สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา จบแล้ว P.14(28/04/2562) มีเรื่องแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับe-bookค่ะ  (อ่าน 96854 ครั้ง)

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.06 P.2 (06/04/2560)
«ตอบ #60 เมื่อ07-04-2017 08:25:09 »

เทพพระอาทิตย์เหรอ?

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.06 P.2 (06/04/2560)
«ตอบ #61 เมื่อ07-04-2017 10:18:26 »

 :mew1:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.06 P.2 (06/04/2560)
«ตอบ #62 เมื่อ07-04-2017 21:43:00 »

เป็นพระอาทิตย์หรือเปล่าที่มาได้ยิน

ออฟไลน์ zirconsan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.06 P.2 (06/04/2560)
«ตอบ #63 เมื่อ08-04-2017 02:20:45 »

รอค่าาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : กำเนิดบุษยะ













“ข้าขอแต่งตั้งพระพริษฐ์บุตรแห่งข้า ขึ้นครองตำแหน่งพระผู้สร้างสืบต่อไป”

พระสุรเสียงของมหาเทพพระองค์หนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นอดีตพระผู้สร้าง พระองค์ทรงป่าวประกาศราชโองการแห่งฟ้าดินด้วยผู้สืบสันตติวงศ์ลำดับต่อไป สุรเสียงนั้นดังกึกก้องทั่วทุกสารทิศ ก่อให้เกิดหยาดพิรุณตกลงพื้นพิภพที่สั่นไหวรวมถึงเกลียวคลื่นยักษ์ในมหานที เหล่าทวยเทพเทวดารวมถึงเหล่าอสุราต่างมาพร้อมเพรียงร่วมยินดี ถวายความจงรักภักดีให้กับว่าที่พระผู้สร้างหนุ่ม ที่ทรงพระสิริโฉมและสง่างาม พระวรกายแกร่งที่สูงใหญ่สวมอาภรณ์ฉลองพระองค์สีขาวแลปักเลื่อมและประดับด้วยดิ้นสีทอง พระหัตถ์หนาทรงถือคฑายอดเพชรศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ของพระผู้สร้างไว้ พระเพลายาวค่อยๆ ก้าวเสด็จพระราชดำเนินมาข้างหน้าท่ามกลางสภาเทวาเทพที่นั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง ขบวนเหล่านางอัปสรที่ตามเสด็จต่างก็ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม บ้างก็ลอยอยู่ในอากาศโปรยกลีบผกามงคลหลากสีร่วมยินดี พระพริษฐ์หยุดยืนอยู่ตรงพระพักตร์ของพระราชบิดา ก่อนที่จะย่อพระวรกายลงคุกเข่าให้เทพชั้นสูงบนบัลลังก์สวมมงกุฎให้

“ข้าพระพริษฐ์ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณว่าจะปกครองทั้งสามโลกด้วยความเป็นธรรม”

ด้วยสัตยาบันนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา…พระพริษฐ์หรือพระผู้สร้างองค์ปัจจุบันก็ปกครองทั้งสามโลกด้วยความยุติธรรมโดยใช้หลักธรรมเป็นที่ตั้ง ทำให้สรรพสิ่งทั้งไตรภพมีความสงบสุขเรื่อยมา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่มหาเทพเพียงพระองค์เดียวจะจัดการได้ แม้พระองค์นั้นได้มอบหมายงานบางส่วนให้เทพองค์อื่นดูแล ถึงกระนั้นพระผู้สร้างก็ยังทรงเหนื่อยล้าพระวรกายอยู่ดี เฉกเช่นวันนี้มีการประชุมเหล่าเทวาซึ่งมีการถกเถียงกันในที่ประชุมสภาจนพระองค์ต้องทรงคอยห้ามปรามเป็นระยะและทรงเข้าไกล่เกลี่ยจนสำเร็จผล การประชุมสภาจึงผ่านพ้นไปด้วยดี

เมื่อการประชุมสภาเสร็จสิ้น เหล่าเทพบุตรและเทพธิดาต่างก็แยกย้ายกลับวิมานตนยกเว้นพระผู้สร้างที่ยังคงประทับอยู่บัลลังก์สภา พระหัตถ์หนาคอยบีบจับนวดพระกรรเจียกที่ปวดตุบขึ้นมา โดยไม่ทันได้สังเกตว่าพระชายามหาเทวีทั้งสามได้เสด็จมาเข้าเฝ้า

“พระผู้สร้าง” ‘ชวัลลักษณ์’ เทวีแห่งความงาม หนึ่งในสามพระชายา ที่ความงามนั้นเป็นหนึ่งเหนือเหล่าเทวีและเทพธิดาทุกองค์ ตรัสเอื้อยเอ่ยด้วยสุรเสียงหวานใส ก่อนจะประทับลงบนบัลลังก์ที่อยู่ตำแหน่งรองลงมาจากบัลลังก์ใหญ่ร่วมกับพระชายาอีกสองพระองค์ คือ ‘ภัควลัญชญ์’ เทวีแห่งโชคลาภ และ ‘อนัญพร’ เทวีแห่งความรุ่งเรือง

“ชวัลลักษณ์ ภัควลัญชญ์ อนัญพร พวกเจ้าทั้งสามมีการอันใดหรือ ถึงได้รวมตัวมาพบข้าถึงที่นี่” พระผู้สร้างตรัสถามด้วยสุรเสียงราบเรียบ สายพระเนตรคมสบมองพระชายาทั้งสามด้วยความอ่อนพระทัย…คงหนีไม่พ้นเรื่องเดิมสินะ 

“พวกเราต่างทราบดีว่าที่ท้องพระโรงแห่งนี้นอกจากจะงานพระราชพิธีแล้ว เราทั้งสามนั้นไม่สามารถเข้ามาได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเสียก่อน” ภัควลัญชญ์เอ่ย

“พวกเจ้าต่างก็รู้ดี หากก็ยังเข้ามาแสดงว่ามีการสำคัญอันใด ที่จะมาแจ้งแก่ข้าใช่หรือไม่?”

“หาใช่เรื่องสำคัญอันใดดอก เพียงพวกเราทั้งสามยังมิได้ถวายงานรับใช้ท่านเลย ด้วยใคร่รู้จึงได้มาพบท่านเพื่อซักถามว่าราตรีนี้ท่านจะไปเยือนยังวิมานของใคร” อนัญพรบอกถึงความต้องการที่แท้จริง พระพริษฐ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พระองค์ทรงคิดไว้แล้วมิมีผิดว่าพระชายาทั้งสามของพระองค์จะมาด้วยจุดประสงค์นี้

“เห็นทีวันนี้ข้าจะต้องกลับไปอยู่ที่วิมานแก้วของข้า ด้วยราตรีนี้จะเป็นราตรีที่พระจันทร์จะทรงฤทธิ์ ข้าจักนั่งวิปัสนาบำเพ็ญเพียรเพื่อรับพลังทิพย์จากพระจันทร์  ดังนั้นแล้วพวกเจ้าทั้งสามก็ควรกระทำการเยี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน” พระผู้สร้างตรัสเสร็จ ก่อนจะลุกขึ้นจากบัลลังก์แล้วเสด็จผ่านพระชายาทั้งสามอย่างไม่คิดจะสนพระทัยรีบแรงออกไปจากสภาเทวา สร้างความน้อยอกน้อยใจให้แก่พวกพระเทวีทั้งสามเป็นอย่างมาก

พระผู้สร้างเองก็ทรงรู้ว่าตนกระทำมิถูก ด้วยการเดินหนีอิสตรีผู้เป็นชายานั้นเป็นสิ่งที่บุรุษไม่ควรกระทำ แต่พระองค์ก็จำต้องทำเพื่อหลีกเลี่ยงมหาเทวีทั้งสาม พระองค์ยอมนั่งประชุมสภาทั้งวันทั้งคืนเสียดีกว่าต้องเสด็จไปบรรทมยังวิมานใดวิมานหนึ่งในสามวิมานนี้… ด้วยประสงค์ที่จะพักผ่อนอริยาบท ณ วิมานแก้วสถานของพระองค์มากกว่า

วิมานแก้วสถานแสนกว้างใหญ่ที่ลอยเด่นอยู่ บนสรวงสวรรค์ชั้นสูงสุดแห่งนี้กลับมีเพียงพระผู้สร้างที่พำนักอาศัยอยู่เพียงพระองค์เดียว มิมีผู้ใดกล้าที่จะย่างกรายเข้าแม้แต่พระชายาทั้งสามก็ตาม หากมิได้รับพระราชานุญาตหรือเรียกหาก็มิสามารถเสด็จเข้าเฝ้าได้เช่นกัน วิมานแก้วสถานแลวิจิตรงดงามมากก็จริงแต่กลับสัมผัสได้แต่เพียงความเงียบเหงาและไร้ชีวิตชีวา

เมื่อยามพระอาทิตย์กำลังจะลาลับใกล้อัสดง…พระจันทร์ก็ขึ้นสู่ท้องนภาฉายแสงอาบเมฆาที่มืดมิด พระผู้สร้างเสด็จลงสรงน้ำที่สระบัว หมายจะชำระล้างพระวรกายก่อนที่จะบำเพ็ญเพียร ร่างสูงก้าวลงไปในสระที่อุดมไปด้วยเหล่าอุบลชาติ และปทุมชาตินานาพันธุ์เจริญงอกงามอยู่  ทันทีที่พระวรกายหนาของพระองค์นั้นได้สัมผัสต้องกับพื้นผิวน้ำ สายวารีก็พวยพุ่งแล่นผ่านพระวรกายแกร่งตั้งแต่ปลายพระบาทขึ้นเรื่อยมาผ่านหน้าพระอุทรลอนงามที่ได้รูปจนถึงพระอุระกว้าง

ในระหว่างที่กำลังสรงน้ำอยู่นั้น ด้วยพลังแห่งรัศมีแสงพระจันทร์ทรงฤทธิ์ สอดส่องลึกลงยังน้ำใต้สระกระทบเข้ากับดอกบัวดอกหนึ่งที่แอบซ่อนอยู่ในตม  บังเกิดน้ำวนโดยรอบก็กลายเป็นเกลียวคลื่นเวียนวนพร้อมด้วยกลุ่มหมอกจางที่พวยพุ่ง และมีสายบัวเติบใหญ่ชูก้านบงกชแก้วที่ส่องประกายเมื่อต้องด้วยแสงจันทร์ ขึ้นโผล่เหนือผิวน้ำเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่พระผู้สร้างที่ประจักษ์ยิ่งนัก

“บงกชแก้ว…” พระผู้สร้างตรัสกับองค์เองด้วยสุรเสียงแผ่วเบา พระเนตรคมสบมองวารีที่แยกตัวเมื่อครู่กลับมาสงบนิ่งดังเก่า มหาเทพย่างก้าวเข้าไปหาบงกชแก้วแสนสวยนั้น เพียงพระดัชนีจรดลงต้องไปที่กลีบแก้วอย่างเบามือ พลันกลีบบงกชแก้วก็ค่อยๆ เบ่งบานอย่างช้าๆ ระคนด้วยกลิ่นหอมปทุมฟุ้งกำจายไปทั่วอาณาบริเวณ แลปรากฏกายเทพบุตรร่างน้อยเพียง เท่าพระอังคุฐของพระผู้สร้างหลับใหลอยู่ภายใน

“ตื่นเถิด…เทวาน้อยเรามีเรื่องใคร่จักถามเจ้า” สุรเสียงทุ้มตรัสอย่างแผ่วเบาก็สามารถปลุกให้เทพน้อยที่ผู้หลับใหลในวิมานบงกชแก้วนี้ตื่นขึ้นมาได้

แพขนตายาวที่เรียงตัวกันนั้นค่อยๆ ขยับเปิดออกช้าๆ เทวาบุตรเทพน้อยในบงกชแก้วค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะผงะที่เห็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ผิดกับอีกฝ่ายที่จ้องมองเขาด้วยพระพักตร์แย้มสรวล 

...ทำไมกันเทวาบุตรน้อยผู้นี้ถึงได้น่ารัก น่าใคร่ เยี่ยงนี้...

พระผู้สร้างเหมือนกำลังรู้สึกว่าตนนั้นกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรู้สึกอะไรบางอย่าง จะว่าเป็นความรักหรือ…อย่างนั้นแสดงว่าเป็นรักแรกพบหรือ...ก็มิใช่...

“ท่าน…ท่านเป็นใคร?” กายน้อยๆ นั้นร้องถามแล้วก็เริ่มขยับหนี แต่จะให้หนีไปที่ใดได้เล่า ในเมื่อสุดท้ายก็มิพ้นอยู่ในบงกชแก้วอยู่ดี

“เจ้าอย่าได้กลัวข้าเลย ข้าคือพระผู้สร้างผู้ดูแลสรรพสิ่งในสามโลก” พระผู้สร้างตรัสตอบพร้อมแย้มพระสรวลให้ แต่ก็มิได้นำพาให้เทพน้อยนั้นรู้สึกดี เทพกายจิ๋วยังคงหมอบกราบลงแนบฐานดอกนูน กายน้อยยังสั่นเทาด้วยความเกรงกลัว

“ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นท่าน...เอ๊ย! พระองค์ก็เป็นมหาเทพผู้ที่ยิ่งใหญ่…ข้า..ข้ามิได้ถวายบังคม   ขอทรงพระกรุณาขออย่าได้ลงพระอาญาด้วยข้าเลย”

“ข้าไม่ทำอันใดเจ้าดอก ว่าแต่เจ้านั้นมีนามว่ากระไรหรือ...” พระผู้สร้างตรัสถาม ฝ่าพระหัตถ์ก็ทรงปิดปากกลั้นสรวลที่ได้เห็นท่าทางของเทพบุตรกายน้อยในบงกชแก้ว

“ข้าไม่มีชื่อ…”

“เจ้าไม่มีชื่ออย่างนั้นหรือ…อย่างนั้นข้าจักตั้งชื่อให้เจ้า...ด้วยเจ้าเกิดจากดอกบัว ...ข้าจะให้นามเจ้าว่า ‘บุษยะ’ เป็นที่ต้องใจเจ้าหรือไม่” พระพริษฐ์ทรงพระราชทานนามให้เทพกายจิ๋ว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พระองค์จะทรงพระราชทานนามให้ผู้ใด แม้แต่โอรสหรือธิดาของเทพเทวาชั้นสูง พระองค์ก็มิเคยพระราชทานนามให้ใครทั้งนั้น

“บุษยะ เป็นชื่อที่ไพเราะเหลือเกิน ชื่อนี้...ต้องใจข้ายิ่งนัก” เทพบุตรน้อยผู้มีชื่อยิ้มกว้างด้วยชอบอกชอบใจ ถึงรอยยิ้มจะเล็กน้อยแต่ก็หวานตรึงใจสะกดให้ผู้ที่มองตกอยู่ในห้วงภวังค์ พระผู้สร้างประสงค์ด้วยจะเห็นรอยยิ้มนั้นของบุษยะแต่เพียงผู้เดียว

“เจ้าจงฟังข้าบุษยะ….เจ้านั้นเกิดแต่บงกชแก้วในสระสรงน้ำภายในวิมานแก้วสถานของข้า ดังนั้นเจ้ากับข้าถือว่าสร้างบุญสร้างกุศลต่อกันมา โชคชะตาจึงนำพาให้เจ้าได้พบกับข้า”

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อข้าเกิดมาเพื่อพระองค์แล้ว ข้าเองก็หวังที่จะอยู่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ เพียงแต่ว่า…” คำพูดของบุษยะสร้างความพอใจให้มหาเทพผู้ครองทั้งสามโลกยิ่งนัก หากไม่มีคำว่า ‘เพียงแต่’…เข้ามา

“เพียงแต่อะไรหรือ…เจ้าจงบอกข้าบัดเดี๋ยวนี้” พระผู้สร้างเร่งเร้าเอาคำตอบ บุษยะที่นั่งกัดริมฝีปากอยู่นั้นก็คิดว่าทำให้พระผู้สร้างคงพิโรธเสียแล้ว เพียงแค่คิดน้ำตาก็เอ่อคลอดวงตาคู่งามนั้น

“เหตุใดเจ้าจึงกรรแสงออกมาเล่าบุษยะ” พระผู้สร้างทรงตกพระทัยที่เห็นบุษยะร้องไห้ออกมาโดยมิรู้ด้วยสาเหตุ

“ข้าคิดว่าพระองค์พิโรธข้าที่อ้ำอึ้ง อีกอย่างข้าอยากจะรับใช้พระองค์แต่ตัวของข้านั้นเล็กเสียจนนอนในดอกบัวแก้วนี้ได้ คงมิสามารถจะรับใช้พระองค์ได้” บุษยะเอ่ย มือก็ยกเช็ดน้ำตาที่อาบแก้ม

“เจ้าอย่าได้กังวลไป ข้าจักให้พรพิเศษแก่เจ้า ร่างกายของเจ้าจะสูงใหญ่เฉกเช่นเทพเทวาทั่วไป ซ้ำยังนิมิตกายให้เล็กใหญ่ได้ตามประสงค์ของเจ้าอีกด้วย...”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้ว…”

“อย่างนั้นบุษยะ เจ้าจงพนมมือแล้วหลับตาเสีย” พระผู้สร้างตรัสสั่ง บุษยะก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย เพียงประสาทพร บงกชแก้วก็ลอยเด่นและขยายออกพร้อมกับร่างกายของบุษยะ เป็นดั่งที่พระพริษฐ์ทรงดำริไว้จริงๆ เมื่อร่ายกายเติบโตขึ้น ทุกอย่างที่ดูเป็นเด็กน้อยนั้นก็เปลี่ยนไป ใบหน้าวัยหนุ่มแรกรุ่นของบุษยะนั้นงดงามราวนางเทพอัปสร รูปร่างก็อ้อนแอ้นอรชรน่าเข้าไปตระกองกอดยิ่งนัก ผิวกายที่ขาวเนียนนั้นหรือคงลื่นมือมิต่างจากกลีบบัวเป็นแน่ ก่อนที่ดำรินั้นจะเตลิดไกลจำต้องบอกให้คนที่หลับตานั่นได้ล่วงรู้ตัวเสียก่อน

“ลืมตาดูสิบุษยะ” สิ้นสุรเสียงพระผู้สร้างบุษยะ คนงามก็ลืมตาขึ้น ร่างบางยกแขนซ้ายขวาขึ้นมาดู บุษยะชะโงกมองใบหน้าตัวเองจากพื้นผิวน้ำ

“ข้า…ร่างกายของข้าเติบใหญ่ขึ้นแล้ว ข้าดีใจยิ่งนัก” บุษยะดีอกดีใจ กระโดดโลดเต้นราวกับเด็กๆ จนพระผู้สร้างส่ายพระพักตร์ด้วยเดียงสาของบุษยะนั้น เห็นทีพระผู้สร้างจะได้รับหน้าที่นอกเหนือจากราชกิจทั้งปวงนั่นก็คือ…อบรมสั่งสอนบุษยะเสียอีกหนึ่งหน้าที่ด้วยแล้ว

“อย่ากระโดดไปมาสิบุษยะ…ประเดี๋ยวเจ้าจะตกลงมาหรอก”

“เหวอ~”

‘ตูม!!!’

วาจาของพระผู้สร้างนั้นช่างศักดิ์สิทธิ์นัก พูดมิทันขาดคำ กายบุษยะก็ร่วงตกลงในสระสรงน้ำเสียงดังจนน้ำกระจายไปทั่วและแน่นอนว่าพระพริษฐ์เองก็ได้รับผลพวงครั้งนี้ด้วย พระวรกายสูงใหญ่เปียกชุ่มตั้งแต่พระเศียรลงมา บุษยะตะกายขึ้นมาโผล่พ้นผิวน้ำ พอเห็นพระพักตร์พระผู้สร้างที่ประจันหน้ากันก็ถึงกับหน้าซีดเซียว หัวใจนั้นตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มข้อเท้า

“พระอาญามิพ้นเกล้า พระผู้สร้าง…โปรดพระราชทานอภัยโทษให้ข้าด้วย” บุษยะพนมมือไหว้ขอร้องผู้เป็นใหญ่ที่ยืนนิ่งจนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้

“ไม่เป็นไร ข้าเองก็หมายที่จะอาบน้ำชำระล้างกายอยู่แล้ว” คำตอบของพระผู้สร้างทำให้บุษยะนั้นโล่งใจที่ไม่ถูกตำหนิ ถึงอย่างนั้นบุษยะก็ยืนนิ่งมิกล้าขยับกายไปไหนเพราะกลัวว่าตนจะทำอะไรให้ขุ่นเคืองพระทัยพระผู้สร้างอีก ผิดกับพระผู้สร้างที่นึกเอ็นดูกับการกระทำของบุษยะ

“บุษยะ…เห็นทีเจ้าจะต้องรับใช้ข้าบัดเดี๋ยวนี้แล้ว” พระผู้สร้างตรัสแล้ว พระองค์ก็พอจะนึกอะไรบางอย่างออก

“ให้ข้ารับใช้อะไร พระองค์ทรงบอกข้าด้วยเถิด ข้ายินดีที่จะปรนนิบัติรับใช้พระองค์” ดวงตาของบุษยะเปล่งประกายเมื่อรู้ว่าจะได้รับใช้พระผู้สร้าง

“อาบน้ำให้ข้า เจ้าทำได้หรือไม่?”

“อาบน้ำคืออะไร?” บุษยะสงสัย พระผู้สร้างถึงกับกุมพระกรรเจียก พระองค์เองก็ลืมนึกไปว่าบุษยะเพิ่งจะถือกำเนิดคงยังไม่รู้เรื่องอันใด

“ข้าจะสอนเจ้าเอง…บุษยะเจ้าจงหยิบภูษานั่นมาชุบน้ำแล้วบิดพอหมาด จากนั้นก็มาถูตามร่างกายของข้า เจ้าพอเข้าใจไหม...?” พระผู้สร้างทรงอธิบายสั้นๆง่ายๆ บุษยะก็พยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าเจ้าเข้าใจแล้วเริ่มได้”

บุษยะเดินไปหยิบภูษาขาวในพานทองแล้วทำตามอย่างที่พระผู้สร้างได้บอกเอาไว้ พระผู้สร้างเองก็ยืนหันหลังให้บุษยะ ก่อนจะยกมือพนมเป็นการขอพระราชานุญาตแตะต้องพระวรกายแล้วใช้ภูษาขาวบรรจงขัดถูจนทั่วตั้งแต่พระจุฑามาศไล่ลงมา พระวรกายแกร่งกระตุกเกร็งยามที่มือบางของบุษยะลูบไล้ น้ำหนักมือนั้นเบาพอดิบพอดี ทำเอาพระองค์เผลอไผลเคลิบเคลิ้ม

เมื่อบุษยะทำความสะอาดพระขนองกว้างเสร็จ พระผู้สร้างก็ทรงหันพระพักตร์เข้าหา ทำให้บุษยะที่ยืนไม่ระวังชนเข้าแผงพระอุระกว้างนั้นเต็มๆ พระผู้สร้างมองบุษยะด้วยอารมณ์ขัน ที่ยืนลูบปลายจมูก..คงจะเจ็บน่าดู

“เจ้าจะใช้จมูกเช็ดกายให้ข้าหรือ” พระผู้สร้างตรัสหยอกเย้า ก็โดนบุษยะคนงามทำหน้ามุ่ยใส่ด้วยโดนล้อ

“พระองค์หันมาข้าไม่ทันระวังตัวต่างหากเล่า” บุษยะตอบเสียงเง้างอนแล้วขัดถูลูบไล้ตามแผงพระอุระที่กำยำนั้นเบาๆ ต่อ ด้วยทุกการกระทำที่แสนน่ารักของคนงามอยู่ในสายพระเนตรของพระพริษฐ์ตลอดเวลา

เมื่อการอาบน้ำเสร็จสิ้น บุษยะก็ถวายการเช็ดพระวรกายให้พระผู้สร้างต่อ มือเรียวใช้ภูษาบางเบาซับหยดน้ำบริเวณแผงพระอุระแล้วลากผ่านมาที่หน้าพระอุทรลอนงาม จนพระผู้สร้างรู้สึกวูบวาบ อารมณ์กำหนัดก็เกิดขึ้นมาในบัดดล จนส่วนกลางพระวรกายในร่มผ้านั้นขยายตัวขึ้นมาดุนดันต้นขาอ่อนของบุษยะ

“พระผู้สร้างอะไรก็ไม่รู้มาโดนขาข้า” บุษยะเอ่ยถามด้วยความมิรู้ประสา คนงามนั้นช่างบริสุทธิ์ผุดผ่องเหลือเกิน

“แขนของข้าเองบุษยะ…เจ้าต้องการจับดูหรือไม่” พระผู้แย้มสรวลด้วยเจ้าเล่ห์ พร้อมกับมองบุษยะที่ยืนมองพระกรแกร่งทั้งสองของพระองค์

“ข้ามิกล้าจับหรอก เพียงแต่ข้าสงสัย พระกรของพระองค์นั้นก็อยู่ตรงนี้เหตุใดจึงมีพระกรอยู่ด้านล่างอีก” บุษยะเอ่ย

“ผู้เป็นมหาเทพนั้นเป็นเทวาชั้นสูงสุด สามารถเนรมิตแขนมากกว่าสอง สองแขนที่เจ้าเห็นนั้นก็มีไว้กอดเจ้า...แบบนี้” ตรัสจบ พระผู้สร้างทรงรวบร่างบางที่หมายปองแต่แรกเข้ามาสวมกอดไว้อย่างเนียนๆ

“แล้วพระกรที่ถูไถไปตามขาของข้าเล่าไว้ทำอะไร?” บุษยะถามต่อ พระผู้สร้างอยากจะเป็นลมล้มพับไปกับคำถาม ความเป็นเทพช่างสงสัยของบุษยะ

“เอาไว้เจ้าโตกว่านี้เจ้าก็จะเรียนรู้ไปเอง ถึงเพลานั้นเจ้าอาจจะกลัวแขนของข้าที่อยู่ด้านล่างก็เป็นได้”

“บัดนี้กายข้าก็โตแล้ว ยังรับรู้มิได้อีกหรือ...” ถามไปด้วยความสงสัยแต่ก็ทำเอาพระผู้สร้างแทบจะตรัสหาคำตอบมาให้มิได้เช่นกัน

“เอาเถิดน่า...อย่าเพิ่งล่วงรู้ตอนนี้เลย แต่ที่แน่ๆ เพลานี้ข้าจักตบรางวัลงามแก่เจ้าที่ทำให้ข้าพึงใจยิ่งนัก”

“รางวัลคืออะไร?”

“รางวัลคือสิ่งที่ข้าจะมอบให้ผู้ที่ทำให้ข้าพึงพอใจ และนี่คือรางวัลของเจ้า”

“…ฟอด…” พระผู้สร้างตรัสแล้วก็ก้มลงหอมปรางเนียนนิ่มฟอดใหญ่  ทำเอาบุษยะนะนั้นใจเต้นระรัว…นี่หรือคือรางวัล...แต่ทำไม...ทำไม

‘ทำไมใจข้า...ถึงได้สั่นไหวเยี่ยงนี้ด้วย ทำไมรู้สึกดี นั้นข้าก็ควรจะให้รางวัลเป็นการตอบแทนที่พระองค์ทรงพระราชทานชื่อให้เช่นกัน’…

“ถ้าอย่างนั้น…ข้า..า..จักให้รางวัลแก่พระองค์บ้าง…” ด้วยนึกตอบแทนคุณและอยากให้พระผู้สร้างทรงพอพระทัย คนงามจึงอยากให้รางวัลแก่มหาเทพบ้าง คนที่ได้ฟังก็แปลกใจมิใช้น้อย อะไรของเจ้าเทพเด็กน้อยที่เพิ่งโตนี่ จะให้รางวัลอะไรแก่เรา

 บุษยะเขย่งปลายเท้า ยื่นใบหน้าเข้าหอมพระปรางของพระผู้สร้าง แล้วยิ้มให้ จากนั้นก็วิ่งหนีด้วยทำทีว่าเล่นกลับลงไปในสระสรงน้ำอีกครา ด้วยเอ็นดูในการกระทำการล่วงเกิน พระผู้สร้างทรงแย้มพระสรวลกว้างออกมาให้ แล้วปลดภูษาที่กั้นพระวรกายออก เสด็จกลับลงไปในสระสรงน้ำอีกครั้ง หมายตามจับบุษยะที่กระทำการล่วงเกินพระองค์มาลงโทษ แต่บุษยะจะต้องทัณฑ์สถานใดกันนั้นก็มิอาจจะคาดเดา

ภาพสองบุรุษหนุ่มแหวกว่ายเล่นน้ำไล่จับกันอย่างสำราญ ในคือพระจันทร์ทรงฤทธิ์และมีเสียงหัวเราะครื้นเครง นั้นนับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในวิมานแก้วสถานแห่งนี้ ในพระทัยของมหาเทพหนุ่มเพียงดำริว่า

...นับจากนี้วิวานมานแก้วของเราจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้ว...

...บุษยะ...

























...................................................................

มาแล้ว มาตอนพิเศษคั่นตอนหลักหวังว่าจะชอบกัน ฟินๆกันไปคู่นี้นะคะหวังว่าจะชอบกัน

พระผู้สร้างแอบหื่น

บุษยะสายแบ๊ว



ตอนนี้มาสวยๆน่ารัก ถ้าชอบก็อาจแต่งตอนพิเศษที่สองนะคะ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ ดีใจมากๆๆเลย คอมเม้นทุกคอมเม้น คนอ่านทุกคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2017 22:28:54 โดย TanYung0209 »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ทำไมมีความรู้สึกว่าเหมือนกับเสี่ยเลี้ยงอีหนูไว้เลย 55555 จะโดนตบไหมเนี่ยแต่มันเหมือนจริงนะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เป็นพระผู้สร้างดูจะไม่ง่ายเลย
ไหนจะดูแลคนอื่น ไหนจะต้องคอยจัดสรรเวลาให้เมียอีกสาม (ในบทนี้แอบคิดไม่ได้ว่ามีเมียเหมือนมีภาระมากกว่ามีไว้สำราญ ยิ่งเมียมากกว่าหนึ่งนี่ยิ่งน่าจะยุ่งเข้าไปอีก) จะว่าไปก็เหมือนจะยังละกิเลสกันไม่ได้นะ   
เรื่องกำเนิดของบุษยะนี่ชวนให้นึกถึงพวกนางเอก (ถ้าเกิดเป็นหญิงนี่พระเทวีทั้งสามต้องตาร้อนผ่าวแน่)
ว่าแต่เขายอมรับเรื่องรักเพศเดียวกันไหมนั่น

พวยพุ่ง นะคะ ไม่ใช่ โพยพุ่ง
กรรเจียก แปลว่าอะไรเหรอคะ (เรานึกว่าต้องเอามือแปะหน้าผากเสียอีก แบบเวลากลุ้มนิด ๆ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2017 08:30:55 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  ส่งบุษยะไปช่วยชลันธรด้วย

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #69 เมื่อ13-04-2017 07:53:28 »



สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 07













กิจกรรมรับน้องที่แสมสารก็ผ่านไปด้วยดี ชลันธรรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมบางกิจกรรมในวันแรกๆ กับเพื่อนๆ เลยเพราะมัวแต่นอนป่วยอยู่ ตอนนี้เขาและเพื่อนๆ กำลังกลับเข้าสู่โหมดการเรียนอย่างเต็มที่ ทั้งทำแลป และเริ่มสอบเก็บคะแนนย่อยๆ ในบางรายวิชา การเรียนนั้นมันต่างจากเมื่อครั้งตอนเป็นเด็กมัธยมจริงๆ ต้องรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น และต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งประชุมเชียร์ ทั้งรับน้องคณะ และงานที่สนุกและเหนื่อยที่สุดคงหนี้ไม่พ้นประเพณีสู่ขวัญชาวสมุทร ซึ่งเป็นพิธีบายศรีสู่ขวัญผูกข้อไม้ข้อมือประจำสาขา และสุดท้ายคืองานเลี้ยงต้อนน้องใหม่สุดมันส์จากวงดนตรี SEAZA ของรุ่นพี่สาขาทุกชั้นปี ที่เล่นเอาทั้งน้องปีหนึ่งและพี่ปีสองหมดพลังงานไปมากโข

วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าเรียนวิชาชีววิทยาทางทะเล หลังจากจบกิจกรรมรับน้องและยังเป็นชั่วโมงสอนของนภนต์หรือที่นักศึกษาเรียกกันว่า ‘อาจารย์นภนต์ สุดหล่อ’ อีกด้วย ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นแป้งพับตลบฟุ้งเพราะนักศึกษาสาวๆ หลายคน ต่างก็แต่งหน้าแต่งตากันมาสุดฤทธิ์ให้สวยที่สุดเพื่อให้อาจารย์หนุ่มสุดหล่อหันมามอง ผิดกับชลันธรที่นั่งเก็บอาการตื่นเต้นไม่น้อย เพราะตั้งแต่ถูกนภนต์รุกในครั้งนั้น แม้จะไม่มีอะไรเกินเลยกันแต่พอชลันธรเห็นหน้านภนต์ขึ้นมาทีไรก็อดจะนึกถึงเหตุการณ์ในห้องพักรีสอร์ทที่แสมสารไม่ได้สักที ส่วนนาคินทร์นั้นก็นั่งใจลอย บางครั้งก็หันมามองชลันธร ภายนัยน์ตาของนาคหนุ่มนั้นหมองเศร้าขึ้นมา…จะมีก็แค่เพียงความคิดที่อยู่ในใจ ...‘นี่ข้าต้องลงมือทำร้ายท่านสินะ…คงต้องฆ่าให้ตายสินะ ท่านกนธีถึงจะพอใจในตัวข้า’...

“เออ พวกมึงรู้หรือยังวะ ว่าสาขาเราจะมีเด็กซิ่วเข้ามาใหม่ว่ะ” เสียงของ ‘กัส’ เพื่อนหัวโจกประจำรุ่นพูดกับเพื่อนพ้องในกลุ่ม กลายเป็นว่าทั้งห้องเงียบกริบ รวมถึงชลันธรและนาคินทร์ด้วย ทุกคนต่างให้ความสนใจในสิ่งที่กัสพูด

“กัส ใครบอกนายอ่ะ แล้วเด็กใหม่ที่ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” น้ำเสียงที่สดใสจากชมพู่สาวสวยประจำรุ่น ดวงตานั้นเป็นประกายที่ได้ถามคำถามที่คนทั้งห้องอยากรู้

“ชมพูจ๋า...พอดีเราไปส่งงานมาเมื่อเช้า เลยได้ยินอาจารย์เขาพูดกัน ส่วนเพศนั้นเราก็ไม่รู้แต่คิดว่าเส้นใหญ่หน้าดูอยู่ๆ ก็ซิ่วเข้ามาได้กลางคันแบบนี้น่ะจ้า” กัสตอบกลับไป เพื่อนทุกคนพยักหน้าเออออเห็นด้วยกับประโยคที่ว่าเด็กใหม่เส้นใหญ่หน้าดู ส่วนชมพู่ก็เบ้ปากใส่ ใครมองก็อ่านสีหน้าหล่อนได้ว่า...รู้ไม่หมดแล้วเสือกมาบอก...

“ยัยชมพู่อย่ามาทำหน้าแบบนี้ อย่าคิดว่าเราไม่รู้ เดี๋ยวปั๊ดตดใส่หน้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“กรี๊ด….ไอ้บ้านี่!!! เมื่อกี้ยังจ๊ะจ๋ากับฉันอยู่เลย เลยใครจะมาทนดมกลิ่นตดเน่าของแกไอ้ทุเรศ..!!!” ชมพูกรี๊ดใส่แล้วรีบวิ่งหนี ส่วนกัสก็วิ่งจับก้นตัวเอง ปากก็ทำเสียงปู๊ดป๊าด ไล่ตามชมพู่ เพื่อนคนอื่นก็หัวเราะให้กับการกระทำราวกับเด็กอนุบาลของหนุ่มสาวทั้งสองคน

“พีรพล วาศิณี…” แล้วเสียงเข้มที่เรียกชื่อจริงของกัสและชมพู่ก็ดังขึ้น พร้อมกับการมาของอาจารย์ณดลที่ปรึกษาที่หน้าประตูห้อง กัสและชมพู่ต่างก็รีบกลับไปนั่งที่ของตัวเอง บรรยากาศในห้องเรียนจึงเข้าสู่โหมดปกติเรียบร้อยอีกครั้ง อาจารย์ณดลเข้ามาในห้องและหยุดอยู่ตรงหน้าชั้นเรียนพร้อมกับมีนักศึกษาหนุ่มหล่อคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเด็กใหม่ตามที่กัสบอกเดินตามหลังมา

“สาขาของเราในรุ่นนี้จะมีนักศึกษาย้ายเข้ามาใหม่เพิ่มอีกหนึ่งคนนะ อาจารย์จะให้เขาแนะนำตัวกับพวกเธอ” อาจารย์ณดลพูดเอ่ย นักศึกษาใหม่ก้าวเท้ามาด้านหน้าแล้วเอ่ยแนะนำตัวเอง

“สวัสดีครับผม ‘รพีพงศ์ อธิพัฒน์เดชากร’ เรียกสั้นๆว่า ‘พี’ ก็ได้ครับ ผมเพิ่งย้ายเข้ามายังไงก็ฝากตัวด้วยครับ” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาจากปากกระจับสีแดงรับกับจมูกโด่งเป็นสันสวย สายตาหวานเจ้าเสน่ห์ที่ใครเห็นก็ต้องหลงใหลจนยอมขึ้นเตียงไปโดยง่าย เรียกง่ายๆ ว่า ‘หล่อทำลายล้าง’ ได้เลยทีเดียว และตอนนี้ดวงตาแสนเสน่ห์คู่นั้นก็กำลังจ้องไปที่ชลันธรอยู่และเหมือนคนที่ถูกจับจ้องจะรู้ตัวจึงรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น

‘อะไรกันความรู้สึกแบบนี้...’ ชลันธรเอามือทาบหน้าอก

“ฝากใจด้วยก็ได้นะ….ฮิ้ว~” มาวันแรก รพีพงศ์ก็โดนสาวชมพู่และกลุ่มเพื่อนผู้หญิงที่รวมใจกันพูดประโยคนี้พร้อมกันแซวขึ้นมา

“เฮ้ย!! พีเราลืมบอกว่าห้องนี้มีแรด!!! เดี๋ยวมาเอายันต์กันแรดที่เราได้ว่ะเพื่อน” กัสตะโกนบอกด้วยท่าทีกวนๆ แถมยังเรียกเสียงฮาได้อย่างดี

“ไอ้กัส มึงว่ากูอ้อร้อ ไอ้ผี ไอ้เบล่อ!!! แม่ม(ไอ้กัส มึงว่ากูแรด ไอ้ผี ไอ้บ้า แม่ง)” สำเนียงทองแดงจากภาษาถิ่นฐานภาคใต้ของสาวชมพู่หลุดออกมาอย่างขาดสติ เมื่อรู้ว่ากัสพูดกระทบเธอและพวกพ้อง

“มึงแหลงไหรอีชมพู่ กูฟังช่ายโร้เรื่อง...(มึงพูดอะไรอีชมพู่ กูฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย)” หนุ่มใต้อย่างกัสที่พยายามปกปิดภาษาถิ่นของตัวเองมาโดยตลอดที่อยู่กรุงเทพ แต่ก็หลุดตอบออกมาเช่นกัน  เล่นเอาเรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากเพื่อนในชั้นเรียนอย่างครึกครื้นรวมถึงรพีพงศ์ที่อยู่หน้าห้องด้วยเช่นกัน

“หยุด!! พอกันทั้งคู่ รพีพงศ์ไปนั่งได้ ส่วนคนอื่นๆ ก็ช่วยดูแลเพื่อนด้วยอย่าให้มีปัญหา” อาจารย์ณดลพูดต่อ รพีพงศ์ก็ตรงดิ่งไปนั่งที่เก้าอี้เรียนข้างๆ กับชลันธรที่ว่างอยู่โดยไม่คิดจะลังเล

“เอาล่ะ เตรียมตัวเรียนกันได้แล้ว อ่ะ!! อาจารย์นภนต์มาพอดีเลย เชิญครับ” อาจารย์ณดลเดินออกจากห้องไป แล้วอาจารย์สุดหล่อขวัญใจสาวๆ ก็เดินเข้ามา นภนต์เหลือบมองไปที่ชลันธร ร่างบางพอได้เห็นหน้าตนก็แก้มแดงขึ้นมาก็นึกยกยิ้มแต่พอชายตามองใกล้ๆ ชลันธรแล้วนั้นนอกจากนาคินทร์แล้วอีกด้านหนึ่งก็ยังมี…

“สวัสดีครับอาจารย์ผมรพีพงศ์ครับ เป็นนักศึกษาที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่” ฝ่ายที่ถูกโดนจ้องก็ลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำตัวกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม…ยิ้มที่เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ

“เพิ่งมานี่เอง ผมก็นึกตกใจว่าผมตาฝาดเห็นวิญญาณในห้องเรียน” นภนต์เอ่ย นักศึกษาคนอื่นๆ ถึงกับกลั้นขำกับมุกตลกร้ายที่ความจริงคือการหลอกด่าแบบเนียนๆของนภนต์ แต่แล้วรพีพงศ์ก็ยอมนั่งลงไม่ริจะตีฝีปากต่อ

“เอาล่ะครับนักศึกษา วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องสัตว์ที่มีพิษในท้องทะเลกัน” อาจารย์หนุ่มเปิดประเด็นหัวข้อที่เรียน นักศึกษาทุกคนก็ตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องที่อาจารย์หนุ่มจะพูดต่อไปนี้

“เราจะเริ่มกันที่ปลาแมงป่องนะครับ ปลาแมงป่องนั้นจะใช้ชีวิตอยู่ตามพื้นทะเลในการพรางตัวจนกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมและนอนรอเหยื่อที่เข้ามาใกล้แล้วจึงซุ่มโจมตี มันเป็นนักพรางตัวอันยอดเยี่ยมซะจนเหยื่อไม่รู้ว่าอะไรได้เข้าทำร้ายจนเมื่อสายไปเสียแล้ว นอกจากการพรางตัว ปลาแมงป่องนั้นก็ยังมีกระดูกสันหลังที่มีพิษอีกด้วย มันจะยื่นออกมาจากหลังอย่างในภาพที่เห็นนะครับ หากว่าจิ้มโดนศัตรูก็จะตกเป็นเหยื่อด้วยเช่นกัน” นภนต์อธิบายแล้วเปิดภาพสไลด์ขึ้นหน้าจอโปรเจคเตอร์ประกอบการสอน

“สวัสดีชื่ออะไรกันบ้าง?” รพีพงศ์เอ่ยถามชลันธรที่นั่งด้านข้าง ทั้งที่เพื่อนๆ คนอื่นกำลังตั้งอกตั้งใจฟังในสิ่งที่นภนต์พูด

“เราชื่อลัน ส่วนนี่นาคินทร์เพื่อนเราหรือเรียกสั้นๆ ว่าคินทร์ก็ได้” ชลันธรตอบกลับพร้อมแนะนำเพื่อนสนิท รพีพงศ์ยิ้มให้ชลันธรและนาคินทร์ที่เหมือนจะหลบหน้าไม่ยอมสู้หน้าเขา

“ผมขอเป็นเพื่อนพวกคุณได้ไหม?” รพีพงศ์พูดต่อพร้อมยืนแขนโอบหลังเก้าอี้ของชลันธรแบบเนียนๆ การกระทำทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของนภนต์ทั้งหมด

“อืม...ได้สิ” ชลันธรยิ้มให้ตามประสาคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี อีกทั้งชลันธรรู้สึกถูกชะตากับรพีพงศ์เป็นอย่างมาก ผิดกับนาคินทร์ที่พยักหน้าและคอยหลบสายตาที่ร้อนแรงราวกับไฟเผานาคินทร์รู้สึกกลัวเจ้าของสายตาคู่นี้

“ตรงนั้นหยุดคุยก่อนนะครับ”

เทพหนุ่มได้ยินและสังเกตพฤติกรรมของรพีพงศ์ที่พยายามคุยกับชลันธรจึงพูดขัดจังหวะ รพีพงศ์เองก็พอที่ได้ยินก็ขัดใจไม่น้อยแต่ก็ฝืนคุยต่อไม่ได้ จึงได้แต่นั่งนิ่งๆ เรียบร้อยเช่นเดียวกับชลันธรที่ก้มหน้านิ่งด้วยความสำนึกผิด พอเห็นว่าหยุดคุยกันแล้ว นภนต์ก็อธิบายเรื่องสัตว์ทะเลมีพิษชนิดอื่นต่อ ทั้งงูทะเลลาย ปลากระเบนหางสั้นและอื่นๆ

“เอาล่ะเรื่องที่เราเรียนวันนี้เป็นเรื่องที่นักศึกษาทุกคนต้องกลับไปทบทวนนะครับ เพราะผมจะออกข้อสอบเรื่องนี้ด้วยประมาณ 10 ข้อ ตอนนี้ก็พอมีเวลาเหลืออยู่ นักศึกษาคนไหนไม่เข้าใจส่วนไหนบ้าง สามารถซักถามได้นะครับ” นภนต์เปิดโอกาศให้ผู้เรียนถาม แต่นักศึกษาทุกคนก็นั่งเงียบเป็นคำตอบว่าเข้าใจในเนื้อหาที่ตัวเองนั้นสอน

“อืมพอดีว่า ผมมีเรื่องแจ้งอีกเรื่อง คาบเรียนในสัปดาห์หน้าผมจะให้พวกเราไปรวมตัวกันที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของคณะเรานะครับ พอดีว่าโซนสัตว์ทะเลมีพิษนั้นสร้างเสร็จพอดี พวกเราจะเป็นกลุ่มแรกที่จะได้เข้าไป” นภนต์เอ่ย

“พวกเราไปประเดิมเลยเหรอครับอาจารย์ กลัวพิพิธภัณฑ์ถล่มจังเลยครับ” สิงห์นักศึกษาชายเพื่อนในกลุ่มของกัสเอ่ยขึ้น แล้วก็หัวเราะเองแต่เพื่อนๆ กลับเงียบกริบ แล้วก็มาขำกันทีหลังกับมุกตลกแสนแป๊กของสิงห์

“พวกเราคงไม่เป็นตัวกาลกิณีขนาดนั้นหรอกมั้ง เราไม่ใช่เจ้าของเพจดังไก่สีเหลืองนะ” ส้มซ่า นักศึกษาหญิงอีกคนก็ย้อนสวนกลับ

“เอาล่ะๆ สรุปว่าทุกคนเข้าใจและรู้กันแล้วนะว่าอาทิตย์หน้าเราจะเข้าพิพิธภัณฑ์กัน ถ้าอย่างนั้นก็…”

“เดี๋ยวก่อนค่ะอาจารย์ อย่าเพิ่งเลิกชั้นเลย ไหนๆเวลาก็เหลือตั้งเยอะหนูอยากรู้เรื่องความรักครั้งแรกของอาจารย์เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” ชมพู่สาวสวยเผ็ดประจำห้องก็พูดขอให้นภนต์เล่าประสบการณ์ความรัก ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากนักศึกษาสาวแท้ สาวเทียมในชั้น อยากจะรู้เพื่อนำไปศึกษาข้อมูลเตรียมพร้อมจีบอาจารย์หนุ่มต่อไป

“ชมพู่เผือกเรื่องของอาจารย์มากไปไหม?” กัสเอ่ย ทำเอาสาวใต้จอมมั่นอย่างชมพู่หันขวับ ตาก็จ้องกัสจนแทบออกจากเบ้า

“ไม่เป็นไรหรอกพีรพล ผมจะเล่าให้ฟังก็ถือซะว่าเป็นข้อคิดหนึ่งให้กับพวกเราก็แล้วกันนะครับ” นภนต์พูดออกมาอย่างใจเย็น และทุกคนก็เงียบเพื่อที่จะรอฟังเรื่องราวที่นภนต์จะเล่า รวมถึง ชลันธรที่อยากรู้เรื่องความรักของคนรักของตนในอดีตด้วย

“รักครั้งแรกของผมมันคือเรื่องบังเอิญ ในตอนที่ผมกำลังนั่งอยู่ในบ้านของผมอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆ ก็มีคนวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในสวน...” อาจารย์หนุ่มพูดไปก็อมยิ้มเขินๆ แล้วก็ก้มหน้าอายนิดๆ

“ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นหัวขโมยเลยออกไปจัดการจนเขา ก็ได้แผลไปนิดหน่อย แล้วจากนั้นเราก็ยืนเถียงกันสักพัก จนมีกลุ่มคนมาโหวกเหวกแถวหน้าบ้านผม ตอนนั้นคนที่ผมคิดว่าเขาเป็นขโมยจริงๆ แต่เขาก็มาอ้อนวอนขอซ่อนตัวหลบในบ้านของผม ผมก็เห็นใจเลยช่วยไกล่เกลี่ยจึงได้รู้ว่าคนคนนี้หนีเที่ยวทำนิสัยเป็นเด็กๆ คนของเขาเลยออกตามหา”

“โหย…ดูเขาเป็นคนแสบซนมากแน่ๆ เลยนะคะอาจารย์” ชมพู่พูดเสริม

“ใช่ เป็นอย่างที่เธอบอก เขาแสบซนและดื้อมาก ตัวเขาสารภาพกับผมว่าที่ต้องหนีเพราะอยากท่องเที่ยวก่อนจะไม่มีโอกาสและอยากไปไหนมาไหนเองบ้าง โตขนาดนี้ที่บ้านยังส่งคนมาคุม ผมก็เลยเสนอว่าทุกๆ อาทิตย์ผมเป็นคนจะพาเขาไปเที่ยว เขาก็ดีใจมาก กลายเป็นว่าทุกๆ อาทิตย์เขาจะไปเที่ยวกับผมและเราก็เจอกันบ่อยขึ้นจนเกิดความรักและตกลงคบหากัน”

“ดูเหมือนความรักจะหวานชื่นดีนะครับแล้วตอนนี้อาจารย์กับเขาเป็นยังไงบ้างครับ”

“เราเลิกกันแล้ว…มีมือที่สามเข้ามาแล้วก็เขามีปัญหากับครอบครัวผม” นภนต์เอ่ยด้านน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฝ่ามือหนาด้านล่างนั้นกลับกำหมัดแน่นข่มอารมณ์คุกกรุ่นที่เขาได้ทับถมไว้ในภายใจแต่สายตาก็จ้องมองไปที่โต๊ะของชลันธร จนชลันธรสะดุ้งและคิดว่านภนต์คงฝังใจและกลัวว่าตนจะนอกใจจึงมีแววตาน่ากลัวอย่างนี้

“เวลาพวกเธอคบใครก็สักคน ก็อยากดูและศึกษากันให้ดี ดูให้ลึก ดูกันให้นานๆ บางคนหน้าตาดี หน้าตาเรียบร้อยแต่กลับทำตัวร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย… อือ หมดเวลาพอดีเลยเลิกเรียนได้ครับ” นภนต์พูดทิ้งท้ายแล้วยกข้อมือดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่าหมดเวลาแล้ว นักศึกษาทุกคนก็ทยอยเดินออกจากห้องเช่นเดียวกับชลันธรที่มีนาคินทร์และรพีพงศ์เดินตามหลัง

‘ตึ๊ง…’

เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของชลันธรดังขึ้น ชลันธรล้วงกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจึงเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อความจากนภนต์คนรักส่งมาให้

‘ไปรอพี่ที่ลานจอดรถใต้ตึกนะครับ’

‘ครับ’

ชลันธรยิ้มกว้างแล้วส่งข้อความกลับไป วันนี้นภนต์คงจะพาไปกินของอร่อยอีกแน่ๆ เห็นทีเขาต้องชั่งน้ำหนักบ้างแล้ว ตั้งแต่คบกับนภนต์ชลันธรก็ได้ไปกินของอร่อยแทบทุกวันและแทบทุกครั้งก็เป็นของชอบของชลันธรทั้งนั้น

“แฟนส่งข้อความมาเหรอ?” รพีพงศ์กระซิบข้างหูจนชลันธรตกใจแทบทำโทรศัพท์ล่วงหล่นลงพื้น

“ขอโทษที เราเห็นลันดูโทรศัพท์ยิ้มกว้างก็เลยถามดู”

“อือ แฟนเราส่งมา” ชลันธรตอบออกไปด้วยความเขินอาย

“เสียดายจัง ถ้าลันไม่มีแฟนเราจะจีบซะหน่อย” รพีพงศ์ทำเป็นพูดลอยๆ ขึ้นมาแต่สายตาก็เหลือบมองชลันธรไปด้วย

“เฮ้ย...พี...” ชลันธรร้องออกมาอย่างตกใจแต่เสียงก็ไม่ดังนัก แล้วส่งสายตามองกลับไปที่พีรพงศ์

“ตกใจอะไรกันลัน เราล้อเล่นน่ะ...” พีรพงศ์จำต้องตอบกลับเกลื่อนไปทั้งๆ ที่อยากได้คนข้างๆ มาแนบกายร้อนกรุ่นของเขาใจจะขาด

“เออ จะว่าไปเราไม่ได้ยินนาคินทร์พูดอะไรเลย” รพีพงศ์ที่เห็นว่าชลันธรหันกลับมาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“คือว่าเราไม่คุยไม่ค่อยเก่งน่ะ…เอ่อ เรากลับก่อนนะพอดีว่านึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วน” นาคินทร์พูดจบก็รีบวิ่งออกไป นาคน้อยรู้สึกไม่ปลอดภัยทุกครั้งที่จะต้องเผชิญกับนักศึกษาคนใหม่อย่างรพีพงศ์

‘ข้าหวังว่าเจ้าจะกลับตัวกลับใจไม่คิดร้ายกับชลันธรนะ…นาคน้อยนาคินทร์’

ประโยคคำเตือนด้วยกระแสจิตแล่นผ่านเข้าโสตประสาทของนาคินทร์ ทำให้นาคินทร์ที่กำลังวิ่งอยู่ก็หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด นาคน้อยหันกลับไปมองอีกครั้งก็พบว่ารพีพงศ์กำลังมองตนสายตาเรียบนิ่ง รพีพงศ์อันตรายอย่างที่คิดไว้จริงๆ...ปัญหาตอนนี้ก็คือ รพีพงศ์เป็นใคร? ทางด้านรพีพงศ์เองก็พอจะรู้ว่านาคินทร์เองก็กำลังสงสัยในตัวตนของเขาเช่นกัน แต่จะยากเสียหน่อยเพราะตนไม่ชอบเปิดเผยตัว

“ลันจะไปหาแฟนใช่ไหม? ถ้าอย่างนี้แยกกันตรงนี้เลยนะลัน” รพีพงศ์เอ่ยแล้วเดินแยกออกไป ชลันธรเองก็มองตามแผ่นหลังกว้างแล้วตั้งข้อสงสัย…รู้ได้ยังไงว่าเราไปหาแฟน

กลับมาที่รพีพงศ์พอแยกตัวจากชลันธร เมื่อเห็นว่าลับตาคนเขาก็กระโดดขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึกสูง แสงแดดจ้าที่มาพร้อมกับสายลมแรงพัดผ่านผิวกาย รพีพงศ์เดินไปข้างหน้าทีละก้าวช้าๆ ด้วยความใจเย็น รพีพงศ์เดินไปหาบุคคลที่กำลังยืนมองท้องฟ้าคนเดียวเงียบๆ

“ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอนาน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดจึงได้เรียกข้ามาพบ…เทพนภนต์” รพีพงศ์เอ่ย พร้อมมุมปากยกยิ้มยียวน นภนต์หันไปหาคนเรียกให้มาแล้วมอบรอยยิ้มยียวนกลับไปเช่นกัน การที่ทั้งสองได้มาเจอกันครั้งนี้ก็เพราะเทพนภนต์ส่งกระแสจิตให้เทพรพีพงศ์มาพบที่ดาดฟ้าแห่งนี้

“ข้ารอไม่นานหรอกเทพรพีพงศ์ จะว่าไปแล้วเจ้าเองก็ต้องเตรียมตัวรับการสถาปนาให้เป็นเทพพระอาทิตย์แทนบิดาของเจ้าในเร็ววันนี้มิใช้หรือ เหตุใดจึงละทิ้งแล้วลงมายังโลกมนุษย์เล่า” เทพบุตรหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ข้าลงมาครั้งนี้เพื่อปกป้องชลันธร จากพวกที่จ้องทำร้ายก็เท่านั้น” เทพแห่งพระอาทิตย์ตอบ คำตอบนี้สร้างความไม่พอใจให้กับเทพนภนต์ หากแต่เทพแห่งท้องนภานั้นจำต้องเก็บความรู้สึกครุกกรุ่นเอาไว้

“ด้วยราชโองการแห่งสวรรค์หน้าที่นี้นั้นเป็นของข้า เจ้ากลับไปเสียเถิดรพีพงศ์ อันที่จริงหากเจ้าคิดปกป้องก็น่าจะลงมาช่วยชลันธรตั้งแต่สองร้อยเก้าสิบเก้าชาติที่แล้วแต่น่าแปลกเจ้ากลับคิดช่วยชลันธรในชาตินี้” นภนต์พูดเน้นเสียงให้รพีพงศ์รู้ว่านี่คือหน้าที่ของตนและเหน็บเรื่องที่รพีพงศ์ไม่ได้ลงมาช่วยชลันธรก็เพราะว่าถูกบิดากักบริเวณไว้ให้อยู่ในวิมานเพลิง

“ข้ามีเหตุจำเป็นจึงเพิ่งได้ลงมาช่วย นี่น่ะหรือวิธีการปกป้องของท่าน โดยการที่เอาชลันธรเป็นแฟนเนี่ยนะ ถึงท่านจะมีราชโองการสวรรค์จากพระผู้สร้าง แต่ข้าก็หาได้ไว้ใจด้วยท่านไม่ เสียแรงที่ข้ายอมหลีกทางไม่ยุ่งกับชลันธรในครานั้น แต่ก็อย่างว่าท่านมันหูเบาเองหาว่าข้ากับชลันธรนั้นเล่นชู้กัน แล้วยังไม่เชื่อใจชลันธรอีก ไหนจะหาว่าไปวางยาพิษมารดาท่าน…รักกันกลับไม่เชื่อใจกัน ข้าล่ะสงสารชลันธรยิ่งนักที่หลงรักคนอย่างท่าน ข้าเองก็รู้แจ้งแก่ใจท่านดีว่าท่านกำลังคิดทำการอันใดอยู่...” ผู้สืบทอดเผ่าพงศ์สุริยะเทพกล่าวออกมา ทุกคำนั้นล้วนบาดลึกและเป็นน้ำมันราดไฟในใจของเทพนภนต์จนลุกไหม้

“เจ้า!!!!”

“อย่าเพิ่งโมโหข้า เพลานี้ชลันธรคงรอท่านอยู่ ระวังไว้นะถ้าท่านปล่อยชลันธรไว้ไกลตัวเมื่อไหร่ แล้วหากศัตรูไม่เอาตัวไป ก็จักเป็นข้านี่แหละที่จะพาตัวชลันธรไปจากท่านเอง…ครั้งนี้ข้าจะไม่หลีกทางหรือเกรงใจให้ท่านอีกแล้ว…เทพนภนต์”

รพีพงศ์พูดทิ้งท้ายแล้วก็กลายร่างเป็นกลุ่มลูกไฟและจางหายไป ทิ้งให้นภนต์ยืนขบเขี้ยวด้วยความโมโห ท้องฟ้าที่แจ่มใสไปด้วยแสงพระอาทิตย์เมื่อครู่ก็เริ่มเปลี่ยนและเต็มไปกลุ่มเฆมฝนสีดำสนิท เสียงฟ้าร้องดังสนั่นก่อนจะตามมาด้วยสายฟ้าฟาดผ่าลงมาทั้งที่ไม่มีหยาดพิรุณตกลงมาสู่พื้นพิภพแม้แต่น้อย หากนี่คืออารมณ์ของเทพผู้ควบคุมท้องนภาที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

…‘ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนเจ้าก็ยังจะมาเป็นมารผจญสำหรับข้า…รพีพงศ์’…





























...................................................

ตอนนี้ไม่มีอะไรมากนะจ๊ะ แค่เปิดตัวผู้ชายปริศนา

มาแล้ว มาแล้ว เราพอจะรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร คราวก่อนก็เป็นตัวแทรกความสัมพันธ์ท่านนภนต์กับท่านชลันธร มาชาตินี้มีแวว่าจะเป็นเช่นเดิม อีกอย่างถึงรพีพงศ์จะยศน้อยกว่านภนต์แต่กล้าที่จะฉะนะจ๊ะ อ่อ นางมากับไฟ นางพร้อมเผา

ส่วนพี่นภนต์ถ้าไม่รู้ใจตัวเองมีหวังโดนรพีพงศ์เสยน้องลันไปกินแน่



สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมาเม้นมาถูกใจและชื่นชอบนะคะ

ป.ล. ขอบคุณที่มอบความรักให้หนูบุษและคนหื่นพริษฐ์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
« ตอบ #69 เมื่อ: 13-04-2017 07:53:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #70 เมื่อ13-04-2017 11:52:03 »

 :L2: :pig4: :3123:

(((พระบรมเทวราชโองการ )))
 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
พระสุรเสียงของ(((มหาเทพ)))พระองค์หนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นอดีตพระผู้สร้าง พระองค์ทรงป่าวประกาศ(((ราชโองการ)))
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

พระสุรเสียงของ(((มหาเทพ)))พระองค์หนึ่งที่กำลังจะกลายเป็นอดีตพระผู้สร้าง พระองค์ทรงป่าวประกาศ(((พระบรมเทวราชโองการ )))













ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #71 เมื่อ13-04-2017 12:10:14 »

ขอขอบคุณคำแนะนำนะคะและความคิดเห็นทุกความคิดเห็นนะคะ จะได้เป็นความรู้และนำไปใช้พัฒนางานเขียนต่อๆไป

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #72 เมื่อ13-04-2017 13:16:10 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #73 เมื่อ13-04-2017 14:21:44 »

มือที่สามเหรอ?

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #74 เมื่อ13-04-2017 18:05:57 »

เทพรพี เป็นตัวกระตุ้นเทพนภนต์สินะ 555
  รออ่านต่อ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #75 เมื่อ13-04-2017 20:32:18 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #76 เมื่อ13-04-2017 21:47:05 »

พระเอกมาแล้วตัวร้ายไปไกลๆเลย

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #77 เมื่อ14-04-2017 09:32:59 »

ชอบผู้ชายร้อนแรงค่ะ 55

ออฟไลน์ pare_140

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-6
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #78 เมื่อ14-04-2017 21:50:02 »

 o13

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #79 เมื่อ14-04-2017 23:09:46 »

 :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
« ตอบ #79 เมื่อ: 14-04-2017 23:09:46 »





ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #80 เมื่อ14-04-2017 23:29:16 »


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #81 เมื่อ15-04-2017 08:38:36 »

 :pig4:

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.07 P.3 (13/04/2560)
«ตอบ #82 เมื่อ15-04-2017 09:44:06 »

ชอบแนวนี้.

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #83 เมื่อ17-04-2017 10:51:22 »

สาปรัก…ทัณฑ์เทวา

Writer : Tan-Yung0209

File : 08













ตึกสำนักหอสมุดของมหาวิทยาลัยเป็นตึกสูงสี่ชั้นขนาดใหญ่ ภายในตึกแต่ละชั้นมีหนังสือจำนวนมากถูกจัดวางเรียงเป็นระเบียบเป็นหมวดหมู่ตามเลขหมู่หนังสือ สามารถสืบค้นด้วยระบบการค้นหาที่ทันสมัย นักศึกษาต่างก็เลือกหยิบหนังสือที่สนใจมาอ่าน ทั้งงานวิชาการ หรือนวนิยาย นิตยสาร วรสารต่างประเทศทั้งใหม่และเก่า  แถมยังมีหนังสืออ้างอิงจำนวนมากมายที่ให้นักศึกษาได้ใช้ค้นคว้าเป็นข้อมูลในการทำรายงาน… หรือจะเป็นวิทยานิพนธ์ของรุ่นพี่  ด้วยอากาศที่เย็นฉ่ำสบายจากเครื่องปรับอากาศนักศึกษาบางคนก็เข้ามานอนหลับหลบอากาศร้อนภายนอกในตู้อ่านหนังสือส่วนตัว

…วันนี้หนุ่มน้อยปีหนึ่งหน้าหวานทั้ง 2 ชลันธรและนาคินทร์ก็เข้ามาเตรียมทำรายงานอยู่ในสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นกัน จะขาดแต่ก็เพื่อนชายสุดหล่อที่เพิ่งจะซิ่วย้ายสาขามาอย่างรพีพงศ์ที่ไม่รู้มัวแต่ทำอะไรอยู่ ยังชักช้าไม่มาตามเวลาที่นัดกันไว้ 

“รายงาน การบ้านเยอะขนาดนี้ กะว่าเสาร์อาทิตย์จะไม่ให้ได้พักเลยหรือไงเนี่ย?”  ชลันธรบ่นอุบเพราะเขาต้องยกเลิกเดทกับนภนต์ไปเพราะรายงานพวกนี้ ทั้งๆ ที่ชลันธรอยากอยู่กับนภนต์ในช่วงวันหยุดมากกว่า ถึงจะบ่นอย่างไรก็ต้องทำงานอยู่ดี ชลันธรมองกองงานและหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้าทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม เรียกได้ว่าชลันธรเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเริ่มงานชิ้นไหนก่อน

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะลัน ไม่เอาน่า...เรารู้นะว่าวันหยุดนี้ลันอยากจะอยู่กับอาจารย์นภนต์ใช่ไหมล่ะ นี่เราก็ไม่คิดเลยว่าเพื่อนเราที่คงแก่เรียนอย่างลันจะติดแฟนเป็นเหมือนกัน ” นาคินทร์พูดเล่นแซวชลันธร แต่เริ่มมสายตาดุๆ ส่งมาให้กับนาคินทร์

“นี่...ไม่ต้องมาแซวเราเลย อย่าให้เรารู้นะว่าแฟนคินทร์เป็นใครเราจะล้อให้อายไปเลย”

“โหย…มีเอาคืนเราด้วย…?  ขอบอกเลยนะ ว่าลันน่ะไม่มีทางได้ล้อเราแน่นอน ฮิฮิ” นาคินทร์ยิ้มกว้างยิ่งทำให้ชลันธรหมั่นไส้ยิ่งขึ้นไปอีก

“นี่คินทร์ก็ไม่ใช่ว่าหน้าตาไม่ดีซะที่ไหน ถ้าเราไม่เจอพี่นภนต์เราอาจจะจีบคินทร์ก็ได้นะ  ฮิฮิ หรือว่าเราจะช่วยให้พีคบกับคินทร์ดีเอาไหม เราเห็นแอบมองกันบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ พีเขาเป็นหนุ่มฮอตนะ นี่ถ้าลงประกวดเดือนมหาลัย รับรองคนที่เป็นเดือนวิศวะปีนี้ไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยแน่ๆ”

“เฮ้ยนี่...ลันพูดอะไร...ไม่เอา...นะจะบ้าเหรอ...” นาคินทร์ตาโตพอได้ฟังความคิดจับคู่ของชลันธร

 “ฮึ...แล้วก็อย่าคิดนะว่าเราจะไม่รู้ว่าคินทร์แอบซ่อนใครไว้ที่หออะ” ชลันธรยกยิ้มมุมปาก นาคินทร์ถึงกับหน้าซีดทำให้ยิ้มกว้างเมื่อครู่จางหายไปในทันที ...นี่หรือว่าความทรงจำของ ชลันธรจะกลับมาแล้วและมีอำนาจล่วงรู้ว่ากนธีมาหาตนทุกวัน...

“ลันพูดบ้าอะไรอีกแล้ว... เราไม่มีใครซ่อนไว้เสียหน่อย” นาคินทร์ยืนกระต่ายขาเดียว ถ้าเขาคิดไม่ยอมรับเสียอย่างชลันธรจะทำอะไรเขาได้

“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนี้เลย เราแค่เดาเอาก็เท่านั้น ก็เราสังเกตเวลาเลิกเรียนคินทร์ชอบกลับหอทันทีไม่เห็นว่าแวะไปไหน?  ก็เลยคิดว่าคินทร์แอบซุกแฟนไว้ที่หอน่ะสิ” ชลันธรเอ่ย นาคินทร์ก็โล่งใจขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เพราะเพียงสันนิฐานเอาก็เท่านั้นแต่มันดันตรงกลับความจริง

“ว่าแต่เรา...ลันเองก็ชอบกลับบ้านเร็วเหมือนกันนั่นแหละ หรือว่าย้ายไปอยู่กับอาจารย์นภนต์แล้ว” นาคินทร์ล้อชลันธรอีกครั้ง  แต่คราวนี้ร่างบางกลับรีบลุกมาปิดปากของนาคินทร์อย่างรวดเร็ว

“คินทร์เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ทั้งเราทั้งอาจารย์นภนต์จะแย่เอานะ” ชลันธรพูดเสียงเบาๆ แต่ดุ นาคินทร์พยักหน้าเชิงเข้าใจในสิ่งที่พูด ชลันธรจึงละมืออกจากปากนิ่มของนาคน้อย

“นี่ก็คบกันมาได้สักพักแล้ว  ลันมีอะไรกับอาจารย์นภนต์แล้วหรือยังอะ...” คำถามที่ไม่น่าถามเท่าไหร่หลุดออกมาหลังจากที่นาคินทร์ถูกเปิดปาก  ทำเอาชลันธรต้องปิดปากเพื่อนรักอีกครั้ง

“นี่คินทร์...ถามอะไรแบบนี้...เราก็อายเป็นเหมือนกันนะ”

“ก็เห็นคบกันสักพักแล้ว ตอนไปแสมสารก็นอนด้วยกันทุกคืนแล้วตกลงมีอะไรกันหรือยังล่ะ” นาคินทร์ถามเสียงทะเล้น จนชลันธรหน้าแดงแจ๋

“ยังหรอก เราไม่ยอมพี่นภนต์ซะอย่างก็ทำอะไรเราไม่ได้...” ชลันธรพยายามตีหน้านิ่งตอบกลับไป ทั้งที่ความจริงทั้งสองก็ถึงขั้นสำเร็จความใคร่ภายนอก

“นี่แสดงว่าอาจารย์นภนต์พยายามเข้าพระเข้านางแล้วสิ  แต่นางเอกของเรากลับไม่ยอม...” นาคินทร์ยกยิ้ม ชลันธรถึงกับชะงักไม่คิดว่าคำตอบของตัวเองเมื่อครู่จะกลับมาทำร้ายเขาเสียได้

“พอเลยเราไม่คุยกับนาคินทร์แล้ว...ไปหาหนังสือทำมารายงานดีกว่า...” ชลันธรเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้เพื่อจะไปหาหนังสือตามที่ตนได้จดเอาไว้

 ‘หมับ...’

“ใครอะ…เอามือออกเดี๋ยวนี้นะ” ชลันธรที่มัวคุยกับนาคินทร์และหยิบกระดาษเอกสารบนโต๊ะก็ไม่ทันระวังตัวเลยโดนมือหนาคู่หนึ่งปิดตาทั้งสองข้างจากด้านหลัง เจ้าของมือนั้นขยิบตาให้นาคินทร์เป็นการส่งสัญญาณว่าห้ามบอกชลันธร ซึ่งนาคินทร์ก็ยิ้มออกมาถึงแม้ในใจจะกลัวเพื่อนที่มาใหม่ก็ตาม จะพูดเสียงดังก็ไม่ได้เพราะนี้อยู่กันในห้องสมุดที่ต้องการความเงียบ

“คินทร์ช่วยเราหน่อยสิ” ชลันธรพูดอ้อนเพื่อนตัวเล็กให้ช่วย ไม่ว่าจะพยายามแกะมือปลาหมึก หรือหยิกแขนเจ้าของมือที่กลั่นแกล้งแต่ก็ไม่สำเร็จ มือนั้นยังคงปิดแน่น พร้อมกับอารมณ์สนุกสนานของคนที่ปิดดวงตาคู่สวย

“ขอโทษนะลัน เราช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ” นาคินทร์ตอบไปเพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ ด้วยสายตาคมของคนที่กำลังแกล้งนั้นน่ากลัวเหมือนมีเปลวไฟซ่อนอยู่ภายใน ชลันธรหน้าบูดทันที มือบางที่คอยหยิกคอยแกะมือคนมาใหม่ก็ทิ้งลงข้างตัวแล้วเอามากอดอก

“ถ้านับหนึ่งถึงสามไม่ยอมเอามือออกละก็ ก็ปิดให้แน่นแล้วอย่าเอาออก ถ้าเอาออกโดนดีแน่” ชลันธรเอ่ยเสียงเรียบบ่งบอกว่าให้อีกคนรับรองว่าเริ่มไม่พอใจแล้ว

“หนึ่ง….สอง….สา..”

“ปล่อยแล้วๆ…”

รพีพงศ์รีบเอามือที่ปิดไว้ออกจากตาของชลันธร ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือตอนนี้ เวลาชลันธรไม่พอใจก็มักจะประชดประชันแบบนี้เสมอ จนรพีพงศ์อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผิดกับชลันธรที่หน้านิ่งๆ ปากขบเม้มบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังงอนนิดๆ ปกติถ้าไม่สนิทชลันธรจะไม่แสดงท่าทางว่ากำลังงอนให้ใครเห็นแต่กับรพีพงศ์ที่สนิทกันอย่างรวดเร็วนั้นชลันธรรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด

“มาสายแล้วยังขี้แกล้งอีก…” ชลันธรเอ่ย วันนี้เป็นวันที่ตนนัดทำงานกลุ่มสมาชิกก็มีเขา นาคินทร์และรพีพงศ์

“ขอโทษนะลัน ผมขอโทษ ไม่งอนนะครับ นี่ผมซื้อช็อกโกแลตมาฝากทั้ง 2 คนด้วยเห็นไหม...” รพีพงศ์กล่าวคำขอโทษเสียงทะเล้น ก่อนจะวางกระเป๋าและเลื่อนเก้าอี้นั่งลงระหว่างชลันธรและนาคินทร์ เขาหยิบขนามหวานนำเข้าจากต่างประเทศสุดแพงออกมาให้เพื่อนทั้ง 2

“แค่นี้ยังไม่หายงอนนะ ถ้าอยากให้หายงอน พีกับคินทร์ต้องไปหาหนังสือมาทำรายงานเลย เราจดหนังสือที่จะใช้ให้หมดแล้ว” สมกับเป็นเด็กเรียน ก่อนหน้านี้ระหว่างที่รอรพีพงศ์ ชลันธรก็จดหนังสือที่ใช้หาข้อมูลทำรายงานแต่ครั้งนี้เขาไม่ต้องออกไปหาเอง

“ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะ?” นาคินทร์ถาม หัวใจก็เต้นแรงด้วยความกลัว…นาคินทร์กลัวที่จะต้องออกไปหาหนังสือกับรพีพงศ์

“โทษฐานร่วมมือกัน…ไปเลย” ชลันธรตอบมือก็กอดอกใบหน้าสวยหันไปทางอื่น ท่าทางไม่ต่างกับเด็กสามขวบแสนงอนที่กำลังต่อรองกับพ่อแม่

“ก็ได้ๆ ผมกับคินทร์เราสองคนจะไปหาหนังสือกัน แต่กินช็อกโกแลตของผมด้วยนะจะได้อารมณ์ดี...” รพีพงศ์เอ่ย มือหนึ่งก็คว้ากระดาษโน๊ตจากชลันธรอีกมือก็คว้าข้อมือของนาคินทร์เอาไว้แล้วลากออกไปโดยไม่ได้สนใจว่าคนที่ถูกลากนั้นจะเจ็บข้อมือหรือไม่

“พี ปล่อยข้อมือเราเถอะเราเดินเองได้” นาคินทร์บอกกับร่างสูงน้ำเสียงปกติทั้งที่รู้สึกร้อนผ่าวตรงข้อมือที่รพีพงศ์กำลังจับ อีกทั้งรพีพงศ์พานาคินทร์เดินไปยังชั้นวางหนังสือที่อยู่ด้านหลังสุดติดกับผนังด้านหนึ่งซึ่งจุดนั้นเป็นมุมอับซึ่งไร้ผู้คน

‘ไม่ปล่อย...’

นาคินทร์แทบไม่เชื่อตัวเอง ร่างบางหยุดนิ่งเหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ เขาได้ยินเสียงที่รพีพงศ์เอื้อนเอ่ยผ่านกระแสจิตและที่น่าตกใจไปกว่านั้นเสียงนี้ก็เป็นเสียงเดียวที่มาเตือนนาคินทร์เรื่องชลันธร นี่ตกลงผู้ชายตรงหน้าที่ชื่อรพีพงศ์นั้นเป็นใครกัน? นาคินทร์รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามา หากนาคน้อยอยากจะสะบัดแขนหลบหนีก็ทำได้ยากเพราะมือหนาที่ร้อนราวกับเหล็กเผาไฟบีบจับแขนเรียวจนแทบไหม้ หรือหากโวยวายไปก็เป็นจุดสนใจต่อคนอื่นๆ สุดท้ายนาคินทร์ก็ต้องปล่อยให้รพีพงศ์ลากตัวเขาไป

‘อุก..’

รพีพงศ์เหวี่ยงร่างอีกคนจนเกิดเสียงกระแทกตัวของนาคินทร์กับผนังคอนกรีต แล้วใช้แขนทั้งสองข้างยันชั้นวางเอาไว้ไม่ให้นาคินทร์หนี ตอนนี้นาคินทร์ก็ถูกกักตัวไว้ไม่ว่าจะเป็นแขนหรือด้วยตัวของรพีพงศ์ที่อยู่ตรงหน้า…ทำไห้นาคน้อยหมดหนทางหนี

“พีจะทำอะไรเรา” นาคินทร์ถามเสียงสั่น รพีพงศ์จ้องหน้าสวยที่ตื่นตระหนกราวกับลูกกวางน้อยพลัดหลงกับแม่  ถ้าตัวเขานั้นไม่ได้ยินแผนร้ายของกนธีที่ร่วมมือนาคินทร์เพื่อปองร้ายชลันธร  ชายหนุ่มคงจะเชื่อว่านาคน้อยที่หน้าตาน่ารักแสนใสซื่ออย่างนาคินทร์นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจดี หาใช่เป็นนาคที่ชั่วร้ายกล้าทำร้ายคนที่เขารักได้ลงคอ

“ฮึ อย่าทำเป็นกลัวข้าเลยนาคินทร์ ข้ารู้ว่าเจ้าคือใคร เผ่าพันธุ์นาคาของเจ้านั้นช่างเลือดเย็นนัก ทำเพียงแค่นี้เจ้าคงมิกลัวข้าดอก” ทุกการกิริยาที่หวาดกลัวของนาคินทร์ที่เขาเห็นนั้น แม้แต่น้ำตาที่คลอเบ้าจนชุ่มขนตายาว รพีพงศ์กลับมองว่านี่คือการเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น

“พีพูดอะไร เราไม่เข้าใจ” นาคินทร์ต้องการจะปิดสถานะตัวเองให้ถึงที่สุดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในสิ่งที่รพีพงศ์พูดออกมา

“เจ้าเป็นพญานาคและเจ้ากำลังจะหาทางทำร้ายชลันธร” รพีพงศ์พูดเสียงเรียบก่อนจะเผยรัศมีสีแดงเพลิงออกมาชั่วขณะหนึ่ง นาคินทร์สะดุ้งตกตะลึงจนขณะหนึ่งผิวขาวเนียนแปรเปลี่ยนขึ้นเป็นเกล็ดเขียวแล้วก็จางหายไป เมื่อได้รู้ว่ารพีพงศ์นั้นเป็นเทพหาใช่มนุษย์ธรรมดาเพียงแต่ยังไม่รู้ว่ารพีพงศ์มาจากสายตระกูลของมหาเทพองค์ใดแต่ที่สำคัญไปกว่ารพีพงศ์เป็นเทพ นั่นก็คือรพีพงศ์รู้เรื่องที่เขาจ้องจะทำร้ายชลันธร

“ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นาคินทร์ จงหยุดการการกระทำชั่วร้ายของเจ้าเสีย ถ้าเจ้ายังรักตัวกลัวตายอยู่ล่ะก็ หากเจ้าไม่หยุดข้านี่แหละจะหยุดเจ้าเอง ข้าจะจับเจ้าฉีกร่างแล้วโยนให้เหล่าครุฑรุมทึ้งกินมันเจ้าเสีย..!!! ” รพีพงศ์เอ่ยด้วยเสียบเรียบๆ แต่แสนน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งท่าทาง น้ำเสียง หน้าตา ล้วนแสดงถึงความดุดัน เอาจริงเอาจังของผู้พูด กายบางของนาคินทร์นั้นสั่นระริกด้วยความกลัวแม้ร่างที่อยู่ตรงหน้าจะแผ่อุณหภูมิร้อนออกมา และในภายใจของนาคน้อยกลับมีความหนาวเย็นจับทั่วขั้วหัวใจ ถ้าไม่นับกนธีนี่คือบุคคลแรกที่นาคินทร์หวาดกลัวมากที่สุด

รพีพงศ์พอเห็นว่านาคินทร์แสดงอาการหวาดกลัวออกมาก็ย่ามใจ อย่างน้อยนาคินทร์ก็คงไม่ลงมือในเวลานี้ รพีพงศ์ลดแขนลงแล้วเดินออกมาปล่อยให้นาคินทร์นั่งทรุดอยู่กับพื้น ความจริงบุตรแห่งพระอาทิตย์ต้องการจะสังหารนาคินทร์เสียเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องใจเย็นเพราะอยากที่จะสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายไปก่อน เพราะอย่างไรต้องสืบสาวหาผู้บงการคนขี้กลัวอย่างนาคินทร์นึกขึ้นแล้วก็เสียดายที่คืนนั้นที่แสมสารพระจันทร์ส่องสว่างให้เห็นเพียงใบหน้าของนาคินทร์เท่านั้น รพีพงศ์จึงไม่รู้ว่าใครคือคนที่คิดร้ายต่อชลันธร

“จะไปไหนก็ไปซะ  ไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า...”  เอ่ยปากไล่นาคน้อยไปให้พ้นๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่กับชลันธร  ไม่ต้องพูดอะไรต่อใบหน้าซีดเซียวนั้นถึงกับลนลานหนีหนุ่มหล่อด้วยความหวาดกลัว

...‘ข้าจะปกป้องเจ้า จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรไปอีกชลันธร’... รพีพงศ์สัญญากับตัวเองแล้วคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ตัดสินโทษของชลันธร

วิมานเทพพระอาทิตย์

“เจ้าจะไปไหนรพีพงศ์!!!”

“ท่านพ่อ…คือข้า..ข้าจะไปช่วยเทพชลันธร” รพีพงศ์ที่กำลังจะเดินทางไปยังที่ประชุมสภา

“นั้นไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า รพีพงศ์จงกลับไปยังวิมานของเจ้าเสีย” สุริยะเทพห้ามปรามรพีพงศ์ เทพแห่งพระอาทิตย์รู้ดีว่าบุตรชายของตนนั้นรักใคร่ด้วยเทพแห่งมหาสมุทร ซึ่งเดิมทีตนนั้นก็ไม่ค่อยที่จะชอบใจนัก ซ้ำมาเป็นแบบนี้อีกก็ยิ่งจะไม่พอใจ อีกทั้งด้วยข้อหาของชลันธรร้ายแรงยิ่งนัก สุริยะเทพเองด้วยห่วงบุตรคนโตเกรงว่ารพีพงศ์นั้นจะติดร่างแหทัณฑ์เทวานี้ไปด้วย

“ข้าไม่กลับ!!! ข้าจะไปช่วยชลันธร!!!” อารมณ์หนุ่มนั้นเลือดร้อนด้วยมีรัก มิต่างจากโคทึกที่กำลังคึกพิโรธ รพีพงศ์ยังดื้อรั้นและพยายามที่จะออกไปช่วยคนที่ตนรัก

“ในเมื่อเจ้าไม่ฟังพ่อ  พ่อก็จำจะกักขังเจ้าไว้ในวิมานเพลิง!!!” สุริยะเทพก็ใช้โซ่อัคคีตวัดพันร่างของรพีพงศ์เอาไว้

“ท่านพ่อ ท่านจะทำกับข้าเยี่ยงนี้ไม่ได้ ได้โปรดเห็นใจข้าด้วย เทพมหาสมุทรไม่ผิดเขาถูกใส่ร้าย...!!!” รพีพงศ์ทั้งร้องขอและขัดขืด แต่ยิ่งดิ้นโซ่อัคคีก็ยิ่งรัดร่างแน่น เทพพระอาทิตย์ขยับโซ่อัคคีแล้วเหวี่ยงร่างของรพีพงศ์ขังไว้ในวิมานเพลิงซึ่งตั้งอยู่ที่ใจกลางพระอาทิตย์

รพีพงศ์ที่ถูกกักขังอยู่ในวิมานเพลิงจึงไม่สามารถไปช่วยคัดค้านให้กับชลันธรได้ และหลังจากที่ชลันธรถูกสาปให้ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ รพีพงศ์ก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นพลขับราชรถพระอาทิตย์แทนอรุณเทพผู้เป็นน้องชายฝาแฝด ที่ไปบำเพ็ญศีล ณ ถ้ำผลึกโกเมนที่เชิงเขาไกรลาส รพีพงศ์ไม่สามารถที่จะไปไหนได้ จำต้องเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด เมื่อได้มองเห็นชะตาชีวิตของชลันธรในแต่ละชาติ จนกระทั่ง…

“ท่านพี่รพีพงศ์” อรุณเทพลักลอบเข้าวิมานเพลิงมาหาผู้เป็นพี่ชาย

“อรุณเทพน้องข้า นี่เจ้าครบกำหนดบำเพ็ญศีลแล้วหรือ?” รพีพงศ์แปลกใจที่เห็นอรุณเทพกลับมาก่อนกำหนด

“ที่น้องกลับมาเพราะน้องเบื่อที่จะต้องนั่งคุยกับพวกเทวาภายในถ้ำนั่นเหลือเกิน  เลยหนีกลับมาก่อนโดยที่ท่านพ่อเองก็ยังไม่ทราบ อีกอย่างน้องเองก็เห็นใจพี่ชายนัก ด้วยท่านพี่กำลังมีรัก น้องจะช่วยท่านพี่ออกจากวิมานเพลิงสถานนี้  ทีนี้ท่านพี่ก็จะได้ลงไปหาเทพชลันธร น้องจะปลอมกายเป็นท่านพี่ แล้วท่านพี่ก็จงกินเมล็ดปทุมชาติทิพย์นี่เสีย มันจะเพิ่มกำลังกาย ให้ท่านพี่ลงไปยังโลกมนุษย์ให้เร็วที่สุด” คำพูดของอรุณเทพทำให้รพีพงศ์รู้สึกปิติยินดีดั่งมีหยาดน้ำฝนทิพย์ตกลงมายังวิมานเพลิงสถานที่ไม่เคยมีหยาดฝนตกลงมาก่อน

ถึงอย่างน้อยตนก็มีน้องที่คลานตามกันมาเข้าใจ ถึงแม้จะมาช้าไปเสียหน่อยก็ตาม ร่างสูงหยิบผอบที่บรรจุเมล็ดปทุมชาติทิพย์จากมือของอรุณเทพ

“พี่ขอบใจเจ้ามากน้องรัก พี่ขอลาเจ้าไปก่อนหากกลับมาพี่จะตอบแทนเจ้าทุกสิ่งตามแต่ใจเจ้าปรารถนา” รพีพงศ์เปิดผอบแล้วกินเมล็ดปทุมชาติทิพย์เข้าไป  โดยพลันร่างกายของเขานั้นแปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟสีแดงพุ่งผ่านชั้นฟ้าลงไปยังพื้นพิภพและทันทีที่กลับสู่ร่างเดิม รพีพงศ์ก็พบว่าตนอยู่ที่ชายหาดแห่งหนึ่งและได้เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งได้ยินบทสนทนาแผนชั่วระหว่างนาคินทร์และกนธี

ส่วนอรุณเทพผู้เป็นน้องนั้นก็ทำตามสัจจาที่ให้ไว้ ปลอมกายแทนพี่ชายตามพระประสงค์ของพระผู้สร้างที่เสด็จไปพบตนที่ถ้ำผลึกโกเมนและทรงวางแผน แถมยังทรงพระราชทานผอบบรรจุเมล็ดปทุมชาติทิพย์นำมาให้รพีพงศ์อีกด้วย

“ข้าขอให้ท่านพี่ปลอดภัยกลับมา…”

ณ ห้องสมุด รพีพงศ์หอบหนังสือหลายเล่มที่ชลันธรต้องการกลับมาที่โต๊ะ แต่ชายหนุ่มไม่เห็นแม้แต่เงาของนาคินทร์คาดว่าคงจะหนีกลับไปแล้วเพราะกลัวคำขู่ของตน รพีพงศ์จึงกวาดสายตาไปทั่วจนชลันธรสังเกตได้

“มองหาคินทร์เหรอพี?” ชลันธรถามรพีพงศ์ที่ตอนนี้นั่งลงข้างๆ

“อืม คินทร์ไปไหนเหรอ? หรือว่ายังไม่กลับมา?” รพีพงศ์แกล้งถามทั้งที่ใจจริงรู้อยู่แล้วว่านาคินทร์ไม่อยู่ในห้องสมุดแห่งนี้

“อยู่ๆ คินทร์ก็ไม่สบายหน้าซีดมากเลย เราเลยบอกให้คินทร์กลับไปก่อน” ชลันธรตอบ

“ก็อืมดี…ผมจะได้อยู่กับลันสองคนไง” พียิ้มกว้าง มือก็หยิกแก้มชลันธรเบาๆ

“พีอย่ามาแกล้งเรา” ชลันธรตีมืออีกคน รพีพงศ์ก็ยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะกลัวว่าชลันธรจะงอนตนอีกรอบ

“ก็ลันน่าแกล้งนี่ครับ” รพีพงศ์เอ่ย ชลันก็ทำหน้าบูดใส่ทันที

‘พรึบ’

“อ่ะ กระดาษรายงาน”

อยู่ๆ กระดาษที่กำลังจะเตรียมเขียนรายงานก็ตกลงไปบนพื้นระหว่างเก้าอี้ของรพีพงศ์และชลันธร ทั้งสองคนก้มลงเก็บกระดาษพร้อมกัน ชลันธรจับกระดาษได้ก่อนแต่มือของรพีพงศ์นั้นวางทับลงบนหลังมือขาว  ชลันธรเงยหน้าขึ้นมาทำให้ปลายจมูกนั้นไปสัมผัสกับริมฝีปากของรพีพงศ์พอดิบพอดี

“ทำอะไรกัน!” เสียงเข้มที่ดังแทรกขึ้นมากลางห้องสมุดทำเอานักศึกษาคนอื่นๆ ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่นั้นหันมามองอาจารย์หนุ่มรูปหล่อที่กำลังเดินตรงไปยังโต๊ะของนักศึกษาชายคู่หนึ่ง  นภนต์ที่เดินเข้ามาพอดีกับที่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ เทพหนุ่มรู้สึกแค้นเคืองรพีพงศ์และหึงหวงชลันธรเป็นอย่างมาก

“ลันมากับพี่!!” ไม่รอคำตอบอะไร นภนต์ก็กระชากแขนชลันธรให้มาอยู่กับตนท่ามกลางสายตานักศึกษาที่มาใช้บริการห้องสมุดทุกคน

“อาจารย์ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ” รพีพงศ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆ แต่แววตานั้นมีประกายแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นมา แต่มันยิ่งทำให้นภนต์โมโหมากยิ่งขึ้น มันก็แค่แผนง่ายๆ ที่ทำให้คนที่โง่มาหลายร้อยชาติอย่างนภนต์นั้นติดกับดัก แต่รพีพงศ์นั้นลืมไปว่าวิธีการที่เขาใช้นั้นมันไม่ใช่วิธีการของสุภาพบุรุษ แถมไม่รู้ว่าชลันธรจะโดนนภนต์ทำอะไรบ้าง

“หุบปาก!!! ส่วนลันมากับพี่!!!” นภนต์ลากชลันธรออกจากห้องสมุด โดยที่เทพหนุ่มไม่ได้สนว่าใครจะมองตนกับชลันธรว่ายังไง ผิดกับชลันธรที่น้ำตาเริ่มคลอเบ้าและคิดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“ลันขึ้นรถ” พอมาถึงที่รถของนภนต์ ชายหนุ่มก็สั่งชลันธรให้เข้าไปนั่งด้านในแต่ชลันธรกลับนิ่งเฉยไม่ยอมเข้า

“พี่บอกว่าให้เข้าไปนั่งก็เข้าไปนั่งสิ!!” นภนต์หัวเสีย พอยิ่งเห็นชลันธรไม่เชื่อฟังนภนต์ก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปอีก

“ลันไม่นั่ง!!!” ชลันธรดื้อรั้นกลับไปไม่ยอมทำตามที่นภนต์ว่า

“พี่บอกให้เข้าไปนั่ง ก็ต้องนั่ง  อ่อ..หรือว่าถ้าไม่ใช่ไอ้ผู้ชายคนนั้นพูดก็เลยไม่ยอมทำตาม”

“ผัวะ...” เสียงหมัดรุ่นๆ ตรงเข้าไปยังใบหน้าของนภนต์เข้าอย่างจังจนใบหน้านั้น จนหันไปตามแรง

“นี่พี่คิดอะไรของพี่ พี่ไม่ไว้ใจลัน ไม่เชื่อใจลันหรือไง !!!  พี่คิดจะถามลันสักนิดไหม ทำไมพี่ถึงไม่ถาม ถ้าพี่ยังไม่มีเหตุผลอย่างนี้ลันก็จะไม่คุยกับพี่!!!” ตามด้วยคำพูดที่อยากจะให้คนรักได้รับรู้ว่าเขาเสียใจ น้อยใจขนาดไหนที่นภนต์ทำอะไรขาดสติแบบนั้น

 นภนต์จับแก้มที่โดนชกของตัวเอง สายตาคมที่เริ่มได้สติจากไฟหึง มองมายังชลันธรที่ตอนนี้น้ำตาไหลอาบแก้ม

“ไว้เราสองคนค่อยคุยกันนะครับ…อาจารย์นภนต์” ชลันธรก้าวขาออกไปพร้อมนำความรู้สึกน้อยใจไปด้วย ทิ้งให้นภนต์ยืนกำหมัดและสับสนในตัวเอง วันนี้นภนต์ตั้งใจจะมาดูแลชลันธรแต่กลับมาเจอกับภาพบาดตาที่มันทับซ้อนกันเหมือนเหตุการณ์ในอดีตย้อนมา เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดรักร้าวระหว่างเขาและชลันธร

“ไม่…ข้าไม่ได้รักชลันธรแล้ว ข้าจะหึงหวงไปทำไมกัน !!! จะไปทำระยำตำบอนอะไรกับไอ้รพีพงศ์บ้านั่นก็เรื่องของเขาสิ !!! แต่ข้าต้องทำตามเทวาราชโองการ ต้องตามดูแลชลันธร..โธ่เว๊ย!!!” พูดไปว่าไม่รัก  พูดไปว่าไม่หึง แต่การกระทำของเทพแห่งท้องนภามันแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่ยังคงซ่อนลึกในจิตใจหากเจ้าตัวกลับปฏิเสธ  ถึงเวลานี้นภนต์จะสับสนหรือโมโหเพียงใดอย่างไรเสียก็ต้องตามไปดูแลชลันธรไม่ให้คลาดสายตา

...ยังไงตามดูห่างๆ ก็คงได้...

ทางด้านนาคินทร์พอถูกรพีพงศ์ขู่เตือนก็รีบกลับหอพักทันที  ร่างบางไม่สามารถทำภารกิจต่อได้หากยังคงมีรพีพงศ์ร่วมอยู่ด้วย  สายตาที่เร่าร้อนกับคำพูดที่เย็นชานั้นก็แทบจะทำให้นาคินทร์หัวใจหยุดเต้นเสียแล้ว  นี่มันอะไรกันทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ... หากไม่เป็นเพราะติดบ่วงรักของกนทีตนคงไม่ยอมทำอะไรแบบนี้เป็นแน่

‘ซ่า…’

เสียงน้ำดังมาจากในห้องน้ำ นาคินทร์ที่เพิ่งกลับมาถึงก็แปลกใจ เพราะเมื่อเช้าก่อนออกไปหาชลันธรตนก็ไม่ได้เปิดน้ำทิ้งเอาไว้ ร่างบางค่อยๆ เดินไปที่ห้องน้ำพร้อมกับลางสังหารแปลกๆ ว่าต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ มือเรียวจับลูกบิดและดันประตูที่ไม่ได้ปิดสนิทให้เปิดออก ก็พบร่างกายกำยำของเทพพระสมุทรนอนหายใจโรยรินในอ่างอาบน้ำ แต่ริมฝีปากหนาและใบหน้าหล่อคมนั้นกลับซีดเผือด

“ท่านกนธี…!!!”















...................................

ตอนนี้ใสใสไม่มีอะไรมาก มีดราม่าเบาๆให้พอได้ตื่นเต้นนิดนึง ทั้งชลันธรกับนภนต์ที่แม่ยกของรพีพงศ์คงจะสะใจ ไหนจะกนธีที่อิดโรยจนนาคินทร์แทบจะขาดใจไปด้วย มาดูกันว่าตอนหน้าจะเป็นอย่างไร ท่านยุ่งขอให้ทุกคนติดตามด้วยนะคะ



สุดท้ายขอขอบคุณที่เข้ามาอ่าน เม้น ติดตาม เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านคอมเม้นทีก็ดีใจมากๆค่ะที่ชื่นชอบและขอบคุณคอมเม้นที่แนะนำนะคะในการใช้คำต่างๆ ท่านยุ่งจะได้นำไปปรับใช้ในตอนต่อไป  :mew1:

ออฟไลน์ TanYung0209

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #84 เมื่อ17-04-2017 21:31:25 »

ฝากติดตามด้วยนะคะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #85 เมื่อ17-04-2017 21:50:56 »

มีพีมาขั้นกลางก็ดี เทพนภนต์ จะได้เห็นคุณค่าของลันบ้าง
ให้หึงหวงเยอะ ๆ ไปเลย :laugh:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #86 เมื่อ17-04-2017 21:53:43 »

ยังไงก็ถือป้ายพระอาทิตย์จ้า

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #87 เมื่อ18-04-2017 00:49:22 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #88 เมื่อ18-04-2017 00:52:56 »

แหม่ เทพแห่งท้องนภานี่ขี้หึงจริงๆ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44
Re: สาปรัก...ทัณฑ์เทวา 20+ EP.08 P.3 (17/04/2560)
«ตอบ #89 เมื่อ18-04-2017 05:48:23 »

 :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด