- 2 -[ไงยะ..หายหัวเลยนะไม่โทรหากูเลย] พี่แจ่มโทรมา“เปลวทำงานนะพี่ ไม่ได้มีเวลาว่างร่อนไปร่อนมาเหมือนพี่นิ”
[อ้าวอีนี่..รับมัดจำไปยังไม่เริ่มงานให้กูเลย หรือจะเบี้ยว..อีเปลว] นางใส่มาเป็นชุดเลยทีเดียว
“เบี้ยวไรเล่า พี่ไม่โทรแจ้งพิกัดเป้าหมายให้ จะมาโทษเปลวไม่ได้ ตกลงตั้งใจโทรมาบ่น
ถ้าแค่นี้เปลววางสายนะกำลังซ้อมโชว์อยู่ คืนนี้ต้องโชว์นอกสถานที่ด้วย ไม่ว่างคุยเล่นกับพี่หรอก..พี่แจ่ม”
[โถ!..นางโชว์ดาวเด่น ว่างไม่ว่างวันนี้บ่ายสองมึงต้องว่างล่ะ]
“อะไรอีก..ไม่ต้องโยกโย้ได้ไหม พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า”
เปลวชักหงุดหงิดพี่แจ่มขึ้นมาบ้างแล้ว น้ำเสียงจงใจแสดงให้อีกฝ่ายรับรู้ชัดเจน
[ก็เป้าหมายไง กูโทรมาเพื่อจะให้เริ่มงาน บ่ายสามเป้าหมายมันพาเมียน้อยไปช็อปที่ห้างเดิม มึงตามไปเก็บยอดได้เลย]
“อีกล่ะเปลี่ยนรายใหม่ได้ไหม รายนี้เปลวขอบาย”
[ไม่ได้..กูจะหาใครแทนมึงทัน รับเงินมัดจำไปแล้วนะเปลว]
“เฮ้อ!..เอาเงินคืนไปไหม จะได้หมดปัญหา”
[กูไม่รับคืนโว้ย! งานนี้มึงต้องช่วยกูก่อน]
“อ้าว!..นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่เอา ตกลงจะให้เปลวทำยังไง”
[น่านะมึงออกโรงให้หน่อย เล่นงานชนิดไม่กล้าพากันเดินห้างยิ่งดีเอาให้อายกันไปข้าง
คราวนี้กูเตรียมถ่ายวีดีโอส่งให้เมียหลวงแล้ว ว่าเราลงมือจริงสำเร็จหรือไม่หมดหน้าที่กูล่ะ
เลิกไม่เลิกช่างหัวพ่อเหอะ กูจ่ายส่วนที่เหลือให้มึงทันที..โอเคไหม]
“ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ ทำไมเขายอมล่ะ”
[เออสิ..กูเคลียร์เมียหลวงแล้ว นางยอมรับเงื่อนไขขอให้ได้แก้แค้นที่นางโดนด่าทางไลน์ก็พอ]
เปลวใช้เวลาครุ่นคิดชั่วครู่ พินิจดูผลได้ผลเสียอย่างไหนคุ้มค่ากว่า ไม่หวังผลสำเร็จแถมเงินที่เหลือก็จ่าย ไม่เลวทีเดียว
เก็บเอามาเป็นค่าเช่าคอนโดเดือนนี้ได้อย่างสบาย
“ตกลง..จะให้ไปเจอที่ไหน”
[เดี๋ยวกูไปรับ มึงอยู่บริษัทใช่ไหม]
“อืม..ถ้างั้นเข้ามาบ่ายโมงนะ ขอเวลาเตรียมตัวเล็กน้อย”
[ตกลง..บ่ายเจอกัน] เปลวรับปาก เรื่องให้พี่แจ่มมารับเป็นผลดีเพราะเปลวไม่มีรถอาศัยใช้บริการรถรับจ้าง
ถือว่าทุ่นค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย ใครจะว่าเปลวงกไม่สนหรอก ชีวิตคนเรามีกินมีใช้ไม่เท่ากัน
คนที่หาเงินกว่าจะได้แต่ละบาท เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ย่อมรู้คุณค่ามากกว่าพวกที่ไม่เคยผ่านความลำบากกันเลย..นี่คือเหตุผลที่เปลวต้องประหยัด
“แต่งตัวสวยเชียวจะไปไหน” เจ๊เจสซี่ทักนางโชว์สุดฮอต หลังเปลวซ้อมโชว์ที่ใช้แสดงในคืนนี้เป็นที่น่าพอใจแล้ว
เรื่องชุดแก้ไม่มากสั่งให้น้อยกะเทยที่ดูแลด้านซ่อมบำรุงรับไปจัดการแล้ว คาดว่าคืนนี้คลีโอพัตราจะถูกปลุกให้คืนชีพ
มาสะกดสายตาชายหญิงในงานอีกครั้ง พิสูจน์ได้จากการซ้อมไปสดๆ ร้อนๆ ที่เพิ่งจบ
แววตาอารมณ์ของเปลวที่แสดงออกกับดนตรีและเสียงเพลงนั้น ขนาดไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องครบเซ็ท
ยังทำให้เจ๊ตุ่นผู้ที่ควบคุมกำกับการแสดงถึงกับอึ้งทีเดียว
การถ่ายทอดอารมณ์ผ่านดวงตา บวกลีลาท่าทางสะกดผู้ชมได้อย่างง่ายดาย จนต้องเชื่อในสิ่งที่เห็นทึ่งในสิ่งที่ดู
ไม่ใช่ใครก็สามารถทำได้ แต่เปลวมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้จริงๆ กล้าพูดไม่อายปาก
คืนนี้ราชินีเลอโฉมผู้ที่ทำให้กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พากันหลงใหลหัวปักหัวปำ
หญิงเดียวในโลกที่ได้ชื่อว่างดงามทรงเสน่ห์สามารถสยบบุรุษให้อยู่แทบเท้าได้ง่ายดาย
กำลังจะฟื้นคืนชีพให้เห็นบนเวทีอีกครั้ง ฟังเหมือนพูดเกินจริง แต่โดยรวมแล้วต่อให้เปลวไม่ใช่สาวอียิปต์ตาคม
โทษทีเหอะหนุ่มเอเชียที่เกิดมาด้วยรูปลักษณ์ดุจปฏิมากรรมมีชีวิตนามเปลวฟ้า นางโชว์ทรงเสน่ห์อันดับหนึ่งเมืองพัทยา
กำลังจะสร้างความทรงจำครั้งใหม่ให้ผู้ชมจดจำไปอีกนานแสนนาน..
“ธุระนิดหน่อยค่ะเจ๊ เปลวตามไปที่โรงแรมเลยนะ กำหนดที่เปลวต้องโชว์สามทุ่มใช่ไหม”
เปลวหันมายิ้มสกาวงามเจิดจรัสให้เจ๊เจสซี่ ที่บอกแบบนั้นเพราะผู้หญิงสวยตรงหน้า
ในชุดรัดรูปโชว์ปลีน่องขาวนวลเนียนจากรอยแยกของกระโปรงสอบสีน้ำทะเลสด
ช่วยขับผิวคนใส่ดูผุดผาดงามบาดจิตบาดใจอีกเท่าตัว ผมยาวสลวยปล่อยเป็นธรรมชาติกลางแผ่นหลัง
มีน้ำหนักเงางามขับวงหน้าอ่อนเยาว์ให้ตราตรึงเข้าไปใหญ่ จะว่างามดุจนางฟ้าก็ไม่เกินจริงถ้าจะเปรียบเช่นนั้น
ในเมื่อเปลวฟ้านางโชว์คนนี้เปล่งประกายงดงามขนาดนั้นจริงๆ
“ตามนั้น..แหมหล่อนแต่งตัวแบบนี้ สวยจนฉันอยากจิกหนังหน้ามานาบลงหน้าฉันจริงๆ
ไม่ต้องโมด้วยมีดหมอหล่อนก็งามเนอะ” เจ๊เจสซี่พูดจีบปากจีบคอกึ่งกัดกึ่งหยอก
โดยไม่ได้คิดจริงจังอย่างประโยคที่เอ่ยไปแม้แต่น้อย นอกจากชื่นชมในคุณสมบัติของลูกน้องจากใจจริง
ถึงเปลวจะสวยจนข่มกะเทยตายสนิทกันเป็นแถว แต่นิสัยไม่เคยมีท่าทีจองหองอวดดี
ข่มคนซึ่งด้อยกว่าให้เห็นเลย นอกจากชอบเก็บตัวไม่สุงสิงใครถ้าไม่จำเป็น ดังนั้นต่อให้มีคนอิจฉาตาถลน
ก็ไม่สามารถแสดงออกซึ่งหน้ากับเปลวได้ เพราะเปลววางตัวให้คนเกรง พูดให้ถูกวางตัวดีจนคนไม่กล้าแตะ
ดุจอัญมณีเลอค่าที่ได้แต่มองแต่ไม่อาจแตะต้องประมาณนั้น
“ขอบคุณนะเจ๊เปลวถือเป็นคำชม ไปล่ะ..บาย” เปลวส่งยิ้มทะเล้นให้เจ๊เจสซี่ได้น่ารักน่าชัง
ก่อนพลิ้วร่างระหงเดินอย่างสง่าดิ่งออกจากบริษัท รถของพี่แจ่มมาจอดรอรับเธอแล้ว
“โห..สวยจนอยากตบ” พี่แจ่มทัก หลังเปลวขึ้นนั่งตีคู่เรียบร้อย
“รถคันนี้เหรอพี่ เปลวก็ว่าอยู่..ไปรวยมาจากไหนถึงถอยเบ้นซ์ออกมาโฉบค่ะ”
เปลวตีมึนเนียนถามเรื่องรถหน้าตาเฉย สาเหตุคือรถพี่แจ่มที่ใช้มารับดันเป็นเบ้นซ์คันโก้ราคาเหยียบสามล้าน
เปลวจำไม่ผิดพี่แจ่มแกขับโตโยต้ายาริสสีขาว แล้วไปเอาเบ้นซ์สีดำเงาวับมาจากไหน
“ฮิฮิ..คันนี้เหรอ กูยืมยัยเมียหลวง นางยอมให้กูเอามาใช้จัดการภารกิจครั้งนี้
นางคงแค้นที่ยัยเมียน้อยตัวแสบส่งไลน์ด่าไม่ไว้หน้า งานนี้ย้ำกูอีกให้มึงจัดหนักเลย
เล่นเป็นกิ๊กผัวนางชนิดยัยเมียน้อยวีนแตกทะเลาะกับผัวนางได้ยิ่งดี จะได้รับรู้หัวอกคนที่โดนสวมเขามันเป็นยังไง
เข้าใจไหมคราวนี้หล่อนจะต้องเล่นบทไหน จัดหนักเลยเปลว” พี่แจ่มเน้นมา เปลวเก็ททันที
ที่แท้คือยานพาหนะสนับสนุนจากเมียหลวง คงไม่ใช่แค่เปลวที่งกแล้ว พี่แจ่มก็ตัวแม่เช่นกัน
แต่เรื่องนี้ทำให้เปลวลดความหนักใจลงไปมากทีเดียว จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
งานนี้เห็นทีฉะกันซึ่งหน้าตรงๆ ไม่ต้องสวมวิญญาณนางเอก เล่นบทนางร้ายแบบนี้ก็คงไม่เลว
“เอางั้น..ใช่ไหม”
“เออสิ..อย่าบอกว่ามึงหน้าบางเสียล่ะ”
“เปล่าๆ แค่ต้องการให้แน่ใจ”
“ตามนี้..ไม่เปลี่ยนแปลง”
“เป้าหมายไม่เปลี่ยนใจไปที่อื่น ถ้าเสียเที่ยวคราวนี้เปลวถือว่าพี่ได้ข้อมูลพลาด
ไม่มีครั้งหน้าแก้ตัวแล้วนะ หาคนใหม่สำรองแทนเปลวได้เลย”
“เออสิยะ..อัพเดทล่าสุดเป้าหมายถึงห้างแล้ว ไม่ให้เสียเที่ยวรีบไปจัดการภารกิจให้มันเสร็จๆ”
“พี่บอกตัวเองเถอะ เร็วไม่เร็วเปลวไม่ใช่คนขับรถนิ”
“อรึ้ยยย!!..มึงมันจี๊ดตัวแม่จริงๆ” พี่แจ่มหันมาค้อนเปลวตาปลิ้น
ก่อนสะบัดหน้าเชิดมองตรงที่ถนน ค่อยเร่งความเร็วรถเพิ่มขึ้นไปอีก
“เปลวกูคิดไปเองหรือเปล่า ดูเหมือนฮอนด้าสีวิคสีดำขับตามเรามาตั้งแต่ที่แวะรับมึง หรือว่าไง”
เปลวไม่เข้าใจที่พี่แจ่มพูด แต่ก็หันกลับไปมองผ่านกระจกหลัง เห็นฮอนด้าสีวิคสีดำขับตามมาไม่ห่าง
“ทำไมพี่ถึงคิดว่าเขาตามเรามา” ตัดสินใจถามพี่แจ่มให้หายสงสัย
“ก็กูเร่งเครื่อง มันก็เร่งบี้ตามติดมาไม่ห่างแบบนี้ จะให้กูคิดยังไง”
“พี่แน่ใจ”
“เออสิอีนี่..อาชีพกูหูตาไม่เร็วไม่รอบคอบมีหวังตายไปนานแล้ว”
“พวกมันเป็นศัตรูพี่หรือเปล่า”
“กูจะรู้ไหม ก่อนจะมารับมึงก็ไม่เห็นใครตาม นอกเสียจากมันดักรอบริษัทมึงอยู่แล้ว
ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่ใช่ตามกู อาจเป็นมึงแล้วอีเปลว ไปเหยียบหางใครเข้าล่ะอีนี่”
“อ้าวไม่รู้วุ้ย! ลองดูอีกสักระยะว่ามันตามเรามา หรือเราคิดไปเอง” เปลวครุ่นคิดคิ้วตีกันยุ่ง
ถ้าเป็นอย่างที่พี่แจ่มคาดการณ์แสดงว่ามีคนสะกดรอยตามเปลวอยู่แน่ๆ มันทำแบบนี้ต้องการอะไร
เปลวหาเหตุผลไม่ได้จริงๆ สองสามวันมานี้มีอะไรแปลกๆ ที่เปลวก็มืดแปดด้านอยู่เช่นกัน
“ไม่เห็นมันแล้ว หาที่จอดรถก่อนสงสัยจะคลาดเคลื่อน”
“นั่นสิ..หรือเราเข้าใจกันไปเอง” เปลวค่อยรู้สึกโล่งอย่างประหลาด
ที่ไม่เห็นรถปริศนาคันดังกล่าว กระทั่งพี่แจ่มนำรถเข้ามาจอดเรียบร้อย
“มึงตรงไปร้านเพชรปิ่นมณีนะ ตอนนี้เป้าหมายเลือกเพชรอยู่ที่นั่น
ลูกน้องกูไลน์บอก เดี๋ยวกูตามไป..ขอแวะหาลูกน้องก่อน”
“แล้วไง ให้เปลวลงมือเลยหือ”
“รอแป๊บ..เอากล้องวีดีโอที่ลูกน้องก่อน กูขอถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
ยืนยันว่าเราลงมือทำงานแล้ว ยัยเมียหลวงจะได้ไม่มาว่ากูโมเม”
“ตกลง ถ้างั้นเปลวรอสัญญาณจากพี่แจ่ม..โอเคไหม”
“โอเค..แยกย้ายเถอะ” ลงจากรถ เปลวก็เดินลัดเพื่อเข้าไปในห้าง
ระหว่างนั้นซีวิคคันปริศนาก็โผล่มา เปลวจำทะเบียนได้ว่าเป็นคันเดียวที่ขับตามพี่แจ่ม
ทำให้ต้องเปลี่ยนแผน ชักจะแน่ใจแล้วรถคันนี้ขับตามมา
“พี่แจ่มเปลี่ยนแผน ขณะนี้ไม่โปร่งแล้ว จำซีวิคคันนั้นได้ไหม”
[เออ! แล้วยังไง] เปลวโทรหาพี่แจ่ม ขณะหาทางหนีทีไล่ไปด้วย พอซีวิคดังกล่าวลดกระจก
คนในรถเป็นผู้ชายหน้าตาเหมือนพวกมาเฟีย พากันมองมาที่เปลว อีกไม่ช้าคงจอดแล้วลง
ระยะห่างสิบก้าวล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงต่อความปลอดภัย เปลวใส่ส้นสูงกว่าสามนิ้วครึ่ง หากต้องหนีคนพวกนี้ไม่สะดวกแน่
“พี่แจ่มไม่ได้การแล้ว วนรถมารับเปลวด่วนเลย..เร็วเข้า”
[อ้าว! มึงเจอโจทก์ใช่ไหมเนี่ยะ กะแล้วเชียวไปเหยียบหางใครเข้า]
“อย่าเพิ่งถามได้ไหม รีบวนรถมารับเร็วเข้า พวกมันวกกลับมาทางเปลวแล้วรู้เปล่า
เปลวไปดักตรงทางออกนะ เจอกันที่นั่น..อย่างน้อยมันคงเสียเวลายูเทิร์นพอสมควร
เว้นเสียแต่มันจะจอดแล้วลงวิ่งเอา สรุปตอนนี้ขอถอดส้นสูงเผ่นก่อนล่ะพี่ เร็วมาช่วยหน่อย..ไม่มีเวลาแล้ว”
[แม่งเอร้ยย! กลายเป็นกูต้องพามึงหนีโจทก์ ไปรอทางออกเลยนะ
กูกำลังวนรถอยู่ เตรียมออกไปรับแล้ว..ดูแลตัวเองก่อน]
“อืม..โกยก่อนนะพี่” พูดจบตัดสาย ถอดส้นสูงหิ้วได้ก็วิ่งทันที
คิดไม่ผิด พวกมันพอเห็นเปลววิ่งตัดไปยังทางออก รีบจอดรถให้ผู้ชายในรถสามคนเปิดประตูท่าทางไม่น่าจะมาดี
ก่อนพากันไล่ตามเปลว โชคดีที่เปลวไหวตัวทัน ระยะห่างทำให้ทิ้งช่วงพอสมควร
ในใจแอบภาวนาให้พี่แจ่มขับรถมารับทัน เปลวเล่นวิ่งเท้าเปล่าชนิดไม่เสียเวลาคิด
ชุดซึ่งแหวกข้างถึงกับแหกสูงเลยขาอ่อนขึ้นมาอีก เปลวไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย
วินาทีนี้ต้องเอาตัวรอดจากพวกมันให้ได้ก่อน
“จอดๆ..” เปลวรีบเข้าขวางเบ้นซ์ดำสุดหรู ที่ตีวนออกมาได้จังหวะ
พุ่งถลาเข้าไปตรงหน้ารถให้พี่แจ่มจอดรับ เกรงพี่แกขับผ่านโดยไม่ทันมอง
ได้ผลพี่แจ่มเบรกกระชั้นชิดเฉียดฉิวชนเปลวกระเด็น เหลือช่องห่างไม่ถึงสองนิ้ว
แต่กลับไม่ได้ชนจนนึกชมภายในใจ ฝีมือพี่แจ่มขั้นเทพขืนตกใจเหยียบคันเร่งส่ง
มีหวังเปลวคงกระเด็นตายเอาได้ ส่วนพวกที่วิ่งตามมานั้นไม่ต้องพูดถึง
พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว พี่แจ่มซึ่งนั่งในรถคงมองเห็นชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบาย
เปลวไม่รอให้พวกมันถึงตัว ถลันเปิดประตูข้างคนขับ ก้าวพรวดมุดเข้าไปนั่งหายใจหอบด้วยความเหนื่อยอ่อน
เล่นวิ่งไล่จับโกยหนีชนิดไม่คิดชีวิตกันแล้วไม่เหนื่อยก็บ้าล่ะ จังหวะพี่แจ่มขับรถพุ่งชนจนพวกมัน
ต้องกระโดดหลบแตกกระเจิงไม่เป็นท่า ช้าอีกนิดไม่ใครก็ใครคนใดคนหนึ่งต้องโดนเบ้นท์ราคาแพงอัดไส้แตกแน่
ยังดีที่พวกมันหลบกันพ้น
“นึกว่าพี่จะมาไม่ทันเสียอีก เห็นไหมเนี่ยะกระโปรงแหกจนจะถึงง่ามขาเปลวอยู่แล้ว”
ไม่พูดเปล่า มีขยับขาให้เห็นหลักฐานกันชัดๆ รอยที่กระโปรงขาดแหวกสูงชวนสยิว
เรียวขาอ่อนนวลขาวเนื้อสดไร้ถุงน่องสวมโชว์เด่นงดงามอร่ามตา ทำเอาพี่แจ่มถึงกับเหยียบเบรกกระทันหัน
ล่อเปลวหัวคะมำดีที่ไม่โขกคอนโซล ไม่งั้นหัวแตกกันบ้างแหละ
“อะไรของพี่เนี่ยะ ชมอยู่แหมบๆ ขับรถดี ขอถอนคำพูดคืน นึกจะเบรกก็เบรกดื้อๆ”
พูดจบหันไปมองพี่แจ่มอย่างไม่พอใจ หัวเกือบโขกตะกี้นี้ แต่กลับตกใจยิ่งกว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าเสียอีก
เมื่อคนขับรถที่เปลวเข้าใจว่าเป็นพี่แจ่มดันไม่ใช่อย่างที่คิด
“คุณ..” เปลวพูดไม่ออกใบ้กินชั่วขณะ สารถีที่เข้าใจว่าเป็นพี่แจ่มดันเป็นหนุ่มหล่อแถมไม่ใช่คนแปลกหน้า
เขาคือคนเดียวกับที่สี่วันก่อนทำเปลวหน้าแหก เพราะเข้าใจเป็นเป้าหมายที่จะเล่นงานแต่ดันผิดตัว
ส่วนสารถีคนดังกล่าว พอเห็นเปลวอึ้งตาค้างเหมือนตกอกตกใจเมื่อเห็นหน้าเขา
จากที่หุบปากนิ่งไม่เอ่ยอะไรมาสักระยะ กระทั่งนำรถโผล่ออกถนนจนแน่ใจไม่มีใครตามมา ถึงยอมเอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรก
“เอาเสื้อนี่ปิดหน่อยก็ดี” เป็นประโยคที่ทำเปลวเกือบสำลักน้ำลาย รู้สึกความอายแล่นริ้วขึ้นมาทันควัน
หน้าสวยที่ผ่านการแต่งเครื่องสำอางเบาบางถึงกับแดงแปร๊ดเป็นลูกตำลึงไปในพริบตา
เมื่อคนขับรถส่งสูทราคาแพงสีดำมาให้ พร้อมพยักพเยิดให้ใช้ปิดขาอ่อนที่เปลวดันเข้าใจว่าคุยอยู่กับพี่แจ่ม
แถมมีการขยับแข้งขยับขาให้เห็นถึงชุดชั้นใน เปลวไม่คิดว่าเป็นคนอื่น ถ้าเป็นพี่แจ่มซึ่งจัดเป็นกะเทยหรือสาวประเภทสอง
ไม่จำเป็นต้องอายอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เปลวคิดผิดถนัด คนตรงหน้าไม่ใช่พี่แจ่ม ซ้ำยังจำชื่อเขาได้ขึ้นใจ
ไม่ต้องรอให้แนะนำหรอก ปากได้รูปสีสดเคลือบลิปสติกเงางามครางแผ่วเหมือนคนละเมอ จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย
“คุณชายเพชรรัตน์..” ส่งผลให้คนขับที่ยังคงนิ่ง แต่หูเหอแดงก่ำไม่ต่างกับเปลวเท่าไหร่
เพียงแต่เหตุผลของอาการ มันคนละสาเหตุ..คุณชายเพชรรัตน์หรือคุณชายเพชร
หน้าแดงหูแดงเพราะเปลวดันโชว์ขาอ่อนขาวนวลกึ่งเปลือยให้ดูเต็มสองตาต่างหาก
“ครับ..ผมหม่อมราชวงศ์เพชรรัตน์ จากวังมณีรมย์” เสียงทุ้มฟังดูอบอุ่นเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน
ดังชัดเจนสะท้อนก้องในหูเปลวเหมือนจะย้ำให้รู้ว่า ที่เอ่ยชื่อไม่ผิดเลย เจ้าของชื่อตัวจริงเสียงจริงอยู่ตรงหน้า
ขับรถให้เปลวหนีกลุ่มชายปริศนารอดมาได้อย่างหวุดหวิด ไม่ใช่แค่จินตนาการหรือมโนคิดไปเอง
เพราะคนตรงหน้ายอมพูดแล้ว เปลวถึงกับมึนตึ๊บดันขึ้นรถผิดคัน..เปลวเข้าใจว่าเป็นพี่แจ่มวนรถมารับ..
ที่ไหนได้เป็นคุณชายใหญ่แห่งวังมณีรมย์ หนุ่มหล่อที่เปลวไม่เคยลืมใบหน้าที่เจอกันในครั้งนั้น..
ขออภัยอย่างยิ่งยวด ที่หายไปนานพอสมควร คิดว่ากลับมาครั้งนี้จะลงสม่ำเสมอแล้วนะคะ
จากนี้ไปก็ติดตามน้องเปลวได้ เจอกันอีกทีวันอังคารนะคะ
ขอบคุณแฟนนิยายที่ตามกันตั้งแต่ในเล้าฯ ยังอีเมลล์ ขอบคุณทุกกำลังใจและความห่วงใยค่ะ
ตอนหน้าพระเอกของเราจะทำยังไงกับการพบหน้าน้องเปลวครั้งนี้
รอติดตามกันต่อไปค่ะ
ขอบคุณสำหรับเม้นท์ที่ติดตามกันมานะคะ
รักคนอ่านที่น่ารักทุกคนเช่นเดียวกัน