จันทร์จ้าว
ตอนพิเศษ เกลอใหม่
...........................
หม่อมหลวงพงศ์ภราธร ฉัตราภาสก้าวเท้าเข้ามาในสโมสรเทนนิสอย่างเร็ว เสียงหวดลูกดังก้องไม่รู้มาจากคอร์ดไหน แต่ที่ดังถี่เพราะคู่ตีโต้ฝีมือสูสี ก็เห็นจะเป็นคอร์ดกลางสนาม
ฝั่งหนึ่งของตาข่ายขึงคั่นกลางคือจันทร์จ้าวเพื่อนรักของเขา ผู้ซึ่งหม่อมหลวงพงศ์ภราธรทราบดีว่าฝีมือดีเพียงใด ส่วนอีกฝั่ง...ควรจะเป็นภวัต นายแพทย์หนุ่มผู้ตีเทนนิสได้เก่งกาจ ทว่า...ไม่ใช่
ราชนิกูลหนุ่มถอนฉุนทีหนึ่ง ก่อนจะรีบสาวเท้าให้ไวกว่าเดิม ทันเห็นจันทร์จ้าวหวดไม้ตบลูกลงเส้นของอีกฝั่ง กระเด้งกระดอนออกไปเป็นอันจบเกมส์ สองฝั่งต่างพากันยิ้มแย้ม แต่ที่ยิ้มกว้างเป็นพิเศษคือจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ อนุมานได้ว่าเจ้าตัวคงเป็นฝ่ายชนะ
คนพ่ายแพ้แทนที่จะหน้าตาเศร้าหมอง กลับยิ้มร่าแล้ววิ่งมาจับมือผู้ชนะ
“ฝีมือคุณจันทร์นี่เยี่ยมจริงๆ ผมไม่ได้เล่นเทนนิสสนุกอย่างนี้มานานแล้ว!”
“คุณก็ไม่เลวเลย” จันทร์จ้าวตอบ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเพื่อนรักยืนกอดอกหน้าบึ้งตึงอยู่ริมสนาม
“คุณพงศ์มาแล้ว ผมต้องไปตีกับคุณพงศ์ล่ะ นัดไว้ว่าวันนี้ถ้าไม่รู้แพ้รู้ชนะ จะไม่กลับบ้าน” พูดพลางยิ้มร่า ดูเจ้าตัวจะไม่เหน็ดเหนื่อยเสียเท่าไรกับการตีโต้เมื่อครู่นี้เลย แม้เหงื่อจะชุ่มเสื้อแล้วก็ตาม
“ตามสบายครับ ผมเองก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน แล้วไว้เรามาตีด้วยกันใหม่”
“แน่นอน”
ชายหนุ่มผิวดำแดงผู้เป็นคู่ตีโต้หน้าใหม่ของจันทร์จ้าวหันไปค้อมศีรษะทักทายและขอตัวกับราชนิกูลหนุ่มที่ยืนอยู่ริมคอร์ด จากนั้นจึงก้าวเท้าจากไป จันทร์จ้าววิ่งเหยาะมาหา ทว่าไม่ทันเอ่ยปาก หม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้ไม่ทราบว่าไปกินรังแตนที่ใดมาก็พูดขึ้นเสียงเขียว
“แกรู้จักนายมงคลด้วยรึ?!”
นายมงคลที่ว่าคือหน้าใหม่ของสโมสรเทนนิสแห่งนี้ แต่นับตั้งแต่โผล่มาที่นี่ก็ดูจะผูกขาดหน้าเก่าอย่างจันทร์จ้าวเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด
“คุณพงศ์ก็รู้จักคุณมงคลด้วย?”
“นักเรียนสิงคโปร์ ลูกเจ้าของโรงงานสบู่”
“ดีจริง ไว้ผมขอสบู่เธอมาใช้บ้าง”
“จะไปขอเธอทำไม แกขอคุณหมอซี!”
“ทำไมผมต้องไปขอหมอด้วยเล่า คุณพงศ์นี่แปลก จะให้ไปขอสบู่จากหมอ”
หม่อมหลวงพงศ์ภราธรรู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นคนฉลาด อย่างน้อยก็มีดีกรีนักเรียนทุนอเมริกันห้อยท้าย ทว่าเวลาอย่างนี้เจ้าตัวกลับโง่ได้น่าเขกกระหม่อมนัก
เถอะ! เขกตอนนี้เห็นทีจะไม่ได้คุยกันต่อ!
ราชนิกูลหนุ่มแห่งวังฉัตรพยายามทำใจเย็น แล้วถามต่อ
“แล้วคุณหมอไปไหน” ดวงตากลมใหญ่กะพริบปริบๆ ที่จู่ๆก็ถูกถามถึงหมอภวัต
“อยู่โรงพยาบาล ช่วงนี้คนไข้แยะ”
และเพราะว่าคนไข้แยะ จึงไม่ได้ติดสอยห้อยตามมาตีเทนนิสกับจันทร์จ้าวเหมือนเคย ผลเลยออกมาเป็นเช่นที่เห็นตำตาอยู่อย่างนี้ คือจันทร์จ้าวมีเพื่อนตีเทนนิสคนใหม่ ดูแล้วน่าจะถูกใจเจ้าตัวพอดู
“แล้วทำไมแกไม่ไปหาคุณหมอ”
“ไปทำไม หมอต้องทำงาน ผมไปก็นั่งแกร่ว เบื่อแย่”
“ก็เลยดอดมาตีเทนนิสกับนายมงคลอย่างนั้นรึ?!”
เป็นอีกหนที่จันทร์จ้าวกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเปรย
“ดูเหมือนคุณพงศ์จะไม่ชอบคุณมงคลเอาเสียเลย”
คนถูกจับพิรุธได้ไม่คิดปิดบัง ถอนฉุนเสียทีหนึ่งก่อนจะสาธยาย
“ไม่ใช่กันไม่ชอบ แต่เพราะแกสนิทสนมกับนายมงคลง่ายและเร็วเกินไป กันไม่ได้มาที่นี่นับเดือน แต่เรื่องที่แกสนิทกับนายมงคลยังรู้ถึงหู แล้วแกคิดว่าเรื่องนี้จะไม่รู้ถึงหูคุณหมอรึ?!”
“รู้แล้วอย่างไร?” คนฉลาดย้อนถามตาใส หม่อมหลวงพงศ์ภราธรอ้าปากพะงาบหน้าตาเลิกลักลำบากใจที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ก่อนที่จะทันได้หาวิธีเตือนสติเพื่อนรัก จันทร์จ้าวก็หัวเราะร่าออกมาเสียก่อน
“แกหัวเราะอะไร?!”
“หัวเราะคุณพงศ์น่ะซี หึงแทนหมอก็ได้ด้วยหรือ”
“กันไม่ได้!...” หม่อมอหลวงพงศ์ภราธรพูดไม่ออก คำนั้นกับเพื่อนนิสัยพรรค์นี้ ไม่คู่ควรกันเสียเลย
“คุณพงศ์ไม่ต้องกังวลไป หมอไม่คิดอะไรไร้สาระอย่างนั้นหรอก” เจ้าของลักยิ้มทที่แก้มซ้ายพูดพลางกลั้วหัวเราะ ไม่ได้คิดว่าความสนิทสนมของตนที่มีต่อคู่ตีเทนนิสอย่างนายมงคลจะเป็นเรื่องใหญ่โตแต่ประการใด
“พูดไป! เรื่องอย่างนี้น่ะไม่เข้าใครออกใคร!”
ดวงตากลมใหญ่หรี่มองคนพูดอย่างจับผิด
“มิน่า เข้าคุณพงศ์แล้วไม่ออกเสียที มัวแต่หึงผมอยู่ร่ำไป จะได้แต่งงานเมื่อไร” ถูกหยอกทั้งๆที่เป็นกังวลกับเรื่องของเจ้าตัว ก็ทำเอาหม่อมหลวงพงศ์ภราธรนึกเข่นเขี้ยวเพื่อนรักหนักข้อ
“ทำเป็นพูดดี! ระวังไว้เถอะจันทร์ เรื่องของแกกับนายมงคลจะทำให้แกเดือดร้อน!” เขาพูดเสียงเคร่ง ทว่าจันทร์จ้าวโบกไม้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แล้ววิ่งเหยาะกลับลงไปในคอร์ด แต่ไม่วายหันกลับมาตะโกนเร่ง
“จับไม้แล้วลงมาเสียทีคุณพงศ์ วันนี้ผมจะชนะทุกเซ็ตให้ดู”
หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองคนมากเสน่ห์ซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจของคนทั้งเมืองแล้วได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้หมอภวัตทำบาปกรรมอะไรมาแต่ชาติภพที่แล้ว ชาตินี้ถึงได้คู่ครองที่ ‘ดูแล’ ยากเหลือเกิน!
…………………………………..
โรงพยาบาลในช่วงนี้มีคนไข้จำนวนมาก โดยเฉพาะคนไข้อาการหนัก หลายรายรักษาหายแล้วหรือรักษาไม่ได้แล้ว ก็มีรายใหม่มาเพิ่ม ในแต่ละวันของหมอภวัตจึงอยู่แค่โรงพยาบาลและบ้านพัก ไม่ได้ออกไปไหนมานานนับเดือน แต่กระนั้น...ทุกๆวัน ก็ยังมีใครบางคนแวะมาหา...พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เห็นลักยิ้มแก้มซ้าย
พอคิดถึงคนผู้นั้นที่ทำให้หัวใจอิ่มเอิบ แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากภาระหน้าที่ แต่กระนั้นหมอภวัตก็ยิ้มออก
นางพยาบาลสมฤดีวางแฟ้มคนไข้ลงตรงหน้านายแพทย์หนุ่มที่กำลังยิ้มจาง หล่อนเลิกคิ้วเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าคนทำงานหนักอย่างเขายังมีสีหน้าสุขใจอย่างนี้ได้
“สมกับเป็นคุณหมอ คนไข้แยะอย่างนี้ก็ยังยิ้มออก” คนถูกทักเหมือนเพิ่งรู้ตัว แต่รอยยิ้มของเขาไม่ใช่เรื่องปกปิด จึงส่งยิ้มจางให้หล่อนด้วย
“แค่กำลังคิดเรื่องสนุกน่ะครับ”
สมฤดีชะงักไปเล็กน้อย หมู่นี้หมอภวัตไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลไปไหนเลย แม้แต่เรื่องสนุกอย่างเทนนิสที่หล่อนเคยเห็นเขาไปตีออกบ่อยก็ไม่ได้ไป จะยิ้มแต่ละทีจึงต้องใช้วิธี ‘คิด’
“คุณหมอน่าจะหาเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ อย่างออกไปตีเทนนิสอย่างนี้” หล่อนเอ่ยอย่างเป็นห่วง แล้วพอพูดถึงเรื่องเทนนิส ก็หวนคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่คลั่งไคล้กีฬาชนิดนี้ไม่ต่างกัน เสียแต่ว่าใครคนนั้นดูจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ ไปตีเทนนิสบ่อยจนมีข่าวคราวลอยมาถึงหูหล่อน
“คุณหมอคงไม่ทราบว่าเวลานี้คุณจันทร์เธอมีเพื่อนตีเทนนิสคนใหม่แล้วนะคะ”
หมอภวัตชะงัก รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงเล็กน้อย แต่กระนั้นเขาก็ยังมีอาการนิ่งสงบ
“เพื่อนตีเทนนิสคนใหม่หรือครับ”
ช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะยุ่งเสียเพียงใดแต่จันทร์จ้าวก็แวะมาหาทุกวัน เจ้าตัวเป็นคนช่างพูดจึงบอกเล่าเรื่องต่างๆในแต่ละวันให้เขาฟัง เช่น วันนี้เรย์มอนด์ อดัมส์ขอให้นภาสรวงทำอาหารไทยที่เผ็ดที่สุดให้ทาน ผลกลายเป็นว่าท้องเสียนอนซมอยู่ที่บ้าน หรือ วันนี้ไปตีเทนนิส จับคู่กับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรตีโต้กับนายวินิตและใครสักคนในสโมสรที่ฝีมือแย่บรม จนนายวินิตวิ่งรับลูกแทบเป็นลม
แต่...ไม่มีเรื่องไหนเลยที่จันทร์จ้าวจะพูดถึงเพื่อนใหม่
“สามีของสมไปตีเทนนิสที่สโมสร ได้ยินคนเขาพูดกันว่าคุณจันทร์ติดใจฝีมือของคุณมงคลมากทีเดียว คุณมงคลคนนี้ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับจากสิงคโปร์ นักเรียนนอกด้วยกันทั้งคู่ก็คงจะคุยกันถูกคอ...” แม้สมฤดีจะทำงานใกล้ชิดกับหมอภวัตและเป็นเพื่อนของแฝดรักษพิพัฒน์ แต่หล่อนก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของความสัมพันธ์ระหว่างภวัตและจันทร์จ้าว แต่ที่ต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะนึกสงสารนายแพทย์หนุ่มอย่างไรชอบกล
ก่อนหน้านี้เห็นพวกเขาสนิทสนมกันเป็นอันดี แต่พอหมอภวัตติดภารกิจในโรงพยาบาลไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ถูกจันทร์จ้าวทิ้งไปมีเพื่อนคนใหม่เสียแล้ว
“คุณหมอมัวแต่ทำงาน จะถูกคุณจันทร์ลดลำดับขั้นจากคู่ตีโต้อันดับหนึ่งแล้วเห็นไหมล่ะคะ” สมฤดีเปรย ทว่าความสงสารของหล่อนดูจะไม่เข้าไปในจิตใจของภวัตเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาอยากรู้ในเวลานี้กำลังดึงความสนใจทั้งหมด
“คุณมงคลที่ว่า...สนิทกับคุณจันทร์มากหรือครับ”
“เห็นว่าจับคู่ตีโต้กันบ่อยๆค่ะ” หัวใจของภวัตเหมือนมีกองไฟถูกจุดพรึ่บ มันร้อนสุมจนแทบนั่งไม่ติด
“คุณหมอต้องหาเวลากลับไปทวงตำแหน่งคืนบ้างนะคะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คุณจันทร์เป็นได้ใหม่ลืมเก่าแน่” หล่อนไม่อยากให้เขาเสียเพื่อนตีเทนนิสไปเพราะงานในโรงพยาบาล แต่สิ่งหนึ่งที่สมฤดีไม่มีวันรู้ คือคำพูดของหล่อนยิ่งทำให้ภวัตอื้ออึงไปหมดทั้งหัวใจ
เย็นวันนั้น แม้ว่าจะยุ่งปานใด แต่นายแพทย์ภวัตก็หาทางฝากฝังงานของตนให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นช่วยดูแล ก่อนจะขับรถยนต์ออกจากโรงพยาบาลตรงดิ่งไปที่สโมสรเทนนิสในทันที
สโมสรเทนนิสยามเย็นนั้นมีผู้คนแน่นขนัดเพราะเป็นช่วงเวลาแดดร่มลมตก ไม่ร้อนและยังสว่างพอจะมองเห็นลูก ภวัตมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่มาด้วยหัวใจหนักอึ้งถึงเพียงนี้
เขาก้าวเท้าเข้าไปในสโมสร ดูเหมือนจะเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ในชุดซึ่งไม่พร้อมกับการลงคอร์ดแต่อย่างใด แต่จะอย่างไรก็ตาม วันนี้เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะตีเทนนิส
ถ้าเรื่องที่ได้ยินทำให้หัวใจถูกสุมด้วยกองเพลิง เขาก็อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าเรื่องนั้นเป็นจริงมากน้อยเพียงใด
แม้ว่าสิ่งที่เห็น...อาจจะยิ่งทำให้หัวใจร้อนผ่าวมากกว่าเดิมก็ตามที
ดวงตาคมจับจ้องร่างสูงสมส่วนของคนคุ้นตาที่กำลังวิ่งอยู่ในสนาม แม้เห็นแต่ไกล เขาก็จำได้ดีว่าคนที่กระฉับกระเฉงและมีฝีมือตีเทนนิสไม่เป็นสองรองใครในสโมสรนี้คือจันทร์จ้าว รักษพิพัฒน์ ส่วน...อีกฝั่งของคอร์ด...
แม้ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา แต่หัวใจของเขาตะโกนก้องว่าคนที่กำลังตีโต้กับ ‘คู่รักของเขา’ อย่างสนุกคือนายมงคล เพื่อนใหม่ที่มาแทนที่เขา
ภวัตได้แต่เม้มปากแน่น แล้วก้าวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่ทันที่จะได้พูดหรือทำอะไร เสียงทักของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ดังขึ้น
“อ้าว คุณหมอ” นายแพทย์หนุ่มหันไปมอง แต่เขาไม่ทันตอบ หางตาก็เห็นร่างของใครบางคนในคอร์ดเอียงวูบก่อนจะล้มลงกระแทกกับพื้นดังพลั่ก!
ภวัต หม่อมหลวงพงศ์ภราธรและผู้คนรอบสนามหันมองไปที่ต้นเสียงทันที
“จันทร์/คุณจันทร์!” ราชนิกูลหนุ่มและคู่ตีโต้ของจันทร์จ้าวร้องลั่นพร้อมกัน ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่นั่งหน้าเหยเกอยู่บนพื้น
“คุณจันทร์! เป็นอย่างไรบ้างครับ ขอผมดูหน่อย”
แม้จะอยู่อีกฝั่งของสนาม แต่นายมงคลนั้นคล่องแคล่วว่องไว เพียงปราดเดียวก็มาถึงตัวคนที่ลงไปนั่งกับพื้นแล้ว ทว่าแม้จะไวเพียงใด ก่อนที่มือของเขาจะทันได้แตะต้องจันทร์จ้าว เสียงทุ้มดุก็ดังขึ้นเบื้องหลัง
“ไม่ต้อง!”
นายมงคลชะงักกึก ไม่ทันหันไปมอง เจ้าของเสียงก็สืบเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“กรุณาหลีกด้วย ผมเป็นหมอ”
นายมงคลกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตั้งสติได้ก็รีบถอยห่างอย่างว่องไว
“คุณหมอหรือ? เชิญครับๆ” เขาถอยออกไปยืนอยู่ข้างราชนิกูลหนุ่ม ปล่อยให้คนที่ออกตัวว่าเป็นหมอทรุดตัวลงนั่งยองข้างจันทร์จ้าว
ภวัตสบตาคนเจ็บเพียงวูบเดียว ก่อนหันไปจับจ้องข้อเท้าสองข้างที่น่าจะเป็นต้นเหตุ
“ข้างไหนครับ”
“ข...ขวา...ม...หมอ! โอ๊ย! เจ็บ...” ตอบได้เพียงเท่านั้นก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่จับเข้าที่ข้อเท้าข้างขวา ดูเหมือนคนเป็นหมอจะไม่ได้สนใจเสียงร้องเท่าไรนัก พอลองขยับเล็กน้อยแล้วก็หันไปทางผู้ชม
นอกจากกลุ่มคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแต่ประการใดแล้ว ก็มีหม่อมหลวงพงศ์ภราธร นายวินิต และนายมงคล
ทั้งหมดล้วนมองมาด้วยความห่วงใยคนเจ็บและพร้อมให้ความช่วยเหลือหากแค่เพียงหมอภวัตเอ่ยปาก
แน่นอน...นายแพทย์หนุ่มมองข้ามกลุ่มคนที่เขาไม่รู้จักและนายมงคลอย่างสิ้นเชิง
“คุณวินิต รบกวนไปขอกระเป๋ายาให้ผมที”
นายวินิตรับคำแล้วรีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว หมอภวัตจึงหันกลับมาที่จันทร์จ้าวที่ยังนั่งหน้าซีดเซียวปวดหนึบกับข้อเท้าของตนเอง
“ลุกไหวไหมครับ ไปนั่งที่เก้าอี้ ผมจะทายาแล้วพันผ้าให้” เห็นสีหน้าของคู่รักแล้ว แม้จะหงุดหงิดกับความสนิทสนมของจันทร์จ้าวและเกลอใหม่เพียงใด แต่ก็ทำใจแข็งไม่ลง
คนถูกถามพยักหน้ารับเล็กน้อย แต่เมื่อหมอภวัตพยุงแขนข้างหนึ่งของเขาเพื่อให้ลุกขึ้นยืน นายมงคลก็ปราดเข้ามาพยุงอีกข้าง
“มาครับ ผมช่วย”
นายแพทย์หนุ่มมองผ่านจันทร์จ้าวไปยังคนแสดงน้ำใจ ทว่าเป็นน้ำใจที่ทำให้ขวางหูขวางตาจนต้องถอนฉุนเสียทีหนึ่ง แล้วไม่พูดอะไรอีกเลย
……………………………
นายวินิตไปขอกระเป๋ายากลับมาแล้ว คนที่ออกตัวว่าเป็นหมอก็ลงมือทายา พันผ้าให้เรียบร้อย เวลานี้คนที่สนใจเหตุการณ์เมื่อครู่พากันสลายตัวไปหมด จะเหลือก็แต่ ‘คนกันเอง’
“เป็นอย่างไรบ้างจันทร์ เจ็บไหม” ราชนิกูลหนุ่มเอ่ยถามด้วยความเห็นห่วง
“เจ็บน่ะซี!...เอ่อ...ม...ไม่...แต่ก็ไม่เจ็บเท่าเมื่อครู่นี้แล้ว...”
เพราะหมอภวัตยังคงยืนอยู่เบื้องหน้า จากที่ว่าจะบ่นกระปอดกระแปด เลยต้องเลี่ยงคำไปแทน
ขืนบ่นเรื่องเจ็บเรื่องปวดต่อหน้าหมอ เดี๋ยวก็ได้โดนดุอีกชุดใหญ่
“ผมต้องขอตัวคุณจันทร์ก่อน คงเล่นไม่ได้แล้ว” นายแพทย์หนุ่มหันไปกล่าวกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธร แม้ว่าคู่ที่เล่นกับจันทร์จ้าวคนสุดท้ายจะเป็นนายมงคล
จะกล่าวหาว่าหมอภวัตกลายเป็นคนอิจฉาริษยาก็ได้ แต่เขาจงใจละเลยและไม่ให้ความสำคัญกับหนุ่มนักเรียนนอกสิงคโปร์ผู้นั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ในวงด้วยก็ตามที
“ตามสบายเลยครับคุณหมอ”
“ขอตัวก่อนนะครับ” หมอภวัตกล่าว แต่คราวนี้จะพูดกับเพียงราชนิกูลหนุ่มและนายวินิตไม่ได้แล้ว ในเมื่อนายมงคลก็ยังคงยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ในกลุ่มด้วย เขาค้อมศีรษะให้ทุกคน และ...คนสุดท้ายคือนายมงคล
“ฝากดูแลคุณจันทร์ด้วยนะครับ คุณหมอ”
นายมงคลดูจะไม่ได้รู้ตัวสักนิด เขายังคงมีความห่วงใยต่อจันทร์จ้าวอย่างเต็มเปี่ยมเลยฝากฝังเอากับคนที่ออกตัวว่าเป็นหมอ ทว่า...นี่เป็นอีกครั้งที่ขัดหูคนสุขุมอย่างภวัตเหลือเกิน
นายแพทย์หนุ่มไม่ตอบกระไร แต่เลือกจะหันไปพยุงจันทร์จ้าวให้ลุกขึ้นยืน
“ไปก่อนนะ คุณพงศ์ คุณวินิต คุณมงคล” คนเจ็บล่ำลา
๒ คนแรกนั้นเพียงพยักหน้ารับ ทว่าคนที่ ๓ กลับทิ้งท้ายเป็นประโยค
“หายไวๆล่ะคุณจันทร์ แล้วไว้เรามาเล่นกันใหม่”
จันทร์จ้าวได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึกจากคนข้างกาย แล้ววินาทีต่อมาร่างของเขาก็ลอยหวือตามการลากของหมอภวัตออกจากสโมสรไปอย่างรวดเร็ว
หม่อมหลวงพงศ์ภราธรและนายวินิตมองตาม ก่อนที่นายวินิตจะหันมาพูดกับเขา
“คุณหมอเธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดีนะคุณพงศ์ สงสัยจะทำงานหนัก”
ราชนิกูลหนุ่มพูดไม่ออก ได้แต่เถียงนายวินิตในใจ
…ทำงานหนักที่ไหนเล่า จันทร์จ้าวก่อเรื่องหนักสิไม่ว่า!...
………………………..