Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
- CH.9 –
Opal
คุณคิน 8 สาย
คุณเบน 12 สาย
คุณรามิล 15 สาย
พอร์ชนับจำนวนแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่โทรเข้ามาหาคุณทิม โทรศัพท์สั่นทั้งคืนไม่ยอมหยุดในที่สุดพอร์ชก็ตัดสินใจโทรไปหาคุณคิน เพราะเขามีเบอร์แค่คุณภาคินคนเดียว นี่ทำใจแล้วนะว่าอาจจะโดนด่าไฟแลบอีกรอบ แต่พอบอกว่าคุณทิมนอนหลับอยู่ที่บ้าน คุณคินก็เงียบไป ใจนี่หายไปตาตุ่มแล้วคราวนี้คะแนนอาจจะติดลบสักสองพัน แต่อยู่ดีๆ คุณคินก็หัวเราะออกมา
“บอกแล้วว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่เป็นโรคติดแฟน”
“นึกว่าจะโดนด่า”
“อยากให้ด่าหรือไงมึงทำอะไรทิมมันหรือเปล่า”
“กอด”
“กอดแบบไหนวะ”
“นอนกอดเฉยๆ กอดแบบผมกระดิกตัวไม่ได้เลย กลัวคุณทิมตื่น”
“พี่หยกบอกมันทำงานหนักงานมีปัญหานิดหน่อย ถ้ามันตื่นหาข้าวหาปลาให้มันกินด้วยดูแลมันดีๆ ไอ้นี่ก็ดื้อทำงานเสร็จแทนที่จะพักผ่อนบินกลับไทยขับรถไปหามึงเฉย”
“คุณคิน”
“อะไร”
“ผมทำมากกว่ากอดได้ไหม”
“มึงทำไปแล้วกูรู้”
“เฮ้ย..คือผม”
“เออ..กูเข้าใจมองหน้าไอ้ทิมนานๆ ไม่มีใครทนไหวทั้งนั้น”
“น่ารัก”
“โว๊ะ..วันไหนโดนมันฟาดหัวแตกกูอยากรู้ว่ามึงจะชมมันน่ารักอยู่ไหมแล้วนี่มึงยังเล่นเกมกันอยู่เหรอวะ”
“นี่ก็แข่งกันอยู่แต่ครั้งนี้ผมมั่นใจว่าผมชนะ”
“จะบอกให้ไอ้เด็กพอร์ชครั้งนี้มึงไม่ใช่ฝ่ายที่ชนะแน่นอน”
“โห..เพื่อนคุณนอนกอดผมอยู่นี่”
“ไม่เชื่อมึงคอยดูกูรู้จักทับทิม นพจินดามาตั้งแต่สามขวบเกมห่างกันสองอาทิตย์ครั้งนี้มึงต่างหากที่จะเป็นฝ่ายแพ้”
พอร์ชวางสายจากคุณคินเพราะต้องขึ้นเครื่องไปภูเก็ต จะว่าไปคุณคินก็ดูรักอิสระดีขึ้นเหนือลงใต้แทบทุกอาทิตย์ แต่ไอ้ข้อความสุดท้ายที่ได้ยินนี่ก็ไม่อยากจะเถียงหรอกนะว่าไม่จริง ถ้าแพ้แล้วคนที่นอนกอดเขาแน่นนี่เป็นใครกัน ที่จริงพอร์ชตื่นนานแล้วแต่คนที่นอนกอดกันมาตั้งแต่เมื่อคืนก็ยังไม่ตื่น ตอนแรกตั้งใจจะปล่อยให้นอนต่อสักพัก แต่คุณทิมไม่ได้กินข้าวกินปลาตั้งแต่เมื่อวานควรจะปลุกให้มาทานอาหารเช้า
“คุณทิม”
“………………………………….”
“ตื่นเถอะครับไม่หิวเหรอไง”
“………………………………….”
“ทับทิม”
“ได้ยินแล้ว”
“ตื่นเร็ว”
“ไม่อยากลุกเลย”
“งั้นเปลี่ยนท่าก่อนแขนจะเดี้ยงแล้ว”
พูดจริงทำจริงพอร์ชรั้งร่างของคนที่ยังหลับตาอยู่ให้ขยับขึ้นมาบนตัว ไม่งั้นแขนเขาที่คุณทิมนอนหนุนมาทั้งคืนใช้งานไม่ได้แน่ คุณทิมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง ท่าทางตอนตื่นนอนน่ารักดีดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ เหมือนยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอร์ชเลยยกตัวขึ้นมากดจมูกลงบนแก้มใสที่อยู่ตรงหน้าเพราะมั่นเขี้ยว
เออ เวลาง่วงๆ นี่ดีเว้ยฟัดแก้มแล้วไม่โดนฟาดด้วย
“รู้ไหมเนี่ยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน”
“บ้านพอร์ช”
“อยากเจอผมขนาดนั้นเลย”
“หลงทางมา”
“ผมก็คิดถึงคุณ..ทับทิมรู้ไหมว่าผมดีใจแค่ไหนที่เปิดประตูบ้านแล้วเจอคุณยืนอยู่”
“ขอฟังอีกรอบซิรู้สึกยังไงนะ”
“คิดถึง สองอาทิตย์โคตรนานเลยว่ะถ้าคุณทิมไปนานกว่านี้ผมจะทำยังไงวะ คิดถึงตาย”“ขออีกรอบ”
“คิดถึง เอาอีกไหมพูดให้ฟังอีกก็ได้นะ”
ไม่รู้ว่าเขินหรือเปล่าแต่คุณทิมเล่นซบหน้าลงตรงอกกว้าง อ้อนขนาดนี้ใครจะไปทนได้พอร์ชเลยต้องลุกขึ้นนั่งพร้อมกับประคองให้คนที่นอนอยู่บนตัวลุกขึ้นมาด้วย นี่ก็เลยเวลาทานอาหารเช้ามานานแล้วและแน่นอนบ้านสามร้อยล้านแต่อาหารสดก็ไม่มีเหมือนเดิม พอร์ชเลยจะไปซื้อที่เซเว่นใกล้ๆ ให้
ดีที่คุณทิมมีชุดสำรองอยู่บนรถ พอร์ชเลยให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำอาบท่าเลยเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้ จังหวะที่ทิมรับผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ต่างคนต่างมองหน้าเมื่อรู้สึกกันทั้งคู่ว่าระหว่างเราทั้งสองคนมันเริ่มใกล้เคียงกับคำว่าแฟนมากขึ้นไปทุกวัน พอร์ชยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่าหน้าคุณทิมเริ่มจะขึ้นสีแดง
อ้อ..เขิน
“เดี๋ยวทำอาหารเช้ารอนะจ๊ะที่รัก ขอพักแขนแป๊บมีคนนอนกอดทั้งคืน”
ผ้าเช็ดตัวในมือฟาดใส่หน้าเขาเต็มๆ แถมยังเดินฉับๆ เข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว พอแกล้งตะโกนอีกรอบก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาด่าว่าไอ้เด็กเวร! ก่อนจะปิดประตู ปล่อยให้เจ้าของบ้านยืนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เพิ่งรู้ว่าการที่ตื่นมาในตอนเช้าพร้อมกับใครสักคนมันดีแบบนี้นี่เอง อยู่ดีๆ ความคิดบางอย่างมันแวบขึ้นมา
“แต่งงานตอนอายุยี่สิบเจ็ดดีไหมวะ”ทำอาหารเช้าของพอร์ชก็คือเอาออกจากถุงใส่จาน เออ..พอจัดอะไรนิดหน่อยอาหารเซเว่นก็ดูน่ากินขึ้นมาทันที คนที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามาหาในห้องครัว ชุดสำรองของคุณทิมคือเสื้อยืดตัวโคร่งไหล่ตกกับกางเกงผ้าสามส่วนพอร์ชชอบเวลาที่คุณทิมแต่งตัวแบบนี้ดูเหมือนเด็กวัยรุ่นดี
“อยู่กับคนทำอาหารไม่เป็นก็เป็นแบบนี้นะทำใจหน่อย”
“ไปฝึกทำอาหารกับเบนเลย”
“คุณเบนทำอาหารเป็นเหรอครับ”
“ระดับเชฟ คีตาได้กินอาหารเช้าหรูหราฟูฟ่าทุกวันบางวันยังกะโรงแรมห้าดาวไม่รู้ว่าเอาเวลาไหนไปทำ แล้วดูผมซิ”
“เฮ้ย ผมเทใส่จานเองกับมือ”
“เก่งจังเลย”
ดูคำพูดคำจาผู้ชายอาชีพสถาปนิกวัยยี่สิบเจ็ดเวลานอนยังไม่ค่อยจะมีจะมีเวลาไปทำอาหารได้ยังไงกัน จังหวะที่พอร์ชกำลังเอาไส้กรอกมาใส่จานก็หันมาเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เอามือจับผมอยู่ก็เลยเอ่ยถาม
“มัดจุกไหม”
“ไม่มีหนังยาง”
“บ้านผมก็ไม่มีเดี๋ยววันหลังผมซื้อไว้แล้วกัน”
“ต้องซื้อเลยเหรอ”
“เอ๊า..ไม่มีก็ต้องซื้อผมไม่ได้มัดจุกเหมือนคุณทิมนี่”
“ผมไม่ได้อยู่บ้านคุณพอร์ชทุกวันสักหน่อยหรือว่าอยากให้อยู่”
พอร์ชรู้สึกว่าคุณทิมเริ่มฟื้นคืนชีพละ หลังจากชาร์ตพลังมาทั้งคืน เพราะตอนนี้คุณทิมเริ่มยกมือขึ้นมากอดเอวเขาจากด้านหลังแล้วเอียงหน้ามามอง คนที่กำลังจัดอาหารเช้าตรงหน้าหยุดชะงักแล้วก้มลงมามองคนทำตาแป๋วบ้องแบ๊วแต่รอยยิ้มนี่เดวิลมากๆ
“แล้วคุณทิมอยากอยู่หรือเปล่า”
“ก็อยู่ที่เจ้าของบ้าน”
“ผมต้องยกขันหมากไปขอคุณทิมจากคุณคินก่อนคนแรก”
“โดนคินเอาต้นกล้วยฟาดแน่”
“ครั้งนี้ฟาดไม่ได้นะครับใครเป็นคนที่มานอนกอดผมก่อน ครั้งนี้คุณทิมแพ้นะ”
“ผมแพ้เหรอ”
“กอดจนผมเป็นตะคริวจะไม่แพ้ได้ไง”
“กติกาเราว่าไงนะ”
“ห้ามโทรห้ามไลน์ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ”
“แล้วไงอีก”
“ใครบอกคิดถึงก่อนแพ้”
“แล้วผมแพ้ตรงไหน”
“ก็คุณทิม…เดี๋ยวนี่คุณหลอกให้ผมพูดว่าคิดถึง”
“ใครหลอก? คุณพอร์ชเป็นคนบอกผมเองต่างหาก สองอาทิตย์นี่โคตรนานเลยว่ะถ้าไปนานกว่านี้ทำไงคิดถึงตายเลย”
“ให้ตายเถอะ ทับทิมทำไมอยู่ดีๆ ผมเป็นฝ่ายที่แพ้ เฮ้ย..ไม่ได้ดิวะผมจะแพ้ได้ไง”
“ก็คุณบอกคิดถึงผมก่อนได้ข่าวว่าจองตั๋วไปญี่ปุ่นด้วยคินบอกผมหมดแล้ว”
“โห..นี่ช็อคเลย”
มีการล้อเลียนประโยคที่เขาพูดอีกต่างหากพอร์ชวางแซนวิชลงกับจานไม่จงไม่จัดมันแล้ว นี่สินะที่คุณคินบอกว่ายังไงเขาก็เป็นฝ่ายแพ้ จริงอยู่ที่คุณทิมเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อนแต่เล่นไม่พูดอะไรสักคำ ที่จริงเขาลืมกติกาอะไรที่ตกลงกันไว้ไปหมดแล้วตั้งแต่เห็นคุณทิมยืนอยู่หน้าบ้าน เพิ่งมานึกได้ตอนที่คุณทิมเป็นฝ่ายถามขึ้นมา พอร์ชจับมือคนที่กอดเอวเขาไว้แล้วอุ้มคนที่ตัวเล็กกว่าให้มานั่งตรงเคาน์เตอร์
“ทำไมคุณถึงร้ายขนาดนี้”
“ผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ชินเหรอไง”
“นี่ผมเคยชนะคุณบ้างหรือยัง แต้มผมติดลบหลักหมื่นแล้วแน่ๆ”
“ไม่รู้สิว่าเคยชนะไหม”
พอร์ชเขยิบตัวเข้ามาหาคนที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์เมื่อคุณทิมดึงเสื้อให้เข้ามาใกล้ๆ พอร์ชเลยก้มลงมาหาเมื่อคุณทิมเอียงหน้ามากระชิบให้ฟังบางอย่าง
“แต่เมื่อคืนผมก็อยู่กับคุณจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นคุณ พชร”พอร์ชหันมามองคนที่ยังไม่ยอมขยับตัวออกไปไหน รอยยิ้มเดวิลที่เขาชอบเรียกตอนนี้มันน่ารักจนต้องก้มลงไปหอมแก้มหนักๆ จนแก้มใสบุ๋มลงไปแกล้งกดค้างอยู่อย่างนั้นจนคนโดนหอมต้องทุบลงบนไหล่ สงสัยจะหอมแรงไปหน่อยแก้มถึงได้เป็นรอยจางๆ พอร์ชเลยต้องย้ายมาหอมอีกข้างเพื่อความเท่าเทียม ตอนนี้คนชนะนั่งแก้มแดงเป็นตุ๊กตาพอร์ชซบหน้าลงกับไหล่เล็กๆ นั่นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันและคำถามที่คิดไว้ก็วนกลับมาอีกรอบ
แต่งงานตอนอายุยี่สิบเจ็ดดีไหมวะJewelry Design
ไม่คิดว่าจะต้องออกมาข้างนอก
ด้วยชุดอยู่บ้านขนาดนี้
จริงๆ ทิมไม่ได้เป็นคนคิดมากเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมสักเท่าไหร่ไม่ได้ต้องเป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนเบนจามิน แต่ก็นะ..เพราะด้วยอาชีพที่ทำอยู่ต้องเจอลูกค้าหรือก็ไม่ก็คนที่เคยร่วมงานกับ pure Jewelry โดยบังเอิญอยู่บ่อยๆ เลยต้องพิถีพิถันเรื่องเครื่องแต่งกายบ้าง ถึงจะไม่ได้ชุดทำงานแบบที่ใส่ทุกวันแต่ก็น่าจะเรียบร้อยกว่านี้สักหน่อย
“เกิดอยากจะซื้อของอะไรวันนี้ ชุดผมอยู่บ้านสุดๆ”
“ก็ผมว่าง ผมบอกคุณทิมไปแล้วว่าผมเคลียร์งานเพื่อไปญี่ปุ่นแต่คุณก็โผล่มาเฉย”
“อ้อ..ขอโทษนะที่อยากเจอคุณพอร์ชมากจนต้องกลับมาก่อน”
“คนชนะแล้วจะพูดอะไรก็ได้ ตั๋วไปญี่ปุ่นผมไร้ประโยชน์เลย”
พอร์ชจะเดินไปหยิบรถเข็นแต่ตาก็เหลือบไปเห็นร้านขายอุปกรณ์แต่งผมเลยเดินเข้าไปดู ผมคุณทิมเวลาที่ไม่ได้เซ็ตมันนุ่มลื่นปิดหน้าปิดตาจนเจ้าตัวต้องจับมันไว้บ่อยๆ พอร์ชหยิบหนังยางสีดำขึ้นมาก่อนจะชูให้คนยืนมองอยู่ข้างๆ ดูแต่ท่าทางตอนนี้คุณทิมน่าจะมือไม่ว่างเพราะถือแก้วกาแฟไว้อีกข้างก็ถือโทรศัพท์ พอร์ชเลยบอกว่าจะมัดผมให้
ผมสีน้ำตาลเข้มลื่นมือทำให้พอร์ชยิ้มนิดๆ บอกตามตรงเขาเองก็ทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นหรอก เขาไม่เคยมัดผม ถักเปีย ให้ใครมาก่อนผู้หญิงคนไหนก็ไม่เคยทำให้ นี่เป็นครั้งแรกที่มัดผมให้ใครสักคน ถึงท่าทางมันจะดูเก้ๆ กังๆ ไปบ้างแต่เขาก็ทำมันได้สำเร็จ ดวงตากลมโตมองเขาไม่วางตาเมื่อเขาจัดผมตรงด้านหน้าให้
“โอเคแล้ว”
“มองหน้าทำไม”
“น่ารักจังเลยวะแกะออกได้ไหมไม่ให้มัดแล้ว”
“ตัวเองเป็นคนทำให้แท้ๆ ไปซื้อของเดี๋ยวนี้”
พอโดนดุพอร์ชเลยต้องไปหยิบรถเข็น เป็นการเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตในรอบหลายเดือนปกติพอร์ชไม่เคยต้องซื้ออะไรมากมายถึงขนาดต้องเข้ามาที่นี่ แต่ก็เริ่มคิดว่าเขาควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้อย่างน้อยก็ควรมีพวกนมหรือไม่ก็ซีเรียลไม่ใช่มีแต่พวกมาม่าเต็มตู้ขนาดนั้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเพราะคนที่เดินดูของอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้ด้วยหรือเปล่า…เขาไม่อยากให้คุณทิมต้องกินอาหารแช่เข็งหรือมาม่าบ่อยๆ นี่ถึงขนาดจะไปเรียนทำอาหารง่ายๆ กับป้าพรแม่บ้านที่เจริญกิจธาราแล้วนะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาคิดถึงคุณทิมเป็นอันดับหนึ่ง“ห้ามซื้อมาม่าเยอะนะ”
“ไม่ซื้อเยอะแล้วครับ”
“คุณพอร์ชทำอาหารง่ายๆ ก็ได้ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ดาว ”
“ยากจัง”
“มันยากตรงไหนมันง่ายสุดแล้วผมยังทำเป็นเลย”
“มาทำให้ผมกินที่บ้านได้ไหม”
“นึกว่าเลิกหยอดไปแล้วไม่เขินเลยเหอะถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ผมจะด่าคุณพอร์ชซ้ำอีกด้วย ”
“นี่ก็ดุจังพี่ทิมครับ”
“ถ้าชอบแบบ พี่พอร์ชคะ พี่พอร์ชขา ไปหาเอาที่อื่น”
“ชอบแบบไอ้เด็กเวรเมื่อเช้ามากกว่าครับ”
สรุปพอร์ชก็ได้แต่เข็นรถเข็นตามคนข้างหน้าที่กลายเป็นคนเลือกของให้เอง คนตัวเล็กมัดจุกเงยหน้ามองบรรดานมยี่ห้อต่างๆ สายตาก็ไล่ดูไปเรื่อยๆ มีหันมาถามว่าเขาชอบกินแบบไหนเป็นบางครั้ง พอร์ชเท้าคางมองภาพของคุณทิมที่กอดขนมและนมกล่องไว้เต็มสองแขน ความรู้สึกตอนนี้เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันคืออะไรแต่หยุดยิ้มไม่ได้เลยสักนิด เหมือนเขาได้เห็นทับทิม นพจินดา ในมุมที่คนอื่นไม่มีวันได้เห็น
“พอร์ช ไอ้พอร์ช”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้พอร์ชหันไปมอง บินเพื่อนสุดที่รักที่เมื่อคืนคาบข่าวดีมาบอก โบกมือทักทายแล้วเดินเข้ามาหา จริงๆ เขากับบินก็เจอกันบ่อยเพราะงานที่รับมาก็แนวใกล้เคียงกัน พูดคุยถึงผลบอลเมื่อคืนไปเรื่อยเปื่อยที่จริงแล้วพอร์ชก็ไม่ได้ตั้งใจดูบอลเลยสักนิดสนใจคนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนมากกว่าที่จะเงยหน้ามองทีวี
“แล้วเมื่อคืนมึงแม่งหายไปเลยไม่มีใครมาเม้าส์เรื่องบอลกับกู ลูกนั้นโคต..”
“พอร์ชเอานี่ด้วยนะ”
คุณทิมที่เดินหายไปไหนไม่รู้กลับมาพร้อมอาหารเช้าซีเรียลกล่องบะเร่อพอร์ชรับมันมาวางไว้ในรถเข็น พอเงยหน้ามองเพื่อนตัวเองที่เห็นว่าอยู่ดีๆ ก็เงียบไปแต่ท่าทางที่เห็นอยู่ตอนนี้ทำให้พอร์ชหลุดขำออกมา ไอ้บินถือขวดแชมพูมองตาค้างเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งเดินเข้ามาหาเป็นใคร และทำท่าตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าพอร์ชคว้าเอวคุณทิมเข้ามาใกล้ๆ เมื่อมีรถเข็นเบียดเข้ามาหาและหัวใจแทบวายตอนที่มือของคุณทิมวางลงบนแขนของพอร์ชแล้วพูดเรื่องเกี่ยวกับน้ำผลไม้อะไรสักอย่างฟังไม่ค่อยได้ยิน จนกระทั่งทิมหันไปมองบินถึงได้รู้สึกตัว
“เพื่อนเหรอ”
“ครับ นี่บินมันเป็นแฟนคลับคุณนะ”
“แฟนคลับผม?”
“จริง มันบอกคุณทิมน่ารักหน้าตากรุ้งกริ้งๆ”
“ศัพท์อะไรเนี่ยแล้วนี่แกล้งเพื่อนใช่ไหม”
“ไม่เชื่อลองทักมันดู”
ทิมเห็นคนที่ชื่อบินยืนท่าเดิมตัวแข็งทื่อไม่เปลี่ยนท่าเลยสักนิดเลยลองเอ่ยทัก แค่คำว่าสวัสดีครับขวดแชมพูในมือก็หล่นลงพื้นท่าทางตลกของเพื่อนทำให้พอร์ชหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็หลายนาทีอยู่ ทิมเลยขอตัวไปเดินดูของปล่อยให้พอร์ชได้คุยกับเพื่อนต่อ ทันทีที่คุณทิมเดินเลี้ยวไปแล้วบินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ไอ้เหี้ยพอร์ช”
“ขึ้นเหี้ยเลยเว้ย”
“กูสงสัยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่ามึงจะเร่งให้กูพิมพ์อะไรนักหนา นึกว่ามึงแค่ชื่นชมเขาเหมือนกู เห็นไอ้มีนบอกคุณย่ามึงเป็นลูกค้าของ pure Jewelry”
“ตอนนี้กูก็เป็นลูกค้าอยู่”
“เดินซื้อของเข้าบ้านยังกะครอบครัวสุขสันต์ลูกค้าจ้าลูกค้า กูผู้ซึ่งเป็นแฟนคลับนัมเบอร์วันได้แต่มองตาปริบๆ”
“มึงได้บัตรVIPขนาดนี้เรียกร้องอะไรอีกได้เจอเวอร์ชั่นชุดอยู่บ้านด้วยนะไม่ได้เห็นง่ายๆ”
“มัดผมจุกด้วย..น่ารัก”
“กูเป็นคนมัดให้เขาเองกับมือ”
“เกลียดมึงฉิบหายเลยโว้ย”
พอคุยกันนานต่างคนก็ต่างแยกย้ายพอร์ชยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงปากคล้ายจะบอกว่าเรื่องนี้อย่าเพิ่งไปบอกใครและบินเองก็พยักหน้ารับ พอร์ชเชื่อว่าเพื่อนอย่างบินไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครอยู่แล้ว สำหรับเขาไม่ได้กลัวเท่าไหร่ที่ใครจะรู้เรื่องนี้ แต่อย่างน้อยคุณทิมก็ยังเป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม นามสกุลก็ไม่ใช่เล่นๆ เขากลัวว่ามันจะมีผลกระทบอะไรตามมา บินโบกมือลาอีกรอบแต่คำพูดของพอร์ชรู้สึกว่าขวดแชมพูในมือควรฟาดใส่หัวมันสักครั้ง
“บิน กูโชคดีเนอะเลิกงานแล้วเขาบินกลับมาหาเลยทันทีน่ารักจนกูอยากอวด”
ยืนยันคำเดิมเกลียดมึงอีพอร์ช!
Jewelry Design
วันนี้สถาปนิกพอร์ชน่าจะว่างจริงๆ
เพราะตอนนี้ทิมกำลังยืนมองสถานที่ที่เรียกว่า เยาวราช
หลังจากที่ออกจากซูปเปอร์มาร์เก็ต มันก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี ตอนแรกก็จะซื้อกลับไปกินที่บ้านเพราะเขาเองไม่อยากจะเข้าไปนั่งกินในร้านอาหารด้วยเสื้อผ้าหน้าผมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่อยู่ดีๆ พอร์ชก็ตัดสินใจเลี้ยวรถแล้วเปลี่ยนใจมาทีนี่แทน
“การลาพักร้อนของผมจากญี่ปุ่นมาเยาวราช”
“นึกยังไงถึงอยากมา”
“ตั้งแต่เรียนจบผมยังไม่เคยมีเวลามากินเลย”
“คนบ้างานแบบคุณกินแต่มาม่าเท่านั้นแหละ”
“เฮ้ย..เมื่อก่อนนี่เซียนเลยนะครอบครัวผมก็เชื้อจีนเลยชอบมากินอาหารจีนที่นี่บ่อยๆ”
“วันนี้เลยจะกลับมาเป็นอาตี๋”
“แล้วเราจะกินอะไรกันดีอาหมวย”
พอร์ชหัวเราะเมื่อเขาแกล้งเรียกไปอย่างนั้นคนโดนเรียกอาหมวยเลยเดินหนีไปหาของกินก่อน นี่ก็เพิ่งรู้ว่าคุณทิมชอบกินมากขนาดนี้ตากลมโตดูตื่นเต้นเมื่อเห็นของกินมากมายตามข้างทาง มีการเล่าให้ฟังว่าแก๊งลูกเพื่อนแม่มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันในวันอาทิตย์ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ที่คิวของใครโอ้โห..เป็นแก๊งเพื่อนที่โคตรอะเมซิ่งเลยว่ะ และแน่นอนว่าคุณทิมผู้ชื่นชอบของหวานเป็นชีวิตจิตใจ กิจกรรมของคุณทิมก็คือหาร้านขนมกิน นึกภาพตามแล้วโคตรตลก คุณทิมน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่นึกภาพคุณคิน คุณเบน คุณรามิล นั่งจิ้มเค้กแล้วอดที่จะขำออกมาไม่ได้
“ไอ้คินเรียกขนมทุกอย่างบนโลกว่าเค้กคนบ้าอะไรดีนะที่มันยังแยกคุ้กกี้ออก”
“ถ้าแก๊งลูกเพื่อนแม่ไม่ว่างคุณทิมไปกับผมก็ได้”
“ชอบขนมเหรอไง”
“ก็กินได้อย่างน้อยก็ไม่เรียกทุกอย่างว่าเค้กผมแยกบราวนี่ออกนะ”
“ไอ้คินได้ยินแบบนี้โดนเตะก้านคอแน่นายพอร์ช”
จากร้านก๋วยจั๊บก็มาร้านบัวลอย คุณทิมกินเก่งจริงๆ นี่วางแผนจะเดินกินมันทุกอย่างตัวก็เล็กนิดเดียวไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ไหน พอร์ชก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งเขาจะได้เห็น ทับทิม นพจินดา ทายาทธุรกิจอัญมณีในชุดอยู่บ้านมัดจุกนั่งกินบัวลอยเคี้ยวตุ้ยๆ แถมวันนี้หลากหลายเรื่องราวที่เราได้คุยทำให้เรารู้เรื่องกันและกันมากขึ้น อย่างน้อยลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ก็ไม่ได้สูญเปล่าละวะ
“แล้วคุณทิมไม่เบื่อเหรอที่ต้องออกแบบแหวนแต่งงานตลอด”
“ไม่เบื่อหรอกครับ ทุกคนมีเรื่องราวความรักไม่เหมือนกันเหมือนผมเป็นพี่อ้อย พี่ฉอดคลับฟรายเดย์ ต้องเอาเลิฟสตอรี่มาอยู่ในแหวนสองวง คุณพอร์ชรู้ไหมต้นไม้รักมิลมาสิบปี คีตาแต่งเพลงรักให้เบนสิบเพลง เวลาได้เห็นได้ฟังเรื่องราวแบบนี้ มันก็น่าประทับใจดี”
“คุณทิมไม่เคยออกแบบแหวนแต่งงานให้ตัวเองจริงๆ เหรอครับ”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะบอกว่าไม่..”
“แสดงว่าตอนนี้ต้องแอบออกแบบไว้?”
“ไม่บอกอย่ามาหลอกถาม”
“แหวนของคุณมันจะต้องเป็นทับทิมแน่นอน แล้วก็ด้านในแหวนวงหนึ่งมีตัวอักษร P อีกวงหนึ่งตัวอักษร T”"คิดแบบแหวนของตัวเองหรือยังเถอะเลื่อนคิวไปสุดท้ายแล้วเดี๋ยวก็ทำไม่ทัน”
“งั้นฟังเลิฟสตอรี่ของผมไหมเผื่อได้ไอเดีย”
“ว่ามา”
“เจอกันครั้งแรกที่ผับจำชื่อไม่ได้ ผมกำลังยืนคุยจิ๊จ๊ะกับผู้หญิงสักคนตอนนี้ก็จำชื่อไม่ได้แล้วเหมือนกัน แล้วอยู่ดีๆ ก็มีคนๆ หนึ่งเดินแทรกกลางเข้ามา เห็นหน้าไม่ชัดแต่จำดวงตาได้ แต่ตอนนั้นคิดไว้แล้วว่าต้องน่ารักมากแน่ๆ”
“กวนตีนเหรอ”
“จะว่าไปก็ตลกดีเราเจอกันครั้งแรกที่ผับแล้วดูตอนนี้มานั่งกินบัวลอย หรือว่าแหวนผมจะเป็นรูปบัวลอยดี”
“หยุดความคิดแปลกๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ”
ต่อจากบัวลอยคุณทิมก็มีความตั้งใจจะกินขนมปังอีกแต่แถวยาวมากเลยเลือกที่จะเดินย่อยก่อน คุณชายทับทิม นพจินดาไม่ได้ทำตัวหรูหราเหมือนอย่างที่เขาเคยคิด อย่างน้อยตอนนี้ก็อยู่ในชุดอยู่บ้านเดินหาร้านของกินไปเรื่อย เวลาเห็นอะไรน่ากินก็พยายามจะลากเขาเข้าไปต่อแถว พออร่อยก็ยิ้มตาหยี
บอกตามตรงตั้งแต่ทำงานเปิดบริษัทของตัวเองมาเขายังไม่เคยมีเวลามาทำอะไรแบบนี้เท่าไหร่ เขาบ้างานจนเกินไปเวลากินข้าวก็แทบจะไม่มี เป็นรอบหลายเดือนที่เขายิ้มได้อย่างสบายใจ พอร์ชเหลือบมองมือของคุณทิมก่อนจะค่อยๆ จับมาประสานไว้แล้วเดินไปพร้อมๆ กัน ทิมหยุดมองไปแป๊บนึงก่อนจะกระชับมือที่จับไว้ให้แน่นขึ้น
“คิดถูกที่กลับมาจากญี่ปุ่นเลย”
“คิดถึงอาหารไทยล่ะสิ”
“คิดถึงคุณพอร์ชต่างหาก”“เนี่ย..แล้วมาพูดตอนนี้คนเรา มาหลอกให้ผมแพ้ตลอด”
พอร์ชยกมือขึ้นมาดึงจุกผมอย่างมันเขี้ยวก่อนจะพาเดินวนกลับไปที่ร้านขายขนมปังเจ้าดัง ทิมก้มลงมองมือของเราสองคนที่ยังคงจับกันไว้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ชี้ให้อยู่ดูร้านของกินอื่นๆ เรื่องราวต่างๆ ที่พอร์ชเล่าให้ฟังทำให้ทิมต้องยิ้มตาม ช่วงเวลาตอนนี้มันดีจนทิมอยากจะให้เวลามันยาวนานกว่านี้อีกสักหน่อย วันนี้เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันและมันก็ทำให้รู้ว่าที่จริงแล้วทิมเองที่คิดถึงพอร์ชมากแค่ไหน
ไม่ใช่ทิมไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างที่เขาทำมันเพราะอะไร ตั้งแต่รีบบินกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วตรงดิ่งมาหาทั้งที่เหนื่อยแทบตาย หรือการที่ยอมให้พอร์ชได้เข้าใกล้ทั้งกอดทั้งหอมขนาดนี้ เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ไม่รู้ความรู้สึกตัวเองที่มีต่อพอร์ชมันคือความรู้สึกแบบไหน
ยอมรับว่าไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตอนนี้พอร์ชคิดอะไรอยู่ เกมที่เล่นอยู่ตอนนี้ทิมเองก็แยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนจริงไม่จริง
ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทุกสัมผัส มันมาจากใจหรือพอร์ชแค่เล่นไปตามเกมหลอกให้เขาตายใจ
ถ้าเกมความรักกล่าวไว้ว่า
ใครตกหลุมรักก่อนแพ้ และถ้ามันเป็นแบบนั้นตอนนี้
คนที่ชนะน่าจะไม่ใช่ทับทิม นพจินดาอีกต่อไปแล้วTO BE CON
ต้องมีคนแพ้แน่ๆ สักคน..
#อัญมณีที่รัก #ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo