^
^
^
จิ้มบวกรีบน ขอบคุณนะคะที่ยังรอ....
................
ตอนที่ 18 ข้อต่อรอง 100%
สืบเนื่องจากที่เมื่อครู่นี้โดนพี่กระต่าย เจ้านายผู้แสนเอาแต่ใจขู่ว่าถ้าไม่เลิกดีดกีตาร์ หยุดร้องเพลงแล้วไปกินข้าวกับมันอาจจะเกิดเหตุการณ์สยองขวัญ “ท้องติดกัน” ขึ้นมา ขนมปังได้แต่หน้าเสีย เหงื่อกาฬไหลพรากๆ แล้วทบทวนว่าควรยอมตามใจมันเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้ง
ช่วยไม่ได้.... เจ้านายว่าไง ลูกน้องก็ต้องว่างั้นล่ะนะ
หลังจากกวาดเงินออกจากกระเป๋ากีตาร์แล้วเก็บน้องน้อยลงกระเป๋าแล้วผมก็ต้องลุกขึ้นเดินตามหลัง กระต่ายป่าตัวเขื่องที่กำลังเริงร่าเพราะได้มีโอกาสหลุดออกจากกรงมาเดินเล่น
ตุลย์วางกระเป๋ากีตาร์ที่มันเกิดนึกใจดีช่วยถือวางลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่ก่อนจะหันมาส่งยิ้มพิมพ์ใจ
“สั่งข่าวให้กูด้วย” เออ อะไรก็ไม่พ้นกูเลย!!
“สาดดดดดด ทำไมไม่สั่งเองล่ะ?”
“ก็กูจะอยู่เฝ้ากีตาร์ให้มึงไง ไม่กลัวหายเหรอ?” เหตุผลใช้ได้ แต่ของใหญ่ขนาดนี้ ในที่ที่คนพลุกพล่านขนาดนี้ จะมีไอ้บ้าที่ไหนกล้าขโมยวะเนี่ย
“สัด งั้นกูอยู่เฝ้า มึงไปซื้อ” ผมต่อปากต่อคำทันควันเมื่อพบว่าตัวเองโดนใช้ด้วยเหตุผลไร้สาระเกินทน
“ไม่เอา หมดช่วงโปรโมชั่นแล้ว กูซื้อข้าวซื้อน้ำมาป้อนมึงบ่อยจัดแล้วนะ มึงก็สมควรจะทำอะไรตอบแทนกูมั่งสิ” ดู๊ ดู มาทำเป็นลำเลิกบุญคุณ ที่กูนอนแหม็บไปไหนไม่รอดไม่ใช่เพราะมึงหรือไง?
“สัด กูใช้สักคำมะ? มึงเสือกอยากทำเองทั้งนั้น ทำมาบ่น ไม่กินก็ไม่ต้องกิน” ผมกอดอกทำไม่สนใจหันหน้าไปทางอื่นทันที
“จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไป สุดที่รักมึงตายแน่” พูดจบมันก็กระชากกระเป๋ากีตาร์ผมดึงไปหาตัวจนผมเกือบตะครุบไม่ทัน เราสองคนต่างคนต่างดึงกระเป๋ากันไปมา จ้องตากัน เปรี๊ยะๆ จนในที่สุดตัวประกันก็ตกไปสู่มือโจรใจทรามจนได้
“ไอ้ขี้โกง..... ชอบเล่นวิธีสกปรกตลอด รู้ว่ากูรักกีตาร์มาก เลยเอามาขู่ โธ่เอ๊ยยยยยย ไอ้.....” ผมรีบด่าทันทีที่เสียทีถูกชิงของรักไปต่อหน้าต่อตา
“ถ้าด่ากูอีกคำ พรุ่งนี้เตรียมตั้งสายกีตาร์ตัวใหม่ได้เลยนะ”
ไอ้...... บลาๆๆๆๆ คำด่ามากมายไหลตามออกมาอีก แต่แค่ในใจเท่านั้นนะ เรื่องจริงมันเศร้า จะพูดอะไรได้ในเมื่อของรักโดนจับเป็นตัวประกันไปเสียแล้ว
“เออ... กูไปสั่งให้ก็ได้ เอาไรล่ะ?” ผมถามด้วยเสียงเหวี่ยงๆ เพราะความแค้นแน่นทรวงอก
เจ็บใจ คนรักโดนรังแก ข้าจะเผาเมืองแปรให้วอดวาย...
“ข้าวมันไก่ ต้มทอดพิเศษ เนื้อหนัง ใส่เครื่องใน ขอน้ำซุบใส่ซี่โครงให้กูด้วย”
“เชี่ย..... สั่งขนาดนี้ไปทำเองเลยไหม?”
“ก็คนจะกินแบบนี้แล้วจะทำไม มึงจะไปดีๆ หรือจะต้องเห็นศพน้องกีต้าร์สุดหวงก่อน?”
เชี่ย!! กูหนอกู พลาดอย่างจังที่ดันเผยจุดอ่อนให้มันรู้อีกจนได้
กรรมเวรอะไรของปอนด์ก็ไม่รู้ ฮือๆ
หลังจากได้ของที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็ทานข้าวเย็นกันด้วยความสวีทหวาน เพราะไอ้ตุลย์มันเอาช้อนตักแตงกวาใส่ลงมาในชามของผม ผมเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วมองหน้ามันอย่างเดือดดาล
“ขี้เกียจกิน ช่วยกินแทนที” มันบอกโดยที่ผมยังไม่ทันได้ถามด้วยซ้ำว่าให้แตงกวามาทำไม
“เชี่ย..... ก๋วยเตี๋ยวกะแตงกวามันเข้ากันเหรอ???” ผมด่าออกอากาศอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายทำท่าไม่สนใจ ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าตั้งใจจะกวนประสาทเล่นไปอย่างนั้นเอง โรคจิตเข้าขั้นขึ้นทุกวัน อยู่ด้วยแล้วปวดกะโหลกเป็นที่สุด
“งั้นกินไก่แล้วกัน อ้ะ” และแล้วพ่อกระต่ายใจดีก็ยกไก่มาให้จริงๆ แต่ไม่ใช่ ไก่ต้มหรือไก่ทอดในจานนะ แต่เป็นซี่โครงไก่ใหญ่โตในน้ำซุบที่พ่อแกเล่นขูดเนื้อที่กินง่ายออกไปแล้ว เหลือแต่กระดูกแล้วนะ ใจบุญเชี่ยๆ เลยให้ตายเถอะ ห่ารากกกกกกกกก
ความซวยยังไม่จบเพียงเท่านั้น ระหว่างมึนตึ้บกับความกวนโคตรพ่อของกระต่ายหื่นแล้ว จู่ๆ ก็มีใครบางคนตบที่ไหล่เบาๆ ผมหันไปมองคนข้างหลังด้วยใบหน้าที่มุ่ยค้างเพราะความโมโหแต่ครั้นหันไปเห็นหน้าคนที่มาทักก็เปลี่ยนเป็นหน้าเหวอ ทั้งตาทั้งปากเผยอค้างแข่งกัน และความรู้สึกที่ตามมาคืออยากร้องไห้เป็นกำลัง
“ว่าไงปอนด์” เขาทัก...
ทำไมต้องมาเจอคนที่ไม่ควรเจอตอนนี้ด้วยวะ
“เอ่อ.....หวัดดี.....เคลียร์”
...........................................
............................................
ครึ่งหลังอ่านตรงนี้ค่า “โชคดีจังมีธุระจะคุยด้วยพอดี เราขอนั่งด้วยคนนะ” เคลียร์ส่งยิ้มมาให้พร้อมคำถามชวนลำบากใจกว่าเดิม ผมแอบเหลือบตามองกระต่ายป่าเจ้าอารมณ์ที่มาด้วยอย่างหวาดๆ หากแต่มันกลับเอาแต่เงียบไม่ส่งเสียงใดๆ ทำให้คนถามก็เออออไปเองว่าพวกเราตกลง
“ขอซื้อข้าวแป๊บ เดี๋ยวมา” เคลียร์บอกแล้วเดินจากไปทิ้งบรรยากาศมาคุไว้กับผมและมันสองคนให้สยองเล่น พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นรอยยิ้มมีลับลมคมในปรากฏบนใบหน้าดำๆ ของคนตรงหน้าแล้ว ผมก็อดขนลุกขึ้นมาไม่ได้ หรือว่ามันกำลังวางแผนอะไรอยู่ ไม่อยากไว้วางใจพวกฉลาดแกมโกงขนาดกระโดดกัดหูคู่ต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัวอะไร ด้วยถือว่าตัวเองได้เปรียบเพราะติดสินบนกรรมการเอาไว้อย่างมันหรอกนะ
“โชคดีจังมีธุระจะคุยด้วยพอดี ไม่ต้องไปตามหาก็มาให้เจอถึงที่เลยนะ” ไอ้ตุลย์เอ่ยลอยๆขึ้นมาสะกิดต่อมความสงสัย
“ทำไม มึงจะทำอะไร”
“ก็ไม่ทำอะไร แค่จะคุยกันอย่างลูกผู้ชาย ตรงๆ เคลียร์ๆ กันไปเลย” คุยห่าบ้าบออะไรของแม่งฟระเนี่ย
“จะเคลียร์อะไร ไม่รู้จักกันซะหน่อยไม่ใช่เหรอ?”
“ทำไมจะไม่รู้จัก ถึงจะไม่เคยเห็นหน้าก็เถอะ ก็คนนี้ไม่ใช่เหรอ? คนที่มึงบอกว่า ทั้งน่ารัก ทั้งแสนดีอ่ะ กูไม่ได้ความจำสั้นนะจะได้ลืมชื่อผู้ชายที่เมียตัวเองเทิดทูนอ่ะ” ฟังแล้วเดือด... ไอ้คำว่า “เมีย” นี่เต็มปากเต็มคำตลอดเลยนะมึง!
“เบาๆ สิมึง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะ” กัดฟันกระซิบพลางกัดฟันกรอด
“ไม่ต้องมาหน้าบางหรอก เพราะยังไงกูก็กำลังจะบอกความจริงให้สุดหล่อของมึงรู้อยู่พอดีเลย ว่าอะไรเป็นอะไร”
“หุบตูดเน่าๆ ของมึงแล้วเงียบปากไปซะดีกว่า”
“ไม่ เพราะถ้ากูพูดออกไป เรื่องจะได้จบไวๆ เพราะถ้ารู้ว่าผัวเราไปเป็นเมียคนอื่นเนี่ย มันคงทำใจลำบากอ่ะ ว่ามะ” มันส่งสายตากวนประสาทมาจ้องตาผมให้กำมือแน่น
“เออ..จบไวแน่ไอ้สัด....ถ้ามึงพูดอะไรเหี้ยๆ ออกไป มึงก็ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก กูจะหายไปจากชีวิตมึงตลอดชาติเลย”
“มึงจะทำได้เหรอ เก่งแต่ปากซะละมั้ง”
“ทำได้ไม่ได้ก็คอยดูแล้ว”
“อย่าลำบากเลยน่า... เพราะต่อให้มึงหนี กูก็จะตามหา ต่อให้ไล่ กูก็จะมา ไม่ว่ายังไง มึง.....ก็ต้องอยู่กับกู” ซึ้งไหมครับพี่น้อง
สำหรับผมมันซึ้งเชี่ยๆ ถ้าพูดเวลาอื่นนะไม่ใช่ตอนนี้
คือตอนนี้กำลังซีเรียส ช่วยพูดอะไรเข้ากับสถานการณ์นิดนึงเหอะ
“อาจจะทำร้ายจิตใจไปหน่อย แต่ความจริงก็คือความจริง จะรู้เร็วกว่าเดิมก็ไม่เห็นเป็นไรนี่” มันเลิกทำหน้ากวนตีนแต่บอกด้วยเสียงเรียบๆ เป็นงานเป็นการ
“ตุลย์ ....กูขอร้อง...” ผมลดเสียงให้ลงมานุ่มนวลกว่าเดิม เอาน้ำเย็นเข้าลูบอีกครั้ง ท้ายประโยคมีสำเนียงอ้อนวอนชัดเจน “อย่า-บอก-เคลียร์”
“แล้วไง ถึงขอร้องแล้วกูต้องทำด้วยเหรอ ในเมื่อไม่เห็นจะมีผลดีอะไรกับตัวกูสักอย่าง มีแต่จะเสียอำนาจการปกครอง” สัด เห็นกูเป็นอะไรไม่ทราบ!!
“แลกกับอะไรก็ได้ที่มึงต้องการ กูขอเวลา...” อีกฝ่ายนิ่งไป สีหน้าฉายแววสลดหดหู่ขึ้นมานิดหนึ่ง ก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดทำหน้าเหมือนนึกอะไรดีๆออก
“ก็ได้...แต่มึงต้องรับปากอะไรกูอย่างนึงก่อน”
“อะไรอีกล่ะ” ผมถามเหวี่ยง แต่ในใจอดระแวงไม่ได้ว่าต้องขออะไรยากๆ อีกแน่...”
“...จากนี้ มึงจะไม่ไล่ให้กูไปไหนจากมึงอีก... ให้กูอยู่ข้างๆ มึง อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ” “แบบนี้น่ะ แบบไหน” ผมขมวดคิ้วถามอย่างไม่ไว้วางใจ
“ก็....แบบทุกวันนี้แหละ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน”
โดนกดขี่ข่มเหงเหมือนย้อนอดีตกลับไปสมัยยังไม่ได้เลิกทาสอ่ะนะ ? เรื่องนั้นยังไม่สยองเท่ากับ....
“แบบที่มึงจ้องจะหาเรื่องกดกูได้ทุกวินาทีอ่ะนะ”
“ไม่ขนาดนั้น... วินาทีมันถี่ไป เปลี่ยนเป็นทุกนาทีก็พอมั้ง”
เห็บหมาเหอะ มันต่างจากเดิมตรงไหนวะ?
"จวยเหอะ" ผมชูนิ้วกลางให้มันทันทีอย่างเหลืออด
“ทำไม!! ที่ชูให้ดูนั่นน่ะแปลว่าอยากได้ตอนนี้เลยป่ะ? จะได้เช็คบิลกลับบ้าน”
“เชี่ย!! อย่าเปลี่ยนเรื่อง ข้อแลกเปลี่ยนมึงเอาเปรียบเกินไปว่ะ กูไม่โอ...”
“ก็ดี...กูจะได้บอกมัน”
ซื้ดดดดดดดดดดดดดด เจ็บปวด เจ็บใจ เจ็บนี้รสปูอัด....!!
“เออ.... ก็ได้...จนถึงเมื่อไรล่ะ” ท้ายที่สุดผมก็ยอมตกลงทำสัญญาทาสเป็นกิจะลักษณะอีกจนได้
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิด ถ้ารู้แล้วจะบอก”
“เชี่ย ก็คิดมาดิ เกิดมึงมาบอกตลอดชีวิตกูไม่ซวยเหรอ?”
“ตลอดชีวิต?? ก็ดีนะ เอาแบบนั้นก็ได้”
“สัด...นานไปมั้ง ทำไมไม่บอกให้กูตามไปให้อึ๊บถึงชาติหน้าเลยล่ะ”
“อยากมาก็มาดิ ไม่ได้ห้าม” เออ...เอากับมันนะ
“กวนตีนนักนะมึงอ่ะ เดี๋ยวพ่อตบดั้งหัก”
“ก็ตบมาสิถ้าไม่กลัวโดนสวน กูไม่ตบกลับด้วยปากแบบมุกเน่าๆ ด้วยนะ สำหรับมึงควรจะเจออะไรที่แสบและเสียวกว่านั้น” ตายห่า ลากเข้าเรื่องใต้สะดืออีกแล้วมั้งเนี่ย ไอ้หื่นเอ๊ย
“อย่านอกเรื่องดีกว่า คุยให้จบก่อนเคลียร์จะกลับมา” ผมเร่งรัด ไอ้ตุลย์พยักหน้าอย่างกวนๆ
“งั้นก็จนกว่า.........” มันลากเสียงยาวแล้วเหลือบตามองหน้าผมทำท่าครุ่นคิด...
จนกว่า....
จนกว่า....
ผมจ้องหน้ามันอย่างลุ้นระทึก รู้สึกหมั่นไส้ความลีลา ชักช้าน่าท้องแบบนี้เสียเต็มประดา ค้างไปแล้วก็ไม่พูดอีกแม่ง....
“มึงจะพูดไหม?” จนกระทั่งผมชักสีหน้าทำเสียงแสดงความรำคาญออกมามันถึงได้เลิกอาการอมพะนำเหมือนดอกพิกุลจะร่วง
“จนกว่า....กูจะเบื่อ” มันพูดหน้าตาย
“มากไปมั้งมึง” ผมตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนจ้องหน้ามันอย่างโมโห อยากจะต่อยปากมันสักทีให้หายหงุดหงิด
ตอบแบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ?
“เบื่อ” จะมาถึงเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของมันอย่างเดียวเลยสิ
ถ้าเกิดมันเบื่อผมในอีกห้าสิบปีข้างหน้า ผมไม่ต้องขึ้นคานเลยเรอะ
ไม่สิ คงไม่นานขนาดนั้น แต่ถ้ามันนานมากจนเคลียร์มีแฟนไปแล้วผมไม่แย่เหรอ ใช่ไหม?
แล้วพอโดนเบื่อก็โดนเขี่ยทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใยงั้นเหรอ?
เห็นแก่ตัวที่สุดเลย คนเชี่ยอะไรวะ!
“ทะเลาะอะไรกันเหรอ?” เสียงเคลียร์ถามขึ้นมาอย่างห่วงใย ผมหันไปมองเคลียร์ที่เดินกลับมาพร้อมจานข้าวแล้วจำต้องสงบอารมณ์ให้เย็นลงพลางส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“เปล่า ไม่ได้ทะเลาะกัน แค่ความเห็นไม่ลงรอยกันนิดหน่อย”
ผมตอบอ้อมแอ้มแล้วนั่งลง เคลียร์จึงวางจานข้าวแล้วนั่งลงข้างๆ ผม
“แล้วนี่จะไม่แนะนำเพื่อนให้รู้จักหน่อยเหรอ?” เคลียร์หันมาบอกให้ผมแนะนำไอ้ตุลย์ซะอย่างนั้นทำเอาผมพูดไม่ออก
“ผมไม่ใช่เพื่อนหรอกครับ ” ไอ้ตุลย์ตอบแทนอย่างเสียมารยาท
ประโยคต่อมาทำให้เคลียร์ถึงกับเลิกคิ้วสูง ส่วนผมถึงกับเหวอ
“แต่เป็นแฟน.....” อ้าว เฮ้ย!! ลำเส้นเกินไปแล้วนะ ถ้านั่งอยู่ข้างกันผมคงเอามือปิดปากมันไปแล้ว แต่พอดีไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดจะทำอย่างนั้นได้ จึงได้แต่ทำเสียงดังตัดบท
“......คลับ ตุลย์มันเป็นแฟนคลับของปอนด์เองแหละ” ผมรีบแก้ไขความเข้าใจผิดทันควัน ในขณะที่เคลียร์ดูจะไม่ค่อยสนใจคำพูดของผมเท่าไรนักเอาแต่หันไปมองหน้าตุลย์เหมือนอยากจะให้มันยืนยันอีกครั้ง
ผมหันไปมองหน้าไอ้ตุลย์ซึ่งหันมาสบตาพอดีพร้อมส่งสายตาเหมือนจะถามว่า
‘ตกลงมึงจะเอาไง’ อะไรเทือกนี้
แล้วจะให้ผมทำอะไรได้ล่ะ.....
นอกพยักหน้าด้วยความสมยอม....
เออ!! ก็ได้ กูยอมก็ได้วะ สาดดดดดดดดดดดดดด
...................................................................
บางคนก็ลืมนะว่าเคลียร์เป็นใคร ฮาๆ
ไม่แปลกที่จะลืม... เพราะนิก็หายไปนานจัด
ถ้าอยากทบทวบ ปอนด์โทรหาเคลียร์หนึ่งสายในตอนที่8 และตุลย์ถามถึงไงคะ
เคลียร์เป็นเพื่อนกับพี่โต้งด้วยล่ะ
แต่ถ้าอ่านครึ่งหลังก็คงรู้เลยล่ะว่า เรื่องที่คนอ่านลืมๆ ไปเกี่ยวกับกิ๊กของปอนด์น่ะ
พ่อกระต่ายเขาจำได้หมดนะ ฮาๆ หลังจากหายไปติดเกมซะนานจนลืมพล็อต
บวกกับอยู่กับกะเทยและหมาบ้ามานาน ก็คิดถึงกระต่ายและขนมปังมากค่ะ
แต่ไม่รู้จะยังมีคนคิดถึงกันอยู่ไหมนะคะ
ฮ้า.... ไหนใครคิดถึงกันมั่ง มากอดทีดิ๊
มีคนถามว่าติดเกมอะไรจะไปถล่มเซิพ พอดีว่าติดฮาร์เวสมูนค่ะ เลยไม่มีเซิพให้ถล่มเพราะเป็นออฟไลน์ รอดตัวไป ฮ่าๆๆขอบคุณทุกบวกทุกคอมเมนต์นะคะ