Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนที่ 43
เพื่อคำว่า ‘เรา’
จักรเดินไปตามทางอย่างเหนื่อยล้าเพราะคุยกับลูกค้ารายใหญ่อยู่นานมากกว่ากว่าจะตกลงรูปแบบสวนลงตัวก็ปาไปหลายชั่วโมง และตอนนี้เขากำลังเดินตรงไปยังห้องทำงานของรามินทร์เพราะทันทีที่เขาเปิดโทรศัพท์ก็มีเบอร์ของเจ้าจอมโทรมาอยู่ยี่สิบกว่าสาย พอโทรกลับเขาก็โดนนัดให้มาที่นี่ เสียงของเจ้าจอมจริงจังจนจักรใจคอไม่ดีเท่าไหร่นัก ตลอดการเดินทางกลับมาที่นี่จักรกังวล คิดนั่นนี่ไปต่างๆ นาๆ เลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มาแล้วเหรอ”
พอเขาเข้าไปในห้องทำงานหลังเคาะประตูเสร็จคนที่ทักก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรามินทร์เจ้านายของเขาเอง แต่ว่าในห้องไม่ได้มีแค่รามินทร์กับเจ้าจอมแต่มีอินทัชที่นั่งกอดอกนิ่งๆ มองมาที่เขา จนจักรคิดไปเองแล้วว่าเพื่อนคนนี้ยังคงโกรธเขาอยู่แน่ๆ
“ครับ”
“มานั่งสิ วันนี้กลับช้านะ คุยงานนานเหรอ” รามินทร์ชวนก่อนจะถามเหตุผลที่ทำให้ร่างสูงกลับมาเย็นขนาดนี้ ส่วนคนที่โดนถามก็หันหน้าไปมองท่าทีของเจ้าจอมด้วยความกังวลทันที
คุณจอมรู้แล้วเหรอ...
แต่ร่างแกร่งได้รอยยิ้มบางๆ กลับมาเล่นทำเอาความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ตามร่างกายมลายหายไปราวกับได้ยาวิเศษ
คุณจอมไม่ว่าอะไร แถมยังยิ้มให้ด้วย...
“ครับ...เพราะผมมันพวกสมองช้าด้วยแหละเลยไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูดเท่าไหร่” จักรตอบกลับไปอย่างถ่อมตัวเอง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วลูกค้าเรื่องมากต่างหาก
กับเรื่องอื่นจักรอาจจะช้าและเข้าใจอะไรยาก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองเก่งและชำนาญ เจ้าจอม รามินทร์และอินทัชรู้ดีว่ามันไม่ใช่แบบนั้น
“บางครั้งมึงก็ถ่อมตัวเองเกินไปจนกลายเป็นการดูถูกตัวเอง” อินทัชพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ถึงแม้ว่าเราจะรู้ตัวเองว่าเราไม่เก่งเรื่องไหนก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะดูถูกตัวเอง เพราะถ้าขนาดเรายังดูถูกตัวของเราเองเลย แล้วจะมีใครที่ไหนมาชื่นชมมาภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า” เจ้าจอมแทรกขึ้น เมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างอินทัชกับจักรมันดูแปลกๆ อินทัชทำท่าเหมือนโกรธจักรมาก ส่วนจักรตอนนี้ทำหน้าเศร้าไปแล้ว
ที่นั่งของจักรคือข้างๆ กับเจ้าจอม อินทัชนั่งคนเดียว ส่วนรามินทร์ก็นั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเองเพราะมีโซฟาจำกัด
“ตอนนี้ฉันรู้ปัญหาของนายแล้วนะ แต่ฉันไม่ได้โกรธหรอกที่นายรับงานข้างนอก แต่ที่ฉันโกรธคือนายไม่ยอมบอกเหตุผล ไม่ยอมถาม ไม่ยอมพูดเรื่องที่ตัวเองไม่สบายใจ ก็จริงอยู่ที่นายไม่อยากให้ฉันต้องลำบากใจ ไม่สบายใจ หรือเพราะว่าฉันอายุน้อยกว่านาย เลยคิดว่าฉันจะช่วยนายไม่ได้?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณจอม”
“แล้วทำไมถึงไม่พูด...มันเป็นเรื่องของเรานะจักร ถ้าฉันไม่ถามพี่อิน ฉันจะรู้เรื่องไหม? มันเป็นเรื่องของเราแต่นายกลับบอกคนอื่นได้ แต่บอกฉันไม่ได้ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ”
เจ้าจอมน้อยใจ แม้ว่าทุกอย่างที่จักรทำไปเพราะไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกไม่ดี แต่ถ้ามันกลายเป็นว่าเจ้าจอมต้องเป็นคนรับอยู่ฝ่ายเดียวมันจะไปแฟร์กับจักรเหรอ นี่มันเรื่องของ ‘เรา’ นะ ความรักของเรา จะให้คนหนึ่งมีความสุขและอีกคนหนึ่งลำบากไปทำไม
มีทุกข์ ก็ต้องร่วมทุกข์ไปด้วยกัน
มีความสุข ก็ต้องสุขไปด้วยกัน...
“ผมขอโทษครับ” จักรก้มหน้าสำนึกผิด
“แต่ฉันดีใจนะ ที่นายทำเพื่อเราน่ะ” จักรเศร้าไม่นานก็กลับมายิ้มออกเมื่อได้ยินประโยคที่แสนอ่อนโยนของคนรักตัวเล็ก ที่นอกจะพูดแบบนั้นแล้ว เจ้าจอมยังยิ้มหวานให้เป็นรางวัลอีกครั้งด้วย
อ่า...’คนรัก’ คุณจอมเป็นคนรักของเราสินะ เราสองคนรักกัน เพราะอย่างนี้ไง ผมถึงอยากทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณจอมต้องลำบาก
“ฉันไม่มีความสุขหรอกนะที่ต้องให้นายมาเหนื่อยคนเดียวโดยที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ผมแค่อยากให้คุณจอมสบายอย่างที่เคยเป็น ไม่ต้องมาลำบากกับผม”
“แล้วถ้าการที่ฉันสบายแล้วเห็น ‘คนรัก’ ของตัวเองต้องเหนื่อยแบบนี้ นายเห็นฉันเป็นคนรักแบบไหนกันจักร ฉันไม่ได้เห็นแก่ตัว และฉันก็ไม่ได้เป็นคุณหนูขนาดนั้นนะ” เจ้าจอมพูดด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง ทำให้จักรรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ที่คิดเองเออเองไปคนเดียว
“ขอโทษครับ”
“บอกแล้วไงว่าไม่โกรธ เลิกทำหน้าแบบนี้แล้วยิ้มซะ” มือนุ่มเอื้อมไปจับที่แก้มทั้งสองแล้วบังคับให้หันมาสบตากับตน ก่อนที่คนน่ารักของจักรจะยิ้มหวานให้อีกครั้ง จักรเลยยิ้มตามอีก
“ขอบคุณครับ”
“แฮ่ม! ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะ แต่พี่ยังอยู่นะครับเจ้าจอม” รามินทร์กระแอมขึ้นขัดจังหวะการสวีทหวานของทั้งสองคน ทำให้เจ้าจอมกับจักรผละออกจากกันไม่ทัน
“ขอโทษครับ ว่าแต่พี่อินบอกว่าจะช่วยพวกเรา ช่วยยังไงหรือครับ ตอนนี้จักรก็มาแล้ว”
เจ้าจอมเข้าเรื่องทันที อินทัชหันไปสบตากับรามินทร์ก่อนจะร่างสูงจะพยักหน้าเป็นการบอกให้อินทัชพูดได้เลย ร่างโปร่งเลยหันมามองหน้าเจ้าจอมกับจักร
“ปัญหาอยู่ที่พ่อแม่ของน้องจอมไม่ยอมรับอยู่แล้ว เรื่องนี้พี่ช่วยได้นะ”
“ยังไงหรือครับ”
“พี่จะพาไอ้จักรไปทำงานที่บริษัทพี่ เรียนรู้เพิ่มเติมและจะพาไปดูงานที่ต่างประเทศด้วย แต่ว่าน้องจอมกับจักรก็ยังเจอกันได้ตลอดนะ เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม”
“มึงเอาจริง?” จักรถาม
“ก็เอาจริงดิ”
“แต่คนอย่างกู…”
“คนอย่างมึงทำไม” อินทัชสวนทันทีไม่ปล่อยให้จักรพูดจบ
“ทำงานบริษัทมึงแบบนั้น มันไม่เหมาะกับกูว่ะ”
“ไม่เหมาะยังไง ลองแล้วหรือไง หรือว่ามึงมีวิธีอื่นที่จะทำให้มึงหาเงินได้เยอะๆ แบบง่ายกว่าไปอยู่กับกู?” คำถามของอินทัชทำให้จักรถึงกับไปไม่เป็น
ก็จริงอย่างที่อินทัชว่า
“แล้วมึงจะให้กูไปอยู่ในตำแหน่งอะไร”
“บริษัทของกูทำเกี่ยวกับการตกแต่งอสังหาริมทรัพย์ทั้งภายใน ภายนอกและเป็นพันธมิตรกับบริษัทของคุณอัคนีคนรักของดรีมที่เคยมาจัดงานแต่งที่นี่” เจ้าจอมเบิกตากว้างอย่างตกใจกับประวัติที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน รู้ว่าอินทัชคือนักธุรกิจดังแต่ไม่รู้ว่าบริษัทอะไร ตอนนี้ก็รู้แล้วล่ะ
ส่วนจักรก็มองหน้าคนพูดอย่างตกตะลึงไม่แพ้กัน เขาก็แค่ตกใจที่ไม่คิดว่าเราสองคนจะแตกต่างกันถึงขนาดนี้ นี่อินทัชกล้ามาเป็นเพื่อนกับเขาได้ยังไงกัน
“กูไม่ได้พูดเพราะอวดตัวเองหรอกนะ แล้วมึงก็ไม่ต้องมาทำท่าทางเหมือนว่าเราแตกต่างกันขนาดนั้นด้วย กูจะมีเพื่อนสักคนกูไม่เน้นรวย ไม่เน้นดัง แต่เพื่อนสำหรับกูคือคนที่อยู่ข้างกู ไม่ทิ้งกู ช่วยเหลือกู ซึ่งแต่ก่อนกูก็มีแค่ไอ้ธีร์คนเดียว เดี๋ยวมึงไปกรุงเทพมึงจะได้รู้จักเองแหละ แต่ตอนนี้กูมีมึง มีหมอเงินเป็นเพื่อนเพิ่มมาอีกสองคน มันอาจจะยังไม่ใช่เพื่อนตายเหมือนที่กูกับไอ้ธีร์ แต่มึงก็เป็นเพื่อนที่กูต้องช่วยเหลือถ้าเพื่อนลำบากหรือเดือดร้อน”
“มันจะไม่มากไปหน่อยหรือวะ”
“จะมากไปยังไง กูเป็นผู้บริหารนะเว้ย กูเลือกคนเข้าทำงานโดยเลือกจากความไว้วางใจและความซื่อสัตย์เป็นอันแรก ส่วนความสามารถ เรื่องพวกนี้มันฝึกกันได้”
อินทัชตอบอย่างจริงจัง จักรซึ้งใจมากที่อินทัชช่วยเหลือเขามากขนาดนี้
“มึงจะให้กูไปทำอะไรที่บริษัทมึง”
“มึงถนัดอะไรที่สุด ก็ทำอันนั้นแหละ”
“จริงหรือวะ” คราวนี้จักรมีประกายความยินดีขึ้นมาอย่างมาก ทำเอาเจ้าจอมยิ้มกว้างที่ได้เห็นความดีใจที่จะได้ทำงานที่จักรรักอย่างเต็มที่และจริงจังเสียที
เจ้าจอมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยที่จักรจะไปกรุงเทพ เพราะยังไงแล้ว เจ้าจอมก็ยังไปหาได้ เราโทรคุยกันได้...ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากังวลหรอก
“อืม...มึงอาจจะต้องฝึกงานอย่างเต็มที่ภายในหกเดือน ถ้ามึงผ่านทดสอบทุกเดือนๆ ไปได้ เดือนที่เจ็ดมึงจะได้บรรจุเป็นหัวหน้าทันที ส่วนหัวหน้าคนก่อนกูมีแผนเลื่อนตำแหน่งเขานานแล้ว มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไปแย่งใคร ส่วนคนงานอื่นๆ ที่เขาทำมานานกว่ามึงกูยังไม่เห็นว่ามีใครมีศักยภาพพอจะเป็นหัวหน้าได้ ก็เลยยังไม่มีการเลื่อนตำแหน่งอะไรเสียที คราวนี้ก็จะได้โอกาสแล้วล่ะ”
ทั้งนี้...รวมถึงว่า เขาต้องกลับไปจัดการความเรียบร้อยของกรรมการบริษัทก่อนล่ะนะ เพราะเขาหายตัวมาหลายเดือนแบบนี้...มันเป็นเรื่องที่ทำให้บริษัทสั่นคลอนอย่างมหาศาล
“ขอบคุณนะ กูขอบคุณมึงจริงๆ ไอ้อิน”
“เออน่า...ว่ายังไงครับน้องจอม แบบนี้โอเคไหม” ทั้งจักรทั้งอินทัชหันมาสนใจเจ้าจอมที่นั่งเงียบอยู่ตั้งนานทันที คนรักอย่างจักรพอคิดได้ก็เครียดขึ้นมาอีกแล้ว เขาไม่อยากห่างเจ้าจอม
ไม่อยากห่าง แต่ก็ต้องห่าง...
“ไม่มีอะไรที่จอมจะไม่โอเคครับ ดีเสียอีก คราวนี้เรื่องงานก็หมดปัญหาไปแล้ว เดี๋ยวปัญหาอื่นๆ จอมจัดการเองครับ พ่อแม่จอม จอมรู้ดีที่สุดว่าต้องรับมือยังไง ระหว่างนี้ก็ตั้งใจทำงานล่ะ” ประโยคสุดท้ายหันมาสั่งจักรอย่างจริงจัง
“ครับ...ผมจะรีบสร้างเนื้อสร้างตัว”
“ว่าแต่ไปวันไหนครับ”
“จักร...ว่าไงมึง”
“กูรับงานมาแล้ว ขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อนได้ไหมวะ” จักรถาม
“งั้นก็ได้ จะใช้เวลากี่เดือนล่ะ”
“ประมาณหนึ่งเดือนน่ะ เดี๋ยวกูจะโทรไปก็แล้วกัน กูจะออกแบบแล้วให้คนที่บริษัทพี่ที่รู้จักจัดไป”
โชคดีที่เขายังรับงานได้ไม่ครบทุกคน เพิ่งจะคุยไปไม่กี่รายเอง ก็เลยมีโอกาสได้เคลียร์งานไว...
“เออๆ กูจะทิ้งเบอร์ไว้ให้”
“สรุปกันได้แล้ว ก็ตามนี้ แยกย้ายกันพักผ่อนได้แล้วไป” รามินทร์ลุกจากโต๊ะทำงานมาหาทั้งสามคนเมื่อเห็นว่าทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบร้อยดีแล้ว
เจ้าจอมก็โอเค จักรก็เหมือนว่าจะดีใจและมีความสุขที่จู่ๆ ก็มีโอกาสดีๆ แบบนี้มาหาตน ส่วนรามินทร์ก็ยอมรับได้เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางทำให้จักรได้ดีไปมากกว่านี้แล้ว เพราะธุรกิจของรามินทร์คือรีสอร์ท โรงแรม ซึ่งแม้ตอนนี้กำลังจะร่วมลงทุนธุรกิจกับเพื่อนก็ตามที ก็ไม่มีงานไหนที่จะเหมาะกับจักรเลยสักงาน
อินทัชเหมือนเป็นเทวดาเลยนะแบบนี้...
“รีบไล่จังเลยนะฮะ” เจ้าจอมแขวะพี่ชาย
“แล้วจะนอนที่นี่กันหรือไง”
“งั้นจอมกับจักรกลับบ้านก็ได้ ขอตัวก่อนนะครับพี่อิน ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้เจอกันครับ โชคดีนะฮะที่วันนี้ฝนตกทั้งวันเลยยื้อพี่อินอยู่ต่อได้อีกหนึ่งวันแหนะ” เจ้าจอมพูดอย่างดีใจ ทำเอาอินทัชได้แต่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ซึ่งมันก็เป็นความจริง จริงๆ วันนี้ควรจะเป็นวันสุดท้ายของอินทัช แต่ว่าฝนตกทั้งวันเลย เลยออกไปข้างนอกอย่างที่รามินทร์อยากจะพาไปไม่ได้ เจ้าจอมเองก็เลยขอให้อนยู่ต่ออีกวัน
ถามว่าทำไมเขาไม่ปฏิเสธ เขาปฏิเสธแล้วนะ แต่เจ้าจอมให้เหตุผลว่า...
‘อันนั้นพี่รามเป็นคนขอ อันนี้จอมขอร้อง นะครับ พี่อินอยู่อีกวันน้า’
ฉลาดมาก แล้วอินทัชจะทนกับลูกอ้อนของเจ้าจอมได้หรือ แน่นอนว่าไม่ แต่คนที่ดีใจจนออกนอกหน้าไม่ได้มีแค่เจ้าจอมคนเดียว พี่ชายสุดที่รักของเจ้าจอมเองก็แสดงความดีใจออกนอกหน้าเช่นกันที่น้องชายตนเองทำอะไรได้ถูกใจเขามากๆ
‘ได้ครับๆ’
ไม่รู้อะไรดลใจให้ยอม แค่รู้สึกว่าอยากจะพูดออกไปแบบนั้น
“เจอกันครับ ฝันดีนะครับน้องจอม”
“ฝันดีครับ”
จักรกับอินทัชมองตากัน ไม่ต้องพูดอะไรก็เหมือนจะเข้าใจว่าจักรอยากจะพูดอะไร แต่มันเป็นพวกปากแข็ง ฉะนั้นไม่ต้องพูดหรอก...
แค่นี้ก็ดีแล้ว เป็นเพื่อนกัน...มันก็ดีแล้ว
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุ่มกว่าๆ ไปกินข้าวได้แล้ว” พอจักรกับเจ้าจอมออกจากห้องทำงานของรามินทร์ไป ร่างสูงของเจ้าของห้องเอ่ยชวน อาหารที่เตรียมไว้คงจะพร้อมแล้วล่ะ
“อืม...ไปสิ”
ทั้งสองตรงไปยังห้องอาหารและไปนั่งที่โต๊ะที่ถูกจัดไว้ ก่อนจะเริ่มทานอาหารเย็น อินทัชที่สงสัยในอะไรบางอย่างก็เลยถามร่างสูงขึ้น
“ราม...น้องสาวมึงกับฟรองซัวกลับไปแล้วหรือวะ”
“ยังไม่กลับหรอก สองคนนั้นไปเที่ยวอยู่น่ะ ก่อนจะกลับจะมาค้างที่นี่อีกคืนแล้วค่อยเดินทางกลับกรุงเทพ”
“เหรอ...แล้วก็กลับฝรั่งเศสเลยหรือเปล่า”
“ก็คิดว่าน่าจะเป็นแบบนั้น คุณฟรองซัวบอกว่าลามาจำกัด แค่จะมาเยี่ยมกูเพราะเจ้าจอมโทรไปบอกว่ากูตกจากน้ำตกน่ะ” รามินทร์ตอบ
“อืม...งั้นเหรอ”
“ทำไมเหรอ มึงมีอะไรจะคุยกับคุณฟรองซัวหรือไง”
“เปล่าหรอก แค่ไม่เห็นมาลาเฉยๆ”
ร่างโปร่งไม่ได้ต้องการที่จะให้รินลณีมาล่ำลาอะไรหรอก แต่อย่างน้อยเพื่อนต่างชาติอย่างฟรองซัวควรจะมาลากันก่อนกลับสิ เพราะมันก็เป็นแบบนั้นเสมอ เมื่อตอนที่เขาไปธุระที่ฝรั่งเศสต่อให้วันนั้นฟรองซัวจะมีประชุมสำคัญก็จะปลีกตัวมาลาเสมอ...
“อีกสองวันล่ะมั้ง มึงจะรอไหมล่ะ”
“อย่ามาแผนสูง กูไปรอมันที่กรุงเทพได้”
“เกลียดจริง รู้ทันอีก”
“แล้วทำไมกูจะไม่รู้ทันมึง มองตาก็รู้แล้ว”
“งั้นรู้หรือเปล่าว่ากูต้องการอะไรอีก”
รามินทร์จ้องตากับอินทัชอย่างจริงจัง แววตาสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้อินทัชต้องหลบวูบเพราะไม่อาจจะสู้สายตานั่นได้
หัวใจของร่างโปร่งบางสั่นไหวรุนแรงราวกับว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอก เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าใบหน้าของตัวเองจะแดงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คืออินทัชรู้สึกร้อนหน้ามาก ร้อนจนไม่อยากมองหน้ารามินทร์เลย ซึ่งมันเป็นท่าทางที่ทำให้รามินทร์มีความหวัง
เขามั่นใจว่าอินทัชต้องมีความรู้สึกดีๆ กับเขาบ้างแน่ๆ ไม่งั้นไม่มานั่ง ‘เขินอาย’ หลบหน้า หลบสายตาที่เขามองอย่างจาบจ้วงแบบนี้หรอก ใช่! รามินทร์มองอย่างจาบจ้วงชิดที่ไม่เคยใช้มองใครแบบนี้มาก่อน เพราะเขาจะให้เกียรติคนเสมอ
“มึงหิว มึงก็ควรรีบกิน”
“หึหึ วันนี้มีไวน์นะ”
“ไม่กิน!” ปฏิเสธทันที
“ทำไม? คออ่อนเหรอ”
อินทัชรู้สึกเหมือนโดนท้าทาย ผู้ชายนอกจากเรื่องหยามศักดิ์ศรีโดยการท้าทายเรื่องต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่อง ‘คออ่อน’ ที่ถือเป็นการหยามกันมากในความเป็นผู้ชาย ยิ่งกับอินทัชที่ใช้ชีวิตที่ผ่านมากับแอลกอฮอล์ทุกคืนแล้ว ยิ่งรู้สึกเหมือนโดนดูถูกและท้าทาย เรื่องแบบนี้ยอมได้ที่ไหนกัน
“งั้นก็มาดูกัน!!!”
เข้าทางรามินทร์แล้วสิ…
ทางด้านจักรที่เดินไปส่งเจ้าจอมที่บ้านก็คิดว่าตัวเองควรจะกลับบ้านไปทำงานที่รับมาต่อทันที แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้จักรเดินเข้าบ้านไปกับเจ้าจอม
“มีงานไม่ใช่หรือไง”
“ก็มีครับ”
“ก็กลับไปทำสิ จะได้ไม่ต้องนอนดึกมาก” จริงๆ แล้วเขาก็อยากอยู่กับจักรต่อนั่นแหละ แต่เจ้าจอมมีเหตุผลมากพอ ในเมื่อจักรเลือกที่จะรับงานก็ควรให้จักรได้จัดการงานของตัวเองไป และที่รีบไล่ทั้งๆ ที่เพิ่งทุ่มกว่าๆ นั่นเป็นเพราะเขาไม่อยากให้จักรต้องกลับดึกแล้วอยู่ทำงานดึกดื่นอีก
แบบนี้ไม่ดีต่อร่างกายแน่ๆ
“ผมขออยู่กับคุณจอมสักพักไม่ได้หรือครับ” คนตัวใหญ่ถามเสียงออดอ้อนที่ไม่บ่อยครั้งหรอกที่เจ้าจอมจะได้ยินอะไรแบบนี้
“เป็นอะไร”
“ตอนแรกผมคิดว่าคุณจอมจะโกรธ”
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องโกรธนายด้วย นายทำงาน ฉันเข้าใจ ฉันไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้น ถ้ามีอะไรก็พูด ก็บอกกันตรงๆ ถ้าคิดจะคบกันนายไม่ควรปิดบังอะไรฉัน”
“แล้วคุณจอมล่ะครับ มีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า” จักรถามยิ้มๆ
“ไปรู้อะไรมา” เจ้าจอมเริ่มไม่ไว้ใจกับรอยยิ้มของจักรเสียแล้ว
“มีจริงๆ ด้วยสินะครับ”
“นี่นาย!! หลอกถามฉันเหรอ เดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์นักนะ” คนตัวเล็กชี้หนี้ร่างสูงอย่างคาดโทษ แต่ก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ยังปิดความลับนั้นไว้ได้
ความลับที่เจ้าจอมเป็นฝ่ายที่รักจักรก่อน...
50%
ไม่ได้ลงเรื่องนี้มาสองอาทิตย์เลย ไม่ได้ตั้งใจหายจริงๆ นะคะ แต่ยูกิว่างแค่เสาร์กับอาทิตย์ (ฝึกงานอยู่) แล้วสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ วันเสาร์ยูกิติดธุระตลอดเลย วันจันทร์นี้ ช่วงดึกๆ ถ้าไม่มีอะไร ยูกิจะอัพครึ่งหลังให้นะคะ แล้ววันพฤหัสจะอัพตอนถัดไปให้ ยูกิจะอัพวันเว้นวัน ถ้าตอนไหนครอบร้อยเปอร์เซ็นจะเว้นสองวันแล้วค่อยอัพตอนใหม่ หากคิดว่ายูกิหายไป ทักท้วงได้เลยนะคะ
อ่านแล้วเม้นท์ให้กำลังใจกันด้วยน้า ^_^
สามารถพูดคุย ติดตามข่าวสารได้ทางแฟนเจนะจ้ะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/