เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 15
ประตูรั้วที่เปิดออกอัตโนมัติ ผมขับรถเคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของบ้าน ล็อครถเรียบร้อยก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน หันมองไปรอบๆเพื่อหาเจ้าของบ้านสองคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน
“ คุณภาพ กลับมาบ้านเหรอคะ " เสียงของอดีตพี่เลี้ยงของผมเอ่ยทักด้วยความตกใจเล็กน้อย ผมยกมือไหว้เธอ
“ พี่แก้วสวัสดีครับ "
“ สวัสดีค่ะ " เธอพยักหน้ารับ " มาหาคุณพ่อคุณแม่เหรอคะ "
“ ครับผม "
“ อยู่ในห้องนั่งเล่นนะคะ กำลังดูข่าวกันอยู่ " เธอบอกก่อนจะชี้ไปทางห้องนั่งเล่นของบ้าน พยักหน้ารับคำก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องนั้น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเลื่อนประตูเปิดเข้าไป แอร์เย็นๆก็พัดเข้าใส่หน้า
“ สวัสดีคร๊าบบบบ " เอ่ยทักทั้งพ่อแล้วก็แม่ที่ก็หันมามองที่ประตูพร้อมกัน ยิ้มกว้างให้ทั้งสองคนที่พอเห็นผม พ่อก็หันกลับไปมองทีวีต่อส่วนแม่ก็กางมือออกมาเหมือนชวนให้เข้าไปให้กอดอย่างทุกครั้ง " ม๊าาา คิดถึง " ลากเสียงยาวๆตอนที่กอดเธอไว้แม่ก็ก้มลงมาหอมแก้ม
“ คิดถึงจังเลย หายหน้าหายตาไปเลยนะเราน่ะ "
“ ก็เพราะว่ามันมีเงินไง ถ้ามันไม่เดือดร้อน มันก็ไม่มาหรอก " พ่อว่าทั้งๆที่ตาก็กำลังมองทีวีอยู่
พ่อของผมเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่เหมือนกับผม เราตัวเท่าๆกัน แต่ถ้าถามถึงนิสัยว่าเหมือนมั้ย ผมรู้สึกว่าไม่เหมือนเลยสักนิด แต่ม๊าก็บอกว่าเหมือนกัน เพราะเหมือนกันก็เข้ากันไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่
ถ้าถามว่าดุมั้ยก็คงไม่จะไม่เท่าไหร่หรอก แค่เป็นคนที่มีกฎกระเบียบในแบบของเค้าเอง ผมจะทำอะไรก็ได้แค่ห้ามไปล้ำเส้นกฏนั้นของเค้า อย่างตอนม.ต้นที่สูบบุหรี่ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ให้สูบหรอก แต่เค้ามองว่า ยังเด็กเกินไปที่จะลองของแบบนี้ตังหาก ตอนนั้นก็เลยโดนจัดการไป ตบด้วยฝ่ามือเน้นๆ ทีเดียว แล้วหลังจากนั้นจำได้เลยว่า ไม่ได้แตะบุหรี่อีกเลยจนเข้ามหาลัยที่ก็สูบบ้าง แต่ก็ไม่ติดอะไร
“ เพราะป๊าพูดแบบนี้แหละ ลูกก็เลยไม่ค่อยกลับบ้าน " แม่บอกก่อนจะยิ้มให้ผม " แล้วภาพกลับบมาคนเดียวเหรอ ขมละ "
“ ขมก็กลับมาเหมือนกัน แต่ผมส่งมันที่บ้านมันแล้วครับ " แม่พยักหน้ารับ ผมก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด " ม๊า ป๊า ภาพมีเรื่องจะพูดด้วย "
“ เห็นมั้ย ยังไงถ้ามันมามันก็ต้องมีเรื่องแหละ " พ่อบอก ตอนที่แม่ผมนิ่งไปแล้วหันไปมองเค้า " เรื่องอะไร พูดออกมาเลย "
“ ช่วยปิดทีวีแล้วหันมาฟังภาพก่อนได้มั้ย " อยากให้เค้าตั้งใจฟัง หันหน้ามาคุยกันดีๆเพราะมันเป็นเรื่องสำคัญแต่ทว่าดูเหมือนว่าพ่อ จะไม่ได้คิดว่า เรื่องของผมมันสำคัญอะไรมากมายเท่าไหร่ เค้าคงคิดว่าเหมือนทุกทีที่ผมจะมาแค่ของเงินเพิ่มแล้วก็กลับไป " ภาพทำผู้หญิงท้อง "
ทุกอย่างในตอนนั้นดูเงียบลงไปถนัดตาทั้งๆที่มีทีวีเปิดอยู่แต่มันกลับเงียบไปหมด แววตาของแม่ที่เคยยิ้มแย้มเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดมือที่กอดผมไว้ค่อยๆคลายออก เหมือนเธอกำลังช็อคในสิ่งที่ผมพูด ทีวีถูกปิดลง ในวินาทีต่อจากนั้นพ่อก็หันมาถามเสียงเบาๆเหมือนเค้าเองก็ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่เหมือนกัน
“ อะไรนะ " เค้าถามก่อนจะค่อยๆยืนขึ้น " เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ "
" ภาพทำผู้หญิงท้องป๊า "
" ภาพ.. " ม๊าเอ่ยเรียกผม เธอผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะหันไปคว้ามือพ่อผมไว้เพราะเหมือนเค้ากำลังจะเดินเข้ามาใกล้ด้วยความโกรธ " ป๊าใจเย็นก่อน "
" แกทำผู้หญิงท้อง " เค้าถามผมอีกครั้งด้วยเสียงเบาๆ
" ครับ "
“ แกทำแบบนั้นทำไม ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้ระวัง ให้ป้องกันน่ะ ห๊า! แล้วทำไมแกทำแบบนี้ แกปล่อยให้พลาดได้ยังไง แกคิดอะไรอยู่ คิดว่าเอากันมันส์ๆอย่างเดียวหรือไง แกทำลายชีวิตตัวเองยังไม่พอ ตอนนี้แกยังทำลายชีวิตของคนอื่นด้วย " ป๊าคว้าคอเสื้อของผมเข้าไปใกล้ตะโกนใส่หน้าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ ป๊าใจเย็น อย่าทำอะไรภาพ " แม่คว้ามือหนาของพ่อไว้ก่อนจะดึงให้ปล่อยคอเสื้อของผมลงแต่เหมือนอารมณ์โกรธของคนที่ได้ยินคำพูดของผม ก็ไม่มีอะไรจะทำให้อารมณ์ของเค้าเย็นลงได้ " ภาพคงไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นหรอก "
“ ไม่ได้ตั้งใจแล้วยังไง ตอนนี้มันก็เกิดชึ้นแล้วนี่ ไม่ตั้งใจเหี้ยอะไร มันต้องตั้งใจจะไม่ใส่ถุงตั้งแต่แรกแล้วละ เรื่องมันถึงออกมาเป็นแบบนี้ อย่าเรียกว่าไม่ได้ตั้งใจ ถ้าเอากันแบบไม่ใส่ถุงนั่นคือมันต้องรู้อยู่แล้วว่า อาจจะท้องแต่มันก็ยังทำ แบบนั้นจะบอกว่าไม่ตั้งใจได้ไง ไม่ใช่ว่ามันไม่ตั้งใจหรอก มันตั้งใจ !! "
" ป๊า " แม่ที่เริ่มร้องไห้แต่ก็มือที่รั้งพ่อของผมไว้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยออก เธอคงกลัว กลัวว่าพ่อจะโมโหจนลงมือรุนแรงกับผม
" หรือเพราะฉันผิดเองที่ให้อภัยมันมาตลอดเพราะคำพูดที่บอกว่าไม่ตั้งใจของมัน ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันรึเปล่า แกทำลายชีวิตของแก แกทำลายชีวิตของคนอื่น แกบอกว่า แกไม่ได้ตั้งใจแกไม่ได้ตั้งใจได้ยังไงภาพ แกตอบฉันสิ แกไม่ได้ตั้งใจได้ยังไง แกทำไปด้วยความคึกคะนอง แกคิดว่ามันมันส์ แกคิดว่าสนุก แกคิดว่าแกนับรอบเดือนผู้หญิงได้ แกคิดว่าแกเก่งแกปล่อยนอกได้ แล้วสุดท้ายพอผู้หญิงท้อง แกก็บอกว่าแกไม่ได้ตั้งใจ ฉันให้สิ่งดีๆกับแก ให้ชีวิตที่ดีกับแก ให้เงิน ให้ทุกอย่างแต่นี่คือสิ่งที่แกตอบแทนฉันเหรอภาพ นี่เหรอ แบบนี้เหรอ ห๊า!!!! ” มือที่กำเสื้อผมไว้แน่นตอนที่หันไปสบสายตาของอีกคน หัวใจของผมก็หล่นวูบไปทันที ผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นตอนนี้เค้ากำลังร้องไห้ออกมา ร้องเพราะผมทำลายชีวิตตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ที่ผมทำลายชีวิตของคนอื่น ร้องไห้เพราะลูกที่ไม่ได้เรื่องแบบผม
" ป๊า.. ภาพขอโทษ "
" ทำไมถึงไม่คิดให้ดีก่อนว่าจะทำอะไร ทำไมแกถึงทำไมแบบนี้ ”
" ป๊า "
" ทำไม ทำแบบนี้ ทำไมไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้าง " เค้าพูดเสียงเบาลงก่อนจะปล่อยมือที่กำเสื้อผมไว้ พ่อที่กำลังร้องไห้ " ทำไมวะ ฉันไม่เข้าใจแกเลย ฉันสอนแกไม่ดีเหรอภาพ ฉันบอกแกตลอดว่าให้ใส่ถุง อย่าเชื่อผู้หญิงต่อให้พูดว่าอะไร ก็ต้องใส่ถุงยาง ทำไมแกยังพลาดวะ ไม่รักตัวเองบ้างเลยเหรอ ทำไมวะภาพ แกบอกฉันสิว่าทำไม "
" ภาพขอโทษป๊า ป๊าจะตบภาพก็ได้นะ จะตีภาพก็ได้ แต่ป๊าอย่าร้องไห้เลย ภาพขอโทษป๊า ภาพขอโทษ " ผมบอกเค้าเสียงสั่น อีกคนก็ทำได้แค่ยกยิ้ม
" ตบเหรอ ? ให้ฉันตบแกเหรอ ? ตบแล้วได้อะไรขึ้นมาละ ตีแล้วได้อะไร ตีไป ตบไป แกก็เจ็บเปล่าๆ เค้าก็ท้องแล้ว ฉันก็มีหลานแล้ว ตบไปก็เท่านั้น เจ็บมือเปล่าๆ ถ้าตบแกแล้วเค้าไม่ท้อง แกไม่มีลูก ฉันคงตบไปแล้ว แต่นี่ ตบแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตบทำไม "
“ ป๊า " ผ่อนเสียงเรียกเบาๆออกมา ผมเดินเข้าไปใกล้เค้าก่อนจะยกมือขึ้นไหว้แนบกับแขนของอีกคน แล้วตอนนั้นน้ำตามันก็ไหลออกมา
ตั้งแต่เกิดมานี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผิดหวังตัวเองที่ทำแบบนี้กับพ่อแม่ รู้สึกว่าตัวเองทำให้เค้าต้องเสียใจที่สุดในชีวิตแล้วตั้งแต่มีลูกแบบผม ทั้งๆที่เค้าเองก็ให้เราทุกอย่าง ไม่เคยมีอะไรที่อยากจะได้แล้วไม่ได้ แต่นี่เหรอ คือสิ่งที่ผมตอบแทนเค้า ทั้งๆที่ยังทำให้ท่านภูมิใจไม่ได้เลย เรียนก็ยังไม่จบ แต่กลับสร้างปัญหาใหญ่ให้เค้าซะแล้ว " ภาพขอโทษ ขอโทษป๊า ขอโทษม๊า ภาพขอโทษ "
“ แกนี่นะ " คำพูดที่มาพร้อมอ้อมกอดของพ่อที่หันมากอดผมไว้ ดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นมาทันทีของผมก่อนจะร้องไห้ออกมาีกไม่มีหยุดเลย มือหนาๆของเค้าลูบหัวผมเหมือนตอนเด็กๆอย่างที่เคยทำประจำ ตอนที่สูบบุหรี่พอพ่อตบแล้วเค้าก็กอดผมไว้ แล้วก็พูด มันไม่ใช่พูดที่ยืดยาวอะไรเค้าพูดแค่สั้นๆ ' เลิกซะเถอะ มันไม่ดีนะลูก ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่นานๆรึไง ' เมื่อก่อนถ้าในพูดออกมาเป็นประโยคอธิบายผู้ชายคนนี้ พ่อในความคิดผม คือ พ่อดุ เจ้าอารมณ์ ไม่ค่อยมีเหตุผล เสียงดังเข้าว่ายังไม่ทันฟังจบก็เสียงดังโมโหตะคอกใส่ไว้ก่อน แต่พอมาตอนนี้ถ้าให้พูดถึงเค้า คงต้องพูดว่า ' พ่อรักผมมากเลยหงุดหงิดกับเรื่องของผมทุกเรื่องแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม '
“ ภาพ โถ่เอ้ย ลูก.. " แม่เรียกผมเธอที่เอื้อมมือมากอดผมไว้เช่นกัน มือบางยกขึ้นลูบหลังผมปลอบๆ ก่อนที่พ่อจะผละตัวออก เค้ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วนั่งลงที่โซฟาตัวเดิมของเค้า
“ แล้วทางนั้นเค้าเป็นลูกสาวใคร "
“ ไม่รู้อะป๊า " ผมก้มหน้าลงบอก พ่อกับแม่ก็ขมวดคิ้ว
“ ไม่รู้ ? ทำไมไม่รู้ หมายความว่าไง งง " ผ่อนลมหายใจออกมาผมนั่งลงตรงหน้าท่านทั้งสอง
“ คือเรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อเดือนก่อนอยู่ๆ เด็กคนนึงก็ถูกส่งมาให้ภาพกับขม แล้วบอกเราว่า เราเป็นพ่อของเด็ก "
“ อ้าว ไม่ใช่ลูกของภาพหรอกเหรอ " แม่ถามก่อนจะหันไปมองพ่อผมที่ก็หันมามองเธอเหมือนกัน
“ แล้วคือพอเค้าเอามาให้ ทั้งสองคนก็เชื่อว่าเป็นลูกของตัวเองจริงๆ " พ่อถาม " หึ โดนหลอกรึเปล่า "
“ ภาพไม่คิดว่าจะโดนหลอกนะ เพราะว่าเค้ามีภาพของ ภาพกับขมมายืนยันด้วย มันเป็นภาพที่ไม่ใช่ว่าจะได้จากในเฟส หรือตัดต่อ แต่เป็นภาพที่เราเคยไปที่นั่นจริงๆ แล้วเหมือนว่า มันจะเป็นภาพที่เราให้สาวที่นั่นไว้ .."
" แกจะบอกว่า เด็กถูกส่งมาให้โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กเมื่อเดือนก่อน แล้วทำไม เพิ่งมาบอกตอนนี้ " พ่อถาม
" จริงๆ ผมกับขมคิดว่าจะเลี้ยงดูกันได้เพราะอาจจะแค่สามเดือนที่เค้าอยู่ที่นี่ "
" งั้นก็คงไม่ใช่เด็กเล็ก " แม่แทรกคำถามขึ้น ผมก็พยักหน้ารับ
" สี่ขวบแล้วม๊า " เธอพยักหน้ารับ
" อีกอย่างคือ เธอให้คนมาส่งเด็กที่คอนโดเรา ให้รูปมากับเด็ก แต่กลับไม่ได้ให้เอกสารอะไรเลย เราเลยพาเค้าไปฝากเลี้ยงอะไรที่ไหนไม่ได้ เข้าโรงเรียนก็ไม่ได้ เลยต้องเลี้ยงอยู่ในคอนโด เวลาเราไปเรียนเค้าก็ต้องอยู่คนเดียว คราวนี้ก็ปัญหาก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เราเรียนหนักแต่พอกลับมาบ้านก็ต้องมาดูแลเด็กอีกซึ่งบางทีมันก็ไม่ไหว แล้วเมื่อวานเค้ากินนมเสียเข้าไป แล้วก็ปวดท้องมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล ขมมันก็เลยทนไม่ไหวแล้ว มันเลยจะขอดรอปเรียนแล้วออกมาเลี้ยงเด็ก ผม..ไม่อยากจะให้มันทำแบบนั้นก็เลยมาบอก ป๊ากับม๊าดีกว่า "
" แล้วทำไมไม่ให้เอกสารอะไรมาเลย " แม่ถาม
" ผมกับขมคิดว่า คงเพราะว่าเค้าจะมารับกลับไปแหละ เลยไม่ให้เอกสารอะไรมาเลย "
" อีกอย่างไม่ก็ เพราะเธอไม่อยากให้แก ตามตัวเธอเจอแล้วรู้ว่าเธอคือใคร เค้าเลยไม่ส่งเอกสารอะไรมา เพราะถ้าส่งมาแล้วแกไม่รับเด็กคนนี้ก็มีสิทธิ์ส่งกลับไปได้ เพราะมันมีชื่อเธออยู่ " พ่อบอกผมก็พยักหน้ารับ " แต่ประเด็นนะ แกบอกว่า เธอให้ภาพมาใบนึง ซึ่งในนั้นมันมีทั้งแก ทั้งขม เลยไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อเด็ก แล้วทำไมไม่พาเด็กไปตรวจดีเอ็นเอละ ถ้ารู้ว่าเป็นลูกใครจะได้ทำเอกสารแล้วทำเรื่องเลี้ยงดูให้มันเป็นขั้นตอน "
" ใช่ เค้าอาจจะไม่ใช่ลูกของภาพก็ได้นะ พาไปตรวจดีเอ็นเอซะสิ ถ้าเค้าเป็นลูกของขมก็ให้ทางฝั่งนั้นเค้าดูแล แต่ถ้าเป็นลูกภาพ เราก็จะได้จัดการดูแลต่อ " แม่เสริมผมก็นิ่ง
“ ภาพไม่อยากตรวจ "
“ ไม่อยากตรวจ ? หมายความว่าไงที่ไม่อยากจะตรวจ แกจะรับมันเป็นลูกทั้งๆที่ไม่รู้ว่าใช่ลูกแกจริงๆรึเปล่าไม่ได้นะ แล้วเมื่อกี้แกจะมาบอกฉันทำไมว่ามันเป็นลูกแก ถ้าแกยังไม่ตรวจดีเอ็นเอ " พ่อเริ่มเสียงดังขึ้นมาอีก " ทำไม ทำไมไม่อยากตรวจ แกบอกฉัน ภาพ ทำไมแกไม่อยากจะตรวจ แกจะกลัวอะไรอีก ถ้ามันเป็นลูกแก แกไม่ต้องกลัวฉันจะรับผิดชอบเอง เต็มที่ด้วย เพราะลูกแก ก็หลานฉัน ไปตรวจสิ ตรวจเลย "
“ แต่ภาพไม่อยากตรวจ " ผมยังย้ำคำเดิม คราวนี้พ่อที่เริ่มหงุดหงิดก็คว้าคอเสื้อผมให้เข้ามาใกล้
“ ไปตรวจ! ทำไมแกไม่อยากจะตรวจวะ บอกสิทำไม ห๊ะ! ”
“ ก็เพราะว่ากลัวว่ามันจะไม่ใช่ลูกภาพน่ะสิเลยไม่อยากจะตรวจน่ะ!!” ตะโกนบอกเค้าไปทั้งสองคนก็นิ่ง ผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " ถ้ามันเป็นลูกภาพ ภาพรู้ว่าป๊ากับม๊าก็คงไม่ใจร้ายกับหลานหรอก แต่ที่ไม่อยากจะตรวจตอนนี้เพราะกลัวว่ามันจะเป็นลูกของขมตังหาก ขมมันไม่ได้รวยเหมือนเรา แม่มันเองถ้ารู้ว่าตัวเองมีหลาน ครอบครัวนั้นก็ต้องลำบากมากขึ้นไปอีก "
“ แต่บ้านขมเค้าก็ไม่ได้จนนะภาพ " แม่บอก " แม่ของขมน่ะเค้าทำงานเก่ง เงินเดือนเค้าก็สูง เค้าเลี้ยงได้แน่นอน เราจะไปคิดแทนคนอื่นทำไม เอาเชือกมาผูกคอตัวเองมันไม่สนุกนะ ไปตรวจดีเอ็นเอเถอะ จะเสียสละเป็นพ่อเด็กทำไม อนาคตเรายังได้เจอคนอีกมากนะได้เจอสาวสวยๆ คนที่มีฐานะ ทำไมถึงมาตัดอนาคตตัวเองแบบนี้ละ "
“ ภาพ..” ผมไม่รู้จะอธิบายแม่ยังไงให้เค้าฟังแล้วเค้าเข้าใจแบบที่ควรเข้าใจ " คือขมมันรักแม่มันมาก แล้วก็คงไม่อยากจะทำให้แม่มันเสียใจ ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกมัน คนอย่างมันคงต้องออกจากมหาลัยแล้วไปทำงานเลี้ยงลูกแน่ๆ แล้วภาพก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น ไม่อยากจะให้มันเครียด แล้วก็ไม่อยากจะให้มันเสียใจ ภาพไม่อยากจะเห็นขมร้องไห้แล้วมีชีวิตที่ลำบากแบบนั้น "
“ ภาพ นี่แก...” พ่อเว้นเสียงตอนที่ผมหันหน้าไปหาเค้า พ่อถอดหายใจออกมา แม่ที่จับคอเสื้อผมนั้นผ่อนลงอีกครั้ง
“ ภาพก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ แต่นี่แหละคือความรู้สึกทั้งหมดที่ไม่อยากจะไปตรวจดีเอ็นเอ มันอาจจะฟังแล้ว เอาแต่ใจ ดูเป็นเด็ก ไม่ค่อยมีเหตุผล แค่เพราะไม่อยากให้เพื่อนลำบาก ตัวเองถึงขั้นเอาเชือกมาผูกคอแบบนี้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ช่วงนี้เหมือนตัวเองจะไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผมน่ะ มีความสุขกับเรื่องแปลกๆ อยู่ตลอดเลย " จากที่ไม่เคยรู้สึกอะไรเวลาที่ได้ใกล้ไอ้ขม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังรู้สึกและรู้สึกมากขึ้นทุกที " ขอโทษนะครับที่ภาพทำให้ป๊ากับม๊าเสียใจเพิ่มขึ้นอีกเรื่องนึงแล้ว "
พ่อกับแม่ผมหันมองหน้ากันเค้าที่ผ่อนลมหายใจออกมา ไม่มีคำด่าอะไรออกมาอย่างที่ผมเคยคิดไว้ อย่างพวกคำพูดที่พูดว่า ให้เลิกซะ เลิกรู้สึกอย่างงั้นกับขม หรือว่า ออกมาให้ห่างจากขมซะ มันมีแต่ความเงียบก่อนที่แม่ผมจะก้มลงมากอดผม
“ ขอโทษทำไม ถ้าเป็นเรื่องนี้แม่ว่าเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย " เธอบอก พ่อเองก็ผ่อนลมหายใจออกมาเหมือนกัน มือหนานั้นเอื้อมมือมาจับไหล่ผม
“ ใช่ ถ้าเรื่องนี้แกไม่ได้ทำอะไรผิด "
“ แต่ม๊าก็มีอะไรอยากจะเตือนภาพหน่อยนะ " เธอยิ้มก่อนจะบอก " ภาพต้องมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้นะ ถ้าชอบเค้าก็คือชอบ ไม่ต้องกลัวที่จะรู้สึกอะไรทั้งนั้น อย่ากลัวว่าใครคนอื่นจะคิดกับเรายังไง เพราะเราคือเรา ถ้าคิดว่าใช่ก็ให้ทำตามนั้น ม๊ากับป๊าเข้าใจภาพอยู่แล้ว และที่สำคัญ ใช้ชีวิตให้ดี ไม่ว่าภาพจะเป็นยังไง ภาพคือลูกม๊ากับป๊า แล้วนั่นจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง "
“ ขอบคุณครับ "
“ เรื่องนั้นอะมันไม่สำคัญ เอาเรื่องเด็กดีกว่า แล้วตกลงว่าแกจะเอายังไง แกจะไม่ตรวจดีเอ็นเอเพื่อปกป้องแฟนแกเอาไว้ถูกมั้ย"
“ เดี๋ยวๆ ไม่ใช่แฟนเว้ย " ผมเถียงออกไปรู้สึกร้อนหน้ายังไงแปลกๆ พอคิดถึงหน้ามันแล้วรู้สึกว่ามันเป็นแฟน แล้วได้โอบกอดกัน
“ แล้วจะให้พูดยังไง แกเสียสละเพื่อเค้ายังกับพระเอกน้ำเน่าขนาดนั้น ยังจะบอกว่าเพื่อนเหรอ "
“ ใช่ ก็ยังเป็นแค่เพื่อนอะ ไม่ได้อยากบอกความรู้สึกอะไรกับมันทั้งนั้นอะ เพราะงั้นก็ยังเป็นแค่นั้นอยู่ " พูดโวยวายใส่พ่อแม่ที่ล้อเป้นเรื่องตลก ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา " อีกอย่างผมอยากแน่ใจกว่านี้ ว่ารู้สึกแบบนั้นจริงๆกับมัน แล้วค่อยบอก "
“ อ่อนว่ะ " ป๊าบอกก่อนที่เค้าจะยกยิ้ม " ลองหาคนใหม่มั้ย..”
“ ไม่อะ ถ้าไม่ใช่มันผมคิดว่าเป็นผู้หญิงน่าจะดีกว่า " ส่ายหน้าไปมา " เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เอาเรื่องเด็กก่อน "
“ โอเค สรุปว่าแกจะไม่ตรวจดีเอ็นเอแล้วไงต่อ คือเอาตรงๆ ฉันก็ไม่อยากจะเลี้ยงเด็กที่อาจจะไม่ใช่หลานฉันหรอกนะ "
“ ผมอยากจะขอเวลาป๊าสักหน่อย ช่วยหาโรงเรียนให้กาลิคหน่อยได้มั้ย ให้กาลิคได้ไปโรงเรียน ผมกับขมไม่อยากจะให้มันอยู่บ้านคนเดียว แล้วถ้าครบสามเดือนนี้แม่เค้ายังไม่มารับ ผมจะพากาลิคไปตรวจดีเอ็นเอตามที่ป๊ากับม๊าต้องการ "
“ จะเอาอย่างงั้น "
“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ
“ สัญญาแล้วนะ ว่าถ้าแม่ของเด็กไม่มารับ หลังจากสามเดือนนี้แกจะไปตรวจ "
“ สัญญาครับ "
“ แล้วแกรู้ใช่มั้ย สำหรับฉัน สัญญาคือสัญญา " ผมพยักหน้ารับ พ่อก็ผ่อนลมหายใจออกมา " ฉันให้เวลาแกสามเดือนนะ ทำตามสัญญาด้วยละ "
" ครับ "
" ฉันจะหาโรงเรียนให้ก็แล้วกัน ว่าแต่กี่ขวบแล้วละ แล้วชื่ออะไร ผู้ชายหรือว่าผู้หญิง "
“ เป็นเด็กผู้ชาย ชื่อกาลิค อายุ สี่ขวบ "
“ แล้วพามาด้วยมั้ยละ หรือว่าอยู่กับขมที่คอนโด "
“ พามาด้วยครับ ตอนนี้อยู่บ้านขม พอดีเพิ่งออกจากโรงพยาบาลน่ะ ไม่สบาย ท้องเสีย "
“ งั้นก็พามาหาป๊ากับม๊าสิ มาให้เห็นหน้าหน่อย ป๊ากับม๊าน่ะ เห็นหน้าก็บอกได้แล้วว่าลูกใคร " ม๊าบอก ผมก็ยิ้มแห้งๆก่อนจะหยิบมือถือจากในกระเป๋ากางเกงออกมาโทรออกหาขมที่อยู่อีกบ้าน ปลายสายที่รอไม่นานก็รับเพราะเหมือนอีกคนจะรอให้ผมโทรอยู่แล้ว
“ ภาพเป็นยังไงบ้างวะ "
“ ทุกอย่างโอเค " ผมบอกมัน
“ เหรอ.. โล่งอกไปที แล้วป๊ากับม๊ามึงว่าไงบ้าง "
“ เค้าบอกให้เอากาลิคมาให้เค้าดูน่ะ มึงพามาหน่อยสิ "
“ ได้เหรอ " มันถามย้ำ
“ ได้สิ กูเคลียร์แล้วพาเข้ามาเลย "
“ อื้ม โอเค " สายโทรศัพท์ที่วางไปผมก็หันไปบอกพ่อกับแม่
“ ป๊ากับม๊า ไม่ต้องพูดเรื่องที่ภาพบอกว่า ไม่อยากจะตรวจดีเอ็นเอเพราะว่าไม่อยากจะให้ไอ้ขมลำบากนะ ให้มันรู้แค่ว่าป๊ากับม๊ารู้ว่ากาลิคเป็นลูกภาพก็พอ "
“ ความรักของวัยรุ่น เข้าใจยากจัง " แม่พูดออกมาเสียงเบาๆ ผมก็ได้แต่นิ่งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
ประตูห้องนั่งเล่นจะถูกเปิดออกเรียกความสนใจของคนในห้องให้หันไปมองดู ขมเดินเข้ามาให้ห้องพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เดินตามมาแต่ก็เกาะขามันแจแบบไม่ออกห่าง ทั้งพ่อทั้งแม่หลุดยิ้มออกมาตอนที่เห็นหน้ากาลิค ใบหน้าน่ารักที่ซ่อนอยู่ข้างหลังไอ้ขม
“ ป๊ากับม๊า สวัสดีครับ " ขมยกมือขึ้นไหว้ท่าน ก่อนจะก้มลงบอกอีกคน " หัวหอมไหว้ป๊ากับม๊าของอาภาพสิ "
“ อาขม อาขม อุ้มกาลิค อุ้มกาลิคหน่อย " มือเล็กๆเขย่าชายเสื้ออีกคนที่ก็ย่อตัวลงไปจะคุยด้วยแต่ก็ถูกอีกคนกอดไว้ไม่ยอมปล่อย
“ นี่ หัวหอม หันไปคุยกับอาภาพก่อน หัวหอม..”
“ ท่าทางจะเขินนะ " แม่ผมบอก " แล้วทำไมขมเรียกว่า หัวหอมละ ตกลง ชื่อ กาลิค หรือ หัวหอม "
“ ชื่อกาลิคครับม๊า " ไอ้ขมตอบ " แต่ขมเรียกว่า หัวหอมเพราะว่ามันน่ารักดี "
“ ไม่บอกไปละ ว่าจริงๆ คิดว่า กาลิคแปลว่าหัวหอม เลยเรียกว่าหัวหอมแก้เสียหน้า " ผมบอกอีกคนก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มให้พ่อกับแม่ผม
“ เพราะมันน่ารักเว้ย " ไอ้ขมเถียงกลับ
“ เอาน่าๆ ไม่ต้องเถียงกันทั้งคู่เลย ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน " แม่ปรามเราก่อนจะเอียงหน้ายิ้มให้เจ้าตัวเล็ก " ไหนหันมาแนะนำตัวหน่อย เด็กผู้ชายคนนั้นน่ะ ชื่ออะไรเอ่ย "
“ กอดขมแน่นเลย สงสัยจะอาย " พ่อว่าเพราะดูท่าว่าเจ้าของมือเล็กๆนั่นจะไม่ยอมปล่อยแล้วหันหน้ามามองท่านง่ายๆ จนไอ้ขมต้องหันไปพูดกล่อมแล้วดึงให้หันมาเผชิญหน้า
“ หัวหอมหันมาแนะนำตัวก่อนครับ หนูชื่ออะไร ไหนบอกคุณพ่อคุณแม่ของอาภาพสิ "
“ เรียกว่าปู่กับย่าก็ได้ " พ่อบอกก่อนจะยิ้มให้กาลิคที่ยังมองด้วยสายตาไม่ค่อยชิน แววตากลมๆมีความอายอยู่ในนั้นหน่อยๆ มันหันมองขมที่ก็พยักหน้าให้กำลังใจมัน
“ เอาเลย สวัสดีครับ "
“ สวัสดีครับ " มันยกมือไหว้ก่อนจะก้มหน้าลง " ชื่อ.. ชื่อน้องกาลิค อายุสี่ขวบ " นิ้วเล็กๆถูกยื่นออกมาเพื่อจะบอกว่าตัวเองสี่ขวบแต่ทว่ากลับยื่นออกไปแค่สามนิ้ว
“ นี่ครับ สี่ขวบอีกนิ้วนึงนะ แบบนี้สี่ขวบ "
“ สี่ชวบครับ " มันบอกเสียงเขินๆก่อนจะนั่งลงบนตักไอ้ขมอีกครั้ง
“ น่ารักจัง ไหนขอดูหน้าชัดๆหน่อย มาให้ย่ากับปู่เค้าอุ้มหน่อยสิ " แม่กางแขนออก กาลิคก็หันมองขมเหมือนจะถามว่าตัวมันจะเดินมาให้แม่ผมกอดดีมั้ย
“ ไปสิ ไปให้คุณปู่กับย่าเค้ากอดนะ " ขมบอกมัน กาลิคก็ลุกขึ้นเดินไปหาแม่ผมที่ก็กอดมันไว้ก่อนจะลูบหัวมองด้วยความเอ็นดู
“ หน้าตาน่ารักจัง ตาก็กล๊มกลม เด็กน้อย "
“ รู้เลยว่าลูกใคร " พ่อบอก แม่ก็หัวเราะ
“ ใช่ รู้เลย " ประโยคที่ทำให้ขมหันมามองผมที่ก็ยักไหล่พลางส่ายหน้าให้มัน " แล้วกาลิคอยู่กับอาภาพ อาขมมีความสุขมั้ย "
“ ก็มี.. มีความสุขครับ อาขมใจดี อาภาพตามใจ " พ่อกับแม่เหล่ผม
“ อย่าตามใจเด็กกันมาจนเสียเด็กละ " แม่บอก
“ ไม่หรอกครับ " ผมบอก " อย่างน้อยไอ้ขมก็ไม่ค่อยตามใจหรอก "
“ อาขมไม่ค่อยตามใจเหรอเราน่ะ " แม่ถามกาลิคก็พยักหน้ารับ
“ แต่ว่าแต่อาขมก็ใจดีนะครับ "
“ ท่าทางจะติดขมมากนะเนี้ย "
“ ไม่ห่างกันเลยแหละ " ผมบอกแม่ก็หัวเราะ
“ ก็เรามันเหมือนป๊า นิสัยห่ามๆก็เท่านั้น บทจะตามใจก็เป็นพักๆ ไม่อ่อนหวานกับเค้า เด็กที่ไหนจะมาติดละ " เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะลูบหัวอีกคน " เอาแบบนี้มั้ย กาลิคมาอยู่กับย่า ย่าจะเลี้ยงกาลิคเอง อยู่กับสองคนนี้ได้กินของดีๆบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ "
“ ไม่ครับ กาลิคอยู่กับย่าไม่ได้ กาลิคต้องอยู่กับอาขมกับอาภาพ เพราะว่าถ้ากาลิคไม่อยู่ตอนกลางคืนจะไม่มีใครให้กอดอาขม แล้วก็จะไม่มีใครหอมแก้มอาภาพด้วย " เสียงอธิบายที่เรียกรอยยิ้มเราทุกคนให้ยิ้มออกมา แม่ที่กอดมันไว้แน่นขนาดพ่อที่นิ่งๆยังเอื้อมมือมาลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู
“ แต่กาลิคน่ารัก ย่าต้องมีความสุขมากแน่ๆ ถ้ากาลิคมาอยู่กับย่า "
“ งั้นกาลิค กาลิคจะมาหานะครับ "
“ สัญญานะ " แม่ผมบอก เจ้าตัวเล็กก็หันมามองผม
“ อาภาพ อาภาพจะให้กาลิคสัญญามั้ย "
“ แล้วถามอาภาพทำไมละ " พ่อผมถาม
“ ก็ อาภาพเป็นคนขับรถ ถ้าอาภาพพามากาลิคก็จะได้มา แต่ถ้าอาภาพไม่พามากาลิคก็จะไม่ได้มา " มันว่าพ่อผมก็พยักหน้าเข้าใจ
“ เข้าใจคิด ฉลาด "
“ สัญญาครับ ไว้จะพามาหาปู่กับย่านะ "
“ งั้นกาลิคสัญญาครับ เกี่ยวก้อยกันนะ " มันยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วของพ่อผมส่วนอีกข้างก็เกี่ยวนิ้วแม่ผมไว้ " สัญญา สัญญา "
“ น่าเอ็นดูลูกเอ้ย " แม่ผมก้มลงกอดมันอีกครั้งก่อนจะหอมแก้ม " นี่ๆ ไหนๆก็มาแล้ว เย็นนี้อยู่กินข้าวที่บ้านกันก่อนสิ ไม่ก็นอนที่นี่ไปเลย พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า "
“ มีครับ " ผมกับขมบอกพร้อมกัน
“ แต่ก็คิดว่าจะนอนที่นี่นั่นแหละครับ เพราะพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องฝากป๊ากับม๊าเลี้ยงกาลิคก่อน จนกว่าจะหาโรงเรียนได้ เพราะผมสองคนไม่อยากจะทิ้งแกไว้ที่คอนโดคนเดียวแล้ว กลัวเกิดอะไรขึ้นเหมือนเมื่อวานอีก "
“ ดีจังเลย งั้นวันนี้นะย่าจะสั่งให้แม่ครัวทำอาหารอร่อยๆเลย ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ แล้วก็เหมาะกับกาลิค ดีมั้ย กาลิคว่าดีรึเปล่า "
“ ดีครับ กาลิคจะกินข้าวเยอะๆเลย "
" งั้นเดี๋ยวจะตักผักให้กินเยอะๆเลย " ขมบอกมันก็ยู่หน้าใส่
" งั้นกาลิค กาลิคจะตักให้อาภาพทั้งหมดเลย แล้วกาลิคก็จะกินแต่น้องหมูกลมๆ " คำพูดน่ารักที่ชวนให้เราหัวเราะออกมา ผมรู้สึกว่าตัวเองตอนนี้เหมือนปลดความรู้สึกหนักใจออกไปครึ่งนึง มันไม่ได้แย่หรอกที่พูดความจริงออกไป ตรงกันข้ามมันกลับดีมากเสียอีกที่ได้บอก แต่มันก็ยังมีบางเรื่องที่ผมไม่กล้าจะพูดออกไป เรื่องบางอย่างที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะพูดออกไปตรงๆได้ เรื่องความรู้สึกลึกๆที่อยู่ในใจของผมตอนนี้ ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไป ผลตอบรับจากคนที่ได้รับฟังอย่างขม จะดีเหมือนอย่างเรื่องนี้รึเปล่า
.......................................
ภาพที่ปกป้องทั้งขม และ กาลิคนั้น... #กอดที่เค้าด้วยความประทับใจ
ตอนแรก ว่าจะเขียนให้ดราม่าแบบ พ่อแม่ภาพรับไม่ได้ซึ่งสิ่งใด
รับกาลิคไม่ได้ รับที่ภาพรู้สึกชอบขมไม่ได้ โดยตบ ไล่ออกจากบ้าน ไม่ให้เงินใช้
ทั้งสองคนตกที่นั่งลำบากแบบสุดๆ ไปทำงานข้างนอกเลี้ยงดูเด็กตัวเล็กๆ ( คิดได้เว่อร์มาก )
จนพอได้ลองเขียนจริงๆ ไอ้สิ่งที่คิดมาทั้งหมด ก็ย่อลงเหลือแค่นี้ เรารู้สึกว่าว่า เฮ้ย พ่อแม่ที่มันรับได้มันก็มี ทำไมต้องเขียนด้านที่โหดร้ายอย่างงั้น นี่คือนิยายใสๆ ( นางงามก็เข้าสิงดิฉันในทันที ) และพอเขียนจบย้อนกลับขึ้นไปอ่าน ก็รู้สึก อินจัง
คือเศร้าตอนที่พ่อภาพ กับ ภาพพูดกัน ( หวังว่าคนอ่านจะชอบเหมือนกันนะคะ )
คราวนี้ก็ไขปัญหาที่ว่า " ทำไมไม่ตรวจ DNA / ไม่พาไปฝากเลี้ยง " ได้สักทีเนอะ อดทนรอไม่ตอบคนอ่านมาอย่างยาวนานเพื่อตอนนี้เลยนะคะ ทุกท่านนนนนนนนนนนน
ยังไง ฝาก แท็ก #มมชลก ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าาา