หลานคุณย่า13 จบปัญหา
คิณ(Part)
พายก้มหน้าก้มตาทำเค้ก โดยไม่ได้สนใจผู้มาใหม่อย่างผม เสียงของผมไม่น่าจะเบานักตอนที่เข้ามาทักน้องๆที่หน้าร้าน แต่คนตรงหน้ากับทำเหมือนผมไม่มีตัวตน ไม่คิดที่จะหันมามองกันบ้างเลยรึไง
“พายครับ” เรียกครั้งแรกไม่หัน จนต้องเรียกซ้ำรอบสอง รอบสามก็ยังไม่สนใจ ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ ไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ
ผมเดินเข้าไปกอดคนตัวเล็กจากข้างหลัง จะว่าผมฉวยโอกาสหรืออะไรก็ช่างผมยอม เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้เขาก็คงจะก้มหน้าก้มตาทำเค้กต่อไป ราวกับว่าผมไม่ได้อยู่ในนี้แน่นอน
“ปล่อย” เสียงห้วนได้อีกนะครับ
“ผมจะปล่อยถ้าพายยอมคุยกับผม” ปากผมคลอเคลียอยู่กับซอกคอของเขา จนร่างบางหดคอหนี เพื่อให้พ้นจากการก่อกวนของผม
“ไม่มีอะไรต้องคุย” เสียงที่เคยหวานตอนนี้ห้วนยิ่งกว่ามะนาวไม่มีน้ำ
“ถ้าไม่คุยจะเข้าใจกันได้ยังไง”
“เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว” เข้าใจอะไรของเค้านะ คิดเองเออเองเก่งที่สุดล่ะคนนี้
“แต่ผมไม่เข้าใจ ว่าทำไมพายเป็นแบบนี้”
“แบบไหน ผมก็เหมือนเดิม” คำว่าเหมือนเดิมของพายนี่มันไม่น่าจะใช่นะครับ ถ้าเหมือนเดิมทำไมไม่คุยกันดีๆ
“พายครับ คุยกันดีๆ ไม่ได้เลยเหรอ” ผมพยายามง้องอนคนตรงหน้าให้เราได้คุยกันดีๆ แต่เขาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำเค้กต่อ
“กลับไปเถอะครับ แล้วอย่ามาที่นี่อีก” ทำไมพูดแบบไร้เยื่อใยแบบนี้ล่ะครับ ใจผมนี่หล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว แต่ก็เพียงครู่เดียวเพราะตอนนี้ความรู้สึกโมโหกำลังเข้ามาแทน แต่ก็พยายามระงับอารมณ์พราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่แค่สองคน ยังไงก็ต้องพาออกไปเคลียร์ให้ได้ ถ้าขืนยังอยู่ตรงนี้ยังไงก็ไม่มีวันที่จะรู้เรื่องกันหรอก
“ทำไมพายทำแบบนี้ล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย ออกไปคุยกันครับ เราต้องคุยให้รู้เรื่อง” ผมพยายามดึงข้อมือพายให้เขาเดินตามออกมา แต่คนตัวเล็กกลับพยายามยื้อเอาไว้จนสุดแรง อยากกระชากข้อมือแรงๆ จะได้รู้สึกซะบ้างว่าความเจ็บมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่กล้าทำเพราะกลัวเขาจะโมโหแล้วเราจะคุยกันไม่เข้าใจ แค่นี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว
“ไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อย” มือบางพยามแกะมือผมออกจาการเกาะกุม แต่แรงเท่ามดอย่างนี้มีหรือจะสู้แรงช้างสารอย่างผมได้ ดิ้นเข้าไปอีกสิ จะได้เจ็บๆ
“ถ้าไม่เลิกดิ้น จะอุ้มแล้วนะ เอาให้อายกันไปข้างหนึ่งเลยคอยดู” ผมน่ะไม่มีทางอายอะไรหรอก หน้าฉาบด้วยปูนตราช้างอย่างหนาขอบอก แต่คนที่หน้าบางอย่างพายนี่สิ
“ก็ปล่อยก่อนสิ” อย่ามาเจ้าเล่ห์นะครับ เรื่องอย่างนี้ไม่ทันผมหรอก
“ถ้าปล่อย แล้วจะไปด้วยกันใช่ไหม” ผมถามเสียงเข้มออกไป แค่ขู่เท่านั้นแหละครับ ไม่ได้คิดจะทำอะไรรุนแรงหรอก กลัวร่างน้อยๆ จะหักคามือซะก่อน
“จะไปไหนเล่า ร้านยังไม่ปิดเลย” เหวี่ยงแล้วครับคราวนี้ เริ่มจะดื้ออย่างที่คุณย่าว่าแล้วใช่ไหม
“ให้น้องๆ ดูแทน” หน้าผมนี่ก็โหดไม่แพ้ใครนะครับ ถ้าอารมณ์ขึ้น ตอนนี้กำลังเป็นแบบนั้น เพราะคนตัวเล็กตรงหน้าที่เริ่มจะขึ้นเสียงใส่ผมเหมือนกัน
“บอกไม่ไปไง”
“จะเอาจริงๆ ใช่ไหม” ผมดึงเขาเข้ามากระแทกอกอย่างแรง ก่อนที่จะก้มลงอุ้มคนตัวเล็กขึ้นพาดบ่า พาเดินออกมาทางหน้าร้าน ท่ามกลางความตกใจของน้องๆ รวมทั้งลูกค้าที่นั่งทานเค้กในร้านด้วย
“ปละ...ปล่อยผม” กำปั้นน้อยๆ ทุบรัวๆ ลงกลางหลังผม แต่มันไม่ได้รู้สึกเจ็บพอที่จะทำให้ผมปล่อยตัวเขาหรอก อยากอายนักก็ทำให้อายแบนี้แหละ เอากับผมสิ ถ้าดื้อมากๆ นี่จับปล้ำ แล้วค่อยเคลียร์
“ดูแลร้านต่อต่อด้วยนะครับ พี่จะพาพายไปทำธุระหน่อย แล้วก็ไม่ต้องรอนะพี่บอกคุณย่าไว้แล้ว” แม้ว่าทั้งน้องบราวแล้วก็มินจะงงๆ อยู่แต่ก็ยอมยักหน้ารับคำ
“อือ...ไม่ไป” ร่างเล็กก้มหน้างุดกับบ่าผมแล้วครับ สงสัยจะอาย
ผมรีบอุ้มเขาเดินมาที่รถของตนเอง ก่อนที่จะเปิดประตูแล้วจับพายยัดเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ ก่อนที่ผมจะรีบเข้ามานั่งอีกฝั่ง หน้าเขาแดงลามไปถึงหูแล้วครับ คงไม่ใช่เพราะอายแน่นอน แต่คราวนี้อารมณ์คงจะโกรธสุดขีดแล้ว
“จะไปไหน” หลังจากที่ขับรถออกมาไกลพอสมควรพายจึงเอ่ยถามผมขึ้นมา เสียงที่เคยหวานในความคิดผมตอนนี้ฟังยังไงก็ไม่ใช่อารมณ์ปกติแน่นอน
“เดี๋ยวก็รู้” กวนมาก็กวนกลับนะครับ เสียงดังมาก็เสียงดังกลับ จะเอายังไงครับที่รัก ไอ้คิณคนเดิมไม่มีแล้วนะครับวันนี้ มีแต่คนโหด หื่น เท่านั้น
“จอดรถ” ตาโตๆ ถลึงใส่ผมคงคิดว่าน่ากลัวใช่ไหม แต่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย เหมือนแมวตัวน้อยๆที่กำลังขู่เสือโคร่งตัวยักษ์อย่างผมมากกว่า
ผมไม่จอด แล้วก็ไม่ตอบด้วยว่าจะไปไหน จนคนที่นั่งข้างๆ ผมงียบๆ จนน่ากลัว จากที่ตอนแรกต่อปากต่อคำกับผม แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะ จนผมต้องเอ่ยขึ้นมาเพื่อลดความอึดอัดระหว่างเราสองคน
“ไปที่คอนโดผม ขอคุณย่าแล้ว” ผมเหลือบไปมองเขานิดนึง ก่อนที่จะหันมาขับรถต่อ พายกำมือตัวเองแน่นจนผมกลัวว่าเขาจะเผลอจิกเข้าเนื้อให้ได้เจบตัวกันพอดี
“พายครับ”
“..............” คราวนี้คนข้างๆ ผมเงียบจริงๆ ครับ เขานาจะโกรธผมมากกว่าทุกครั้ง เรียกก็ไม่คิดจะสนใจ เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ ผมจนปัญญาแล้วครับ ได้แต่ขับรถต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้ถึงคอนโดผมเร็วที่สุด
ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ประจำ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูให้คนที่นั่งนิ่ง ตัวสั่นๆ เมื่อผมได้สัมผัสเขา พายเป็นอะไรทำไมดูกลัวๆ
“พะ ...พามาที่นี่ทำไม” ทำไมต้องกลัวขนาดนี้ล่ะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“พายเป็นอะไรครับ บอกผมหน่อยสิ” ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอด เสียงหัวใจของพายเต้นแรงจนผมกลัว มือหนาๆ ของผมยกขึ้นลูบหลังเพื่อคลายความเครียด
“พามาที่นี่ทำไม”
“มาคุยกันครับ ปรับความเข้าใจกัน” ผมผละออกจากร่างเล็กก่อนที่จะดึงเขาให้เดินตามมา ท่าทีขัดขืนที่มีค่อนข้างเยอะในตอนแรกตอนนี้เริ่มที่จะผ่อนคลายลงบ้าง
“ไม่เข้าไปได้ไหม” ถึงหน้าห้องแล้ว แต่พายกับลังเลที่จะเดินเข้าไป
“กลัวอะไรครับ ไม่ทำอะไรจริงๆ ด้วยเกีรยติของลูกเสือสามัญเลยครับ” ผมยกนิ้วขึ้นสามนิ้วเหมือนปฏิญาณตน พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงเงียบจนน่ากลัว เพราะเขาคงอยากลืมความทรงจำเลวร้ายในวันนั้นลง
“.........” พายยกมือปิดปากพยายามกลั้นยิ้ม ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เขายังกลัวผมอยู่เลย แต่ก็ดีแล้วครับที่เขาไม่คิดมากแล้ว
“เชื่อใจผมนะ” เขาพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ผมยื่นมือไปจับมือเขา ก่อนที่จะจูงเข้ามาในห้อง
"นั่งรอตรงนี้ก่อนครับเดี๋ยวเอาน้ำมาให้” ผมดึงเขาให้นั่งลงบนโซฟาห้องนั่งเล่น
"น้ำมาแล้วครับ" พายดูลังเลที่จะรับจากผมไปดื่ม สายตาเขาเหมือนหวาดระแวงบางอย่าง
"ไม่ใส่อะไรแปลกๆ ลงไปแน่นอนครับ"
"......" รับน้ำไปแล้วครับ แต่ก็ถือไว้อย่างนั้น คงกลัวจะจะโดนทำอะไรไม่ดีแบบวันนั้น
"ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม" ผมนั่งลงข้างๆ เขาบนโซฟาตัวยาว ก่อนที่จะหันไปยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุดให้กับพาย
"อันนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับพาย ว่าจะไว้ใจผมรึเปล่า" มือบางที่กำแก้วน้ำเริ่มขยับจ่อมันที่ริมฝีปากบาง ก่อนที่จะดื่มมันลงไป ผมดีใจนะครับ แม้เขาจะดูระแวง แต่สุดท้ายก็เชื่อในตัวผม
"ที่เรามาเริ่มคุยเรื่องของเราดีกว่านะครับ"
"เรื่องอะไร" แสร้งทำเป็นไม่รู้ใช่ไหมยังจะมีหน้ามาถามกลับอีกนะคนเรา
"อย่าให้โมโหนะครับพาย ก็เรื่องวันก่อนที่พายโกรธผม" ผมมองหน้าเขานิ่งๆ ส่วนคนตรงหน้าก็นิ่งไม่แพ้กัน
"เปล่า" คำนี้อีกแล้ว เวลาไม่อยากตอบอะไรนี่จะเปล่าตลอด
"จะอะไรนักหนาว่ะ แค่ตอบมาว่าเป็นอะไรมันยากนักเหรอ ทำให้ผมบังคับแบบนี้มีความสุขนักเหรอ" ผมพูดเสียงดัง จนเหมือนตะหวาดเขา พายสะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เหมือนเดิม
"อย่ามาขึ้นเสียงใส่ผม คุณไม่มีสิทธิ์"
"ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ ได้จะทำให้มีสิทธิ์เดี๋ยวนี้แหละ" ผมจับแขนของพายทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวก่อนที่จะทาบทับตัวเองลงไปกับร่างบางที่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างของผม ปากผมเรื่อมซุกไซ้ตามซอกคอขาวอย่างย่ามใจ อยู่ๆ เขาก็เลิกต่อต้านผม จนต้องเงยหน้าขึ้นมาดู น้ำตาพายไหลออกมาจากหน่วยตาที่สั่นระริกทั้งสองข้าง
"พาย พายครับคิณขอโทษ" ผมดึงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง สวมกอดร่างบางไว้อย่างกลัวว่าเขาจะหายไป อยากจะต่อยหน้าตัวเองให้สมกับความเลวที่เผลอทำให้พายกลัว
"อึก ฮึกกก" พายกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้ร้องให้ออก
"ขอโทษๆ” พายสะอื้นกับอกผม ผมทำผิดพลาดมากครับครั้งนี้ ผมลูบหลังคนคนตัวเล็กอย่างปลอบโยน
"คิณขอโทษนะครับ" พายเงยหน้ามองผมผ่านม่านน้ำตา มือผมค่อยๆ เกลี่ยหยดน้ำใสๆ ของคนที่กำลังสะอื้นให้
"กลัวผมรึเปล่าที่ทำแบบนี้ เกลียดรึเปล่าที่ผมรังแกพาย"
".......” เขาส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะก้มหน้างุดกับอกผมอีกแล้ว ไม่รังเกียจแล้วก็ไม่ได้กลัว
'สัสเอ้ยกูงง'"แล้วเป็นอะไรครับ"
"ตกใจ" เสียงตอบอู้อี้อยู่กับอกผม
"หึ หึ น่ารักว่ะพาย"
"อะไรเล่า" เขินล่ะสิ แกล้งทำเป็นเสียงดังกลบเกลื่อน หน้านี่ขึ้นสีระเรื่อจนผิวแก้มขาวๆ กลายเป็นลูกมะเขือเทศสุกแล้ว
"เข้าเรื่องได้แล้วครับ จะได้เข้าใจกันสักที” ร่างเล็กชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนที่จะมองค้อนผม เอากับเขาสิ ด่าไม่ได้ เถียงไม่ได้ก็ค้อนเอาๆ
"ผู้หญิงของคุณ......." เขาพูดยังไม่ทันจบผมก็เอ่ยแทรกขึ้นมาทันที
"ใคร"
"จะไปรู้ได้ไงเล่า คุณยังไม่รู้เลย มีเยอะมากนักรึไง" เริ่มเหวี่ยงอีกแล้ว หมู่นี้เป็นอะไรนะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือว่าเป็นวันนั้นของเดือน อย่าพึ่งเชื่อในความเพ้อเจ้อของผมนะครับ
"ครับๆ เล่าต่อ" พายเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับผมฟังอีกครั้ง ตอนนี้ผมเริ่มที่จะรู้แล้วว่าผู้หญิงคนที่ทำให้พายเป็นแบบนี้คือปิ๊ง คนที่ผมพึ่งเคลียร์กับเขาไป ส่วนคนอื่นๆ ผมก็เคลียร์จบแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มีใครรู้เรื่องที่ผมกำลังตามจีบพายนอกจากปิ๊ง แต่ผมไม่เคยพูดซะหน่อยว่าจีบผู้หญิง ผมจีบพายต่างหากล่ะ
"ผมไม่ได้บอกเขาซะหน่อยว่าตามจีบใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย" ผมยังไม่ปล่อยให้พายเป็นอิสระหรอก ยังกอดเขาไว้อย่างนั้น
"ไม่รู้" พูดอะไรของเค้า
"ผมยอมรับว่าผมเจ้าชู้" มือน้อยๆ หยิกเข้าที่สีข้างผมเจ็บแสบได้เรื่องเหมือนกัน
"ฟังให้จบก่อนครับเด็กดื้อ หลังจากนั้นอยากทำอะไร ให้ทำหมดทุกอย่างเลย" หันมามองผมตาเขียวปั๊ดเลยคราวนี้ ผมจับให้พายนั่งดีๆ แต่ก็จับมือเค้าไว้ตลอด
"ผมคบกับผู้หญิงหลายคน แต่ผมตกลงกับพวกเธอแล้วนะครับ แค่เรื่องบนเตียง พวกเราแค่สนุก แล้วผมก็ตอบแทนทุกคนอย่างสมน้ำสมเนื้อ ผมยอมรับว่าเอาเงินจ้างให้ผู้หญิงพวกนั้นเลิกกับผม แต่มันก็ดีกว่าที่พวกเธอจะมาวุ่นวายกับคนที่ผมกำลังตามจีบอยู่ ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ในเมื่อผมจริงจังกับรักครั้งนี้มาก ผมก็ต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แม้ว่าคนที่ผมกำลังตามจีบอยู่เขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมก็ได้” เสียงอ่อยๆ ตอนสุดท้ายทำให้พายหันมามองผมด้วยสายตาหมั่นใส้
"แล้วมาบอกทำไม" ยังจะมาทำเป็นถามอีก ถ้าไม่บอกนี่จะยังได้คุยกันดีๆ แบบนี้อยู่ไหม
"ก็ผมจีบพายอยู่ ก็ต้องบอกพายสิ หรือจะให้บอกใคร"
"ไม่เห็นจะอยากรู้” ผมยกมือขึ้นไปบีบปากบางเบาๆ
"ปากแข็งแฮะ" เขายกกำปั้นทุบอกผมเสียงดังจนจุกแล้วครับ เขินรุนแรงมาก
"ดึกแล้ว จะกลับบ้าน" เปลี่ยนเรื่องเร็วจังนะครับ
"คุณย่าอนุญาตแล้ว ให้พายค้างกับผม"
ตาโตๆ ถลึงมองผมด้วยความตกใจ ท่านอนุญาตจริงๆ ครับเพราะท่านบอกว่าเชื่อใจ ในความจริงใจที่ผมแสดงออกเสมอมา
"โกหก"
"ถามคุณย่าได้เลยครับ ท่านบอกว่าถ้าดึกก็ให้ค้างที่นี่เลย ไม่อยากให้ขับรถไปมาดึกๆ อันตราย" พูดยังไม่ทันจบก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นคุยกับคุณย่าอยู่สักพัก หน้างอจนผมขำ สงสัยคุณย่าจะขัดใจเขาล่ะ ก่อนที่จะวางสายไป
"จะให้นอนได้ไงเล่า ห้องนอนก็มีห้องเดียว เสื้อผ้าก็ไม่มีเปลี่ยน” หาเหตุผลไปเรื่อยแล้วครับ ก็คนอยากกลับบ้านนี่นา
"เดี๋ยวหาให้ครับ แต่ตอนนี้หิวข้าวแล้ว" มัวแต่เคลียร์ปัญหาจาลืมหิว แต่พอเรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดี กระเพาะก็เริ่มทำงานแล้ว
"ไม่หิว"
"พายครับ" เรียกเสียงเข้ม เพื่อให้รู้ว่าผมเริ่มที่จะไม่พอใจแล้ว หิวจนจะกินพายตัวเป็นๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเข้าไปทั้งตัวแล้ว
"ก็ได้" ว่าง่ายๆ อย่างนี้แหละดีแล้ว คิณคนโหดจะได้ไม่โผล่มา
ผมกับพายเดินลงไปข้างล่างด้วยกัน ซื้อของที่ซุปเปอร์เพราะมีมินิมาร์ทเล็กๆ ขายของแทบจะทุกอย่าง ผมอยากกินอาหารฝีมือของเค้า อ้อนนิดอ้อนหน่อยก็ใจอ่อนแล้วครับ เราเลือกซื้อของสดที่จะสามารถทำอาหารง่ายๆ ได้ พายบอกว่าจะทำข้าวผัดกุ้ง กับต้มจืด แล้วก็ไข่เจียวเพิ่มอีกอย่าง แม่ศรีเรือนจริงๆ ครับว่าที่เมีย
เขาลงมือทำอาหารโดยมีผมคอยป่วนอยู่ข้างๆ ก็อยากช่วยนะครับแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ที่พอจะทำได้ก้คงมีแค่ล้างผักเพราะเคยทำมาแล้ว
“ทำไมคุณย่าไว้ใจคุณจัง” อยู่ๆก็สงสัยขึ้นมา ความรู้สึกนี่จะช้าไปไหม
“เพราะผมหล่อ” กวนประสาทดีไหมครับ
“ตอบดีๆ สิครับ อยากรู้” เขาพุดกับผมทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าก้มตาหั่นผักต่อ
“ท่านบอกว่าสงสารผม ที่พายไม่ค่อยมีเหตุผล แล้วก็เห็นความจริงใจที่ผมแสดงออกกับพายมาตลอดก็เลยไว้ใจ” ช่วงแรกๆ นี่แต่งเติมเอานะครับ จะจริงก็แค่ครึ่งหลังเท่านั้นแหละ เขาหันหน้ามามองผมแว๊บหนึ่งอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนที่จะหันไปทำอาหารต่อ
กว่าจะได้ทานก็ดึกจริงๆ เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เรานั่งทานอาหารกันสองคนงียบๆ พายทานอาหารของเขาไปเรื่อย ผมคอยตักให้บ้างอย่างเอาใจ ทานจนหมด ไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงจืด ผมยอมรับเลยว่าพายฝีมือด้านนี้จริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูคล่องแคล่ว แถมรสชาติยังอร่อยกว่าบรรดาร้านอาหารดังๆ หลายๆ ร้านที่ผมเคยทานมาด้วยซ้ำ
จนผมอดแซวเขาไม่ได้ว่าให้ไปเปิดร้านอาหาร แต่อย่าเลย เดี๋ยวไม่มีเวลาให้ผม แค่นี้ก็ทำงานตั้งหกวันแล้ว กว่าจะเลิกก็ทุ่มสองทุ่ม แบบนี้แหละดีสุดๆ แล้ว
***************************
จบอีกตอนแล้วค่ะ ตอนนี้คุณคิณเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนเริ่มสับสนแล้ว ตกลงนี่เป้นพ่อเทพบุตรหรอซาตาน เม้นๆๆ ให้ด้วยนร้า.
TBC.