{ :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { :: พยศรัก :: } + END | *เปลี่ยนชื่อเรื่อง (เดิม : เล่ห์รัก)*  (อ่าน 197118 ครั้ง)

ออฟไลน์ mana_ai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
บีบคั้นจิตใจมาก T T

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 20 ::
การจากลา

 

พันเอกยืนมองนาวาที่เอาแต่ปักหลักนั่งอยู่ข้างเตียงของณะโมด้วยความเป็นห่วง นาวาไม่ยอมพูดจากับใครเลยทันทีที่ถึงโรงพยาบาล อีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้ราวกับคนกำลังจะขาดใจ ยิ่งคำยืนยันจากหมอว่าณะโมไม่อยู่แล้วทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะอุ้มร่างเล็กลงจากรถก็ยิ่งทำให้นาวาเหมือนคนไร้สติ เอาแต่กอดร่างไร้วิญญาณของน้องชายและร้องไห้ ร้องเสียจนพระพายร้องไห้ตามก่อนจะเดินเข้าไปกอดนาวาจากข้างหลังอย่างปลอบประโลม

“คุณเอก ไหวนะครับ” พายุเดินเข้ามาแตะลำแขนแกร่งของผู้เป็นเจ้านายด้วยความไม่สบายใจ ดวงตาเรียวเหลือบมองแผลจากการถูกยิงของร่างสูงที่บริเวณหัวไหล่ อาการของพันเอกไม่ร้ายแรงนักเพราะเจ้าตัวเบี่ยงร่างหนีวิถีกระสุนได้อย่างหวุดหวิด จากที่ณะโมเล็งตำแหน่งหัวใจของเขาเลยกลายเป็นว่ากระสุนไปฝังตัวอยู่ช่วงไหล่แทน

เดิมทีคุณหมออยากให้พันเอกนอนพักรักษาตัวเพราะถึงบาดแผลจะไม่ลึกมากแต่แผลจากการผ่าตัดเอากระสุนออกก็ยังเสี่ยงที่จะติดเชื้อ แต่พันเอกไม่มีเวลาที่จะมากังวลเรื่องแบบนั้น เขาเป็นห่วงนาวามากกว่าสิ่งอื่นใด สุดท้ายจึงต้องให้หมอพันแค่ผ้าพันแผลและผละออกมาหาอีกคนที่อยู่ห้องดับจิตแทน

“ผมว่าคุณเอกนอนโรงพยาบาลสักคืนสองคืนดีไหมครับ ผมเป็นห่วง กลัวคุณเป็นอะไรไปอีกคน”

“ไม่หรอก ฉันไม่เป็นไร” พันเอกบอกปัดความห่วงใยของลูกน้องด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ชายหนุ่มมองภาพนาวาด้วยสายตาเจ็บปวด ร่างโปร่งสะอื้นจนตัวโยน ละทิ้งทุกเกราะกำแพงที่เคยมี กลับกลายเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่หัวใจกำลังแหลกละเอียดเมื่อไร้คนที่รักอยู่เคียงข้าง

พันเอกไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปใกล้นาวาในตอนนี้ ภาพที่ณะโมถูกยิงย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาทซ้ำๆราวกับเดจาวู ยิ่งเสียงร่ำไห้ของนาวาดังแว่วมาให้ได้ยินมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าคนที่สมควรตายเป็นเขามากขึ้นเท่านั้น

อยากปลอบประโลมมากแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้

อยากเดินเข้าไปกอดแล้วกระซิบข้างหูว่าไม่เป็นไรแต่ก็ยังไม่กล้า

ณะโมตายก็เพราะเขา ถึงแม้มันจะเป็นอุบัติเหตุแต่พันเอกก็มีส่วน เขาทำให้คนที่รักมากที่สุดคนหนึ่งต้องเสียน้ำตา

ไม่เคยมีครั้งไหนที่พันเอกเกลียดตัวเองได้เท่ากับครั้งนี้เลยจริงๆ

 

 

 

 

 

“เป็นยังไงบ้าง” พันเอกเอ่ยถามน้องชายที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องนอนของเจ้าตัวด้วยความเป็นห่วง พระพายยกยิ้มจางๆให้กับชายหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาแตะดูแผลที่ไหล่ของคนตัวสูงก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบา

“หลับไปแล้วละครับ พอดีผมแอบผสมยานอนหลับใส่ลงไปในข้าวให้พี่วากินด้วยน่ะ” คนเป็นน้องตอบ แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้คนที่รักน้องยิ่งกว่าชีวิตอย่างนาวาไม่มีทางนอนหลับได้แน่น ดังนั้นพระพายจึงแอบใส่ยานอนหลับแล้วบังคับให้อีกฝ่ายกินข้าวกินปลาเสียก่อนจะพานาวากลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของเขาและให้นอนพักผ่อน ตอนแรกนาวาดึงดันที่จะลงมาอยู่จัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นหากแต่ไม่นานเจ้าตัวก็ผล็อยหลับไป ปากก็ละเมอชื่อณะโมออกมาให้คนฟังได้แต่มองอย่างสงสาร

พอนึกไปถึงเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลพระพายก็ได้แต่เจ็บแปลบในใจ นาวาไม่ยอมห่างจากน้องเลย เอาแต่กอดศพของณะโมและร้องไห้เป็นเวลานาน ร้องเสียจนเสียงแหบแห้ง พวกเขาเรียกให้กลับบ้านก็ไม่ยอมขยับ สุดท้ายพายุเลยต้องมาดึงตัวนาวาออกมาและพากันกลับมาบ้าน

แรกเริ่มนาวาขัดขืนสุดกำลัง อีกฝ่ายไม่ยอมไปไหนนอกจากยืนยันที่จะปักหลักอยู่กับน้อง พันเอกเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ให้เรื่องแย่กว่าเดิม ตัวพระพายเองก็ยื้อแรงของนาวาเอาไว้ไม่ไหว หากแต่พอพายุพูดเตือนสติของนาวาเพียงไม่กี่ประโยคร่างโปร่งถึงได้สงบลง

‘คุณวาครับ อย่าหาว่าผมใจร้ายเลยนะครับ แต่เราต้องยอมรับความจริง’

‘ฮึก’

‘ถึงคุณจะอยู่นี่ เอาแต่กอดศพน้องมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คุณวาที่ผมรู้จักเป็นคนมีสติและมีเหตุผลมากกว่านี้ กลับบ้านก่อนนะครับ ผมขอร้อง’

พระพายจำได้ดีว่าหลังจากจบประโยคนั้นนาวาก็เอาแต่กอดพายุแน่นก่อนจะยอมให้อีกคนจูงมือพาขึ้นรถแต่โดยดี ตลอดทางนาวาเอาแต่ซุกตัวอยู่กับอกของพายุในขณะที่พี่ชายของเขาต้องย้ายตัวเองไปนั่งข้างหน้าขนาบข้างกับคนขับ พระพายมองพายุที่กำลังกอดปลอบคนตัวขาวก่อนจะหันไปมองพันเอกที่เอาแต่ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา ยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังคงตกใจไม่หาย ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเสียจนตั้งตัวไม่ทัน ในอกวูบโหวงเหมือนถูกจับโยนไปมาในอากาศ ขนาดพระพายยังช็อคขนาดนี้ แล้วนาวาเล่าจะเป็นเช่นไร

“ยังไงฝากดูเขาหน่อยนะ อย่าพยายามให้อยู่คนเดียวเป็นอันขาด” พันเอกกำชับ พอเห็นน้องชายพยักหน้ารับก็โล่งใจ

“แล้วเรื่องณะละครับ” ร่างเล็กเอ่ยถามคนเป็นพี่ พอพูดถึงคนที่เพิ่งจะจากไปอย่างกะทันหันก็อดที่จะใจหายไม่ได้

“เดี๋ยวฉันจะลงไปให้ปากคำกับตำรวจ ส่วนเรื่องงานศพจักรรับหน้าที่เป็นคนจัดการ”

“ครับ...พี่เอก ผมว่าพี่ลองไปคุยๆกับพี่วาดูหน่อยไหม ผมไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมมั่นใจว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจอยากจะให้มันเป็นแบบนี้” พระพายตัดสินใจเอ่ยขึ้นก่อนจะเลื่อนมือไปบีบมือของพันเอกเพื่อให้กำลังใจ พันเอกมองหน้าน้องก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาวางบนหัวของพระพายพลางลูบเบาๆอย่างรักใคร่

“ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ร่างสูงบอกคนเป็นน้องก่อนจะยกยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ พระพายถอนหายใจ มองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่าพันเอกเองก็แย่ไม่ต่างจากนาวาเท่าใดนัก

“ครับ พี่เองก็อย่านอนดึกนะ ร่างกายพี่ก็ไม่โอเคอยู่ด้วย เดี๋ยวจะล้มลงไปอีกคน” คนอายุน้อยกว่ากำชับ พันเอกหลุดยิ้มกับน้ำเสียงบอกกล่าวแกมสั่งของพระพายก่อนจะพยักหน้า ชายหนุ่มยืนส่งน้องชายจนเข้าห้องนอนเรียบร้อยจึงหันกลับมาเคลียร์ความเรียบร้อยด้านนอก

ร่างสูงเดินลงไปคุยกับเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและสอบปากคำกับเขา ตำรวจหลายนายเข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานทั้งในห้องทำงานและห้องนอนของณะโม กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่เสียแล้ว

พันเอกทิ้งตัวลงบนโซฟาบริเวณห้องนั่งเล่นด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ทั้งบ้านกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เหลือบตามองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาที่เอื้องคำและสาวใช้คนอื่นๆจะตื่นขึ้นมาจ่ายตลาด และยังไม่ทันไรก็ปรากฏร่างของคนในความคิดที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเศร้าสลดดวงตาแดงก่ำ

“คุณพระคุณเจ้าของป้า ไม่เป็นอะไรนะคะ” เอื้องคำถามพลางจ้องมองผ้าพันแผลที่หัวไหล่ของพันเอกด้วยสายตาสั่นระริก

“ผมไม่เป็นไรครับป้าเอื้อง ป้าไปทำงานเถอะครับ” พันเอกเอ่ยกับหญิงสูงวัยที่เขาให้ความเคารพด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เอื้องคำมองเจ้านายด้วยแววตาอ่อนแสงก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้าคมคายแผ่วเบา

“เข้มแข็งนะคะคุณเอก ป้าเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”

“...”

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าลืมว่ายังมีคนอีกมากที่รักคุณจากใจจริง ทั้งคุณพาย ทั้งป้า ไหนจะเจ้ายุและคนอื่นๆ อย่าคิดว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียวนะคะ”

“ครับป้า ขอบคุณมากนะครับ” พันเอกยกยิ้มก่อนจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อน ร่างสูงเดินขึ้นชั้นบนของบ้านและกำลังจะเข้าห้องนอนหากแต่สายตากลับเหลือบไปเห็นพระพายเดินออกมาจากห้องเข้าพอดี

“เป็นยังไงบ้างครับ” คนอายุน้อยกว่าถามขึ้น ร่างเล็กเดินงัวเงียเข้ามาหาพันเอกก่อนจะลูบแขนแกร่งไปมาแผ่วเบา

“เดี๋ยวตำรวจจะนัดให้ปากคำอีกทีหนึ่ง...แล้วนาวาตื่นรึยัง” ชายหนุ่มเอ่ยถามอีกคนที่เมื่อคืนเข้าให้ไปนอนที่ห้องพระพาย

“ยังครับ พี่เอกจะเข้าไปดูหน่อยไหม” คนตัวเล็กกว่าถามขึ้นก่อนจะลอบมองปฏิกิริยาของพันเอก เมื่อเห็นว่าพี่ชายมีแววตาลังเลพระพายก็ได้แต่ยกยิ้มก่อนจะตบแขนของอีกคนเป็นเชิงปลอบใจ

“เข้าไปนอนกับพี่วาเถอะครับ พอตื่นแล้วก็เปิดอกคุยกันซะ ยิ่งปล่อยเอาไว้นานเรื่องก็ยิ่งบานปลายนะครับพี่เอก”

“แต่...”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เห็นผลของการกระทำที่ไม่สนใจใครของพี่รึยัง ผมอยากให้พี่หยุดเรื่องนี้ซะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กับพี่วา ถือว่าทำเพื่อผม ผมอยากเห็นพี่เอกมีความสุข” พระพายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง พันเอกถอนหายใจอย่างหนักหน่วงพลางดึงร่างน้องเข้ามากอดแน่น

“เขาไม่ให้อภัยฉันหรอก” ร่างสูงกระซิบชิดกระหม่อมของคนเป็นน้อง

“ลองดูสิครับพี่เอก ไม่ลองไม่รู้นะ”

“...”

“พาพี่วาหลบไปอยู่ที่อื่นสักพัก ไปอยู่ในที่ที่เรื่องราววุ่นวายพวกนี้ตามไปไม่ถึง ส่วนเรื่องคนทางนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเองนะ” คนเป็นน้องบอก เขารู้ดีว่าตอนนี้พันเอกกำลังถูกทุกอย่างรุมเร้า พระพายแค่อยากให้พี่ชายได้หยุดพักเสียบ้าง และอยากให้พันเอกพานาวาออกไปจากสถานการณ์นี้ด้วย

“เชื่อผมนะ ไม่ต้องห่วงที่นี่ เราถูกเลี้ยงมาให้ทำหน้าที่แทนกันได้ในเวลาแบบนี้นี่แหละ ปล่อยวางแล้วทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการบ้างเถอะนะครับ ถือซะว่าผมขอร้อง” พระพายทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะดันหลังพี่ชายให้เข้าไปหานาวาในห้อง พันเอกมองร่างโปร่งที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง คราบน้ำตาแห้งกรังเปรอะแก้มทำเอาใจของร่างสูงสะท้านวาบ สองขาพาตัวเองเดินไปหาคนที่นอนอยู่อย่างไม่รู้สึกตัว พอได้สติอีกทีก็พบว่าตอนนี้เขากำลังรั้งร่างของนาวาเข้ามากอดแนบอกเสียแล้ว

“ฉันขอโทษนะ” ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบาพลางแต้มริมฝีปากลงบนหน้าผากมน ไม่รู้ว่าหากตื่นขึ้นมานาวาจะมีปฏิกิริยาเช่นไร แต่อย่างน้อยๆขอให้เขาได้สูดดมกลิ่นไอหอมหวานจากร่างของคนตรงหน้าในยามหลับก็พอ

ไม่นานนักพันเอกก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเพราะความเหนื่อยล้า ลมหายใจร้อนผ่าวเข้าออกสม่ำเสมอ เป็นเวลาเดียวกันกับที่นาวาลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างโปร่งชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าตัวเองถูกกอด พอหันไปมองใบหน้าคมคายของพันเอกขอบตาของนาวาก็ร้อนผ่าว ในหัวหวนนึกถึงสิ่งที่พบเจอก่อนจะหลับและภาวนาขอให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน หากทว่าพอมองผ้าพันแผลที่หัวไหล่ของคนข้างกายนาวาก็ได้แต่นอนนิ่งน้ำตาตกลงสู่หมอน

เรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน

เขาเสียน้องชายไปแล้ว

นาวาขยับตัวออกจากอ้อมกอดของอีกคน เขารู้ดีว่าพันเอกไม่ผิดเพราะก่อนที่จะขึ้นมานอนทุกคนในบ้านได้ดูกล้องวงจรปิดภายในห้องทำงานกันหมด พันเอกเล่าให้ฟังว่าเพราะอยากปกป้องพี่ชาย อยากให้นาวาเป็นอิสระจึงคิดจะฆ่าพันเอกทิ้งเสีย พันเอกเองพอถูกยิงนัดแรกเข้าไปกลไกทางร่างกายก็สั่งให้เข้าชาร์จอีกคนเพื่อป้องกันตัว ไม่คิดไม่ฝันว่าปืนมันจะลั่นจนต้องมาเสียณะโมไปแบบนี้

“อ๊ะ...พี่วา จะไปไหนน่ะครับ” เสียงทักของพระพายดังขึ้นเมื่อเห็นนาวาเดินออกมาจากห้องนอน คนถูกทักหันไปมองใบหน้าขาวก่อนจะลดสายตาลงมองถาดอาหารในมือของอีกคน พระพายมองตามสายตาของนาวาก่อนจะยกยิ้มบางเบา

“ผมเอาข้าวเช้าขึ้นมาให้พี่กับพี่เอกน่ะ หิวหรือยังครับ”

“ไม่ครับ ผมขอตัว” นาวาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชา แม้ในใจจะบอกว่าพระพายไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่นาวาก็ห้ามตัวเองไม่ได้ จะให้เขาคุยกับคนในบ้านหลังนี้เหมือนเดิมคงต้องใช้เวลา

“พี่วาจะไปไหนครับ” ฝ่ายพระพายก็ยังไม่ยอมแพ้ คนตัวเล็กกว่าถามนาวาที่กำลังเดินหนีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นาวาเม้มปากแน่น ในใจลังเลว่าควรจะบอกความจริงออกไปดีไหม สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจพูดสิ่งที่ตัวเองคิดในใจออกไปให้อีกคนได้ฟัง

“จะไปห้องครับ ผมจะไปเก็บเสื้อผ้า”

“เก็บเสื้อผ้า? พี่วาหมายความว่ายังไงครับ” พระพายขมวดคิ้ว ในใจหวาดหวั่นกับคำตอบของอีกคนจนเผลอกำถาดอาหารในมือจนแน่น นาวามองใบหน้าได้รูปของคุณหนูคนเล็กของบ้านก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ผมจะออกไปจากที่นี่”

“!!!”

“ที่ผมมาอยู่ที่นี่เพราะน้อง ที่ยอมทุกอย่างจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะน้อง ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมต้องอยู่ที่นี่ต่อไป” นาวาพูดพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นจนเกินไป เมื่อวานนาวาร้องไห้มากจนเกินพอแล้ว หลังจากนี้เขาจะพยายามเข้มแข็งและไม่ร้องไห้อีกไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

“แต่...พี่วา”

“คุณพายอย่าห้ามผมเลยนะครับ ข้อตกลงระหว่างผมกับคุณเอกมันจบลงแล้ว เขาใช้ผมแก้แค้นคุณรามและกับค่าเล่าเรียนของณะโม ตอนนี้ณะโมไม่อยู่แล้ว และพี่ชายคุณก็ทำร้ายผมต่อหน้าคุณรามไปแล้ว ก็เท่ากับว่าเรื่องระหว่างผมกับเขามันจบลงแล้ว”

“พี่วา ใจเย็นๆก่อนนะครับ รอคุยกับพี่เอกก่อนดีกว่านะ เรื่องความแค้นอะไรนั่นตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว พี่เอกเขาไม่ได้...”

“พอเถอะครับคุณพาย ผมไม่อยากพาตัวเองเข้าไปทรมานอยู่ในวังวนของพวกคุณอีกต่อไปแล้ว” นาวาพูดพลางมองพระพายด้วยแววตาเจ็บปวดจนคนถูกมองชะงัก พระพายก้มหน้าลงจนคางแทบจะชิดอกอย่างยอมจำนน นาวาเห็นดังนั้นจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปภายในห้องนอนที่เคยถูกจัดเอาไว้ให้เป็นห้องของณะโมก่อนจะเริ่มเก็บเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่เขาและน้องนำมันมาจากบ้านเด็กกำพร้า นาวานั่งพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าท่ามกลางความเงียบงัน น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงอาบแก้มโดยไร้เสียงสะอื้น ความอ้างว้างหดหู่โอบล้อมรอบกายทำเอาร่างทั้งร่างหนาวยะเยือก ความจริงที่ตอกย้ำว่าเขาไม่เหลือใครแล้วทำให้นาวารู้สึกท้อแท้ เหนื่อยล้าเสียจนอยากจะตามไปอยู่กับน้องชายและพ่อกับแม่

มันคงจะดีกว่าหากเขาเป็นอีกคนที่สิ้นลมหายใจ

มันคงจะดีไม่น้อยหากนาวาจะได้ไปเจอพ่อแม่และณะโมอีก

ไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาต้องมีชีวิตอยู่บนโลกโดยปราศจากคนที่รัก นาวาจะอยู่ไปทำไม จะอยู่กับความทรมานเหล่านี้ไปเพื่ออะไรในเมื่อท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องอยู่เพียงลำพัง

ไม่หรอก นาวาขอเลือกตามไปอยู่กับครอบครัวเสียยังจะดีกว่าการใช้ชีวิตไปวันๆอย่างไร้จุดหมายแบบนี้

“นั่นสิ จะอยู่ไปทำไม” ร่างโปร่งพึมพำก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับกรรไกรที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นาวาลุกขึ้นเดินสะโหลสะเหลเข้าไปหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ ความคมวาววับของปลายกรรไกรตัดผมสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ ชายหนุ่มง้างกรรไกรขึ้นสูงอย่างไม่รอช้าก่อนจะแทงมันลงบนข้อมือขาวของตนเองอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วแขนพร้อมกับเลือดสีเข้มที่ไหลออกจากบาดแผล นาวาสบถในลำคอเมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรจะแทงกรรไกรเข้าที่หัวใจมากกว่าจะทำงี่เง่าด้วยการแทงมันลงบนข้อมือ ร่างขาวดึงเอาปลายแหลมออกจากมาก่อนจะง้างขึ้นอีกครั้ง และตำแหน่งที่เขาจะปักมันลงบนผิวเนื้อในครั้งนี้ก็คือหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง

แต่ยังไม่ทันจะได้ปลิดชีพตัวเองอย่างที่ใจนึก ประตูห้องก็ถูกเปิดด้วยฝีมือของพันเอกก่อนที่ชายหนุ่มจะเบิกตากว้าง นาวาหันไปมองผู้มาใหม่ก่อนจะลงแรงดึงของมีคมในมือเข้าหาตัวทว่ากลับช้าเกินไป พันเอกถึงตัวของเขาก่อนที่ปลายกรรไกรจะได้ฝังลงบนอกของเขา

“คุณเอก! ปล่อย!” นาวาร้องเสียงหลงพลางยื้อเอาของในมือกลับมาหากแต่ถูกพันเอกแย่งไป ร่างสูงตะคอกใส่หน้าของนาวาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าก่อนจะกดร่างโปร่งลงบนเตียงกว้าง

“บ้าไปแล้วหรือไงวา คิดจะทำอะไรหา!!!!”

“คุณก็เห็นอยู่ จะมาห้ามผมทำไม เอากรรไกรมานี่นะ!” นาวาเอ่ยพลางยื้อแย่งกรรไกรในมือ หากแต่พันเอกกลับกำมันแน่นไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้มันไป

“อย่าทำอะไรไร้สติแบบนี้อีกนะนาวา รู้ไหมว่าฉันตกใจมากแค่ไหน”

“เรื่องของคุณ ก็ผมจะตาย ผมอยากตายคุณได้ยินไหม ผมอยากตาย!!!” นาวาตะโกนกร้าว คราวนี้ร่างโปร่งหลุดเสียงสะอื้นออกมาอย่างสุดทน สองแขนออกแรงทุบอกของพันเอกเต็มแรงโดยไม่สนบาดแผลบนหัวไหล่ของอีกคนเลยแม้แต่น้อย

“ผมจะอยู่ไปทำไมในเมื่อทุกคนทิ้งผมไปหมด ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เห็นแก่ตัวทิ้งผมไปจนหมด ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งณะโม ทุกคนทิ้งผมไปหมดเลย!”

“...”

“ฮึก ทำไมถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว ทำไมต้องปล่อยให้ทรมานบนโลกคนเดียว ฮือ ไมไม่เอาผมไปด้วย ทำไมพวกเขาไม่เอาผมไปด้วย” ท้ายที่สุดนาวาก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทน พันเอกคว้าข้อมือเล็กมาไว้ในมือพลางหยิบเสื้อมากดแผลให้อีกฝ่าย กลีบปากสีชาดก้มลงจูบขมับของอีกคนอย่างหวงแหนในขณะที่นาวายังคงร้องไห้ออกมาไม่หยุด

“ผมคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ ฮือ”

“ชู่ว วา ไม่เป็นไร ฉันอยู่ตรงนี้ ขอโทษนะ ฉันขอโทษ” พันเอกกระซิบข้างหู ร่างข้างใต้ของเขาสั่นระริก เสียงร้องไห้ดังเคล้ากับเสียงตัดพ้อต่อว่าคนที่จากไป นาวาในตอนนี้เหมือนคนไร้สติ ไม่สนใจบาดแผลของตนเอง ไม่แม้แต่จะสนใจพันเอกที่กำลังกอดตัวเองเอาไว้แน่นและจูบซับหยาดน้ำตาที่สองข้างแก้ม ร่างโปร่งเอาแต่ร้องไห้หาพ่อแม่เหมือนเด็กหลงทาง เสียงสะอื้นหนักทำเอาขอบตาของพันเอกร้อนผ่าว สองแขนกอดกระชับร่างของนาวาเข้ามาแนบอกก่อนจะเอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาท่ามกลางเสียงคร่ำครวญของคนที่ไร้สติข้างกาย

“ไม่อยากอยู่แล้ว ฮึก ให้ผมตายเถอะ นะคุณเอก ให้ผมตาย” นาวาเว้าวอน พยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของคนตัวโตกว่าเพื่อไปคว้าเอากรรไกรที่พันเอกโยนทิ้งไปขึ้นมา

“ให้ผมตายนะคุณเอก ผมไม่อยากอยู่แล้ว ผมเจ็บ ฮึก ได้โปรด”

“วา อย่าเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษ แต่อย่าเป็นแบบนี้”

“ฮึก ให้ผมไปอยู่กับพวกเขาเถอะนะ ผมไม่โกรธคุณหรอก ผมยกโทษให้ แต่ขออย่างเดียว ปล่อยผมไปเถอะนะ”

“วา อย่า”

“ให้ผมมีชีวิตเป็นของตัวเอง ปล่อยผมกลับไปอยู่ในโลกของผมได้ไหมครับ ผมขอร้อง โลกของผมอยู่กับพ่อกับแม่ ชีวิตของผมอยู่กับน้อง ผมต้องไปอยู่กับพวกเขา” นาวาอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พันเอกเม้มปากแน่นก่อนจะเบือนหน้าหนี

นาวาเจ็บ เขาก็เจ็บ

เจ็บ...ที่เขาลงมือทำลายชีวิตของคนคนหนึ่งจนพังยับเยิน

หรือว่าเส้นทางระหว่างนาวาและพันเอก กำลังจะกลายเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบอย่างแท้จริง?
.
.
.
.
.

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
นาวาอาละวาดจนหลับด้วยความอ่อนเพลียในเวลาต่อมา พันเอกจัดการทำแผลให้กับคนตัวเล็กกว่าในขณะที่อีกคนจมลึกเข้าสู่ห้วงนิทรา โชคยังดีที่แผลของนาวาไม่ลึกมากนักแต่ก็ยังถือว่าน่าเป็นห่วง ชายหนุ่มจึงโทรตามแพทย์ให้มาดูอาการ เมื่อแน่ใจว่านาวาปลอดภัยดีแล้วเขาถึงได้โล่งใจ

ร่างสูงทอดสายตามองคนที่หลับลงเพราะฤทธิ์ยาก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มของนาวาด้วยความทะนุถนอม ดวงตาคมจ้องมองคราบน้ำตาบนปรางแก้มใสของคนในอ้อมกอดพลางก้มหน้าลงไปจูบซับมันแผ่วเบา พระพายที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามามองภาพตรงหน้าแล้วก็อดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ พันเอกคงรักนาวามากจริงๆถึงได้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายแบบนั้น

“กินอะไรรองท้องหน่อยครับพี่เอก จะได้กินยาหลังอาหาร” คนตัวขาวบอกกับพี่ชายเสียงเบาก่อนจะยกถาดอาหารไปให้พันเอกถึงเตียง

“พาย อยู่คนเดียวได้ไหม” อยู่ๆพันเอกก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พระพายขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าคนเป็นพี่ชายด้วยความฉงน

“ทำไมครับ”

“จะพานาวาไปอยู่ที่อื่นสักพักไง” ร่างสูงตอบพลางชำเลืองมองนาวาเล็กน้อย พระพายอมยิ้มกับประโยคของคนตรงหน้าก่อนจะรีบตอบด้วยน้ำเสียงสดใส

“ได้ครับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา”

“แน่นะ” พันเอกถามขึ้นอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ พระพายพยักหน้าหงึกหงัก ยืนยันหนักแน่นให้อีกคนสบายใจก่อนจะส่งยิ้มเป็นกำลังใจไปให้

“ไปเถอะครับ เชื่อผม จนกว่าพี่วาจะดีขึ้น ถึงตอนนั้นค่อยกลับมา”

“อืม”

“แล้วพี่เอกจะไปเมื่อไหร่ครับ” คนเป็นน้องถามขึ้น พันเอกหันไปมองนาวาพลางลูบกระหม่อมของอีกคนก่อนจะตอบกลับไป

“วันนี้”

“...”

“จะไปวันนี้เลย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ คงติดต่อกันยากหน่อยเพราะที่ที่จะไปแทบไม่มีอะไรเลย หรือบางทีอาจจะติดต่อกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ” พันเอกพูดขึ้น พระพายมองใบหน้าหม่นหมองของคนเป็นพี่ก่อนจะยกมือขึ้นไปบีบแขนของอีกคนเบาๆ

“ไม่ต้องห่วงนะพี่เอก ไปเถอะครับ เดี๋ยวงานทางนี้พี่ยุกับพี่จักรจัดการให้”

“ขอบใจมากนะที่อยู่ข้างพี่ตลอดมา” พันเอกหันไปพูดกับน้องก่อนจะดึงพระพายเข้ามากอดหลวมๆ คนตัวขาวยกมือขึ้นกอดตอบร่างสูงก่อนจะยกยิ้ม

“ก็ผมเหลือพี่ชายอยู่แค่คนเดียวแล้วนี่นา”

“ดูแลตัวเองดีๆด้วยละ” ร่างสูงพูดพลางลูบหัวน้องแผ่วเบา พระพายพยักหน้ากับอกของอีกคนก่อนจะผละออกไป

และในวันนั้น สมาชิกทุกคนภายในบ้านกฤตภาสก็มายืนเรียงรายกันหน้าบ้านเพื่อส่งประมุขของบ้านขึ้นรถ พันเอกไม่ได้บอกใครว่าจะพานาวาไปไหน ชายหนุ่มทำเพียงแค่ฝากฝังให้ทุกคนดูแลตัวเองก่อนจะอุ้มร่างของนาวาที่หลับลึกขึ้นรถและขับออกไป

พระพายมองตามท้ายรถของพี่ชายด้วยสายตาราบเรียบ อยู่ๆในอกก็รู้สึกวูบโหวง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบทสรุปของการกระทำทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้ แม้ปากจะบอกให้พันเอกไป หากแต่อีกฝ่ายไปจริงๆเขากลับรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเคย อีกทั้งการหายไปอย่างเงียบๆเท่ากับเป็นการหนีปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่ด้วย

ทางด้านพายุที่สังเกตเห็นแววตาวูบไหวของคุณหนูคนเล็กของบ้านก็ยกยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจ ร่างโปร่งเดินเข้าไปคว้ามือของพระพายมากุมเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆ

“เมื่อทุกอย่างดีขึ้นคุณเอกจะกลับมาครับ” คนเป็นลูกน้องเอ่ยขึ้น พระพายยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้า

“แล้วฝั่งนั้นมีท่าทีเอาคืนอะไรไหมครับพี่ยุ” พระพายถามถึงราม ในใจอดสั่นไหวไม่ได้เมื่อต้องเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้น ทั้งๆที่ตั้งใจว่าอดีตก็เป็นเพียงแค่อดีต เขาโยนทุกความทรงจำทิ้งไปและเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว หากแต่ลึกๆในใจแล้วมลทินที่ผู้ชายคนนั้นลวงหลอกให้เขาหลงใหลก็ยังคงสะกิดใจทุกครั้งที่นึกถึง

ไหนจะแหวนที่ห้อยอยู่ที่ลำคอขาวของเขานี่อีก

มันควรจะถูกทิ้งไปตั้งนานแล้วแต่พระพายกลับทิ้งมันไม่ลง เขายังคงใส่เอาไว้เพื่อตอกย้ำว่าครั้งหนึ่งเคยโง่งมงายให้รามหลอกทำร้ายจิตใจอย่างเลือดเย็น และแน่นอนว่าครั้งนี้พระพายจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้รามทำอะไรได้อีก

“คนของเรารายงานมาว่าทางนั้นยุ่งอยู่กับรายได้ของบริษัทอยู่ครับ คงเพราะหายไปนาน เห็นว่าหุ้นตกเยอะเอาการ คงจะประวิงเวลาให้ไม่มาวุ่นวายกับเราได้สักสองสามอาทิตย์หรือมากกว่านั้น”

“อืม ถึงตอนนั้นผมก็ปิดเทอมพอดี เดี๋ยวผมยกเลิกทริปขึ้นเหนือดีกว่า จะได้อยู่ช่วยพวกพี่รับมือกับคนพวกนี้ด้วย” พระพายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด พายุชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยค้านด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“ไม่ดีหรอกครับคุณพาย ปิดเทอมเป็นเวลาหาประสบการณ์นะครับ คุณพายอยากขึ้นไปสอนเด็กม้งบนดอยมากเลยไม่ใช่เหรอ ทางนี้ผมกับพี่จักรรับมือไหว”

“แต่ผม...”

“ไปเถอะครับ ถือซะว่าไปพักผ่อนด้วยนะครับคุณครู” พายุกระเซ้า พระพายหน้าแดงก่ำเพราะยังไม่ชินกับการที่มีคนมาเรียกตัวเองว่าคุณครูนัก คนตัวขาวฟาดเพียะลงบนไหล่ของพายุเต็มแรงจนอีกคนร้องโอดโอยเสียลั่น

“โอ๊ย มือหนักจัง!”

“พี่ยุ!”

“โอ๋ๆ ผมยอมแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ เราต้องคุยกันเรื่องงานศพของคุณณะโมอีก” พายุพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ พระพายเองก็หยุดกึกไปทันทีก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบ คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยพลางกัดริมฝีปากแน่น

“พี่วาจะเป็นยังไงนะถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่จัดงานศพน้องแบบนั้น”

“ผมว่าคงอาละวาดใส่คุณเอกยับแน่ๆ หรือไม่ก็อาจจะนิ่งเงียบเสียจนน่ากลัว” พายุสันนิษฐาน ในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้นาวาไม่อาละวาดเสียจนเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นซ้ำอีก แล้วก็ขอให้เจ้านายของเขาซื้อใจของนาวามาให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะต้องสิ้นสุดลงอย่างแท้จริง

 

 

 

 

หลายวันให้หลังงานศพของณะโมก็ถูกจัดขึ้นอย่างเงียบๆที่วัดแห่งหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากละแวกที่พวกเขาอาศัยอยู่ ช่วงเวลาที่ผ่านมาคนในบ้านกฤตภาสต่างก็วิ่งวุ่นกันหมดเนื่องจากงานที่รัดตัว จักรที่อยู่ในฐานะรองผู้บริหารและพายุเองก็ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะพันเอกไม่อยู่ โชคยังดีที่พวกเขาทั้งคู่ได้รับการยอมรับจากคนในบริษัทจึงไม่เป็นปัญหาในยามที่ประธานบริษัทขอลาพักผ่อนแบบไม่มีกำหนดเช่นนี้ ส่วนพระพายเองก็ต้องวิ่งวุ่นกับการสอบและเคลียร์งานที่มหาวิทยาลัย อีกทั้งยังต้องเป็นเจ้าภาพในงานศพของณะโม ทำเอาร่างเล็กถึงกับสะโหลสะเหลเนื่องจากอดนอนมาหลายวัน หวิดจะล้มหมอนนอนเสื่อจนทุกคนในบ้านเป็นห่วง

และแม้จะมีงานล้นมือมากมาย หากแต่พระพายก็หวังเอาไว้ลึกๆว่าพันเอกจะติดต่อกลับมาบ้าง หากแต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไร้วี่แวว จากที่คิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้วที่แนะนำพี่ชายไปแบบนั้นพระพายก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ความกระวนกระวายใจที่ไม่รู้ว่าพันเอกกับนาวาเป็นตายร้ายดีอย่างไรทำเอาพระพายเครียดหนักกว่าเดิม และในที่สุดคุณหนูคนเล็กก็วูบหมดสติกลางงานศพในวันที่สองทำเอาทุกคนใจหาย

“นี่ไงคะ ป้าบอกแล้วไงว่าพักบ้าง คุณพายก็ไม่เชื่อป้าเลย” เอื้องคำเอ็ดคนที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนอน พระพายหัวเราะแหะกลับมาให้ก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกคนเบาๆที่ทำให้เป็นห่วง

“เฮ้อ เอาเถอะค่ะ พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว คุณพายไม่ต้องไปก็ได้นะคะ”

“ไม่ได้ครับป้าเอื้อง ยิ่งวันสุดท้ายยิ่งต้องไป ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ” คนตัวขาวยืนยันเสียงหนักแน่นทำเอาคนอายุมากกว่าส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจในความดื้อดึง หญิงสูงวัยจัดการให้พระพายดื่มนมหนึ่งแก้วตามด้วยยาบำรุงก่อนจะบังคับให้ร่างเล็กนอนพักผ่อน เพียงไม่นานพระพายก็หลับสนิทด้วยความอ่อนล้า เอื้องคำมองชายหนุ่มตรงหน้าพลางลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา พระพายหน้าเหมือนแม่มากเหลือเกิน ทั้งผิวพรรณขาวผ่อง โครงหน้าได้รูป ริมฝีปากสีธรรมชาติและจมูกโด่งรั้นเล็กจุ๋มจิ๋ม หากแต่สิ่งที่เหมือนผู้เป็นพ่อมีเพียงอย่างเดียวคือดวงตา

ดวงตาที่เมื่อมองยามใด เอื้องคำก็ได้แต่รู้สึกยอกในอก แววตาเด็ดเดี่ยวดื้อรั้นของพระพายหวนให้เธอนึกถึงใครคนหนึ่ง

“แกน่าจะได้มาเห็นตาหนูของแก เจ้ากร...” หญิงสูงวัยพึมพำเสียงบางเบาท่ามกลางความเงียบงัน ชื่อที่เอื้อนเอ่ยไม่ใช่ชื่อของพัฒพงษ์อย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เป็นชื่อต้องห้ามในบ้านหลังนี้

ชื่อของคนที่เป็นผู้ให้กำเนิดของพระพายอย่างแท้จริง

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

Talk…
ไหนใครบอกว่าไม่ดริฟท์แล้ว พูดดดดด (เอ็งอ่ะแหละ) อีกไม่กี่ตอนก็จะจบแล้วยังจะพาดริฟท์อีกเนาะ 5555555
เพราะฉะนั้นถ้านิยายยังไม่จบอย่าเพิ่งวางใจว่าจะไม่พาดริฟท์นะคะ ฮู่วววว >w<
ไม่มีอะไรจะพูดมาก ต้องรออ่านกันเอาเองเนาะ เหลืออีกประมาณ 5 ตอนก็ลาจอแล้วจ้ะ (คนอ่านบอกใกล้เวลาเลิกทรมาน ฮาาา)
สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจนะจ๊ะ อ่านแล้วใครใจดีก็ติชมได้น้า
เจอกันตอนหน้าจ้า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :monkeysad:   สงสารนาวา

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
 :เฮ้อ: สงสารพระพายล่วงหน้า  :sad11:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ก้งงกะตัวเองอยู่ ตั้งใจว่าจบละค่อยอ่าน เจออัพทีไรก้มาอ่านทุ้กกกที รุ้ว่ามันเศร้าก้ยังหน้ามึนอ่านต่อไป จบเรื่องนี้น้ำตาไหลสงสารหนุพายต่อเรื่องโน้นอีก โอ้ชีวิต :katai1:

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สะใจ  5555+

จัดมาเลย  ดราม่า หนักๆ   พระเอกตาย นายเอกเป็นบ้า  ก็จัดมา  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
แง้มประวัติพาย แต่ถึงจะคนละพ่อ ยังไงพันเอกก็ยังคงรักพายไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดีคงไม่ทำร้ายเหมือนเทียน แต่เอาจริงๆลึกๆๆๆๆๆๆๆคิดว่าพันเอกก็รักเทียนนะ รอดูถ้าพันเอกรู้ว่าคนอื่นมาทำร้ายเทียน คงจะได้เห็นสายใยความเป็นพี่ที่จริงๆแล้วก็ยังมีต่อเทียน ยิ่งตอนนี้นิสัยเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เริ่มห่วงพายละ นาวาสู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 21 ::
เริ่มต้นจาก 0

 

อากาศเย็นสบายในตอนเช้าตรู่ปลุกให้พันเอกลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ ชายหนุ่มวาดมือไปข้างกายที่ซึ่งมีร่างของใครอีกคนนอนร่วมเตียงเคียงหมอนก่อนจะดึงนาวาเข้ามาใกล้ จมูกโด่งก้มลงสูดดมความหอมของนาวายามหลับอย่างที่ทำเป็นประจำในตอนที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ร่างโปร่งขมวดคิ้วมุ่นครางอืออาเสียงเบาก่อนจะค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ

พอเห็นว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอ้อมกอดใครนาวาก็ออกแรงดิ้นอย่างเช่นทุกครั้ง ความโกรธเคืองที่ถูกพันเอกพาตัวออกจากบ้านโดยพลการยังคงกรุ่นกลิ่นอยู่ในอก แม้เวลาจะผ่านไปหลายวันแล้วหากแต่มันไม่ได้ช่วยให้นาวารู้สึกดีขึ้นสักนิด

“ปล่อย!” นาวาแหว ดวงหน้าได้รูปตวัดมองคนตัวโตกว่า ใจหนึ่งอยากจะจิกเล็บลงบนแผลที่ไหล่ของอีกคนนักแต่ก็ไม่กล้าพอ

“ขอโทษ” ทางด้านพันเอกเองเมื่อเห็นว่านาวาไม่พอใจมากจริงๆก็เอ่ยขอโทษแผ่วเบาก่อนจะยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ นาวาผุดตัวลุกขึ้นนั่งแทบจะในทันทีก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและคว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมา ร่างโปร่งหยิบเสื้อผ้าที่พันเอกพับเอาไว้ให้ที่มุมห้องก่อนจะเดินลงจากบ้านไปโดยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย จุดหมายคือห้องน้ำหลังบ้านที่ตั้งห่างออกไปไม่ไกลนัก นาวาเดินลงบันไดบ้านด้วยอารมณ์หงุดหงิดก่อนจะเหลือบตามองลูกหมาจรจัดที่ชอบมาขอข้าวเขากินเป็นประจำ

“ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วยหรอกนะวันนี้” ชายหนุ่มเอ็ดใส่เจ้าตัวเล็กพันทางหน้าตามอมแมม สัตว์สี่ขาแสนรู้เอียงคอมองเขาก่อนจะเห่าออกมาเสียงเล็กเสียงน้อย นาวาถอนหายใจกับอารมณ์ที่ไม่คงที่ของตนเองก่อนจะสะดุ้งไปเล็กน้อยเมื่อพันเอกเดินตามลงมาและวางมือลงบนไหล่เขา

“ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันให้ข้าวเจ้าหลงมันเอง” พันเอกเอาใจ ด้วยรู้ดีว่าตั้งแต่ถือวิสาสะพาอีกคนมาที่นี่นาวาก็มีเพียงลูกสุนัขจรจัดตัวนี้เท่านั้นที่ช่วยคลายเหงาให้ สถานที่ที่พันเอกพานาวามาอยู่นั้นไม่มีอะไรเลย มันเป็นบ้านไม้สองชั้นยกตัวขึ้นสูงตามแบบฉบับบ้านของชาวบ้านตามชนบททั่วไป บนบ้านมีเพียงห้องนอนกับลานโล่งๆ ไม่มีทีวีหรือเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ สิ่งอำนวยความสะดวกเดียวที่มีให้คือไฟฟ้าที่ติดๆดับๆบ้างเป็นบางครั้ง

ชั้นใต้ถุนเป็นแคร่ไม้สีเหลี่ยมผืนผ้าสำหรับนั่งเล่น ข้างๆมีเปลผูกเอาไว้ไม่ไกลนัก มีห้องขนาดพอดีเอาไว้ใช้เป็นห้องครัว ข้างในมีแค่เตาแก๊ส เตาถ่าน และเครื่องปรุงอีกสองสามอย่าง ส่วนห้องน้ำจะอยู่ห่างออกไปทางหลังบ้าน เดินประมาณสิบเก้าก็จะถึง

บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคนที่พันเอกรู้จัก เขาติดต่อขอมาอยู่ชั่วคราวเพราะที่นี่เหมาะสำหรับใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและเงียบสงบ ห่างออกไปเกือบยี่สิบกิโลก็จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ  นอกจากที่นี่จะปลีกวิเวกยากต่อการค้นหาแล้ว พื้นที่ตรงนี้ยังอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเรือเสียด้วย สิ่งที่ต้องระวังในยามค่ำคืนคือสัตว์ป่า แม้อุทยานจะมีรั้วรอบขอบชิดแต่พันเอกก็ยังเป็นห่วงนาวาอยู่ดี ยิ่งนาวายังอารมณ์ขึ้นๆลงๆแบบนี้เขาก็ยิ่งปล่อยให้ห่างตัวไม่ได้

พันเอกยังจำได้ดี วันแรกที่พวกเขามาถึงที่นี่นาวาอาละวาดหนัก เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายใช้กำลังทุบตีเขา นาวากรีดร้องก่นด่า บางครั้งถึงกับหยิบมีดในครัวมาขู่เขา หากแต่พันเอกกลับยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายร่างกายเขาจนพอใจ ขอแค่นาวาไม่ทำร้ายตัวเองก็พอ

วันเวลาผ่านไป จากคำกรีดร้องกลายเป็นอ้อนวอน นาวาขอให้เขาพากลับบ้าน ไปร่วมงานศพของน้อง แต่พันเอกก็ไม่สามารถให้ในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการได้ และเมื่อรับรู้ว่าวอนขออย่างไรก็ไร้ประโยชน์ หลังจากนั้นไม่นานนาวาก็ไม่เอื้อนเอ่ยอะไรอีก เอาแต่ทำท่าทีโกรธเคืองพันเอกอยู่ตลอดเวลา และพูดคุยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

พันเอกเองก็ไม่ได้เร่งรัด เขาใจเย็นขึ้นมากและรอเวลา รอให้นาวาเปิดใจคุยกันแบบมีเหตุผล ค่อยๆปรับความเข้าใจกันอย่างช้าๆและพันเอกเองก็พร้อมจะยอมรับผิดในทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป

เขาพร้อมจะชดใช้ทุกอย่างให้นาวา แม้กระทั่งชีวิตของตัวเอง พันเอกก็ยินยอมที่จะสังเวยมันเพื่อไถ่บาป

พันเอกยอม ยอมทุกอย่างแล้วจริงๆ

ช่วงสายของวันพันเอกปล่อยให้นาวานอนหลับอยู่บนเปลใต้ถุนบ้านเพียงลำพัง ส่วนตัวเขานั้นก็คว้ากุญแจรถและขับรถไปยังหมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่ห่างออกไป พันเอกนัดกับคนรู้จักให้ซื้อน้ำมันมาให้ อีกฝ่ายชวนเขาให้อยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกันเสียก่อนแต่พันเอกก็รีบปฏิเสธเพราะเป็นห่วงนาวา ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะไปรับเอาน้ำมันที่ฝากซื้อและตรงดิ่งกลับบ้าน

“คนที่อยู่ที่บ้านเนี่ย สำคัญมากเลยเหรอวะ มากี่ทีๆก็รีบกลับ ไม่อยู่กินข้าวกินปลาด้วยกันเลย” เสือแสน อดีตนักค้าอาวุธเถื่อนที่ผันตัวไปทำงานช่วยตำรวจและเป็นเจ้าหน้าที่ประจำอุทยานแห่งชาติถามขึ้น เขารู้จักพันเอกเพราะทั้งคู่เคยให้ความช่วยเหลือแก่ตำรวจในคดีเปิดโปงธาตุแท้ของนักการเมืองทุจริตคนหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน แม้จะไม่สนิทกันมากนักแต่พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าทั้งคู่ไว้ใจกันและกันได้

“สำคัญพอๆกับน้องชาย” พันเอกตอบคำถามของอีกคนในขณะยกน้ำมันขึ้นไว้ท้ายกระบะ คนถามแค่นหัวเราะกับคำตอบของพันเอกก่อนจะมองใบหน้าคมคายที่ดูซีดเซียวลงไปถนัดตา

“ไปทำระยำกับเขาเอาไว้เยอะสิท่า ถึงได้ถ่อมาปรับความเข้าใจกันถึงนี่”

พันเอกไม่ตอบ นั่นยิ่งยืนยันในสิ่งที่แสนคิดว่ามันถูกต้อง ร่างสูงเดินเข้าไปหาพันเอกพลางยกมือขึ้นตบบ่าแกร่งเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ

“ถ้ามันไม่ร้ายแรงมาก เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวเขาก็ใจอ่อน”

“หึ แล้วถ้ากูเป็นต้นเหตุให้น้องชายเขาตายล่ะวะ มึงยังคิดว่าเขาจะใจอ่อนให้กูอยู่ไหมไอ้แสน” พันเอกสวนขึ้น แค่นยิ้มสมเพชให้กับตัวเองก่อนจะพูดต่อ

“กูไม่แม้แต่จะให้เขาอยู่จัดงานศพน้องด้วยซ้ำ”

“แล้วมึงก็จะไถ่โทษเขาแบบลุ่มๆดอนๆแบบนี้เนี่ยเหรอวะ? นี่ มึงฟังนะไอ้เอก วันนี้เขาอาจจะเกลียดมึง แต่เมื่อเวลาผ่านไปในอนาคต เชื่อเถอะว่าความรู้สึกของคนเรามันก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คนทุกคนเกิดมาก็ต้องตายก็ทั้งนั้นแหละ”

“...”

“ดูอย่างกูกับเมียสิ เมื่อก่อนอรเขาเป็นลูกตำรวจใหญ่ในขณะที่กูเป็นโจรค่าหัวสูงลิ่ว ที่ลูกชายกูตายก็เพราะมีพ่อของอรเขาเป็นต้นเหตุ แต่แล้วไง มันเป็นเพราะอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้มันเกิด พอเวลาผ่านไปกูก็เห็นอะไรๆมากขึ้น ความมีสติทำให้กูเป็นคนมีเหตุผลมากขึ้น เราชุบชีวิตคนตายไม่ได้หรอกนะไอ้เอก เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เรากำหนดอนาคตเองได้”

“มันไม่เหมือนกันไอ้แสน กูทำร้ายเขา ทำชีวิตเขาพัง ทำให้เขาไม่เหลือใคร กูจะมีหน้าไปขอให้เขารักกูอีกเหรอวะ” พันเอกพูดพลางขมวดคิ้ว อีกฝ่ายทำเพียงแค่ยกยิ้มก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“กูก็เคยทำร้ายอร เคยแค้นที่พ่อของอรฆ่าลูกกู กว่ากูจะคิดได้ว่ากูรักเขาก็เกือบจะเสียลูกตัวเองไปอีกคนแล้ว มึงน่ะยังดีที่รู้ใจตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ”

“...”

“มึงก็อย่าคิดว่ามึงทำเพราะขอให้เขาเห็นใจสิ มึงก็แค่ทำไปเรื่อยๆ เคยทำร้ายเขามากเท่าไหร่ก็ชดใช้ให้มากกว่าเดิม สิ่งที่มึงทำคือการชดเชย ชดเชยโดยไม่หวังว่าจะได้อะไรกลับมาไหม  ยิ่งมึงบอกว่ามึงทำลายชีวิตเขา มึงเองนั่นแหละที่ต้องมอบชีวิตของตัวเองทดแทนในส่วนที่เขาไม่มีโดยไม่ต้องคิดไม่ต้องถามว่าผลสุดท้ายแล้วเขาจะให้อะไรมึงกลับมา” แสนพูดขึ้นก่อนจะยกยิ้มเมื่อเห็นลูกชายวิ่งฉิวเข้ามาเกาะขา

“สำหรับกู การปล่อยให้คนที่เรารักไปเผชิญโลกคนเดียวโดยไม่ยอมทำอะไรเลยไม่เรียกว่าไถ่โทษ มันเรียกว่าผลักภาระ แต่การมอบชีวิตของตัวเองและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีชดใช้เขาและดูแลเขาให้ดีที่สุดต่างหากถึงจะเรียกว่าไถ่โทษ”

“แต่…”

“ชดเชยสิ่งที่มึงช่วงชิงมาซะ หาวิธีอุดรอยโหว่ที่มึงทำเอาไว้ มันอาจจะทดแทนกันไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าปล่อยเขาไปตามทางหรือทำไปเพราะรอความเห็นใจแบบที่มึงกำลังทำอยู่  ถ้าท้ายที่สุดแล้วเขายังต้องการที่จะเดินจากไป ถึงตอนนั้นมึงค่อยปล่อยเขาไป เชื่อกู”

เสือแสนทิ้งท้ายให้พันเอกได้สะกิดในใจก่อนจะขอตัวอุ้มลูกชายเข้าบ้าน พันเอกมองตามแผ่นหลังของคนที่ครั้งหนึ่งเคยทำผิดพลาดมากมายอย่างนึกชื่นชม แสนพูดถูก เขาไม่ควรเอาแต่คิดเองเออเองว่านาวาจะเป็นแบบนั้นแบบนี้ ไม่ควรพะว้าพะวงหรือกังวลว่าผลสุดท้ายแล้วนาวาจะยกโทษให้หรือไม่ ที่ผ่านมาแม้พันเอกจะตั้งใจไถ่โทษ แต่ลึกๆแล้วเขาก็ยังเห็นแก่ตัวที่อยากให้ผลของการกระทำออกมาในรูปแบบที่ต้องการ เขาทำเพื่อให้นาวายกโทษให้ ไม่ได้ทำเพื่อชดเชยความรู้สึกและศักดิ์ศรีของอีกฝ่ายอย่างแท้จริง

แต่หลังจากนี้พันเอกจะไม่สนสิ่งที่จะได้รับ เขาจะเดินหน้าชดเชยสิ่งที่เขาพรากมาจากนาวา พันเอกจะไถ่โทษทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำเอาไว้ ไม่ว่าคำตอบของนาวาจะออกมาในรูปแบบไหน เขาก็จะยอมรับมัน บัดนี้นาวาเป็นประกาศิตอยู่เหนือเขาทุกอย่าง

นาวาอยู่เหนือพันเอกในทุกๆอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ชีวิต

และหัวใจ…

 

 

 

เกือบสามสิบนาทีให้หลังรถยนต์ของพันเอกก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน ชายหนุ่มแบกแกลลอนน้ำมันลงจากรถพลางมองไปยังใต้ถุนบ้านเพื่อมองหานาวา คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่าบริเวณนั้นมีเพียงเจ้าหลงนอนหลับอยู่ พันเอกใจกระตุกวูบพลางจ้ำอ้าวขึ้นชั้นบน วางถังน้ำมันลงและเดินไปยังห้องนอน ร่างสูงเปิดประตูห้องเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นนาวากำลังจะแขวนคอตัวเองกับคานไม้บนเพดาน

“วา!!!” พันเอกเรียกชื่อนาวาเสียงดังลั่นห้องก่อนจะก้าวเท้ายาวๆเข้าไปคว้าร่างของอีกคนเอาไว้ได้ทัน ร่างสูงดึงนาวาออกมาให้ห่างจากผ้าปูที่นอนที่อีกฝ่ายดึงออกมาจากเตียงก่อนจะดันร่างของนาวาให้ขยับเข้าไปชิดผนังและเอาตัวเองกักเอาไว้

“นายคิดจะทำอะไรของนาย!” คนตัวโตตะคอกใส่ใบหน้าขาว ดวงตาวูบไหวด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว นาวากำลังจะผูกคอตาย และถ้าพันเอกมาช้ากว่านี้เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง

“ปล่อยนะ!”

“อยากให้ฉันอกแตกตายนักหรือไงวา อย่าทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้อีก” พันเอกยังคงพูดในขณะที่นาวาเอาแต่ก้มหน้าเม้มปากแน่น ร่างขาวโปร่งสั่นสะท้าน นึกโกรธเคืองอีกคนมากนักที่คอยแต่จะเข้ามาทำให้นาวารู้สึกแย่ไปหมด

“คุณจะรู้สึกยังไงนั่นมันก็เรื่องของคุณ แต่ผมไม่อยากอยู่ มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องอยู่ในเมื่อคนที่ผมรักตายไปหมดแล้ว!” นาวาเถียงขึ้นมาบ้างจนพันเอกชะงัก

“นายคิดว่านี่คือทางออกเหรอ นายไม่เห็นถึงคุณค่าของตัวเองเลยหรือไง นายคิดว่าพ่อกับแม่นาย รวมถึงณะโม พวกเขาจะดีใจเหรอที่เห็นนายยอมแพ้เอาง่ายๆแบบนี้”

“อย่าเอาคนตายมาอ้างนะ! หยุดพูดถึงครอบครัวของผมซะที คนอย่างคุณมันจะไปรู้อะไรล่ะ เก่งแต่พรากความสุขของคนอื่นไม่ใช่เหรอ อย่างคุณมันจะไปรู้อะไรได้ คิดอะไรเป็น ไอ้คนเห็นแก่ตัว!” นาวาด่ากราด ความรู้สึกที่เก็บกดมานานระเบิดออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สองแขนยกขึ้นทุบไหล่ของคนตรงหน้าซ้ำๆพลางพร่ำบอกให้พันเอกเปิดทางให้เขา

“ออกไปให้พ้น ปล่อยผมไปสักทีคุณเอก ผมทรมานจะตายอยู่แล้วคุณรู้บ้างไหม แค่ปล่อยให้ผมตาย แค่ยอมให้ผมไปอยู่กับครอบครัวตัวเองมันยากตรงไหน มันยากตรงไหน!!!”

“ยากตรงที่ฉันรักนายไง!”

“!!!”

“ฉันรักนาย รักนายมากจนยอมทิ้งทุกอย่าง ยอมหยุดทั้งๆที่รอการแก้แค้นนี่มาเป็นสิบปี ยอมก้มหัวให้ แล้วจะให้มองคนที่ฉันรักฆ่าตัวตายน่ะเหรอ” พันเอกพูดขึ้นบ้าง จ้องตากับนาวาที่บัดนี้ยืนนิ่งกับคำพูดของเขา

“ฉันเสียนายไปไม่ได้วา เสียใครไปไม่ได้อีกแล้ว” พันเอกพูดพลางซบหน้าลงกับลาดไหล่เล็กของอีกคน สองแขนตวัดร่างนาวาเข้ามากอดแน่นด้วยความหวาดกลัว สองร่างสั่นสะริกอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน

“อยู่กับฉันได้ไหมวา อยู่ด้วยกันนะ” พันเอกกระซิบกับร่างที่เริ่มสั่นเพราะแรงสะอื้น นาวาขยุ้มเสื้อของพันเอกเต็มแรงขณะซบหน้าลงกับอกของคนตัวสูงกว่า

“แต่ณะโมตายแล้ว ฮึก เขาตายในบ้านหลังนั้น ผมกลับไปอยู่ที่นั่นไม่ได้ ผมอยู่กับคุณไม่ได้ เรารักกันไม่ได้คุณเอก” นาวาพูดพลางกลั้นสะอื้น พันเอกมาพูดอะไรเอาป่านนี้ อีกฝ่ายมารักเขาทำไมในตอนนี้ คำสารภาพของคนคนนี้ไม่ได้ช่วยให้นาวารู้สึกดีขึ้นเลย แต่ในทางกลับกันนาวารู้สึกแย่ลงกว่าเดิม ทำไมโลกถึงต้องเหวี่ยงคนที่ไม่สมควรจะรักมาให้เขาอยู่ร่ำไป

“ผมรักคุณไม่ได้” ร่างโปร่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนจะเม้มปากแน่น พันเอกหลับตาลงเมื่อได้ฟังประโยคนั้นจบ สองแขนกระชับร่างของนาวาเอาไว้แน่นก่อนจะเอียงหน้าเข้าไปจูบขมับบางของนาวาซ้ำๆแล้วกระซิบข้างหู

“ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่อย่าเกลียดกันได้ไหมวา”

“...”

“ฉันขอในฐานะผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง อย่าเกลียดฉัน และอย่าคิดฆ่าตัวตายอีก” พันเอกวอนขอเสียงแผ่วเบาจนนาวาเจ็บในอก ร่างสูงผละออกมาสบตากับนาวาพลางยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มขาว ริมฝีปากสีชาดเคลื่อนเข้าไปจูบซับน้ำตาบริเวณหางตาเปียกชื้นของอีกคน เรื่อยลงมายังปรางแก้มทั้งสองข้างก่อนจะคล้อยต่ำลงไปยังมุมปากเล็กของอีกคนแผ่วเบา

ชั่ววินาทีที่พันเอกกำลังจากเลื่อนหน้าเข้าไปจูบซับกลีบปากนุ่มหยุ่นของอีกคน นาวาก็ได้สติเสียก่อน ร่างโปร่งขืนตัวออกห่างจากพันธนาการก่อนจะเบือนหน้าหนี

“คุณจะยอมชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไหม” คนตัวขาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พันเอกเอียงหน้าเข้าไปกดจูบทั่วสันกรามได้รูปของอีกคนพลางพยักหน้า ร่างสูงดันนาวาลงนอนราบไปกับพื้นห้องก่อนจะคร่อมกาบลงไปทาบทับเหนือคนตัวเล็กกว่า นาวามองลำคอแกร่งและคางของอีกฝ่ายก่อนจะพูดต่อ

“คุณจะยอมทำทุกอย่างจนผมพอใจ แล้วปล่อยผมไปมีชีวิตในแบบที่ผมต้องการไหม”

“...” พันเอกถึงกับเงียบเมื่ออีกฝ่ายพูดประโยคนี้จบลง ชายหนุ่มจ้องมองแววตาแนวแน่ของนาวาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะจำใจพยักหน้า

“งั้นรักผม รักให้มากๆ รักให้หมดทั้งหัวใจของคุณ” นาวาพูดพลางยกสองมือขึ้นประคองแก้มของพันเอกเอาไว้ ร่างโปร่งออกแรงดึงให้อีกฝ่ายโน้มตัวลงมารับจูบจากเขาก่อนจะผละใบหน้าออกมาและกระซิบชิดริมฝีปากของอีกคนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“รักผมให้มากกว่าชีวิตของคุณ แล้วหลังจากวันนี้ นี่จะเป็นบทลงโทษที่คุณควรได้รับมัน” จบประโยคนาวาก็ยินยอมทอดกายให้พันเอกเชยชมอีกครั้งอย่างไม่อิดออด เสียงครางหวานหูดังขึ้นคละเคล้าไปกับเสียงจังหวะเร่าร้อนระหว่างคนสองคน นาวายอมให้พันเอกตักตวงความหอมหวานจากร่างกายไปเท่าที่เจ้าตัวต้องการ ร่างโปร่งยอมให้อีกฝ่ายสอดใส่ถาโถมเข้ามาในกายครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยตัวไปใจไปกับอารมณ์ใคร่ของร่างกายที่ปะทุขึ้น

รักเสียให้พอ ตักตวงให้มากๆ

ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้แตะต้องกายของเขาอีก

จนกว่าจะสาสม พันเอกจะไม่มีวันได้แตะต้องหรือได้รับแม้แต่เศษซากของหัวใจที่นาวาเป็นอันขาด

ไม่มีวัน...





งานสวดศพของณะโมในวันสุดท้ายปรากฏร่างของคนที่พระพายไม่เคยคิดว่าจะได้เจอกันอีกครั้ง การมาของรามสร้างความหวดหวั่นให้กับเขาไม่น้อย พระพายจ้องร่างสูงกำยำของอีกคนด้วยความตกใจ นึกขัดใจตัวเองอยู่ในทีเมื่อความรู้สึกส่วนลึกดันโล่งอกที่เห็นว่ารามปลอดภัยดี แม้ร่างกายจะซูบผอมไปบ้าง หากแต่ความน่าเกรงขามของรามก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย

ทำไมเขาจะต้องห่วงคนคนนี้อยู่ตลอด

ทำไมพระพายถึงไม่หลาบจำว่าอดีตที่เคยเจอมันเลวร้ายมากแค่ไหน

น่าสมเพชสิ้นดี

“ไม่คิดจะเชิญกันหน่อยเหรอ” นายหัวหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของคนตัวขาวพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา พระพายเก็บความรู้สึกลึกลงไปในใจก่อนจะทำทีเบือนหน้าหนี

“ทำไมต้องเชิญ คุณไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผมหรือว่าคนตายสักหน่อยนี่ครับ” พระพายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่แพ้กัน ส่งผลให้ดวงตาของรามวาวโรจน์ขึ้นมาพลางหัวเราะในลำคอ

“พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยนะพระพายว่าเราไม่เกี่ยวข้องกัน ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าฉันป่าวประกาศให้คนเขารู้ว่านายเคยเกี่ยวกับฉันในห้องเก็บของ นายจะยังเสแสร้งทำเป็นไม่สนิทชิดเชื้อกันได้อยู่ไหม” รามพูดพร้อมกับยกยิ้ม ร่างสูงเน้นคำว่าเกี่ยวเสียงหนักแน่นพลางจ้องใบหน้าขาวนัยน์ตาพราวระยับ

ก่อนหน้านี้รามยอมรับว่าเขาลืมเลือนพระพายไปแล้ว อีกฝ่ายไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย ของเล่นที่มันถูกใช้เล่นจนหมดประโยชน์มันไม่มีค่าอะไรกับเขาเลยสักนิด แต่หลังจากที่พระพายให้ความช่วยเหลือเขากับนาวาที่บ้านในวันนั้นรามถึงได้สะกิดใจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอีกคนขึ้นมาได้

พระพายเป็นคนใจดี เป็นที่รักของคนรอบข้าง และยังเป็นแก้วตาดวงใจของพันเอก หากจะมีวิธีไหนที่จะเอาคืนพันเอกได้อย่างสาสมกัน ก็คงเป็นวิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น

ถ้าจะทำให้พันเอกตายทั้งเป็น ก็มีแต่จะต้องฉกชิงแก้วตาดวงใจของมันเอามาไว้กับตัว และใช้วิธีอย่างเดียวกันกับที่มันทำกับคนที่เขารัก ในเมื่อพันเอกเล่นงานคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างนาวาได้ รามเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน และจนกว่าเขาจะหาตัวพันเอกและนาวาพบ เขาก็จะพาพระพายไปเล่นด้วยกันที่เกาะฆ่าเวลา

ถือซะว่าทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะมารับไปอยู่ด้วยกัน

สัญญา ที่รามพูดมันเพียงเพื่อหว่านล้อมให้พระพายยอมทอดกายให้เชยชมอย่างยินยอมพร้อมใจ

สัญญา ที่ไม่ต่างอะไรไปจากคำลวงเลยแม้แต่น้อย

ทางด้านพระพายเองเมื่อได้ยินประโยคของร่างสูงตรงหน้าก็ได้แต่เสแสร้งเชิดหน้าขึ้น ดวงตาคู่สวยสบเข้ากับแววตาดุดันของรามพลางตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“อดีต ยังไงมันก็เป็นอดีตอยู่วันยันค่ำ ผมไม่จำความรู้สึกห่วยๆแบบนั้นให้รกสมองหรอก ดีแล้วที่พี่เอกได้พี่วาไปแทนที่จะเป็นคุณ อย่างน้อยพี่ชายของผมก็ทำให้พี่วาครางเสียงดังได้มากกว่าที่คุณทำแน่ๆ” ร่างเล็กพูดจบก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในศาลา รามมองตามแผ่นหลังบางของพระพายด้วยความโมโห สองมือกำหมัดแน่นไม่คาดฝันว่าเด็กน้อยที่แสนน่ารักในวันวานจะกลับกลายเป็นคนที่มีวาจาเชือดเฉือนได้ขนาดนี้

“นายหัวครับ เข้าไปเคารพศพกันเถอะครับ” เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้นเรียกสติ รามกัดฟันกรอดก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้า

วันนี้ไม่ใช่วันของเขา เจตนาจริงๆของรามคือการมาเคารพศพของณะโมเพียงเท่านั้น

ส่วนพระพาย ครั้งนี้เขาจะปล่อยให้อีกคนย่ามใจต่อล้อต่อเถียงเขาไปก่อน แต่อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานรามจะทำให้คุณหนูคนเล็กของตระกูลกฤตภาสต้องมาสยบแทบเท้าเขาอีกครั้งอย่างยอมจำนน พระพายจะต้องพ่ายแพ้ให้แก่เขา

ทั้งตัว และหัวใจ

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 22 ::
กลับสู่ความเป็นจริง

 

หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง...

เป็นเวลาเกือบสิบสองอาทิตย์เข้าให้แล้วที่นาวาอยู่ที่นี่ อยู่ในที่ที่ไม่รู้จัก

และอาศัยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง

สิบสองอาทิตย์ เท่ากับสามเดือน สามเดือนของข้อตกลงที่พวกเขาสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่นาวาเคยคิดจะผูกคอตายในวันนั้น

‘ผมจะอยู่ที่นี่เพียงแค่สามเดือน ระหว่างที่อยู่ที่นี่คุณไม่มีสิทธิ์จำกัดอิสรภาพของผม คุณจะต้องยอมตามใจผมทุกอย่าง เรื่องณะโม ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมไม่ถือโทษโกรธเรื่องนั้น ผมอโหสิให้ แต่เรื่องที่ผ่านมาที่คุณทำร้ายผม คุณตั้งใจ มันเป็นคนละส่วนกันกับการตายของณะโม และผมจะไม่ยกโทษให้’

นาวาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เขาเป็นคนมีเหตุผลมากพอที่จะแยกแยะได้ว่าน้องชายตายเพราะความประมาทของตัวเอง พันเอกไม่ผิด และนาวาก็ไม่สมควรไปพาลเพราะความเสียใจกับอีกฝ่าย เขารู้ดีว่าพันเอกเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น

แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำกับเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก นาวาปล่อยให้มันผ่านเลยไปโดยไม่ทำอะไรไม่ได้

สำหรับความทรงจำแย่ๆเหล่านั้น การถูกข่มขืน การถูกลวนลาม ถูกหยามศักดิ์ศรี ถูกกดขี่ความเป็นมนุษย์

สิ่งเหล่านี้ลบล้างด้วยคำว่ารักไม่ได้หรอก

มันไม่ใช่การแก้แค้น ไม่ใช่การเอาคืน แต่มันคือสิ่งที่พันเอกจะต้องชดใช้

“ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียของร่างสูงดังขึ้นเมื่อนาวาถือผ้าเช็ดตัวลงมาจากบ้าน ร่างโปร่งปรายตามองไปยังต้นเสียงก่อนจะยกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายลุกจากเปลที่ใช้นอนตลอดคืนและเดินมาหาเขา ไม่ผิดหรอก เปลใต้ถุนบ้านเป็นที่นอนของพันเอกจริงๆ

หลังจากที่เซ็กซ์แสนดุเดือดนั่นจบลง นาวาก็เปรยขึ้นมาว่าไม่อยากนอนใกล้อีกฝ่ายอีก เขาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าและปรายตามองอีกคนก่อนจะพูดซ้ำว่าไม่ต้องการนอนร่วมเตียงกัน เย็นวันนั้นพันเอกจึงหอบหมอนใบเล็กและผ้าห่มผืนบางลงไปนอนที่ใต้ถุนบ้านอย่างว่าง่าย และตั้งแต่คืนนั้นนั่นก็เป็นที่นอนของพันเอกมาตลอดสามเดือน พันเอกไม่ปริปากบ่น แม้บางทีนาวาจะใจอ่อนเรียกอีกฝ่ายขึ้นมาบนบ้านเพราะอากาศค่อนข้างเย็น แต่พันเอกก็ยังยืนยันว่านอนได้ ไม่เป็นไร

นอกจากพวกเขาจะแยกกันนอนแล้ว ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาพันเอกก็ไม่เข้าใกล้นาวาเกินกว่าที่กำหนด ร่างสูงจะคอยมองอยู่ห่างๆ คอยให้ความช่วยเหลือและให้สิ่งที่ต้องการโดยที่นาวายังไม่ทันจะร้องขอ

ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีอะไรก้าวหน้า แต่ก็ไม่แย่ลง ซึ่งแค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้วสำหรับพันเอก

และในวันนี้ก็ครบกำหนดที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้าย

ทั้งคู่อาบน้ำแต่งตัวและเก็บของอย่างเงียบๆ นาวาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านก่อนจะเดินลงมาและชะงักเมื่อเห็นเจ้าหลงนั่งส่ายหางมองหน้าเขาอยู่

“จะเอามันไปอยู่ด้วยเหรอ” พันเอกถามขึ้น นาวาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“มันเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจได้ เป็นสิ่งเดียวที่ผมมีในตอนนี้”

พันเอกได้ยินแล้วก็อยากจะแย้งนักว่านาวายังมีเขา แต่การกระทำเลวร้ายที่ผ่านมามันยังค้ำคอทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไป สุดท้ายจึงได้แต่ยกยิ้มและพยักหน้าให้กับอีกคนเพียงเท่านั้น

“แล้วหลังจากกลับไป จะเป็นยังไงต่อ” ร่างสูงถามอย่างมีความหวัง นาวาเงยหน้ามองอีกคนด้วยแววตาราบเรียบก่อนจะหันกลับไปเล่นกับเจ้าหลงต่อ

“เราจะเคลียร์กับคุณราม แล้วหลังจากนั้นผมจะไป”

“วา แต่...”

“ไม่มีแต่ครับ เรื่องของพวกคุณควรจบลงได้แล้ว อย่าให้มีใครต้องมาเจ็บแบบผมอีกเลย”

“แล้วนายล่ะ นายจะไปอยู่ที่ไหน” พันเอกถามด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้นาวาอย่างลืมตัวก่อนจะตั้งสติได้เมื่อเห็นว่าอีกคนถอยหลังให้ห่างออกไปจากตัวเขา ร่างสูงหน้าเจื่อนกับท่าทีของคนตัวเล็กกว่าพลางยืนนิ่ง

“ผมอยู่ได้ทุกที่แหละครับ ยกเว้นบ้านหลังนั้น” นาวาตอบ น้ำเสียงยามพูดถึงบ้านของพันเอกเย็นชาและแฝงความปวดร้าว คนเป็นเจ้าของบ้านถึงกับพูดไม่ออก แน่ใจในนาทีนั้นเองว่าต่อให้เปลี่ยนใจนาวาได้ ต่อให้นาวายอมทิ้งทุกอย่าง แต่บ้านหลังนั้นก็ยังคงเป็นฝันร้ายที่ติดอยู่ในใจของอีกคนไปตลอดชีวิต

นาวาจะไม่มีวันกลับไปใช้ชีวิตกับมันอีกเป็นอันขาด

“ไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตัวขาวข้างกายขณะยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปเก็บบนรถ นาวาส่ายหน้าพลางตอบอีกฝ่ายกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าตอนมาก็มาแต่ตัวจะให้เอาอะไรกลับไปได้

“นั่นน่ะ ยืนรอแล้วดูสิ” พันเอกชี้ไปที่ลูกหมาตัวจ้อยที่ยืนส่ายหางอยู่ไม่ไกล นาวามองตามทิศทางของนิ้วยาวก่อนจะเดินเข้าไปอุ้มเจ้าสัตว์สี่ขาขึ้นมาแนบอก

“ไม่เอาไว้กระบะหลังได้ไหม ผมกลัวมันตก” นาวาเอ่ยขอ ก้มลงหอมเจ้าสุนัขตัวเล็กฟอดหนึ่งพลางบ่นอุบว่าตัวเหม็นมาอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะอาบน้ำไปเมื่อวานแท้ๆ

“เอางั้นก็ได้ ขึ้นรถเถอะ” ร่างสูงเอ่ยพลางรอให้นาวาอุ้มเจ้าหลงขึ้นไปนั่งบนรถ ร่างสูงตามขึ้นไปประจำตำแหน่งของคนขับก่อนจะสตาร์ทรถและเข้าเกียร์ให้รถเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้าน

คนตัวขาวมองภาพสะท้อนของบ้านไม้จากกระจกข้าง ในอกวูบโหวง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าระยะเวลาสามเดือนกว่าที่อยู่ที่นี่นาวาผูกพันกับบ้านหลังนั้นไม่น้อย

ใช่...ผูกพันกับบ้าน แต่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนข้างกายที่พามาอยู่

ความโกรธเคืองยังคงขุ่นมัวอยู่ในอก สามเดือนที่ผ่านมามันเสียเปล่า ระยะเวลาที่ใกล้ชิดกันไม่ได้ช่วยเยียวยาอะไรเลยแม้แต่น้อย และนอกจากจะไร้ค่าแล้วยังเป็นการถ่วงเวลาให้อะไรมันยืดเยื้อไปมากกว่าเดิมอีกด้วย

เรื่องมันควรจะจบตั้งแต่วันที่ณะโมตาย แต่พันเอกกลับยื้อให้เวลาเสียเปล่ามาตั้งสามเดือน แต่ถึงอย่างนั้นนาวาก็ไม่ได้ปริปากพูดว่าการกระทำและการเอาใจใส่ที่อีกฝ่ายทำมามันสูญเปล่าหรอก เขาแค่ปล่อยให้อีกฝ่ายพะเน้าพะนอเอาใจไปเรื่อยๆ ไม่ได้แสดงออกว่าใส่ใจหรือไม่แต่อย่างใด

แค่ชอบที่เห็นคนอย่างพันเอกตะเกียกตะกายทำสิ่งไร้ค่าต่อหน้าต่อตาก็เท่านั้น

อยากชดใช้งั้นหรือ...ก็เอาสิ

อยากไถ่โทษ...ทำไปเลย เขาไม่ว่า

อยากจะทำอะไรก็ทำมาเถอะ เพราะทำไปก็เท่านั้น

ทุกสิ่งทุกอย่างมันไร้ค่าในสายตาเขาไปตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายสารภาพว่ารักเขาแล้ว

กับการกระทำเลวร้ายที่เคยทำร้ายกันในวันวาน แล้วอยู่ๆจะมาชดเชยด้วยการดูและเอาใจใส่ราวกับไข่ในหินแล้วพร่ำเพ้อว่ารักหมดใจน่ะหรือ...มันก็ง่ายเกินไป

นาวาถูกกดหัวให้ต่ำตั้งเท่าไหร่ ถูกทำร้ายจนยับเยินตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งๆที่เขาไม่ผิดอะไร เป็นแค่คนที่ถูกลูกหลงจากความพาลของคนไม่รู้จักคิด ถูกทารุณทั้งกายและใจไปตั้งมาก จะให้มาใจอ่อนยวบเพียงแค่ลมปากบอกรักจากซาตานร้ายที่อยู่ๆก็ผันตัวกลับไปเป็นเทพบุตรงั้นหรือ ใครเชื่อก็โง่เต็มที

สำหรับพันเอก หากให้นาวาประมาณตัวเลขของระดับความสัมพันธ์ ตอนนี้คงให้เลขศูนย์ไปอย่างไม่ลังเล

เขาไม่ได้เกลียดพันเอกขนาดจะคิดติดลบจนมองหน้าไม่ได้ แต่ ณ ตอนนี้นาวาก็ไม่คิดจะมองอีกฝ่ายในแง่บวกหรือยอมเปิดใจ ‘รัก’ ผู้ชายที่ดีแต่ทำร้ายคนอื่นแบบไม่สนเหตุผลหรอก

แต่คนอย่างนาวาจะไปรู้อะไร

ลืมอะไรไปหรือเปล่า

ลืมไปแล้วหรือ ว่าตนเองใจอ่อนมากแค่ไหนน่ะ ...นาวา ชนกันต์...

เสียงบีบแตรที่ดังขึ้นหน้าประตูรั้วพาให้เหล่าคนใช้ในบ้านรีบกุลีกุจอเปิดประตูให้นายใหญ่กันแทบไม่ทัน นาวาจ้องมองตัวบ้านหลังโตโออ่าพลางกลืนน้ำลายแล้วเบือนหน้าหนี สองแขนกระชับเจ้าลูกสุนัขในอ้อมอกเอาไว้แน่นก่อนจะท่องกับตัวเองในใจว่าเดี๋ยวความทรมานนี้ก็จะมอดดับลง

อีกไม่นานหรอก อีกไม่นานเขาก็จะได้ไปให้พ้นจากกรงขังที่เป็นดั่งขุมนรกนี่เสียที

“ผมจะย้ายไปนอนเรือนคนใช้ด้านหลังนะครับ หวังว่าคุณคงจะไม่ขัดข้อง” นาวาเอ่ยเสียงราบเรียบให้พันเอกได้ค่อนขอดในใจว่าตนจะไปขัดอะไรได้ ทุกวันนี้เขาก็ยกนาวาขึ้นเชิดชูให้อยู่เหนือทุกอย่างไปหมดแล้ว

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบนาวาก็สรุปเอาเองในใจว่าพันเอกตกลง ร่างโปร่งอุ้มเจ้าหลงลงจากรถอย่างเงียบๆพลางเดินลัดเลาะไปยังหลังบ้าน เขาวางลูกสุนัขลงกับพื้น เจ้าสี่ขาตัวสั่นงันงก ดูท่าจะตื่นสถานที่ไม่น้อยจนอดที่จะยกยิ้มออกมาไม่ได้

“คุณวา!!!!” เสียงคุ้นเคยของเอื้องคำดังขึ้นพร้อมกับอาการโถมตัวเข้ากอดของหญิงสูงวัยที่เขาเคารพ

.
.
.
.
.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
“คุณวาเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมคะ ถูกคุณเอกรังแกอะไรอีกไหม” เอื้องคำถามรัวเสียงสั่น นาวายกยิ้ม ส่ายหน้าและบอกว่าเขาสบายดีก่อนจะกอดร่างท้วมของหญิงตรงหน้าอีกครั้ง

“ฮึก ป้าใจหายหมด นึกว่าคุณจะเป็นอะไรไปอีกคนซะแล้ว”

“อีกคน? ป้าเอื้องหมายความว่ายังไงครับ” นาวาขมวดคิ้ว เอื้องคำน้ำตาร่วงผล็อยกับคำถามของเขาก่อนจะตอบกลับมาพร้อมกับปล่อยโฮ

“คุณพายค่ะ คุณพายหายตัวไป ฮือออ”

“ว่าไงนะ!”

“ป้าใจจะขาดอยู่แล้วค่ะคุณวา”

“หายไป...หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ป้าไม่ทราบค่ะ แต่สามเดือนก่อนคุณหนูแกขึ้นไปเชียงใหม่ กำหนดกลับเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแต่ก็ยังไม่มีวี่แววเลย ป้าโทรหาก็ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง พอจะติดต่อคุณเอกก็ติดต่อไม่ได้อีก พวกเจ้ายุเจ้าจักรก็ตามหากันให้ทั่วแต่ก็ยังไม่เจอ” เอื้องคำสะอื้น ในอกร้าวรานนักเมื่อคุณหนูสุดรักของเธอหายตัวไป

“ป้าไม่รู้จะทำยังไงแล้วค่ะคุณวา กลัวคนทางนั้นเล่นงานคุณหนู”

“คนทางนั้น? ป้าหมายถึง...”

“พวกกลทีบ์ ป้ากลัวคุณหนูถูกพวกกลทีบ์จับไป”

นาวาเม้มปากแน่นกับคำบอกของเอื้องคำ ชายหนุ่มฝากเจ้าหลงไว้กับเธอก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านใหญ่ เมื่อเข้าไปยังห้องโถงสิ่งแรกที่เห็นคือภาพที่พันเอกเหวี่ยงรูปภาพนับสิบลงกับพื้นพร้อมกับอาละวาดเหมือนคนไร้สติ

“กูจะฆ่ามัน! ไอ้ระยำเอ๊ย กูจะฆ่ามัน!!!!!” ประมุขของบ้านตะโกนกร้าวดวงตาแดงก่ำ พายุกับจักรเองก็ดูจะกำลังโมโหอะไรบางอย่าง นาวาขมวดคิ้ว เป็นจังหวะเดียวกับที่พัดลมบนเพดานพัดเอารูปภาพสองสามใบปลิวมาตกอยู่แนบเท้า

นาวาก้มลงมอง คิ้วขมวดด้วยความฉงนก่อนจะย่อตัวเก็บรูปที่ว่าขึ้นมาถือเอาไว้ และทันทีที่ดวงตาทั้งสองเห็นบุคคลในภาพชัดเจนก็เบิกกว้างพลางอุทานเสียงหลง

“คุณพาย...”

พันเอกหันขวับตามเสียงร้อง มองเห็นร่างของนาวายืนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มกัดฟันกำหมัดแน่นในขณะที่นาวาใจเต้นไม่เป็นส่ำกับสิ่งที่เห็น

“คุณยุ นี่มันอะไรกันครับ ทำไม...” ยังไม่ทันจบประโยคนาวาก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นว่าไหล่กว้างสั่นระริก ทุกสายตามองไปยังพันเอกที่ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง สองมือปิดหน้า ปากพึมพำชื่อน้องชายที่หวงแหนเอาไว้ไม่หยุด

“รูปพวกนี้ถูกส่งมาที่บ้านเมื่ออาทิตย์ก่อน ผมพยายามติดต่อคุณเอกแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เราพยายามสืบต้นตอของรูปดูเผื่อว่าจะเป็นรูปตัดต่อแต่ก็ยังไม่คืบหน้าจนกระทั่งพวกคุณกลับมานี่แหละครับ” พายุอธิบายขึ้นขณะเดินเข้าไปทรุดตัวลงกับพื้นและบีบมือเจ้านายเอาไว้แน่น เหตุการณ์แบบนี้ทำให้เขานึกย้อนไปถึงวันที่พันเอกเอารูปของตัวเองกับนาวาในห้องทำงานออกมาล้างและฝากให้เขาส่งไปให้รามเมื่อหลายเดือนก่อน

“เป็นมัน ไอ้เลวระยำนั่น กูจะฆ่ามัน” พันเอกเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างคลั่งแค้น นาวาก้มลงมองรูปภาพในมืออีกครั้งก่อนพลางเม้มปากแน่น เดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าใครเป็นคนส่งภาพนี้มา

“คุณต้องจบเรื่องนี้ได้แล้วนะคุณเอก เห็นหรือยังว่าความแค้นมันไม่เคยส่งผลดีกับใครเลย ผมต้องมาถูกคุณทำร้าย น้องชายคุณต้องถูกข่มขืน คุณยังคิดจะตอกกลับด้วยวิธีแรงๆอีกเหรอ”

นาวาพูดอย่างไม่ได้นึกเห็นอกเห็นใจคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย คิดดูแล้วมันก็สาสมกันอยู่ เขาถูกพันเอกย่ำยีทั้งที่ไม่เต็มใจโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร คราวนี้พันเอกจะโดนเล่นงานคืนบ้างมันก็คงจะสาสมกัน

“แก้แค้นกันไปกันมาแบบนี้เมื่อไหร่มันจะจบ จะดึงเอาคนที่ไม่รู้เรื่องอีกสักกี่คนมารับรู้ความทรมานของพวกคุณด้วย คุณมีความสุขเหรอคุณเอก ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้มันดีแน่แล้วใช่ไหม” ร่างโปร่งขมวดคิ้ว เค้นถามอีกคนพลางเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาพันเอกก่อนเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน

“แต่มันทำระยำกับน้องฉัน! นายเห็นสภาพพระพายไหมวา นั้นน้องฉัน! เด็กนั่นเป็นคนนะ ไม่ใช่หมาตัวเมียที่มันจะเอาเหมือนกำลังติดสัตว์โดยไม่สนใจใคร!!!!”

“ผมก็คน!!!” นาวาตะคอกขึ้นมาบ้างอย่างเดือดดาลทำเอาพันเอกชะงัก

“น้องคุณเป็นคน แล้วผมล่ะ...ผมก็คนเหมือนกันนะคุณเอก ที่น้องคุณเป็นแบบนั้นมันเพราะใคร ก็เพราะคุณไม่ใช่เหรอ!”

“...”

“เขาโดนข่มขืนเหมือนหมาตัวหนึ่ง ก็เหมือนกับที่คุณทำเหมือนผมเป็นหมาตัวเมียที่มีดีแค่นอนให้คุณกระทำซ้ำๆเวลาคุณอยาก มันต่างกันตรงไหนครับ” นาวาเค้นเสียงถาม ร่างโปร่งสะท้านขึ้นมาในอกเมื่อสบกับแววตาเจ็บช้ำของพันเอก

“ให้เรื่องมันจบที่ผมกับน้องคุณได้ไหม ไปหาเขา ไปเคลียร์กันให้จบๆซะ อย่าทำร้ายกันไปทำร้ายกันมาอีกเลย มันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก”

“...”

“ถ้าที่คุณบอกว่าคุณรักผมมันเป็นเรื่องจริง แสดงให้ผมเห็นสิว่าคุณพร้อมจะจบทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าก่อความผิดขึ้นมาใหม่ทั้งๆที่ความผิดเดิมยังไม่ถูกลบล้างเลยจะได้ไหม ผมขอร้อง” สิ้นคำ ร่างของนาวาก็ถูกแขนแกร่งรั้งเข้าไปกอดแน่น พันเอกซบใบหน้าลงกับลาดไหล่เล็ก ร่างสูงใหญ่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัวและรู้สึกผิด เขาไม่ควรปล่อยให้พระพายอยู่ที่นี่คนเดียว เขาควรจะอยู่ดูแลน้อง ควรจะอยู่ข้างๆน้องอย่างที่ทำมาตลอด

ตอนที่น้องเจ็บ ตอนที่น้องร้องไห้ พันเอกมัวทำอะไรอยู่

“มันจะจบใช่ไหมวา พระพายจะไม่เป็นไรใช่ไหม” พันเอกพูดพลางกอดร่างโปร่งให้แน่นขึ้น “ฉันขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ฉันขอโทษวา ขอโทษที่ทำร้ายนาย”

นาวาเงียบกริบ ไม่ได้เอ่ยปากอะไรกับคำขอโทษของคนที่กำลังกอดเขาเอาไว้ ชายหนุ่มหันไปมองพายุที่นั่งน้ำตาไหลอยู่ข้างๆ มือเรียวเอื้อมไปปาดน้ำตาออกจากอีกคนให้ก่อนจะยกยิ้ม

“เข้มแข็งครับ”

“คุณวา” พายุครางฮือก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอทำตัวอ่อนแอต่อหน้าพันเอกไปเสียได้ นาวาหันมาดันตัวออกจากร่างสูงและมองใบหน้าสับสนของพันเอกด้วยใบหน้าราบเรียบ

“คิดให้ดีนะครับว่าจะเอายังไง แต่ถ้าเอาผมเข้าไปเกี่ยวอีก ถ้ายังคิดทำเลวๆกับผมอีก ต่อให้ผมตายผมก็จะไม่ให้อภัยคุณ” นาวาทิ้งท้ายเอาไว้พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือเรียวบีบไหล่แกร่งเป็นเชิงให้กำลังใจก่อนจะเดินหนีไป พันเอกมองตามแผ่นหลังเล็ก รับรู้ถึงความเย็นชาของอีกคนมาตั้งแต่วันที่เขาสารภาพว่าหลงรักอีกฝ่ายไปหมดใจ

ไม่ได้โกรธนาวาหรอกที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา ไม่ได้คลางแคลงใจเลยแม้แต่น้อยที่นาวาทำทีเฉยเมยเมื่อเห็นว่าพระพายถูกกระทำในแบบเดียวกัน  พันเอกรู้ดีว่าสิ่งที่พระพายโดนกระทำมันคือสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้กับนาวาแทบทั้งสิ้น เขาไม่โกรธที่นาวาไม่ใส่ใจ แต่มันอดเสียใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายไม่คิดแคร์หรืออยู่เคียงข้างยามเขาเสียหลักเลยแม้แต่น้อย

จะไปหวังอะไรมากมายละพันเอก เพราะตนเองไม่ใช่หรือที่เคยทำร้ายทารุณอีกฝ่ายไว้ตั้งมากมาย กับสิ่งที่นาวาเจอ สิ่งที่เขาทำเอาไว้ ยังคิดหวังให้นาวายอมอ่อนให้ในเร็ววันมันก็คงเป็นความคิดที่ง่ายดายเกินไป

ตอนนี้สิ่งที่สำคัญไม่ใช่การมานั่งเสียใจกับสิ่งที่เคยทำพลาด แต่คือการเริ่มต้นแก้ไขในสิ่งเลวร้ายที่ตัวเองทำไปต่างหาก

เขายอมแล้ว ยอมละทิ้งทุกอย่างและเป็นฝ่ายหยุดโดยไม่มีข้อแม้ และยิ่งแน่ใจว่าจะทิ้งความแค้นทุกอย่างไปจนสิ้นในวันนี้ ในทันทีที่เห็นรูปพระพาย เขายอมทุกอย่าง ขอแค่อย่างเดียว ขอให้พันเอกได้น้องกลับคืนมา

เขาขอแค่ให้ได้พระพายกลับคืนมา

ต่อให้ต้องคุกเข่าขอร้องใคร

เขาก็ยอมทั้งนั้น

พันเอกยอมทุกอย่างจริงๆ...

“ยุ”

“ค...ครับ”

“จัดการเรื่องไปภูเก็ต ฉันจะไปรับน้องกลับบ้าน” พันเอกพูดพลางลูบใบหน้าคมคาย พายุยกมือขึ้นวางบนหัวเข่าของผู้เป็นนายพลางสบตาแดงก่ำของอีกคน พันเอกผ่อนลมหายใจออกมาอย่างนากลำบาก ในอกเจ็บเสียดไปเสียหมดจนแทบขาดใจ

จะไปรับน้องกลับคืนมา แล้วจบเรื่องทุกอย่างที่มันคาราคาซังนี่ซะ

ถึงเวลาปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานเสียที




3 วันต่อมา
เกาะนาคาน้อย, จังหวัดภูเก็ต


เสียงของสปีทโบ๊ทสองลำแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าเรียกให้เหล่าคนงานจำนวนหนึ่งซึ่งง่วนอยู่กับการทำความสะอาดกระชังปลาเงยหน้าขึ้นไปมอง ‘รุ่งฟ้า’ หนึ่งในลูกน้องคนสนิทของรามหันไปสั่งคนงานแถวนั้นว่าให้ไปตามนายหัวมา บอกว่าแขกคนสำคัญมาหา ส่วนเขาก็ทำหน้าที่เดินไปต้อนรับด้วยใบหน้าราบเรียบ

“สวัสดีครับคุณพันเอก ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับนายหัวรึเปล่าครับ” รุ่งฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เสแสร้งเป็นมิตร ดวงตาสีเข้มกวาดมองไปทั่วใบหน้าอิดโรยและทรุดโทรมของคนตรงหน้าก่อนจะมองเลยไปด้านหลัง ร่างโปร่งชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพบว่าคนสำคัญของนายหัวก็มาที่นี่ด้วย

...นาวา ชนกันต์…

“เจ้านายของคุณอยู่ที่ไหน มันเอาน้องผมไปไว้ที่ไหน!” พันเอกเดินชนไหล่ของรุ่งฟ้าไปอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ร่างสูงเดินดุ่มๆเข้าไปยังทิศทางของบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่รามจูงมือใครอีกคนเดินออกมา

“พาย!” พันเอกร้องเรียกชื่อน้องเมื่อเห็นเต็มตาว่าคนที่อยู่หลังรามเป็นใคร ชายหนุ่มผวาเข้าหาแก้วตาดวงใจด้วยความรวดเร็วทว่ากลับต้องชะงักเมื่อพบว่ารามรวบตัวพระพายเข้าไปกอดแนบอก

“ปล่อยน้องกู!!!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงกระชาก ส่วนรามทำเพียงแค่แสยะยิ้มกลับมาให้

“หายหัวไปไหนมาตั้งหลายเดือน รู้ไหมว่าเมียกูร้องไห้หามึงทุกคืนเลย” นายหัวหนุ่มแห่งเกาะนาคาน้อยย้ำชัดเจนถึงสถานะความสัมพันธ์ของเขาและพระพาย พันเอกกัดฟันกรอด เกือบจะหุนหันเข้าไปทำร้ายอีกฝ่ายแต่นาวากลับจับแขนเอาไว้แน่น

“ส่งน้องกูคืนมาราม แล้วมึงอยากได้อะไรกูยอมให้หมด ขอแค่คืนพระพายให้กู” พันเอกกัดฟัน ยิ่งเห็นใบหน้าขาวที่เคยสดใสของพระพายอาบไปด้วยน้ำตาก็ยิ่งเหมือนจะตายลงให้ได้

พันเอกรักน้อง รักมากยิ่งกว่าชีวิต เขาทนให้น้องร้องไห้ต่อหน้าต่อตามากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

“ส่งคืน? หึ มึงจำได้ไหมไอ้เอก ตอนกูขอให้มึงปล่อยคุณวา มึงทำยังไง”

“...”

“มึงไม่คืนเขาให้กู! ไม่แม้แต่จะปล่อยเขาไป แต่มึงกลับเอาเขาต่อหน้าต่อตาคนอื่น เหยียบย่ำศักดิ์ศรีเขาจนแทบไม่เหลือความเป็นคน!!!!” รามตะโกนด้วยความคลั่งแค้น คำพูดของชายหนุ่มสะกิดให้นาวาเจ็บขึ้นมาในอก ร่างโปร่งปรายตามองพันเอกที่เอาแต่พึมพำขอโทษก่อนจะถอยไปยืนอยู่ด้านหลังเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องราวของคนพวกนี้อีก

เขาจะไม่ช่วยใคร จะขอแค่ยืนดูอยู่เฉยๆ เป็นเพียงผู้ชม

“มึงจับคุณวากดน้ำ ปล้ำเขา แล้วยังทรมานสารพัด ไม่ยอมปล่อยเขาไป ยังมีหน้ามาขอให้กูปล่อยน้องมึงอีกเหรอไง!”

“กูขอโทษ…” พันเอกสวนขึ้นมา สองแขนยื่นออกไปหวังจะคว้าตัวพระพายกลับคืนมาแต่รามกลับกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“แค่คำพูดมันลบล้างอะไรไม่ได้หรอก อยากรู้ไหมว่าน้องมึงเจออะไรบ้าง อยากฟังไหมว่าน้องร้องหามึงยังไงตอนถูกกูจับทำเมียซ้ำๆทุกคืน มึงอยากฟังไหม!!!”

“พอแล้ว! ปล่อยน้อง! กูขอล่ะราม มึงเห็นไหม น้องร้องไห้แล้ว น้องกูกลัวไปหมดแล้ว ปล่อยเขา คืนพระพายมา” พันเอกร่ำร้อง ยิ่งเห็นพระพายสะอื้นกับอกของรามมากขึ้นเท่าไหร่หัวใจก็ยิ่งบีบรัดจนเจ็บไปหมดมากเท่านั้น

“กูรู้ว่ากูเลว กูทำให้ใครหลายคนต้องเจ็บ ทำให้ชีวิตของคนที่มึงรักพัง กูขอโทษราม ขอโทษ…”

“...”

“จบเรื่องนี้ได้ไหม มึงจะให้กูชดใช้ยังไงกูยอมทำทั้งนั้น ขออย่างเดียว ปล่อยน้องกู” พันเอกอ้อนวอนในขณะที่รามมองมาด้วยสายตาเรียบนิ่ง

“รักมากเหลือเกินนะน้องชายคนนี้น่ะ ทีเทียนมึงกลับทำร้ายจิตใจน้องมันตั้งมาก อ้อ...กูก็ลืมไป มึงบอกเองว่าเทียนเป็นลูกชู้สินะ” รามแสยะยิ้ม ก้มลงมองพระพายที่จ้องเขาพลางส่ายหน้าน้ำตาอาบแก้ม

“คุณราม อย่า ฮึก...อย่าพูด ได้โปรด”

“กูจะบอกอะไรให้นะพันเอก คนที่เป็นลูกชู้น่ะไม่ใช่เทียนหรอก แต่เป็นน้องชายหัวแก้วหัวแหวนของมึงคนนี้ต่างหาก! พระพายต่างหากที่เป็นลูกชู้! ลูกของแม่ร่านๆของพวกมึงกับคนสวนในบ้านนั่นไง!!”

“ม...ไม่จริง…” พันเอกคราง ในขณะที่รามยืนแสยะยิ้มด้วยความสะใจอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ยังมีความจริงที่ทำให้มึงช็อคได้มากกว่านี้อีกนะ อยากรู้นักใช่ไหม อยากรู้มากใช่ไหมว่าทำไมกูฆ่าพ่อแม่มึง” รามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เป็นจังหวะเดียวกับที่คนงานพาร่างของใครคนหนึ่งเข้ามา ทุกสายตามองไปยังผู้มาใหม่ที่ถูกจับให้นั่งคุกเข่าแทบเท้าของราม และที่ทำให้ทุกคนอึ้งยิ่งกว่าคือการที่พระพายเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงร้าวราน

“พ่อ”

“!!!” ฝั่งพันเอกเบิกตากว้างกับสรรพนามที่พระพายเรียกชายคนนั้น แม้แต่นาวาเองที่ยืนมองอยู่ห่างๆยังอดตกใจไม่ได้ พายุและจักรขมวดคิ้วพลางมองรามที่ตะโกนสั่งคนที่บอกว่าเป็นบิดาตัวจริงของพระพายด้วยน้ำเสียงดุดัน

“เล่าความจริงให้พวกมันฟังไปสิครับคุณคุณากร เล่าความสกปรกโสมมในอดีตของพ่อแม่มันให้ลูกมันตาสว่างสักที!”

รามเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน มองคุณากรที่นั่งคุกเข่าก้มหน้านิ่ง และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนิ่ง ชายหนุ่มจึงขู่ขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

“จำครั้งล่าสุดที่คุณไม่เชื่อฟังผมได้ไหมคุณกร จำได้ไหมว่าบทลงโทษมันไปตกอยู่ที่ใคร”

“ผ...ผมยอมแล้ว เล่าแล้ว อย่าทำอะไรเขาเลย” คุณากรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบระโหยพลางหันไปสบตากับพันเอกและเริ่มเปิดปากเล่าด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“พระพาย...เป็นลูกของคุณเดือนกับผม” คุณากรก้มหน้าพลางเม้มปากเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของพระพายแว่วเข้ามาในหู ส่วนพันเอกยังคงยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินพลางส่ายหน้า

“ไม่เชื่อ พระพายเป็นน้องผม” ชายหนุ่มเค้นเสียงตอบ หากแต่คุณากรกลับส่ายหน้าไปมา

“เขาเป็นลูกผมครับคุณเอก”

“...”

“ตอนนั้นคุณเดือนเธอแค่อยากแก้แค้นที่คุณพัฒไปทำปานดาวท้องจนมีเทียนออกมา เราลักลอบมีอะไรกันหลายปีจนกระทั่งมีพระพาย…ที่ผมมั่นใจเพราะช่วงนั้นคุณพัฒกับคุณเดือนไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันเลย” คุณากรเงียบไปพลางลอบมองปฏิกิริยาของพันเอกไปด้วย

“แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะคุณพัฒท่านยังรักคุณบุษบาอยู่ การแต่งงานกับคุณประกายเดือนเป็นเพียงแค่การแต่งงานตามหน้าที่ มันเป็นการคลุมถุงชน”

“...”

“พอมีคุณ ฝั่งคุณบุษก็มีคุณรามตามมาติดๆ คุณเดือนเธอไม่พอใจที่คุณพัฒเอ็นดูคุณรามมากกว่าคุณซึ่งเป็นลูกแท้ๆของตัวเองเลยตั้งตัวเกลียดคุณบุษบามาตั้งแต่นั้น” คุณากรเล่าความหลังท่ามกลางความเงียบงัน

“จนกระทั่งคุณพัฒเมาและทำปานดาวท้อง คุณเดือนก็ยิ่งไม่พอใจที่สามีไม่ซื่อสัตย์ และเรื่องยิ่งบานปลายเมื่อข้างกายคุณพัฒมีปานดาว ส่วนในใจก็ยังมีคุณบุษบา คุณพัฒมีที่ยืนให้ผู้หญิงทั้งสองคนแตกต่างกันไป แต่กลับไม่มีที่ยืนให้เธอ”

“แม่…” พันเอกครางเครือ ขอบตาร้อนผ่าวจนนาวาที่ยืนอยู่ห่างๆต้องเดินกลับเข้ามาและสอดมือเข้ามาบีบมือแกร่งเอาไว้แน่น

“คุณเดือนเธอเลยเกลียดทั้งแม่ของคุณรามและแม่น้องเทียนมาตลอด ความเกลียดในใจของเธอยิ่งมีมากขึ้นเมื่อคุณพัฒละเลยคุณแต่กลับไปมอบความรักให้น้องเทียนและคุณรามซึ่งเป็นลูกของผู้หญิงที่เขารัก ในขณะที่คุณพ่อของคุณมีปานดาว มีคุณบุษในใจ คุณเดือนเธอกลับไม่มีใคร เธอต้องอยู่คนเดียว”

“...”

“เธอเลยประชดด้วยการให้ผมทำให้เธอหายเหงา…” คุณากรสูดลมหายใจเข้าปอด ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองพระพายพลางเอ่ยกับอีกคนด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความรักที่เต็มเปี่ยม

“จนกระทั่งเรามีพระพายออกมา”

ถึงตรงนี้พันเอกก็ทรุดลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงจนพระพายครางเรียกชื่อพี่ชายเสียงหลง

“พอแล้ว ไม่อยากฟังแล้ว…” พันเอกบอกเสียงแหบแห้ง แต่คุณากรก็ยังเล่าต่อตามคำสั่งของราม

“เราทั้งคู่ไม่บอกใครว่าพระพายเป็นลูกของผม คุณเดือนโกหกว่าเป็นลูกของคุณพัฒ แต่คุณพัฒท่านก็ไม่เชื่อ จนกระทั่งคุณบุษเธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สองเรื่องทุกอย่างมันก็เกิดขึ้น”

“สามีเธอต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ คุณพัฒเลยอาสาดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ยอมกลับมานอนบ้านเลยสักวันจนคุณเดือนโกรธจัด เธอสั่งให้ผมไปจัดการคุณบุษบาซะ” พอเล่ามาถึงตรงนี้คุณากรก็กลืนน้ำลายลงด้วยความยากลำบาก

“คุณเดือนขู่ว่าถ้าผมไม่ทำ เธอจะพรากพระพายไปจากผม”

“...”

“ผมเลยต้องทำ...ผมฉุดคุณบุษไปข่มขืนที่โกดังร้างแห่งหนึ่ง วันนั้นสามีเธอกลับมาพอดีและเขามาช่วยเอาไว้ ผมเลยไม่มีทางเลือกต้องฆ่าพวกเขาทิ้งด้วยการขับรถเบียดให้คนทั้งคู่เสียหลักจนรถคว่ำตาย”

“!!!!”

“เป็นพวกคุณ เป็นแม่ของคุณที่เริ่มต้นทุกอย่าง เป็นกฤตภาสที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้” คุณากรพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พระพายมองร่างของพี่ชายที่กำลังสั่นระริกก่อนจะปล่อยโฮเมื่อเห็นว่าพันเอกเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม

ทั้งเจ็บปวด ทั้งหวงแหน และผิดหวัง

ความจริง...เจ็บปวดกว่าความฝันเสมอ

 

โปรดติดตามตอนต่อไป



ใครผิด ใครถูก อยู่ที่มุมมองของผู้อ่านค่ะ ^^

ออฟไลน์ gwaiplay

  • ♛ Victoria 。
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ชอบเรื่องนี้มาก นาวาพันเอก

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เรื่องโอล่ะพ่อไปกันใหญ่ แล้วปมมันสลับซับซ้อนเหลือเกิน

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
รีบมาต่อนะคะ ปมอดีตกำลังคลี่คลาย ลุ้น ลุ้น  :katai1:

ออฟไลน์ Rambluesky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-3
ค้างงงงงงง อยากอ่านต่อมากๆเลยครับ ปมกำลังคลาย  :serius2: :serius2:

รออ่านต่อนะครับ  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8

ออฟไลน์ Viewonohm

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 843
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-5
สงสารพระพาย

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :a5:  :katai1:
ซับซ้อน คาดไม่ถึง ความจริงทำให้เจ็บกันทุกฝ่าย

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านมาถึงตอนนี้  เริ่มสงสารพระเอกขึ้นมาแล้วแฮะ  นี่ละหนา  ทำอะไร ไม่คิดให้ดี ไม่สืบให้รอบคอบ
สุดท้าย  จะพลอยไม่เหลือใครอยู่ข้างๆสักคน
 :hao4:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ม่าย  :katai1:

ทำไมเป็นงี้อ่ะ  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บอกได้คำเดียว. เจ็บและจุกมากค่ะ
ความแค้นไม่เคยทำให้ใครมีความสุขจริงๆ

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
ที่แรกนึกว่าเรื่องแนวนี่ncอย่างเดียว
แต่มันสนุก มีให้ลุ้นได้ทุกตอน
ตอนทำไม่คิดโดนเองบ้างเลย
สรุปคนดีสุดคือนาวา(แต่ชีวิตรัดทดบัดซบมาก)

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
มีเรื่องคาดไม่ถึงตลอด  :a5:

ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
มันเป็นแบบนี้นี่เอง ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ กระทำผิดกันทั้งหมด บิดเบี้ยว เลยพบจุดจบที่น่าเศร้า เฮ้อ แต่อิคุณพ่อพัฒไรนั่น สมควรโดนลูกหลงตามเมียด้วย สมแล้ว เป็นตัวก่อเรื่องที่สุด ลูกเมียก็มีแล้ว กลับจะเป็นจะตายกับลูกเมียคนอื่น ส่วนทางแม่รามเนี่ยก็ไม่รู้ว่าวางตัวเหมาะสมไหมนะ ใสๆ ปล่อยให้พัฒเข้ามาข้องเกี่ยวน่าจะไล่ๆไปซะ แม้อาจจะไม่มีอะไร แต่น่าจะคิดถึง ครอบครัวอีกฝ่ายบ้างจะโดนแรงแค้นจากผู้ ญ อีกคนก็ไม่แปลก ส่วนเดือนถึงจะโดนทำร้าย แต่เธอก็ร้ายกาจมาก

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 23 ::
พี่ชาย น้องชาย

 

“เป็นพวกคุณ เป็นแม่ของคุณที่เริ่มต้นทุกอย่าง เป็นกฤตภาสที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้”

พันเอกเงียบกริบ จ้องพระพายด้วยสายตาสับสน ความรู้สึกหลากหลายตีรวนขึ้นมาในอก ความรู้สึกผิดหวัง รู้สึกผิดประเดประดังเข้าหาจนแทบบ้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารักพระพายมากเท่าชีวิต รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นน้องน้อยตัวย่นผิวสีแดงก่ำในห่อผ้าอ้อม รักเพราะนึกว่าน้องคือเครื่องยืนยันว่าพ่อกับแม่ยังรักกันอยู่

แต่ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย

พันเอกเกิดจากหน้าที่และความจำเป็น

ส่องแสงเกิดจากความมึนเมา

ส่วนพระพาย...เด็กที่เขาหลงคิดว่าเกิดจากเยื่อใยเส้นสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าเกิดจากความหงอยเหงาเคียดแค้นของผู้เป็นแม่

ซ้ำยังไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดที่แท้จริง

“นี่ใช่ไหมเหตุผลที่มึงฆ่าพ่อแม่กู นี่ใช่ไหมเหตุผลที่แท้จริง” พันเอกค่อยๆลุกขึ้นยืนโดยมีนาวาคอยช่วย ดวงตาแดงก่ำจ้องรามที่ยืนตีสีหน้าราบเรียบอยู่

“ยังมีอะไรที่กูต้องรู้อีกไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง ไม่แม้แต่จะชายตาแลคนตัวเล็กที่รามกำลังกอดอยู่เลยแม้แต่น้อย พระพายเห็นกริยาของพี่ชายก็สะอื้นไห้จนตัวโยน รู้ดีว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นเหมือนส่องแสง

เขากำลังจะถูกพันเอกเกลียดชัง

ทางด้านรามเองก็ได้แต่มองสภาพน่าสมเพชของอดีตเพื่อนรัก ริมฝีปากของนายหัวหนุ่มยกยิ้มขึ้นราวกับสะใจเสียเต็มประดา หากแต่ภายในใจกลับสะท้านไหวกับภาพความเสียหายทางอารมณ์ของคนในอ้อมกอดและเพื่อนเก่าอย่างพันเอก ยิ่งเห็นว่าคนเข้มแข็งอย่างพันเอกกำลังร้องไห้ก็ยิ่งร้าวในอก

พันเอกไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากใคร ข้อนี้เขารู้ดี

พันเอกเหมือนตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ภายนอกอาจจะดูเข้มแข็งหากแต่ลึกๆในใจอีกฝ่ายก็แค่เด็กชายขี้เหงาที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ รามรู้ดีว่าพันเอกเปราะบางยิ่งกว่าใคร และเพราะเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะอ้างว่าที่ฆ่าพ่อแม่ของอีกคนเพราะทั้งคู่โกงเงินของตระกูลเขา

ให้พันเอกเข้าใจไปแบบนั้นมันคงจะดีกว่าต้องมารับรู้ความจริงที่จะทำลายหัวใจจนแหลกไม่มีชิ้นดี

แต่ความลับมันไม่มีในโลก และมันถึงเวลาแล้วที่พันเอกจะต้องรับรู้ถึงความเลวร้ายในอดีต

“วันที่พ่อแม่กูตาย กูอยู่บ้านคนเดียว” ชายหนุ่มเปิดปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาจ้องมองนาวาที่ยืนเคียงข้างพันเอกก่อนจะเบนกลับมามองคนในอ้อมกอดของตน

“กูเป็นแค่เด็กอายุสิบแปด นั่งเล่นเกมอยู่กับลูกของแม่บ้านที่ห้องนั่งเล่น”

“...”

“แต่อยู่ๆก็มีผู้ชายเกือบสิบคนบุกเข้ามา...ข่มขืนผู้หญิงในบ้าน ข่มขืนเด็กผู้ชายที่นั่งเล่นเกมกับกู และกำลังจะทำกับกูแบบเดียวกัน แถมยังฉีดยาไอซ์ใส่กูด้วย หึ” รามแค่นยิ้ม นึกย้อนไปถึงวันนั้นแล้วความรู้สึกหวาดกลัวก็ยังคงติดค้างอยู่ในใจ ความรู้สึกตอนได้ยินเสียงกรีดร้อง ภาพความน่ากลัวที่เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังถูกย่ำยี และความหวาดหวั่นตอนที่ถูกปลายเข็มทิ่มเข้ามาภายในผิวกาย

รามฝันร้ายมานานนับปีจากเหตุการณ์นั้น

“แต่กูก็หนีออกมาได้ กูจำหน้ามันได้หมดทุกตัว รู้อะไรไหม...พวกมันคือคนที่แม่มึงส่งมาเก็บกู”

“!!!”

“หลังจากพ่อแม่กูตาย แม่มึงก็ยังไม่หยุด เธอโกงเอาทรัพย์สินทุกอย่างจนบริษัทใหม่ที่เพิ่งจะสร้างล้มละลายลง และกูทนให้เธอเหยียบกูจนจมดินไม่ได้เลยตัดสินใจส่งคนไปตัดสายเบรกเพื่อหยุดเธอซะ แต่กูไม่คิดว่าอาพัฒจะโดนลูกหลงจนตายไปด้วย”

“คุณราม...ฮึก”

“หลังจากนั้นกูก็หนีกลับมาอยู่ที่นี่ ทรมานกับการลงแดงที่แม่งเจ็บเจียนตาย กว่าจะรักษาอาการติดยาหายก็นานนับปี”

“...”

“และก่อนมา กูระบายความแค้นทุกอย่างไว้กับน้องมึง” รามพูดพลางก้มลงมองคนที่อ้อมแขน พระพายเม้มปากแน่นเมื่อรู้ว่ารามกำลังจะพูดอะไรก่อนจะก้มหน้านิ่ง

“กูหลอกพระพายไปทำระยำในห้องเก็บของหลังโรงเรียน ให้แหวนน้องเอาไว้แลกกับสัญญาว่าจะรับไปอยู่ด้วยกัน โกหกว่ารักน้องแล้วก็ทิ้งมา”

“ฮึก”

“กูไม่เคยรักน้องมึงจริงๆ ไม่ว่าจะวันนั้น หรือวันนี้ก็ไม่รัก...ไม่มีวันรัก” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา รับรู้ถึงอาการสั่นไหวของคนในอ้อมกอดก่อนจะยอมปล่อยให้พระพายทรุดลงไปหาคุณากรในที่สุด

“ที่กูบอกความจริงไม่หมดเพราะกูรู้ว่ามึงจะเป็นยังไง มึงยังไม่พร้อม และกูคิดเอาไว้ว่าเมื่อกูเอาคืนแล้วทุกอย่างก็จบ จะยอมให้มึงเอาคืนในแบบที่มึงต้องการโดยไม่ตอบโต้จนกระทั่งมึงดึงคุณวามาเกี่ยว กูทนไม่ได้”

“...”

“ถ้ามึงอยากจะจบ ก็มาเอาตัวพระพายคืนไป กูพร้อมจบให้เสมอเพราะถือว่าน้องมึงชดใช้ในสิ่งที่กูโดนมามากเกินพอแล้ว” รามพูดพลางก้าวถอยหลัง เปิดโอกาสให้พันเอกเข้ามาพาตัวน้องที่ยังร้องไห้ออกไป แต่อีกคนกลับยังยืนนิ่ง จ้องมองพระพายที่ถูกคนเป็นพ่อกอดไว้ด้วยสายตาอ่านไม่ออก

“กูจะชดใช้ให้” พันเอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเรียกให้รามเงยหน้าขึ้นไปมอง

“กูจะชดใช้ในสิ่งที่มึงเสียไปให้หมด จนกว่ามึงจะพอใจ” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับก้าวเดินอย่างมั่นคงไปหาราม โดยไม่คาดคิด พันเอกคุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าของเกาะแห่งนี้พลางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“จะชดใช้ให้จนกว่ามึงจะพอใจ แล้วหลังจากนั้นเราทั้งคู่คงไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”

“มึงควรกลับไปซะเอก กลับไปแล้วต่างคนต่างอยู่”

“ให้กูได้ชดใช้เถอะ ในส่วนที่แม่กูเคยทำเอาไว้ เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจกันอีก” รามแค่นยิ้มเมื่อฟังจบ มองคนเสียหลักตรงหน้าเพียงชั่วครู่ก่อนจะมองไปยังร่างโปร่งของนาวาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

“มันขึ้นอยู่กับคุณวา ว่าเขาอยากให้มึงชดใช้ให้เขายังไง ถ้าเขาพอใจ เรื่องระหว่างเราก็ถือว่าจบ”

ทุกสายตามองไปยังร่างของนาวาทันทีที่รามพูดจบ คนถูกมองเลิกลั่กชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจ ดวงตาสีเข้มก้มลงมองพันเอกด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกก่อนจะเบือนหน้าหนี

“ให้เขาทำงานที่เกาะสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็แล้วกัน” นาวาบอกเสียงอ้อมแอ้ม

“ผมหมายถึง...ชดใช้ในส่วนของคุณรามด้วยการเป็นคนงาน ส่วนเรื่องของผม เมื่อเขาพร้อม ผมจะบอกเขาเองว่าผมต้องการอะไร” นาวาพูดพลางสบตากับพันเอกอย่างไม่ลดละ ฝ่ายรามเองก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะสั่งให้รุ่งฟ้าบอกให้คนทำความสะอาดห้องพักที่เรือนคนงานเอาไว้สองสามห้อง รุ่งฟ้ารับคำหากแต่ยังขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ รามยกยิ้มกับท่าทีของลูกน้องก่อนจะเฉลยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มพลางปรายตามองพันเอกด้วยแววตาว่างเปล่า

“ก็ในเมื่ออยากชดใช้นักก็ให้มันทำงานแลกหนี้ไป หาที่นอนหมอนมุ้งให้มันด้วยล่ะ ส่วนนาย...” ร่างสูงปรายตามองไปยังพระพายที่เอาแต่มองพี่ชายด้วยแววตาห่วงหา

“ฉันปล่อยนายคืนพี่ชายสุดที่รักแล้ว ไปนอนกับมันก็แล้วกัน”

รามเองก็อยากจะรู้นัก ว่าพันเอกจะทำยังไงกับพระพาย เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่น้องแท้ๆ

จะยังหวงแหนรักใคร่เหมือนเดิม

หรือผลักใสไล่ส่ง ทำทีเกลียดชังทั้งที่ผูกใจรักตั้งแต่น้องยังเป็นทารกเหมือนคราวที่ทำกับส่องแสง

จะทำยังไงกันแน่ละ พันเอก...

 

 

 

 

 

“พอนอนได้ไหมครับ” รามเดินเข้ามาถามนาวาหลังจากที่สั่งให้รุ่งฟ้าทำความสะอาดห้องนอนแขกเอาไว้ นาวาหันมามองเจ้าของบ้านพลางยกยิ้มก่อนจะพยักหน้า

“ตอนนี้คุณวายังถูกมันทำร้ายอยู่ไหม” นายหัวหนุ่มเปิดประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม

“ไม่แล้วครับ ตรงกันข้ามเลยล่ะ” ร่างโปร่งยกยิ้มบางเบา “เขาบอกผมแบบที่บอกกับคุณ ทั้งขอโทษ ทั้งพยายามชดใช้ แล้วก็...”

บอกว่ารัก...

“แล้วคุณก็ให้อภัยง่ายๆ?” รามขึ้นเสียงสูง มองนาวาที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยความไม่เข้าใจ ฝ่ายนาวาพอได้ยินก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“สิ่งที่เขาทำในตอนนี้มันลบล้างฝันร้ายของผมไม่ได้หรอก แต่ผมไม่ใช่คนที่จะมาผูกใจเจ็บ ในเมื่อเขาขอโอกาสแก้ตัว ผมก็จะให้” นาวาพูดขึ้น รามกำลังจะอ้าปากเถียงแต่ก็หยุดเอาไว้และรอฟังสิ่งที่อีกคนจะพูดต่อ

“ทั้งชีวิตผมเจอแต่เรื่องแย่ๆ และที่ทำให้ผมเจียนตายคือการเสียน้อง ผมคิดว่าไม่มีใครทรมานเท่าผมอีกแล้ว...จนได้ฟังเรื่องในวันนี้”

“คุณวา...”

“ทั้งคุณ ทั้งคุณเอก ทั้งพระพาย ล้วนแล้วแต่มีชีวิตอยู่บนความบิดเบี้ยวของโชคชะตาที่มากกว่าผม ผมไม่เกลียดใครที่ดึงผมเข้ามาเกี่ยว แต่ผมก็ไม่อยากจะอยู่ในวังวนนี้อีก ถ้าคุณจะกรุณา อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวอีกจะได้ไหมครับ” นาวาสบตากับร่างสูงอย่างจริงจังก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่ต้องแค้นแทนผม ให้มันเป็นเรื่องของพวกคุณ ผมมาที่นี่เพื่อที่จะเป็นผู้ชม มาเพื่อมองดูว่าคุณเอกเขาจะชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปยังไง และคุณ...จะทำยังไงกับสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้กับพระพาย” นาวาเอ่ยถึงใครอีกคนที่ตอนนี้เดินตามพันเอกและคนอื่นๆไปยังเรือนคนงาน รามชะงักไปชั่วครู่พลางเบือนหน้าหนี

“ผมกับพระพายเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”

“เหรอครับ แต่พระพายรักคุณนะ ใครๆก็ดูออก” นาวาพูดขึ้นพลางยกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกัดฟันกรอด

“แต่ผมไม่ได้รักเขา คุณก็รู้ว่าคนที่ผมรักคือคุณ” ร่างสูงเดินเข้ามาหาพลางคุกเข่าลงตรงหน้าของนาวา สองมือแกร่งรวบมือขาวเอาไว้แล้วบีบเบาๆ

“ผมไม่สนว่าคุณจะเจออะไรมา ไม่สนว่าคุณเคยเป็นของใคร เริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม” ร่างสูงวอนขอ ดวงตาคมปลาบจ้องใบหน้าขาวของนาวาด้วยแววตาจริงจัง คนถูกมองขยับตัวอย่างอึดอัด ทำตัวไม่ถูกกับประโยคของอีกคน

เขาไม่รู้จะตอบรามไปว่ายังไง

นาวาเป็นคนมีตำหนิ เป็นเหมือนนกที่มีกรงเป็นของตัวเอง มีเจ้าของ

แม้จะไม่ใช่เจ้าของทางใจ แต่ผู้ชายคนนั้นก็ได้ขึ้นชื่อว่าเคยครอบครองร่างกายของเขามาแล้ว ถึงจะไม่ได้รักแต่นาวาก็รู้ดีว่าสัมผัสของพันเอกยังฝังแน่นอยู่ทุกอณูผิว

ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย มันก็คงจะไม่ผิดใช่ไหมที่เขาจะยึดติดกับคนแรกที่ได้ต้องกายกัน แม้มันจะเป็นฝันร้ายเมื่อยามหลับตา แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าสิ่งที่พันเอกทำมันก็ไม่ต่างจากการตีตราจองเขาเอาไว้ การที่นาวาจะเริ่มต้นใหม่กับใครคนอื่นทั้งที่ร่างกายเคยเป็นของใครอีกคนแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาควรทำ เขายังทำใจไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนที่เขายังคงจำสัมผัสและสีหน้าท่าทางของพันเอกได้ขึ้นใจอยู่แบบนี้

“ผมยังไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใครในตอนนี้ครับคุณราม ผมขอโทษ” ตัดสินใจเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด “ผมรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แต่ผมมีสิทธิ์รักนวลสงวนตัว มีสิทธิ์รักในคุณค่าของร่างกายตัวเอง ตอนนี้ผมไม่คิดจะเปิดรับใครเข้ามาในชีวิตทั้งนั้น และถึงจะคิด คนคนนั้นก็ไม่ใช่คุณ”

ร่างสูงของรามนิ่งไปกับประโยคของนาวา ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ในอกวูบโหวงกับคำปฏิเสธของคนตรงหน้า

“เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ใช่ไหมครับ” นาวาเอียงคอถาม หวั่นใจและรู้สึกผิดไม่น้อย เขากำลังทำร้ายความรู้สึกของรามอยู่หรือเปล่านะ...

คนคนนี้รักเขา เคยเจ็บและเกือบตายเพราะเขา แต่ ณ ตอนนี้ ในเวลานี้ นาวากลับปฏิเสธอีกคนไปอย่างไร้เยื่อใย นาวารู้ว่าตัวเองแย่ แต่เขาแค่อยากเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนความรู้สึกของใครทั้งนั้น

นาวาทำเพื่อคนอื่นมามาก เขาแค่อยากตัดสินใจเลือกทางเดินให้กับชีวิตของตัวเอง เลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการและพึงพอใจบ้าง มันอาจจะดูย้อนแย้งกับอดีตที่ผ่านมาไปสักเล็กน้อย แต่ในเมื่อเลือกที่จะสนใจแค่อนาคต อดีตจะเป็นยังไงเขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น

“ผมเข้าใจ มันเป็นสิทธิ์ของคุณที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง”

“ครับ”

“ว่าแต่...คุณอยากเดินเที่ยวแถวนี้หน่อยไหม ผมเลี้ยงหอยมุกเอาไว้แล้วก็มีกระชังปลาอนุบาลสัตว์น้ำด้วย เดี๋ยวผมพาไปดู” รามเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากให้นาวาเครียดมาก คนถูกถามชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า ร่างสูงจึงพานาวาออกมาเดินดูแถวกระชังปลาที่สร้างยื่นออกไปในทะเลที่มีระดับความลึกมากพอ ทางเดินเป็นเพียงไม้สองแผ่นวางคู่กัน นาวาหวิดจะตกทะเลอยู่หลายครั้งเพราะกระแสน้ำทำเอารามต้องคว้าแขนเล็กเอาไว้พลางหัวเราะบางเบา

“ระวังด้วย”

“ครับ...อ๊ะ มีโลมาด้วย” ร่างโปร่งพึมพำ มองลูกโลมาตัวจ้อยแหวกว่ายอยู่ในกระชังขนาดใหญ่ บริเวณหางมีบาดแผลเหวอะหวะที่รามบอกว่ามันได้มาจากอวนแหของชาวประมง

“แล้วแบบนี้คุณจะปล่อยมันกลับไปไหม”

“ให้อาการมันดีกว่านี้ก่อน แล้วเดี๋ยวผมจะส่งไปที่สถานอนุรักษ์สัตว์น้ำให้เขาดูแลต่ออีกทีหนึ่ง” รามยกยิ้ม มองนาวาที่จ้องลูกโลมาตาเป็นประกายก่อนจะหุบยิ้มเมื่อเห็นร่างเล็กของพระพายเดินเข้ามาหา

“พี่วา”

“อ้าว...คุณพาย มีอะไรรึเปล่าครับ” นาวาหันไปถามคนตัวขาวที่ยืนนิ่งอยู่ห่างๆในขณะรามมองคนที่มาขัดจังหวะด้วยความไม่พอใจ ร่างสูงฮึดฮัดในลำคอแผ่วเบาก่อนจะขอตัวเดินไปทางอื่น พระพายมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยแววตาวูบไหว ร่างเล็กเม้มปากแน่นจนนาวาอดสงสารไม่ได้ ต้องเดินเข้าไปหาพระพายก่อนจะคว้ามือขาวเข้ามาจับเอาไว้แน่นจนอีกฝ่ายสะดุ้ง

“คุณพายมีอะไรครับ” นาวายกยิ้ม เอ่ยถามร่างเล็กที่ผอมลงไปถนัดตาพลางจูงมือพระพายกลับเข้าฝั่ง

“เอ่อ เรื่องณะโมน่ะครับ” คนถูกถามอ้ำอึ้ง ชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าควรจะพูดกับนาวาดีไหม

“ผมยังเก็บอัฐิของณะไว้ที่บ้าน รอพี่วา...” พระพายหยุดพูดพลางช้อนดวงตาขึ้นมองปฏิกิริยาของอีกคน นาวาเงียบลงไปถนัดตาเมื่อคิดถึงเรื่องน้อง ในอกวูบโหวง ขอบตาเรียวร้อนผ่าวทำเอาคนมองร้อนรน

“ขอโทษนะครับพี่วา ขอโทษแทนพี่เอกด้วยที่พาตัวพี่ไปแบบนั้น ขอโทษที่จัดงานศพโดยไม่มีพี่ พี่วาจะลงโทษผมยังไงก็ได้ แต่อย่าเกลียดผมเลยนะ” พระพายพูดขึ้นด้วยความร้อนใจ มือขาวบีบมือของนาวาเบาๆพลางส่งสายตาขอโทษขอโพยมาให้ นาวามองคนตัวเล็กกว่าด้วยความเอ็นดูก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมและยกขึ้นมาวางบนศีรษะของคนตรงหน้าแล้วลูบเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเกลียดคุณไม่ลงหรอก”

ร่างโปร่งยกยิ้มบางเบาก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วนี่...คุณเอกละครับ”

“ไปช่วยคนงานที่ท่าเรืออีกฝั่งของเกาะน่ะครับ เกาะนี้จะมีสองฝั่งซ้ายขวา ฝั่งนี้เป็นบ้านส่วนตัวของคุณรามและฟาร์มมุก อีกด้านถัดออกไปอีกก็จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆและท่าเรือของชาวประมง ตรงส่วนนี้รวมๆจะอยู่ทางปีกขวาของเกาะ” พระพายเล่าให้คนตัวสูงกว่าก่อนจะก้าวเดินเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ

“เข้าไปข้างในหน่อยก็จะมีสวนปาล์มกับสวนมะพร้าว ส่วนพื้นที่ทางปีกซ้ายจะเป็นป่าและหน้าผา แต่ก่อนจะถึงผาก็มีน้ำตกอยู่ สวยมากเลยนะครับ ว่างๆเดี๋ยวผมจะพาไปเล่นน้ำ” คนตัวขาวยกยิ้ม นาวามองพระพายอย่างนึกอึ้งแล้วก็อดที่จะกระเซ้าเย้าแหย่ไม่ได้

“คุณพายรู้ละเอียดเหมือนเป็นเจ้าของเกาะเลยนะครับเนี่ย”

“ก็...แรกๆหนีบ่อยน่ะครับ เลยเหมือนเป็นการทัวร์เกาะไปในตัวด้วย แต่หนียังไงก็ถูกจับกลับมาเหมือนเดิม” ร่างเล็กพูดติดตลก นาวาชะงักกับคำบอกของอีกคนก่อนจะเงียบไป

“คุณพายเกลียดคุณรามไหม” ร่างโปร่งตัดสินใจเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ พระพายหันมามองคนตัวสูงกว่าพลางส่ายหน้า

“ผมไม่เกลียดเขาหรอก แต่เกลียดตัวเองมากกว่า...” พระพายพูดพลางก้มลงมองหาดทรายสีเนื้อและฟองของน้ำทะเลที่ถูกพัดขึ้นมาบนชายหาด “ผมเกลียดความมั่นคงในใจของตัวเอง เมื่อก่อนผมรู้สึกกับเขายังไง ตอนนี้ใจผมมันก็ไม่เคยเปลี่ยน ทั้งๆที่เขาก็ร้ายใส่สารพัด ทำร้ายทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจผมตั้งมาก แต่ผมกลับเกลียดเขาไม่ลง ไม่แม้แต่จะมีความคิดที่จะรู้สึกกับเขาแบบนั้น”

“...”

“ผมมันโง่มากใช่ไหมพี่วา กับคนที่ทำร้ายกันขนาดนั้นผมยังเกลียดเขาไม่ลงเลย” พระพายพูดด้วยน้ำเสียงสมเพชตัวเอง นาวาหลุดขำออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ

“ไม่เห็นโง่เลย ผมเองก็ไม่ได้ต่างเท่าไหร่” ชายหนุ่มพูด ทำเอาพระพายต้องหันมามองเสี้ยวหน้าขาวของนาวาอย่างรวดเร็ว

“ทั้งที่พี่ชายคุณร้ายใส่ผมขนาดนั้น ผมก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะรู้สึกเกลียดอะไรเขามากมาย ความรู้สึกที่มีในตอนนี้ก็แค่โกรธ ไม่รู้สิครับ ชีวิตผมผ่านความเลวร้ายมามาก คุณเอกก็เหมือนกับอุปสรรคแย่ๆที่แค่ผ่านเข้ามา เดี๋ยวสักพักทุกอย่างก็ดีขึ้น”

“พี่วา...รักพี่เอกเหรอครับ” พระพายถามด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ นาวาหันไปยิ้มให้คนถามก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ครับ”

“...”

“คุณเอกเป็นแค่คนที่เป็นเจ้าของกาย แต่ไม่ใช่เจ้าหัวใจ ถึงจะบอกว่าไม่ได้เกลียดที่เขาเคยทำไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นรักเขาต้องบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยจะดีกว่า” นาวาพูดออกไปตามความรู้สึก

“ไม่ว่าพี่ชายคุณจะทำอะไรหรือรู้สึกยังไง สำหรับผมแล้วเขาก็แค่คนที่ผมรู้จักชื่อ ที่ผมยังอยู่เพราะผมต้องการบางอย่างจากเขา ถ้าได้มาแล้วถึงตอนนั้นผมก็จะไป” นาวายกยิ้ม มองหน้าพระพายที่มองกลับมาด้วยแววตาไม่สบายใจ

“แล้วพี่วาจะไม่ให้โอกาสพี่เอกหน่อยเหรอครับ พี่เอกรักพี่มากนะ” ร่างเล็กอดถามขึ้นมาไม่ได้ ให้นาวาเกลียดพันเอกยังจะดีกว่าการไม่รู้สึกอะไรด้วยแบบนี้ การไม่รู้สึกอะไรเลยของนาวาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายพร้อมที่จะหายออกไปจากชีวิตพันเอกได้ทุกเมื่อ

“ตอนนี้ไม่ครับ ผมอยากให้เราทั้งคู่จบกันแค่นี้” นาวาพูดขึ้นก่อนจะเหม่อมองออกไปยังผืนน้ำสีครามตรงหน้า “ทุกคนมีโอกาสเป็นของตัวเอง แต่ผมแค่อยากขอเวลา”

ใช่...สิ่งเดียวที่จะช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของนาวาได้ก็คือเวลา

แค่เวลาเท่านั้น

 

…………………………………………………………………………………………………………….

 

“อ้าวพี่รุ่งคนสวย ลมอะไรหอบมาถึงนี่เลยจ๊ะ” เสียงหวีดร้องโห่แซวของหนึ่งในชาวประมงที่กำลังลำเลียงปลาลงจากเรือดังขึ้นเมื่อรุ่งฟ้าเดินมาถึง คนถูกแซวกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ร่างโปร่งแจกนิ้วกลางให้เหล่าคนงานปากเปราะไปทีหนึ่งก่อนจะตะโกนด่า

“สวยพ่อมึงสิไอ้เหี้ย!”

“อู้ว สวยดุซะด้วย” อีกฝ่ายไม่วายต่อล้อต่อเถียง รุ่งฟ้าพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดพลางส่งสายตาเชือดเฉือนไปให้

“เอาคนงานใหม่มาส่งสามคน ไอ้พวกจิ๊กโก๋มึงอย่าก่อเรื่องละ นี่คนของนายหัว” ร่างโปร่งกวาดสายตามองคนงานก่อนจะหันมาพูดกับชายหนุ่มสามคนที่เดินตามหลังมาด้วยใบหน้าราบเรียบ

“เดี๋ยววันนี้พวกคุณช่วยคนงานขนปลาขึ้นจากเรือนะ กรมอุตุบอกมาว่าเย็นนี้พายุจะเข้า ไว้พรุ่งนี้ผมจะบอกเพิ่มเองว่าต้องทำอะไรบ้าง พอเสร็จแล้วก็กลับห้องไปอาบน้ำอาบท่าซะ เดี๋ยวจะให้คนเอาข้าวยาปลาปิ้งไปให้”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพวกผมหากินกันเอาเอง” พันเอกพูดสวนร่างโปร่งด้วยน้ำเสียงขอไปที รุ่งฟ้าเหยียดยิ้มใส่คนตัวโตก่อนจะเย้ยเสียงสูง

“คุณคงลืมไปแล้วมั้งว่าที่นี่เป็นเกาะ ไม่ได้มีร้านกับข้าวสองข้างทางหรอกนะ”

“...”

“อย่าถือตัวให้มากนักเลยคุณพันเอก คุณหาเรื่องเอง จริงๆกลับไปเงียบๆก็ดีอยู่แล้ว ไม่น่าเสนอหน้ามาขอชดใช้อะไรไร้สาระแบบนี้ด้วยซ้ำ” รุ่งฟ้าอดพูดออกมาไม่ได้ เขามั่นใจว่าถ้าพันเอกยอมจบและกลับไปอย่างเงียบๆนายหัวรามก็ไม่เกี่ยง นายของเขาพร้อมปล่อยคนพวกนี้ให้เป็นอิสระแน่นอน เดิมทีก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายอะไรอีกฝ่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่เป็นแบบนี้เพราะพันเอกเองนั่นแหละที่ขอชดใช้

รุ่งฟ้าอดสงสัยไม่ได้ ไอ้ที่ว่าชดใช้น่ะ...พันเอกกำลังชดใช้อะไรอยู่

ชดใช้ที่พ่อกับแม่ตัวเองเคยทำไม่ดีเอาไว้ หรือชดใช้ที่ตัวเองทำเลวๆกับคุณนาวากัน?

หรือกำลังชดใช้ทั้งคู่

แล้วเรื่องที่นายหัวของเขาทำร้ายพระพายล่ะ พันเอกคิดจะเอาคืนอะไรอีกไหม

เขาตามคนพวกนี้ไม่ทันจริงๆ

“ผมเคยทำอะไรเอาไว้ก็จะชดใช้ให้หมดนั่นแหละ จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไปสักที ผมเองก็ไม่ต้องคลางแคลงใจอะไรอีก อย่างน้อยก็ไม่ถูกคนแถวนี้ตราหน้าว่าหน้าตัวเมีย ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด” พันเอกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมดุปรายตามองรุ่งฟ้าด้วยท่าทีนิ่งๆ ฝ่ายคนฟังชะงักไปชั่วอึดใจ ร่างโปร่งเบือนหน้าหนีพลางถอนหายใจ

“เอาเถอะ ไปทำงานได้แล้ว ฝนใกล้จะมาแล้ว ผมไปละ” พูดจบก็หมุนตัวเดินหนี ไม่วายถูกคนงานแซวตามหลังจนต้องถอดรองเท้าแล้วโยนใส่พวกมันจนแตกฮือไปคนละทิศคนละทาง

“โหดชิบ” พายุบ่นไล่หลังพลางย่นจมูก จักรที่ยืนข้างกันได้แต่ส่ายหัวมองคนตัวเล็กอย่างอ่อนใจ มือใหญ่ยกขึ้นยีหัวร่างโปร่งเบาๆ จนพายุเอ็ดตะโรใหญ่ก่อนที่ทั้งคู่จะตามพันเอกไปช่วยคนงานทำงานอย่างเงียบๆ

ดูเหมือนว่าที่รุ่งฟ้าบอกว่าพายุจะเข้านั้นเป็นเรื่องจริง เพราะหลังจากที่พันเอกขนปลาขึ้นจากเรือยังไม่ทันไร ฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว เหล่าชาวประมงกุลีกุจอทำงานของตัวเองกันยกใหญ่ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน พันเอกกับลูกน้องคนสนิทเองก็ได้วิ่งตากฝนจากท่าเรือมายังเรือนพักของคนงานที่อยู่ห่างกันเกือบเป็นกิโล

“ฝนตกหนักแบบนี้ คืนนี้จะนอนหลับไหมเนี่ย” พายุบ่นอุบ มองลมกรรโชกที่พัดเอากิ่งไม้ใบหญ้าให้ไหวเอนอย่างรุนแรงด้วยความไม่ชอบใจ เสียงฟ้าแลบแปลบปลาบพาให้หัวใจสั่นไหว เขาไม่ชอบเวลาฝนตกหนักแถมมีฟ้าร้องฟ้าผ่าเอาเสียเลย

“ตกขนาดนี้คุณรุ่งคงเอาข้าวมาส่งให้ไม่ได้แล้ว ทนหิวกันหน่อยนะ” พันเอกมองฟ้าพลางเอ่ยบอกทั้งจักรและพายุ ทั้งคู่บอกปัดว่าชินแล้วกับการอดมื้อกินมื้อก่อนจะขอตัวแยกย้ายเข้าไปอาบน้ำอาบท่า แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ขยับตัวเสียงคุ้นเคยของพระพายก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่หอบเอาถุงกับข้าวและถ้วยจานมาเต็มอ้อมแขน

“พี่เอก พี่ยุ พี่จักร”

“คุณพาย! ทำไมตากฝนมาแบบนี้ละครับ” พายุร้องเสียงหลง ตรงเข้าไปดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้พลางขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง

“ผมเอาข้าวจากบ้านพ่อกรมาให้ กลัวไม่มีใครเอาข้าวมาส่งน่ะครับ” พระพายยกยิ้ม หันไปมองพันเอกที่ยืนนิ่งแล้วก็รีบวิ่งปุเลงๆเข้าไปหาคนเป็นพี่ชาย

“วันนี้คุณพ่อทำแค่ไข่เจียวกับน้ำพริก แล้วก็มีข้าวสวย ผมเห็นว่ามีปลาทูเลยทำป่นมาเพิ่มให้ด้วย พี่เอกกินได้ไหม” ร่างเล็กพูดพลางแกะถุงกับข้าวเทใส่จานที่เตรียมมา พันเอกก้มลงมองพระพายที่กระตือรือร้นดูแลเขาเสียยกใหญ่ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ความจริงที่เพิ่งได้รู้เมื่อตอนกลางวันทำเอาร่างสูงสับสน ขายาวก้าวถอยหลังออกห่างจากร่างเล็กก่อนจะเอ่ยตัดบทเสียงเรียบ

“เอากลับไปเถอะ ฉันไม่หิว”

“แต่คุณรุ่งบอกว่าพี่ทำงานหนัก ต้องกินนะพี่เอก สองสามคำก็ยังดี” พระพายพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองหน้าคมคายของคนเป็นพี่ พันเอกขมวดคิ้ว ตัดสินใจพูดกับพระพายออกไปตามตรง

“กลับไปซะพระพาย ฉันยังไม่พร้อมจะคุยกับคนอื่นตอนนี้”

“พี่เอก...” พระพายครางในลำคอ ในอกเจ็บลึกกับคำว่า ‘คนอื่น’ ของพี่ชายจนใจหาย

“อย่าเพิ่งมาให้เห็นหน้าได้ไหมพระพาย เห็นแก่ฉันที ช่วยอยู่ห่างๆฉันสักพักเถอะ อย่าให้ฉันต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย” ร่างสูงพูดอย่างไม่เห็นใจความรู้สึกของคนฟังเลยแม้แต่น้อย พระพายมองพี่ด้วยแววตาวูบไหว อดจะเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาให้คนฟังใจหายไม่ได้

“โกรธมากเลยเหรอครับ”

พันเอกสะอึก เงียบไปกับคำถามของน้องแล้วเบือนหน้าหนี

“ผมเลือกเกิดไม่ได้หรอกนะพี่เอก ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเป็นลูกพ่อพัฒเหมือนกับพี่” ร่างเล็กพูดพลางยิ้มขืน “ผมรักพี่ที่สุดนะ พี่ไม่รักผมแล้วก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผม พี่เอกเป็นคนเดียวที่ผมรักมากกว่าชีวิตของผมเอง” พระพายหลุดสะอื้นเสียจนพายุแทบจะเข้าไปกอด จักรดึงคนข้างกายเอาไว้พลางส่ายหน้า ไม่สนใจใบหน้างอง้ำของพายุที่มองมาเลยแม้แต่น้อย

เขาเข้าใจดี จักรเองก็สงสารพระพายไม่แพ้กัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนในครอบครัว คนนอกไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

“กลับไปเถอะพระพาย” พันเอกพูดขึ้น “กลับกรุงเทพไปซะ นายไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว”

“อยู่กับพี่ไง รอกลับพร้อมกันเลย” พระพายพูดขึ้น สองขากำลังจะก้าวเข้าไปหาคนตรงหน้าหากแต่พันเอกกลับก้าวออกให้ห่าง พอเห็นแบบนั้น น้ำตาเม็ดใสก็ร่วงผล็อยลงผ่านผิวแก้มของคนเป็นน้องแทบจะในทันที

“ไปเถอะพระพาย ฉันเห็นนายแล้วรู้สึกแย่มากจริงๆ” จบประโยคร่างสูงก็เดินหนีเข้าห้อง ในขณะที่พระพายยังคงยืนอยู่ที่เดิมแม้บานประตูจะปิดลงแล้ว

สิ่งที่เจ็บกว่าการที่รามบอกว่าไม่มีวันรักเขา ก็คือการถูกพี่ชายที่รักมากที่สุดหันหลังให้อย่างไม่คิดใยดีกัน

พระพายได้แต่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพันเอกก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เขาไม่เป็นไรหรอก เพราะเดี๋ยวพันเอกก็จะกลับมาเป็นพี่ชายคนเดิมของเขาเหมือนเดิม

ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม...

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ March. Marcia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-5
:: CHAPTER 24 ::
รักแท้ดูแลไม่ได้



‘ผมเลือกเกิดไม่ได้หรอกนะพี่เอก ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเป็นลูกพ่อพัฒเหมือนกับพี่’
‘ผมรักพี่ที่สุดนะ พี่ไม่รักผมแล้วก็ไม่เป็นไร แต่สำหรับผม พี่เอกเป็นคนเดียวที่ผมรักมากกว่าชีวิตของผมเอง’


 

“โธ่เว้ย!”

พันเอกสบถออกมาด้วยความสับสนหลังจากหนีหน้าพระพายเข้ามาในห้องพักของตัวเอง คำพูดของคนเป็นน้องที่บอกกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพาให้ร่างสูงรู้สึกอึดอัด ลึกๆอยากจะดึงร่างแน่งน้อยเข้ามากอดแนบอกและบอกว่ายังไงก็รัก

หากแต่ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้มันกลับตีตื้นขึ้นมาค้ำคอ กับคนที่เกลียดชังการนอกใจอย่างพันเอกแล้ว...การรับรู้ว่าน้องชายที่หวงแหนดั่งแก้วตาดวงใจเกิดขึ้นมาเพราะความล้มเหลวของตระกูลทำให้พันเอกรู้สึกเหมือนถูกผลักตกเหวลึก ยากที่จะปีนกลับขึ้นมาโดยไร้บาดแผล เขาเกลียดการลักกินขโมยกิน เกลียดคนสองใจ เกลียดการเล่นชู้เพราะรู้ดีว่าคนที่ซื่อสัตย์นั้นจะเจ็บเจียนตายมากแค่ไหน เพราะเหตุนี้เขาจึงทำร้ายเทียนทุกวถีทางและเลือกที่จะมอบความรักให้พระพายมากกว่าใครๆ

แต่พอได้มารู้ว่าพระพายเองก็ไม่ใช่เด็กที่เกิดจากบิดาและมารดาของเขา ซ้ำยังเกิดจากความตั้งใจ ไม่ใช่ความมึนเมาเอาแต่ได้อย่างคราวของพ่อเขากับปานดาวแม่ของเทียน มันทำให้พันเอกรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่

หลังจากนี้ พันเอกรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจจะไม่เหมือนเดิม ให้ทำใจได้ง่ายดายเพียงไม่กี่วันก็คงเป็นไปไม่ได้ อะไรหลายๆอย่างมันแปรเปลี่ยนไปเสียหมดจนพันเอกเหมือนกับคนตาบอดที่กำลังหลงทาง

แต่ถึงจะมีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่ลึกลงไปในใจของเขาก็ยังมั่นคง

พันเอกยังรักน้องเหมือนเดิม เขายังรักพระพายเหมือนเดิม รักเหมือนกับที่ลึกๆ แล้วเขาก็ยังรักส่องแสงเหมือนเดิม

รักยิ่งกว่าชีวิต

รักมากยิ่งกว่าสิ่งใด...

 

 

 

 

วันรุ่งขึ้นพันเอกตื่นขึ้นมาทำงานแต่เช้า ร่างสูงสวมใส่เสื้อผ้าที่รุ่งฟ้าจัดหามาให้ก่อนจะเดินไปยังท่าเรือ ระหว่างทางดวงตาคมดุก็บังเอิญปะทะเข้ากับร่างโปร่งของนาวาที่กำลังนั่งเล่นอยู่ริมหาด ชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ว่ามัวแต่วุ่นวายเรื่องของตัวเองจนลืมนาวาไปเสียสนิท

“วา” คนตัวสูงเดินเข้าไปหาพลางทรุดตัวลงนั่งข้างอีกคน นาวาหันมามองพันเอกพลางเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหันกลับไปสนใจผืนน้ำตรงหน้าต่อ

“เมื่อวานขอโทษด้วยนะ” พันเอกเอ่ยขึ้น มือแกร่งยกขึ้นปัดปอยผมออกจากปรางแก้มขาวของอีกคนแผ่วเบา นาวาขมวดคิ้ว หันกลับมามองพันเอกอีกครั้งพลางเอ่ยถาม

“ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไรกันครับ”

“ก็...มัวแต่วุ่นวายเรื่องเมื่อวานจนลืมนายไปซะสนิท นายนอนที่ไหน” พันเอกถามพลางขยับเข้าไปใกล้ร่างโปร่งอย่างถือวิสาสะ

“นอนบ้านคุณรามครับ” นาวาตอบเสียงเบา “เห็นคุณรามบอกว่าคุณได้ไปนอนที่เรือนคนงาน คุณนอนสบายไหม”

พันเอกยกยิ้มกับคำถามที่เจือแววห่วงใยของอีกคน “นอนได้ ว่าแต่นายเถอะ จะกลับกรุงเทพพร้อมกับพายุแล้วก็จักรก่อนก็ได้นะ สองคนนั้นต้องกลับไปเคลียร์งาน ส่วนฉันก็คงอยู่ใช้หนี้ให้เจ้าของเกาะจนกว่ามันจะพอใจถึงจะได้กลับ” พันเอกพูดขึ้น นาวาส่ายหน้าปฏิเสธไปให้ก่อนจะย้อนถาม

“ไม่คิดว่าผมจะอยู่กับคุณรามเหรอครับ”

“...”

“ทำไมถึงมั่นใจนักว่าผมจะกลับไปอยู่กับคุณ” นาวาแสร้งถามด้วน้ำเสียงราบเรียบ พันเอกหน้าเจื่อนกับประโยคของอีกคนพลางเงียบลงไปถนัดตา ร่างโปร่งเห็นแบบนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาผะแผ่วพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

“อย่าคิดมากเรื่องของผมเลย ผมไม่ไปไหนหรอกครับเพราะผมยังไม่ได้ในสิ่งที่ผมต้องการ”

“หืม?”

“คุณจัดการเคลียร์เรื่องคุณรามให้เรียบร้อยซะให้หมดก่อนเถอะ ผมยังอยู่ข้างๆ คุณไม่ไปไหน ไว้ทุกอย่างจบลงเมื่อไหร่ผมจะบอกเองว่าต้องการอะไรเป็นค่าตอบแทนสำหรับสิ่งที่ผมสูญเสีย” นาวาพูดขึ้น พันเอกยกยิ้มจางๆ พลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบแก้มนิ่มของอีกคนอย่างรักใคร่ ริมฝีปากสีชาดเอ่ยขอบคุณแผ่วเบาหากแต่นาวากลับส่ายหน้าหวือปฏิเสธคำขอบคุณนั้นพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดตลก

“ถ้าคุณรู้ว่าจะต้องจ่ายค่าความเป็นคนของผมด้วยอะไร คุณจะไม่มานั่งขอบคุณแล้วมองผมตาหวานแบบนี้หรอก”

“ไม่ว่าอะไรฉันก็พร้อมให้นายได้ทุกอย่างนั่นแหละ” พันเอกพูดพลางยืดตัวเข้าไปกดจูบลงบนขมับของนาวาอย่างรวดเร็ว คนถูกฉวยโอกาสผละหนีออกแทบไม่ทันพลางขมวดคิ้ว นาวากำลังจะอ้าปากด่าคนตัวโตตรงหน้าแต่พันเอกก็ฉวยโอกาสหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่อีกครั้งและรีบวิ่งหนีไป ทิ้งให้ร่างโปร่งได้แต่นั่งขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความไม่ชอบใจ

“ฉวยโอกาสเก่งชะมัด ให้ตายสิ” นาวาพึมพำ น้ำเสียงติดจะห้วนสั้นแสดงถึงความไม่พอใจ หากแต่ริมฝีปากอิ่มกลับยกยิ้มขึ้นบางเบาโดยไม่รู้ตัว...

 

ทางด้านพันเอกเองหลังจากเดินออกมาและตรงไปยังท่าเรือก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นร่างเล็กของพระพายยืนถือปิ่นโตพลางส่งยิ้มบางเบามาให้ ใบหน้าขาวซีดเผือด ผิวเนียนละเอียดมีรอยช้ำจางๆ ที่พันเอกเพิ่งจะสังเกตเห็น

“พ่อกรให้ผมยืมครัวทำกับข้าวมาให้น่ะ เมื่อคืนพี่ก็ไม่ได้กินอะไรเลย เดี๋ยวจะไม่สบายไปซะก่อนนะครับ” พระพายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงละล้าละหลัง พันเอกปรายตามองปิ่นโตในมือของอีกคนแล้วก็สะบัดตัวเดินหนีออกมา หากแต่พระพายก็ยังคงวิ่งปุเลงๆ ตามหลังพี่ชายตัวโตอย่างไม่ยอมแพ้

“จะตามมาทำไม เกะกะ” คนเป็นพี่ขมวดคิ้ว นี่พระพายไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอกไปเมื่อานเลยหรือไงกันนะ อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าอย่ามาให้เห็นหน้ากันสักพักแต่ก็ยังดื้อด้านไม่ฟังกัน ให้เวลาเขาทำใจสักนิดไม่ได้เลยหรือไงกัน

“ถ้าไม่อยากให้ตามพี่เอกก็กินข้าวก่อนสิ แล้วผมจะไม่มาให้เห็นหน้าเลย” พระพายเถียงด้วยใบหน้าขึงขัง ได้ยินเสียงฮึดฮัดจากคนเป็นพี่แล้วก็นึกน้อยใจ ถ้าหากคนที่ถือปิ่นโตเป็นนาวาแทนที่จะเป็นเขาพันเอกคงยิ้มร่าและรับมาเปิดกินอย่างง่ายดายเลยสินะ

“ฉันจะกินไม่กินมันก็เรื่องของฉัน ก็บอกแล้วไงว่าให้ไปให้พ้นๆ”

“พี่เอก! ทำไมพี่พูดแบบนี้ละ” พระพายตัดพ้อ สองขาหยุดกึกมองแผ่นหลังกว้างของพี่ชายด้วยความเสียใจ

“ผมแค่เป็นห่วง กลัวพี่จะป่วย พี่ก็แค่กินข้าวแล้วผมก็จะไม่มาให้เห็นแล้ว แค่นี้ไม่ได้เลยเหรอครับ โกรธมากเลยเหรอ” ร่างเล็กพูด ริมฝีปากสีสดเบ้ราวกับเด็กเล็ก พันเอกหลับตากับสิ่งที่ได้ยินพลางถอนหายใจ ชายหนุ่มหมุนตัวไปประจันหน้ากับพระพายพลางย่างเท้าเข้าไปหยุดยืนอยู่ไม่ห่างร่างของน้อง ดวงตาคมดุจ้องใบหน้าขาวพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“มันยิ่งกว่าคำว่าโกรธอีก ให้เวลาฉันหน่อยพระพาย บอกตามตรงว่าฉันรู้สึกแย่มากจริงๆ ทางที่ดีช่วยไปให้พ้นจากเกาะนี้ กลับกรุงเทพไปซะ ถ้ายังรักฉันอยู่ก็ช่วยทำตามที่ฉันบอกด้วย” พูดจบพันเอกก็ฉวยเอาปิ่นโตในมือของน้องมาถือเอาไว้ก่อนจะโยนทิ้งลงทะเล พระพายเบิกตากว้าง กลีบปากอิ่มเรียกชื่อพี่ชายเสียงดัง สองมือกำหมัดแน่นสะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้ในขณะที่พันเอกตะโกนกร้าวด้วยความไม่พอใจ

“ถ้าของพวกนี้มันมาจากน้ำจิตน้ำใจของพ่อของนายฉันก็ไม่ต้องการ”

“ฮึก”

“ไปซะพระพาย กลับกรุงเทพไป อย่ามาร่วมหัวจมท้ายกับฉันที่นี่ การเดินตามฉันในตอนที่ฉันยังทำใจไม่ได้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ต่อให้นายตายลงต่อหน้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร คิดให้ดีๆ นายเองก็น่าจะรู้ว่าฉันนิสัยยังไง”

พันเอกทิ้งท้ายเอาไว้ก็เดินหนีออกมา ชายหนุ่มเดินตรงไปยังท่าเรือเพื่อไปสมทบกับรุ่งฟ้าและรอรับงานที่จะต้องทำ แต่พอไปถึงก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างสูงของรามยืนคุยกับรุ่งฟ้าหน้าตาเคร่งเครียด ร่างสูงปรับสีหน้าให้ราบเรียบอย่างรวดเร็วพลางเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ รามปรายตามองพันเอกพลางแค่นหัวเราะ ชายหนุ่มยกแขนขึ้นกอดอก ไม่วายออกปากแขวะอีกคนจนรุ่งฟ้าต้องถนหายใจ

“หน้าตาอิดโรยมาเลยนี่ ทำไมวะ หรือถนัดแต่ออกคำสั่ง”

“สรุปจะให้กูทำอะไร ต้องทำอีกนานแค่ไหน บอกมาให้ชัดเจนเลยกูจะได้เคลียร์งานทางนั้นถูก” พันเอกเลือกที่จะถามรามกลับ วันนี้เขาบังคับให้จักรกับพายุกลับกรุงเทพเพราะงานและบริษัทของพวกเขาขาดคนดูแลนานมากไม่ได้

“หึ...กูไม่ชั่วเหมือนมึงหรอกเอก มึงทำงานวันนี้เสร็จกูถือว่าเราหายกัน” รามตอบคำถามของอีกคนด้วยน้ำเสียงวาวโรจน์ รุ่งฟ้าปรายตามองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าลำบากใจ ส่วนพันเอกกลับขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“มึงหมายความว่ายังไง...”

“กูจะให้มึงออกไปหาปลาคนเดียว ถ้าได้เต็มห้าตะกร้านั่นเมื่อไหร่ก็กลับมาแล้วก็ไสหัวออกไปจากชีวิตกูกับคุณวาซะ” รามพูดพลางยกยิ้ม ไม่วายเอ่ยขู่ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “จำทางกลับมาให้มันได้ด้วยละ ติดอยู่กลางทะเลกูไม่ช่วย จะปล่อยให้ตายห่าเป็นผีเฝ้าทะเลไปซะ”

“เหอะ” พันเอกแค่นยิ้ม ชายหนุ่มเดินผ่านร่างของคนทั้งคู่ไปยังเรือประมงที่จอดเรียงกันอยู่

“ลำไหน” ร่างสูงเอ่ยถาม รามชี้มือไปยังเรือขนาดกลางลำหนึ่ง พันเอกไม่รีรอ ชายหนุ่มก้าวขึ้นเรือโดยมีคุณากรอาสาขับเรือไปให้เพราะกลัวว่าพันเอกจะหาทางกลับมาไม่ได้เพราะไม่ใช่ชาวเล

“ผมไปเองได้ คุณลงไปอยู่กับลูกคุณเถอะไป” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง ดวงตาคมปลาบตวัดมองคุณากรที่ยิ้มอ่อนๆมาให้พลางกัดฟันกรอด...เขาไม่อยากลงเรือกับผู้ชายคนนี้เลยสักนิด ให้ตายเถอะ

“ให้ผมขับให้เถอะครับคุณเอก ขากลับจะได้ไม่หลงทาง” คุณากรพูดขึ้น พันเอกชั่งใจอยู่นานแต่สุดท้ายก็พยักหน้าส่งๆ ทั้งสองออกติดเครื่องเรือพลางค่อยๆออกทะเลโดยมีรามกับรุ่งฟ้ามองตามจนลับสายตา

“ดีแล้วเหรอครับนายหัว อากาศแบบนี้ไม่ควรออกเรือเลยนะครับ” รุ่งฟ้าถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจ รามยกยิ้ม ดวงตาคมดุจ้องผืนน้ำทะเลที่เคลื่อนตัวอย่างสงบพลางยักไหล่

“คนเราถ้ามันถึงคราวตาย ต่อให้นอนอยู่บ้านเฉยๆมันก็ต้องตายอยู่ดีแหละรุ่ง” นายหัวหนุ่มทิ้งท้ายเอาไว้พลางหมุนตัวเดินกลับไปทำงาน รุ่งฟ้ามองน้ำทะเลด้วยความไม่สบายใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายร่างโปร่งจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อบ้าง แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนทั้งเขาและเหล่าคนงานบริเวณท่าเรือก็ได้ยินเสียงโวยวายของพระพายดังแว่วเข้ามากระทบโสตประสาท พอหันไปมองก็เห็นร่างเล็กของพระพายกำลังยืนประจันหน้ากับรามอยู่ไม่ไกล

“คุณส่งพ่อกับพี่ชายของผมออกทะเลทั้งๆ ที่รู้ว่าวันนี้เสี่ยงมีพายุแบบนี้น่ะเหรอ บ้าไปแล้วหรือไงคุณราม บ้าเอ๊ย!!!!” พระพายตะโกนก้อง สองมือยกขึ้นผลักอกคนตัวโตกว่าพลางสบถเสียงดัง

“หึ ทำไม ทีมันยังเคยคิดฆ่าฉันด้วยการโยนฉันลงน้ำเลยด้วยซ้ำ กับอีแค่ออกไปหาปลาแค่นี้มันไม่ตายหรอก” ร่างสูงของนายหัวหนุ่มเอ่ยเถียง ชายหนุ่มคว้าข้อมือเล็กเอาไว้แน่นพลางรั้งร่างของพระพายเข้ามาประชิดอกแต่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายก็ต้องหันไปด้านข้างอย่างรุนแรงเมื่อรามถูกพระพายตบหน้าฉาดใหญ่อย่างรวดเร็ว

เพียะ!

“ไอ้เลว ถ้าพ่อกับพี่เอกเป็นอะไรไปผมฆ่าคุณแน่!!” ร่างเล็กขู่เสียงแข็ง รุ่งฟ้ากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่กับภาพตรงหน้าก่อนจะสะดุ้งเบาๆเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขาคว้าร่างของพระพายเข้ามากระแทกจูบจาบจ้วงต่อหน้าผู้คน เสียงอู้อี้ดังลอดลำคอข่าว ร่างสูงปล้ำจูบพระพายจนพอใจก่อนจะผละออกพลางยกมือขึ้นมาบีบคางเล็กเอาไว้แน่น

“เห็นตอแหลตั้งแต่มาถึงที่นี่วันแรกแต่ไม่เคยมีปัญญาทำได้สักที เก่งแต่ครางเวลาถูกผัวคนนี้เอาเช้าเอาเย็นนั่นแหละวะ มานี่!” รามตะโกนกร้าวพลางย่อตัวลงอุ้มพระพายขึ้นมาพาดบ่า รุ่งฟ้าเบิกตากว้าง สองขาพาตัวเองเข้าไปใกล้กับคนทั้งคู่ก่อนจะหยุดนิ่งเมื่อถูกสายตาของนายหัวปรามเอาไว้

“ปล่อย! ไอ้เหี้ย! ปล่อยเดี๋ยวนี้!!”

“เออ หยาบเข้าไปเถอะ เดี๋ยวจะโดนผัวเอาแบบหยาบๆก็วันนี้นี่แหละ ไหนๆพ่อกับพี่นายก็เตรียมตัวไปลงนรกกันหมดแล้ว ฉันจะกรุณาส่งนายขึ้นสวรรค์แทนพวกมันสองคนก็แล้วกัน!” รามพูดพลางแบกร่างพระพายไปยังบ้านหลังใหญ่ รุ่งฟ้าอ้าปากพะงาบๆ ดวงตากลมจ้องมองร่างของพระพายที่ดีดดิ้นก่นด่าเจ้านายของเขาเสียงดังลั่น ใจหนึ่งก็นึกเห็นใจพระพายไม่น้อย แต่จะให้รุ่งฟ้าขัดคำสั่งนายหัวมันก็ใช่เรื่อง

ได้แต่หวังว่านายของเขาจะถนอมคุณพระพายบ้าง

สักเล็กน้อยก็ยังดี...

 

 

.......................................................................................

 

 

พลั่ก!

“โอ๊ย!” เสียงร้องของพระพายดังขึ้นทันทีที่ร่างเล็กถูกรามเหวี่ยงลงบนเตียงกว้างอย่างไม่ปราณี ร่างเล็กกัดฟันกรอดในขณะที่รามตามขึ้นมากดร่างขาวจนจมฟูก ข้อมือเล็กถูกตรึงกับพื้นเตียงในขณะที่คนด้านบนจ้องใบหน้าขาวไม่วางตา

“ไง จำเตียงนี้ได้ไหม” รามเอ่ยถามเสียงแหบพร่า ริมฝีปากหยักยกยิ้มยั่วเย้าจนพระพายกัดฟันกรอด ดวงตาคู่สวยวูบไหว จำได้ดีว่าเตียงหลังนี้ ห้องนอนห้องนี้คือห้องที่เขาเคยถูกรามทำร้ายย่ำยีตลอดระยะเวลาสามเดือนที่อยู่ที่นี่

“คุณมันเลว จำเอาไว้ว่าคุณไม่มีทางชนะพี่เอกหรอก ไม่ว่ายังไงฝ่ายที่จะแพ้ก็คือคุณ!!!” พระพายเถียงพลางยกยิ้มเย้ยหยัน “คุณคงคิดว่าตัวเองเหนือกว่าสินะที่ทำให้ครอบครัวเราระหองระแหงได้ หึ คุณมันโง่กว่าที่ผมคิดจริงๆ”

“พระพาย!” รามตะโกนใส่หน้าอีกคนด้วยความหงุดหงิด ร่างสูงรวบข้อมือเล็กขึ้นไปกองอยู่เหนือหัวก่อนจะถอดเข็มขัดออกมาพันธนาการมือขาวเอาไว้ พระพายกัดฟันกรอดเมื่อรับรู้ว่าไร้ทางหนี ขอบตาเรียวร้อนผ่าวพลางยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตัวเอง

“พี่วาเขาจะรู้บ้างไหมว่าคนที่ต่อหน้าแสนดีอย่างคุณ ลับหลังมันก็ไม่ต่างจากโจรเถื่อนที่ดีแต่ทำร้ายคนไม่มีทางสู้! ถ้าคุณไม่รู้อะไรก็รู้เอาไว้ซะ พี่วารักพี่เอก! ต่อให้คุณปล้ำผมต่อหน้าคนทั้งเกาะยังไง มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าพี่วาเขาเป็นเมียพี่เอกหรอก พี่วาเป็นของพี่เอก เป็นของพี่ชายผม ไม่ใช่คุ...อื้อ!!!” เสียงของร่างเล็กขาดหายไปในลำคอเมื่อร่างสูงกระแทกริมฝีปากลงไปบนกลีบปากอ่อนนุ่มของพระพายเต็มแรงอย่างบันดาลโทสะ นายหัวหนุ่มดูดดึงกลีบปากสีอ่อนของคนตัวเล็กกว่าอย่างรุนแรง พระพายกรีดร้องอื้ออึงพลางส่ายหน้าหนีหากแต่คนตัวสูงก็ตามมาประกบจูบอย่างไม่ยอมแพ้

มือแกร่งของรามเองก็ไม่น้อยหน้า ทั้งปัดป่ายไปทั่วเรือนร่างซูบซีดก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่พระพายสวมใส่ออกจากร่างแน่งน้อยเสียจนมันขาดวิ่น

“เอาสิ! เอาเลย! ไอ้คนป่าเถื่อน พอไม่ได้ดั่งใจก็ใช้กำลัง คุณมันหน้าตัวเมีย!”

“ไม่ต้องท้าหรอก ฉันทำแน่ จะทำแรงด้วย” รามพูดเสียงสูงพลางยืดตัวขึ้นรูดซิปกางเกงลง ร่างข้างใต้เม้มปากแน่นเมื่ออาภรณ์ชิ้นล่างของอีกฝ่ายหลุดออกจากร่าง เสียงสะอื้นไห้ดังเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากสีธรรมชาติในขณะที่รามกำลังรูดรั้งร่างกายให้แข็งขืน

“ฮึก เกลียด...ผมเกลียดคุณ” พระพายบริภาษร่างสูงเสียงสั่น รามแสยะยิ้มกับคำต่อว่านั้นพลางรั้งสองขาให้แยกกว้างออกจากกันพลางจดจ่อความแข็งขืนกับจีบพับสีสดทางด้านหลัง

“หึ ปากอย่างใจอย่างจริงนะ มาดูกันว่านายจะเกลียดผัวตัวเองอย่างที่ปากว่าไหม” ร่างสูงเอ่ยพลางกดความต้องการเข้าไปในร่างเล็กเต็มแรงโดยไม่มีการเบิกทาง

“อ๊ะ! โอ๊ยยยย ฮึก รามมันเจ็บ ผมเจ็บ!!!” พระพายกรีดร้อง แผ่นหลังขาวเนียนแอ่นขึ้นจนลอยเหนือเตียง ความเจ็บปวดของการถูกล่วงล้ำทำเอาร่างแน่งน้อยน้ำตาตก ร่างสูงสูดปากกับความคับแน่นของคนใต้ร่างพลางเลื่อนมือไปกระชับเอวคอดบางของพระพายเอาไว้แน่นและเริ่มขยับกายเข้าออกเป็นจังหวะ

“คุณราม หยุดนะ ไหนคุณบอกว่าเกลียดผมไง คุณรักพี่วาไม่ใช่เหรอ แล้วคุณมาทำแบบนี้กับผมทำไม” พระพายตัดพ้อก่อนจะครางเครือเมื่อช่วงล่างถูกกระแทกหนักหน่วงตั้งแต่เริ่ม รายเหยียดยิ้มกับประโยคของอีกคน ชายหนุ่มดึงร่างออกจากโพรงอุ่นร้อนก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปใหม่เต็มแรง ร่างเล็กหวีดร้องเสียงหลง ความเจ็บเสียดจุกแน่นแล่นวนไปทั่วร่าง แรงกระแทกกระทั้นหนักหน่วงส่งให้ร่างเล็กไหวคลอน

“เซ็กซ์กับรักมันไม่ต้องมาคู่กันหรอก ขอแค่อยาก คลำดูไม่มีหางก็จับมาเอาได้หมดแหละ” รามเอ่ยเสียงเย็นเยียบ พระพายสะอื้นฮักกับประโยคของอีกคน มือขาวที่ถูกพันธนาการเอาไว้เหนือหัวจิกทึ้งผ้าปูที่นอนแน่นเพื่อระบายอารมณ์ หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกโยนลงสู่หุบเหวลึก เสียงจังหวะเกมกามที่ดังแว่วเข้ามากระทบโสตประสาทค่อยๆกรีดหัวใจดวงน้อยให้เป็นแผลเหวอะหวะขาดวิ่นจนเกินเยียวยา

“ถ้าผมตายคุณคงจะดีใจมากใช่ไหม ฮึก อยากให้ผมตายมากนักใช่ไหมคุณราม” ร่างเล็กเอ่ยเสียงสั่นสลับกับหวีดร้องลั่นห้อง เสียงเตียงลั่นตามจังหวะร้อนของสองร่างดังสลับกับเสียงหัวเตียงกระทบกับผนังห้อง รามไม่ตอบคำถามของคนข้างใต้ ชายหนุ่มโถมแรงสอดจ้วงความแข็งขืนเข้าออกภายในช่องทางด้านหลังของพระพายสุดแรง ใบหน้าคมคายก้มลงดูดดึงผิวเนื้อนวลเนียนแถวลำคอและแผ่นอก ร่างสูงตักตวงความหอมหวานจากแรงราคะที่กำลังคุโชนอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใดรอบกาย

ท่ามกลางเสียงครางลั่นและเสียงสะอื้นไห้ รามลืมเลือนสติสัมปชัญญะทั้งหมดพลางย่ำยีกายขาวจนสาแก่ใจ เวลายังคงดำเนินต่อไป จากเช้าสายไปบ่ายคล้อย เสียงครางแหบระโหยยังคงดังผะแผ่วในขณะที่ร่างแน่งน้อยยังคงถูกกระแทกถี่ยิบเสียจนชายิบไปทั่ว กว่ารามจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างก็เมื่อตอนที่พระพายหมดสติคาอกแกร่งไปเสียแล้ว...

รามถอนกายออกจากร่างเล็ก ชายหนุ่มเอื้อมมือไปปลดเปลื้องพันธนาการออกจากข้อมือบางพลางขยับร่างของพระพายให้นอนในท่าที่สบายมากกว่าเดิม ดวงตาคมมองใบหน้าขาวซีดที่มีคราบน้ำตาอาบแก้ม มือแกร่งเอื้อมไปปาดรอยชื้นออกจากหางตาของอีกคนพลางถอนหายใจ เมื่อความกรุ่นโกรธทุเลาลงจึงได้สติและรับรู้ว่าตนลงมือทำร้ายพระพายอีกแล้ว

ชายหนุ่มห่มผ้าให้คนตรงหน้าพลางก้าวลงจากเตียง หยิบเศษเสื้อผ้าของพระพายไปโยนลงถังขยะ ร่างสูงทำความสะอาดให้ร่างเปลือยเปล่าของพระพายก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตตัวโตมาสวมให้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นรามก็เอาแต่นั่งมองคนบนเตียงด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก กระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นรามถึงได้รู้สึกตัว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“นายหัวครับ อยู่ในนั้นไหม” เสียงของรุ่งฟ้าเล็ดรอดเข้ามา รามหยิบเสื้อกล้ามขึ้นมาสวมก่อนจะเดินออกไปด้านนอกด้วยใบหน้าราบเรียบ

“มีอะไร”

“ผมเอาบัญชีมาให้น่ะครับ แล้วก็มาเตือนว่าถึงเวลาไปดูฟาร์มมุกกับกระชังปลาแล้ว นายจะไปตอนนี้เลยไหมครับ” รุ่งฟ้าเอ่ยถาม คนถูกถามชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า

“แล้ว...เอ่อ คุณพระพายละครับ” ร่างโปร่งลอบถามผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ รามพยักเพยิดเข้าไปในห้องพลางตอบด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน

“หลับอยู่ในห้อง”

“...”

“มีอะไรข้องใจรึเปล่า” นายหัวหนุ่มอดถามลูกน้องคนสนิทไม่ได้ รุ่งฟ้าถอนหายใจก่อนจะเอ่ยเตือน

“ร้ายใส่เขาขนาดนั้น ระวังคุณพายเขาทนไม่ไหวขึ้นมาจริงๆนะครับ ถึงตอนนั้นนายหัวนั่นแหละจะเดือดร้อน” รุ่งฟ้าพูดอย่างคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนทั้งคู่ดี

“นายหัวอาจจะโกหกใครต่อใครก็ได้ว่าไม่รักเขา จะโกหกคุณพายหรือแม้แต่ตัวเองก็ได้ แต่นายโกหกหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกนะครับ”

“...”

“รีบๆยอมรับหัวใจตัวเองได้แล้วนะครับ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป” รุ่งฟ้าทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนตัวสูงกว่าได้ขบคิดก่อนจะเดินหนีไป รามมองตามแผ่นหลังโปร่งของคนสนิทพลางยกยิ้มอย่างนึกขำ รุ่งฟ้าก็เป็นซะแบบนี้ รามไม่ได้โกหกตัวเอง เขาไม่ได้รักพระพายเสียหน่อย

ใช่ เขาไม่ได้รักพระพาย

รามได้แต่บอกกับตัวเองแบบนั้นในใจอย่างเงียบๆ

 

 

.......................................................................................

 

 

พระพายลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเย็นของวัน ร่างเล็กขยับตัวอย่างช้าๆ อาการปวดเมื่อยเจ็บแปลบแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง แม้จะไร้เรี่ยวแรงมากแค่ไหนแต่พระพายก็ไม่มีเวลาอ้อยอิ่งมากนัก เสียงฟ้าร้องครืนด้านนอกทำเอาร่างเล็กใจเต้นระส่ำ ไม่มีเวลาแม้แต่จะหากางเกงขายาวมาสวมใส่ สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงอีกสองคนที่ออกทะเลไปอย่างจับใจพระพายจึงพาร่างของตัวเองออกจากห้องไปในสภาพเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นบางเบาเพียงเท่านั้น จุดหมายของเขาคือสปีทโบ๊ทที่จอดเทียบอยู่บนท่าเรือเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้าน ร่างเล็กวิ่งเหยาะๆไปตามพื้นทรายโดยปราศจากรองเท้า และในขณะที่พระพายกำลังจะวิ่งไปยังจุดหมาย ชายหนุ่มก็พบนาวาและรุ่งฟ้ากำลังยืนคุยกันหน้าตาเคร่งเครียดอยู่บนสะพาน

“พี่วา! คุณรุ่ง!”

“คุณพาย!!!”

“พี่เอกละครับ พี่เอกกลับมารึยัง” พระพายตรงดิ่งเข้าไปถามคนทั้งคู่ด้วยความร้อนรน รุ่งฟ้ากับนาวาหน้าเครียด ทั้งคู่ส่ายหน้าปฏิเสธพาให้ร่างเล็กใจสั่นด้วยความเป็นห่วงพี่ชายกับผู้เป็นบิดา

“ยังเลยครับ ดูท่าฝนจะตกแล้วด้วย” รุ่งฟ้าเอ่ยด้วยความไม่สบายใจ คนฟังเม้มปากแน่น ทั้งนาวาและพระพายเริ่มยืนไม่ติดที่ด้วยความกังวลใจ พระพายกวาดสายตามองผืนน้ำที่เริ่มเคลื่อนไหวรุนแรง กระแสน้ำตรงหน้าเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับแรงลมและเสียงฟ้าร้อนที่ดังสนั่นเป็นระยะๆ

และในขณะที่ร่างเล็กกำลังวิตกกังวลอยู่นั้น ดวงตาคู่สวยก็สะดุดเข้ากับสปีทโบ๊ทที่จอดเทียบท่าอยู่ พระพายรีบวิ่งไปยังเรือลำเล็กพลางกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กฉีกยิ้มเมื่อเห็นกุญแจยังเสียบค้างอยู่ โดยไม่รีรอ พระพายก็รีบสตาร์ทเครื่องและแล่นเรือออกไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตานาวาและรุ่งฟ้าที่ยืนอ้าปากค้าง

“คุณพาย!!!!!” ชายหนุ่มทั้งคู่ประสานเสียง นาวามองเรือสีขาวที่ค่อยๆหายลับไปจากสายตาด้วยความไม่สบายใจ

“คุณวายืนรออยู่ตรงนี้นะครับ ถ้าฝนตกให้รีบเข้าไปหลบอยู่ที่ศาลาข้างๆ เดี๋ยวผมขอไปตามนายหัวก่อน” รุ่งฟ้าพูดเร็วๆ นาวาพยักหน้าพลางปล่อยให้ร่างโปร่งวิ่งกลับไปยังตัวบ้านอย่างรวดเร็ว

นาวาหันกลับมาจ้องผืนน้ำตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตากลมพยายามกวาดมองไปทั่วเพื่อหาเรือของใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นพระพายหรือแม้แต่พันเอก

จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาและตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ นาวารีบวิ่งเข้าไปหลบฝนบริเวณศาลาที่ตั้งอยู่ข้างๆ สายตายังคงจับจ้องผืนน้ำที่เริ่มผันแปรเบื้องหน้า ในใจภาวนาของให้คนที่อยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นปลอดภัย

หลังจากนั้นไม่นาน คำภาวนาของนาวาก็สัมฤทธิ์ผล ร่างโปร่งเบิกตากว้างเมื่อเห็นเรือประมงแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าเรือเล็กก่อนที่ร่างสูงจะก้าวลงมาจากเรือ

“คุณเอก!”

“วา...” พันเอกอุทานเสียงหลงเมื่อร่างโปร่งวิ่งเข้ามากอดเขาเต็มแรง นาวาสะอื้นแนบอกกว้าง ในใจนึกโล่งอกอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงกลับมาอย่างปลอดภัย

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม ฮึก คุณปลอดภัยใช่ไหมคุณเอก” ร่างโปร่งพึมพำ สองแขนทึ้งเสื้อกล้ามของคนตัวโตกว่าเอาไว้ พันเอกเอียงคอมองคนในอ้อมกอดอย่างแปลกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยกยิ้มแต่งแต้มทั่วใบหน้า แขนแกร่งยกขึ้นโอบรัดร่างเล็กกว่าเอาไว้แน่นพลางก้มลงกระซิบข้างหู

“ฉันไม่เป็นไร ดีใจนะที่นายเป็นห่วง”

“ใครไม่ห่วงก็บ้าแล้ว ขนาดคุณพระพายยังขับเรือออกไปตามคุ...เดี๋ยวนะครับ แล้วคุณพายละ คุณพายอยู่ไหน!” นาวาถามอีกคนเสียงหลงพลางมองไปยังเรือประมงที่จอดเทียบท่าอยู่ด้านหลัง พันเอกขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะถามนาวากลับด้วยความไม่เข้าใจ

“พระพายออกไปตามฉัน?”

“ใช่ พอเมฆเริ่มตั้งเค้าคุณพายก็ขับเรือออกไปตามหาคุณ”

“อะไรนะ!” พันเอกร้องเสียงหลง เป็นจังหวะเดียวกับที่รามและรุ่งฟ้าเดินเข้ามาใกล้คนทั้งคู่ ร่างสูงสบสายตาวูบไหวของพันเอกก่อนจะเคลื่อนไปมองผืนน้ำทะเลสีครามตงหน้าที่ก่อตัวเป็นเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ตามแรงลม

หัวใจของรามกระตุกวูบ พอๆกับพันเอกที่ตัวสั่นระริก กว่าจะรู้สึกตัว ทั้งรามและพันเอกก็กระโดดลงสปีทโบ๊ทลำเล็กที่จอดอยู่ไม่ห่างก่อนจะสตาร์ทเครื่องและขับออกทะเลไป

พันเอกกัดฟันกรอด ขอบตาร้อนผ่าวยามสอดส่ายไปรอบทิศ เสียงท้องฟ้าลั่นครืนดังแข่งกับเสียงคลื่นที่กำลังโหมไปทั่วท้องน้ำ รามสบถในลำคอเมื่อเรือของเขาเกือบจะถูกคลื่นจมไปหลายครั้ง

ชายหนุ่มทั้งคู่ได้แต่ภาวนาท่ามกลางพายุที่กำลังคร่าเอาความหวังของพวกเขาไปทีละเล็กทีละน้อย

พวกเขาได้แต่ภาวนา

ขอให้พระพายปลอดภัย...

 
โปรดติดตามตอนต่อไป

ตอนหน้าจบแล้วนะคะ *^*
(คนอ่านบอก ห๊ะ? 555555)
สำหรับคู่รามxพระพาย มีเรื่องแยกจ้ะ ^^
เจอกันตอนหน้านะคะ
:mew1:

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ตามอ่านเีรื่องนี้ทั้งในเล้าทั้งธัญวลัย
เปนกำลังใจให้น้าา ตอนหน้ามาเร็วๆ
รออ่านลวงรักอยู่ อย่าโหดกะพะพายลูกรักมากนักนะคะคนเขียน :o12:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :sad4:   พระพาย. อย่าเพิ่งหายไปกับทะเลนะลูห
ไอ้รามบ้า.
รอตอนจบค่ะ. ขอบคุณ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อ่านจากทั้งสองเวบเหมือนกัน

อ่านกี่ทีก็เครียด  :z3:

ว่าแต่ ตอนหน้าจบแล้วเหรอ  :m26:

ออฟไลน์ Isunn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 349
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ง่าาาา  จะจบแล้วเหรอ  :katai1:

ยังไงก็ขอให้ตอนจบไม่เศร้าจนเกินไปละกันนะ

เพราะตอนนี้ หลายๆอย่างมันคลี่คลายออกมาด้วยดีแล้ว  :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด