีแรงขึ้นมาบ้าง
“เอ่อจ๋า..มองเราทำไม”
“มองคนบอกหิวนิดหน่อย” แล้วมันก็หลุดยิ้ม เป็นยิ้มที่ไม่คิดว่าจะได้จากคนอย่างไอ้จ๋า พอได้มาแล้วเลยทำตัวไม่ถูก
“ก็..มันก็หิวนั่นแหละขอบใจนะที่เอามาให้กิน” อมยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายให้ไอ้จ๋ามองเพลิน ด้วยสายตาที่เล่นเอาสะท้านไปถึงข้างใน ยิ่งมันใช้ฟันบนขบริมฝีปากล่างไว้เหมือนกำลังมันเขี้ยว ยิ่งหายใจติดขัด คนอะไรทำหน้าอย่างนี้ก็เป็นด้วย....
“ตอบแทนแซนด์วิชของเธอเมื่อเช้านี้ไง”
“ตอบแทนยังไง จ๋าไม่เห็นป้อนเราเมื่อที่เราป้อนจ๋าเลย”
“ฝันไปเถอะยายส้มเน่า! ” ไอ้จ๋าผลักหัวจนใบหน้าหวานเปื้อนรอยยิ้มหงายไปข้างหลัง สายตาจิกมองแรงแสยะปากให้ ทั้งที่น่าจะไม่พอใจ แต่ทำไมออเรนจ์หุบยิ้มไม่ได้สักที แถมยังกล้าหาญไปย้อนไอ้จ๋าให้อีก
กินอิ่มเก็บของแล้วพากันกลับมานั่งเงียบ ๆ ไอ้จ๋าไม่พูดออเรนจ์ก็ไม่รู้จะพูดอะไร นั่งได้ไม่นานก็เริ่มวางตัวไม่ถูก เขินก็เขินอยากชวนคุยก็อยาก แต่ก็กลัวเขารำคาญ เลยนั่งกดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย จนไอ้จ๋าต้องแย่งรีโมตมากดปิดเสียเลย
ไอ้หมาหน้าดำจ้องเขม็ง “เธอมีอะไรอยากพูดกับฉันไหม”
“ก็เอ่อ...” ไอ้จ๋าไม่ชอบเลยที่หัวใจของมันเต้นแรง จนกลัวคนนั่งข้าง ๆ จะได้ยิน เมื่อคิดว่าคนตัวผอมกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ที่มันได้ยินมาก่อนแล้ว แต่เป็นการพูดกับคนอื่น ไม่ใช่สารภาพกับตัวมันตรง ๆ
แต่พออีกคนไม่พูดสักที มันเลยทำท่าจะลุกขึ้น “ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดกลับล่ะ”
“พูดแล้ว ๆ คือถ้าเราทำอะไรให้นายไม่ชอบใจ” ดวงตาหวานที่มีแต่แววกังวลช้อนขึ้นมองไอ้จ๋า ที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วด้วยสายตาจริงจัง “จ๋าอย่าเกลียดเราเลยนะได้ไหม ขอแค่ไม่เกลียดเราได้หรือเปล่า”
“แล้วเธอทำอะไรไม่ดี ทำไมฉันถึงต้องเกลียดเธอด้วยยายส้มเน่า! ”
“ก็..ก็เรา..เราแอบชอบจ๋า เราชอบจ๋าแต่จ๋าคงไม่ชอบคงรำคาญเรา ขอโทษ” สายตาไอ้จ๋าแข็งกร้าวกับคำสารภาพตรง ๆ คนตัวผอมก้มหน้าคางแทบชิดอก รอฟังเสียงโวยวายแต่ก็ไม่มี “แอบชอบมานานแล้วด้วย” บอกเสียงเบาเพราะกลัวไอ้หมาหน้าดำจะขบหัวเอา โทษฐานที่พูดมากจนทำให้มันรำคาญ “จ๋าคงไม่มีทางชอบเราตอบหรอก เพราะเราเป็นแบบนี้”
“แบบไหน”
“ก็แบบที่เป็นอยู่นี่ไง จ๋าชอบผู้หญิงแต่เราไม่..”
“ฉันบอกเธอแล้วหรือไงว่าไม่ชอบ..”
“ก็..” ใบหน้าสวยหวานเอียงเล็กน้อย คิ้วได้รูปขมวดมุ่นดูสงสัยปนงง คิดไม่ทันคำพูดไอ้จ๋า ความเฉลียวฉลาดในยามปกติหายไปหมด เมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้คนหัวเกรียน “อะไรล่ะ”
“โอ๊ย ทำไมเข้าใจอะไรยากอย่างนี้วะ” สีหน้าเจ้าของร่างบอบบางเศร้าลงยิ่งกว่าเดิม “ในเมื่อไม่ได้บอกว่าไม่ชอบ ก็แปลตรงข้ามได้อย่างเดียวจะอะไรนักหนา”
“แล้วพูดออกมาตรง ๆ ไม่ได้หรือไง เรายังพูดตรง ๆ เลย” อยู่ดี ๆ ไอ้จ๋าก็ให้รู้สึกร้อนผ่าว ๆ ขึ้นมาบนใบหน้ากร้านแดด ไม่รู้เป็นอะไร ยิ่งอีกคนเอาแต่พูดแล้วจ้องหน้ารอฟังอย่างตั้งใจ มันยิ่งรู้สึกว่าความร้อนกระจายลามไปทั้งตัว
“เออ ก็ชอบนั่นแหละ” สักทีเถอะน่า!
“จะ จ๋า จริงเหรอ! ”
“เออสิ..เอ๊ะ!..เฮ้ย! ” ไอ้จ๋าตกใจจนร้องลั่น อยู่ดี ๆ คนตัวผอมก็กระโดดขึ้นมานั่งบนตัก รั้งใบหน้ากร้านแดดเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่ทีละข้าง จนมันได้แต่นั่งอึ้งตัวแข็งทื่อเป็นผีดิบ
ไม่เคย!
ไม่เคยมีอะไรแบบนี้!
ไม่เคยมีใครมาหอมแก้มไอ้จ๋าแบบนี้มาก่อน! แต่ตอนนี้มันเคยแล้ว มันถูกหอมแก้มแล้วทั้งสองข้างเลย รู้สึกดีชะมัด!
พากันนั่งอึ้งจนเกิดความเงียบขึ้นอีก เป็นคนตัวผอมรู้สึกตัวก่อน จึงหลบตาเม้มปากแน่นกลั้นรอยยิ้ม เพิ่งรู้สึกเขินกับการกระทำของตัวเอง ดีใจจนเกินงามเขินมากจนสั่นไปทั้งตัว ส่วนไอ้จ๋าแน่นอนว่ามันเองก็ยอมรับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว ถึงได้วนรถกลับไปหาคนที่ทิ้งไว้
“ทำไมเงียบ”
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เมื่อไหร่เธอจะลงไปจากตักฉันสักที”
“อุ๊ย! ขอโทษ” กำลังลงมานั่งที่เบาะรองดี ๆ เอวบางก็ถูกรวบไว้แน่นจนเนื้อแนบเนื้อ
“ไม่ต้องแล้วเพราะฉันจะทำโทษเธอก่อน”
“ทำโทษอะไรเราไม่ได้ทำอะไรผิด..อุบ! ” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ ริมฝีปากสวยก็ถูกไอ้จ๋าบดเบียดยัดเยียดริมฝีปากของมันเข้าหา บดบี้ขยี้อย่างมันเขี้ยว แต่ไม่ได้รุกล้ำเข้าสู่ความหวานฉ่ำข้างใน
“โทษฐานที่ทำให้ฉันหัวเสียมาทั้งวัน” ไอ้จ๋ากระซิบบอกชิดกลีบปากสีสดนุ่มนิ่ม หน้าผากทาบหน้าผากให้ตาสองคู่ได้สบกันในระยะประชิด
“แต่ อื้อ..” คนโดนปล้นจูบที่เพิ่งจะเสียจูบแรกเงอะงะ ไอ้จ๋ารำคาญเลยเอามือกดท้ายทอยเล็กไว้ จัดให้ได้องศาต้องการ มันจูบเอาจูบเอาจนคนตัวผอมหายใจแทบไม่ทัน
เฮือก! “จ๋า พอก่อนเราหายใจไม่ทันทำไมจูบเก่งจังเลย” ไอ้จ๋าแค่นเสียงฮึจากลำคอ อยู่ดี ๆ หัวใจของมันก็พองโตคับอก แต่แสร้งตีหน้ายักษ์กลบเกลื่อน
“เพราะเธอมันอ่อนไงล่ะยายส้มเน่า”
“ก็เราไม่เคยจูบกับใครมาก่อนนี่” ก้มหน้าเอียงอายตัวสั่นสะท้านจนไอ้จ๋านึกขำ
“ดีแล้วที่ไม่เคยจูบกับใครมาก่อน แล้วอย่าให้รู้นะว่าแอบไปจูบกับคนอื่น พ่อจะหักกระดูกเล็ก ๆ นี่มาแคะขี้ฟันเสียเลย” ไอ้จ๋ากำข้อมือเล็กชูขึ้นประกอบคำขู่เข้ากับตาดุของมัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงความหวงออกมา
“พูดอะไรน่ากลัว ปล่อยได้หรือยังอยากนั่งดี ๆ แล้ว”
“นั่งตักฉันมันไม่ดีตรงไหนวะ ได้ข่าวว่าเธอขึ้นมานั่งเองโดยไม่ได้เชิญนะ”
“ตอนนี้ก็อยากลงแล้วไง”
“จะลงก็ได้ แต่ต้องตกลงคบกับฉันก่อน”
“หา! ” ออเรนจ์ตาโต คนอะไรก็ไม่รู้กลางวันทำให้ร้องไห้ กลางคืนมาทำให้ใจสั่น
“จะมาตกใจอะไรวะคบไม่คบ” ยิ่งออเรนจ์อ้ำอึ้งไอ้จ๋ายิ่งเสียงดัง ไม่ใช่อะไรตัวมันเองก็เขินไม่น้อยไปกว่ากัน คนอย่างมันเคยทำอะไรอย่างนี้กับเขาที่ไหนล่ะ “หรือจะไม่คบ เธอไม่อยากเป็นแฟนกับฉันใช่ไหม”
“ทำไมล่ะ ถ้าเราบอกไม่เป็นจ๋าคงไม่สนหรอกใช่ไหม” ออเรนจ์ช้อนตาขึ้นมองใบหน้ากร้านแดด กัดปากตัวเองอย่างชั่งใจ “ที่จริง..ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะทำให้จ๋ารำคาญ วันนี้เลยคิดว่าจะตัดใจไม่เจอกันอีก โอ๊ย! ”
“ปากดี” ไอ้จ๋าบีบคางเรียวกดจูบหนัก ๆ ลงที่ปากสวยแถมดูดแรง ๆ ส่งท้าย ทั้งที่มันพึ่งบอกไปว่าชอบเหมือนกัน ทั้งที่มันเพิ่งชวนมาคบกัน ไอ้จ๋าอุตส่าห์ยอมรับความรู้สึกตัวเอง มาบอกว่าตัดใจไม่เจอกันอีก มันเข้าข่ายหักหน้ากันชัด ๆ แล้วมีหรือคนอย่างไอ้หมาหน้าดำมันจะยอม!
“อื้อ จ๋า”
“อย่าพูดอะไรไม่เข้าหูอีกไม่งั้นโดน.. ยิ้มอะไรยายเน่า”
“เปล่า” แค่ดีใจมากจนหุบยิ้มไม่ได้เลยต่างหาก
ถึงร่างบนตักจะเบาสำหรับไอ้จ๋า แต่ถ้านั่งนาน ๆ ก็เมื่อยได้เหมือนกัน มันจึงขยับถอยพิงหลังกับเตียงนอน โดยมีร่างบอบบางนั่งคร่อมตักติดมาด้วย ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน ต่างฝ่ายต่างมองตากันและกัน ความรู้สึกเต็มตื้นในใจ
“นี่เรื่องจริงใช่ไหม”
“เออ”
“อะไร เออแค่นี้เหรอ”
“แล้วจะให้ตอบอะไรล่ะ” สมเป็นไอ้หัวเกรียนจริง ๆ
“ก็..” ออเรนจ์ทาบฝ่ามืออุ่นลงกับแก้มสากทั้งสองข้างของไอ้จ๋า แนบไว้อยู่อย่างนั้น ตาสวยกวาดมองทั่วใบหน้ากร้านกวนอย่างหลงใหล ไล้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างลงที่ริมฝีปากหยักเบา ๆ แต่เล่นเอาไอ้จ๋าเสียววาบไปถึงท้องน้อย ฮึ่ม!
“ทำอะไรของเธอเนี่ย หยุด ๆ “ ก่อนที่มันจะรู้สึกไปมากกว่านี้
“จับหน้าแฟน”
“พอ ๆ ไม่ต้องลูบ” แน่ล่ะสิแค่นั่งคร่อมตักอยู่นี่ ไอ้จ๋ามันก็ร้อนวูบวาบด้วยความรู้สึกไปทั้งตัวแล้ว ไหนจะมือเล็ก ๆ นิ่ม ๆ ที่ทาบอยู่บนแก้มแล้วไล้นิ้วเบา ๆ บนริมฝีปากของมันอย่างซุกซนนี่อีก ไอ้จ๋าไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะเว้ยจะได้ไม่รู้สึกอะไร!
“อย่ามาอ่อยให้ยากเธอไม่ได้แอ้มฉันหรอก”
“ก็อยากอ่อยแฟน” เจ้าของร่างผอมนึกสนุกอยากแกล้งจึงได้กล้าพูด ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปาก
“อะไรนะพูดใหม่ซิฟังไม่ทัน”
“เปล่า” ทำไมต้องลาดเสียงยาว
“พูดใหม่สิ น้ำส้ม”
“ไม่เรียกส้มเน่าหรือไง” ไอ้จ๋าไปไม่เป็นเลยหัวเราะกลบเกลื่อน เพราะอยู่ดี ๆ ก็นึกอยากเรียกออเรนจ์ว่าน้ำส้มขึ้นมา แล้วก็ห้ามปากตัวเองไม่ทัน
“ฉันไม่ชอบชื่อออเรนจ์ ต่อไปเธอต้องเป็นน้ำส้มของฉันเข้าใจหรือเปล่า ชื่อนี้มีฉันเรียกได้คนเดียว” พออีกคนพยักหน้ารับ ไอ้คนเผด็จการมันก็ยิ้มพอใจ “ตกลงชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้จริง ๆ ชื่ออะไรกันแน่ยายส้มเน่า”
“อีกละส้มเน่าอีกแล้วจ้างก็ไม่บอกหรอก”
“กวนเหรอเดี๋ยวเถอะ” ไอ้จ๋าเชยคางน้ำส้มขึ้นประกบปาก ฉกชิงความหวานละมุนผ่านการบดเบียดละเลียดจูบ ให้จังหวะเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกัน เป็นไปตามธรรมชาติของร่างกายเรียกร้อง ตัวมันเองใช่จะจูบเก่งมาจากไหน เอาจริง ๆ ก็ไม่เคยจูบกับใครมาก่อนเหมือนกัน แค่เคยเห็นในละครทีวีมาบ้างว่าทำกันยังไง เอาปากมาแตะกันตรงไหน แต่ยังไม่เคยปฏิบัติจริง ที่ทำ ๆ อยู่นี้มันเป็นไปเองตามความเรียกร้องของหัวใจ ต่อไปคงต้องหาคลิปมาดูสักหน่อยแล้วล่ะ แต่...พี่ฮีโร่คู่ใจของมันดูคลิปไม่ได้นี่หว่า..
ต่อเด้อจ้า...