[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 99143 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
รักกันนานๆ นะ อรรถ เอาใจช่วยค่ะ
ส่วนชาร์ปไปดีแล้ว อย่ากลับมานะคะ หายไปเลย ได้ยิ่งดีค่ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชาร์ปไม่ต้องกลับมาจะดีกว่าาา

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
แอบคิดแบบอรรถว่า  ถ้าไม่คิดอะไรก็ต้องพูดถึงได้สิ   :hao5:
ถ้าสะกิดแล้วตี้จะเจ็บ  ก็ดีกว่าทำเหมือนไม่มีอะไรแล้วทำให้อรรถ อึดอัดใจแทนอ่าาา  อ่านแล้วสงสาร

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
หนึ่งปีนี้คุณแว่นมีความสุขกับการตัดสินใจหมั้นไหมค่ะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
คู่นี้ก็น่ารักดีนะ อรรถรักและเอาใจใส่ใส่ตี้มาก
ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นเลย สงสาร

ไม่รู้ว่าพี่แว่นจะเป็นไงบ้าง หลังจากหมั้นกัน หึหึ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ขีดเส้นตรง สองเส้น เน้นความห่าง
ให้พุ่งตรง หว่างกลาง ทางขนาน
ไม่ต้องพบ บรรจบกัน ตลอดกาล
ความสัมพันธ์ เลิกกล่าวขาน นานจนตาย

เข้าใจตรงกันนะ
ไปแล้ว..ไปเลย


ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 2
เส้นขนาน


Sharp’s Part
“เสร็จยังเอม นี่กว่าเราจะไปถึง เพื่อนๆ พี่คงกลับหมดแล้วมั้ง”ผมพูดอย่างหน่ายๆ ผมนั่งรอเธอแต่ตัวมาจะเป็นชั่วโมงแล้วแหละครับ ทุกทีก็ไม่ค่อยเห็นจะอยากไปกับผมสักเท่าไหร่ เวลาผมนัดกับเพื่อนแบบนี้ เห็นว่าวันนี้ไอ้เหมามีเพื่อนที่ทำงานไปด้วยอีกคน

“ขอเอมสวยนิดนึงดิ แล้วดูแต่งตัวอะไรเนี่ยพี่ชาร์ป”นั่นไงครับนอกจากแฟนผมจะแต่งตัวเปรี้ยวจนเข็ดฟันแล้ว ก็เริ่มจะลามมาที่การแต่งตัวของผมแล้วละครับ แต่ผมก็ไม่ยอมเสียเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าตามใจเธออีกรอบหรอกนะครับ การไปสังสรรกับเพื่อนแบบนี้ผมว่าผมแต่งสบายๆ ก็โอเคแล้ว อีกอย่างเราก็ไม่ได้นัดกันที่ร้านหรูหรือเป็นทางการอะไรขนาดนั้น

ในที่สุดผมก็ถึงร้านที่นัดกับไอ้เหมา ไอ้เหมาแนะนำให้ผมรู้จักกับปาร์ตี้ คนที่ผมรู้สึกว่ามีแรงดึงดูดแปลกๆ เกิดขึ้นระหว่างผมกับเค้า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอเค้า เพราะจริงๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมอยู่หอเดียวกับเค้าตลอด 4 ปี แม้จะไม่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการมาก่อน แต่ก็เคยเห็นหน้าค่าตากันมาบ้างแล้ว เค้าเองก็น่าจะคงพอคุ้นหน้าผมอยู่บ้าง

หลังจากพูดคุยทักทาย ทำความรู้จักกัน ชะเอมก็เอ่ยถามในสิ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นการเสียมารยาท เพราะเล่นถามเรื่องที่ปาร์ตี้เป็นเกย์ ทั้งที่เพิ่งจะรู้จักกันเนี่ยนะ แม้เรื่องนี้ผมเองจะพอรู้อยู่แล้วจากคำบอกเล่าของไอ้เหมา ซึ่งจริงๆ ตั้งแต่อยู่หอสมัยเรียนผมก็พอจะรู้นะครับ เพียงแต่การเพิ่งจะมารู้จักกันเป็นทางการแบบนี้ แล้วจะมาเอ่ยปากพูดอะไรแบบนี้ก็คงไม่ได้เหมาะสักเท่าไหร่

แต่ดูเจ้าตัวเค้าก็ไม่ได้คิดมาก หรือซีเรียสอะไรนะครับ อีกอย่างเค้าก็ดูไม่ได้ปิดบังอยู่แล้วว่ามีรสนิยมทางเพศแบบไหน ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกอยากจะขอโทษเค้าที่ชะเอมถามอะไรที่เสียมารยาทแบบนั้นออกมา ผมลุกจากโต๊ะเพื่อไปห้องน้ำ หลังจากเค้าเล็กน้อย ผมเดินตามไปยืนที่โถฉี่ข้างๆ เค้า พร้อมกับรู้สึกอยากจะแกล้งยั่วเค้าเล่นๆ สาบานว่าผมไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นจริงๆ ครับ แค่รู้สึกอยากแกล้งเค้าเฉยๆ แต่พอเห็นปฏิกิริยาของเค้ามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกสนุก

“ไม่เมาแล้วทำไมหน้าแดง หูแดงขนาดนี้ไหวป่ะเนี่ย”ผมจงใจเดินตามไปล้างมือข้างๆ เค้าพร้อมกับแกล้งถามอย่างจับผิด เพราะผมมั่นใจว่าไอ้ที่เค้ากำลังเขินจนหน้าแดงขนาดนี้ คงเพราะสิ่งที่ผมตั้งใจแกล้งให้เค้าเห็นตอนยืนฉี่นั่นแหละครับ แต่เค้าเองก็ปฏิเสธแหละครับ ผมว่าอาการเขินของเค้าก็น่ารักดีแหละครับ

และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด คืนนั้นหลังจากแยกย้ายกันกลับ ผมกับชะเอมก็มีอะไรกันเหมือนปกติ แต่สิ่งที่มันไม่ปกติสำหรับผมก็คือในตอนที่ผมจะปลดปล่อยออกมา ใบหน้าของเพื่อนใหม่ที่ผมเพิ่งรู้จักอย่างเป็นทางการกลับผุดขึ้นมาในหัวของผม ใบหน้าที่แดงระเรื่อเพราะความเขินอายนั่น กลับทำให้อารมณ์ผมพุ่งไปถึงขีดสุด

ผมไม่ได้แปลกใจกับตัวเองนัก เพราะสมัยเรียนมัธยมผมก็เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกันมาก่อน แต่มันก็แค่เซกส์ ก็แค่ประสบการณ์ทางเพศอย่างนึง ผมก็แค่อยากรู้อยากลองไปตามวัย แม้จะไม่ได้รังเกียจการมีความสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน แต่ผมก็ยังต้องการมีชีวิตครอบครัว แต่งงานมีลูก ซึ่งพอผมได้เจอกับชะเอม และตกลงคบหาดูใจกัน ผมก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอีก ทั้งผมกับชะเอมเราเข้ากันได้เป็นอย่างดีในเรื่องบนเตียง แต่เรื่องอื่นๆ เราแทบจะต่างกันโดยสิ้นเชิง

ทั้งทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ เพราะความต่างนี้ทำให้ความรักของเราเกือบไปไม่รอดหลายครั้งแต่เราทั้งคู่ก็ผ่านจุดนั้นมาด้วยกัน จากความรักนานวันเข้ามันก็กลายเป็นความผูกพันธ์ ผมเริ่มมองถึงอนาคตการสร้างครอบครัวร่วมกับชะเอมแต่แล้ววันนึงชีวิตผมก็ต้องเจอกับจุดพลิกผัน

“ดูอะไรอยู่เหรอลูก”เสียงของผู้เป็นแม่เอ่ยทักผมจากด้านหลัง ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผม

“ชะเอมเค้าเป็นยังไงบ้างละ ได้ติดต่อกันอีกบ้างไหม”หลังจากเห็นว่าภาพที่โชว์อยู่คือผมชะเอม ไอ้เหมาและปาร์ตี้ เป็นภาพวันที่ผมรู้จักกับปาตี้ครั้งแรก ภาพนี้ถูกไอ้เหมาโพสต์ขึ้น facebook ตั้งแต่วันนั้น แล้วตั้งแต่ผมย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ การนั่งดูรูปเก่าๆ ดูเหมือนจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของผมไปเสียแล้ว ถ้าว่างจากงานเป็นต้องมาเปิดดูรูปพวกนี้ทุกที พอเห็นรูป ความทรงจำเกี่ยวกับรูปพวกนั้นก็มักจะฉายซ้ำให้ผมได้ตอกย้ำบางอย่าง

“คงใกล้แต่งงานแล้วมั้งครับ ก็ดูมีความสุขดีกับแฟนเค้านะครับ”แม้ระหว่างผมกับชะเอมจะจากกันด้วยไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปผมก็ได้เรียนรู้ว่าสาเหตุที่เราทั้งคู่ต้องเลิกกัน มันคงจะโทษชะเอมฝ่ายเดียวไม่ได้ ผมเองก็คงมีส่วนผิดด้วย ที่ตอนนั้นมัวแต่ทุ่มเทให้กับงานจนมากเกินไป

“ชาร์ปละลูก เมื่อไหร่จะมีแฟนสักที เรื่องนั้นมันก็เกือบปีแล้วนะ”เรื่องนั้นที่แม่ผมพูดถึง ก็คือเรื่องระหว่างผมกับผู้หญิงอีกคน อีกคนที่ผมตัดสินใจทุกอย่าง อย่างรวดเร็ว เร็วเสียจนทุกอย่างมันก็พังลงอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน

“ขอโทษนะครับแม่”ผมรู้ดีว่าเรื่องราวระหว่างผมกับปลา มันสร้างผลกระทบกับทุกๆ คน ทั้งตัวปลาเองและครอบครัวของเค้า แน่นอนฝั่งครอบครัวของผมเองก็คงทั้งเสียใจ และไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น อะไรเป็นสาเหตุให้ผมกับปลาตัดสินใจถอนหมั้นกันทั้งที่เพิ่งหมั้นกันไปได้ไม่ถึงเดือน

“ปลามีอะไรจะบอก”ผมเองก็ไม่คาดคิดว่าจุดเริ่มต้นของประโยคธรรมดาๆ แบบนั้นจะกลายมาเป็นบทสรุปอย่างทุกวันนี้

“ในเมื่อเราก็หมั้นกันแล้ว ปลาก็ไม่อยากปิดบังอีก ว่าผู้หวังดีที่ส่งอีเมลหาพี่เรื่องชะเอมคือปลาเอง”ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับการที่ได้ยินแบบนั้น ไม่ใช่ไม่แปลกใจนะครับ เพียงแต่เรื่องนี้มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับผมอีกแล้ว ปลาเล่าต่อว่ารูปภาพต่างๆ ที่ส่งให้ผมในตอนนั้นก็ได้มาจากไอ้เหมา แต่เห็นไอ้เหมาไม่ทำอะไรสักทีเลยตัดสินใจเป็นคนส่งเอง

และที่ต้องแอบส่งเพราะกังวลว่าจะมีคนมองว่าเค้าตั้งใจทำลายความรักระหว่างผมกับชะเอม แล้วหวังผลอย่างอื่น ซึ่งอย่างอื่นที่ว่านั่นก็คือตัวผม ปลาเองเพิ่งมาสารภาพกับผมก่อนที่เราจะตัดสินใจคบกันว่าเค้าแอบชอบผมมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ตอนนั้นผมก็คบกับชะเอมแล้ว เธอเลยไม่ได้แสดงออกมาว่ารู้สึกยังไง

“แล้วพี่ชาร์ปมีอะไรที่อยากบอกกับปลาไหม”และนี่คือจุดเปลี่ยนที่แท้จริง เมื่อผมตัดสินใจที่จะเล่า เรื่องที่ไม่รู้ทำไมผมถึงคิดว่าผู้หญิงอย่างปลาจะรับได้ จริงๆ สำหรับผมแล้วระหว่างผมกับปลา ดูจะมีอะไรที่เข้ากันได้มากกว่าชะเอม อันนี้พูดถึงในเรื่องทัศนคติ หรือไลฟ์สไตล์นะครับ นั่นทำให้ผมคิดว่าระหว่าง เราสองคนมันต้องไปกันได้ดีแน่ๆ แต่ผมคิดผิดถนัด

“พี่เคยมีอะไรกับผู้ชาย”ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมพูดเรื่องนี้ออกมา หรือเพราะผมรู้ว่าปลาเป็นสาววายที่น่าจะเปิดใจยอมรับกับสิ่งที่ผมเคยทำลงไป แต่ผมคงคิดผิด ตอนนี้ปลามีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

“ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม”ผมตอบออกไปตามตรง ตอนนี้บอกเลยว่าผมเองก็ไม่มั่นใจว่าอยากให้ผลที่ตามมามันเป็นยังไงกันแน่ ทั้งที่เคยคิดว่ายังไงผมก็ต้องแต่งงานสร้างครอบครัว แต่พอมาวันนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเลย

“แล้วที่มาบอกปลาเนี่ย พี่หวังอยากให้ปลารู้สึกยังไง”น้ำเสียงของปลาเปลี่ยนไป

“พี่คิดว่าปลาจะโอเคกับเรื่องนี้เหรอ คิดว่าปลาจะแต่งงานกับพี่ได้โดยไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้นเหรอ”ผมเริ่มรู้แล้วว่าผมได้ตัดสินใจผิดพลาดไป มันไม่ใช่แค่ผิดพลาดที่มาบอกเรื่องนี้กับปลา แต่มันอาจจะผิดตั้งแต่ผมดึงปลาเข้ามาในชีวิตผม หรือจริงๆ ผมอาจจะผิดตั้งแต่เผลอไปมีอะไรกับปาร์ตี้แล้วเสียอีก

“พี่พูดมาขนาดนี้ ปลาก็ชักจะเริ่มคิดแล้วละ ว่าระหว่างพี่กับพี่ตี้ มันคงมีอะไรเกินเลยไปแล้วใช่ไหม”น้ำตาของปลาเริ่มไหลออกมา แต่เธอไม่ได้ฟูมฟายหรือสะอื้นแต่อย่างใด ผมไม่ได้ยอมรับ หรือปฏิเสธในสิ่งที่ปลาคาดเดา

“ถ้าพี่จะยังสับสนในชีวิตของพี่ ปลาว่าเราก็ไม่ควรจะปล่อยความสัมพันธ์ของเราให้มันดำเนินต่อเลย หยุดมันไว้แค่นี้แหละ”พูดจบปลาก็เดินจากผมไป ผมรู้สึกละลายเกินกว่าที่จะรั้งเธอไว้ ละอายแม้กระทั่งจะขอโทษเธอในทันที

ผมไปกราบขอโทษพ่อแม่ขอเธอหลังจากนั้น โดยยอมรับผิดทุกอย่างว่าสาเหตุมันเกิดมาจากผมเอง แม้พ่อกับแม่ของปลาจะไม่ยอมรับการขอโทษจากผม แต่ผมก็คิดว่ามันสมควรแล้ว หลังจากถอนหมั้นกับปลาผมเลือกที่จะลาออกจากงาน และย้ายกลับมาช่วยงานที่บ้าน แม้พ่อกับแม่ของผมจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เรื่องที่ผมถอนหมั้น แต่ผมรู้ว่าพวกท่านเองก็เสียใจไม่น้อย เพราะความโลเลของผมเองมันถึงได้ทำให้เรื่องราวทั้งหมดมันกลายเป็นแบบนี้

ผมสับสนเกินกว่าจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วผมต้องการอะไรกันแน่ ผมคงโทษใครไม่ได้เพราะทุกอย่างมันก็ผิดที่ผมเอง สุดท้ายผมก็เป็นได้แค่คนที่ยอมแพ้กับทุกอย่าง อะไรที่มันดูจะยุ่งยากวุ่นวาย ผมก็เลือกที่จะหลีกหนี หนีให้ห่างจากปัญหาเหล่า

“แม่ถามจริงๆ นะ ที่ชาร์ปถอนหมั้นกับหนูปลาเค้าเพราะชาร์ปมีคนอื่นในใจหรือเปล่าลูก”แม่ผมขยับมายืนข้างๆ พร้อมกับลูกหัวผมเบาๆ เหมือนผมเป็นเด็กๆ ในสายตาคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่ว่าลูกจะโตขนาดไหน ก็อาจยังมองเราไม่เปลี่ยนไปจากเดิมหรอก นี่ถ้าผมเป็นเด็กเล็กๆ ก็คงจะดี ทำอะไรผิดพลาดมาก็อาจจะแค่โดนดุนิดหน่อย แต่นี่โตแล้ว ยังสร้างเรื่อง ทำอะไรผิดๆ ให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับแม่”ผมบอกแม่ออกไปตามตรง เพราะผมก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับอีกคนคืออะไร ตกลงผมชอบเพศไหนกันแน่ หรือผมอาจจะตอบตัวเองได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากจะยอมรับเท่านั้น แน่นอนว่าผมคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าตัวเองคือผู้ชายแท้ๆ ร้อยเปอร์เซนต์ มีรสนิยมชอบเพศตรงข้ามเท่านั้น

ผมปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเพศเดียวกัน เพียงผมอาจจะเคยกดความรู้สึกพวกนั้นไว้ จนมาเจอกับอีกคน งั้นผมก็คงจัดอยู่ในกลุ่มไบเซกชวล น่าจะตรงที่สุดแล้ว หากแต่ตอนนี้ ที่ย้ายกลับมาอยู่บ้าน ผมกลับไม่ได้รู้สึกอยากสร้างความสัมพันธ์กับใครเลย มันเหมือนยังมีบางอย่างค้างคาอยู่ในจิตใจของผม

“ไม่เป็นไรลูก เอาเป็นว่าแม่จะไม่เร่งรัดอะไร เรื่องนี้แล้ว วันนึงถ้าเราจะเจอเนื้อคู่มันก็คงเจอเองแหละเนอะ”เนื้อคู่งั้นเหรอครับ มันจะมีสักกี่คนกันเชียวที่มีคู่แท้ ทุกวันนี้ผมเห็นต่างคนต่าง คบๆ เลิกๆ กันอย่างง่ายดาย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมเลิกกับชะเอม เลิกกับน้องปลา หรือแม้กระทั่ง เลิกความสัมพันธ์กับปาร์ตี้ แล้วแบบนี้ผมจะมีโอกาสได้เจอเนื้อคู่อย่างที่แม่ผมบอกหรือเปล่า

“แล้วนี่ที่จะไปคุยงานที่กรุงเทพฯ วันพรุ่งนี้จัดกระเป๋าอะไรเรียบร้อยหรือยัง”แม่เอ่ยถามถึงการเดินทางในวันพรุ่งนี้ของผม ตอนนี้ผมมาช่วยธุรกิจของที่บ้านอย่างเต็มตัวซึ่ง ธุรกิจที่บ้านผมก็แบ่งเป็นสองส่วนคือในส่วนของโรงแรม กับอีกส่วนคือเรือยอร์ช ส่วนที่ผมรับผิดชอบหลักๆ ตอนนี้ก็เป็นในส่วนของเรือยอร์ช โดยตอนนี้ผมกำลังขยายตลาดให้ดูว่าใครๆ ก็มานั่งเรือยอร์ชเที่ยวได้ ด้วยแพคเกจ สบายกระเป๋า การไปกรุงเทพฯ ของผมในครั้งนี้ก็เป็นการไปตกลง เลือกพรีเซนเตอร์ที่จะมาโปรโมทให้กับเรานี่แหละครับ

“เรียบร้อยแล้วครับ ก็คงอยู่นั่นสัก 3-4 วัน ถือโอกาสไปดูบ้านด้วย ไม่รู้ไอ้เหมาขนเฟอร์นิเจอร์ไปขายหมดยัง”ตั้งแต่ย้ายกลับมาอยู่นี่ผมก็ไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ อีกเลย บ้านก็ปล่อยไว้เฉยๆ นานๆ ทีไอ้เหมาจะแวะเข้าไปดูให้ครับ ว่าไปก็คิดถึงบ้านหลังนั้นเหมือนกันนะครับ ผมก็อยู่นั่นตั้งหลายปี แถมมีหลายๆ อย่างเกิดขึ้นที่นั่นด้วย

“นานๆ จะได้ไปเจอเพื่อนๆ ที่ก็ถือว่าไปพักผ่อน อยู่หลายๆ วันก็ได้ลูก ช่วงนี้งานที่นี่ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากด้วย”จริงๆ ก็อยากอยู่หลายวันกว่านั้นนะครับ แต่อยู่ไป เพื่อนๆ ก็ทำงานกัน คงไม่ได้มีเวลาว่างเจอเราหลายวัน ผมเลยเลือกที่จะไปไม่กี่วัน

“แล้วอย่าลืมชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวบ้านเราบ้างละ ฝากบอกเหมา แพท ตี้ด้วยว่าแม่คิดถึง”ไม่ใช่แต่แม่หรอกครับ ที่คิดถึงเค้า ผมเองก็คิดถึง เพียงแต่อีกคนเค้าคงไม่ได้อะไรกับผม ผมเคยคิดนะครับว่าตอนที่มีความสัมพันธ์กัน เค้าจะรู้สึกหวั่นไหวกับผมบ้างหรือเปล่า แต่ตอนนี้คงไม่สำคัญแล้ว เพราะเค้าเองก็คงมีความสุขดีกับแฟนของเค้า ทางของเรามันแทบจะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน





TBC

จัดมาเลยคร๊าบบบ ใครอยากจะเหยียบย่ำ ซ้ำเติม หรือเพิ่มความหมั่นไส้ให้กับพี่แว่น

ใส่มาเลยไม่ต้องยั้งคร๊าบ

สรุปว่าพาร์ทนี้ 2 ตัวละครหลักๆ ที่จะใช้เล่าเรื่องคือ คุณอรรถ กับ คุณแว่น เนอะ

คนนึงคือเรื่องปัจจุบัน อีกคน คือเรื่องอดีต ส่วนทั้งสองเรื่องจะมาบรรจบกันไหม ต้องลุ้นไปพร้อมๆ กันนะคร๊าบ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของไรท์เลยที่แต่งมาแล้วไม่หลุดจากพลอตเริ่มต้นที่วางไว้ 555

ปกตินี่แต่งๆ ไปมักจะพาตัวละครหลุดพลอตตลอด

ยังไงฝากติดตามให้กำลังใจด้วยนะคร๊าบ



ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สมมมมมม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
บอกตามตรงเราสงสารคุณอรรถนะ ถ้าแว่นกับตี้จะกลับมาคบกันอ่ะ

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เรื่องมันผ่านมานานแล้วนะ   ถ้าตี้จะกลับไปหาอิแว่น   พาร์ทนี้  คนเขียนอาจจะอยากให้ดูเศร้า  ให้เห็นใอิแว่น  แต่ไม่เลยอ่าาา เราอ่านละรู้สึก  เหอะ  อิแว่นเอ้ยยยยย  งี้อ่าาา  5555   รีบๆมาต่อนะคะ  !!!

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ไม่สงสารชาร์ปค่ะ ทำตัวเองทั้งสิ้น รับกรรมไปเถอะ
นักเขียนค๊าาา ไม่เอาอิแว่นนะคะ
สงสารอรรถ เชียร์อรรถสุดใจ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อืมม.... เข้าใจชาร์ปเพิ่มขึ้นอีก
นางเป็นไบ นี่เอง  :ling1: :ling1: :ling1:
ถึงว่า เคยมีอะไรกับเพศเดียวกันตอนเรียนมัธยม
เมื่อมามีอะไรๆ กับตี้ ก็คุ้นเคย สินะ
เคมี ระหว่างชาร์ป ตี้ นอกจากทางกาย ยังมีทางใจด้วย
เพียงแต่ไม่เคยคุยเรื่องหวั่นไหวทางใจกัน
เอาไงล่ะทีนี้ เป็นสามเส้าของ ชาร์ป-ตี้-อรรถ
ชักเริ่มคิดเรื่อง 3p ซะแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ถามชาร์ปว่า ที่มันเป็นแบบนี้....ผิดที่ใคร?

หึๆ

ออฟไลน์ aornarak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากให้ปาร์ตี้เลือกอรรถ เพราะแว่นมันโลเล ติดแต่ความคิดว่าต้องแต่งกับผญ
ต้องมีครอบครัวที่สมบูรณ์. แบบว่าหัวโบราณอ่เ แถมยังเป็นคนที่ทิ้งปาร์ตี้ไปหมั้นกับผญอีก
ไม่เอานะถ้าพระเอกเป็นชาร์ปอ่า สงสารอรรถ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เนื้อเรื่องของพาร์ท 2 นี่เริ่มตรงกับชื่อเรื่องแล้ว ผิดที่ใคร  :mew5:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ยากเกินแก้ไข..มันผิดที่ใคร
ลองใช้ใจและสมอง..ไตร่ตรองดู

คิดเอาเองนะไอ่คุณแว่น
ในเล้านี้คงไม่มีใครเค้าช่วยคิดให้
คิดเก่งหนิ
ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
ไม่บรรจบก็ขอให้ไม่บรรจบกันจริงนะ
ไม่เชียร์และไม่อยากให้อิแว่นเป็นพระเอก
แต่ถ้าเป็นก็ขอบาย เพราะคงไม่อินแน่นเน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ยังไงก็คงจะมาบรรจบแน่นอน
อรรถคือคนปัจจุบัน
ชาร์ปคือคนของอดีต
ถ้าหากว่าตี้มีความสุขกับอรรถเราก็โอเคนะ
กับชาร์ปนี่พุดยากเพราะต่อให้เป็นคนที่ใช่
แต่ชาร์ปไม่มั่นคงเลย
ชาร์ปยังคงอยากมีครอบครัว
น่าจะอยากมีลูกเพื่อพ่อแม่ด้วย
ยังไงก็ขอให้ตี้อย่าลังเล
เพราะท่าทางชาร์ปก็จะลังเลแบบนี้ไปเรื่อยๆ
คำสาปของคนที่เป็นไบ

เรื่องของปลานี่กล้ากว่าที่คิด
คือไปบอกคนอื่นเรื่องอีกฝ่ายนอกใจ
ปลาเองก็น่าจะเล็งชาร์ปไว้
แต่รับไม่ได้ที่ชาร์ปเป็นไบ
ตัวเองเป็นสาววายก็ย้อนแย้งดี
ไม่ได้หมายความไปในทางลบนะ
คือเป็นสาววายจิ้นหนุ่มกับหนุ่มได้กันเอง
ตราบใดที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 3
หึง



AUT’s Part
“พี่อรรถ พี่อรรถ”ผมหันไปตามเสียงของรุ่นน้องที่สะกิดผม ก่อนจะรู้สึกตัวว่านี่ผมกำลังประชุมกับลูกค้าอยู่ แต่นี่ผมดันเหม่อจนสติไม่อยู่กับการประชุมเสียได้

“ลูกค้าถามว่า ถ้าจะขอเปลี่ยนรูปแบบงาน ค่าใช้จ่ายมันจะเป็นไง”รุ่นน้องคนเดิม แอบกระซิบผม ผมสังเกตุเห็นว่ามีลูกค้าในห้องนี้บางคนส่ายหน้า เล็กน้อย แต่โทษเค้าไม่ได้หรอกครับที่จะไม่พอใจ เพราะผมดันแสดงความไม่เป็นมืออาชีพออกไปให้เค้าเห็นเอง ผมรีบสลัดเอาเรื่องส่วนตัวออกจากหัว ก่อนจะอธิบายรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการให้เค้าฟัง ดีที่ผมพอจะรู้รายละเอียดอยู่ก่อนแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เลยทำให้ไม่ติดขัดสักเท่าไหร่ แต่กว่าจะตกลงกันได้ ก็เล่นเหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันครับ

“ไม่สบายหรือเปล่าเนี่ยพี่ หรือพักผ่อนน้อย ผมละใจหายแวปเลย ตอนลูกค้าจี้แล้วพี่ดันเงียบ นี่ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่เห็นพี่เป็นงี้เนี่ย ถ้าไม่ไหวก็พักบ้างนะพี่ เป็นห่วงวะ”เสียงเพื่อนรุ่นน้องบอกกับผม แต่จริงๆ ผมไม่ได้เหนื่อยหรือพักผ่อนน้อยหรอกครับ เพียงแต่ตอนมาถึงตึกนี้ก่อนจะขึ้นมาพบลูกค้า ที่ร้านกาแฟด้านล่าง ผมบังเอิญเจอคน คนนึงเข้านี่สิ

“อ้าวคุณอรรถ ไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะครับ”ผมหันไปตามเสียงทักทาย ก่อนจะเจอกับชายหนุ่มใส่แว่นยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร แม้ผมจะรู้จากข้อความในโทรศัพท์ของตี้ในวันก่อน ว่าเค้ามาทำธุระที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าโลกมันจะกลม แล้วความบังเอิญมันจะเป็นไปได้ขนาดนี้ ผมยิ้มตอบพร้อมกล่าวทักทาย

“สบายดีครับ แล้วคุณชาร์ปละครับเป็นไงบ้าง เห็นตี้พูดอยู่เหมือนกันว่าคุณชาร์ปมาติดต่องานที่กรุงเทพฯ”ผมบอกกับตัวเองเสมอว่าเค้าก็แค่เพื่อนของแฟนผม ส่วนเรื่องในอดีตระหว่างเค้ากับตี้ผมจะไม่เก็บเอามาเป็นประเด็นสำคัญอะไรกับชีวิตรักในปัจจุบันของผม นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด แต่พอมาเจอเค้าจังๆ แบบนี้ ผมกลับนึกอยากจะโกหกออกไป โกหกให้เค้ารับรู้ว่าระหว่างผมกับตี้ไม่ได้มีความลับต่อกัน ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าแท้จริงแล้ว ตัวเค้าเองรู้สึกยังไงกับแฟนผมกันแน่ แต่การที่เค้าเคยถอนหมั้นกับน้องปลานั่น มันคงมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ผมรู้สึกไม่อยากจะวางใจเค้าสักเท่าไหร่

และผมว่าผมตัดสินใจถูกที่บอกกับเค้าออกไปแบบนั้น เพราะผมว่าผมแอบเห็นอาการชะงักเล็กๆ ของเค้าเหมือนกันตอนที่ผมพูดถึงปาร์ตี้ แม้จะเป็นแวปเดียว แต่ผมที่จ้องมองเค้าอยู่แล้วเลยสังเกตได้ทัน

“นี่ก็เพิ่งคุยเรื่องงานเสร็จแหละครับ พรุ่งนี้เย็นๆ ก็กลับภูเก็ตแล้วครับ เย็นนี้ว่าจะชวนคุณอรรถกับตี้ไปทานข้าวด้วยกันอยู่พอดี ผมนัดกับไอ้เหมาแล้วก็แพทไว้แล้ว วันก่อนเห็นว่าคุณอรรถกับตี้ไม่สะดวก วันนี้ไปด้วยกันนะครับ ไม่ได้สังสรรด้วยกันนานแล้ว”ในใจก็อยากจะหนักแน่นนะครับ ว่าผมคือตัวจริงคนปัจจุบันของตี้ แต่การที่เค้าไม่พูดถึงเรื่องคุณแว่นนี่เลย มันทำให้ผมเริ่มรู้สึก เค้าไม่บอกผมว่าคุณแว่นมากรุงเทพฯ ไม่บอกสาเหตุที่ปฏิเสธนัดกับเพื่อนในวันก่อน ว่าที่เค้าเลือกจะไม่ไป เพราะไม่อยากเจอคุณแว่นนี่

ถ้าจะบอกว่าสาเหตุที่เค้าปิดผม เพราะไม่อยากให้ผมคิดมาก กลัวผมไม่สบายใจ มันก็ไม่ใช่เพราะเรื่องระหว่างคุณแว่นนี่กับเค้า ผมก็รับรู้ว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เค้าไปเจอเพื่อน เพราะผมเชื่อใจเค้า แม้เพื่อนคนนั้นจะคือคุณแว่นนี่ผมก็ยังจะเชื่อใจเค้า ถ้าเค้าบอกผมตรงๆ แต่พอเค้าเลือกที่จะปิดบังผม ความไว้ใจที่ผมเคยมีให้มันอาจจะลดลงก็เป็นได้

“ผมคงต้อง ขอตัวนะครับพอดีเย็นนี้ติดเลี้ยงลูกค้าจริงๆ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ ส่วนตี้ยังไงลองถามเค้าดูเองแล้วกันนะครับ ไม่ได้เจอเพื่อนตั้งนานแล้วเค้าน่าจะไปแหละครับถ้าว่าง”ผมจงใจเน้นคำว่าเพื่อน แม้จะไม่รู้ว่าเค้าจะรู้หรือเปล่าว่าผมรู้เรื่องราวระหว่างเค้ากับตี้ แต่ก็อยากให้เค้ารู้ว่าไม่ควรจะคิดมาแทรกกลางระหว่างเรา นี่ถ้าไม่ติดว่าผมต้องไปเลี้ยงลูกค้า ผมคงจะเป็นคนพาตี้ไปให้รู้แล้วรู้รอดครับ

“คุณอรรถไม่ไปแบบนี้ สงสัยปาร์ตี้จะเบี้ยวพวกผมอีกละม้างเนี่ย”ก็อยากจะให้เป็นอย่างที่เค้าพูดนะครับ เพราะชักเริ่มไม่อยากจะให้เค้าทั้งคู่ได้เนอกันนอกสายตาผมเสียแล้ว

“ยังไงลองชวนเจ้าตัวเค้าดูแล้วกันครับ ผมต้องไปแล้วพอดีนัดลูกค้าไว้”ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะขอปลีกตัวจากเค้า

“ไว้เจอกันครับ ยังไงว่างๆ ก็ชวนตี้ไปเที่ยวที่ภูเก็ตได้นะครับ เดี๋ยวผมเป็นไกด์นำเที่ยวให้”ผมรับคำก่อนจะเดินออกมา และนั่นคือสาเหตุที่วันนี้ผมเกือบจะทำงานพลาด ผมไม่ได้กังวลที่เจอคุณแว่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าวันนี้ ตี้เค้าจะไปตามนัดของคุณแว่นหรือเปล่า แต่ส่วนที่ผมเก็บมากังวลมากที่สุดคือ เค้าจะบอกผมหรือเปล่า ถ้าเค้าจะไป

ผมว่าการไปแล้วบอก มันก็คงดีกว่าการไม่บอกและเราไม่รู้เลยว่าตกลงเค้าไปหรือไม่ไป หรือกระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในใจของอีกคนคิดอะไรอยู่ ถามว่าระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมามันทำให้ผมมั่นใจในตัวของตี้ไหม ถ้าก่อนที่คุณแว่นมากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ ผมพูดได้เต็มปากว่าผมมั่นใจในตัวเค้า แต่พอมาวันนี้ ผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมรู้สึกกังวลอยู่บ้าง

ผมก็มีสิทธิ์ที่จะรู้สึก ระแวง หรือหึงหวงได้ถูกไหมครับ แต่ผมก็คงไม่ทำอะไรที่ออกนอกหน้า หรืองี่เง่าจนเกินไป เพราะถ้าเกิดมันไม่มีอะไรเลย จะกลายเป็นว่าผมอาจจะมีปัญหากับตี้เสียเปล่าๆ

“ตะกี้เจอคุณแว่...”ผมหยุดการพิมพ์ข้อความไว้แค่นั้น แล้วเปลี่ยนใจลบแล้วพิมพ์ใหม่

“วันนี้ยุงทั้งวันอรรถคงไม่ได้โทรหา เย็นนี้ก็ต้องกลับดึก อยู่คนเดียวอย่าเหงาล่ะ”ผมพยายามส่งข้อความให้ดูเป็นปกติ จริงๆ เวลาทำงานเราก็ไม่ค่อยได้โทรหากันหรอกครับ อาจจะมีตอนพักกลางวันบ้าง ส่วนใหญ่จะทิ้งข้อความไว้ในไลน์มากกว่า นอกจากจะมีอะไรด่วนจริงๆ ผมไม่ได้รอดูข้อความตอบกลับของเค้า เพราะก็ต้องทำงานต่อ วันนี้เป็นวันที่คิวงานผมหนาแน่นเหลือเกิน แน่นจนแทบไม่มีเวลาจะเช็คข้อความส่วนตัวอีก

“พี่อรรถ ซวยแล้ว ลูกค้าจะขอเปลี่ยนร้าน”เพื่อนน้องหันมาบอกผมหน้าตาตื่น หลังรับสายจากลูกค้า เคยได้ยินคำว่าลูกค้าคือพระเจ้าไหมครับ ถ้าเคยอาจจะพอเข้าใจความรู้สึกของพวกผมบ้างแหละครับ แต่สำหรับผมแค่พระเจ้านี่ไม่เท่าไหร่นะครับ ต้องรุ่นพ่อพระเจ้า แม่พระเจ้า หรือปู่ย่าตายายของพระเจ้าครับ อย่างกรณีล่าสุดนี่ เรื่องร้านรับรองลูกค้าไม่ใช่ว่าลูกค้าเพิ่งจะทราบเมื่อเช้าที่ไหนกันว่าจะไปร้านไหน

แจ้งกันล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ ร้านก็จองล่วงหน้าไว้แล้ว อาหารเครื่องดื่มก็สั่งไปแล้ว แล้วนี่จะขอเปลี่ยนร้านก่อนเวลานัดไม่ถึงชั่วโมง แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับที่ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ ประเภทไปถึงร้าน นั่งแล้วด้วย อาหารเครื่องดื่มเสิร์ฟมาแล้ว ขอเปลี่ยน ก็ต้องยอมครับ เพราะลูกค้าที่กล้าทำขนาดนั้นคือลูกค้ารายใหญ่มาก ทางบริษัทผมก็ได้ผลกำไรจากพวกเค้าไม่น้อยก็ต้องยอมๆ กันไปแหละครับ แม้บางทีจะหมั่นไส้บ้างก็ตามที

“ติดต่อทางร้านที่เราจองไว้ อาหารถ้าอันไหนทำเสร็จแล้วให้เค้าห่อ เครื่องดื่มขอคืน แต่ถ้าไม่คืนก็เก็บมาเลย ถ้าร้านจะคิดค่าเสียโอกาสในการเสียลูกค้าอะไรก็ดูตามสมควร แล้วส่งคนไปรับของที่ร้าน อย่าลืมใบเสร็จด้วย อาหารก็ให้คนที่ออฟฟิศจัดกันไปตามสบาย แต่เครื่องดื่ม ไม่เน่าไม่เสียถ้าเค้าไม่ให้คืน ก็เก็บไว้เลี้ยงลูกค้ารายอื่น”ผมอธิบายให้น้องไปประสานงานต่อ เพราะฝั่งผมคงต้องคุยกับทางลูกค้าที่จะเปลี่ยนร้านนี่แหละครับ ว่าจะเอายังไง

“แล้วเราจะหาร้านใหม่ทันเหรอพี่”เล่นเปลี่ยนกันกระทันหันขนาดนี้ ผมว่านี่คงมีร้านในใจกันอยู่แล้วละครับ ผมบอกน้องไปว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจัดการเอง ผมโทรหาทางลูกค้าของเรา และก็จริงครับที่ทางเค้ามีร้านในใจอยู่แล้ว แถมบอกว่าผมไม่ต้องลำบากติดต่อร้าน ก็แน่ละครับ จัดแจงมาขนาดนี้ ทางผมก็มีหน้าที่แค่ไปจ่ายตังค์สินะ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดดูข้อความ ที่ผมรู้สึกกังวลมาตลอดทั้งวัน ซึ่งก็ทำให้ผมต้องแปลกใจกับข้อความของเค้า ผมมั่นใจว่าคุณแว่นน่าจะชวนตี้ หรือไม่เหมาก็ต้องเป็นคนชวนอยู่แล้ว และถ้าชวนแล้วตี้จะไปหรือไม่ไป เค้าน่าจะต้องบอกอะไรผมบ้าง เพราะเค้าน่าจะรู้จากเพื่อนเค้าแล้วว่าวันนี้ผมบังเอิญเจอใคร หรือคุณแว่นไม่ได้บอกว่าเจอผม

“เสร็จแล้วรีบกลับนะ”นั่นคือข้อความที่เค้าส่งถึงผม จากเวลาส่งที่ขึ้น เพิ่งจะผ่านมาแค่ครึ่งชั่วโมง ซึ่งเลยเวลาเลิกงานแล้ว เรื่องที่คุณแว่นจะนัดตี้ไปกินข้าวน่าจะมีการพูดคุยกันเกิดขึ้นแล้ว หรือตี้ไม่ไป เลยไม่อยากที่จะพูดเรื่องนี้กับผม ผมไม่ปล่อยให้ความสงสัยติดใจอยู่นาน ผมว่าผมควรถามเค้าออกไปตรงๆ เลยจะได้ไม่ต้องกังวลอยู่แบบนี้

“ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้”ผมกดย้ำอยู่หลายรอบทั้งที่ ก็รู้ว่ามันไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง นี่เค้าแบตหมด หรือว่าปิดเครื่องกันนะ ปกติแล้วเค้าก็ไม่ค่อยปล่อยให้มือถือแบตหมดนี่นา ถ้าผมจะโทรหาเพื่อนเค้านี่ผมจะดูงี่เง่าเกินไปไหมนะ

“พี่อรรถลูกค้าเร่งแล้ว ไปยังพี่”ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยนิ ผมรีบปรับอารมณ์และสีหน้า แม้จะรู้สึกกังวลเรื่องส่วนตัว แต่ในเมื่องานผมยังไม่เสร็จผมก็คงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อให้เรียบร้อย มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ผมอาจจะคิดมากไปเอง

การเลี้ยงรับรองลูกค้าครั้งนี้แม้จะมีทีมงานของผมมาด้วย แต่ตัวหลักที่ต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าก็ยังเป็นผมอยู่ดี บรรยากาศก็สนุกสานดีนะครับ สำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับผมแม้จะยังทำหน้าตายิ้มแย้มอยู่ แต่ในใจนี่อยากให้เวลามันผ่านไปเร็วๆ เหลือบมองนาฬิกาครั้งแล้ว ครั้งเล่า เกือบจะ 4 ทุ่มแล้ว ไม่มีการติดต่อกลับจากตี้มาถึงผม ผมทิ้งข้อความไว้แล้วว่าให้เค้าโทรหาผมด้วย นั่นทำให้ผมมั่นใจแล้วว่า เค้าน่าจะไปทานข้าวกับเพื่อน

ผมตัดสินใจปลีกตัวจากลูกค้า ออกมาโทรศัพท์ แน่นอนว่าเบอร์โทรของแฟนผมยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม ผมเลือกที่จะกดเบอร์เพื่อนของเค้า แต่ผมก็มีเบอร์เพื่อนเค้าแค่คนเดียว คือเหมา แต่ผมกดโทรออกอยู่ 2 ครั้งและรอจนสายตัดไป ก็ไม่มีคนรับสาย จากที่ว่าจะไม่ระแวงมันก็อดไม่ได้จริงๆ ผมกำลังจะกลับเข้าไปบอกลูกค้าว่าคงต้องขอกลับก่อน แล้วให้น้องๆ ดูแลลูกค้าต่อ แต่มีสายเรียกเข้ามาเสียก่อน

“สวัสดีครับ”ผมกรอกเสียงลงไป อย่างสุภาพเพราะเป็นเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก

“อรรถ ตี้เองนะ”เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาผมโล่งใจว่าอย่างน้อยก็ติดต่อเค้าได้แล้ว

“อยู่ไหนเนี่ย เราติดต่อตี้ไม่ได้เลยอ่ะ งอนแล้วเนี่ย”แม้จะรู้สึกอารมณ์ตึงๆ ไปบ้าง แต่ผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันไปกันใหญ่เลยพยายามปรับเสียงให้ดูเป็นการพูดแซวเค้าแค่นั้น

“เรามาทานข้าวกับพวกเหมา”เป็นคำตอบที่ไม่ได้ต่างจากที่ผมคาดเดาไว้

“โทษที ที่ไม่ได้โทรบอกนะ พอดีแบตเราหมด แล้วโดนไอ้เหมามันหักคอบังคับมา รถก็ไม่ได้เอามาเนี่ย”ผมพยายามจะยอมรับนะครับว่าทุกอย่างคือเหตุผล คือคำอธิบาย แต่ในใจส่วนลึกมันก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นข้ออ้างหรือเปล่า

“แล้วกลับยังไง ให้อรรถไปรับเปล่า”ผมลองหยั่งเชิงดูครับ แต่คิดว่าเค้าคงปฏิเสธแน่นอน และก็จริง เค้าปฏิเสธไม่ให้ผมไปรับ โดยให้เหตุผลว่าเหมากับแพทจะเป็นคนมาส่ง

“แล้วนี่ไปกันกี่คนเนี่ย”จริงๆ อยากจะถามตรงๆ ไปเลยว่าคนที่ผมเจอเมื่อกลางวันนั่นไปด้วยหรือเปล่า แทบไม่ต้องเดาคำตอบแล้วครับว่าไปด้วยอยู่แล้ว แต่ที่ทำเอาผมเริ่มรู้สึกอยากไปรับเค้าด้วยตัวเองคือเจ้าของเบอร์ที่เค้าใช้โทรมาหาผมในตอนนี้ ทำไมเค้าไม่ใช้เบอร์เหมา เบอร์แพท โทรมาหาผม ตอนนี้ผมแทบจะอยากให้เค้าเปิดกล้องคุยกับผมให้รู้แล้วรู้รอดว่าเค้าไม่ได้อยู่กันสองคน แต่ผมก็ทำได้เพียงบอกเค้าว่าอย่ากลับดึกมาก แล้วค่อยเจอกันที่บ้าน

ผมกลับเข้าไปร่วมโต๊ะกับทางลูกค้าอีกครั้ง แต่รอบนี้ผมดื่มเยอะขึ้น ผมว่าผมเคยเป็นคนหนักแน่นกว่านี้ แต่ทำไมครั้งนี้ผมถึงคิดเล็กคิดน้อยไปหมด ผมกลับกลายเป็นคนคิดมาก ว่ามันจริงไหมที่มือถือเค้าแบตหมด จริงไหมที่เค้าติดรถไปกับเหมา จริงหรือเปล่าที่เค้าบอกว่าทั้งเหมาและแพทไม่ได้หยิบมือถือลงมาจากรถ เค้าถึงต้องใช้มือถือของนายแว่นนั่นโทรหาผม


ผมกลับถึงบ้านตอนตี 1 กว่าแล้ว ดีที่ปาร์ตี้กลับมาแล้ว ไม่งั้นผมคงฟุ้งซ่านยิ่งกว่ากว่าเดิม ผมเดินตรงไปยังห้องนอนของเราสองคน เค้านอนตะแคงอยู่ฝั่งเดิมเหมือนทุกคืน ผมถอดถุงเท้า กางเกงและเสื้อทิ้งไป เหลือเพียงกางเกงบอกเซอร์ตัวบางก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ เค้า ปาร์ตี้ยังคงหลับโดยที่ไม่ได้รู้สึกตัว ผมสอดมือเข้าไปสวมกอดเค้าจากด้านหลัง

ริมฝีปากผมกดลงที่ซอกคอเค้าจากด้านหลัง สองมือผมเริ่มป่ายสะเปะสะปะ จากแผ่นอกลากต่ำลงมาที่หน้าท้อง แล้วก็ค่อยๆ ต่ำลงไปเรื่อยๆ ตามด้วยตัวของผมที่เบียดชิดเค้าเข้าไปเรื่อยๆ ผมแค่อยากรู้สึกว่าคนๆ นี้ยังเป็นของผมอยู่ จะด้วยความคิดมาก คิดไปเองของผม หรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ผมแค่ต้องการความมั่นใจ

“กลับมาแล้วเหรอ”เค้าตอบผมเสียงงัวเงียพร้อมกับมือเค้าที่จับข้อมือผมให้หยุดการเคลื่อนเข้าไปในกางเกงนอนของเค้า ผมไม่ได้พูดจาตอบโต้อะไรเค้า เพราะริมฝีปากผมยังไม่หยุดปฏิบัติการฝากรอยไว้ที่ผิวเนียนของเค้า และตามด้วยรอยเขี้ยวที่กัดลงไปเบาเบา

“เดี๋ยวก่อนอรรถ”เค้าพยายามขืนตัวออกจากผม พร้อมกับหันมาเผชิญหน้า แต่ผมก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรกับเค้า เป้าหมายต่อไปของผมคือริมฝีปากอิ่มนั่น แต่ผมถูกหยุดด้วยแรงผลักของอีกฝ่าย

“เป็นไรเนี่ย ดื่มมาเยอะเหรอ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”ผมจับข้อมือเค้ายกขึ้น พร้อมๆ กับพลิกตัวคร่อมร่างเค้าไว้

“โทษฐานที่ทำให้เราหึง”แน่นอนว่าผมไม่คิดจะอธิบายคำพูดของตัวเอง เพราะต้องรีบอาศัยจังหวะที่เค้าเผลอ เพื่อเริ่มการสำเร็จโทษคนตรงหน้าโดยไม่ปล่อยให้เค้าได้ขัดขืนอีก





TBC


มาต่อแล้ววววว

ฝากติดตามกันด้วยนะคร๊าบบบ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แบบนี้ก็น่าหึงอยู่หรอก

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ตี้ก็นะ...เฮ้อออ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เห้อออ ไม่รู้จะสงสารใครดี แต่ที่แน่ๆ ไม่สงสารคุณแว่นแน่นอน
เราว่าอรรถกับตี้ถึงจะดูเคมีไม่ตรงกัน แต่เวลาอยู่ด้วยกันก็น่ารักดี
ส่วนคุณแว่นเราไม่โอเคเลยยยยย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เกลียดอีชาร์ปเหลือเกิน  งือ
ออรถต้องหนักแน่นนะครับ  ตี้ก็อย่าหวั่นไหวนะครับ

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ดูๆไปก็น่าหวั่นใจเนาะ  บอกไม่ได้ว่าเรื่องน่าจะเป็นยังไง  แต่ลุ้นมากกกก กลัวใจตี้    :katai1:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ตัดแล้วก็ตัดให้ขาดสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด