PART II บทที่ 5
สายเกินไป
Sharp’s Part
ผมเดินสำรวจดูบ้านที่ผมไม่ได้มาเกือบปี ทุกๆ อย่างยังเหมือนเดิม แทบไม่เปลี่ยนไปเลย ผมไม่ได้ขนย้ายข้าวของอะไรกลับไปภูเก็ตสักเท่าไหร่ อาจเพราะผมตัดสินใจกลับไปอย่างกระทันหัน และอาจเพราะผมไม่อยากเอาเรื่องราวจากที่นี่ติดไปด้วย แต่ผมก็คิดผิด แค่การทิ้งข้าวของทุกอย่างไว้ มันไม่ได้ช่วยให้ผมสลัดทิ้งความรู้สึกอื่นๆ ออกไปด้วยเลย
ผมเปิดตู้เสื้อผ้า มองดูมุมนึงของตู้นั้น มีเสื้อผ้าของใครคนนึง เสื้อผ้าที่ผมตั้งใจไม่เอาไปคืนเค้า และก็ไม่ได้ทิ้งไปตามที่เค้าบอก ผมหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวของเค้าออกมาห้อยไว้ที่ตรงที่เปิดตู้เสื้อผ้า กลิ่นอับของผ้าที่ถูกเก็บอยู่ในตู้เป็นเวลานาน โชยมาเตะจมูกผม ผมถอยหลังนั่งลงที่เตียงนอนตัวเก่า ดีที่ไหว้วานให้ไอ้เหมามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน แถมแพทยังใจดี ทำความสะอาดห้องนอนให้ผมอีก เย็นนี้เลยถือโอกาสว่าจะเลี้ยงข้าวทั้งคู่ และเป็นการพบปะสังสรรตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน
สายตาผมยังจับจ้องที่เชิ้ตตัวเดิม ก่อนจะค่อยๆ ละสายตาและล้มตัวลงนอน ผมกำลังคิดว่าจะยกเลิกนัดในเย็นนี้กับไอ้เหมาและแพท เพราะเจ้าของเสื้อตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เค้าไม่ยอมออกมาเจอผม เลยกะว่าจะเลื่อนนัดกับไอ้เหมาออกไปก่อน เผื่อใช้เป็นข้ออ้าง ในการชวนเค้าอีกรอบ ผมรู้ครับว่าตอนนี้เค้ามีแฟนแล้ว และดูความรักของเค้าก็ดูจะราบรื่นดี ผมก็ไม่ได้อยากจะไปสร้างความร้าวฉานอะไรแบบนั้นให้เค้าทั้งคู่หรอกนะครับ ผมก็แค่...อยากเจอเค้า ในฐานะ...เพื่อนคนนึง ก็เท่านั้น
“กูบอกแล้วว่ามันไม่ยอมมาเจอมึงหรอก ชื่อมึงมันยังไม่เคยพูดถึงเลย”นั่นคือสิ่งที่ไอ้เหมาบอกกับผม หลังจากที่ลองชวนเค้าออกมาทานข้าวด้วยกัน ทั้งๆ ที่ไอ้เหมาก็บอกแล้วว่าให้เค้าชวนแฟนมาได้ ผมไม่คิดว่าระหว่างผมกับเค้ามันจะกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันแบบนี้ไปได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตอนจบความสัมพันธ์ เราตกลงกันแล้วว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้
คงเพราะผมเองที่เกิดความสับสนในตัวเอง ว่าเริ่มมีความรู้สึกกับเค้ามากกว่าที่ตกลงกันไว้ และตอนนั้นผมเองก็ตัดสินใจคบปลาไปแล้ว แม้ตอนหลัง ผมจะเลิกกับปลาไปแล้ว ผมก็รู้สึกไม่กล้าที่จะติดต่อกับเค้าเหมือนเดิม ยิ่งรู้จากไอ้เหมาว่า เค้าไม่เคยพูดถึงผมเลยด้วยซ้ำ มันเลยทำให้ผมไม่กล้าทักทายเค้า แม้แต่ในโซเชียลมีเดีย แต่ตอนนี้พอมีโอกาศมาที่นี่อีกครั้ง ความคิดถึงที่ผมพยายามซ่อนมันอยู่ในใจ แค่ขอได้เจอหน้าเค้าก็ยังดี แม้เค้าจะมากับคนรักก็ตามที
“กูถามตรงๆ เลยนะว่าที่มึงถอนหมั้นกับน้องปลาเนี่ย”ความทรงจำเมื่อวันที่ผมไปกล่าวลาไอ้เหมา ก่อนกลับไปอยู่ภูเก็ต ค่อยๆ แทรกเข้ามาในความคิดของผม หลังจากตัดสินใจลาออกจากงานอย่างกะทันหัน และตั้งใจทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ ผมเลือกจะไปบอกลาแค่ไอ้เหมากับแพท ส่วนอีกคนผมทำได้เพียงไปจอดรถบอกลากับหลังคาบ้านเค้า ผมไม่อยากให้เค้าลำบากใจกับผม หากผมไปพูดอะไรที่มันไม่ชัดเจนออกไป เพราะผมเองก็ยังไม่มีความชัดเจนให้กับตัวเองเลยในตอนนั้น
“เกี่ยวกับไอ้ตี้มันไหมวะ”คำถามของไอ้เหมาไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจมากนัก เพราะขนาดน้องปลายังตั้งคำถามนี้กับผมได้ แล้วไอ้เหมาที่สนิทกับเราทั้งคู่ทำไมจะไม่สงสัยในความสัมพันธ์ของเราสองคน แถมไอ้เหมาก็เคยพยายามจับผิดทั้งผมและตี้อยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่คิดว่าไอ้เหมาจะถามออกมาตรงๆ และจริงจังขนาดนี้
“ทำไมมึงถามแบบนี้”ผมย้อนถามเพื่อหยั่งเชิงว่ามันมั่นใจในระดับไหน แม้ผมไม่คิดจะปิดบังมันแล้ว แต่อีกคนละเค้าพร้อมจะเปิดเผยเรื่องระหว่างผมกับเค้าให้คนอื่นรู้หรือเปล่า ยิ่งตอนนี้เค้าตกลงปลงใจคบคนอื่นเป็นแฟนแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าพร้อมให้แฟนเค้ารับรู้เรื่องนี้หรือเปล่า
“กูเป็นเพื่อนมึงทั้งสองคนนะ ทำไมกูจะไม่รู้สึกว่าระหว่างมึงสองคนมันแปลกไป ตอนแรกกูก็คิดว่า คงเพราะมึงโสด ไอ้ตี้มันก็โสด พวกมึงเลยสนิทกันมากขึ้นตามประสาคนโสด แม้จะรู้สึกตะหงิดๆ บ้าง แต่พอเห็นไอ้ตี้มันก็มีคุณอรรถเข้ามา จนมึงเองก็คบกับน้องปลา กูเลยว่ากูอาจจะคิดมากเกินไปเรื่องมึงสองคน”ผมไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงรอฟังว่าไอ้เหมามันจะวิเคราะห์เรื่องของผมไปถึงจุดไหน
“จนมาเรื่องพวกมึงไประยองกันสองคน”เรื่องนี้ก็พอรู้นะครับว่ายังไงแพทคงเล่าให้มันฟังอยู่แล้ว แต่พอไม่เห็นมันพูดถึง ทั้งผมและตี้เองก็เลยไม่ได้ พูดถึงอีกเช่นเดียวกัน
“และที่กูไม่เข้าใจที่สุด คือวันที่พวกมึงอยู่เป็นเพื่อนกูบ้านไอ้ตี้ วันที่กูรู้เรื่องแพทมีลูก สิ่งที่กูเห็นในวันนั้น ใจนึงกูก็อยากถามว่ามึงสองคนทำอะไรกันอยู่ แต่อีกใจก็ไม่อยากไปยุ่งเรื่องของพวกมึง เพราะเห็นว่าต่างคนก็ต่างมีคนของตัวเองแล้ว ต้องให้กูพูดไหมว่าคืนนั้นกูเห็นอะไร”ผมค่อยๆ คิดถึงเรื่องวันนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ไอ้เหมาเห็นและรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ปกติ ก็คงจะเป็น...
หลังจากที่ผมจัดเก็บเศษซากจากการดื่มของเราทั้งสามคนจนเสร็จเรียบร้อย และทั้งไอ้เหมากับตี้ หลับกันไปแล้วทั้งคู่ บนโซฟา ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้เค้านอนลำบากเลยปูที่นอนปิคนิคให้กับเค้า เพราะรู้ว่าเค้าไม่ยอมไปนอนที่ห้องแน่ๆ เนื่องจากคงกลัวการเกินเลยจากผมและเค้านั่นแหละ แล้วในตอนที่จะปลุกเค้าจากโซฟาลงมานอนที่เตียง พอมองหน้าเค้าใกล้ๆ ผมก็เผลอจรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผากของเค้า
“มึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเค้าใช่ไหม”ผมเลือกที่จะตั้งคำถามกับไอ้เหมาอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจว่าควรเล่าเรื่องนี้ให้มันฟังหรือเปล่า ไอ้เหมาส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับผม
“งั้นกูขออะไรมึงอย่าง ถ้าจะให้กูเล่าให้มึงฟัง มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดหรือถามกับตี้เค้าอีกเด็ดขาด ให้เรื่องที่กูจะเล่าให้มึงฟังมันจบแค่ตรงนี้”ผมกำชับอย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ไปรบกวนความสัมพันธ์ของตี้กับแฟนของเค้าอีก
แล้วผมก็เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ไอ้เหมาฟัง ว่าข้อตกลงระหว่างผมกับตี้คืออะไร ไอ้เหมารับฟังอย่างเงียบๆ จนจบ มันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจออกมาให้เห็น มันถามเพียงว่าความสัมพันธ์ ของเราทั้งคู่จบลงตอนไหน ก่อนหรือหลังที่ต่างคนต่างจะตัดสินใจคบคนอื่น
“พวกมึงก็ขี้โกงกันทั้งคู่”มันพูดเชิงต่อว่าผม เมื่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งตี้กับคุณอรรถ และผมกับน้องปลา มันเริ่มก่อนที่ผมจะหยุดความสัมพันธ์กับตี้ ผมอาจจะเป็นคนที่ผิดมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่รู้ว่าตี้เริ่มคบกับคุณอรรถ และตี้พยายามที่จะหยุดความสัมพันธ์ แต่ผมกลับรู้สึกไม่อยากจะหยุด แถมผมยังพยายามปิดความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปลา ไม่ให้เค้ารู้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปเพราะอะไร
“แล้ว มึงรู้สึกยังไงกับมัน”เป็นคำถามที่ผมเองก็ยังตอบไม่ได้และในวันนี้ ผมก็ไม่มีคำตอบให้กับไอ้เหมา พอมาวันนี้ต่อให้ผมหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้ว แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
ผมพลิกตัวนอนตะแคงที่เตียง อย่างที่เคยทำเวลาที่อีกคนมาค้างที่บ้าน หากแต่ตอนนี้พื้นที่ตรงข้างๆ ที่ผมมองมันว่างเปล่า ผมอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงวันแรกที่เราทั้งสองมีอะไรกันครั้งแรก วันนั้นผมเสียใจเรื่องชะเอมและดื่มจนเมามาย แถมยังต้องให้เค้าขับรถพามาส่งถึงบ้าน ซึ่งเรื่องทั้งหมดมันอาจจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผมไม่ชวนเค้าดื่มต่อที่บ้านหลังนี้ ในวันที่ผมกำลังรู้สึกเคว้งคว้าง ผมแค่ต้องการใครสักคนไว้ยึดเหนี่ยว ผมมีสติดีตอนที่ดึงเค้าเข้าสู่บทสนทนาที่หล่อแหลม ระหว่างผมกับเค้า และเหมือนเค้าจะตกหลุมพรางของผมอย่างง่ายดาย แต่หลังจากค่ำคืนนั้นผ่านไป แทนที่ผมจะรู้สึกเศร้ากับการเลิกลากะชะเอม ผมก็เสียใจนะครับ เพียงแต่มันกลายเป็นว่าภาพคืนอันเร่าร้อนระหว่างผมกับเค้ามันส่งผลกับผมมากกว่า
ทีแรกผมคิดว่าตี้เองอาจจะคิดเหมือนที่ผมคิดว่าคืนนั้นของเรามันดีจนลืมไม่ลง แต่เปล่าเลย เพราะเค้าบอกกับผมว่ามันเป็นแค่เรื่องบ้าๆ ที่อยากให้เราทั้งคู่ลืมๆ มันไปซะ แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นผมยังต้องการสัมผัสร่างกายเค้าอีก สุดท้ายผมก็หาทางจนให้เค้ามาค้างที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองแล้วจากนั้นข้อตกลงของเราก็เกิดขึ้น ข้อตกลงที่ทำให้ผมรู้สึกขัดแย้งในตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
เราใช้เวลาด้วยกันมากเสียจนบางครั้งผมก็เผลอคิดไปว่าจริงๆ ผมอยากดูแลเค้า อยากทำให้เค้าประทับใจในตัวผม เหมือนเรากำลังคบกันอยู่ แต่พอเริ่มที่จะรู้สึกมากไป ผมก็ต้องดึงความรู้สึกตัวเองออกมาว่าผมยังต้องการแต่งงานมีครอบครัว ความรู้สึกสองอย่างนี้มันตีกันอยู่นับครั้งไม่ถ้วน จนท้ายที่สุดเรื่องราวมันก็ดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด
“ตี้มันจะรู้สึกกับมึงมากกว่าเพื่อน หรือไม่ได้คิดอะไรเกินกว่านั้น แต่กูว่ามันก็คิดถูกแล้วที่เลือกคุณอรรถ เพราะถ้ามึงยังคิดจะอยากมีครอบครัว หรืออยากแต่งงาน กูว่ามึงไม่ควรไปทำแบบนี้กับไอ้ตี้หรือผู้ชายคนอื่นด้วยซ้ำ”คำพูดทิ้งท้ายของไอ้เหมายังคอยย้ำเตือนผมมาตลอด
ผมตัดสินใจโทรหาไอ้เหมาเพื่อยกเลิกนัดที่ตกลงกันไว้ และขอนัดมันใหม่ในวันพรุ่งนี้ หลังจากมันเลิกงาน พร้อมทั้งขอให้มันช่วยบางอย่าง บางอย่างที่มันอาจจะผิด แต่ก็คงผิดไม่มาก
“แล้วทำไมกูต้องช่วยมึง”ไอ้เหมาย้อนถามผมอย่างไม่เต็มใจจะช่วยสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าการชวนตี้ตรงๆ ให้ออกมาเจอกันเค้าอาจจะปฏิเสธ แต่ผมมั่นใจว่าคนอย่างไอ้เหมาสามารถพาตี้มาเจอผมได้ ผมก็แค่อยากเจอเฉยๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรมากไปกว่านั้นอีกอย่างทั้งไอ้เหมากับแพทก็ไปด้วย
“เพราะกูเป็นเพื่อนมึง และกูก็แค่อยากเจอเค้าเฉยๆ ไม่ได้จะขอให้เค้าเลิกกะแฟนซะเมื่อไหร่”ใครได้ยินเค้าคงหาว่าผมบ้า ว่าผมจะทำแบบนี้ไปทำไม แต่บางทีคนเราก็ทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลเยอะแยะไปจริงไหมครับ ไอ้เหมาบอกว่าไม่รับปากว่าจะชวนตี้ไปด้วยได้ไหม แต่ก็จะลองดู
ท้ายที่สุด พอถึงเวลานัดผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าจะมาไหม วันนี้ตั้งแต่เช้า ผมก็ไปคุยงาน ซึ่งก็ราบรื่นดี ไม่มีปัญหา แถมผมยังบังเอิญได้เจอคุณอรรถแฟนตี้อีก ก็เลยได้ทักทายกันปกติ จากที่ได้คุยกับเค้าผมว่าความสัมพันธ์ของเค้าทั้งคู่ก็ดูราบรื่นดี ผมเอ่ยปากชวนเค้ามาในเย็นนี้ด้วย แต่เค้าก็ปฏิเสธไป นั่นทำให้ผมกังวลอยู่เหมือนกันว่าพอคุณอรรถไม่มาแล้วตี้จะมาหรือเปล่า ยอมรับนะครับว่าอยากให้ตี้มาคนเดียวมากกว่า แต่ในเมื่อเค้าเป็นแฟนกัน ถ้าจะมาด้วยกันผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเค้าอยู่แล้ว
“หวัดดีชาร์ป มานานยัง”แพทเป็นคนแรกที่มาสมทบกับผม เพราะที่ทำงานของแพทใกล้ร้านที่เรานัดกันที่สุดเลยนั่งแทกซี่มาก่อน ส่วนผมคุยงานเสร็จตั้งแต่เช้า แทบจะมารอตั้งแต่ร้านเปิดแล้วครับ ใจมันลุ้นอยากเจออีกคน แพทยืมมือถือผมโทรหาไอ้เหมาเพื่อบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้ว เพราะมือถือของแพทแบตหมดไปแล้ว
รอไม่นานนักไอ้เหมาก็มา ผมยิ้มกว้างให้คนที่เดินมากับไอ้เหมา ไม่ว่าเค้าจะเต็มใจมาเองหรือไอ้เหมาบังคับมา ตอนนี้ผมก็ไม่สนแล้ว ยังไงตอนนี้เค้าก็มาแล้ว เค้ายังดูเหมือนเดิม แต่ออกจะมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิม อย่างว่าก็เค้าอยู่กับแฟนนี่เนอะ คงมีความสุขจนอิ่มเอิบ เป็นธรรมดา
“หวัดดีตี้”
“หวัดดีชาร์ป”
ทั้งผมและเค้าดูเก้ๆ กังๆ ที่ต้องนั่งข้างๆ กัน มันเหมือนต่างคนต่างเกร็งจนรู้สึกทำตัวไม่ถูก โชคดีที่ไอ้เหมากับแพทช่วยแก้สถานการณ์ด้วยการชวนคุยให้ดูปกติ นี่ถ้าไอ้เหมาไม่ได้รับรู้เรื่องระหว่างผมกับตี้มาก่อน ผมว่าบรรยากาศมันอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ก็เป็นได้ ผมรู้สึกว่าเค้าเองก็พยายามรักษาระยะห่างของเค้ากับผมไว้มากอยู่เช่นกัน
เราพูดคุยอัพเดทเรื่องราวชีวิต ของกันและกัน ทั้งผม ไอ้เหมา แพท และปาร์ตี้ เอาจริงๆ ก็เหมือนผมอัพเดทชีวิตให้ปาร์ตี้ฟังเสียมากกว่า เพราะกับไอ้เหมาผมก็ได้คุยกับมันบ่อยๆ อยู่แล้ว
“เออ เมื่อกลางวันเราเจอคุณอรรถด้วย เสียดายที่ไม่ว่างมาด้วยกันเนอะ”ผมเห็นเค้าชะงักไปเล็กน้อย ที่ได้ยินผมพูดถึงแฟนของเค้า หรือว่าเค้ายังไม่รู้ว่าวันนี้ผมบังเอิญเจอแฟนของเค้า
“ลืมเลยไอ้เหมา เห็นไหมเนี่ยกูบอกแล้วว่าขอโทรบอกอรรถก่อนค่อยมา แล้วนี่แบตกูก็หมด เอามือถือมึงมายืมดิ”เค้าหันไปคุยกับไอ้เหมาอย่างฉุนๆ แต่ไอ้เหมาดันไม่ได้เอามือถือลงมาจากรถ ส่วนแพทก็แบตหมดไปแล้ว
“ใช้ของเราก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเอามือถือไอ้เหมาที่รถ”ผมรีบบอกเค้าที่ทำท่าจะลุกไปเอามือถือที่รถของไอ้เหมา เค้าหยุดคิดแปปนึงก่อนจะรับมือถือของผมแล้วเดินออกไป
“น้อยๆ หน่อยมึง นี่มองมันตาละห้อยขนาดนี้คงไม่ใช่คิดจะไปแย่งไอ้ตี้มันจากคุณอรรถใช่ไหม”ทันทีที่ตี้ออกจากโต๊ะไป ไอ้เหมาก็เริ่มกัดผมทันที ผมยอมรับนะครับว่าวันนี้ผมเผลอมองเค้าบ่อยๆ จริงๆ อยากจะยื่นมือไปสัมผัสเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะรู้ว่ามันไม่ควร เลยทำให้ผมทำได้เพียงเก็บภาพเค้าในวันนี้ด้วยสายตาของผมให้มากที่สุด
ไม่นานนักตี้ก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ เค้าออกปากว่าไม่อยากกลับดึกมาก ซึ่งทั้งแพทและไอ้เหมาก็เห็นด้วย เพราะพรุ่งนี้ทุกคนต่างก็ต้องทำงาน ส่วนผมในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ก็คง เดินทางกลับเช่นกัน
“กูไปส่งตี้ให้ก็ได้ พวกมึงจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”เมื่อเห็นช่องทางที่จะสามารถให้ผมได้อยู่กับเค้ามากขึ้น ผมเลยเลือกที่จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป ทั้งไอ้เหมาทั้งแพทต่างมองผมอย่างรู้ทัน แม้ตี้จะดูไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผมรู้ครับว่าเค้ายังเข้าใจว่าทั้งไอ้เหมาและแพท ยังไม่รู้เรื่องระหว่างเราสองคน เค้าเลยเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลยเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
“แม่เราฝากบอกว่าคิดถึงตี้นะ แล้วก็ถ้าว่างๆ ไปเที่ยวบ้านเราได้ พร้อมต้อนรับเสมอ”ผมเริ่มบทสนทนาเมื่ออยู่กับเค้าบนรถเพียงลำพัง
“อื้ม”เค้าเพียงตอบผมสั้นๆ แล้วก็เงียบไปเหมือนเดิม พอไม่มีไอ้เหมากับแพท เค้าก็กลายเป็นคนไม่ค่อยพูดขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนคุยกันที่ร้านเค้ายังพูดคุยได้เป็นปกติ แม้จะเกร็งๆ บ้างในช่วงแรกก็เถอะ
“แล้ว...ตี้กับคุณอรรถ ไปกันได้ดีไหม”
“อื้ม”ผมว่าผมควรหยุดบทสนทนา เพราะดูท่าอีกคนไม่ค่อยอยากจะคุยกับผมสักเท่าไหร่ เราต่างปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถ จนกระทั่งถึงจุดหมาย
“ขอบใจที่มาส่งนะ”เค้าบอกพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะลงจากรถ แต่ผมคว้าข้อมือเค้าไว้ก่อน เค้าหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเค้า ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”ผมถามออกไปแผ่วเบา
TBC