[ 5 ]
พี่เต็งกับไอ้ต้าร์กลับไปแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังคงนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟา มีแต่สองประโยคที่ดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว
‘พี่ชอบดรีม...’
‘กูชอบมึง...’ผมยกมือตบแก้มตัวเองสองทีเพื่อเรียกสติที่ดูเหมือนจะหลุดลอยไปไกล ยังเอ๋อๆเบลอๆ จับต้นชนปลายอะไรไม่ค่อยถูก ค่อยๆเลื้อยตัวลงนอนบนโซฟา เอาแขนมารองหัวตัวเองเอาไว้
บอกเลยว่าเกิดมายี่สิบปี ผมยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับเขาหรอกครับ มีแต่ที่มองไปเรื่อยๆ คิดว่าน่ารัก คิดว่าสวย แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ ส่วนไอ้พี่เต็งกับไอ้ต้าร์...
ผมเพิ่งเจอพี่เต็งแค่ไม่กี่วัน แถมยังเป็นการเจอกันแบบไม่ค่อยปกติด้วย จู่ๆก็โผล่มาเป็นแฟนเช่าของผม แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า...ความสามารถด้านการเนียนเป็นแฟนของพี่เต็งนี่สุดยอดจริงๆ ทำเอาผมเผลอนึกว่าพี่เต็งเป็นแฟนผมอยู่หลายหน
ไอ้ต้าร์...ผมว่าผมไม่ได้ชอบมันหรอก ถ้าผมจะชอบมัน ผมคงชอบตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนแล้ว พอรู้ว่ามันชอบผม เลยอดที่จะตกใจไม่ได้ จูบของมันอาจจะทำให้ผมเคลิ้มได้นิดๆ หรือจะเรียกว่าคล้อยตามดีล่ะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น พูดง่ายๆคือ...ผมไม่ได้ใจเต้นอย่างที่ควรจะเป็น
.
.
เหวออออออออออ!!
นี่เมื่อคืนผมนอนหลับไปที่โซฟา โดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดอะไรเลยน่ะเหรอ
จำได้ว่ากำลังคิดเรื่องพี่เต็งกับเรื่องไอ้ต้าร์เพลินๆอยู่ สงสัยจะหลับไปแบบไม่รู้ตัวแน่ๆ ผมขยับตัวบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อย เพราะไม่ได้นอนหลับสบายบนเตียง แต่ดันมานอนอยู่บนโซฟา กำลังคิดว่าจะทำอะไรเป็นอย่างต่อไป เสียงออดก็ดังขึ้นมาก่อน
ผมเดินลากเท้าที่สวมสลิปเปอร์ลายลูกหมู พร้อมกับขยี้หัวฟูๆของตัวเองมาเปิดประตูห้อง โดยไม่ลืมที่จะส่องตาแมวก่อนอย่างที่อาเจ๊เคยพร่ำสอน
พอพี่เต็งเห็นผมชัดเต็มตาก็ทำหน้าตาตลก ก่อนจะกวาดสายตาขึ้นๆลงๆ
“ชุดเดิมเลยนี่นา” อุตส่าห์ย้ำให้ผมดีใจอีก
“ผมเผลอหลับไป”
“ฮึ! เด็กชะมัด ไปอาบน้ำแต่งตัวไป เดี๋ยวพี่ทำข้าวเช้าให้”
ผมพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ผมทำอะไรไม่ค่อยเป็นหรอก อย่าบอกว่าจะให้ผมทำอาหารเลย ให้ผมเปิดเตาแก๊สให้รอดก่อนเถอะ เวลาที่อาเจ๊ไม่อยู่ทีไร ผมได้พึ่งอาหารกล่องตลอด
ผมเดินออกมาอีกที ก็เห็นข้าวต้มร้อนๆ ควันฉุยวางอยู่บนโต๊ะ ส่วนคนทำกำลังเก็บอุปกรณ์ต่างๆ มาล้าง เห็นแบบนี้แล้วก็เผลอคิดไม่ได้ว่า...
...ใครได้พี่เต็งเป็นเมีย คงสบายไปสิบชาติ... เหมือนพี่เต็งจะรู้ทันความคิดผม คนที่กำลังล้างจ้านอยู่เลยหันมามองก่อนจะเลิกคิ้วนิดๆ
“ใครได้พี่เป็นเมียนี่คงสบายเนอะ” ผมพูดออกไป แล้วก็รีบยกมือปิดปากแทบไม่ทัน
พี่เต็งชะงักมือที่กำลังล้างจานทันที แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ก้มหน้าก้มตาล้างจานให้เสร็จ ผมเลยยักไหล่ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ยังไม่ทันได้ตักข้าวต้มเข้าปากสมใจอยาก ก็รู้สึกว่ามีคนมายืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
“ไม่ต้องได้พี่เป็นเมีย แค่ดรีมได้เป็นเมียพี่ รับรองว่าสบายเหมือนกัน”อะ...ไอ้บ้า!! พูดออกมาหน้าไม่อายเลยนะเว้ย
.
.
ผมกับพี่เต็งแยกกันหน้าคณะ ผมเดินไปหายัยส้มที่ยืนรออยู่ ส่วนพี่เต็งตรงไปที่ห้องพักอาจารย์ ยัยส้มพอเห็นผมมาพร้อมกับพี่เต็งก็ทำตาวิบวับใส่ทันที
“เป็นอะไรของแก”
“แน่ะๆ มากับอาจารย์เต็งหนึ่งเหรอแก”
“เพื่อนเจ๊เดียร์เว้ย”
“อ้าว...ไหนเมื่อวานบอกว่าไม่รู้จักไง ตกลงเอาไงกันแน่”
“ช่างเหอะน่า เข้าเรียนได้แล้วไป”
ผมตัดบทก่อนจะลากยัยส้มเดินไปที่ห้องเรียน วันนี้ผมไม่ได้มีเรียนกับพี่เต็งหรอก ถ้ามีเรียนก็ซวยสิ ผมยังไม่ได้ทำการบ้านที่พี่เต็งสั่งเลย กำลังจะเดินเข้าห้องก็เห็นพี่เต็งยืนคุยอยู่กับอาจารย์พิมจันทร์ ที่สอนภาคการจัดการอย่างสนิทสนม ไม่รู้ว่าไปรู้จักกันได้ยังไง ผมขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อเห็นมือของอาจารย์พิมจันทร์วางอยู่บนแขนพี่เต็ง ก่อนจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วลากยัยส้มเดินเข้าห้อง
“เมื่อกี้อาจารย์เต็งหนึ่งเขามองแกด้วยหว่ะดรีม เหมือนจะพูดอะไรกับแกเลย”
“แล้ว?...”
“บอกให้รู้เฉยๆ”
ผมพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหยิบหนังสือมาเปิด พร้อมๆกับที่อาจารย์เดินเข้ามาในห้องพอดี
อาจารย์อธิบายพร้อมกับเลื่อนสไลด์ไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่อาจารย์พูดกลับไม่ได้เข้าหัวผมเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความสงสัยที่ท่วมท้นว่า...
พี่เต็งเป็นใครกันแน่???เป็นแฟนเช่า เป็นเพื่อนเจ๊เดียร์ เป็นอาจารย์เต็งหนึ่ง
หรือยังเป็นอะไรที่ผมไม่รู้อีก และท่าทางที่ดูสนิทสนมกันระหว่างพี่เต็งกับอาจารย์พิมจันทร์ก็บอกชัดว่า ทั้งคู่ย่อมรู้จักกันมานานแน่ๆ
.
.
ตอนกลางวัน พี่เต็งไม่ได้มากินข้าวกับผมเหมือนทุกที เรานั่งกินข้าวที่โรงอาหารเหมือนกัน แต่พี่เต็งนั่งอยู่ฝั่งอาจารย์...กับอาจารย์พิมจันทร์ คุยกันท่าทางสนุกสนาน ผมเห็นพี่เต็งยิ้มน้อยๆ ขณะฟังอาจารย์พิมพ์จันทร์พูด
“ดรีม...”
“ห๊ะ...หา” ผมสะดุ้ง หันมาหายัยส้มที่ขมวดคิ้วมองผมนิดๆ
“เป็นอะไรของแก ทำไมไม่รีบกินข้าววะ เดี๋ยวมีเรียนต่อนะ”
“เออๆ” ผมรับคำก่อนจะตักข้าวเข้าปากช้าๆ
ผัดซีอิ๊วของโปรด...ทำไมวันนี้มันไม่อร่อยเหมือนเดิมเลยวะ
“ดรีม...”
“อะไร?...”
ผมคงจะถามยัยส้มช้าไป เพราะพูดคำว่าอะไรจบ ก็มีคนถือวิสาสะนั่งลงข้างๆผม ผมหันไปมองก่อนจะเลิกคิ้วนิดๆเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายแค่ยิ้มหล่อๆกลับมา ผมเลยต้องถามอย่างอดไม่ได้
“มาทำไม?”
“มากินข้าวกับมึงไง ไม่ได้เหรอ?”
“อย่างกับว่าถ้ากูห้ามแล้วมึงจะฟัง”
ไอ้ต้าร์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกไปซื้อข้าว ผมไม่รู้หรอกว่าพี่เต็งมองอยู่หรือเปล่า แต่พอไอ้ต้าร์มา ผมก็ไม่ได้หันกลับไปมองพี่เต็งกับอาจารย์พิมจันทร์แล้ว
ไอ้ต้าร์เดินกลับมาพร้อมข้าวผัดกุ้ง มันเบียดตัวลงนั่งข้างๆผม ผมเลยเขยิบออกมานิดๆ ให้มันนั่งได้สบายกว่าเดิม
“วันนี้ไอ้บอลจะมาแถวนี้ มันชวนไปกินกัน มึงจะไปหรือเปล่า?” ไอ้ต้าร์ถามผม โดยที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ
“มึงเคี้ยวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูดก็ได้ ไม่มีใครแย่งมึงพูดหรอก” ผมด่ามันก่อนจะส่ายหน้าเอือมๆ
แปลก...ไม่ว่ายังไงผมก็นึกภาพตัวเองที่มีความสัมพันธ์กับมันมากกว่าเพื่อนไม่ออกเลย
“บ่นจริง ตกลงมึงจะไปไหม?” มันถามซ้ำ
“กู...” ผมตั้งใจจะปฏิเสธ อยากกลับคอนโดไปนอนตีพุงเล่นๆ แต่พอสายตาปะทะเข้ากับสายตาพี่เต็งที่มองมา คำพูดที่ดังออกมากลับกลายเป็นว่า “...ก็ไปสิ”
แปลกๆ การกระทำเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเองเลย
ไอ้ต้าร์ขมวดคิ้วนิดๆ เหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่พูด ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวผัด ผมเลยไม่พูดอะไรเหมือนกัน จนกระทั่งมันกินเสร็จ ก็เตรียมเดินกลับคณะตัวเอง
“เดี๋ยวตอนเย็นกูมารับ รออยู่ที่หน้าคณะนะ” มันพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม แต่ดูแล้วช่างเป็นรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อนเต็มทน
“อืม...”
.
.
ตกเย็น ผมเดินออกมาจากห้องเรียน มารอไอ้ต้าร์ที่หน้าคณะ พอเห็นพี่เต็งเดินมากับอาจารย์พิมจันทร์ ผมก็รีบแอบหลังเสา ดูคนสองคนที่ท่าทางสนิทสนมกันเดินผ่านหน้าผมไป ผมเห็นพี่เต็งหยิบมือถือมากดอะไรยุกยิก พร้อมๆกับที่โทรศัพท์ผมส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้า
“พี่ติดธุระ อาจจะมารับช้านิดหน่อย รอพี่นะ...พี่เต็ง”ผมมองโทรศัพท์มือถือตัวเองกับแผ่นหลังพี่เต็งที่เดินห่างออกไป รู้ว่ามันเป็นความงี่เง่าแบบเด็กๆ ไม่อยากจะหาเหตุผลในการกระทำของตัวเอง แต่มือผมค่อยๆเลื่อนไปก่อนจะ...กดปิดโทรศัพท์ตัวเองช้าๆ
“ดรีม...” เสียงเรียกชื่อดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับฝ่ามือที่วางลงบนไหล่
“หะ...หา มานานแล้วเหรอต้าร์”
ไอ้ต้าร์ยิ้มออกมาบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เดินนำผมไปที่รถของมัน พอมันปลดล็อกรถ ผมก็เปิดประตูขึ้นไปนั่ง บรรยากาศระหว่างผมกับมันดูเงียบๆ แปลกๆ จนผมต้องเป็นฝ่ายเปรยออกมาก่อน
“ไอ้บอลมาทำอะไรแถวนี้วะ”
“มาหาแฟนมันที่เรียนอยู่มหาลัยเราไง”
ผมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันหน้าออกนอกรถ ทอดสายตามองสองข้างทาง ภาพนักศึกษาที่เดินขวักไขว่อยู่ในมหาวิทยาลัยเป็นอะไรที่ดูคุ้นตา แต่...รถคันคุ้นตาที่มีอาจารย์พิมจันทร์นั่งไปกับพี่เต็งคืออะไร...?
“กูว่าไม่เจอไอ้บอลมานานแล้ว คืนนี้เมากันหน่อยมั้ย”
คำตอบของไอ้ต้าร์คือการวางมือบนหัวของผม ก่อนจะขยี้เบาๆ
“เรียนหนักเหรอ วันนี้มึงดูเครียดๆนะ ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนทุกทีเลย”
“คืนนี้มึงพากูไปคลายเครียดหน่อยละกัน”
.
.
“ไอ้ดรีม ไอ้คออ่อน มึงจะแดกเอาโล่เหรอไงวะ”
แว่วเสียงไอ้บอลดังปรามมา พร้อมกับมือมันที่พยายามยื้อยุดแก้วเบียร์ไปจากมือผม ผมก็พยายามโยกมือหลบทั้งที่เริ่มโงนเงน สติสตังพากันบินหนีไปหมด
“ให้กูกินน่า” ผมพูดเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะกระดกเข้าปากทั้งแก้ว
นึกอยากจะลองกินให้เมาแบบจริงๆจังๆดูซักครั้ง ยังไงไอ้ต้าร์กับไอ้บอลก็เพื่อนสนิท เดี๋ยวพวกมันก็พาผมไปส่งที่คอนโดอยู่ดี ผมเอื้อมมือไปคว้าขวดเบียร์มาจะรินใส่แก้วตัวเอง แต่ก็ต้องชะงัก เพราะไอ้ต้าร์มันจับขวดเบียร์ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยขวดเบียร์ให้ผม
“พอได้แล้วน่าดรีม มึงกินเยอะแล้วนะ”
“ฮึ้ย!! ให้กูกินน่า”
“พอได้แล้ว กูเป็นห่วงมึงนะ”
“กูว่ามึงพามันกลับไปส่งคอนโดเถอะต้าร์ เดี๋ยวกูช่วยประคองไปที่รถ”
“ไม่เอา กูไม่กลับ กูจะกิน”
ผมทั้งเถียง ทั้งดิ้น ทั้งโวยวาย แต่ก็สู้แรงพวกมันสองคนไม่ได้ มันช่วยกันหิ้วปีกผมมายัดใส่รถของไอ้ต้าร์ ก่อนที่ไอ้บอลจะยืนโบกมือส่งผมหยอยๆ
“ต้าร์ ไหนมึงบอกว่ารักกูไง ทำไมไม่ตามใจกูเลย”
“ฮึ กูรักมึงนะดรีม แต่ใจมึง...พร้อมจะอยู่กับกูจริงๆหรือเปล่า”
ถึงจะดื่มเบียร์ไปหลายแก้ว แต่ผมก็ยังมีสติพอที่จะเรียบเรียงคำพูดของไอ้ต้าร์ ผมมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของมัน
มันหล่อ...หล่อมากจริงๆ
แต่ผมไม่ได้รู้สึกใจเต้นหรือหวั่นไหวไปกับมันเลยแม้แต่น้อย
ไม่เลยซักนิด...
“เอาจริงๆนะ กูก็พอรู้ตัวอยู่แล้วว่าคงจะไม่มีหวัง กูมองตามึงทีไร ก็เห็นแต่ความเป็นเพื่อนที่มึงมอบให้กู แต่กูก็อยากจะลองเสี่ยงดู...เผื่อกูกับมึงจะมีโอกาสได้เป็นมากกว่าเพื่อน แต่มึงก็ทำให้กูรู้ตัวว่า...ไม่ว่ากูจะบอกชอบมึงวันนี้ หรือบอกมึงเมื่อสองปีที่แล้ว มึงก็คงจะปฏิเสธกูอยู่ดี...ใช่ไหมดรีม?”
“กูแค่พยายามหลอกตัวเองตอนที่เห็นมึงเดินมากับไอ้นั่น ว่าถ้ามึงจะชอบผู้ชายซักคน กูอาจจะมีสิทธิ์บ้าง แต่พอเห็นมึงเปลี่ยนไปเพราะมัน กูถึงรู้ว่า...กูคงไม่มีสิทธิ์...แม้แต่ที่จะคิด บอกกูมาตรงๆเถอะ บอกสิ่งที่มึงรู้สึกออกมา”
ไอ้ต้าร์จอดรถลงตรงลานจอดรถของคอนโดแล้ว ผมปลดเบลท์ออก แล้วหันไปเผชิญหน้ากับมัน
“ถ้ากูบอก...มึงจะไม่เปลี่ยนไปใช่ไหมต้าร์ มึงจะเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิมใช่ไหม”
“ถึงมันจะยาก แต่กูจะยอมรับแล้วกลับไปเป็นเพื่อนมึงเหมือนเดิม”
“กูขอโทษนะต้าร์ แต่กู...ไม่ได้ชอบมึงจริงๆหว่ะ”
“ขอโทษทำไม มึงไม่ได้ชอบกู ไม่ใช่ความผิดของมึงซะหน่อย”
ผมยิ้มออกมา อย่างน้อย...มันก็ยังเข้าใจผม
“มึงชอบหมอนั่นเหรอ?”
“ปะ...เปล่า กูยังไม่ได้ชอบ” กูแค่อยากรักษาสิทธิ์แฟนเช่า...ผมต่อประโยคในใจเบาๆ
ไอ้ต้าร์เอานิ้วมาจิ้มหน้าผากผม ก่อนจะทำหน้าไม่เชื่อ
“มึงคิดว่ากูไม่เห็นเหรอ มึงมองตามมันตาละห้อย ดรีมที่กูรู้จักไม่เคยเป็นแบบนี้เลย”
ผมมีอาการอย่างที่ไอ้ต้าร์บอกจริงๆเหรอ ผมอาจจะแค่ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ที่ไอ้พี่เต็งมันมาบอกว่าเป็นแฟนเช่าบ้าง มาบอกชอบผมบ้าง แล้วก็ไปทำตัวสนิทสนมกับคนอื่นบ้าง...ก็แค่นั้นเอง
“กูเปล่า...”
“มันเคยจูบมึงเหมือนที่กูจูบมึงหรือเปล่า”
“จูบพ่องดิ่!! มีแต่มึงนั่นแหล่ะที่จูบกู” ผมด่ามันทันที แต่มันกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ขอกูจูบอีกทีได้ป่ะ?”
“สัด!! จูบพ่อง!!!”
ผมว่าผมห้ามมันนะ แต่ทำไมไอ้ต้าร์ถึงได้โน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอาแขนมาเท้าคร่อมผมไว้กับประตูรถล่ะ มึงเล่นแบบนี้อีกแล้วนะไอ้ต้าร์ ถ้าคราวนี้ยอมให้มึงจูบได้ อย่ามาเรียกกูว่าดรีมเด็ดขาด
“อย่านะมึง...”
ก๊อกๆๆ...
ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะกระจกฝั่งผม รีบผลักไอ้ต้าร์ให้ออกห่างจากตัว นึกว่ารปภ.ที่คอนโดมาเคาะเพราะเห็นพวกผมทำอนาจารกันบนรถ แต่สิ่งที่รอผมอยู่กลับไม่ใช่รปภ....
เจ๊เดียร์ที่กำลังยืนหน้าบึ้ง และ...
ไอ้พี่เต็งที่กำลังยืนหน้าหงิก!!!
.
.
“เคลียร์กันให้เรียบร้อยนะ”
นั่นคือคำพูดที่หลุดออกมาจากปากเจ๊เดียร์ ก่อนที่อาเจ๊เขาจะเดินสะบัดบ๊อบเข้าลิฟต์ เหลือผมกับพี่เต็งที่นั่งประจันหน้ากันอยู่ตรงล็อบบีของคอนโด ส่วนไอ้ต้าร์ตัวดี...มันชิ่งหนีกลับไปตั้งแต่เห็นเจ๊เดียร์ทำหน้ายักษ์แล้วครับ
“พี่บอกว่าจะไปรับ ทำไมถึงไม่รอ”
“ผมมีนัดกับเพื่อน” ผมตอบพี่เต็ง แต่ตามองไปทางอื่น
“นัดกันไปเมาน่ะเหรอ แล้วโทรศัพท์ก็ไม่เปิด ไม่รู้หรือไงว่าเดียร์เขาเป็นห่วงเรามากแค่ไหน”
“แล้วไง ผมก็กลับมาแล้ว”
“คราวหลังจะไปไหนมาไหนก็โทรมาบอกกันหน่อย พี่เป็นห่วง”
“ผมโตแล้ว ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วพี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกับผม เอาเวลาไปสนใจคนที่พี่ควรสนใจเถอะ”
“ดรีม เป็นอะไรไป หันมามองหน้าพี่”
พี่เต็งเอื้อมมือจะมาจับหน้าผม แต่ผมสะบัดมือพี่เต็งออก แววตาตัดพ้อที่มองมา ทำเอาผมใจเสียนิดๆ แต่ทิฐิที่มีอยู่ทำให้ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกไป
“พี่เต็ง พี่เลิกมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตผมซะทีได้ไหม ถึงยังไงพี่ก็เป็นแฟนที่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเช่ามาอยู่แล้ว ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ เป็นความผิดพลาด พี่เองก็มีสังคมของพี่ ผมเองก็มีสังคมของผม เราแทบจะไม่รู้จักกันเลยซักนิด...”
“ดรีมคิดแบบนั้นเหรอ งั้นช่วยฟังที่พี่พูดหน่อยนะ พอพี่พูดจบแล้วพี่จะไป...”
“พี่เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยของเดียร์ แต่ดรีมคงจำไม่ได้หรืออาจจะไม่เคยจำเรื่องของพี่ แต่สำหรับพี่แล้ว...พี่คอยมองดรีมอยู่ตลอด มองดรีมค่อยๆเติบโต จากเด็กนักเรียนกลายมาเป็นเด็กมหาลัย หลายครั้งที่พี่อยากจะเข้าไปหาดรีม แต่พี่ก็ไม่กล้า ได้แต่มองอยู่ห่างๆ เรื่องที่เข้ามาเป็นแฟนเช่า เรื่องที่ไปเป็นอาจารย์ ทุกอย่าง...ล้วนแต่เป็นความตั้งใจของพี่ที่อยากจะอยู่ใกล้ๆดรีม ถ้ามันทำให้ดรีมอึดอัด...พี่ก็ขอโทษด้วยละกัน”
TBC//กราบบบบ ขอโทษที่มาช้านะคะ พยายามบอกตัวเองว่าเป็นเรื่องสั้น
เลยไม่รู้จะเขียนให้รักกันได้ยังไง อ่านแล้วอาจจะแปลกๆ อึนๆ มึนๆ ไปหน่อย
ยอมรับผิดแต่โดยดีเลยค่ะ
ถือว่าให้ปลาฝึกเขียนไปเรื่อยๆนะคะ เรื่องต่อๆไปน่าจะดีกว่านี้...มั้ง >.<
อีกตอนสองตอนก็จะจบแล้วค่ะ จบแบบป่วงๆนี่เลย ฮืออออออ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ