Lonely Love หัวใจขอมีรัก แค่สักครั้ง
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Lonely Love หัวใจขอมีรัก แค่สักครั้ง  (อ่าน 136923 ครั้ง)

DekDoy

  • บุคคลทั่วไป
 :m16:

ยุ่งอีรุงตุงนัง

จะให้อภัยนายนะพาสุห์


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ ศึกรักครั้งนี้วุ่นวายจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
วิวรรธน์ นำเรื่องที่พาสุห์โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือไปปรึกษาโอเล่ หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวนัดเจอภิธารในทันทีที่คุยกันเสร็จ ภิธารออกมาเจอตามนัดด้วยคนที่อารมณ์ไม่ค่อยจะปกตินัก สีหน้าและแววตาเด็กหนุ่มบ่งบอกชัดเจนถึงอารมณ์ข้างใน สองคนที่นัดเจอจึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ก่อนเข้าประเด็นที่อยากจะคุย
“ดูท่าทางไม่ดีเลย มีอะไรหรือเปล่าภีม”โอเล่เป็นฝ่ายถามก่อน
“เปล่าจ๊ะ”ภิธารปฎิเสธก่อนจะหลบตาต่ำลงเมื่อเห็นวิวรรธน์มองสบตาคล้ายจับความรู้สึกตน
“มีอะไรก็พูดมาได้นะภีม เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนะ”วิรรธน์เอ่ยบอก คนหลบตาจึงยอมเงยหน้าขึ้นแสร้งยิ้มกลบเกลื่อนอีก
“ไม่มีอะไรจริงๆ ว่าแต่สองคนนัดภีมออกมามีอะไรหรือเปล่า”
“ไอ้มีน่ะมี แต่เห็นภีมเป็นแบบนี้ก็เลยไม่รู้จะเริ่มยังไง”ภิธารเงียบไปและเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคงควบคุมสีหน้าและแววตาไม่ให้คิดถึงคำพูดบอกเล่าเรื่องราวของพาสุห์จากปากคนที่ไม่เคยรู้จักไม่ได้ คนๆนั้นแนะนำว่าตัวเองชื่อนิพิธตอนที่โทรศัพท์หาตน และยังบอกอีกว่ากำลังคบกับพาสุห์ในฐานะคนรัก ชายหนุ่มถามกลับว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงมาแสดงตัวและฐานะให้ตนรับรู้แบบนี้ก็ได้คำตอบที่ทำให้ใจวูบ
“พาสุห์เป็นคนขอให้บอก”
“ผมกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วนะครับ”
“จริงเหรอครับ”
“ผมไม่จำเป็นต้องโกหก”
“ผมไม่ได้หมายความว่าคุณโกหก แต่ที่ผมได้ยินมาจากปากพาสุห์มันไม่ใช่แบบนี้”
“คุณจะได้ยินอะไรก็เรื่องของคุณกับเขาเถอะครับ ฝากบอกเขาด้วยละกันว่าขอให้เขากับผมต่างคนต่างอยู่เถอะ ในฐานะที่คุณเป็นคนรักเขา ขอแค่นี้เขาคงฟังคุณนะครับ แค่นี้ครับ”บทสนทนาจบลงไปแค่นั้น ก่อนที่เขาจะพาจิตใจที่พยายามจะไม่คิดอะไรมานั่งอยู่ตรงหน้าคนสองคนที่กำลังจ้องเขาอยู่ตอนนี้
“ขอโทษนะที่ทำบรรยากาศเสีย พอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ”เด็กหนุ่มยอมรับออกมากลายๆ เมื่อเห็นสองคนตรงหน้าเริ่มมองหน้ากันคล้ายๆจะใช้ความรู้สึกถามกันว่าควรจะพูดเรื่องที่อยากจะพูดดีหรือไม่ดี
“เรื่องที่คิดเนี่ย คือเรื่อง มัน ใช่มั๊ย”โอเล่เอ่ยขึ้นเมื่อเดาเอาจากสีหน้าคนยอมรับกลายๆ มัน ที่เธอเอ่ยถึง เธอมั่นใจเหลือเกินว่าฝ่ายนั้นจะรู้ว่าเธอหมายถึงใคร
“ก็มีส่วน”ภิธารยอมรับออกมาเสียงเบา เบากว่าเสียงถอนหายใจของเด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งรวมอยู่ด้วยซะอีก
“ว่าแล้ว ภีมยังลืมมันไม่ได้ใช่มั๊ย”วิวรรธน์ถามขึ้นเมื่อถอนหายใจเสียงดังเสร็จ คนถูกถามเงียบอีกตามเคย คราวนี้ฝ่ายหญิงจึงถอนหายใจบ้างแล้วเอ่ยเข้าประเด็นตรงๆ
“คนมันถือดีแบบนั้น ลืมๆมันไปซะเถอะภีม พวกเรายังตัดหางปล่อยวัดมันแล้วเลย อีกอย่างตอนนี้ได้ข่าวว่ามีคนมาจีบๆภีมแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อะ อะไรนะโอเล่”คนถูกถามตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เหนือความคาดหมายว่าจะได้ยิน
“ไปเอาข่าวนี้มาจากไหนกันน่ะ”เด็กหนุ่มถามต่อ มองหน้าสองคนสลับกัน
“อืม ก็มีคนแอบเห็นว่าภีมอยู่กับเขาสองต่อสองแล้วก็ดูสนิทกันดีน่ะ ก็เลยเดาเอา”วิวรรธน์เอ่ยปดด้วยไม่อยากให้คนตรงหน้ารับรู้ว่าข่าวนี้มาจากปากเพื่อนเคยสนิทตัวเอง
“เขาน่ะใคร ไม่มีหรอก ใครเขาจะมาสนใจภีมล่ะ”ภิธารปฎิเสธ ก่อนจะยิ้มหน่อยๆเชิงสมเพชตัวเอง มีคนมาจีบเหรอ มันก็ฟังดูดีหรอก แต่หัวใจตอนนี้ช่างเข็ดเหลือเกินกับคำๆนี้
“ถ้ามีก็บอกพวกเราตรงๆเถอะภีม พวกเราอยากเห็นไอ้พาสุห์มันรู้สึกสูญเสียของมีค่าไปเต็มทนแล้ว”โอเล่บอกต่อ คนนั่งฟังทำหน้าฉงน อีกคนที่นั่งอยู่ด้วยจับความรู้สึกถูกว่าเจ้าตัวคงงงว่าตัวเองไปมีค่าในสายตาพาสุห์ตอนไหน แต่แทนที่เด็กหนุ่มจะบอกความจริงถึงสิ่งที่พาสุห์มาอ้อนวอนขอร้องให้ตัวเองช่วยกันท่าไม่ให้ใครคนนั้นเข้าใกล้เจ้าตัว เด็กหนุ่มกลีบปัดไปบอกว่า
“พาสุห์มันถือว่าภีมเป็นลูกไก่ในกำมือจะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด พวกเราเลยหมั่นไส้มันน่ะ เลยอยากให้ภีมทำให้สำนึกซะบ้างว่ามันน่ะแหละลูกไก่”คำพูดแฝงที่วิวรรธน์เอ่ยบอก แน่นนอนที่สุดว่าคนฟัง ฟังไม่เข้าใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทิฐิในตัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาก็ทำหน้าที่ให้ภายในใจกรุ่นขึ้นได้เงียบๆ……พาสุห์ คุณต้องการอะไร อยากให้ยอมถอยออกจากชีวิตคุณผมก็ทำแล้ว แต่ทำไมคุณไม่ยอมให้เราต่างคนต่างอยู่ ……เด็กหนุ่มคิดอยู่ในใจเมื่อจับเรื่องราวที่นิพิธบอกเล่ามาคลุกเคล้ากับถ้อยคำของสองคนตรงหน้า นี่ยังเหลือใครอีกที่พาสุห์จะนำพาเรื่องเขาไปพ่นเป่าน้ำลายสาดใส่ให้ฟังอีก
“เขาชื่อคาวีน่ะ เราเพิ่งรู้จักกัน”คนคิดเคืองในใจตัดสินใจบอก ใช่สินะ เขาจะทนให้พาสุห์ตราหน้าว่าเป็นลูกไก่ในกำมือเพื่ออะไร การกลายร่างเป็นพ่อไก่แม่ไก่ที่พร้อมจะจิกกัดคนที่จ้องแต่คิดจะทำร้ายรังแกมันก็ไม่ผิดอะไรมากมายนี่
“จริงเหรอ เขาเป็นใคร พามาแนะนำบ้างสิ”โอเล่บอกอย่างตื่นเต้น มองเห็นเค้ารางๆถึงภาพการร้อนรนของคนที่เพิ่งจะรู้ใจตัวเองก็เมื่อสายไป พาสุห์ ฉันหนำใจแกนัก!!
“อืม ไว้จะพามาให้รู้จัก”ภิธารบอก แม้จะไม่สบายใจนักที่พูดแบบนั้น แต่ด้วยอารมณ์และทิฐิ เด็กหนุ่มจึงปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้สองคนตรงหน้าจินตนาไปไกลถึงเหตุการณ์ข้างหน้าด้วยความสาใจเล็กๆ
 
 

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ด้านพาสุห์เกิดอาการเครียดหนักถึงขั้นไม่อยากที่จะอยู่ติดบ้านเมื่อที่โดนเล่นงานอย่างหนักในเรื่องที่เขาขอลาออกจากวงดนตรีของมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มนึกถึงใครไม่ได้เมื่อเพื่อนแต่ละคนไม่อยากที่จะคบค้าด้วยแล้วจึงตัดสินใจไปหานิพิธที่หอพัก พอไปถึงจากอารมณ์ที่เครียดอยู่แล้วก็กลับถึงกับฉุนขาดสะบั้นทันควันเมื่อนิพิธรายงานความคืบหน้าถึงเรื่องที่เคยขอร้องไว้ว่าภิธารฝากกลับมาบอกเขาว่าต่อไปนี้ให้ต่างคนต่างอยู่ และให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเจ้าตัวซะที
“จริงๆผมก็ไม่อยากบอกพาสุห์ตรงๆหรอกที่ภิธารเขาฝากบอกมาแบบนั้น แต่ท่าทางเขาจะหลงคาวีเข้าไปแล้ว ผมก็เลยคิดว่าพาสุห์น่าจะตัดใจจากเขาซะ ไม่แน่เขากับคาวีอาจจะรักกันจริงๆก็ได้”นิพิธพูดต่อถึงสิ่งที่อยากจะเอ่ย พาสุห์ได้ยินถึงกับอยากที่จะไปเคลียร์กับคนฝากข่าวให้รู้เรื่องว่าทำไมถึงผลักใสไล่สงเขาขนาดที่ให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน ทั้งๆที่สิ่งที่เขาฝากบอกนิพิธไปมันเกิดจากความห่วงใยที่เขามีต่อเจ้าตัวแทบทั้งสิ้น
“เขาสองคนเพิ่งรู้จักกันวันสองวันจะรักกันได้ไงพิธ”เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างมีอารมณ์ นิพิธแสร้งหน้าเจื่อน เพราะด้วยรู้ดีว่าคนพูดกำลังอารมณ์หงุดหงิด
“ผมไม่น่าบอกพาสุห์เลย ผมขอโทษ”เด็กหนุ่มเอ่ยพลางก้มหน้านิ่งทำสำนึกผิด คนตามไม่ทันเห็นแล้วก็ลอบถอนหายใจเดินไปตบไหล่เบาๆ
“ไม่ใช่ความผิดของพิธหรอก ถ้าคนบางคนเขาอยากโดนเหมือนพิธนักก็เรื่องของเขา ผมคงช่วยเขาได้แค่นี้”นิพิธลอบยิ้มสมใจ คำพูดทำนองนี้ของพาสุหเหมือนชี้ให้เห็นว่าเจ้าตัวจะเลิกยุ่งกับภิธารแล้วจริงๆ
“อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นเลยนะพาสุห์ อย่างที่บอก เขาสองคนอาจจะรักกันจริงๆก็ได้”นิพิธเงยหน้าขึ้นเอ่ย ก่อนจะตัดสินใจโผเข้าซบอกคนคิดมากแล้วเอ่ยเบาๆ
“จริงๆคุณก็เป็นคนน่ารักคนนึง ผมมองข้ามคุณไปได้ไงไม่รู้พาสุห์”พาสุห์ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจ จริงอยู่เขาเคยมองว่านิพิธน่าสนใจอยู่ในระดับนึง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ในสายตาและหัวใจเขาตอนนี้มีเพียงภิธารคนเดียวเท่านั้นที่ครอบครอง
“อย่าทำแบบนี้เลยพิธ เราเหมาะที่จะเป็นเพื่อนกันแหละดีแล้ว”เด็กหนุ่มบอกพลางพยามผลักคนซบอกให้ออกห่าง แต่ก็ยากยิ่งนัก เมื่อคนโดนผลักกลับเอื้อมมือกอดขึ้นมาดื้อๆพลางบอก
“เมื่อก่อนก็เคยต้องการผมไม่ใช่เหรอครับ จะรออะไรอีกล่ะครับ เมื่อวันนี้ผมพร้อมที่จะยอมแล้ว”
“มันไม่เหมือนกันพิธ ปล่อยผมเถอะ ผมไม่อยากเลวไปกว่านี้อีกที่ผ่านมาผมก็โดนตราหน้าจากเพื่อนๆมาพอแล้ว”พาสุห์บ่ายเบี่ยง ในใจอดคิดไปไม่ได้อีกว่าอยากให้คนที่สวมกอดตนอยู่เป็นภิธาร
“ทำไมล่ะครับ ผมมันน่าเกลียดแล้วใช่มั๊ย พาสุห์ขยะแขยงผมแล้วใช่มั๊ย”นิพิธเมื่อไม่ได้ดังใจก็เอ่ยเหมือนคลั่ง พาสุห์เองก็ตกใจที่คนที่เขาเคยนึกเห็นใจสงสารกลับกลายมาเป็นแบบนี้แทน
“พิธ ฟังผมนะ เราคงสถานะแค่เพื่อนกันน่ะถูกต้องแล้ว”
“ถูกต้องยังไง ตอนนี้ผมถูกทิ้ง พาสุห์ก็ถูกทิ้ง เราน่าจะเห็นใจกันไม่ดีกว่าเหรอ”
“อย่าคิดแบบนั้นพิธ และก็ปล่อยผมเถอะ ไม่งั้นผมจะไม่มาหาพิธอีกนะ”คนถูกกอดเอาคำพูดไม้ตายเข้าขู่ เด็กหนุ่มลอบถอนใจเมื่อได้ผล ร่างกายของเขากลับมาเป็นอิสระได้อีกครั้ง แต่คนที่ปล่อยเขาเป็นอิสระนี่สิ กลับไปนั่งลงร้องไห้อย่างคนขาดสติพลางเพ้ออีกยกใหญ่
“ใครๆก็ไม่รักผม ทำไม ผมทำอะไรผิด เกิดมาเป็นไอ้นิพิธมันผิดตรงไหนกัน”
“ไม่เอาน่าพิธอย่าคิดแบบนี้เลยนะ เชื่อผม”คนที่ยืนฟังเอ่ยปลอบแต่ก็ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้รัศมีวงแขนคนเพ้อด้วยเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะบ้าลุกสวมกอดขึ้นมาอีก แต่การที่ยืนอยู่ห่างก็ต้องทำให้ใจหายวูบขึ้นมาเมื่อคนที่นั่งอยู่กลับผลุนผลันขึ้นวิ่งไปที่ระเบียงหลังห้องทำท่าจะปีนขึ้นไปยืน
 “คุณจะทำอะไรน่ะพิธ”เด็กหน่มเอ่ยถามเสียงดัง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปฉุดตัวเมือฝ่ายนั้นทำท่าไม่ฟังเสียงที่เขาเอ่ยไป
“ปล่อยผม ผมไม่อยากอยู่แล้ว อยู่ไปทำไมในเมื่อไม่มีใครเขาต้องการ”คนถูกฉุดตัวโวยวายพลางดิ้นรนที่จะให้ตัวเองหลุดพ้นจากการโดนจับกุม
“มีสติหน่อยสิพิธ ทำไมจะต้องวู่วามขนาดนี้ด้วย”คนจับกุมตะคอก ก่อนจะตัดสินใจจับร่างในอุ้งมือนั้นเหวี่ยงไปยังเตียงนอนกลางห้อง แต่แทนที่คนถูกเหวี่ยงจะล้มลงไปบนที่นอนเพียงลำพัง ร่างนั้นยังกลับฉุดคนเหวี่ยงลงไปจนล้มค่อมร่างตนไว้ชนิดใบหน้าแทบจะชิดกันถ้าไม่ติดที่ว่าคนโดนฉุดรั้งใบหน้าตัวเองไว้ได้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นภาพทางด้านหลังที่ใครบางคนบังเอิญเปิดประตูห้องเข้ามาเจอพอดีก็สื่อให้เห็นถึงสองคนบนเตียงคงกำลังซุกไซร้กันอยู่ได้ดี
“เฮ้ย ทำอะไรกันวะ”คนมาใหม่เอ่ยตวาด ก่อนจะชะงักเล็กๆเมื่อคนที่ตนเห็นทางด้านหลังดีดตัวลุกยืนหันมาเผชิญหน้าตน
“พาสุห์”เด็กหนุ่มเผลอครางชื่อคนที่ตนมองเห็นเบาๆ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“คาวี”พาสุห์เองก็เอ่ยคล้ายละเมอ เมื่อดีดตัวลุกจากนิพิธได้แล้วหันมาเจอว่าเจ้าของเสียงตวาดเป็นใคร เด็กหนุ่มใจเสียนิดๆแต่อีกฝ่ายที่ปรับสีหน้าได้แล้วกลับยิ้มหยันและเหยียดก่อนเอ่ยออกมา
“ไม่นึกเลยว่าจะเจอนายที่นี่”
“ฉันเป็นเพื่อนพิธ”พาสุห์บอก
“เพื่อนหรือแฟน”
“เข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่”
“เข้าใจผิดยังไงก็เห็นอยู่ตำตาว่าพวกนายสองคนกำลังทำอะไรกัน”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ถามคนของนายดูสิ”พาสุห์ใช้สายตาหันไปมองอีกคนที่กำลังยันกายลุกยืนพลางปาดน้ำตาลวกๆ
“ใครคนของฉัน”คาวีเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา นิพิธได้ยินด้วยถึงกับอึ้ง ด้วยรู้ดีว่าจิตใจตัวเองยังลืมคนพูดได้ไม่สนิทนัก เด็กหนุ่มฮึดตั้งสติได้ก็รีบเดินเข้าไปประชิดพาสุห์แล้วเอ่ยเพื่อต้องการประชด
“คนเขากำลังจะมีความสุขกันคุณเข้ามาทำไมคาวี”
“ก็ถ้ารู้ผมก็คงจะไม่มาหรอก ดีใจด้วยนะ จากนี้คงเลิกตามผมได้แล้วสิ”คนโดนประชดเอ่ยตอบรู้สึกเสียหน้าเล็กๆที่เหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ นิพิธเลิกงอนง้อเขาแล้ว ก็ยอมรับนิดๆว่ามันแปลกไปเหมือนกัน
“รู้ก็กลับไปได้แล้ว ผมอยากอยู่กับคนที่เขาดีกับผมมากกว่าคุณ”นิพิธเข้าเกาะแขนพาสุห์ คนถูกเกาะตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจหนึ่งก็อยากตีตัวออกห่างเพราะกลัวเรื่องราวบานปลายไปกันใหญ่ แต่อีกใจก็หมั่นไส้คาวีซะเหลือทนที่แสดงท่าทีและสีหน้ากับคนที่รักตัวเองสุดใจได้อย่างเย็นชา แล้วที่สุดความรู้สึกอย่างหลังก็ทำให้เด็กหนุ่มปล่อยสถานการณ์ให้เลยตามเลย คือยืนให้คนต้องการประชดคนรักทำตามใจที่อยากจะทำ
คาวียืนมองภาพตรงหน้าอย่างเจ็บใจหน่อยๆ แต่ก็เอาเถอะเกมวันนี้เขาอาจจะเสียหน้า แต่เกมวันหน้าพาสุห์นั่นแหละที่จะกระอักจุกอก
ภิธารตกใจหน่อยๆเมื่อคาวีบุกมาหาถึงห้องพักขณะที่ตนตั้งใจที่จะอยู่ตามลำพังเงียบๆเพราะสับสนวุ่นวายกับเรื่องต่างๆเหลือทน
“มีอะไรหรือเปล่าคาวี หน้าตาคุณดูไม่ดีเลย”แม้จะตกใจแต่เด็กหนุ่มก็มีสำนึกที่จะถามไถ่คนตรงหน้า ด้วยเพราะสีหน้าและแววตาที่ฝ่ายนั้นแบกมาหามันดูแปลกไปนัก
“ผมบอกภีมได้เหรอครับ”คาวีแสร้งเอ่ย จริงอยู่ที่ตัดสินใจมาหาคน เฉิ่ม ถึงที่นี่เพราะหงุดหงิดใจที่ถูกเชิดใส่จากคู่ขาเก่า แต่ในเมื่อเขาเห็นตำตาขนาดนั้นว่าคนที่ทำให้คนเชิดใส่เปลี่ยนไปคือใคร เขาก็คงไม่ใจดีปล่อยให้มันอยู่สงบสุขลอยนวลไปได้หรอก กรกฤษณ์บอกมันกำลังตามง้อคนตรงหน้านี้อยู่นี่ ภาพที่เขาเห็นตอนก่อนจะมานี่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุจริงๆเหมือนที่มันอ้างก็ได้ เพราะดูท่ามันก็ไม่ยินดียินร้ายกับคู่ขาเก่าเขาเท่าไหร่ แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ นาทีนี้ เขาได้อยู่ต่อหน้าคนที่กรกฤษณ์บอกว่ามันตามง้ออยู่แล้วนี่ จะรออะไรอีกล่ะ ป่าวประกาศให้คนถูกตามง้อนี้ให้รู้เรื่องไปเลยสิว่ามันไปทำอะไรในห้องคู่ขาเก่าเขามา
“มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับผมเหรอครับ”ภิธารเอ่ยถามเมื่อฉงนกับคำถามกลับที่ได้ยินของคนที่ตนถาม
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีเรื่องมันเกี่ยวกับพาสุห์น่ะ”
“พาสุห์ พาสุห์ทำไมเหรอครับ”คนได้รับคำตอบใจกระตุกอีกครั้ง นี่มันอะไรกัน ตั้งแต่เจอกับคนรอบกายมารู้สึกว่าทุกคนจะเอ่ยถึงชื่อพาสุห์ให้เขาได้ยินเสียทุกที
“คือเอ่อ บังเอิญผมไปเจอเขาในสภาพแบบที่ไม่น่าว่าจะเจอน่ะครับ”
“ยังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”
“พอดีผมแวะไปหาเพื่อนผมที่ห้องมา แล้วเอ่อ ผมเจอพาสุห์อยู่ในนั้นด้วย อืม ดูเหมือนพวกเขาจะทำกิจกรรมอะไรกันซักอย่างด้วยน่ะครับ” กิจกรรมอะไรซักอย่าง ...ภิธารทวนประโยคนี้ในใจ ก่อนจะเซวูบหน่อยๆเมื่อคิดเองได้ว่าสิ่งที่คนตรงหน้าตั้งใจจะบอกคืออะไร
“แล้วยังไงต่อครับ ผมว่าเรื่องนี้คาวีไม่น่าจะเครียดเลย”เด็กหนุ่มจำใจเอ่ยออกไป เมื่อหัวใจจะเลิกวูบไหวได้จริงๆเสียทีนะ
“ที่ผมเครียด เพราะผมกังวลว่าควรจะบอกเรื่องนี้ภีมดีหรือเปล่านะสิครับ เพราะผมพอจะรู้ว่าภีมกับเขากำลังมีปัยหากันอยู่”
“แล้วยังไงครับ”
“คือถ้าผมบอกภีม ผมกลัวว่าภีมจะมองว่าผมใส่ร้ายเขาเพื่อสร้างคะแนนให้ตัวเอง ภีมก็น่าจะดูออกนะว่าผมน่ะคิดยังไงกับภีมแล้ว แต่ถ้าผมไม่บอก ผมก็ไม่รู้ว่าภีมจะเสียใจแค่ไหนถ้าได้รู้เองว่ากำลังโดนหลอกโดนปั่นหัวอยู่”
“ช่างเถอะครับ ผมไม่คิดอะไรแล้ว รู้ตอนไหนก็มีค่าเท่ากัน ผมกับพาสุห์เราไม่มีอะไรกันแล้ว”เป็นอีกครั้งที่ทิฐิในใจสั่งให้เด็กหนุ่มต้องเอ่ยถ้อยคำทำนองนี้ออกมา
“แต่ผมไม่สบายใจเลย ดูเหมือนผมเป็นคนเลวไงไม่รู้ ผมไม่ได้อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้นะ จริงๆภีมก็น่าจะฟังหูไว้หูก็ได้”คาวีแสร้งเอ่ยต่ออย่างกระหยิ่มยิ้ม เออนะ พอปั่นหัวคนอื่นได้อารมณ์หงุดหงิดที่เกิดมากมายก็กลับหายไปเป็นปลิดทิ้ง มันแปลกจริง
“สบายใจเถอะครับ ผมไม่ติดใจอะไรหรอกกับเรื่องแบบนี้ ผมชินซะก่อนที่จะเจอกับคาวีแล้ว”ภิธารเอ่ยเป็นเชิงตัดพ้อ รู้สึกเหนื่อยล้าในใจขึ้นมาอีก..พาสุห์ คุณจะทำให้ผมเหนื่อยใจถึงเมื่อไหร่กัน...
“เห็นภีมเป็นแบบนี้ ผมชักไม่อยากจากภีมไปไหนซะแล้วสิ”คาวีเอ่ยตามแผนการที่แอบวาดไว้ในใจตอนยืนประเมินสถานการณ์ การที่จะพิชิตกายคนหวงตัวแบบนี้ก็น่าจะจู่โจมตอนเจ้าตัวกำลังอ่อนไหวอ่อนแรงแบบนี้แหละน่าจะได้ผล
“ผมไม่เป็นไร ผมอยู่ได้”ภิธารเอ่ยปฎิเสธตามสัญชาตญาณ แปลก คราวนี้ต่อให้หัวใจหวั่นไหวแค่ไหน แต่เด้กหนุ่มก็รู้สึกลึกๆว่าคนที่เหมือนจะห่วงใยตอนนี้ไม่ใช่คนที่หัวใจต้องการเลยซักนิด
“จะอยู่ได้ไงล่ะครับ คำก็ตัดพ้อตัวเองแบบนี้ ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนภีมนะ ผมจะทำให้ภีมหายเครียดหายเหงาเอง”คนประเมินสถานการณ์เอ่ยเข้าเรื่อง พร้อมย่างกายเข้าประชิดตัวคนปฎิเสธความต้องการ
“ให้ผมอยู่คนเดียวเถอะนะผมไม่เป็นไรจริงๆ”คนถูกประชิดถอยร่างหนีนิดๆพลางเอ่ยยิ้มเจื่อนๆ เด็กหนุ่มใจเต้นผิดจังหวะเมื่อมองเห็นแววตาของคนตรงหน้าเริ่มกรุ้มกริ่มขึ้นมาอย่างที่สามารถเดาความต้องการออก
“เถอะน่าภีม รับรองเลยนะว่าผมจะทำให้ภีมลืมพาสุห์ให้ได้จนสนิทใจจริงๆ”คาวีเอื้อมมือไปโอบกอดเอวคนถอยหนีรั้งร่างนั้นเข้าหาตัวเองเพื่อพันธนาการไม่ให้เจ้าตัวถอยหนีไปไหนได้อีก
“คาวี ปล่อยผมเถอะนะ ผมยังไม่พร้อม ผมอยากอยู่คนเดียว”ภิธารพยายามปฎิเสธเสียงนุ่ม ทั้งๆที่ในใจเริ่มฉุนกับพฤติกรรมที่คนเพิ่งรู้จักแสดงออกให้เห็น
“เชื่อผมสิว่าภีมต้องพร้อม”คาวีบอกอย่างไม่สนใจก่อนจะตัดสินใจก้มลงประกบปากคนที่เหมือนจะเอ่ยบ่ายเบี่ยงความต้องการตนอีกด้วยริมฝีปากที่ชำนาญนักกับเรื่องแบบนี้
.
.
.
.
.
แบบนี้แบบไหนล่ะ ติดตามตอนต่อไปนะ


ขอบคุณครับ


Boy

 

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ งานนี้หักเหลี่ยมเฉือนคมกันสุดริด  :m14: :m14: :m14:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
บอยใจร้ายยย

ค้างอย่าแรงเลยครับ มาต่อด่วนๆเลย

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
 :m15: :m15: :m15: อุรุงตุนัง

อ่านแล้วปวดกระเพาะเลยอ่ะ บีบหัวใจไปแล้ว  :sad2:

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
 :m25: :m25:

มาต่อด่วนนนนนน

ค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ภิธารใจหายวูบเมื่อโดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มดันร่างคนจู่โจมออกห่างพร้อมทั้งไม่ยอมให้ภายในริมฝีปากตนถูกรุกรานง่ายๆ
“อย่าขัดขืนผมเลยนะภีม ผมต้องการคุณ”คาวีถอยร่างออกมาเอ่ยขึ้นเมื่อโดนขัดขืนอย่างชัดเจน
“ไม่ ต้องไม่เป็นแบบนี้คาวี กลับไปเถอะ แล้วลืมเรื่องวันนี้ซะ”คนเป็นอิสระเอ่ยบอก อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากลวกๆ คาวีมองภาพนั้นอย่างรู้สึกขัดใจเล็กน้อย แต่คราวนี้เด็กหนุ่มคิดว่าจะไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าหลุดมือไปอีกจึงประชิดตัวเข้าไปใหม่ พร้อมกับเตรียมก้มลงจะรุกรานอย่างไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ แต่แล้วทุกอย่างกับหยุดชะงักกลางคัน เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ของเจ้าของห้องดังขึ้นซะก่อน
“ขอตัวนะครับ”ภิธารรีบเอ่ยขึ้นพลางผลักคนเข้าประชิดให้ถอยออกห่างจากร่าง แล้วเบี่ยงตัวหลบไปหยิบเอาโทรศัพท์มากดรับ
“สวัสดีวรรธน์”เด็กหนุ่มเอ่ยทักต้นสายเมื่อเห็นแล้วว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา คาวีหลบฉากไปยืนดูคนขัดใจตนสนทนาอยู่อีกมุมหนึ่งในห้อง ก่อนจะแสร้งยิ้มเมื่อฝ่ายนั้นสนทนากับคนโทรเข้ามาจบลงแล้วหันมามองตน
“เพื่อนผมจะมาหา คุณกลับไปก่อนเถอะนะ”ภิธารเอ่ยบอก นึกขอบคุณวิวรรธน์อยู่ในทีที่ช่วยมาเป็นระฆังช่วยชีวิตในขณะที่จะถูกรุกราน
“เพื่อนภีม คงไม่ใช่พาสุห์นะครับ”คาวีเอ่ยถาม
“เปล่าหรอกครับ เป็นเพื่อนที่มหา’ลัย”
“งั้นผมขออยู่ด้วยได้มั๊ย ผมยังไม่อยากกลับ ไม่รู้จะไปไหน”
“อย่าเลยนะ มันไม่สะดวกหรอก”
“ทำไมล่ะครับ ภีมจะทำอะไรกับเพื่อนงั้นเหรอ”
“คุณไม่ควรถามแบบนี้เลยนะคาวี เพื่อนผมก็เพื่อนผมสิครับ เราจะทำอะไรกันได้”
“ผมก็ยังไม่ได้บอกออกไปนี่ครับว่าจะทำอะไร ก็แค่ถาม”
“ได้คำตอบแล้ว ก็กลับไปเถอะนะครับ ผมขอร้อง”
“ขอผมอยู่ด้วยเถอะนะ ผมไม่รู้จะไปไหนจริงๆ”
“มันไม่สะดวกจริงๆครับ เพื่อนผมเขาจะมากลุ่มใหญ่”
“ก็ยิ่งดีนี่ครับ อยู่หลายคนสนุกดี นะ ให้ผมอยู่ด้วยเถอะ”ภิธารเงียบไปพักใหญ่เมื่อดูท่าคาวีจะไม่ยอมกลับจริงๆ เด็กหนุ่มแอบถอนหายใจในตอนหนึ่งก่อนจะยอมให้คนที่ใจนึกรำคาญอยู่ด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่การยอมครั้งนี้คนยอมนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ตนนึกรำคาญการกระทำจะกลายเป็นคนที่น่ารักในสายตาของวิวรรธน์ โอเล่ และกลุ่มเพื่อนที่แวะมาหาตนที่ห้องด้วย
.
.
.
คาวีสืบสถานการณ์จากการพูดคุยของภิธารกับกลุ่มเพื่อนที่มาหาจนพอจะประเมินเรื่องราวได้ว่าบุคคลกลุ่มนี้มีความรู้สึกใดกับเจ้าตัว เด็กหนุ่มตามน้ำให้ตัวเองกลืนไปกับการพูดคุยได้อย่างดี การแสดงว่าตนเป็นคนแสนดีที่พร้อมจะแสดงความจริงใจกับคนที่เพิ่งจะล้มเหลวกับความรักนั้นช่างง่ายนัก วิวรรธน์และโอเล่ต่างตกหลุมพรางเขาอย่างเหนือความคาดหมาย หนทางการเก็บแต้มจากเหยื่อรายใหม่อย่างภิธารดูสว่างวาบขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ดูท่าทางทุกคนดูห่วงและหวงภีมมากเลยนะครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นในตอนหนึ่งระหว่างการสนทนา แววตาเป็นประกายถูกส่งให้คนที่ตรงพูดถึง จนกลุ่มคนที่ถูกตั้งคำถามอดจะแซวไม่ได้ เมื่อเห็นความหมายบางอย่างสื่อออกมาจากแววตาประกายนั่น
“มองกันเยิ้มขนาดนี้เห็นทีพวกเราจะหมดห่วงแล้วล่ะมั้ง”โอเล่เป็นตัวนำแซว ก่อนจะเรียกเสียงเฮได้จากคนทั้งกลุ่ม รวมทั้งวิวรรธน์ด้วย
“นายก็อย่าทำเขาผิดหวังอีกละกัน ภีมเขาน่ารัก ฉันรับรองได้”เด็กหนุ่มอดที่จะเอ่ยเตือนไม่ได้แม้ว่าในใจจะรู้สึกยินดีอยู่ก็ตาม แต่การตบท้ายด้วยการเอ่ยการันตีคนถูกห่วงนั้นมันทำให้ฝ่ายที่นั่งฟังอยู่นึกสมเพชในใจ...น่ารักยังไงวะ โดนทิ้งซะแบบไม่รักษาน้ำใจ..
“อันนี้นายไม่ต้องบอกหรอก ฉันว่าฉันดูออกว่าภีมน่ารักยังไง”สิ่งที่เอ่ยออกไปแม้จะไม่ตรงใจนัก แต่คนเอ่ยก็เนียนด้วยการส่งสายตาเยิ้มออกไปใหม่ ทำให้การพูดคุยในช่วงนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงโห่แซวเป็นระยะๆ
คาวีขอตัวกลับไปแล้วเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ ภิธารเดินออกมาส่งวิวรรธน์และเพื่อนๆเมื่อคนกลุ่มนี้ขอตัวกลับบ้าง วิวรรธน์แสดงความยินดีที่ดูเหมือนคนที่เคยจมกับความผิดหวังจะเจอฟ้าหลังฝน และบอกว่าอย่าจมกับอดีตให้มากนักเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาเจ้าตัวดุไม่ยินดียินร้ายอะไรนัก
“ภีมไม่คิดอะไรแล้วล่ะวรรธน์ ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่มันจะเป็นคงจะดีกว่า”คนถูกบอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ใครจะรู้ว่าที่เจ้าตัวเอ่ยออกมาจริงๆแล้วมันขัดกับสิ่งที่อยู่ในใจสิ้นเชิง ชื่อพาสุห์ ยังคงวนเวียนในห้วงความคิดของชายหนุ่มตลอดเวลาของการสนทนาที่ผ่านมา คาวีดูเหมือนจะก้าวเข้ามาแทนที่คนๆนั้นในกลุ่มเพื่อนทั้งๆที่คนพวกนี้เพิ่งจะรู้จักและพูดคุยกับเจ้าตัวเพียงแค่ครั้งแรก พาสุห์ คุณโดนตัดขาดจากเพื่อนๆแล้วจริงๆงั้นเหรอ?
.
.
.
.
พาสุห์เมื่อปลีกตัวออกมาจากห้องนิพิธได้ก็ร้อนรนที่อยากจะเจอกับภิธารเพื่ออยากจะพูดจะคุยให้รู้เรื่องถึงสิ่งที่ตนได้ยินได้ฟังจากปากนิพิธมาว่า ต่อไปนี้ให้ตนกับเจ้าตัวต่างคนต่างอยู่ จะให้เขาทำแบบนั้นได้ไงในเมื่อเขารู้อยู่เต็มอกว่าคนต้นเหตุที่ทำให้คนรักเก่ากล้าพูดแบบนี้เป็นคนเช่นไร ภิธารเป็นคนอ่อนไหวแค่ไหนข้อนี้เขาคิดว่าเขารู้ดีกว่าใคร ถ้าคาวีนั้นจะรักจะห่วงคนที่เขาเคยทำลายน้ำใจด้วยใจจริงเขาก็อาจจะไม่ร้อนรนเท่านี้ แต่นี่ คนที่เคยเอาพวกมาซ้อมมาทุบตีคนที่น่าจะเรียกว่าคนรักได้มันจะมีความจริงใจกับใครได้
“โธ่โว้ย ห่วงเขา รักเขา ก็กล้าซะทีสิโว้ย”เด็กหนุ่มโวยวายให้ตัวเองเมื่อรู้สึกเต็มทนกับอาการใจฝ่อที่ก่อตัวขึ้นหลังจากที่หยิบโทรศัพท์มากดเบอร์คนที่ตนหนึ่งห่วงหลายสิบรอบแต่ไม่กล้าที่จะกดโทรออกเลยซักครั้ง
“ภีม โทรหาผมทีสิ อย่างที่คุณเคยโทร”คนใจฝ่อภาวนาอย่างเลื่อนลอยเมื่อไม่มีทางออกให้กับความกล้าๆกลัวๆของตัวเอง ถ้อยคำตัดรอนและไล่ส่งของฝ่ายนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวเขาอยู่ในทุกๆตอนที่เขาคิดจะโทรไปหาเจ้าตัว
.
.
.
ฝั่งภิธาร เด็กหนุ่มยังคงนั่งจมอยู่กับความรู้สึกที่ตามหลอกหลอนอยู่ไม่จบสิ้น การ์ดใบที่หยิบมาดูถูกสอดเก็บไว้ในลิ้นชักดังเดิม ซักวันเถอะเขาจะฉีกมันทิ้งให้ได้พร้อมๆกับการลบภาพคนที่ควรจะเป็นเจ้าของมันออกไปจากใจให้หมดสิ้น...อย่าจมกับอดีตให้มากเลยนะภีม...ถ้อยคำของวิวรรธน์ดังก้องมาในห้วงความคิดทำให้เด็กหนุ่มกล้าที่จะทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำ นั่นคือโทรศัพท์หาคนที่น่าจะเป็นคนปัจจุบันของใจ
“คาวีเหรอครับ”เด็กหนุ่มกรอกเสียงไปตามสายเมื่อฝ่ายนั้นกดรับสัญญาณ
“ครับผมเอง ภีมใช่ป่ะครับ”คาวีเอ่ยทักออกไปอย่างแปลกใจหน่อยๆ จึงได้ถามเพื่อความแน่ใจว่าคนที่เพิ่งจะหวงตัวจากตนเป็นฝ่ายโทรมาหา
“ครับผมเอง ขับรถอยู่หรือเปล่าครับ ผมกวนหรือเปล่า”ภิธารตอบรับ ก่อนจะอดใจสั่นน้อยๆไม่ได้ สับสนกับตัวเองว่านี่กำลังทำอะไรลงไป
“ภีมโทรหาผมทั้งทีจะกวนได้ไงล่ะครับ ให้จอดรถคุยทั้งคืนยังได้เลย”คาวีหยอดคารมใส่อย่างคนเจนจัด แม้จะเอ่ยไปแล้วจะหันไปกิ๊กกั๊กกับคู่ขาที่เพิ่งนัดออกมาเจอก็ตาม
“ยังไงครับนี่ โทรหาผมแล้วก็เงียบ มีอะไรหรือเปล่าครับ”คนตีสองหน้าเอ่ยต่อเมื่อเห็นคนที่โทรหาตนเงียบไป ฝ่ายภิธารที่เงียบไปเพราะอดที่จะคิดถึงคนอีกคนไม่ได้ ทำไมหัวใจถึงอยากได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากคนใจร้ายอย่างพาสุห์นั้นด้วยนะ เด็กหนุ่มอดว่าตัวเองในใจไม่ได้
“ปะเปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่จะโทรมาขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกดี”เด็กหนุ่มฝืนใจพูดออกไปโดยไม่รู้ความหมายของสิ่งที่พูดนัก แต่อีกฝ่ายที่ได้ยินนี่สิ ตีความหมายให้ตัวเองเสร็จสรรพ..เสร็จอีกรายล่ะมึง..
“ครับ ผมดีใจนะที่ได้ยินภีมพูดแบบนี้ อยากกลับไปหาใหม่จัง ชักคิดถึงอีกแล้วสิ”คนตีความหมายเอ่ยออกไปใหม่ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก กลับไปให้โง่เรอะ คนข้างๆก็กำลังคลอเคลียให้เคลิ้มจวนจะได้ที่
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ แล้วผมจะโทรหาใหม่ครับ กลับบ้านดีๆนะครับ”คนถูกหวานใส่รีบตัดบท ก่อนจะวางสายทิ้งไปแล้วนั่งให้น้ำตารินไหลซะดื้อๆ ไม่ใช่เพราะตื้นตันกับสิ่งที่ได้ยิน แต่มันแอบช้ำแอบน้อยใจที่ทำไมคำพูดในทำนองนี้ถึงไม่ได้ออกจากปากคนอีกคน

“ไม่ต้องบอกกูก็ไม่กลับไปหาหรอกโว้ย กลับบ้านดีๆนะครับ เลี่ยนว่ะ”คาวีเอ่ยออกมาตามสัญชาตญาณจริงเมื่อเมื่อเห็นสัญญาณคนที่โทรเข้ามาขาดหายไป เด็กหนุ่มหันไปยิ้มกรุ้มกริ่มกับคู่ขาที่ตกลงไร้พันธะอย่างรู้ว่าในอีกไม่กี่นาทีจะพาเจ้าตัวไปเริงรักกันที่ใด
.
.
.
ติดตามตอนต่อไปครับ

Boy


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :m29: คาวีนี่เลวเจงๆ  :m29: ชักห่วงภีมแระ  :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Lonely Love หัวใจขอมีรัก แค่สักครั้ง
« ตอบ #219 เมื่อ: 12-02-2008 23:09:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
วุ่นวายจิงหนอ

เป็นกำลังใจให้นะครับ

 :mc4:

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ในหลายๆวันพาสุห์ไปด้อมๆมองๆวนเวียนอยู่ที่หน้าคณะของภิธารเพื่อหวังที่จะเจอเจ้าตัว แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าช่วงนี้มันคงจะยากนักเพราะเป็นช่วงใกล้ปิดเทอมกัน แล้วเด็กหนุ่มก็คว้าน้ำเหลวจริงๆ ในหลายๆวันที่วนเวียนอยู่อย่างนั้นแม้แต่เงาของคนที่อยากเจอก็ไม่ผ่านมาให้เห็น ในหัวสมองเคยคิดที่จะบุกไปหาเจ้าตัวที่หอพักอีกรอบ แต่เหตุการณ์ล่าสุดที่ได้ประจันหน้ากันมันฉุดรั้งความคิดไว้ได้เสียทุกที
“เซ็งว่ะ”คนผิดหวังนั่งลงบ่นกับตัวเองอย่างเบื่อหน่าย เพื่อนหรือก็หายหน้าหายตากันไปจนไม่กล้าที่จะติดต่อไปหา ที่บ้านหรือก็จ้องจะเล่นงานทุกทีที่เจอหน้าว่าเป็นลูกชายที่ไม่เอาไหนซักเรื่อง คนที่พอจะพุดคุยได้บ้างอย่างนิพิธเด็กหนุ่มก็ถอดใจที่จะไปหาเพราะด้วยกลัวการกระทำที่จะเลยเถิดของเจ้าตัว
“ภีม เราจะมีทางเป็นอย่างเดิมมั๊ย”เสียงบ่นเบาๆดังลอดออกมาก่อนที่คนบ่นจะก้มหน้าซบเข่าตัวเอง ความเหงามันเป็นแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ใครๆที่กลัวมันนัก
.
.
.
.
.
กรกฤษณ์เดินเที่ยวสบายๆในวันหยุดที่มีไม่บ่อยนัก ชายหนุ่มหรี่ตามองคนคุ้นหน้าที่เดินซังกะตายมาจวนจะถึงตน
“พาสุห์นี่นา”บุรุษพยาบาลเอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปทักตามแบบคนที่มนุษย์สัมพันธ์ดี
“สวัสดีครับคุณพาสุห์”พาสุห์หยุดชะงักจากการเดินแล้วเงยหน้าขึ้นมองที่มาของเสียง เด็กหนุ่มยิ้มให้หน่อยๆกับคนๆนั้นเมื่อเห็นแล้วว่าเป็นใคร
“ทำไมมาเดินคนเดียวล่ะครับ”กรกฤษณ์ทักต่อยิ้มๆ ก่อนที่ฝ่ายถูกทักจะเอ่ยปากชวนไปหาที่นั่งคุยด้วยเพราะกำลังเซ็ง การพูดคุยที่เกิดขึ้นนั้นทำให้คนนึกเซ็งได้รับรู้เรื่องราวของคนที่ตนอยากจะเจอเมื่อได้เอ่ยปากถามในตอนหนึ่งว่าคู่สนทนาได้เจอได้พูดคุยกับคนๆนั้นหรือไม่
“วันก่อนก็เจอนี่ครับ ทำไมเหรอครับคุณพาสุห์กับคุณภิธารไม่ติดต่อกันแล้วเหรอ”คนถูกถามตอบประสาซื่อ ก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าได้เจอกับภิธารที่ไหนยังไง
“มิน่าล่ะ ถึงได้หายหัวกันไปหมด”พาสุห์พูดเบาๆขึ้นมาเมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น คาวีได้เข้าไปยืนแทนที่เขาแล้วในกลุ่มเพื่อน ร้ายกว่านั้น ภิธารเองก็ดูเหมือนว่ากำลังจะเปิดตัวอย่างโจ่งแจ้งว่ากำลังจะคบกับนายนี่อีก แน่ล่ะ ก็กรกฤษณ์เพิ่งบอกเขาเองว่าคาวีพาคนรักเก่าและเพื่อนเก่าเขาแวะเวียนไปที่โรงพยาบาลบ่อยๆเพื่อไปเยี่ยมไปทักญาติผู้ใหญ่มันที่นั่น คงจะเป็นคนที่มันเรียกอาหมอนั่นแหละ
.
.
.
นิพิธออกอาการดีใจจนออกนอกหน้าเมื่ออยู่ดีๆพาสุห์โทรนัดให้ออกมาเป็นเพื่อนเที่ยว เด็กหนุ่มออกมาเจอคนโทรนัดอย่างว่าง่าย โดยไม่รู้ว่าฝ่ายนี้กำลังตกอยู่ในอารมณ์น้อยใจกึ่งเจ็บปวดที่โดนทักคนรักเก่าและเพื่อนทั้งกลุ่มแปรพักไปสนิทสนมกับคนที่ตนไม่ชอบหน้า
“เราจะไปไหนกันดีครับพาสุห์”คนมาตามนัดเอ่ยถามก่อนจะอึ้งเมื่อได้คำตอบจากคนนัดว่าตอนนี้อยากจะเมาจนไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก
“คืนนี้ผมมีเวลาให้พิธทั้งคืน พิธอยากไปไหนบอกได้เลยครับ”คนอยากเมาเอ่ยตบท้ายทำให้คนที่ได้ยินยิ้มกระหยิ่มดีใจ ความคิดในเรื่องตัวตายตัวแทนแล่นเข้ามาในหัวคนกระหยิ่มยิ้มอย่างเลี่ยงไม่ได้ คาวีกับตนเคยเจอกันที่ไหน มีความสัมพันธ์ครั้งแรกต่อกันที่ไหน ก็เป็นที่นั่นแหละที่ตนจะพาคนมีเวลาให้ตนทั้งคืนไป
.
.
.
.
.
บรรยากาศรื่นเริงผ่านไปเกือบค่อนคืน นิพิธกระหยิ่มยิ้มมองพาสุห์ที่กำลังจะเมามายไม่ได้สติ เด็กหนุ่มไม่ใคร่ใส่ใจว่าคนๆนี้จะฟุบไปเมื่อไหร่ จึงไม่ฉุดไม่ยื้อแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เจ้าตัวยกซดแก้วแล้วแก้วเล่า

ในอีกมุมหนึ่งของร้าน ภิธารเองก็กำลังกระอักกระอ่วนนึกอยากที่จะออกจากสถานที่ที่โดนลากมานี่เต็มทน คาวีนั่นเองเป็นคนลากมา แม้วิวรรธน์ โอเล่ และเพื่อนทั้งกลุ่มจะมากันด้วย แต่เด็กหนุ่มก็อยากที่จะเดินออกจากนี่ในทุกๆวินาที
“ขอตัวไปห้องน้ำเดี๋ยวนะ”คนอยากหนี เอ่ยขอตัวเพื่อไปให้พ้นๆบรรยากาศอึดอัด แม้ซักห้านาทีก็เอา
“ผมไปด้วยสิ”คาวีเอ่ยขอตาม คนจะไปแม้อยากจะขัดแต่พอเห็นเพื่อนเห็นดีด้วยจึงปล่อยเลยตามเลย
“ดูภีมไม่สนุกเลย เบื่อเหรอครับ”คาวีถามไปตามเรื่องระหว่างเดินไปกับคนที่ตนออกอุบายดึงมาที่ร้านที่ตนคุ้นเคยเพื่อเก็บแต้มสวาท นิพิธเองก็ตกเป็นเหยื่อเขาที่นี่ที่แรก แล้วภิธารล่ะ จะมีปัญญาหลบหลีกไปไหนได้เสีย
“ภีม!!”เสียงเรียกชื่อที่ดังลั่นก่อนที่เจ้าของชื่อจะตอบคำถามที่โดนถามทำเอาหลายโต๊ะที่นั่งกันอยู่ชะงัก
“พาสุห์”ภิธารเผลอครางชื่อคนที่เรียกตนเสียงดังนั้นเบาๆ ภาพที่พาสุห์กำลังเดินเซร่างมาที่ตนทำให้ชายหนุ่มตัวเย็นใจสั่น นี่มันอะไรกัน ทำไมพาสุห์ถึงได้ดูหมดสภาพไปแบบนี้
“โลกกลมจริงแฮะ”คาวีล้วงกระเป๋ายืนเอ่ยยิ้มเหยียดนิดหน่อยให้กับคนที่ดูเหมือนจะเมามากมาย ให้ตายเถอะ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะเจอคนวางมาดอย่างนายนี่ในสภาพแบบนี้
“ภีม คุณมากับมันทำไม คุณมากับไอ้นี่ทำไม”พาสุห์เอ่ยอย่างคนกำลังจะควบคุมสติไม่อยู่ เสียงที่ลอดออกมานั้นจึงดังจนผิดสังเกตคนรอบข้าง ภิธารวางสีหน้าไม่ถูกเมื่อมองรอบตัวแล้วเห็นหลายๆสายตาเริ่มสนใจเหตุการณ์
“บ้าจริง ทำไงดีล่ะคาวี”คนวางตัวไม่ถูกเผลอเข้าเกาะแขนคนข้างตัวเพื่อขอความเห็นด้วยเพราะคิดว่าคนๆนี้คงเจนสถานการณ์และสถานที่แบบนี้มากกว่าตน
“ไม่รู้เขามากับใครนะ ทำไมถึงปล่อยให้เมาได้ขนาดนี้”คาวีเอ่ยออกมา ก่อนจะพาร่างคนเกาะแขนเซจนพลาดท่าล้มลงเมื่อพาสุห์ตรงเข้าผลักอกเสียดื้อๆ หลายโต๊ะหลายคนลุกฮือเมื่อเห็นเหตุการณ์รวมทั้งกลุ่มคนที่มากับคนทั้งสามด้วย
“ทำบ้าอะไรวะพาสุห์”เสียงวิวรรธน์ดังแหวกผู้คนมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าตัวจะเข้าฉุดรั้งเพื่อนเอาไว้เมื่อเห็นท่าว่าเจ้าตัวจะโผเข้าใส่คาวีอีกรอบ
“คาวี ภีม เป็นอะไรหรือเปล่า”โอเล่เข้าไปช่วยพยุงคนสองคนที่กำลังยันกายลุกขึ้น คาวีลอบมองพาสุห์ตาวาวส่วนภิธารนั้นทั้งเจ็บทั้งอาย ไม่รู้ว่าพาสุห์ทำไมถึงบ้าได้ขนาดนี้ ในอีกมุมหนึ่งของเหตุการณ์นิพิธเองได้แอบลอบมองอยู่ห่างๆ เด็กหนุ่มไม่อยากเป็นเป้าสายตาใครจึงไม่แสดงตนออกไปให้ใครเห็นว่าตนเป็นคนมากับคนกำลังอาละวาดนั่น
“พาสุห์นี่มึงเมาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”วิวรรธน์ออกแรงดึงรั้งคนในอ้อมแขนเมื่อเห็นเจ้าตัวจะแผลงฤทธิ์ตรงเข้าใส่สองคนที่ยืนมองอยู่ท่าเดียว
“กูจะเอาภีมกลับมาปล่อยกู ปล่อยกู”คนแผลงฤทธิ์โวยวายอย่างไม่มีสติ ก่อนจะสะบัดคนฉุดรั้งให้หลุดจากตัวแล้วโผจะเข้าไปเล่นงานคาวีกับภิธารที่ถอยกรูดออกไป โอเล่เมื่อเห็นเหตุการณ์ท่าจะบานปลายเลยฮึดเข้าขวางทางเพื่อนชาย ด้วยเพราะคิดว่าเพื่อนจะมีสตินึกเกรงต่อใบหน้าตัวเอง แต่เปล่าเลย สาวเจ้าคิดผิดถนัดเมื่อร่างทั้งร่างตนถูกจับเหวี่ยงให้พ้นทางจนถลาล้มไปไม่เป็นท่า ภิธารมองเห็นแบบนั้นก็ตกใจจนเผลอยกมือฟาดใส่ใบหน้าคนเหวี่ยงเพื่อนสาวที่โผเข้าไปจนถึงตนดังเพี๊ยะ ท่ามกลางเสียงฮือของหลายๆคนรวมทั้งคาวีที่อึ้งปนสะใจ แต่แล้วสิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดให้เห็นตำตาจนได้อึ้งอีกรอบ นั่นคือพาสุห์ได้ตบหน้าภิธารสวนกลับสุดแรงเช่นกัน
โอเล่และวิวรรธน์อ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพที่ภิธารหน้าหันสะบัดไปตามแรงตบนั่น สองคนไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าดึงร่างคนต้นเหตุแล้วลากไปข้างนอก
“ภีม ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ ภีม คุณต้องฟังผมนะ คุณต้องเชื่อผม”คนถูกลากตัวโวยวายลั่นแต่คนที่โดนกระทำจนหน้าชากลับยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะเดินก้มหน้าแหวกฝูงชนไปทางห้องน้ำ อีกคนที่ยืนข้างๆไม่คิดที่จะตามไปเพราะไม่ได้ห่วงใยจริงๆจังๆ และคนที่ลอบมองสถานการณ์ห่างๆก็ได้ส่ายหัวเอือมระอากับพฤติกรรมที่เห็นนั่น

ในห้องน้ำ ภิธารหลบตัวเองไปนั่งขุดคู้ให้น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างคนสับสนและกดดัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แม้จะสรุปไม่ได้ว่าใครถูกใครผิด แต่เด็กหนุ่มก็แอบผิดหวังและเสียใจเล็กๆกับการถูกพาสุห์ทำร้ายด้วยการกระทำที่โจ่งแจ้งชัดเจน

ข้างฝ่ายพาสุห์ก็อาละวาดหนักขึ้นเรื่อยๆระหว่างที่โดนลากตัวออกมาจากร้าน จนเป็นที่เอือมระอาของคนสองคนที่ช่วยกันลากออกมา
“วรรธน์แกทำไงก็ได้ให้มันสิ้นฤทธิ์ที ฉันล่ะเบื่อมันจริงๆ”โอเล่เอ่ยออกมาเมื่อเริ่มเหนื่อยกับการฉุดกระชากลากถูวิวรรธน์มองหน้าเพื่อนสาวพยักหน้าหน่อยๆก่อนจะตัดสินใจยกมือขึ้นทุบที่ท้ายทอยคนแผลงฤทธิ์จนสลบไป
“เดี๋ยวฉันจะขับรถไปส่งมันที่บ้าน แกกลับไปดูภีมไป ป่านนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้”เด็กหนุ่มเอ่ยบอกเมื่อทุกอย่างดูสงบลง โอเล่พยักหน้ารับคำก่อนจะส่งต่อหน้าที่วุ่นวายนี้ให้เพื่อนส่วนตนก็ปลีกตัวกลับเข้าไปในร้านใหม่ ระหว่างทางที่เดินกลับเข้าไปนั้นก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคาวีเดินจูงมือภิธารออกมาแล้ว
“ว่าจะพาภีมเขากลับแล้วล่ะ ท่าทางเขาดูแย่ๆ”คาวีเป็นคนเอ่ยบอก คนถูกจูงมือเอาแต่ก้มหน้านิ่งเพื่อนรอยร้าวในแววตาไม่ให้อีกฝ่ายเห็น
“อืม งั้นฝากด้วยละกันนะ พาสุห์มันมาทำบรรยากาศเสียหมด”โอเล่เอ่ยบอกพลางถอนหายใจ คาวีที่ยืนมองอยู่ลอบยิ้มที่นับวันตนยิ่งทำให้พาสุห์เป็นคนน่ารังเกียจขึ้นได้เรื่อยๆ
“งั้นขอตัวนะ”เด็กหนุ่มบอกลาคนที่กำลังนึกระอาเพื่อนเก่า ก่อนจะจูงมือคนอ่อนไหวไปยังรถตัวเอง
“เห็นหรือยังครับว่าเขาไม่ได้แคร์ภีมแล้ว”เจ้าของรถเอ่ยบอกเมื่อจูงมือเหยื่อมาถึงที่หมายแล้ว
“ครับ ผมรู้แล้ว”ภิธารบอกออกมาอย่างเลื่อนลอยเหมือนคนที่กำลังสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ฝ่ายที่ยืนฟังถือจังหวะนั้นรวบตัวเจ้าตัวเข้ามากอดอย่างหลวมๆ ซึ่งก็ไม่ได้โดนขัดขืนแต่อย่างใด วิวรรธน์วนรถของพาสุห์มาถึงตรงนั้นพอดี เด็กหนุ่มชะงักหน่อยๆที่เห็นคาวีกำลังก้มลงคล้ายจะประกบจูบภิธารที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ขยับ เด็กหนุ่มตัดสินใจบีบแตรดังไล่ให้สองคนผงะออกจากกัน ไม่รู้สิ แม้จะรู้สึกเข้าข้างคาวีเพียงไร แต่มาเห็นเจ้าตัวทำอะไรตำตาแบบนี้ในที่สาธารณะมันก็อดไม่ได้ที่จะขวาง
คาวีถอยร่างตัวเองออกมาจากภิธารหน่อยๆเมื่อได้ยินเสียงแตรรถ เด็กหนุ่มฉุนหน่อยๆที่โดนขัดจังหวะอีกครั้ง ทั้งๆที่ครั้งนี้เขาน่าจะพิชิตรักคนตรงหน้าได้ง่ายดาย ภายในรถวิวรรธน์ชะลอความเร็วแล้วเลื่อนกระจกร้องทักคนทั้งสองแก้เก้อ โดยไม่รู้ว่าคนที่ตนคิดว่าสลบไปแล้วได้งัวเงียขึ้นมาเห็นและได้ยินสิ่งที่ตนเอ่ย
“จะทำอะไรกันก็ไปถึงห้องก่อนดีมั๊ยพวก นี่มันที่สาธารณะนะ”
“โทษทีว่ะ ก็ภีมเขาน่ารักนี่เลยอดใจไม่ไหว”คาวีโต้กลับ พลางกระชับร่างคนน่ารักเข้ามากอดใหม่ วิวรรธน์เป็นฝ่ายอายที่จะมองจึงส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะเลื่อนกระจกปิดดังเดิมแล้วขับรถออกไป เด็กหนุ่มมาสะดุ้งตัวเย็นหน่อยๆเมื่อตอนรถกำลังจะเคลื่อนออกสู่ถนนใหญ่ ด้วยคำพูดของคนที่เพิ่งตื่นจากอาการหลับใหลนั่นเอง
“ภีมเขาทิ้งกูจริงๆแล้วใช่มั๊ยไอ้วรรธน์”ไฟถนนและจากหน้ารถคันที่แล่นสวนผ่าน สาดเข้ามาให้เห็นชัดเจนถึงน้ำในตาของคนพูดที่เอ่อซึมออกมาก่อนจะไหลเป็นทางทำเอาคนมองเห็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสมเพชใจ
“ผมมันไม่ดี ผมมันเลว ภีม ผมขอโทษ”คนน้ำตาไหลเอ่ยออกมาอีกคล้ายรำพัน ก่อนจะสะอื้นจนตัวโยนให้กับภาพที่เห็นผ่านตาเมื่อครู่

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
วิวรรธน์เห็นอาการพาสุห์แย่ลงเรื่อยๆแทนที่จะไปส่งภิธารที่ห้องอย่างที่บอกเด็กหนุ่มกลับเปลี่ยนใจขอร้องเจ้าตัวว่าให้ไปที่ห้องตนเพื่อช่วยดูแลคนอาการแย่ด้วยอีกแรง
“ทำไมเขาต้องดื่มขนาดนี้ด้วย”คนถูกขอร้องเปรยออกมาเบาๆแต่อีกคนที่เผลอได้ยินก็ตอบขึ้น
“มันคงมีเรื่องให้คิดหลายอย่างแหละ”พูดจบอารมณ์เป็นห่วงเพื่อนก็แล่นเข้ามาแทนที่อคติที่เคยก่อตัวขึ้นก่อนหน้า
การพูดคุยเงียบลงไปหลังจากนั้น เมื่อต่างฝ่ายต่างนั่งจมกับความคิดของตัวเองถึงคนที่กำลังหลับไม่รู้เรื่อง วิวรรธน์นึกตำหนิตัวเองที่เคยเล่นแง่จนลืมความเป็นเพื่อนไปชั่ววูบ ส่วนภิธารก็แอบคิดไปว่าเป็นเพราะอะไรหัวใจตัวเองถึงได้พัวพันอยู่กับคนๆนี้ไม่จบไม่สิ้น ทั้งๆที่มันน่าจะจบลงตั้งแต่โดนบอกเลิกแล้ว
วิวรรธน์นำรถเข้าจอดที่หน้าบ้านเสร็จ คนที่นั่งมาด้วยก็รู้หน้าที่ตัวเองดีว่าคงต้องช่วยเจ้าของบ้านพยุงคนหลับไม่รู้เรื่องเข้าไปนอนพักภายในบ้าน สองคนหิ้วปีกคนตัวใหญ่ให้ไปนอนพักชั่วคราวตรงโซฟาในห้องรับแขกอย่างยากลำบาก
“เอามันไว้ตรงนี้ก่อนแหละภีม เดี๋ยววรรธน์ไปหาน้ำมาให้เช็ดตัวมันก่อน”วิวรรธ์เอ่ยบอกแล้วเดินหายลับไป หน้าที่ต่อไปจึงตกเป็นของภิธาร เด็กหนุ่มทรุดตัวนั่งลงบ้างเมื่อรู้สึกเหนื่อยหน่อยๆกับภารกิจเมื่อครู่
พาสุห์กระสับกระส่ายดิ้นไปมาคล้ายจะตื่น คนที่นั่งมองอยู่เกิดอาการตัวเย็นไปนิด เผลอคิดไปว่าจะตีสีหน้ายังไงที่สุดท้ายตัวเองก็ต้องมาเผชิญหน้ากับเจ้าตัวแบบนี้ คนดิ้นกายผล็อยหลับลงไปดังเดิมเมื่อเวลาผ่านไปซักพัก คนตัวเย็นค่อยๆผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเวลาทำใจที่จะเผชิญหน้าได้ยืดเพิ่มมากขึ้น
“ทำไมวรรธน์ไปนานจัง”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเวลาผ่านไปหลายทีแต่คนที่ออกตัวว่าจะเอาน้ำยังไม่กลับมาซักที เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าที่ฝ่ายนั้นหายไปนานเพราะเจ้าตัวมัวแต่คุยกับเพื่อนสาวที่โทรเข้ามารายงานว่าเห็นคาวีพาเด็กหนุ่มบางคนขึ้นรถขับออกไปกันสองต่อสอง
“ภีมเอ้ย จะเจออะไรแปลกๆอีกหรือเปล่าเนี่ย”วิวรรธน์เอ่ยออกมาอย่างคนหนักใจหลังจากวางสายจากการพูดคุยกับโอเล่ เด็กหนุ่มคิดตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาวก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างคนปลงใจ โอเล่บอกว่าเด็กหนุ่มที่ไปกับคาวีนั่นท่าทางเหมือนกับเป็นคนๆเดียวกับที่พาสุห์เคยประกาศคบด้วยตอนที่พวกตนไปเยี่ยมภิธารที่โรงพยาบาล

ทางด้านภิธาร เมื่อเห็นวิวรรธน์หายไปนานจึงหันมามองสำรวจร่างพาสุห์อีกรอบ เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจเบาๆเมื่อเห็นอาการเจ้าตัวยังหลับไม่รู้เรื่อง สายตาที่มองไล่ตั้งแต่ดวงหน้ามาจนถึงร่างกายด้านล่างพลันต้องสะดุดเข้าที่ปลายเท้า เมื่อมองเห็นว่าที่เท้าสองข้างนั่นยังคงสวมรองเท้าผ้าใบค้างอยู่ เจ้าของสายตาฮึดใจอีกเฮือกหนึ่งก่อนค่อยๆลุกเดินมานั่งคุกเข่าที่ปลายเท้าของคนนอนหลับ มือเรียวสองข้างยกขึ้นบรรจงปลดปลายเชือกรองเท้าทีละข้างก่อนจะค่อยๆถอดมันออกอย่างเบามือ มีบ้างที่เผลอสะดุ้งเมื่อเห็นเจ้าของรองเท้าพลิกกายงัวเงียนิดๆ แต่แล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างที่หวาดๆ อีกภายในมุมหนึ่ง วิวรรธน์พลันต้องชะงักเท้าหยุดเดินเมื่อมองเห็นว่าคนที่ตัวเองได้ขอร้องให้มาช่วยดูแลเพื่อนกำลังทำหน้าที่เป็นคนถอดรองเท้าให้เพื่อนตนเงียบๆ เด็กหนุ่มเกิดใจสะท้านอย่างประหลาดเมื่อหวนนึกถึงตอนที่เพื่อนตัวดีเคยก่นด่าคนๆนี้สารพัดที่เจ้าตัวไม่เคยได้ยิน ถ้าทำได้นะเขาก็อยากที่จะเอาน้ำในอ่างเล็กๆที่ถือติดมือมาสาดเข้าที่หน้าไอ้เพื่อนปากร้ายนั่นนักว่าให้ตื่นขึ้นมาเห็นว่าคนที่มันเคยก่นด่าได้ปฏิบัติตัวยังไงกับมัน แต่ก็นั่นแหละ นั่นมันเป็นเพียงแค่ความคิด คนหลายคนทำดีคงไม่เคยหวังสิ่งตอบแทน ภิธารเองก็คงจะเป็นแบบนั้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนๆนี้ปิดทองหลังพระให้เขาเห็น คนดีๆแบบนี้คงมีซักวันแหละที่จะสมหวังในสิ่งที่เชื่อซักครั้ง
ถุงเท้าข้างสุดท้ายของพาสุห์ถูกภิธารวางเอาไว้รวมกับรองเท้าที่เพิ่งถอดเสร็จไปก่อนหน้า เด็กหนุ่มกำลังจะหยิบของสองสิ่งเพื่อไปเก็บให้เข้าที่ แต่แล้วสิ่งที่หูสองข้างได้ยินก็พลันทำให้กิจนั้นต้องชะงักเอาไว้
“พิธ พิธ ช่วยผมด้วย พิธ พิธ”พาสุห์นั่นเองที่เป็นคนเอ่ยออกมาให้ได้ยิน คนได้ยินใจกระตุกวูบขึ้นมาอย่างเจ็บปวดนิดๆ พาสุห์กำลังละเมอถึงคนๆหนึ่งที่เคยโทรอ้างตัวว่าเป็นคนรักใหม่ของเจ้าตัว....ไม่ภีม นายต้องไม่เป็นอะไร นายรู้เรื่องนี้มาก่อนหน้านี่แล้ว นายต้องไม่เป็นอะไร นายต้องไม่เป็นอะไร...เด็กหนุ่มข่มอารมณ์บอกตัวเองในใจ นายมาที่นี่เพื่อดูแลคนๆนี้ตามที่เพื่อนเขาขอร้องไม่ใช่เพราะเต็มใจที่จะอยากมา คิดแบบนี้สิหัวใจ นายจะได้ไม่เจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน ประโยคพร่ำเพ้อฟุ้งซ่านเอ่ยผ่านในใจใหม่อีกรอบ แต่นั่นมันก็ไม่เป็นผลดีอะไรนัก เมื่อคนที่ละเมอยังไม่ยอมหยุดเรียกชื่อบาดใจนั่นอีก
“พิธ พิธ คุณอยู่ไหนพิธ คุณช่วยผมทีนะ ช่วยผมที”
“วรรธน์ ภีมขอโทษ ภีมคงดูแลเขาไม่ได้มากกว่านี้”คนนั่งข่มใจเอ่ยออกมาเสียงสั่นเบาๆกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่บางสิ่งบางอย่างให้พ้นขอบตา มันคือน้ำใสๆที่ทำท่าว่าจะไหลอีกครั้ง
“เฮ้ย พาสุห์ มึงเพ้อถึงใครวะ”วิวรรธน์ที่มองเหตุการณ์อยู่ห่างๆเกิดอาการตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน อารมณ์อบอุ่นในใจเกิดขึ้นเงียบๆตอนเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าหายเป็นปลิดทิ้ง เด็กหนุ่มวางภาชนะในมือไว้บนโต๊ะใกล้ๆก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งออกไปรั้งแขนภิธารที่ทำเหมือนจะผละตัวออกไปจากบ้านตน
“ภีม ภีมจะไปไหนน่ะ”เจ้าของบ้านเอ่ยถามสีหน้าวิตกหน่อยๆ เมื่อเห็นรอยแดงช้ำชัดเจนจากคนที่กำลังจะผละออกไป
“วรรธน์ ภีมขอโทษ ภีมยังไม่เข้มแข็งพอ ดูแลเขาด้วยนะ”คนถูกรั้งแขนจำใจเอ่ยปากบอกแม้จะยังบังคับเสียงไม่ให้เลิกสั่นไม่ได้
“ไม่เอานะภีม อย่าคิดมาก”วิวรรธน์เอ่ยปลอบใจ ไม่ได้นึกโทษเลยว่าคนตรงหน้าอ่อนแอง่ายดายกับสิ่งกระทบ ตรงกันข้ามในใจเด็กหนุ่มตอนนี้กลับนึกเห็นใจเจ้าตัวอย่างสุดล้น ก็นี่ไม่ใช่หนแรกนี่นาที่เจ้าตัวเจออะไรที่กระทบความรู้สึกจังๆแบบนี้
“วรรธน์ขอโทษ วรรธน์ไม่น่าให้ภีมมาด้วยเลย”คนรู้สึกเห็นใจเอ่ยต่อ และยิ่งรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีกเมื่อฝ่ายที่ได้ยินพยามยามฝืนยิ้มให้ตนแล้วเอ่ยอย่างคนที่ไม่อยากเป็นภาระให้ใครต้องไม่สบายใจ
“วรรธน์ไม่ผิดหรอกสบายใจเถอะ ภีมคงไม่เป็นอะไรมากกว่านี้หรอก ขอโทษนะที่ภีมไม่ได้อยู่ช่วยดูแลเขา”พุดจบคนฝืนยิ้มก็รีบหมุนตัวเดินหนีออกจากตัวบ้าน เจ้าของบ้านหันมามองคนต้นเหตุที่ทำให้เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาอีก
“กูไม่น่าสนใจมึงอีกเลยให้ตายเถอะไอ้ตัวดี”เด็กหนุ่มบ่นให้เพื่อนก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามคนที่เดินหนีไปเพื่อบอกจะไปส่งเจ้าตัวที่หอเอง
ลับหลังคนสองคน คนต้นเหตุที่ทำให้เหตุการณ์วุ่นวายก็ได้เอ่ยละเมอขึ้นมาอีกครั้ง แต่เสียดายที่ครั้งนี้สองคนที่เพิ่งออกไปไม่มีทางได้ยินว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่คนละเมอ ละเมอต่อจากการเรียกชื่อนิพิธคือ……..???
.
.
.
ติดตามตอนอวสานได้ในวันที่ 19 นี้ครับ

ขอบคุณครับ

Boy

summmer snow

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์พาสุห์นะ

ออฟไลน์ G_wa

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1961/-23
    • https://www.facebook.com/Gwa.Novel/
มาก่อนไมได้เหรอ แต่...ยังไงก็รอนะคะ
 :m1: :m1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
 :m15: แล้วจะจบยังไงเนี่ย  :m15:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เฮ้อ

อึดอัดจางงงงง









ลป.

จะจบแล้วเหรอ

ยังไม่จุใจเลยอะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ

 :oni1: :oni1: :oni1:

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรวดเดียวจบ... บีบหัวใจเหลือเกิน  :m15:

จะจบยังไงเนี่ย  o12

DekDoy

  • บุคคลทั่วไป
 :serius2:

จะจบซะละ

กำลังมันส์

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
นับถอยหลัง รอวันที่ 19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Lonely Love หัวใจขอมีรัก แค่สักครั้ง
« ตอบ #229 เมื่อ: 17-02-2008 18:28:35 »





Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ในมุมหนึ่งของห้องที่มืดสลัว นิพิธนั่งสะอื้นกอดร่างอันบอบช้ำของตัวเองอย่างคนเลื่อนลอย คาวีโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างที่เอ่ยคาดโทษเอาไว้จริงๆ น้ำในตาไหลพรากออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อเด็กหนุ่มหวนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่เพิ่งผ่านไปได้ซักชั่วโมง
คาวีขับรถพาเขามาทิ้งไว้ที่ห้องอับๆนี่ ที่ซึ่งคนพามาไม่ต้องเอ่ยบอกเขาก็รู้ว่ามันเป็นห้องแอบมั่วสุมของพวกที่เคยบุกไปทำร้ายเขาที่ห้อง คาวีพาเขามาที่นี่ทำไม เด็กหนุ่มเดาออกตั้งแต่วินาทีแรกที่เท้าแตะพื้นจากการถูกกระชากลากถู และมันก็เป็นจริงดังคาด เมื่อในอีกไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากนั้น ชายหนุ่มกำยำสามสี่คนก็ตามมาสมทบและลงมือกระทำการอย่างที่เคยทำกับเขาตามคำสั่งของคนพามา พวกมันคงจะรุมซ้อมเขามากกว่านี้ถ้าเพียงว่าเขาไม่แกล้งทำเป็นสลบเหมือดคาที่ แม้ตาจะหลับและแกล้งหายใจรวยริน แต่หูสองหูก็ได้ยินชัดเจนถึงประโยคสุดท้ายที่คนสั่งการเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อนจากไปว่า
“ถ้ามันฟื้นแล้วโวยวายนะ พวกแกก็จัดการมันได้เลย อยากแส่ดีนัก ส่วนฉันจะไปจัดการไอ้นั้นหน่อย หมั่นไส้มันมานานแล้ว”

“คาวี ฉันจะไม่ปิดหางแกอีกต่อไปแล้ว”เสียงแหบพร่าดังลอดออกมาจากปากคนคิดย้อนเหตุการณ์ โทรศัพท์มือถือที่ยังพกติดตัวไว้อยู่ถูกหยิบออกมาใช้งาน เปล่าหรอก เด็กหนุ่มไม่ได้คิดที่จะโทรแจ้งความหรือโทรขอความช่วยเหลือจากใคร ไอ้คนที่มันสั่งลิ่วล้อทำร้ายเขามันเป็นลูกใคร และมีอำนาจเพียงใด ข้อนี้เขารู้แจ่มแจ้งจนถอดใจที่จะทำอย่างนั้น ใครคนหนึ่งที่ซึ่งอาจจะเป็นเหยื่อรายต่อไปจากเขาต่างหากล่ะที่เขาจะโทรเตือนเพื่อให้เจ้าตัวได้รับรู้ถึงพฤติกรรมป่าเถื่อนก่อนที่จะเจอกับตัวเอง
.
.
ภิธารสะดุ้งหน่อยๆเมื่อเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้นขณะที่นั่งรถคู่มากับวิวรรธน์
“ไม่รับล่ะภีม”วิวรรธน์เอ่ยถามเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์นั่นดังนานอยู่เกือบนาทีทั้งๆที่เจ้าของเครื่องหยิบมันขึ้นมาดูแล้ว แต่แปลกที่เจ้าตัวไม่ยอมรับสาย
“เขาคงโทรผิดเบอร์มั้ง ภีมไม่คุ้นเบอร์เลย”คนถูกถามเอ่ยโกหกออกไป เบอร์ที่โทรเข้ามามันคุ้นซะยิ่งกว่าคุ้นซะอีก เพราะด้วยปรกติตนก็ไม่ค่อยมีใครที่จะโทรหาซักเท่าไหร่ เบอร์ที่โทรเข้ามานี่จึงคุ้นและรู้ดีว่าเป็นเบอร์ของนิพิธ
.
.
.
.
ในมุมมืดของห้องอับๆห้องเดิม นิพิธรู้สึกหงุดหงิดอยู่หน่อยๆที่โทรศัพท์ตนถูกตัดสัญญาณอัตโนมัติจากระบบ มีเหตุผลร้อยแปดที่คนปลายสายคงไม่อาจรับสายตนได้ แต่เด็กหนุ่มไม่อยากค้นหามัน นาทีนี้ ภิธารควรจะได้รับรู้ถึงธาตุแท้ของคนสารเลวอย่างนายคาวีนั่นเท่านั้น
.
.
.
.
“โทรกระหน่ำขนาดนี้ คงไม่ใช่โทรผิดเบอร์แล้วมั้งภีม”วิวรรธน์เอ่ยขึ้นเมื่อนั่งสังเกตเห็นว่าคนข้างตัวนั่งเฉยชาไม่สนที่จะรับสายโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาเรื่อยๆนาทีต่อนาทีหลังจากที่ระบบตัดสายทิ้งไปให้หลายครั้ง
“โทษที ภีมลืมไปว่าไม่ได้อยู่คนเดียว”คนถูกทักรู้สึกผิดด้วยคิดไปว่าฝ่ายที่ทักคงเริ่มรำคาญเสียงโทรศัพท์ที่ดังกระหน่ำมาต่อเนื่อง ทำไงได้จิตใจตอนนี้ไม่อยากที่จะรับรู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับคนสองคนนั่นอีกแล้วไม่ว่าจะนิพิธ หรือพาสุห์
“เฮ้ย วรรธน์ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นนะ”วิวรรธน์รีบออกตัวเมื่อเริ่มจะคิดทันความคิดอีกฝ่าย แต่คำออกตัวนั่นก็ไม่เป็นผลอันใด เมื่อฝ่ายนั้นตัดสินใจปิดเครื่องโทรศัพท์ทันที
.
.
.
.
“เฮ้ย อะไรกันเนี่ย”นิพิธเอ่ยออกมาอย่างตกใจเมื่อสัญชาตญาณบอกให้รับรู้ว่าคนปลายสายปิดสัญญาณโทรศัพท์ทิ้งไป เด็กหนุ่มนั่งเอาหลังพิงผนังห้องอย่างหมดแรง
“ภีม ขอให้นายอย่าโชคร้ายอย่างฉันก็แล้วกัน”เด็กหนุ่มเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะปล่อยให้ร่างกายผล็อยหลับไปอย่างคนอ่อนแรง
.
.
.
.
.
ทางด้านพาสุห์ เด็กหนุ่มสะดุ้งลุกนั่งทันควันหลังจากงัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหญิงสูงวัยกำลังนั่งมองตนอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม
“คุณแม่ สวัสดีครับ”เด็กหนุ่มเอ่ยทักพลางยกมือขึ้นไหว้ เมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าหญิงสูงวัยนั้นเป็นแม่ของเพื่อนชายตน
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ ไปเลี้ยงฉลองอะไรกันมาหรือ แล้วนี่ตาวรรธน์ไปไหนซะล่ะ”หญิงสูงวัยเอ่ยทักกลับหลังรับไหว้เสร็จ จากคำถามที่ได้ยินทำเอาพาสุห์นึกทบทวนเหตุการณ์ พอจำได้รางๆว่าลูกชายของคนตรงหน้าเป็นคนนำพาตนมาที่นี่ จึงขออนุญาตเจ้าของบ้านเลี่ยงตัวออกไปโทรศัพท์ด้านนอก

“เฮ้ยไอ้วรรธน์ มึงอยู่ไหนวะ แล้วรถกูล่ะ”เด็กหนุ่มเอ่ยทักไปเมื่อฝ่ายที่ตนโทรหากดรับสัญญาณตนแล้ว
“ออกมาหาซื้ออะไรกินหน่อย กำลังจะเข้าไปแล้ว รถมึงน่ะกูขับมาเอง แล้วนี่มึงรู้สึกตัวแล้วเหรอ”วิวรรธน์เอ่ยปด กลับ ที่ต้องทำแบบนั้นเพราะคนที่ตนเพิ่งส่งถึงหอพักขอร้องเอาไว้ว่าอย่าบอกคนที่โทรเข้ามาว่าตนมากับเขาด้วยตอนมาส่งเจ้าตัว
“อืม ก็เพิ่งตื่น ยังเวียนหัวอยู่นิดหน่อย เจอแม่มึงด้วย ดูท่านเคร่งหน่อยๆว่ะ กูจะทำมึงลำบากหรือเปล่าวะ”
“ไม่หรอก กูอธิบายได้ละกัน ว่าแต่มึงเหอะจะเอาอะไรมั๊ยเดี๋ยวกูแวะซื้อให้”
“ไม่ล่ะ ขอบใจว่ะ มึงรีบมาเหอะ”
“เออ ไว้เจอกัน”

สองหนุ่มวางสายจากกันไป คนที่ขับรถเข้าบ้านถอนหายใจหน่อยๆ ด้วยไม่รู้จะเอายังไงกับเพื่อนดี ใจหนึ่งกะว่าจะจัดการซักหน่อยจากการที่มันเพ้ออะไรไม่รู้จนเสียเรื่อง แต่อีกใจก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดให้คนที่เจ็บช้ำมาตลอดอย่างคนที่ตนเพิ่งไปส่งต้องปวดหัวอีก ส่วนทางด้านคนที่รออยู่ที่บ้านที่เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้เดินเท้าเปลือยอยู่ เด็กหนุ่มก้มลงมองที่เท้าตัวเองนิดๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้านแล้วนั่งลงอย่างนอบน้อมตรงหน้าเจ้าของบ้านเอ่ยถาม
“แม่เห็นตอนไอ้วรรธน์พาผมมาที่นี่หรือเปล่าครับ”
“เปล่าจ๊ะไม่เจอ แม่ลงมาก็เห็นเรานอนละเมอเพ้อพกอะไรไปกันใหญ่แล้ว แล้วแม่ก็เพิ่งจะถามหาตาวรรธน์ไปนี่”หญิงเจ้าของบ้านตอบ คนได้คำตอบหน้าเจื่อนหน่อยๆ จริงสินะ เขานี่เบลอจนน่าอายจริงๆ แถมเผลอละเมอเรื่องน่าอายอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ เอ แล้วใครกันนะที่ถอดรองเท้าให้ตน วิวรรธน์เหรอ ไม่นะ เขารู้นิสัยเพื่อนดี เคยเมาหัวราน้ำไม่รู้เรื่องให้มันเห็นทีไร มันก็ไม่เคยที่จะใส่ใจเรื่องจุกจิกพวกนี้ซักทีนี่นา
“ตะกี้โทรหาตาวรรธน์หรือเปล่าล่ะ”เจ้าของบ้านเอ่ยถามใหม่ คนถูกถามตอบตามจริง อีกซักพักนึง คนที่กำลังถามถึงกันก็กลับเข้ามาสมทบ
“อ้าวแม่ ยังไม่นอนเหรอครับ”คนมาใหม่เอ่ยทักแม่ของตน ก่อนจะหน้าลีบลงนิดหน่อยเมื่อโดนตอกกลับ
“นอนจนตื่นมาแล้ว แล้วนี่ไปฉลองอะไรกันมาหรือเปล่า แล้วเราล่ะ เมามาแค่ไหน”
“เปล่าครับ วรรธน์ไม่ได้ดื่ม นี่ยังไม่เช้าเท่าไหร่เลย แม่ขึ้นไปนอนต่อเถอะนะ ผมขอพูดอะไรกับไอ้พาสุห์มันหน่อย”
“อืม แล้วก็อย่าลืมนอนบ้างล่ะ อย่ามัวแต่นั่งคุยกันจนถึงเช้า”
“ครับแม่ ฝันดีนะครับ”

หญิงสูงวัยเดินจากไปแล้ว นาทีต่อมา สองเพื่อนหนุ่มจึงหันมาสบตากันก่อนที่ฝ่ายที่ไม่เมาจะเอ่ยทัก
“ไง ซ่านักนะมึง ทำวีรกรรมอะไรไว้บ้างรู้ตัวหรือเปล่า”
“ทำอะไร กูไปทำอะไรวะ”คนเพิ่งสร่างเมาเอ่ยถาม ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยเสียงเศร้าใหม่เมื่อนึกย้อนเหตุการณ์ได้
“กูก็แค่อยากถอดหน้ากากไอ้คาวีออกให้ภีมเห็นก็แค่นั้น”
“โดยการอาละวาดเหมือนหมาบ้าเนี่ยนะ คิดได้ไงวะ”
“แล้วมึงจะให้กูทำไง ถ้าเกิดมึงเห็นว่าคนที่มึงห่วงมึงรักกำลังจะถูกหลอก มึงทนได้เหรอ”
“แล้วใครหลอกใคร เท่าที่ดูมาคาวีเขาก็ดีกับภีมมากกว่ามึงเป็นไหนๆ อย่าทำเป็นหมาหวงก้างหน่อยเลยมึงน่ะ”
“กูไม่ได้หวงก้าง แต่กูเคยบอกมึงแล้วไงว่าไอ้คาวีอะไรนั่นมันไม่มีทางจริงใจกับภีมเขาได้หรอก”
“มึงรู้ได้ไง”
“มึงจำนิพิธได้หรือเปล่าล่ะ”
“นิพิธไหน”
“คนที่กูเคยประกาศที่จะเอ่อ คบน่ะ”
“แล้วไง”
“เขาเป็นกิ๊กเก่าของไอ้คาวี แล้วเขาก็เล่าให้กูฟังหมดแล้วด้วยถึงพฤติกรรมป่าเถื่อนของไอ้คาวี มันลงไม้ลงมือกับใครได้เสมอถ้าเกิดทำอะไรขัดใจมันหรือมันนึกไม่ชอบหน้า พิธเขาก็โดนมาแล้ว มากด้วย กูเห็นกับตาเลยล่ะว่าไอ้คาวีส่งพวกไปรุมซ้อมเขาจริงๆ แล้วอย่างนี้มึงยังจะคิดว่าคนแบบนี้จะจริงใจกับภีมงั้นเหรอ โอเควันนี้มันอาจจะดีจะเอาใจภีมมากกว่ากู แต่วันหน้าล่ะ วันที่มันเบื่อภีมเขา มึงคิดมั๊ยว่ามันอาจจะทำอะไรบ้าๆป่าเถื่อนกับภีมได้ กูก็ยอมรับว่ากูไม่ใช่คนดีเด่อะไรนักหนา แต่มีซักครั้งมั๊ยล่ะที่กูคิดจะทำร้ายภีมเขาอย่างป่าเถื่อนรุนแรง แล้วตะกี้ที่กูลงมือกับเขาไปกูไม่ได้ตั้งใจ กูรู้กูผิด แต่นั่นกูว่ามันยังน้อยกว่าในวันข้างหน้าที่ภีมจะโดนนะ”พาสุห์เอ่ยเปิดใจอย่างยืดยาว ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างกลัดกลุ้ม ยิ่งวาดอนาคตว่าภิธารจะตกหลุมพรางคนเถื่อนๆอย่างคาวีง่ายๆเด็กหนุ่มก็ยิ่งคิดหนัก
“คาวีกับนิพิธเคยกิ๊กกันงั้นเหรอ”วิวรรธน์เอ่ยรำพันออกมาเบาๆ เด็กหนุ่มจับคำรายงานข่าวของโอเล่เมื่อซักหลายชั่วโมงที่ผ่านมาโยงเข้ากับคำบอกเล่าของคนตรงหน้าแล้วก็ตกใจและหนักใจไปด้วยอีกคน
“ถ้าทุกอย่างเป็นอย่างที่มึงเล่าจริงๆ เรื่องมันก็ชักแปลกๆแล้วว่ะ พาสุห์”เด็กหนุ่มเอ่ยบออกมาหลังจากที่พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้
“แปลกไงวะ”พาสุห์เงยหน้าขึ้นถาม ก่อนจะนั่งนิ่งตัวชาฟังสิ่งที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนในทุกเหตุการณ์ขณะที่ตนหลับไม่รู้เรื่อง รวมถึงเรื่องที่ภิธารตามมาดูแลเขาถึงที่นี่ก่อนจะร้องไห้กลับไปด้วยเจ็บแปลบกับคำละเมอบ้าบอของตน
“กูเนี่ยนะเพ้อถึงนิพิธ”คนรับรู้เรื่องราวโพล่งถามอย่างตกใจ มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะที่เขาจะเพ้อหาคนที่จิตใต้สำนึกไม่เคยนึกถึงเลย
“ก็เออน่ะสิ กูเองก็ได้ยินอย่างที่ภีมเขาได้ยิน กูล่ะงงกะมึงจริงๆ ปากบอกสำนึกผิด ห่วงภีมอย่างนั้น รักภีมอย่างนี้ แต่ตอนเมาละเมอกับไปเรียกชื่อกิ๊กใหม่ตัวเอง”วิวรรธน์ว่าเข้าให้อย่างนึกเคืองใจหน่อยๆ
“มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นไอ้วรรธน์ กูไม่เชื่อว่ากูจะเพ้อถึงพิธ”พาสุห์อธิบาย
“มีอะไรมากกว่านั้นล่ะ ถ้ามีก็โน่น ตามไปอธิบายให้ภีมเขาฟังเองละกัน บอกกูก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
“กูอธิบายแน่ มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”


Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
เสียงเคาะประตูห้องในยามวิกาลดังต่อเนื่องจนน่าตกใจ การ์ดในมือถูกสอดเก็บไว้ในลิ้นชักดังเดิม ก่อนที่เด็กหนุ่มจะหันไปสนใจเสียงที่ว่านั่น
“ใครมา วิวรรธน์เหรอ”เสียงนั่นเอ่ยถามตัวเองก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจเดินไปส่องดูตาแมวที่ประตูนั่น ร่างบางผงะกลับมาเล็กน้อยเมื่อสายตามองเห็นว่าเป็นใครที่ยืนด้วยท่าทีเครียดๆอยู่ทางด้านนอก
“พาสุห์”ชื่อของฝ่ายนั้นถูกเอ่ยออกมาเบาๆ สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้คนเอ่ยเดินกลับไปที่ลิ้นชักที่เพิ่งสอดการ์ดใบหนึ่งลงไป กุญแจถูกค้นออกมาล็อคลิ้นชักนั่นทันที เสียงเคาะประตูดังมาให้ได้สะดุ้งอีก เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง ในขณะที่ลังเลว่าจะปิดรับคนที่ทำให้หัวใจเจ็บได้บ่อยๆดีหรือไม่พลันสายตาก็เหลือบเห็นอุปกรณ์สื่อสารของตนที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ เด็กหนุ่มเดินไปเอื้อมหยิบ จัดการใช้มันแทนการเปิดประตูเพื่อสื่อสารกับคนทางด้านนอก
“ภีม เปิดประตูให้ผมนะ ผมอยากคุยกับคุณ”พาสุห์เอ่ยออกไปทันทีเมื่อเห็นว่าคนในห้องที่ตนอยากที่จะเข้าไปเป็นฝ่ายติดต่อกลับออกมาหาตนโดยวิธีโทรศัพท์คุย
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนะครับพาสุห์ คุณกลับไปเถอะ อะไรที่มันแล้วๆให้มันแล้วๆไปเถอะนะ”คนในห้องข่มใจบอก แม้จะยังไม่รู้ว่าคนนอกห้องมาหาตนด้วยเรื่องใด แต่เชื่อเถอะ ฝ่ายนั้นคงไม่ได้มาทำให้หัวใจตนยิ้มได้อีกแล้วแน่ๆ
“ไม่นะภีม เรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีก เปิดประตูให้ผมเถอะผมขอร้อง”คนนอกห้องอ้อนวอน มาถึงตอนนี้เขาคงไม่รอที่จะยืมมือใครมาทำให้คนๆนี้ตาสว่างได้แล้ว
“ผมเหนื่อยแล้วพาสุห์ พอเถอะ คุณจะทำให้ผมสับสนแบบนี้ไปเพื่ออะไร”
“เปิดประตูให้ผมสิ แล้วคุณจะรู้ว่าที่ผมมานี่ ผมมาเพื่ออะไร”
“มันดึกมากแล้ว ผมอยากพักผ่อนแล้วครับ”
“ผมไม่เชื่อว่าคุณจะนอนหลับได้หรอกภีม เปิดประตูให้ผมนะ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะครับ”
“ไม่ว่าวันนี้คุณจะมาดีหรือมาร้าย ผมก็รับรู้อะไรอีกไม่ไหวแล้วพาสุห์ คุณกลับไปเถอะนะ อย่าให้เราต้องคาราคาซังกันต่อไปเลย”
“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ภีม ผมยอมทุกอย่างถ้าเพียงวันนี้ผมได้พูดในสิ่งที่ผมอยากที่จะพูดกับคุณ นะครับ ขอผมเข้าไปข้างในเถอะ”
นานกว่านาทีที่บทสนทนาจบลงแค่นั้น สองคนไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าและแววตาของกันและกัน คนในห้องถือถือโทรศัพท์แนบหูยืนมองประตูด้วยใบหน้าและแววตาที่แสนจะเจ็บปวด ในใจนึกคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับวิถีชีวิตตอนนี้ หลายๆคนที่ผ่านเข้ามาฝากรอยร้าวให้ได้เหงา เมื่อจบแล้วต่างคนก็ต่างไป แต่ทำไมกับคนที่อยู่อีกข้างของบานประตูนี้ถึงไม่เป็นเช่นนั้น จริงอยู่ที่ใจเจ้ากรรมยังลืมเจ้าตัวได้ไม่สนิท แต่นั่นก็ใช่ว่าข้างในจะยินดีที่เรื่องมันคาราคาซังแบบนี้ เพราะอะไร เพราะหัวใจมันล้าและกลัวเกินกว่าที่จะคิดไปได้ว่าตนเองมีค่าในสายตาใครแล้วนั่นเอง

“ภีม ภีม ภีม “คนด้านนอกร้องเอ่ยอย่างตกใจเมื่อในที่สุดเสียงสัญญาณโทรศัพท์ได้ขาดหายไปในขณะที่ตนกำลังจะเอ่ยอ้อนวอนเจ้าตัวเพื่อขอเข้าไปด้านในใหม่

เด็กหนุ่มค่อยๆทรุดนั่งลงพิงประตูห้องอย่างเหนื่อยล้า หลังจากที่การสื่อสารขาดหายผ่านไปแล้วหลายอึดใจแต่ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองกลับมาจากคนที่อยู่ภายในห้องนั้น
“ภีม ผมรู้ว่าผมผิด ผมรู้ว่าผมเคยเป็นคนไม่ดี ผมรู้ว่าผมเป็นฝ่ายบอกเลิกและล้อเล่นกับความรู้สึกคุณ แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าผมลืมคุณไม่ได้ ให้โอกาสผมเถอะภีม ผมขอร้อง ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว”คำพูดคล้ายรำพันดังออกมาจากปากคนอ่อนแรง นัยน์ตานั่นไหวระริกไปด้วยหยาดน้ำที่ดันขึ้นมาเอ่อล้นอย่างไม่รู้ตัว และก่อนที่มันจะไหลออกมาเพื่อประจานความรู้สึกภายใจเจ้าของนัยน์ตานั่นได้ก้มลงซบกับหัวเข่าตัวเอง แล้วปล่อยใจให้ลอยไปกับภาพเหตุการณ์ต่างๆที่แล่นเข้ามาให้ใจเจ็บแปลบอย่างสาสมกับแรงกดดันที่ซัดเข้าในใจเต็มขีด

“คุณชื่ออะไรนะครับ”
“เรียกภีมก็ได้ครับ”
“ครับ งั้นเรียกผมพาสุห์นะครับ อยู่คณะไหนครับเนี่ย ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย”
“xxxxxครับ”
“อ๋อครับ เสียดายจังนะครับที่เราไม่ได้ร่วมเล่นดนตรีด้วยกัน”
“ก็ทุกคนเก่งหมดเลยนี่ครับ ผมก็แค่มือสมัครเล่น”
“ไม่หรอกครับภีมก็เล่นเก่งออก ผมยังแอบเชียร์เลย”
“ขอบคุณครับ แต่ผมต้องขอตัวแล้วนะครับพอดีนัดเพื่อนไว้”
“อ๋อได้ครับ แต่ก่อนไปผมขอเบอร์หน่อยได้มั๊ยครับ เผื่อไว้คุยกัน นัดทานข้าวดูหนัง แบบนี้น่ะครับ”
.
.
.
.
.
“ภีมดูหนังกับผมนะครับ หนังรักด้วยนะ”
“พอดีผมต้องทำรายงานน่ะครับ อาจจะอยู่ที่คณะดึกหน่อย”
“ไม่เป็นไรนี่ครับ ผมรอได้ ผมเองก็กำลังซ้อมดนตรีเหมือนกัน”
“แล้วนี่แอบหนีมาโทรศัพท์เหรอครับเนี่ย ทำไมห้องซ้อมเงียบจัง”
“คุยกับคนพิเศษก็ต้องแอบซิครับ แต่เดี๋ยวผมต้องไปซ้อมต่อแล้วล่ะ ซ้อมเสร็จแล้วผมจะโทรหานะครับ อย่าเพิ่งหนีกลับก่อนล่ะ”
.
.
.
.
.
“เฮ้ย พาสุห์เมื่อวานไปดูหนังกะใครวะ”
“มึงเห็นกูเหรอไอ้วรรธน์”
“ทำไมจะไม่เห็น บังเอิญกูกับโอเล่ไปทำธุระแถวนั้นพอดี จริงป่ะโอเล่”
“ใช่ และฉันก็เห็นเต็มสองตาอย่างที่ไอ้วรรธน์เห็นด้วยว่าแกกับใครคนนั้นสวีทกันขนาดไหน คนนี้จริงใจด้วยหรือเปล่าวะ”
“ไม่รู้ว่ะ ยังตอบไม่ได้”
“เฮ้ย ท่าทางเขาก็ดูดีนี่หว่า กูว่ามึงน่ะหยุดเที่ยวแล้วก็หาคนคบเป็นตัวเป็นตนได้แล้ว”
“จริงของไอ้วรรธน์มัน ฉันเห็นด้วย”
“เออๆ แล้วกุจะเก็บไปคิดละกัน”
“เออ ให้มันได้งี้สิวะ เออว่าแต่คนนั้นเขาชื่ออะไรอ่ะ วันหลังพามาแนะนำบ้างสิ”
“ชื่อภิธาร ไว้กุจะพามาให้รู้จัก”
“ดีๆๆ ท่าทางน่ารัก ดูนิสัยดี คนนี้พวกกูกูเชียร์โว้ย”
“นี่อย่าบอกนะว่าพวกมึงแอบดูกูกะเขาจนจับพฤติกรรมได้”
“อ่ะ แน่นอน เผอิญนายภิธารอะไรนี่มันโดนตาพวกเราโว้ย ถ้าแกจะคบกับเขาจริงๆ ไม่ผิดพวก เชื่อตาพวกเรา”
“โธ่ เห็นแค่นั้นเชียร์กันซะใหญ่โต”
“มันแน่อยู่แล้ว คนจะถูกชะตากัน ไม่ต้องดูกันนานหรอก แล้ววันนี้นัดกะเขาอีกป่ะเนี่ย”
“ของมันแน่อย่าแล้ว งั้นกูไปล่ะ ไว้เจอกันพวก”
.
.
.
.
.
“เราเพิ่งรู้จักกัน อย่าเพิ่งเลยนะครับพาสุห์ ผมยังไม่พร้อม”
“เรื่องแบบนี้ทำไมต้องรอให้พร้อมด้วยล่ะครับ”
“เถอะนะครับ ผมยังไม่พร้อมจริงๆ”
“กลัวท้องหรือไงครับ”
“มันมันใช่แบบนั้นครับ แต่ผมไม่พร้อมจริงๆ”
“โอเค ไม่พร้อมก็ไม่พร้อม ผมไประบายเอากะคนอื่นก็ได้ มีแฟนก็เหมือนไม่มี เซ็งว่ะ”
“อย่าเพิ่งเบื่อผมนะพาสุห์ ให้เวลาผมอีกนิดนะครับ ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้เลย”
“ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ก็ตามใจผมบ้างสิครับ ผมรักคุณนะ ถ้าผมไม่รัก ผมก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอก”
“ผมรู้ครับ แต่ผมขอเวลาอีกนิดเดียวเท่านั้นเอง”
“อืม เอาไงก็เอา จะเดือนจะปีก็ตามใจละกัน วันนี้ก็กลับเองละกันนะ เหนื่อยขับรถไม่ไหว”
“ได้ครับ ผมกลับเองได้ คุณพักผ่อนเถอะ”
“อืม ถึงห้องแล้วก็ไม่ต้องโทรบอกก็ได้นะ ผมอาจจะปิดมือถือ”
“ครับ”
“อ้อ พวกเพื่อนผมมันอยากเจอคุณ วันไหนผมจะพาไปเจอพวกมัน ทำตัวเองให้ดูดีหน่อยละกัน ผมไม่อยากอายพวกมัน”
“ผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ก็ไม่หรอกแค่จืดชืดไปหน่อยแค่นั้นเอง”
“ครับ แล้วผมจะปรับปรุงตัวเอง”
“อืม งั้นก็กลับไปได้แล้วไป”
.
.
.
.
.
“ท่าทางเพื่อนผมชอบคุณกันใหญ่เลยนะ เล่นละครเก่งนี่”
“เล่นละครอะไรครับ”
“ก็ดูคุณใสซื่อซะจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนแบบนี้เหลืออยู่ในโลกน่ะสิ ทำอย่างกะรู้ว่าเพื่อนผมมันเบื่อพวกเจนโลกงั้นล่ะ ทำตัวซะถูกทางเชียว”
“ผมก็เป็นแบบนี้ของผมนี่ครับ มุกหรือเปล่าครับพาสุห์”
“ไร้สาระ ผมจะมาเล่นมุกกับคุณเพื่ออะไร แล้ววันนี้ว่าไง จะไปค้างกับผมได้หรือยัง”
“อืม ก็ได้ครับ”
“อย่างนี้สิค่อยน่ารักหน่อย”
.
.
.
.
.
“ซ้อมดนตรีเหรอครับ ดีเลยผมก็ต้องอยู่ทำรายงานเหมือนกัน รอผมด้วยนะผมอาจจะดึกกว่าพาสุห์นิดหน่อย”
“โอ้ย ไม่ได้หรอกครับ พอดีผมมีนัดทานข้าวกับเพื่อนในวงต่อน่ะ”
“เหรอครับ อืม อย่างนี้เราก็ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันอีกแล้วสิ”
“ก็คงงั้น ทานคนเดียวไปก่อนละกัน จริงๆคุณก็น่าจะเลิกซีเรียสกับเรื่องพวกนี้ได้แล้วนะ ไร้สาระ”
“ระ เรื่องอะไรครับ”
“ก็เรื่องจุกๆจิกๆน่าเบื่อทั่วไปแหละ คนเราจะคบกันยืดไม่จำเป็นต้องทำอะไรร่วมกันบ่อยๆหรอก มันน่าเบื่อ”
“คุณเบื่อแล้วเหรอครับ”
“ก็ไม่เชิง”
“แล้วผมต้องทำไง”
“ก็ไม่ต้องทำไง อยู่เฉยๆอย่างที่คุณเคยเป็นน่ะแหละ ผมต้องการผมก็จะเรียกร้องเอง แค่นี้นะ เพื่อนๆมากันแล้ว”

.
.
.
.
.
“มีคนบอกว่าเห็นคุณไปเที่ยวกลางคืนมาจริงหรือเปล่าครับพาสุห์”
“จริง ผมจะไปไหนมาไหน ไม่ได้เหรอครับ”
“แต่เรานัดกันแล้วนะว่าจะไปดูหนังด้วยกัน”
“ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่าให้เลิกซีเรียสกับเรื่องพวกนี้ ไร้สาระ”
“ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรนักหรอก ถ้าคุณจะโทรบอกผมบ้าง”
“อ๋อ พุดงี้แสดงว่าต่อไปนี้ผมจะทำอะไรคาดเคลื่อนจากตารางชีวิตที่คุณขีดไว้ผมต้องรายงานคุณงั้นสิ”
“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นนี่ครับ”
“ไม่ขนาดนั้นแล้วขนาดไหนล่ะ”
“ก็เพียงแค่ให้คุณใส่ใจเรื่องของเราหน่อยแค่นั้น”
“เรียกร้องเกินไปหรือเปล่าคุณ”
“มันเป็นสิ่งที่คุณสองคนที่จะคบกันควรทำไม่ใช่เหรอครับ”
“พูดดีนี่”
“แล้วคุณทำได้มั๊ย”
“ไม่รู้ ไม่รับปากละกัน ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้จะไปก็ไม่ว่ากัน”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะพาสุห์”
“ผมพูดเรื่องจริง อย่าทำตัวเป็นผู้หญิงหน่อยเลยภีม มันดูไม่ดีหรอก ปล่อยวางซะบ้างเถอะ เราไม่ใช่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันนะ”
.
.
.
.
.
“ทานไอศกรีม โอ้พระเจ้า คุณคิดได้ไงภีม”
“คุณไม่อยากทานเหรอ”
“คุณก็ผู้ชายผมก็ผู้ชาย จะชวนกันไปนั่งอีท่าไหนถึงจะไม่ตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้านเขาน่ะ”
“คุณกลัวแค่นี้เหรอครับ”
“ผมไม่ใช่คนไร้ญาติขาดมิตรอย่างคุณนี่ เกิดคนรู้จักผมมาเห็นว่าผมมานั่งทำคิกคุละเลียดไอศกรีมนั่น ผมไม่อายจนแทรกพื้นหนีเลยเหรอ”
“มันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดขนาดนั้นนี่ครับ”
“งั้นก็เชิญเข้าไปนั่งคนเดียวเถอะครับ”
“ถ้าคุณไม่เข้าก็ไม่เข้าครับ งั้นเราจะทานอะไรกันดี”
“ไม่ทาน พอแล้ว ต่างคนต่างกลับละกัน ผมเหนื่อย พรุ่งนี้มีสอบ”
“ดูเหมือนฝนจะตก ผมขอกลับด้วยนะ”
“แท็กซี่ไม่กี่บาทหรอกคุณถ้าเทียบกับค่าน้ำมันที่ผมจะต้องขับอ้อมฝ่ารถติดไปส่งคุณน่ะ”
.
.
.
.
.

“ขอโทษนะถ้าผมจะต้องพูดอะไรตรงๆกับคุณ คือผมไม่ได้อยากมีคนรักที่ทำตัวหวานแหววแบบนี้ การ์ดนี้คุณเก็บไว้ให้คนอื่นที่เขาอาจจะโรแมนติกกว่าผมเถอะนะ”
“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าคุณไม่ชอบ”
“อืม ช่างมันเถอะ นี่มันคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะที่เราจะขัดใจกันเรื่องนี้”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ผมว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้ไกลกว่านี้แล้วล่ะ เราเลิกกันเถอะนะ”


Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
“เราเลิกกันเถอะนะ”
“เราเลิกกันเถอะนะ”
“เราเลิกกันเถอะนะ”
“เราเลิกกันเถอะนะ”
“ไม่ ไม่ ภีม ผมไม่เลิก ผมไม่เลิก ผมไม่เลิก!!!!!” ร่างทั้งร่างสะดุ้งตื่นทันทีหลังจากที่ได้แผดเสียงร้องลั่นต่อต้านความฝันว่าได้ยินเสียงของคนที่ตนเคยทำร้ายจิตใจหลายครั้งหลายครามาพูดกรอกหูถึงประโยคที่ตนเคยพูด
“ภีม คุณยังไม่ใจอ่อนอีกเหรอครับ”เด็กหนุ่มปาดเหงื่อเพ้อออกมาเมื่อเห็นว่าที่ๆตนสะดุ้งตื่นยังเป็นที่ๆเดิม
ฟ้าใกล้สางแล้ว ประตูบานเดิมยังปิดเงียบอย่างที่เคยเป็น คนในห้องใจแข็งกว่าที่คิด เด็กหนุ่มยืนลูบหน้าไล่ความมึนง่วง หลายชั่วโมงแล้วที่เขาเฝ้ายืนมองประตูบานนี้อย่างคนมีความหวังว่าคนข้างในจะเปิดมันออกมาต้อนรับตนหลังจากที่ได้ใช้วิธีการส่งข้อความเข้าไปหาเจ้าตัวว่าตนยังรออยู่แทนการเคาะประตูรบกวนใครคนอื่น

..ภีม ผมยังรออยู่นะครับ เปิดประตูให้ผมนะ..ข้อความดังกล่าวถูกส่งเข้าไปใหม่ คนส่งไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าคนที่รับได้กดลบทิ้งตั้งแต่ที่ได้อ่านรอบแรก

ภิธารค่อยๆไขกุญแจลิ้นชักอย่างคนใช้ความคิด ข้อความร้อยแปดที่พาสุห์พยายามส่งมาให้ถูกลบทิ้งไปอย่างคนที่ไม่อยากรับรู้อะไรอีก กว่าค่อนคืนที่ผ่านมา คนที่อยู่ภายนอกห้องรู้สึกอ้างว้างและหว้าเหว่เท่าไรเขาไม่รู้ เด็กหนุ่มรู้แต่เพียงว่าตัวเองนั้นเจ็บเจียนตายกับการที่ต้องทนแข็งใจเพื่อหักดิบความรู้สึกตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่หัวใจกล้าที่จะปฏิเสธสิ่งที่เคยวิ่งตามและโหยหามาตลอด ข้อความต่างๆที่พาสุห์ส่งผ่านมาให้ได้อ่าน หัวใจรับรู้และแปลความหมายได้กระจ่างชัดว่าเจ้าตัวกำลังอ้อนวอนขอให้เหตุการณ์ต่างๆกลับไปเป็นอย่างเดิม อย่างเดิม อย่างไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่อย่างที่เขาต้องเป็นคนยอมตลอด …ถ้าผมต้องการ ผมก็จะเรียกร้องเอง....ประโยคนี้คอยดังชัดและก้องให้ได้ยินตลอดในขณะที่ใจกำลังจะเอนอ่อน แล้วถ้าฝ่ายนั้นไม่ต้องการล่ะ เขาก็คงจะเป็นแค่คนจืดชืด และหมดความสำคัญไปอย่างนั้นสินะ และนั่นคือบทสรุปของใจที่ให้ไว้กับตัวเองจนต้องพยามข่มความรู้สึกเอาไว้แม้จะกำลังสับสนเต็มที่

การ์ดสีขาวนวลที่แต้มรอยด่าง บ้างก็ยับไปบางมุมถูกหยิบออกมาจากลิ้นชักที่เปิดค้างไว้ คนหยิบยืนมองมัน ด้วยแววตาสงบนิ่ง ในขณะที่มือหนึ่งถือกรรไกรคมคาวค้างเอาไว้ เด็กหนุ่มยอมให้น้ำใสๆไหลออกมาอาบแก้มตัวเองเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น คืนที่ใครบางคนไม่ต้องการมัน

“ผมไม่ได้อยากมีคนรักที่ทำตัวหวานแหววแบบนี้ การ์ดนี้คุณเก็บไว้ให้คนอื่นที่เขาอาจจะโรแมนติกกว่าผมเถอะนะ” ด้วยคำพูดนี้ที่เคยทำให้เขาต้องตัดใจทิ้งมันลงถังขยะหลังจากที่เดินแยกจากเจ้าของคำพูดมา แต่แล้วหัวใจก็กล้าแกร่งได้ไม่ถึงนาที เขากลับไปหยิบการ์ดนี้ขึ้นมาเก็บไว้กับตัวเองอีกครั้ง โดยหวังว่าซักวันจะได้มอบให้คนที่ไม่เคยต้องการเพื่อบอกเล่าความในใจของตนตลอดช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตส่วนหนึ่งร่วมไปกับเจ้าตัว

“เขาคงต้องการเจ้าซักวันแหละ”เด็กหนุ่มบอกกับตัวเองแบบนั้นตอนพาการ์ดสื่อความรู้สึกกลับถึงห้อง ลมเย็นภายนอกระเบียงยั่วใจให้หัวใจที่กำลังเหงาจากการถูกบอกเลิกอยากที่จะไปนั่งระบายอารมณ์เล่นอย่างคนที่เจ็บซ้ำรอยเดิม

ระเบียงนั้นมีไว้เพื่อประดับตึกข้อนี้เด็กหนุ่มรู้ดี แต่อารมณ์เหงาและเศร้าสั่งให้ร่างกายอยากได้สายลมช่วยโอบกอดให้ความห่อเหี่ยวของใจได้ชุ่มชื้นจึงก้าวย่างไปยืนที่ตรงนั้นอย่างคนไม่คิดเกรงอะไร สายลมแรงพัดมาเป็นระลอก การ์ดในมือไหวเอนเล็กน้อยเมื่อมือที่ถืออยู่ถูกยกมาปาดน้ำตาลวกๆจากการแอบซึม สายลมพัดหนักขึ้นอีก คราวนี้การ์ดนั่นไม่ใช่แค่ไหวเอน แต่มันกลับเหมือนจะหลุดลอยปลิวออกจากมือไปซะให้ได้ วินาทีนั้นอารมณ์ตกใจที่แล่นเข้ามาแทนที่อารมณ์เหงาพามือเจ้ากรรมทั้งสองข้างคว้าหมับเพื่อจับยึดสิ่งที่จะปลิว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ระวังและตั้งตัว สองมือนั้นแม้จะจับยึดของแทนใจไว้ได้ แต่อนิจจา ร่างทั้งร่างที่ยืนอยู่ผิดที่ผิดทางกลับพลันร่วงหล่นลงไปกระแทกพื้นหญ้าอย่างเต็มกำลัง ตอนนั้นในนาทีสุดท้ายที่ร่างกายสั่นระริกอย่างเจ็บปวดดั่งเนื้อในกายถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เด็กหนุ่มสั่งตัวเองเอาไว้ด้วยความทรมานว่า อย่าให้มืออ่อนแรงทิ้งการ์ดนั้นได้เป็นอันขาด ถ้าจะตาย ก็ขอให้ใครคนหนึ่งที่เขาคิดฝากชีวิตและจิตใจได้อ่านข้อความที่เขากลั่นเขียนด้วยลายมือตัวเอง จากมือของเขาเองที
.
.
.
.
ก๊อก ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องในนาทีปัจจุบันดังลั่นเข้ามาให้ได้ยิน คราวนี้มันแรงผิดปกติจนคนได้ยินเผลอสะดุ้ง
“ภีม ผมจะไม่ใจเย็นรอต่อไปแล้วนะ ถ้าคุณไม่เปิดประตู ผมพังเข้าไปจริงๆด้วย”เสียงคนภายนอกดังเข้ามาให้ได้ยินตามเสียงเคาะ การ์ดในมือถูกสอดเก็บลงที่เดิม แต่คราวนี้คนเก็บไม่ได้ล็อคมันเอาไว้ เด็กหนุ่มหมุนตัวเดินไปที่ประตูนั่นทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระหน่ำคล้ายอารมณ์คนเคาะกำลังจะคลั่งขึ้นมา
“เดี๋ยวก็โดนดีหรอก คุณบ้าไปหรือไงพาสุห์”เสียงตัดพ้อต่อว่าดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ตัดสินใจเดินไปเปิดประตูอย่างกลัวว่าอาจมีใครซักคนในตึกนี้ที่ยังพักผ่อนอยู่ลุกขึ้นมาจัดการคนข้างนอก

พาสุห์ลอบยิ้มหน่อยๆที่แผนการแกล้งคลั่งของตัวเองได้ผลเมื่อเห็นประตูถูกเปิดแง้มหน่อยๆ ภิธารยังคงเป็นคนนิสัยเกรงใจคนอื่นเหมือนเดิมอยู่นั่นเอง
“ภีม ขอผมเข้าไปหาคุณนะ ผมรอคุณมาทั้งคืน นะครับ ผมอยากที่จะคุยกับคุณ”เด็กหนุ่มปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วรีบพุดเมื่อมองเห็นใบหน้าคนที่อยู่ภายในห้องแล้ว

ภิธารตกใจหน่อยๆกับสภาพที่สายตามองเห็นคนอ้อนวอน เด็กหนุ่มทำใจแข็งต่อไปไม่ไหวเมื่อมองเห็นว่าฝ่ายนั้นดูอิดโรยอย่างคนที่ขาดการพักผ่อน

ประตูห้องถูกเปิดกว้างขึ้น คนภายนอกรีบแทรกกายเข้าไปอย่างดีใจสุดกำลัง เจ้าของห้องวางสีหน้าและแววตาเรียบเฉยอย่างคนที่พยามยามไม่คิดอะไร การเปิดประตูรับคนที่หัวใจพยายามต่อต้านครั้งนี้ก็แค่เพียงอยากให้เจ้าตัวเข้ามาจัดการตัวเองให้ดูเป็นผู้เป็นคนแค่นั้น ส่วนเรื่องอื่นเรื่องใดที่เจ้าตัวอาจยกมาพูดให้ใจสับสนอีก สาบานได้ว่าเขาจะไม่ฟังไม่รับรู้อะไรแล้วทั้งสิ้น
“ภีม ผมดีใจจังที่คุณยอมให้ผมเข้ามาในห้องนี้ได้อีก”พาสุห์เอ่ยบอก ยอมรับว่ารู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่ได้กลับเข้ามายืนในห้องที่ตนเคยหันหลังให้อย่างคนไม่ใยดี
“ผมว่าคุณเข้าไปอาบน้ำก่อนเถอะนะครับ”เจ้าของห้องเอ่ยออกมาอย่างไม่ยินดียินร้าย ก่อนจะใจกระตุกสั่นเมื่อจำได้ว่าตัวเองยังไม่จัดการทิ้งของใช้บางส่วนที่เคยเตรียมไว้ให้คนตรงหน้าตอนแวะมาหาสมัยที่ยังเคยคุ้นเคยกัน เด็กหนุ่มก้มหน้าไม่ยอมสบตาเจ้าของสิ่งของเมื่อเห็นเจ้าตัวเดินไปหยิบของใช้ของตัวเองอย่างคนคุ้นที่แล้วหันมามองตน
“แค่นี้ผมก็รู้แล้วภีม ว่าคุณยังไม่ลืมผม เปิดใจรับความจริงเถอะนะ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป”คนหันมองเอ่ยขึ้น ยอมรับว่ารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่มารู้มาเห็นว่าหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่ห้องนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหนอย่างที่เคยคาดเดา ทุกสิ่งรอบกายตอนนี้มันยืนยันชัดเจนว่าตัวตนของเขายังคงไม่จางหายไปจากความทรงจำจากเจ้าของห้องนักหรอก
“ผมยอมรับความจริงมาตลอดพาสุห์ ความจริงที่ว่าผมเหมาะที่จะอยู่คนเดียวกับโลกของผม”คนหลบตาจำใจเอ่ยขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง อารมณ์ที่กำลังแปรปรวนก็มักจะทำให้ลืมความตั้งใจเดิมได้เสมอ
“แล้วนายคาวีนั่นล่ะครับ”
“คุณพูดถึงเขาทำไม”
“ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามเข้าไปในโลกของคุณ อย่างที่ผมเคยเข้าไป”
“คุณเข้ามาแล้วคุณก็ออกไป คนอื่นๆก็คงจะไม่ต่างกันหรอกครับ”
“ภีม อย่าประชดตัวเองเลยนะ แค่นี้ผมก็รู้สึกผิดพอแล้วที่ผมเคยไม่ดีกับคุณ”
“ผมว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะพาสุห์ คุณไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็กลับไปอยู่บนโลกของคุณอย่างเดิมเถอะ ระหว่างเราผมขอให้มันจบลงแค่นี้ เถอะนะครับ”
“ทำไมล่ะภีม ผมว่าเราเริ่มต้นใหม่กันได้นี่ครับ ถ้าเพียงคุณจะยังเป็นคนเดิม”
“คนเดิม คนเดิมที่ดูน่าเบื่อในทุกๆวินาทีที่คุณมองมาอย่างนั้นใช่หรือเปล่าครับ”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ตอนนี้คุณก็น่าจะรู้ว่าผมต้องการคุณแค่ไหน”
“ผมเข้าใจครับ ถ้าคุณไม่ต้องการคุณคงไม่เรียกร้องหรอก”
“ภีม ผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมผิดที่เคยพูดแบบนั้นกับคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้ ผมเพิ่งรู้ว่าผมขาดคุณไม่ได้”
“ในวันที่ผมขาดคุณไม่ได้ ผมก็เคยอ้อนวอนคุณ คุณจำได้มั๊ยครับ”
“โธ่ภีม”
“พอเถอะพาสุห์ ผมไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไรอีกแล้ว ผมเหนื่อยมามาก สงสารผมเถอะ ผมไม่อยากเดินต่อไปอีกแล้วกับหนทางที่ไม่รู้ว่ามันจะตีบตันขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ คุณกับผมมันคงไปกันไม่ได้คุณก็เคยบอก ปล่อยผมไปตามทางของผมเถอะนะ”
“ยังไงเราก็กลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้ใช่มั๊ยภีม”
“ที่ผ่านมาคุณทำให้ผมกลัว กลัวเกินกว่าที่จะกล้ากลับไปทางเดิมได้อีกแล้วครับ”
“แล้วกับทางเส้นใหม่ของคุณล่ะครับ คุณคิดว่ามันไม่น่ากลัวหรือไง คาวีจะจริงใจกับคุณมากแค่ไหนคุณมั่นใจแล้วเหรอ”
“ผมไม่เคยคิดจะเสี่ยงเดินทางไปกับเขา ผมฝังหัวใจผมไปตั้งแต่ที่คุณบอกเลิกผมไปแล้วพาสุห์”


Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
“คุณไม่อยากเดินไป แต่นายนั่นอาจจะฉุดกระชากคุณไปด้วยก็ได้ คุณก็รู้คุณเป็นคนอ่อนไหวแค่ไหน”
“แล้วไงต่อล่ะครับ คนอย่างผมมันมีอะไรที่จะต้องเสียใจได้มากกว่าอย่างที่เคยโดนมาอีกงั้นเหรอครับ”
“ผมทำร้ายคุณได้มากขนาดนั้นเลยเหรอภีม บอกผมทีสิครับ ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมให้อภัยผมแล้วเลิกประชดตัวเองแบบนี้ บางทีสิ่งที่คุณทำอยู่ตอนนี้มันอาจไม่เป็นผลดีกับตัวคุณนะ คาวีร้ายกว่าที่คุณเห็นนะ ผมเป็นห่วงคุณนะ คุณรู้ตัวหรือเปล่า”
“ผมดีใจนะพาสุห์ที่อย่างน้อยผมก็ได้ยินคำพูดที่ผมต้องการที่อยากจะได้ยินมาตลอดช่วงเวลาที่มีลมหายใจอยู่”
“แล้วทำไมคุณถึงปฏิเสธมันไปซะล่ะครับ ผมพูด ผมทำขนาดนี้แล้ว คุณยังจะกลัวผมอยู่อีกหรือเปล่า”
“แล้วทำไมคุณเพิ่งมาบอกผมตอนนี้ ตอนที่ผมต้องการคุณ คุณหายไปไหนมา ขนาดตอนที่ผมนอนหายใจรวยรินอย่างคนใกล้จะสิ้นลมผมยังไม่เคยได้เห็นได้ยินเสียงคุณเลยแม้ซักครั้ง วิวรรธน์กับโอเล่ บอกว่าคุณยุ่งอยู่ เรียนหนักซ้อมหนัก แม้ผมจะพอรู้ว่ามันอาจไม่เป็นความจริงนัก แต่ผมก็พยายาม พยามคิดว่าคุณเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะอะไร เพราะผมยังรอ ยังรอว่าคุณจะเห็นแก่ความรู้สึกดีที่ผมเคยมอบให้คุณแล้วคุณจะมาพูดคำว่าเป็นห่วงผมไห้ผมได้ยิน”
“ผมขอโทษภีม ผมขอโทษ ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมทำใจไม่ได้ที่เห็นคุณทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนั้น”
“ทำอะไรไม่คิด คุณคิดมาตลอดใช่มั๊ยว่าคนอ่อนไหวอ่อนแอแบบผม จะเรียกร้องความสนใจจากคนบอกเลิกด้วยการฆ่าตัวตาย”
“ภีม คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้ทำอย่างนั้นใช่มั๊ย”
“พาสุห์ ผมเสียใจนะ เสียใจมากที่คุณคิดว่าผมเป็นคนแบบนั้น ผมถามหน่อยเถอะ เคยซักครั้งมั๊ยที่ผมจะเรียกร้องอะไรจากคุณในช่วงเวลาที่เราเคยคบกันอยู่ คุณให้หันซ้าย ผมก็หันซ้าย คุณจะให้ไปขวาผมก็ไปขวา มีซักครั้งมั๊ยที่ผมเคยขัดใจคุณแล้วเรียกร้องให้คุณทำตามอย่างที่ผมต้องการ ในวันที่ผมโดนปล่อยให้โดดเดี่ยวแม้ฝนจะตกฟ้าจะร้องลมจะแรง ผมเคยเรียกร้องมั๊ยว่าให้คุณมาอยู่กับผม เดินไปกับผม คนอ่อนแออ่อนไหวคนนี้ ยอมกินคนเดียว นอนคนเดียว เดินคนเดียวมาตั้งเท่าไหร่ในวันที่คนเคยบอกรักบอกไม่มีเวลาให้ การคิดฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องสิ่งที่ต้องการไม่เคยอยู่ในหัวสมองผมเลยแม้ซักครั้ง การยืมมือใครต่อใครให้ช่วยลากคุณมาเยี่ยมมาดูแลผม ผมก็ไม่เคยคิด สิ่งที่ผมทำได้ก็คือแค่หวัง หวังลมๆแล้งๆว่าคนที่มีจิตใจอย่างมนุษย์คนหนึ่งเช่นคุณจะยอมเสียสละเวลาเที่ยวเตร่มาเหลียวแลและถามไถ่อาการคนที่คุณเคยบอกรักก็แค่นั้น แล้วในวันหนึ่งคุณก็มาจริงๆ คุณจำได้มั๊ยว่าวินาทีแรกที่คุณก้าวเข้ามาหาผมในวันที่ผมกำลังจะหมดหวัง ผมดีใจแค่ไหน ใช่สิคุณคงไม่รู้ เพราะถ้าคุณรู้คุณคงจะไม่ต่อว่าผมรุนแรงขนาดนั้น ในวันนั้นคุณรู้ตัวบ้างมั๊ยว่าคุณทำร้ายจิตใจผมขนาดไหน แต่ผมก็ยังหวัง หวังที่จะอธิบายในสิ่งที่คุณกำลังเข้าใจผิดให้กระจ่าง ผมขาเจ็บ แขขนเจ็บ แต่ผมก็ยังตะกายที่จะตามไปบอกว่าผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด แต่สิ่งที่ผมได้รับตอบกลับมาก็คือเสียงปิดประตูที่คุณฝากเอาไว้ให้ “
“แล้วคุณตกจากตึกนี้ไปได้ไงครับ”
“ตกไปได้ไงงั้นเหรอครับ เอาเถอะไหนๆผมก็เปิดใจพูดมาขนาดนี้แล้ว คุณดูนี่ซะพาสุห์ เผื่อคุณจะจำมันได้”
การ์ดสีคุ้นตาถูกหยิบขึ้นมาจากลิ้นชัก คนโชว์มือไม้สั่นอย่างคนที่พยายามควบคุมสติและอารมณ์ให้แน่วนิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ระบายออกไปจะเป็นเหมือนเข็มนับร้อยนับพันเล่มที่พุ่งตรงเข้าทิ่มแทงคนฟังเท่าไหร่เด็กหนุ่มไม่อาจรับรู้ รู้แต่ว่าวินาทีนี้ ตอนนี้ สิ่งเดียวที่จะทำคือไถ่ความบริสุทธิ์ในการเป็นคนที่ถูกใส่ร้ายในการกระทำคืนมาจากคนตรงหน้าเสียที
พาสุห์ ใจสั่นจ้องมองการ์ดที่ถูกยื่นให้อย่างคนสับสน คนตรงหน้ากำลังจะบอกอะไรเขาอีก ทุกสิ่งที่เขาได้ยินมาทั้งหมดเมื่อครู่ ก็ทำให้เขาแทบล้มทั้งยืนให้ได้ในความคิดเลวๆของตัวเองที่เคยอคติว่าคนๆนี้อ่อนไหวอ่อนแอจนตนเองได้ต่อว่าสาดเสียเทเสียชนิดที่ไม่คำนึงถึงความรู้สึกเจ้าตัวเลยซักนิด
“ก็เพราะการ์ดแผ่นนี้ไงครับที่ทำให้ผมได้รู้ว่าจริงๆแล้วคุณได้มองผมเป็นคนแบบไหนมาโดยตลอด การ์ดนี้มันเคยจะเป็นของคุณ คุณจำมันได้มั๊ย ผมเคยตัดใจมันทิ้งถังขยะไปแล้วครั้งนึงในคืนนั้น คืนที่คุณบอกว่ามันเป็นของไร้สาระ แต่ในความรู้สึกผม คุณรู้มั๊ยว่ามันมีค่ามากกว่านั้น ผมจึงย้อนกลับไปเก็บมันมา แต่ของที่มันโดนทิ้งแล้ว มันคงจะไม่อยากอยู่กับเจ้าของมันมั้งมันจึงจะทิ้งตัวเองลงจากตึกนี้ไปอีก”
“อย่าบอกนะภีม ว่าคุณตามเก็บการ์ดแผ่นนี้จนคุณพลัดตกตึกลงไปเอง”
“ถ้าคุณจะใส่ใจผมซักนิด คุณคงจะไม่ต้องมาถามผมให้ผมระอาคุณมากกว่านี้หรอกพาสุห์”
“คุณหมายความว่าไงภีม”
“ผมพลัดตกจากตึกจนเกือบตายนะครับ ไม่ใช่หกล้มแผลถลอก คุณคิดว่าเรื่องใหญ่แบบนี้จะไม่มีบันทึกอะไรในทางคดีหรือทางการแพทย์ไว้บ้างเหรอครับ ต่อจากนี้ไปผมก็หวังนะครับว่าคุณจะเลิกคิดถึงแต่ตัวเองมากกว่าคนอื่น”
ใบหน้าคมใสของพาสุห์ชาขึ้นทันควันทันทีที่ได้ยินประโยคซัดใจที่ภิธารเอ่ยบอก ใช่สินะ เขามัวแต่มองเห็นข้อผิดพลาดของคนอื่นจนลืมมองว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าใคร แล้วในวันที่ต้องการเรียกร้องให้ใครคนอื่นกลับมาเห็นใจกลับไม่คิดไม่ทำอะไรที่มันดูดีและน่าเห็นใจกว่าการเพ้อรำพันว่าตัวเองผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ถ้าย้อนเวลาได้อีกซักนิด ในวันนั้นวันที่คนตรงหน้ายังไม่ตัดเยื่อใยจากตนได้เท่านี้ เขาน่าจะคิดจะทำอะไรที่มันมีค่ามากกว่าการมาอาละวาดประชดประชันว่าคนๆนี้อ่อนแออ่อนไหวจนสมเพช อย่างน้อยๆการติดตามสืบถามเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปของเจ้าตัวว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไงจากคนรอบข้างก็น่าจะดีกว่าการทำอะไรสิ้นคิดแบบที่ทำอยู่เช่นตอนนี้
“ภีม ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างละอายใจ น้ำในตาทำท่าจะไหลลงซะให้ได้ เมื่อเห็นคนอีกฝั่งฝืนกลั้นความรู้สึกที่คงเจ็บปวดไม่แพ้เขาเอาไว้จนตัวเกร็ง
“ภีม ขอการ์ดนั้นให้ผมนะ ในวันนี้ผมต้องการมัน นะครับ”น้ำในตาไหลออกมาในที่สุดพร้อมๆกับประโยคขอร้องที่เอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ สัญชาตญาณในใจบอกให้รับรู้ว่าเนื้อความในการ์ดนั้นคงจะสื่อถึงความรู้สึกของคนที่ยื่นให้เขาในคืนนั้นได้ดี
“ผมพยายามทำใจที่จะทิ้งมันหลายครั้ง แต่แล้วผมก็ทำไม่ได้ซักที แต่วันนี้ พอผมได้ระบายความรู้สึกกดดันกดทับภายในใจผมออกไป ผมว่าผมพร้อมที่จะทิ้งมันไปได้แล้วล่ะพาสุห์ คุณเคยไม่ต้องการมันยังไง วันนี้ก็อย่าเสียดายมันเลยนะครับ ขอให้ความรู้สึกใดๆที่ผมส่งถึงคุณผ่านมันจมอยู่กับผมตลอดไปเถอะ”คนถูกขอเอ่ยขึ้นเสียงเย็นแต่ทว่าเครือสั่นอยู่ในที น้ำในตาได้หยดไหลลงมาเช่นกันกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า สองมือกำลังจะยกฉีกสิ่งที่ในใจเคยอยากทิ้งทำลายแต่ทำไม่ได้ให้มันขาดสิ้นไปซะที
“ไม่นะภีม ผมขอร้องอย่าทำลายมันเลยนะส่งมันให้ผมเถอะ ผมรู้ว่าวันนี้ผมอาจไม่มีค่าที่จะได้มันจากคุณ แต่คุณทำให้ผมรู้สึกว่าผมเลวชาติได้ขนาดนี้ คุณอย่าทำให้ผมเสียใจไปจนตลอดชีวิตเลยนะ ถึงเราจะกลับไปคบกันอีกไม่ได้ แต่อย่างน้อยให้ผมได้เก็บสิ่งดีๆจากคนดีๆอย่างคุณไว้กับผมเถอะนะ”คนเห็นท่าทีเอ่ยฟูมฟายขอร้องใหม่ แต่นั่นก็ใช่ว่าจะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนลงได้ นิ้วมือของเจ้าตัวค่อยจับมุมการ์ดแผ่นนั้นแล้วลืมฉีกมันลงอย่างคนใจเย็น สองคนมองสบตากันผ่านม่านน้ำตากันและกันพร้อมๆกับภาพในอดีตได้หวนตีย้อนกลับมาจนต่างฝ่ายต่างก็หยุดกลั้นน้ำตาตัวเองเอาไว้ไม่ได้


Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
การ์ดแผ่นนั้นกำลังจะโดนภิธารฉีกขาดให้แยกออกจากกัน พาสุห์ใช้สำนึกสุดท้ายของตัวเองนั่งคุกเข่าลงอย่างคนสิ้นท่า ที่ต้องทำแบบนี้เพราะเด็กหนุ่มหมดเรี่ยวแรงที่ตรงเข้าแย่งของสิ่งนั้น ในใจมันละอายจนเกินที่จะทำกิริยาป่าเถื่อนแบบนั้นได้อีก นาทีต่อจากนี้คนที่จะชี้เป็นชี้ตายในเรื่องความรู้สึกต่างๆไม่ใช่เขาอีกต่อไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาถือกรรมสิทธ์นั้นมาจนทำให้เรื่องราวเลวร้ายเหลวแหลกจนไม่เป็นชิ้นดี
ชิ้นส่วนการ์ดนั้นค่อยๆโปรยหล่นลงตรงหน้า คนคุกเข่ามองมันอย่างเจ็บปวด ลายมือที่คุ้นตาค่อยๆผ่านมาให้เห็นเป็นตัวอักษร แต่นั้นก็ไม่ทำให้เด็กหนุ่มจับมันมาปะติดปะต่อได้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันสื่อผ่านเรื่องราวว่ายังไง จนที่สุดชิ้นส่วนการ์ดที่หล่นผ่านสายตาเป็นชิ้นสุดท้ายก็ทำให้เด็กหนุ่มพออ่านเนื้อความได้ว่า

...อย่าทำร้ายผมอย่างที่คนอื่นเคยทำร้าย...ชิ้นส่วนนั้นถูกหยิบขึ้นมา ก่อนที่คนหยิบจะเริ่มนึกทวนอะไรหลายๆอย่าง ข้อความนี้มันหมายความว่ายังไงกัน

“ภีม ก่อนมาเจอผม คุณเคยมีใครมาแล้ว แล้ว แล้วพวกเขาทำร้ายคุณใช่มั๊ย”เด็กหนุ่มลุกขึ้นเอ่ยถาม คนถูกถามมองสบตานิ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ย

“เราไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีกแล้วพาสุห์ ออกไปจากชีวิตผมซะเถอะ คนที่คุณละเมอหาคงรอคุณอยู่”
“ไม่ภีม ผมเชื่อไม่ได้ละเมอถึงพิธอย่างที่คุณเข้าใจ”
“ไม่มีประโยชน์ที่เราจะคุยกันเรื่องนี้อีกพาสุห์”
“มีสิ ผมยอมรับนะหากว่าคุณจะผลักใสผมไปด้วยเพราะคุณทนพฤติกรรมเลวๆผมไม่ไหว แต่ผมไม่ยอมรับที่คุณจะไล่ผมไปจากชีวิตเพราะด้วยคิดว่าผมมีนิพิธไว้ในใจอีกคน”
“คุณละเมอถึงเขา คุณบอกให้เขาโทรมาบอกผมว่าเขาเป็นคนใหม่ของคุณ แบบนี้คุณจะให้ผมคิดยังไงได้ล่ะครับ”
“ภีม ผมเปล่าให้เขาโทรมาหาคุณเรื่องที่คุณกล่าวหานะ ส่วนเรื่องละเมออันนี้ผมไม่รู้ แต่ผมสาบานได้นะครับว่าตอนนี้วินาทีนี้ คุณมีค่าสำหรับผมมากแค่ไหน คุณต้องเชื่อผมนะ ผมไม่อยากให้เราเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว อะไรที่มันบังตาเราสองคนอยู่จนเกือบทำร้ายกันและกันขอให้มันผ่านไปเถอะนะครับ ถึงแม้ว่าวันนี้คุณจะยังยืนยันว่าให้อภัยกับสิ่งที่ผมทำผ่านๆมาไม่ได้ แต่ผมขอร้องได้มั๊ยว่าถ้าเราจะจากกันขอให้เราจากกันด้วยความเข้าใจ นะครับ ผม ผมไม่อยากให้เราเดินหนีจากกันด้วยความรู้สึกแบบนี้” เงียบ บรรยากาศภายในห้องกลับมาสงบลงอีกครั้ง ภิธารเหนื่อยใจที่จะเอ่ยโต้ตอบใดๆกลับไป เด็กหนุ่มได้แต่มองสบตาคนอ้อนวอนอย่างคนกำลังสบสนภายในใจ
“เชื่อผมนะภีม ว่าตอนนี้ในใจผมมีแค่คุณคนเดียว”พาสุห์ชิงเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าแววตาอีกฝ่ายเริ่มมีเค้ารอยเดิมอย่างที่ตนเคยเห็นแม้ในรอยนั้นจะยังมีคราบน้ำตาเหลืออยู่ก็ตาม แต่ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเอ่ยอะไรออกมา หนึ่งเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน

“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ ท่าทางเครียดกันเชียว”เสียงที่แทรกเข้ามานั่นทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที ภิธารรีบปาดน้ำตาทิ้งไป ไม่ต่างจากพาสุห์ที่ทำเช่นเดียวกัน

“คาวี คุณเข้ามาได้ไง”คนปาดน้ำตาก่อนเอ่ยถามคนมาใหม่
“ก็ประตูไม่ได้ล็อคนี่ครับ”คาวีเอ่ยตอบ พลางสังเกตท่าทีของทั้งสองคน แต่ก็มองดูได้ไม่นานนักเมื่อเจ้าของห้องเอ่ยขัดขึ้นซะก่อน
“แล้วคุณมาทำไมครับ”
“ก็มาอธิบายเรื่องเมื่อคืนไงครับ และก็คิดถึงคุณด้วย”คนถูกขัดจังหวะเอ่ยตอบ พยายามสังเกตอาการคนที่มาหาเจ้าของห้องนี้ก่อนตนใหม่ มันเกิดอะไรกันขึ้น ทำไมนัยน์ตาของนายนี่ถึงช้ำบวมอย่างกะผ่านการร้องให้มาอย่างหนักซะอย่างนั้น
“ดูเหมือนว่านายจะเร็วกว่าฉันนะพาสุห์ มาแก้ต่างอะไรให้ตัวเองล่ะ”เด็กหนุ่มเอ่ยทักอย่างคะนองปาก ก่อนหน้านี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ช่างไม่สนใจ การได้ยั่วโมโหคนอื่นเป็นสิ่งที่เขาต้องทำต่างหาก
“จะแก้ต่างอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย”พาสุห์เอ่ยตอบ มองสบตาคนกลางแวบหนึ่ง ก่อนจะใจหายวูบเมือฝ่ายนั้นเลือกที่จะเข้าข้างคนเพิ่งมาถึงโดยการเอ่ยไล่ตนทางอ้อม
“พาสุห์เขาจะกลับแล้วล่ะครับ คาวีมีอะไรจะคุยกับผมก็รอแป็บนึงนะครับ ผมขอล้างหน้าล้างตาก่อน”พูดจบคนพูดก็ทิ้งสายตาเย็นชามาทางฝ่ายที่ยืนอึ้งก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไป
“กลับบ้านก็ขับรถดีๆนะพวก ท่าทางยังไม่สร่างดีเลยนี่”คาวีเอ่ยยั่วโทสะต่อ ก่อนจะเดินข้ามกองกระดาษที่กองอยู่พื้นห้องอย่างไม่สนใจว่าคนมองตามหลังจะมองดูด้วยความรู้สึกใด


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เอาละซี พาสุห์อย่าเพิ่งทิ้งภีมไปนะ  :a6: :a6: :a6: :a6:

ออฟไลน์ สาวเครือฟ้า

  • "IF I WERE A BOY"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 607
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
    • http://images.forstudent.com/
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


เศร้าครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
อย่าทำร้ายกันมากไปกว่านี้เลย

รอตอนจบอยู่นะครับ

 :oni1: :oni1:

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ที่อื่นจบไปกันหมดแล้ว เหลือที่นี่ วันนี้ก็ ขอรวดเดียวจบเลยละกันครับ

.
.
.
.
Lonely Love หัวใจขอมีรักแค่สักครั้ง.......ตอนอวสาน
.
.
.
.
.
วิวรรธน์คุยบ่นกับแม่ในตอนเช้าว่าอดห่วงพาสุห์ไม่ได้ถึงเรื่องที่ตึงตังขับรถออกไปเมื่อคืนทั้งๆที่ตัวเองยังไม่สร่างเมาดีแบบนั้น
“จะโดนตำรวจจับไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาลอยๆ เมื่อพยายามติดต่อไปหาตอนที่เพิ่งตื่นมาแต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมรับสายตน
“ไม่หรอกมั้ง คิดอะไรมาก ว่าแต่เมื่อคืนทำไมถึงปล่อยให้พาสุห์ดื่มมาขนาดนั้นล่ะ ไม่ดูเพื่อนเลยนะเรา”แม่ให้ความเห็นก่อนจะเอ่ยต่อว่า ลูกชายมองสบตาแบบไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ผู้เป็นแม่เลยเอ่ยต่อ
“ไม่บอก แม่ก็พอจะรู้เองได้ วัยรุ่นมันจะมีอาไร้ ถ้าไม่ใช่เรื่องรักๆใคร่ๆ”
“พูดไปนั่นน่ะแม่”วิวรรธน์ว่าแม่อย่างเขินอายอยู่ในที ก็นางเองก็รู้ถึงพฤติกรรมของตนกับพาสุห์ก็เลยรู้สึกแปร่งๆกับการที่แม่เอ่ยถึงเรื่องรักแบบนี้
“อ้าวก็แม่พูดเรื่องจริง แม่ได้ยินหมดแหละว่าเพื่อนเราน่ะนอนละเมอถึงชื่อ ภีม ภีม อะไรนั่น สองคนนั่นทะเลาะกันมาเหรอ”
“มะ แม่ว่าไงนะครับ ไอ้พาสุห์มันละเมอถึงใครนะครับ”
“ก็คนชื่อภีมไง ทำไมเหรอ”
“มันละเมอว่าไงครับ บอกผมทีแม่ว่ามันละเมอว่าอะไร”
.
.
.
.
.
“จริงเหรอไอ้วรรธน์ แบบนี้ก็เท่ากับว่าไอ้พาสุห์มันกลับตัวกลับใจแล้วจริงๆน่ะสิ”โอเล่เอ่ยขึ้นอย่างคนรู้สึกผิดหน่อยๆหลังจากที่ได้ยินได้ฟังสิ่งที่เพื่อนหนุ่มบอกเล่าผ่านโทรศัพท์ให้ฟังถึงพฤติกรรมของเพื่อนอีกคนที่มีต่อคนน่าสงสารคนหนึ่ง
“อืม ฉันก็ว่างั้นแหละ ดูท่ามันจะสำนึกผิดเอามากๆด้วย เมื่อคืนฉันก็สังเกตมันตลอด ตอนที่มันเห็นภีมกับคาวีอยู่ด้วยกันมันถึงกับร้องไห้เลยว่ะ”
“จริงเหรอ ตายแล้ว นี่ฉันจะบาปมั๊ยเนี่ยที่เป็นหนึ่งในตัวการแกล้งมันแบบนี้”
“ไม่หรอก ว่าแต่ว่าตอนนี้มันจะคุยจะเคลียร์กับภีมได้หรือยังไม่รู้ถึงสิ่งที่มันละเมอเมื่อคืนนี้”
“คงยากว่ะแก ถ้าฉันเป็นภีม ฉันก็คงจะยอมยกโทษให้ไอ้พาสุห์มันยากว่ะ ไหนจะโดนตบ ไหนจะตามไปดูแลแล้วยังเผลอละเมอชื่อคนอื่นให้ได้ยินอีก”
“พูดถึงตอนนี้ฉันก็ยังอึ้งอยู่เลยว่ะ ตอนที่แม่ฉันบอกว่าไอ้พาสุห์มันละเมอให้นายพิธนั่นช่วยบอกเรื่องจริงกับภีมทีว่าแท้จริงแล้วคาวีเป็นคนแบบไหน แม่บอกว่าคำมันก็ละเมอว่ารักภีม เป็นห่วงภีม ขอโทษภีม เฮ้อ นี่ถ้าฉันดึงภีมไว้นานอีกหน่อย ฉันว่าสองคนนี้อาจจะเริ่มต้นกันใหม่ก็ได้”
“ได้แน่เหรอแก แกอย่าลืมนะว่าตอนนี้ภีมเขามีใครคอยเทียวไล้เทียวขื่ออยู่”
“คาวีนั่นน่ะเหรอ จะว่าไปมันก็เลวชาติยิ่งกว่าเพื่อนเราอีกนะโว้ย เรานี่ไม่น่าหูหนวกตาบอดไปเข้าข้างมันเลยว่ะ”
“ทำไงได้วะ ก็ตตอนนั้นมัวแต่หมั่นไส้ไอ้พาสุห์นี่”
“อืม แล้วนี่ภีมจะเผชิญอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้”
“ทำไมแกไม่ลองโทรไปหาเขาดูล่ะ”
“โทรไปแล้วทั้งหาทั้งคู่แหละทั้งไอ้พาสุห์และก็ภีม แต่ไม่มีใครยอมรับสายฉันซักคนเลย”
“เหรอ เอ้ย หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั่นอ่ะ”
.
.
.
.
.
ภายในห้องของภิธาร สิ่งที่โอเล่คาดเดาไม่ได้ผิดไปนัก เมื่อในตอนนี้คาวีได้เผยธาตุแท้ของตนอย่างที่คนเผชิญหน้าคาดเดาไม่ถึง
เพี๊ยะๆๆ เสียงฝ่ามือดังกระทบใบหน้าภิธารซ้ำถึงสามฉาดก่อนที่ร่างทั้งร่างนั้นจะเซล้มคว่ำด้วยแรงผลัก จากน้ำมือคนเผยธาตุแท้ การที่เหตุการณ์ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเมื่อซักครู่เด็กหนุ่มได้ต่อสู้ดิ้นรนขัดขืนตอนที่คนทำร้ายกำลังจะทำอย่างที่ใจหมายคือยัดเยียดรสรักตนให้เขาได้ลิ้มลอง
“เล่นตัวนักใช่มั๊ยมึง ทำไม มึงกลัวจะท้องหรือไงถ้ามีอะไรกะกู โธ่เอ้ยไอ้ดัดจริต มึงคงคิดว่ากูจะพิสวาสมึงขนาดที่จะรอๆๆ อย่างที่บอกงั้นเหรอ”เสียงตวาดดังลั่นห้องจากปากคนฟาดฝ่ามือ เด็กหนุ่มเม้มริมฝีปากเก็บกลั้นความเจ็บปวดกลั้นใจถามออกไปอย่างคนมีสติทั้งๆที่ตอนนี้ยังพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นยืนไม่ได้
“คาวี ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้ ผมไปทำอะไรให้คุณ”
“เหตุผลง่ายๆ กูหมั่นไส้มึงไงไอ้ทุเรศ โธ่โว้ย เล่นตัวยังกะตัวเองเป็นผู้หญิง มึงคิดว่ามึงเป็นแม่เนื้อทองหรือไง ใครถึงแตะต้องไม่ได้”คาวีชี้หน้าว่าอย่างเกรี้ยวกราด พอเห็นฝ่ายโดนว่ากำลังจะยันกายลุกได้ ก็ตรงเข้าไปตบซ้ำเข้าไปอีกฉาดจนฝ่ายนั้นล้มฟุบลงไปอีกจึงเอ่ยต่อด้วยความสาใจ
“อย่างมึงต้องโดนแบบนี้และถึงจะรู้สำนึกว่าอย่ามาเล่นตัวกะคนอย่างกูไอ้หน้าจืด”
“คาวี ผมเคยคิดนะว่าคุณคงไม่ได้ดีไปกว่าใคร แต่ผมไม่นึกเลยว่าคุณจะเลวได้มากกว่าที่ผมคิด”ภิธารหันหน้าอันบอบช้ำมาบอก น้ำตาแห่งความเจ็บกายเริ่มรินไหล เด็กหนุ่มนึกไม่เข้าใจในความโชคร้ายของตัวเอง เมื่อซักครู่ก่อนหน้านี้ พาสุห์ก็ตามมาเหยียบย้ำซ้ำเติมให้หัวใจเจ็บเจียนตาย มาวินาทีนี้ ร่างกายก็ต้องมาบอบช้ำเจ็บปวดจากน้ำมือคนที่ทำท่าว่าจะมาดี
“อย่างนี้หรือที่มึงเรียกว่าเลว กูจะบอกให้นะ แค่นี้มึงยังโดนน้อยไปกว่าคนอื่นไอ้โง่”
“น้อยกว่าคนอื่น นี่อย่าบอกนะว่าคุณป่าเถื่อนแบบนี้เป็นประจำ”
“เออ กุชอบทำแบบนี้กะคนที่กูหมั่นไส้จะทำไม”
“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน บ้านเมืองมีขื่อมีแปรนะ”
“มีขื่อมีแปรแล้วไง กูเป็นลูกใครมึงลืมแล้วเหรอ”ถึงนาทีนี้ คนเจ็บตัวถึงกับอึ้ง ใช่สินะ คนตรงหน้าตอนนี้เป็นลูกนายตำรวจใหญ่นี่ มิน่าล่ะ คำพูดคำจาและการกระทำของมันถึงได้หยาบร้ายอย่างไม่เกรงอะไรเลย
.
.
.
.
.
ในระหว่างที่สองคนในห้องนั้นกำลังเปิดศึกกวิวาทกันอยู่โดยที่ฝ่ายเจ้าของห้องเป็นฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำตลอดนั้น คนที่เพิ่งกลับออกมาก็ได้ขับรถกลับบ้านด้วยอาการเลื่อนลอย เด็กหนุ่มเห็นแล้วว่าเพื่อนๆพยายามโทรติดต่อเพียงไร แต่จิตใจตอนนี้มันห่อเหี่ยวจนไม่อยากที่จะคุยกับใครจึงตัดสินใจไม่รับสายใครซะดื้อๆ จนในที่สุดเมื่อเวลาและระยะทางผ่านไปช่วงหนึ่ง คนที่โทรมาหาใหม่เป็นคนนอกกลุ่ม เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจรับสาย
“พาสุห์ ทำอะไรอยู่ครับนี่ผมพิธเองนะ”นิพิธเอ่ยถามเมื่อการติดต่อสื่อสารของตนเป็นผลสำเร็จ
“ขับรถอยู่ครับ พิธโทรมามีอะไรครับ”
“คือผมมีเรื่องอยากสารภาพผิดกับคุณน่ะครับ”
“สารภาพผิดกับผม เรื่องอะไรครับ”
“เรื่องที่คุณขอร้องให้ผมช่วยเหลือเกี่ยวกับภิธาร”
“เรื่องที่ผมให้คุณโทรไปบอกเขาเกี่ยวกับนายคาวีนั่นเหรอครับ”
“ใช่ครับ คือจริงๆแล้วผมไม่ได้โทรไปเตือนภิธารอย่างที่คุณขอ”
“เรื่องนี้ผมรู้แล้วครับ”
“ระ รู้แล้ว จากใครครับ”
“ภีมเป็นคนบอกผมเอง เมื่อคืนผมไปหาเขา และรอจนถึงเช้า”
“พาสุห์ แล้ว ขะ คุณโกรธผมมั๊ยครับ”
“เฉยๆครับ เพราะถึงยังไงนาทีนี้ตอนนี้ คาวีก็อยู่ในสายตาภีมมากกว่าผม ผมกับเขาคงจะจบกันแล้วจริง”
“พาสุห์ เสียงคุณสั่น คุณกำลังร้องให้เหรอครับ”
“ก็นิดหน่อยครับ ไว้อาลัยให้กับความโง่เขลาตัวเอง อย่าถือสาผมเลยนะ”
“โธ่พาสุห์ อย่าเพิ่งท้อนะครับ ผมเอาใจช่วย ยังไงคุณก็อย่าให้คนของคุณไปข้องแวะกับคาวีเด็ดขาดนะครับ มันไม่คุ้ม”
“ผมทำอะไรต่อไปไม่ได้แล้วพิธ ผมมันคนเคยเลว เลวจนจะกลับมาเป็นคนดีในสายตาเขาอีกไม่ได้แล้ว บางทีเขาสองคนอาจจะรักกันอย่างที่พิธบอกผมก็ได้”
“เป็นไปไม่ได้พาสุห์ อย่าคิดแบบนั้นเลยนะครับ คาวีมันเลว เลวเกินกว่าที่จะรักใครได้ เชื่อผมนะพาสุห์ อย่าถอดใจ คุณต้องดึงคนของคุณออกมาจากคาวีให้ได้ ก่อนที่เขาจะโดนอย่างที่ผมโดน”
“ไม่ทันแล้วล่ะครับ ตอนนี้สองคนนั้นกำลังอยู่ด้วยกัน เขาอาจกำลังฝากรักกันอยู่ก็ได้”
“อยู่ด้วยกันเหรอครับ แย่ล่ะ พาสุห์ คุณกลับไปหาภิธารเดี๋ยวนี้เลยนะครับ คาวีมันไปที่นั่นมันไม่ได้ไปดี”
“หมายความว่าไงครับ”
“ก็เมื่อคืนนี้ผมโดนคาวีพามาซ้อมอีกแล้วน่ะสิครับ เผอิญผมเข้าไปขัดจังหวะตอนที่มันกำลังจะพาภิธารไปไหนซักแห่ง”
“นี่พิธโดนพวกมันซ้อมอีกแล้วเหรอครับ แล้วเป็นอะไรมากมั๊ย”
“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ หนีกลับห้องได้แล้ว แต่คนที่คุณควรจะห่วงตอนนี้คือภิธารนะครับ เมื่อคืนผมได้ยินเต็มหูว่าคาวีจะลงมือจัดการภิธารเสียทีเพราะหมั่นไส้มานาน ผมพยายามติดต่อภิธารเขาไปแล้ว แต่เขาไม่ยอมรับสายผม พาสุห์ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้วนะครับที่จะแสดงความจริงใจให้ภิธารเห็น กลับไปหาเขานะครับ ป่านนี้จะโดนอย่างที่ผมเคยโดนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ผมพอแล้วพิธ ผมไม่อยากกลับไปทำร้ายจิตใจภีมได้อีกแล้ว เมื่อเช้าเราคุยกันกระจ่างทุกเรื่อง จากนี้ไปผมกับเขาคงเป็นเส้นขนานกันแล้วจริงๆ”
“พาสุห์ทำไมคุณคิดแบบนี้ ถ้าคุณไม่กลับไปนะ บอกผมมาว่าภิธารเขาพักอยู่ที่ไหน ผมเคยพลาดท่ารักษาหางไอ้คาวีมันมาแล้ว คราวนี้ผมคงไม่ยอมให้มันไปทำเลวๆกับใครได้อีก”


Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ภายๆในห้องๆเดิม ภิธารร้องโอดโอยลั่นเมื่อรู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวจากการถูกจิกรั้งหนังศีรษะในขณะที่เด็กหนุ่มฮึดลุกเพื่อจะวิ่งนี้ออกจากห้องอัปยศของตนห้องนี้
“คาวี คุณจะทำอะไรผม ปล่อยผมนะ โอ้ย”เด็กหนุ่มร้องอีกเมื่อร่างบอบช้ำถูกกะชากไว้จากคนจิกรั้งหนังศีรษะ
“จะไปไหน คิดเหรอว่าวันนี้มึงจะรอดมือกูไปได้ไอ้หน้าอ่อน เข้าหาดีๆไม่ชอบมึงก็ต้องโดนแบบนี้แหละ กูล่ะเกลียดนักอีพวกเล่นตัวจนเกินงามอย่างมึงเนี่ย”คนฉุดกระชากเหวี่ยงร่างสูงบางในอุ้งมือกลับลงไปที่เตียงนอนกลางห้อง ก่อนจะตามขึ้นไปกดทับแล้วจับพลิกร่างนั้นให้นอนหันหลังแล้วจัดการไพร่มือเจ้าตัวไว้อย่างรุนแรง
“โอ้ย ผมเจ็บคาวี ผมเจ็บ”คนข้างล่างร้องลั่นเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบไปทั้งแขนและมือ
“เจ็บสิดี เกิดมามึงเคยโดนข่มขืนมั๊ย ถ้าไม่เคยกูจะทำให้ดู แล้วมึงจะติดใจ”คนขึ้นทับข้างบนเอ่ยขึ้น ก่อนจะพยายามใช้มือข้างหนึ่งของตนจัดการกับกางเกงของเหยื่อให้หลุดร่นลง
“คาวีคุณอย่าทำแบบนี้ ผมขอร้อง ผมขอร้องปล่อยผมไปเถอะ ปล่อยผมไปนะ”ภิธารพอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนจึงเอ่ยขอร้องขึ้นใหม่พลางดิ้นกายขัดขืนการกระทำของคนเบื้องหลัง แต่ดิ้นไปได้ซักพัก เด็กหนุ่มก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคาวีใช้มืออีกข้างมากดศีรษะตนกดทับกับหมอน
ในขณะที่ลมหายใจวิ่งเข้าไปได้ไม่เต็มปอดดีนัก สองมือที่เป็นอิสระแล้วพยายามไขว่คว้าบนอากาศอย่างเลื่อนลอยเพื่อส่งสัญญาณให้คนกดทับร่างตนรู้ว่าตนกำลังจะขาดใจเผื่อฝ่ายนั้นจะเห็นใจยอมปล่อยตนให้พ้นจากนาทีทรมานนี้บ้าง

คาวียิ้มร้ายอย่างสาใจเมื่อเห็นอาการคนนอนคว่ำหน้าจากน้ำมือตนกำลังดิ้นรนอย่างคนทุรนทุราย มือหนึ่งของเด็กหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยจากการกดศีรษะเหยื่อ และอีกมือข้างหนึ่งก็ยังพยายามที่จะปลดกางเกงเหยื่อลงให้ได้ และมันก็เกือบจะเป็นผลสำเร็จถ้าไม่ติดที่ว่าได้มีเสียงเคาะประตูห้องดังเรียกซะก่อน

“ภีม ภีม เปิดประตูให้ผมทีภีม”เสียงแว่วๆของพาสุห์นั้นเองที่ดังเข้ามา คนกำลังจะขาดใจตายนึกใจชื้นที่ได้ยิน แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อาจที่จะส่งสัญญาณออกไปได้ว่าตนกำลังเผชิญกับนาทีโหดร้าย ร่างทั้งร่างได้แต่ดิ้นรนไปมาและส่งเสียงร้องอู้อี้ภายในลำคอ
“มึงย้อนกลับมาทำไมวะ”คาวีเอ่ยออกมาอย่างคนหัวเสีย เด็กหนุ่มเผลอปล่อยให้คนนอนดิ้นเป็นอิสระเมื่อกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดว่าจะทำเช่นไรดี

ภิธารถือโอกาสที่ร่างกายตนผ่อนคลายจากการกดทับฮึดแรงเป็นครั้งสุดท้ายพลิกกายลุกขึ้นผลักคนกดทับร่างออกไปจนฝ่ายนั้นผงะ
“ไอ้สารเลว”เด็กหนุ่มแผดเสียงด่าใส่หน้าคนผงะแล้วตัดสินใจยกฝ่ามือขึ้นฟาดใส่ใบหน้านั้นสุดแรง คาวีหน้าหันสะบัดไปตามแรงตบ ในจังหวะนั้นคนตบถือโอกาสลุกกระโดดลงจากเตียงวิ่งตรงไปปลดล็อคประตูห้องทันที
“พาสุห์ ช่วยผมด้วย”ทันทีที่เห็นร่างคนที่ยืนร้อนรนอยู่หน้าประตู เด็กหนุ่มโผเข้าจับมือคนๆนั้นปล่อยโฮทันที
“ภีม คุณเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”พาสุห์พอเห็นใบหน้าบอบช้ำและผมเผ้าที่รุงรังของคนโผเข้าหาก็ตกใจถาม แต่เด็กหนุ่มไม่รอที่จะฟังคำตอบใดๆเมื่อสายตาคมวาวมองผ่านเข้าไปในห้องแล้วเห็นว่าใครคนหนึ่งกำลังนั่งสะบัดหัวเหมือนไล่อาการมึนอะไรซักอย่าง
“คาวี มึงทำร้ายภีมใช่มั๊ย ไอ้สารเลว”เสียงตวาดลั่นนั่นดังให้คนไล่อาการมึนจากการโดนตบสุดแรงเกิดหันมองที่มาของเสียง ในวินาทีนั้นใบหน้าคมคายของเด็กหนุ่มพลันได้หงายลงไปฟุบลงกับที่นอนจนมึนซ้ำสองเมื่อรู้สึกได้ว่าในจังหวะหันมองนั้นโดนหมัดของเจ้าของเสียงนั่นซัดตรงเข้าปลายคางเต็มๆ
“มึงชอบซ้อมคนอื่นนักใช่มั๊ย มึงชอบนักใช่มั๊ยไอ้สวะ”พาสุห์เอ่ยตวาดเสียงดุซ้ำเมื่อเห็นเหยื่อกำปั้นตนฟุบไปแล้วไม่เป็นท่า เด็กหนุ่มยื่นมือไปกระชากคอเสื้อฝ่ายนั้นขึ้นแล้วจัดการกำหมัดชกกระแทกใบหน้านั่นเข้าไปใหม่ ก่อนจะจัดการขึ้นคร่อมร่างและละเลงหมัดลงไปอีกอย่างไม่ให้คนข้างล่างตั้งตัว

“พาสุห์ พอก่อนครับพอก่อน” หนึ่งเสียงร้องห้ามตอนที่คนโดนต่อยกำลังเลือดอาบ ไม่ใช่เสียงภิธารที่เอ่ยห้ามเพราะตอนที่เด็กหนุ่มหันมามองก็เห็นคนๆนั้นเอาแต่นั่งกอดตัวเองตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้น ในขณะที่เริ่มมีผู้คนแห่มาดูเหตุการณ์แล้ว
“นิพิธ คุณห้ามผมทำไม ไอ้นี่มันต้องโดนแบบนี้แหละ”พาสุห์หันไปเอ่ยกับคนร้องห้ามตัวจริง เมื่อเห็นเจ้าตัวโผล่มาในตอนนั้น
“ใช่มันควรโดนแบบนี้ แต่ผมขอเป็นคนลงมือบ้างได้มั๊ย”ฝ่ายนั้นเอ่ยบอก เด็กหนุ่มจึงพยักหน้าเข้าใจยอมปล่อยร่างคนนอนหมอบให้เป็นอิสระ ร่างนั้นยันกายจะลุกขึ้นตอนโดนปล่อย แต่แล้วก็ต้องนอนหงายลงไปใหม่เมื่อสัมผัสได้ถึงปลายเท้าใครคนหนึ่งที่ถีบเข้ายอดอก
“พิธ พอแล้ว เดี๋ยวมันตาย”พาสุห์ดึ้งรั้งเจ้าของปลายเท้าเอาไว้เมื่อเห็นเจ้าตัวจะตรงเข้าไปกระทืบซ้ำถึงคนนอนหงายจมกองเลือดอยู่บนเตียง นิพิธยอมฟังทั้งๆที่ยังไม่สาใจดี เด็กหนุ่มหลบไปยืนหมอบอยู่มุมหนึ่งภายในห้องจ้องมองคนที่ตนเคียดแค้นอย่างสะใจอยู่ในที พาสุห์แยกตัวเพื่อไปดูอาการคนนั่งตัวสั่นที่พื้น ในจังหวังนั้นสิ่งที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น คนที่ว่านอนหงายหายใจรวยรินได้ดีดตัวขึ้นมาใหม่แล้วใช้ความไวคว้าเอากรรไกรที่ถูกวางไว้บนลิ้นชักหัวเตียงวิ่งโผเข้าใส่คนเดินหันหลังให้

“พาสุห์ ระวัง!!”นิพิธร้องลั่นเสียงหลงเมื่อเห็นคาวีเงื้อมือวิ่งถือกรรไกรตรงไปเหมือนจะจ้วงแทงร่างคนกำลังเดินไปหาคนรัก
พาสุห์ได้ยินเสียงร้องเรียก หันกลับมามองทางเดิม เด็กหนุ่มตกใจตัวเย็นตาเบิกโพลง เมื่อเห็นคมกรรไกรกำลังจะจ้วงแทงลงมาที่ร่างตนแล้ว

“ไม่!!!”นิพิธที่ยืนเห็นเหตุการณ์ร้องลั่นขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าคมกรรไกรจ้วงเข้าใส่จมหน้าอกด้านซ้ายของใครบางคนอย่างจังจนเลือดพุ่งไปทั่วพื้นห้อง

“ภีม ภีม คุณอย่าเป็นอะไรนะภีม คุณทำแบบนี้ทำไมภีม คุณทำแบบนี้ทำไม ฮืออๆๆ”พาสุห์ร้องให้อย่างคนเสียสติเมื่อตรงเข้าช้อนร่างเหยื่อคมกรรไกรที่จมปักอยู่บนหน้าอกด้านซ้าย เด็กหนุ่มจำได้ถึงวินาทีที่ตนโดนผลักร่างสุดแรงจนร่างเซกระเด็นไปจากเงื้อมือมัจจุราชฉิวเฉียด ภิธารเป็นคนผลักร่างเขาหนีแล้วเจ้าตัวเข้ามายืนแทนที่จนโดนปลายแหลมคมจากกรรไกรปักลงกลางอกด้านซ้ายจนจมลึก

“ภีม แข็งใจไว้นะ คุณอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ คุณอย่าทิ้งผมไป อย่าทิ้งผมไปนะ ทำใจแข็งไว้ผมจะพาคุณไปหาหมอ”คนรอดเงื้อมือมัจจุราชเอ่ยเรียกพลางเขย่าร่างคนที่นอนตาเหลือกตัวเกร็งอย่างตกใจสุดขีด เด็กหนุ่มไม่สนใจแล้วว่าเหตุการณ์รอบกายจะเป็นอย่างไรแล้ว นาทีนี้ ตอนนี้เขาห่วงคนที่อยู่ในอ้อมกอดเท่านั้น เด็กหนุ่มไม่กล้าทำอะไรกับด้ามกรรไกรที่โผล่อยู่เหนือเนินอกคนตาเหลือกนั่น คนๆนั้นเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไร้ถึงเสียงที่ว่าจะลอดออกมาให้ได้ยิน เลือดสีสดทะลักออกจากทางปากคนจะพูดแทนเสียงเจ้าตัว ตามด้วยอาการชักกระตุกเป็นครั้งๆที่เหมือนจะปลิดหัวใจคนชูร่างให้ปลิวหายไปด้วย
“ภีม ไม่นะภีม อย่าเป็นอะไรไปนะครับ ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้ผมที ช่วยภีมที ช่วยภีมที”คนหัวใจจะปลิวขอร้องคนรอบกายที่ตอนนี้กำลังวุ่นกับการเข้าจับกุมคนที่กำลังจะกลายเป็นฆาตกร หลายคนคิดแบบนั้นเพราะคิดว่ายังไงๆคนที่โดนของแหลมคมทิ่มตรงเข้าที่หัวใจคงไม่รอดแน่ๆ

“มีคนเรียกรถพยาบาลให้แล้วพาสุห์ ทำใจดีๆนะ ภีมเขาไม่เป็นอะไร เขาต้องไม่เป็นอะไรนะครับ เชื่อผม”นิพิธตรงเข้าให้กำลังใจคนกำลังจะคลั่งเมื่อตนช่วยเรียกร้องให้ผู้คนตรงช่วยจับกุมมือกรรไกรลากออกไปแล้ว
“ผมไม่ไหวแล้ว มันเจ็บ มันเจ็บ”เสียงกระท่อนกระแท่นขาดๆหายของคนที่นอนจมเลือดตัวเองดังลอดออกมาให้ได้ยินจนได้ ตามด้วยอาการดิ้นบิดเกร็งร่างของเจ้าตัว นัยน์ตาที่เหลือกลานในตอนแรกเริ่มหรี่ลงเรื่อยๆ สองมือเริ่มคว้าอากาศอย่างทุรนทุราย

“ภีม ผมอยู่นี่ ผมอยู่นี่ คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ คุณต้องอยู่รับคำขอโทษจากผมนะ ผมรักคุณนะภีม คุณอย่าทิ้งผมไปนะ ผมขอร้อง อย่าทิ้งผมไป”พาสุห์รีบคว้าเอามือคนทุรนทุรายเอาไว้ นึกไหว้วอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองคนๆนี้ทั้งๆที่ความหวังดูจะริบหรี่

“พะ พาสุห์ มันมืดแล้ว มืดแล้ว ช่วยผมด้วย ชะช่วยผมด้วย ผมเจ็บ ผมเจ็บ”คนทุรนทุรายดิ้นอีกเฮือก พาสุห์รับกุมมือเจ้าตัวไว้พลางยกร่างนั้นขึ้นกอดแนบอก แล้วบอกในสิ่งที่ใจอยากจะบอก
“ภีม คุณอยู่ให้ผมได้ทำหน้าที่คนรักที่ดีก่อนได้มั๊ย คุณจะจากผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ อยู่รอผมนะ ผมพร้อมจะไปไหนมาไหนกับคุณตามที่คุณขอคุณสั่งแล้วภีม ผมจะไม่เอาแต่ใจตัวเองแล้ว ฝนตกฟ้าร้องยังไงผมจะไม่ยอมให้คุณเดินฝ่ามันไปเพียงลำพังอีกแล้ว ภีมผมรักคุณนะครับ คุณอย่าหลับนะ คุณต้องตื่น อย่าหลับนะครับ รถพยาบาลใกล้จะมาถึงแล้วอย่าหลับนะแข็งใจไว้ ผมรักคุณ ผมรักคุณภีม คุณได้ยินมั๊ย ผมรักคุณ คุณต้องไม่เป็นไร คุณต้องไม่เป็นไร”

“พาสุห์ใจเย็นครับ”นิพิธเข้าปลอบอีก ทั้งๆที่อดใจหายไปด้วยไม่ได้กับภาพที่มองเห็น ในนาทีนั้นเองที่ชายหนุ่มตัวเย็นวาบเมื่อภิธารหันมาสบตาตน รอยยิ้มบางๆฉายบนใบหน้าบอบช้ำนั้นก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆหลับตาลง

“ภิธาร ภิธาร คุณจะหลับไม่ได้นะ ภิธาร”เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องเรียก แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อนัยน์ตาอีกฝ่ายปิดสนิทลงในที่สุด พาสุห์อ้าปากตาค้างช๊อคไปชั่วขณะเมื่อมือของคนที่ตนกุมอยู่ดูหมดเรี่ยวแรงและห้อยตกลงอย่างคนลิ้นลม

“ไม่!!!!!”เด็กหนุ่มร้องลั่นพลางร่างเจ้าของมือเพื่อปลุกเจ้าตัวให้ตื่น แต่อนิจจา ร่างนั้นไม่มีอาการตอบสนองเสียแล้ว
.
.
.
.
.
.
.


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด