คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
บทที่ 15
รางวัล
---------
อากาศช่วงฤดูหนาวยังคงโหดร้ายทารุณสำหรับผู้ที่ต้องออกไปทำงาน
เมื่อคืน หิมะตกจนขาวโพลน พอเช้า ความหนาวเหน็บหาได้เจือจาง
รุจีมองออกไปนอกเรือนแล้วก็เห็นแต่ภูมิทัศน์ขาวพร่าแปลกตาสำหรับคนจากเขตทางใต้อย่างนาง ระพีเองก็ดูจะชื่นชอบกับความหนาวเย็นเช่นนี้ พวกเด็กๆนั้นปรับตัวง่าย แต่ผู้ใหญ่อย่างพี่ชายของนางเล่า ขนาดอากาศหนาวอย่างทางใต้ ก็ยังตัวสั่นระริก
หลังมื้อเช้า ตรัสและรติต้องไปเปิดร้านยา ทั้งสองเตรียมตัวออกจากเรือนแล้ว แต่รุจีก้าวเท้าไวๆเข้ามาหาเสียก่อน
“พี่รติ สวมหมวกอีกใบเถอะเจ้าค่ะ” เด็กหญิงพูดพลางยื่นหมวกถัก รติยิ้ม
“หิมะหยุดตกแล้ว พี่ไม่ต้องสวมหมวกก็ได้”
“หมวกไม่ได้กันหิมะ แต่ท่านพี่ขี้หนาว อากาศเช่นนี้จะป่วยเอา” ผู้เป็นน้องย้ำประโยคสุดท้าย แน่นอนว่ารติกลัวป่วยเป็นที่สุด เพราะเมื่อป่วยคราใดเป็นต้องมีอาการตาบอดทุกที แล้วเขาจะให้คนที่นี่รู้ไม่ได้
“ก็ได้ๆ ขอบใจ” รติรับหมวกมาสวม จากนั้นจึงก้าวเท้าออกจากประตู ตรัสมองคนที่เดินนำออกไปแล้ว ก่อนหันมาค้อมศีรษะเป็นเชิงลาเด็กหญิง แล้วเดินตามภรรยาโดยไม่พูดอะไร
---------
‘ท่านพี่ขี้หนาว อากาศเช่นนี้จะป่วยเอา’
แม้ไม่พูด แต่ตรัสรู้สึกว่าตนเองบกพร่อง
เขาไม่เคยสังเกตว่ารติขี้หนาว แม้เจ้าตัวจะสวมเสื้อคลุมสองชั้นสามชั้นก็ตามที เพราะเห็นยังร่าเริงมีพลังล้นเหลืออยู่กับการขายผงสมุนไพรที่หน้าร้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย อีกทั้งเป็นคนทำอะไรปุบปับ ประเดี๋ยวอยู่หน้าประตู ประเดี๋ยวอยู่ที่ห้องใต้ดินเก็บสมุนไพร ประเดี๋ยวก็หายหน้าไป ตรัสจึงไม่ทันได้คิดอะไร แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว ก็พบว่า แม้รติจะยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ แต่สองมือซุกอยู่กับเสื้อคลุม กระโดดเหย็งๆราวกับจะให้ร่างกายอบอุ่น
เมื่อวานตอนเย็น ระหว่างเดินกลับเรือน เขาเลยลองมองหาร้านขายเครื่องนุ่งห่มเนื้อหนา หมายจะซื้อให้รติ แต่นอกจากราคาจะแพงแล้วยังไม่ได้คุณภาพ สุดท้ายก็ซื้อไม่ลง
แต่คนจำเป็นต้องใช้ ก็ย่อมต้องใช้
ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ตัดสินใจเปิดตู้ไม้เก็บเครื่องนุ่งห่มของตนแล้วหยิบผ้าพันคอผืนหนึ่งออกมา
“ตรัส...อาหารเช้าเสร็จแล้ว” รติโผล่หน้าเข้ามาเรียกในห้องพักผ่อน
แม้ทุกวันนี้จะยังร่วมเรือนนอน แต่ก็เว้นระยะห่างไว้ให้กันเสมอ การผลัดผ้าอาบน้ำล้างหน้าล้างตาหรือใช้ห้องสุขาที่อยู่ในห้องพักผ่อนก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต่างคนต่างระมัดระวัง เมื่อคนหนึ่งใช้ อีกคนก็จะหาเรื่องออกจากห้องโดยไม่ต้องให้มีการออกปาก ดังนั้นจึงค่อนข้างจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
แต่เช้านี้ ไม่รู้เหตุใดตรัสจึงแต่งตัวช้านัก รติเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ออกไปรับประทานอาหารเสียทีจึงเข้ามาตาม
คนมาตาม เมื่อทำหน้าที่แล้วก็หมุนตัวจะกลับออกไป ทว่าเรียกฝ่ายเรียกไว้เสียก่อน
“รติ...”
พอเจ้าของชื่อหันกลับมา ผ้าพันคอผืนหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“ผ้าพันคอของข้า หากเจ้าไม่รังเกียจที่เป็นของเก่า...จะเอาไปใช้ก็ได้”
นับตั้งแต่รติเข้ามารับรู้สถานการณ์การเงินของสกุล ความสัมพันธ์ของพวกเขานับว่าดีขึ้นตามลำดับ ทว่าก็ไม่เคยถึงขั้นมอบข้าวของให้ ครั้งนี้จึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับตรัสทีเดียว
รติมองผ้าพันคอสีนวลในมือใหญ่แล้วก็เงยหน้ามองคนพูดราวกับตะลึง
“ให้ข้า?”
“หลังจากนี้อากาศจะหนาวกว่านี้ ผ้าพันคอที่ทำจากขนสัตว์ชนิดนี้เนื้อนุ่มและอุ่น แต่หายาก เดี๋ยวนี้แทบไม่มีขายแล้ว หรือถึงมีก็ราคาแพงมาก เอ่อ...ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ก็เอาไปใช้...”
“แล้วท่านไม่ใช้หรือ”
“ข้าเกิดและเติบโตที่นี่ ชินกับอากาศเช่นนี้อยู่แล้ว”
รติยังคงมองอีกฝ่ายราวกับคาดไม่ถึง ทำเอาคนหยิบยื่นน้ำใจ ชักเก้อจนรู้สึกว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้
“เอ่อ...แต่...แต่ถ้าเจ้าอยากจะได้ผืนใหม่ ข้าจะจัดสรรเงินจากที่ขายสมุนไพร...”
ทว่ายังพูดไม่ทันจบ ผ้าพันคอในมือก็ถูกดึงเอาไว้
“จะซื้อใหม่ทำไมในเมื่อมีอยู่แล้วล่ะ ข้าใช้เลยได้ไหม”
“อือ”
รติตวัดผ้าพันคอผืนยาวเนื้อนุ่มโอบรอบคอทบหนึ่ง ก็พบว่าขนสัตว์แบบนี้ให้ความอบอุ่นได้ดีทีเดียว ตรัสช่วยตวัดชายผ้ารอบคออีกทบ จากนั้นจึงจัดให้ชายผ้าคลุมลงมาถึงช่วงไหปลาร้าและไหล่
“ทำอย่างนี้ ร่างกายจะได้อุ่น”
“อุ่นจริงด้วย ขอบคุณ” รติยิ้มดีใจ ต่อให้จะทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพียงใด เจ้าตัวก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ต้องผจญกับความเปลี่ยนแปลงของชีวิต พาน้องสาวน้องชายระหกระเหินมาขอพึ่งพาอาศัยผู้อื่นในต่างถิ่น ตรัสรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ เขาถือว่าตนเองเป็นใหญ่ในบ้าน อย่างน้อยรติเข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ควรสอดส่องดูแลมากกว่านี้
“เอ่อ...ตรัส...”
เสียงเรียกของคนตรงหน้าทำให้รู้ตัว ตรัสกะพริบตา ก่อนจะเอ่ยปาก
“ไปเถอะ ออกไปกินข้าวจะได้ไปเปิดร้าน”
“อื้อ”
สามีก้าวเท้าออกนำ แต่มิได้ก้าวไว ปรายตาดูคนเดินตาม เห็นจับขยุ้มชายผ้าพันคออย่างถูกใจ ใบหน้าสดใสเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลอยให้หัวใจของตรัสอิ่มเอิบอย่างประหลาด
---------
รุจีไม่ได้ตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดจู่ๆพี่ชายของนางถึงมีผ้าพันคอผืนใหม่ ในขณะที่ท่านอมราก็มิได้สอบถามกับหลานชายว่าเหตุใดผ้าพันคอของตรัสจึงไปพันอยู่รอบคอของรติ แต่เมื่อเห็นทั้งสองเดินเคียงข้างพูดคุยกันทั้งตอนออกจากเรือนและตอนกลับเข้าเรือนได้โดยไม่ทะเลาะเบาะแว้งเหมือนก่อนหน้านี้ก็สบายใจ
กิจการร้านยาของอหัสกรรอดพ้นวิกฤติมาด้วยการขายผงสมุนไพรบำรุงร่างกาย บัญชีรายรับรายจ่ายเมื่อบวกลบกันแล้ว มีรายได้เหลือเพียงพอทั้งในส่วนของการเก็บออมและจัดสรรให้แก่ช่อง ‘เบ็ดเตล็ด’ มากกว่าเดิม
กลางดึกคืนหนึ่ง หลังจากเตรียมผงสมุนไพรสำหรับขายวันพรุ่งนี้แล้ว สองสามีภรรยากำลังจะแยกย้สายเข้านอน ซองกระดาษก็ถูกยื่นมาตรงหน้ารติต้เสียก่อน
“อะไร”
“ส่วนแบ่งจากร้านยา”
รติมองคนตรงหน้า แม้จะไม่ได้เห็นบัญชีรายรับรายจ่ายอีก แต่เขาก็พอจะจำได้ว่าในสกุลอหัสกรมีค่าใช้จ่ายใดบ้าง
“ค่าจ้างบ่าวไพร่ในเรือนและร้านยาล่ะ”
“แบ่งไว้แล้ว”
“ค่าของใช้ ค่าวัตถุดิบที่ร้านยาและอาหารการกินในเรือนล่ะ”
“เตรียมไว้แล้ว”
“ค่าเครื่องใช้ส่วนตัวของท่านอมราล่ะ”
“จัดสรรไว้แล้ว”
“ส่วนที่เก็บออมและเบ็ดเตล็ดล่ะ”
“เก็บแยกไว้แล้ว”
“แล้ว...ค่าของใช้ส่วนตัวของท่านล่ะ”
ตรัสนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบ
“ข้าไม่มีอะไรต้องใช้”
คนฟังพยักหน้า รับซองมาเปิดดู เป็นเหรียญทองและเหรียญเงิน จำนวนไม่มากนัก แต่ก็นับว่าพอใช้ได้นาน รติดึงมือตรัสมาหงาย จากนั้นก็แบ่งเหรียญเงินและเหรียญทองครึ่งหนึ่งจากในซองให้อีกฝ่าย แล้วเงยหน้ายิ้มให้
“ข้าเองก็ไม่มีอะไรต้องใช้ เช่นนั้นเราก็แบ่งกันคนละครึ่ง”
ตรัสมองคนที่เก็บเงินที่เหลืออีกครึ่งลงซอง หากจะนับถึงความพยายามและความเหน็ดเหนื่อยแล้ว เจ้าตัวควรจะได้มากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่เพราะจำเป็นต้องจัดสรรสำหรับผู้อื่นในสกุลด้วย จึงแบ่งออกมาได้เพียงเท่านี้ แต่...ก็ยังแบ่งให้เขาครึ่งหนึ่ง
‘ไม่มีอะไรต้องใช้’ ต่อให้ไม่มีอะไรต้องใช้ แล้วจะไม่มีอะไรที่อยากได้บ้างหรือ รติช่วยงานของสกุลถึงเพียงนี้ ก็ควรจะได้รางวัลบ้าง
“พรุ่งนี้...ขากลับจะแวะไปตลาดไหม เผื่อเจ้าจะได้ดูข้าวของ” ตรัสเสนอ
“ดูไปทำไม” แต่อีกฝ่ายกลับย้อนถามอย่างซื่อ
“ก็...เสื้อผ้า หรือรองเท้า...”
“ของที่ข้าใช้ก็ยังดีอยู่นี่”
“แล้วขนมหรืออาหารที่อยาก”
รติทำหน้าตานิ่งคิด ก่อนจะส่ายศีรษะ
“อยากอะไรในเรือนก็มีให้กิน”
เสื้อผ้าของใช้ก็ไม่มีที่อยากได้ อาหารการกินก็ไม่มีที่อยากทาน ตรัสนิ่งคิด เขาเองก็ไม่รู้ว่ารติชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร แต่ที่เห็นทำบ่อยๆก็...ออกไปเที่ยว
“ถ้าเช่นนั้น...วันหยุดนี้อยากไปเล่นรถเลื่อนไหม”
“รถเลื่อน?”
“ใช่ หน้าหนาวอย่างนี้ ทะเลสาบทางเหนือของเมืองจะเป็นน้ำแข็งหนา สามารถเล่นรถเลื่อนบนผิวน้ำแข็งได้ ถ้าเจ้าอยาก...”
“ท่านจะพาข้าไปหรือ?!”
“ก็...ถ้าเจ้าอยากจะไป...”
“ไปสิ! แล้ว...เด็กๆเล่นได้ไหม รุจี ระพี ล่ะ?! แล้วพาท่านอมราไปด้วยได้หรือไม่?!”
“ได้”
รติยิ้มสดใส ดูจะดีใจกว่าการได้เงินทองเมื่อครู่นี้อีก เห็นดวงตาวิบวับคู่นั้นแแล้ว ตรัสก็พลันรู้สึกดี ทว่าดวงตาเช่นนั้นอยู่ไม่นาน จู่ๆเจ้าตัวก็หมุนกายขวับแล้วก้าวเท้าออกจากห้อง
“นั่นเจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะไปบอกรุจีกับระพี...”
“พรุ่งนี้ค่อยบอก นี่ดึกแล้วจะไปรบกวนทำไม”
“จริงด้วย ข้ามัวแต่ดีใจ ถ้าอย่างนั้นข้าเตรียมของดีกว่า ที่นั่นต้องหนาวมากแน่ๆใช่ไหม ข้าจะไปเตรียมผ้าพันคอแล้วก็เสื้อคลุมหนาๆ” แล้วรติก็หมุนตัว วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้าเนื้อหนามาเตรียมอย่างตื่นเต้น ตรัสได้แต่มองตามแล้วหัวเราะเบาๆ
ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่...
ความรู้สึกที่ตรัสมีต่อรติในเวลานี้เปลี่ยนไป
เขามองรติแล้วยิ้มด้วยหัวใจที่เต็มตื้นและมีความสุข แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากวันแรกที่แต่งงานกัน
---------
#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต
ธ ม น
THAMON926
---------
มีคนรู้สึกดีๆกับภรรยาของตัวเองด้วยค่ะ
ขอบคุณทุกการอ่านนะคะ