เวลาที่ใช้ร่วมกัน..ผมถูกคนข้างตัวปลุกขึ้นมาในเช้าวันหยุดด้วยจูบ เริ่มจากที่หน้าผาก..ไล่ลงมาที่เปลือกตา..ปลายจมูก..กระทั่งมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ผมลืมตาขึ้นมามองเขา..มองแล้วส่งยิ้มไปให้ ก่อนจะซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดเขาแล้วบอกอรุณสวัสดิ์เบา ๆ
“หิวหรือยัง” ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบให้กับคำถามนั้น “งั้นนอนกอดกันต่ออีกหน่อยแล้วกัน”
ผมหัวเราะในลำคอ ก่อนจะค่อย ๆ ปิดตาลงอีกครั้ง “อีกสักสิบนาทีก็แล้วกัน”
“อืม..”
“วันนี้ไปขับรถเล่นกันดีไหม” มีนดันตัวผมออก แล้วมองด้วยสีหน้าแปลกใจ “ทำไม ?”
“ชวนเราไปเที่ยวนี่ไม่น่าแปลกใจเหรอ”
ผมขยี้ตา ก่อนจะดันตัวขึ้นมานั่ง “ก็มีนเคยบอกว่าอยากไปเที่ยวด้วยกันสองคน เราเห็นว่าวันนี้ว่างก็เลยชวน”
“...”
“ไม่อยากไปเหรอ”
เขาส่ายหน้า ขณะลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ ผม “ความจริงพาน้องไปด้วยก็ได้ ไม่ได้อยากไปแค่สองคนจริง ๆ หรอก”
“วันนี้น้องมีเรียนเปียโน”
“อืม..งั้นเดี๋ยวเราไปเตรียมแซนวิช..”
“ออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน” ผมพูดขัดขึ้นมา “ขับรถไปเรื่อย ๆ หิวตอนไหนก็แวะกินตอนนั้น”
เขายิ้ม ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาเพื่อจูบผม “ไปอาบน้ำกัน”
เราขับรถออกจากบ้านกันตอนเกือบจะเก้าโมง ขับออกมาได้ไม่นานผมก็หยิบโหลคุกกี้ที่แม่บังคับใส่มือมาเปิดแล้วป้อนเขา ก่อนจะหยิบใส่ปากให้ตัวเองกินบ้าง “เนยถั่วเหรอ”
ผมพยักหน้า “แม่ทำเอาไว้เมื่อวาน”
“อร่อยเหมือนเดิม”
ผมยิ้มให้เขา ในขณะที่มือก็คอยหยิบป้อนเขาไปเรื่อย ๆ “แวะซื้อกาแฟกันหน่อยไหม จะได้กินกับคุกกี้ให้เป็นมื้อเช้าไปเลย”
“ตามบัญชาครับ”
จากที่ตั้งใจว่าจะซื้อกาแฟ กลายเป็นว่าเรากลับสั่งชอกโกแลตร้อนกันมาคนละแก้ว ผมผลัดมาเป็นฝ่ายขับรถหลังจากออกจากร้านกาแฟ มีนเลยต้องเปลี่ยนหน้าที่ตัวเองไปเป็นคนป้อนขนมแทนผม เรากินกันไปคุยกันไป กระทั่งเริ่มขับรถพ้นจากตัวเมืองแล้วผมเลยปิดแอร์แล้วกดเปิดกระจกรถเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกแทน
“ข้าวกำลังออกรวงสวยได้ที่เลย” ผมชะลอรถ มองออกไปที่ทุ่งนาด้านนอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ลงไปถ่ายรูปกันไหม”
ผมส่ายหน้า ก่อนจะตอบกลับเขาไป “เก็บไว้ในความทรงจำอย่างเดียวก็พอ”
“เผื่อน้องบัวอยากจะดูด้วยไง”
ผมหันกลับไปยิ้มให้เขา “ไว้ค่อยพามาดูด้วยตัวเองดีกว่า”
“นั่นสินะ” แล้วเขาก็หรี่ตามองผม “แบบนี้หมายถึงจะชวนมาด้วยกันอีกใช่ไหม”
ผมหัวเราะ ก่อนจะเบนหน้าหลบสายตาเขา “ไม่งั้นจะให้เราชวนใครมาละ”
เขาเองก็หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ไว้มาดูด้วยกันอีกนะ”
เราเริ่มเดินทางต่อ..ขับรถกันไปเรื่อยจนมาเจอร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมทาง ตัวร้านสร้างด้วยไม้ไผ่..หลังคามุงด้วยจาก ผมอมยิ้มมองบรรยากาศรอบ ๆ ที่เต็มไปด้วยทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา นึกแปลกใจไม่น้อยที่ยังมีคนมาตั้งร้านอาหารอยู่ในที่แบบนี้ จนแม่ค้าเอาแก้วน้ำอลูมิเนียมที่ใส่น้ำเย็น ๆ ผสมอุทัยทิพย์มาวางให้ถึงได้สติแล้วหันกลับมาสนใจแผ่นกระดาษเมนูเคลือบพลาสติกตรงหน้า
“ไก่ทอดน้ำปลา แปะซะปลากระพง ปลาช่อนลุยสวน แล้วก็ต้มยำกระดูกหมู” ผมเหลือบมองคนสั่ง ก่อนจะก้มลงมามองเมนูในมือตัวเองอีกครั้ง “เอาแกงป่าปลาดุกเพิ่มอีกอย่างครับ เบลล์จะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม”
“โค้ก” เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น “ยังไม่เอาแล้วกันครับ”
“มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
ผมยิ้มให้เขา ก่อนจะเอ่ยปากพูด “เรารู้ว่ามีนเป็นห่วง”
“ไว้สั่งไปกินบนรถหลังจากอิ่มแล้วก็ได้”
“คุณหมอยอมใจอ่อนแล้ว..”
“อย่างกับเราเคยไปขัดใจอะไรเบลล์ได้”
ผมหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ นั่งมองนู้นนี่ไปเรื่อยเปื่อยระหว่างรอ ก่อนจะหันไปขอบคุณแม่ค้าที่ทยอยเอาอาหารมาวางให้ที่โต๊ะ แล้วลงมือกินทันที รสชาติอาหารถูกปากผมมากพอสมควร และนั่นทำให้ผมหายข้องใจที่ร้านยังสามารถเปิดอยู่ได้ทั้งที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากเขตชุมชนมากขนาดนี้ พอมองดูมีนเองก็มีทีท่าพออกพอใจในรสชาติอาหารเช่นกัน
“อร่อย”
เขาบอกอย่างนั้น ตอนตักเนื้อปลาที่แกะก้างออกแล้วเรียบร้อยมาวางให้ ผมเลยยิ้มให้เขา..เอ่ยปากบอกขอบคุณไปเบา ๆ ก่อนจะตอบแทนด้วยการตักกระดูกหมูอ่อนใส่จานเขาคืนไปบ้าง เรานั่งกินข้าวกันไป..คุยกันไปอย่างนั้นจนกระทั่งอิ่มจึงเรียกแม่ค้ามาคิดเงิน แต่ผมก็ไม่ได้สั่งน้ำอัดลมกลับมากินบนรถอย่างที่คิดเอาไว้ในตอนแรก
มีนอาสากลับมาทำหน้าที่เป็นคนขับ ผมเลยได้ย้ายกลับมานั่งมองวิวข้างทางไปเงียบ ๆ อีกครั้ง เราขับรถเล่นกันไปเรื่อยจนฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีกลายเป็นสีส้มจาง ๆ ถึงได้เริ่มมองหาร้านอาหารเพื่อกินมื้อเย็นกันอีกครั้ง
“ในนี้บอกว่าขับไปอีกสองกิโลจะเจอรีสอร์ท” ผมบอกเขาเมื่อดูออกแล้วว่าตอนนี้เราอยู่กันตรงส่วนไหนในแผนที่ “มีร้านอาหาร..ที่พัก..ค้างที่นี่กันก่อนแล้วกันคืนนี้”
เขาหันมามองผม ก่อนจะเอ่ยปากถาม “มีเสื้อผ้าเปลี่ยนหรือไง”
“ไม่อาบน้ำแค่วันเดียว..” ผมขมวดคิ้ว “คงไม่เป็นไรมั้ง”
ได้ยินอย่างนั้นเขาเลยหัวเราะออกมา “เราเตรียมมาให้แล้ว”
“...”
“คนละสามชุด”
“เตรียมพร้อมจัง”
“ก็คิดไว้ตั้งแต่เบลล์ชวนมาขับรถเล่น” เขาอมยิ้มขำ “ว่าคงกลับถึงบ้านไม่ทันก่อนมืดแน่ ๆ”
“...”
“แล้วก็ได้ค้างข้างนอกจริง ๆ ด้วย”
เรายกกระเป๋าเข้าไปเก็บหลังจากได้ห้องแล้ว ก่อนจะพากันเดินออกมานั่งกินข้าวเย็นที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ท บรรยากาศโดยทั่วไปดูดี ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้กลับมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีนเองก็มีท่าทีพอใจกับมัน ถึงขนาดพูดออกมาว่าอยากจะพาพ่อแม่ของพวกเรามาบ้าง
ผมชวนเขาเดินเล่นย่อยอาหารหลังจากอิ่มแล้ว มองดูต้นไม้ใบไม้ผ่านแสงไฟสลัวที่ตั้งอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของสวน หูก็คอยฟังเสียงจิ้งหรีดที่ร้องดังเหมือนกำลังบอกว่าถึงยามค่ำคืนแล้ว ผมยิ้มให้กับบรรยากาศรอบตัว ยอมให้มีนเดินจูงไปทั้งที่ปกติไม่เคย คงเพราะแถวนี้ไม่มีใครเลย หรือไม่ก็คงเพราะผมรู้สึกดีกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวในตอนนี้มากจนทำให้ลืมนึกถึงมันไป
“วันนี้เป็นวันหยุดที่ดีจริง ๆ” ผมบอกแล้วหลับตาลง ทิ้งประสาทสัมผัสทั้งหมดไปกับความรู้สึกสวยงามตรงหน้า “รู้สึกดีมาก ๆ เลย”
“อืม..” เขาลากเสียงยาว “ดีจริง ๆ ที่ได้มา”
ผมลืมตาขึ้นมองเขา ก่อนจะพูดย้ำความรู้สึกลงไป “ดีจริง ๆ ที่เราได้มาด้วยกัน”
ผมค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้งเมื่อเขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้..หลับตานิ่งกระทั่งริมฝีปากที่ทาบทับลงมาเริ่มเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น ผมจึงได้ถอยตัวออกห่าง “ตรงนี้มัน..”
“กลับห้องกัน” เขากระซิบ “นะ..”
“อืม..”
ผมค่อย ๆ หลับตาลงอีกครั้งเมื่อถูกเขาดันตัวลงจนแผ่นหลังสัมผัสกับเตียง มือที่เคยปัดป่ายไปมาทั่วตัวเขาก็เริ่มอ่อนแรงลง ผมลืมตาขึ้นมองเขา..ฟังเสียงลมหายใจหอบหนักของเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรง “เบลล์..”
“หืม..”
“ขอบคุณนะ” เขาก้มลงมาจูบผม..จูบย้ำ ๆ อยู่หลายครั้งกว่าจะเอ่ยปากพูดต่อ “ขอบคุณที่มานี่..ที่มาใช้เวลาด้วยกัน”
ผมหลุดหัวเราะ “เสียบรรยากาศจริง ๆ”
“ก็เราอยากให้เบลล์รู้”
แล้วผมก็เป็นฝ่ายจูบเขาบ้าง “เรารู้”
“...”
“ขอบคุณเหมือนกัน”
เราจ้องมองกัน..ส่งความรู้สึกผ่านสายตาไปให้กัน ก่อนจะยิ้มให้กันและกันอีกครั้ง
“เรารักเบลล์”
“เรารักมีน”
แล้วเราก็แสดงความรักนั้นออกมาเป็นการกระทำ ผมกอดเขา..ยอมรับจูบที่เขาป้อนมาให้ ก่อนจะหลับตาลงแล้วรอรับสัมผัสทุกอย่างที่เขาค่อย ๆ ทยอยส่งมา
อย่างนั้น..
ทั้งคืน..
กระทั่งเช้า..ผมวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนอนลงที่เตียงแล้วหลับตาลง ฟังเสียงมีนเดินไปเดินมาเพื่อเก็บเสื้อผ้าข้าวของในห้อง ขณะค่อย ๆ ปล่อยสติให้หลุดลอยหายไปทีละนิด ร่างกายผมรู้สึกเพลีย..ทั้งจากการเดินทางและทั้งจากกิจกรรมที่ทำมาตลอดคืน มีนเองก็คงจะรู้ ถึงได้ปล่อยให้ผมนอนพักทันทีที่มาถึงอย่างนี้โดยไม่รบกวน
“รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า” เขาใช้หลังมือแตะหน้าผากผม “เป็นอะไรให้รีบบอกนะรู้ไหม”
ผมยิ้มขณะลืมตาขึ้นมองเขา “เราโอเค”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิ” ผมยืนยัน “แค่เพลีย ๆ นิดหน่อย”
“ขอโทษนะ” สีหน้าเขาแย่ลง “เราไม่น่าเอาแต่ใจ..”
“ไม่ใช่ความผิดมีน” ผมบอกแล้วบีบมือเขา “อย่าคิดมาก”
“...”
“ลืมเรื่องนั้นไปได้แล้ว” ผมพูดช้า ๆ เพื่อย้ำให้เขาเข้าใจ “เพราะเราเองก็ลืมแล้ว”
แน่นอนว่าผมไม่ได้เก่งขนาดจะลบเรื่องราวแย่ ๆ นั้นออกไปจากความทรงจำได้ แต่ผมเลือกที่จะมองถึงต้นเหตุของการกระทำนั้น และกำจัดความรู้สึกเจ็บปวดจากมันทิ้งไป
ผมอยากให้มีนทำได้อย่างผมบ้าง จะได้ไม่ต้องมารู้สึกผิดทุกครั้งหลังจากที่เรามีอะไรกันแบบนี้
“เราขืนใจเบลล์..”
“มีนแค่เข้าใจผิด จนคุมสติตัวเองไม่ได้”
“...”
“และเรารู้ว่ามีนเป็นอย่างนั้นก็เพราะรักเรา”
“...”
“ลืมมันไปซะ” ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มเขา “เหมือนที่เราเลือกจะลืมมัน แล้วจำแค่ว่าเรารักมีน”
“ขอบคุณนะ”
ผมยิ้มให้เขา “ขอบคุณเหมือนกัน”
ขอบคุณที่เราต่างอดทนต่อกันและกัน จนสามารถกลับมาอยู่ด้วยกันได้อีกครั้งอย่างนี้..
Ma-NuD_LaW
ตอนพิเศษมาช้ามาก..เพราะงั้นจะเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าหายหัวไปไหนมา
สอบครับ..
มีวุ่นวายเรื่องไปขอใบอนุญาตฯ พิธีรับใบประกาศฯ (หาสูทตัดสูทว่าไป บลาๆๆๆ)
และ ณ ตอนนี้ ต้องอ่านสือเตรียมสอบอีกเช่นกัน
ประมาณนี้แหละครับ เลยวุ่นวายจนไม่มีเวลา
จบแล้วก็ขออนุญาตขายของ ------- PRE ORDER -------
"รั้งรัก"
ราคา 530 บาท (ความหนาประมาณ 400 หน้า)
ของแถมรอบพรีออร์เดอร์คือสมุด Schedule 1 เล่ม และโปสการ์ดลายเซ็นนักเขียน
เปิด pre-order ตั้งแต่วันนี้ - 25 เมษายน 2560 (ทยอยจัดส่งได้ช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม)
ตอนพิเศษ
1.วันที่ฝนตก
2.เวลาที่ใช้ร่วมกัน (ลงเว็บ)
3.หวง
4.ใกล้
5.ทฤษฎีความรัก
6.น้ำพุร้อน
7.คนที่น่าดูแล ---มีน
8.ไปจนแก่เฒ่า
พิเศษของพิเศษ (แถมพาร์ทเล็ก ๆ)
1.รีสตาร์ท ---มีน
2.ชอบที่เป็นอยู่
3.ความเข้าใจ และการยอมรับ ---มีน
ไม่ค่อยพิเศษ (บังคับแถม)
1.อีกด้านของเรื่องราว ---บิ๊ก
รายละเอียดการสั่งซื้อ จิ้ม >>>>
http://haiihouse.lnwshop.com/product/15/pre-orderรั้งรัก
สอบถามเพิ่มเติม (เพจ สนพ.) >>>>
https://www.facebook.com/haiihouse/ปล.เพจนักเขียนด้านล่างเลยครับ (คนเขียนตอบช้าหน่อย..แต่มีน้องเข้ามาช่วยตอบอีกคนนึงนะครับ แอดมิน JJ คนนี้ไว+คุยได้ทุกเรื่องครับ 55)