◑
คุ ณ ไ ม่ ต ร ง ป ก
ตอนที่ 23 : สถานะ
_________
ดวงตากลมโตกวาดมองภาพในกระจกเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ในนั้นมีชายสวมชุดสูทกำลังจัดเนกไทให้เข้ารูป เส้นผมเซตเป็นทรงอย่างไม่เป็นพิธีรีตองนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็รับกับใบหน้าหวานที่ประดับด้วยรอยยิ้มเป็นอย่างดี เจ้าตัวสวมเครื่องประดับตกแต่งทันสมัย ถึงแม้จะไม่ค่อยเหมาะกับชุดที่ใส่ แต่เมื่อทั้งหมดรวมกันบนร่างกายก็ขับให้ดูดีไม่หยอก
“มาถึงแล้วหรอครับ ครับ เดี๋ยวภัทรลงไป”
มือเรียวกดวางสายแล้วมองภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินติดตัวแล้วออกจากห้อง เดินทางด้วยลิฟต์โดยสารที่ไม่นานก็พาเขาลงมายังชั้นล่างสุดของตึกสูง และนั่นทำให้เขาพบรถหรูพร้อมกับเจ้าของมันที่ยืนอยู่ข้างกัน
สายตาเราสบประสาน ก่อนที่คีรติจะเปิดประตูฝั่งคนขับเป็นการเชื้อเชิญเขาขึ้นไปนั่งบนนั้นเพื่อเป็นตุ๊กตาหน้ารถ
“เชิญครับ”
ภัทรวางมือไว้บนไหล่เป็นการขอบคุณ ไม่วายที่จะไล้มันลงต่ำเพื่อหยอกล้อ แต่ทั้งหมดก็จบลงแค่นั้นเพราะในที่สาธารณะเขาก็ไม่อยากทำอะไรให้ดูประเจิดประเจ้อ
เสียงปิดประตูดังตามมาก่อนที่คนตัวสูงจะเดินอ้อมมาอีกฝั่ง ขึ้นมานั่งยังเบาะคนขับแล้วสตาร์ทรถยนต์ให้พร้อมออกเดินทางสำหรับงานเลี้ยงที่กำลังรอเราอยู่ คีรติไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ใช้ความเร็วกว่าร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงบนทางพิเศษในการขับขี่
เขาเอื้อมมือไปวางบนต้นขาซ้ายของอีกฝ่าย ลูบไล้ไปมาแผ่วเบาก่อนจะจ้องมองยามที่พูด
“รู้มั้ยว่าวันนี้คุณคีดูดีมาก”
คิวเข้มเลิกขึ้น คีรติผละมือออกจากพวงมาลัยหนึ่งข้างเพื่อเลื่อนมากุมมือเขาเอาไว้มั่น ตอบรับแม้จะยังไม่ละสายตาจากท้องถนน
“ขึ้นชื่อว่าแฟนภัทรจะให้น้อยหน้าได้ไง จริงไหม?”
“เอาใหญ่เลยนะ”
เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังขึ้น ภัทรขยับมือให้สอดประสานกันแนบแน่น เอียงหน้าเอนกับเบาะยามจ้องมองด้วยแววตาระยิบระยับ
“หรือไม่จริงล่ะ?”
“เรื่องไหนล่ะครับ? เรื่องแฟนภัทร...หรือว่าเรื่องหน้าตาดี”
“เรื่องที่ภัทรจะค้างที่คอนโดผมคืนนี้”
“เดี๋ยวนะครับ เราไม่ได้ตกลงกันเรื่องนี้นี่”
เขาชะงักเมื่อได้ยินแผนการใหม่ พยายามจะดึงมือออกแต่คีรติก็ยังพันธนาการมันไว้หนาแน่น
“อยากนอนกอดว่าที่ภรรยาบ้าง คงไม่เสียหายหรอกมั้งครับ”
คำว่า
‘ว่าที่ภรรยา’ ส่งผลต่อใจคนฟังอย่างหนัก แต่ภัทรก็พยายามเก็บอาการแล้วเบือนหน้ากลับไปทางนอกหน้าต่างเสียแทน ทั้งๆ ที่ปกติเขารับมือกับเรื่องพวกนี้ได้สบายมาก แต่พอเป็นคีรติทีไรก็ทำเอาแทบจะไปไม่เป็นเกือบทุกรอบ
เหตุผลคงเพราะเป็นคนที่ชอบ
และเป็นคนที่เขากำลังจะใช้ชีวิตด้วยต่อจากนี้
ภัทรไม่ได้วางแผนเรื่องของเราเอาไว้ไกลเกินกว่าการคบหา ไม่ได้คิดว่าคีรติจะจริงจังถึงขั้นตกลงให้กับข้อเสนอของเขาง่ายๆ แค่ลองปล่อยกัปดักลงไปเหยื่อก็เต็มใจเข้ามาติดเต็มเปา คีรติเป็นแบบนั้น เพียงแค่เขาพูดคำว่า
แต่งงานเจ้าตัวก็เห็นดีเห็นงามและดูจะชอบใจไม่น้อย
แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงลมปาก แค่คำสัญญาที่ไม่ได้มีหลักประกันอะไรว่าอีกฝ่ายจะทำตามที่เคยพูดไปในเวลาก่อนหน้า ภัทรคิดว่าคนตัวสูงคงลืมไปเสียหมด
แต่แล้วอีกคนก็ยังย้ำมันให้เขาได้ยินอีกหนึ่งรอบ และรอบนี้ภัทรก็มั่นใจว่าคีรติไม่ได้ลืมเรื่องเหล่านั้นอย่างแน่นอนจากคำที่พูดมา
เราใช้เวลาเกือบชั่วโมงเดินทางมาถึงพื้นที่บ้านส่วนตัวหลังใหญ่ เป็นที่ๆเขาคุ้นชินมันเป็นอย่างดีเพราะตัวเองและบิดามักจะมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยๆ รถขับผ่านบริเวณสวนด้านหน้าที่ตกแต่งเป็นเวิ้งกว้าง ประดับไฟเอาไว้พอจะส่องทางให้รถวิ่งผ่านและดูไม่เปลี่ยวเหงา ทุกตารางนิ้วในพื้นที่หลายยี่สิบไร่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีไม่มีที่ติ หญ้าสั้นเกรียน พุ่มไม้ถูกตัดแต่งเป็นทรง มีสวนที่ถูกออกแบบไว้อย่างเหมาะเจาะในทุกๆมุมที่รถแล่นผ่าน จนมาถึงลานกว้าง คีรติก็จอดรถไว้เคียงข้างสปอร์ตคาร์คันอื่นที่เรียงกันเป็นแถว
ภัทรตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวเองและคนด้านข้างจนแน่ใจแล้วจึงเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปด้านในเสียก่อน มองเห็นในมือคีรติมีของขวัญกล่องเล็กที่เจ้าตัวถือมาด้วย เพื่อไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาท ของขวัญวันเกิดแก่เจ้าของงานจึงจำเป็นไม่น้อย โชคดีที่เขามีพี่หน่อยคอยช่วยเหลือ ของตัวเองเลยถูกจัดการเรียบร้อยไม่ต่างจากของบิดาที่วางไว้ข้างกันในมุมหนึ่งภายในสวน
ภัทรก้มหน้าทักทายแขกคนอื่นๆที่พอรู้จักกัน เป็นคนในบริษัทบ้าง เป็นผู้ใหญ่ที่เจอหน้าคร่าตากันบ่อยครั้งบ้าง และบางคนก็เป็นเครือญาติที่เขาไม่ได้เจอเสียนานจนแทบจะจำไม่ได้
“โตเป็นหนุ่มกว่าครั้งล่าสุดที่เราเคยเจอกันอีกนะ” หลายคนมักจะเอ่ยทักเขาทำนองนี้ ทำเอาภัทรได้แต่อมยิ้มแล้วหัวเราะกลับเพราะมันเป็นความจริงที่แทบจะปฏิเสธไม่ได้
เมื่อมองย้อนกลับไป กว่าเขาจะเป็นผู้เป็นคนได้ก็ต้องขอบคุณคนด้านข้างที่ยังไม่ห่างไปไหนด้วยเช่นกัน
“เข้าไปด้านในกันเถอะครับ ป๊ารออยู่” เขาตัดบทเมื่อเห็นว่าคีรติผละตัวออกจากแขกคนสำคัญที่เจ้าตัวพอจะรู้จัก เราออกเดินเลี่ยงไปอีกทาง ผ่านสวนของบ้านที่มีผู้คนดื่มด่ำกับงานเลี้ยงจนมาอยู่ด้านในของบ้านทรงสวยที่ถูกออกแบบมาอย่างดี
“ภัทร! ทางนี้” เป็นเสียงของเลขาส่วนตัวของบิดาที่ทำให้เขาหันไปพบเป้าหมาย สองเท้าเล็กรีบก้าวเข้าไปก่อนจะสวมกอดชายเจ้าของงานอย่างรวดเร็ว
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณลุง” เสียงเขาอู้อี้ ทำตัวไม่ต่างจากเด็กแม้แต่น้อยเมื่อได้อ้อน
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
“ภัทรจะไม่มาได้ไง วันสำคัญของคุณเขาทั้งที ปีนี้สี่สิบเบาะๆเองใช่เปล่า?” หลานชายหยอกล้อ ทำเอาเสียงหัวเราะของคุณลุงดังขึ้น
“สี่สิบเมื่อยี่สิบปีก่อนน่ะสิ”
“อะไรกัน ยังดูเด็กอยู่เลย ไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย”
“ดูเขาๆ อยากได้อะไรอีกล่ะแบบนี้”
“ภัทรไม่ได้หวังของซะหน่อย” เขาทำเสียงน้อยใจก่อนที่ทั้งหมดจะสังเกตเห็นคนที่มาด้วยกัน
“สวัสดีครับ” คีรติยกมือไหว้ทั้งสาม คุณลุงรับไหว้แล้วเลิกคิ้วอย่างสงสัย ส่วนบิดาและเลขาก็หันมามองเขาคล้ายกับต้องการคำอธิบายว่าทำไมถึงได้มาด้วยกัน
“คุณลุงครับนี่คุณคี คีรติ ส่วนนี่คุณลุงภัทรเองครับ” เขาทำการแนะนำคร่าวๆ ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือกันเล็กน้อยเป็นการทักทาย
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ ผมมีของเล็กๆน้อยๆมาด้วย”
“ขอบคุณมากๆ” ชายสูงวัยลูบหลังคนอายุน้อยกว่าไปมาพลางรับของมาถือไว้แล้วยื่นให้พนักงานนำไปเก็บยังที่ของมัน เจ้าตัวหันมามองภัทรอีกครั้ง สลับกับคนตัวสูงไปมาเมื่อยังค้างคาสิ่งที่อยู่ในใจ
“ไม่ได้เจอนานเหมือนกันนะ”
“ครับ ไม่มีโอกาสได้เจอกันเท่าไหร่” คีรติยิ้มรับ ก่อนที่ภัทรจะสรุปเรื่องราวได้ว่าทั้งสองพอจะรู้จักกันมาบ้างจากการทำธุรกิจ
“แล้วนี่...เรามากับเจ้าภัทรหรอ?”
“ครับ” อีกคนตอบสั้นๆ เขามองหน้าคุณลุงแล้วทำตาโตเพื่อปฏิเสธการตอบคำถามจากสายตาว่าสรุปแล้วเราทั้งสองมาด้วยกันได้ยังไง
“แล้ว…?” เสียงแผ่วลงไปในท้ายประโยค ก่อนภัทรจะควงแขนคนตัวสูงไว้กลายๆแล้วพูดต่อ
“ภัทรชวนคุณคีมาด้วยกันเองครับ”
“ภัทรเขาบอกว่าอยากเปิดตัวน่ะครับ” คีรติหยอกล้อ ทำเอาบิดาของเขาถึงกับชะงักไปชั่วครู่ “ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณอาก่อนนะครับ หวังว่าจะไม่โกรธผมที่โดนรวบหัวรวบหางแบบนี้”
“ลูกเอ็งมันร้ายไม่เบานะ”
“หลานคุณก็เหมือนกัน” บิดาเขาโต้ตอบกับพี่ชายด้วยความเหลืออด ภัทรหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าต่างคนต่างไม่ยอมใคร
“ตามสบายเลยนะ ขอบคุณมากๆที่มา”
“ครับ” คีรติก้มหัวให้คนอายุมากกว่าที่เดินออกไปอีกทาง เจ้าตัวผละออกไปรับแขกคนอื่นที่มาร่วมงานพร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัวที่เดินตามกันไปติดๆ
“ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะเรา” เมื่อเจ้าของบ้านเดินจากไปบิดาของเขาเลยรับช่วงแทน คงเป็นการทักทายกันตามประสาคนรู้จัก ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันบ้างเมื่อหายหน้าหายตากันไปนานพอควร
“ก็เรื่อยๆเหมือนกันครับ รอดีลงานกับทางฮ่องกงเสร็จก็จะลุยโปรเจคที่คุณอาเสนอมาแล้ว”
“หัวหมุนเลยล่ะสิ”
“ก็...นิดหน่อยครับ” ทั้งสองหัวเราะเกลื้อกันไปมา มีแต่เขาที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนนอกของวงสนทนาทั้งๆที่ยืนอยู่ด้วยกันไม่ห่าง
“อะไรอ่ะป๊า ทักแต่คุณคี ไม่เห็นทักลูกบ้างเลย” สองมือยื่นกอดอก เชิดหน้าขึ้นเมื่อมองบิดาที่ทำหน้าเอือมระอาเล็กน้อย
“เจอกันทุกวันยังจะให้ทักอีกหรอไง?”
ภัทรยักไหล่ รับเครื่องดื่มมาจากบริกรที่เดินผ่านไปโดยไม่ลืมหยิบให้คนตัวสูงด้วยเช่นกัน
“แล้วสรุปยังไง?” จู่ๆบิดาเขาก็ถามขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาทำหน้าสงสัย ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ำคำถามนั้นให้ชัดเจนมากกว่าเก่า “เราสองคนน่ะ”
สายตาคมกวาดมองเขาและคนที่ยืนอยู่ด้วยกันไปมา ทั้งหมดเลยทำให้ภัทรรู้ว่าบิดาของเขายังคงสงสัยให้กับสถานะความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ พี่หน่อยที่ยืนอยู่ข้างกันยิ้มกริ่มพร้อมกับมองมาคล้ายกับรู้ถึงคำตอบ
ว่าเขาและคีรติตกลงเป็นคนรักอย่างไม่เป็นทางการแล้วเรียบร้อย
แต่ก่อนที่ภัทรจะได้ออกตัวก่อนแบบที่เคยเป็น มือใหญ่ก็รวบเอวเล็กเข้าหาโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมาทางนี้ เจ้าตัวออกแรงบังคับให้เขาเข้าไปชิด ก่อนจะเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้นเสียแทนจนคนถามถึงกับอมยิ้มแล้วมองลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเองด้วยสายตาที่แสดงความยินดีจากคนที่รู้เรื่องแผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่แรก
“เอาไว้ผมจะเข้าไปสู่ขอให้เป็นพิธีรีตองแล้วกันนะครับ”
#คุณไม่ตรงปก
เพราะเขาไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจตั้งแต่แรกเลยทำให้ไม่ทราบว่าชื่อเสียงเรียงนามของคีรตินั้นเป็นที่เลื่องลือในวงกว้างมากแค่ไหน ปกติแล้วเขาก็แค่ทำงานในบริษัทของอีกฝ่ายและไม่ได้สนใจเรื่องภายนอกมากนัก จนกว่าที่จะได้พาเจ้าตัวออกงานในวันนี้ ภัทรเลยเข้าใจและรู้ดีว่าเจ้าตัวก็เป็นคนที่มีสายตาหลายคู่จับตามองอยู่ไม่น้อย
ทั้งๆที่ไม่ใช่งานสาธารณะ แต่กลับได้รับความสนใจจากผู้คนรอบข้างตลอดทางที่เดินผ่าน
ดูเหมือนคีรติจะเป็นคนดังมากกว่าที่เขาคิดซะแล้ว
“คุณคีไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า ทำไมมีแต่คนมอง?” ภัทรเอ่ยถามเมื่อเรายืนข้างกันริมสระน้ำขนาดกว้าง เหล่มองคนที่ยังไม่ละจากตัวเองไปไหนแม้สักวินาที
“ภัทรกำลังใส่ร้ายผมอยู่นะ”
“ก็ดูสิเนี่ย” เขาพยักพเยิดไปรอบๆ “ภัทรไม่ได้คิดไปเองคนเดียวหรอกว่าเขาจ้องภัทรกับคุณอยู่”
คราวนี้คีรติหัวเราะ สองมือสอดไว้ยังกระเป๋ากางเกงพร้อมกับโน้มตัวลงมากระซิบ
“ผมอาจจะหน้าตาดีเกินไปก็ได้” เพราะคำพูดพวกนั้นบวกกับการหยอกล้อในน้ำเสียงทำให้มือเล็กต้องผลักอีกคนออกจนระยะห่างระหว่างเราดูไม่อันตรายเกินไปในสายตาของคนอื่น
“อย่าให้รู้นะว่าไปทำอะไรมา”
“นี่ภัทรขู่ผมหรอ?”
“แล้วกลัวไหมล่ะ?” ใบหน้าหวานเชิดขึ้น เป็นการบ่งบอกว่าไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
“กลัวสิครับ กลัวมากๆเลยเนี่ย” ถึงแม้จะพูดออกไปแบบนั้นแต่รอยยิ้มที่ประดับไว้บนใบหน้าคมคายกลับกำลังยั่วยุให้โมโห คีรติเอื้อมมือมาโอบเขาเอาไว้อีกรอบ คงเพราะรู้วิธีที่จะทำให้สงบได้แม้เจ้าตัวจะเป็นตัวการที่ทำให้เกิดเรื่อง
“เดี๋ยวจะโดนดีไม่น้อย”
เขาขู่ทิ้งท้าย ก่อนที่เราจะทักทายคนอื่นๆจนเวลาล่วงเลยถึงดึก จากนั้นจึงตัดสินใจลาเจ้าของงานที่ยังหน้าตาชื่นมื่นด้วยความเสียดาย คุณลุงโอบกอดเขาแน่นอีกหนึ่งรอบ พร่ำบอกคำขอบคุณพร้อมกับลูบหัวด้วยความเอ็นดู งานเลี้ยงของค่ำคืนนี้จบลงเพียงเท่านั้นพร้อมกับการตกลงของคนด้านข้างที่ยังไงก็จะพาเขากลับไปที่คอนโดของเจ้าตัวให้จงได้
“ผมเช็กตารางงานภัทรแล้ว พรุ่งนี้ไม่ได้ยุ่งอะไรนี่ ไม่เห็นต้องกังวลเลย”
เหตุผลของคีรติแน่นหนัก ทำเอาภัทรแทบไม่สามารถหลีกหนีจากคนบังคับได้เลย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากร่วมห้อง แต่มันแค่รู้สึกแปลกๆเพราะเราไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองต่อสองที่ห้องของอีกฝ่ายมาแสนนาน
แถมการมาครั้งสุดท้ายที่พอจะจำได้
เขาก็โดนรวบหัวรวบหางจนแทบไปไม่เป็นเสียด้วย
สุดท้ายภัทรก็ต้องยอมความแล้วตามคนบังคับมาแต่โดยดี ขากลับคีรติใช้ความเร็วมากกว่าปกติที่เคยขับ รถยนต์แล่นบนถนนหนทางที่ทอดยาวสู่ใจกลางเมือง มีแสงไฟสีส้มคอยให้ความสว่างยามท้องฟ้ามืดมิด และเป็นดังที่คาด เราใช้เวลาเดินทางในช่วงขากลับไวกว่าขาไปเกือบยี่สิบนาที คีรติเดินนำเมื่อเราเดินเคียงกันเข้าไปยังตัวลิฟต์ กดเลขชั้นที่หมายซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร คงไม่ยากเท่าไหร่นักที่จะได้อาศัยอยู่บนเพนส์เฮ้าส์สุดหรูในเมื่อคนที่ครอบครองเป็นเจ้าของบริษัทนั้นเสียเอง
ติ๊ง!
ประตูเปิดออกหลังจากเสียงสัญญาณดังขึ้น ภาพที่เห็นคือโถงแคบที่ทอดยาวและประดับตกแต่งด้วยโคมไฟสวยสด สุดทางเดินเป็นประตูบานใหญ่ที่พร้อมเปิดออกไปสู่ด้านใน เจ้าของมันผลักออกไปเบาๆก่อนที่ห้องโถงกว้างกว่าจะปรากฏแก่สายตาต่อจากนั้น
แสงไฟทำงานตามการเคลื่อนไหวของผู้อยู่อาศัยที่เดินเข้ามา เป็นระบบอัตโนมัติที่ถูกติดตั้งไว้เพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าเป็นผนังกระจกที่สามารถมองเห็นวิวเมืองใหญ่ได้อย่างถนัดตา เป็นความยาวเกือบสามร้อยหกสิบองศาถ้าไม่ติดว่ามีห้องอื่นคั่น ผนังเหล่านั้นติดตั้งผ้าม่านเพื่อความสวยงามไว้อีกชั้นและตอนนี้มันก็ถูกรวบเอาไว้เพื่อให้แขกอย่างเขาสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนได้เต็มที่ ภัทรมัวแต่สำรวจห้องของอีกฝ่ายจนตอนที่โดนจู่โจมอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจึงสะดุ้งจนตัวโยน
“ขวัญอ่อนจังเลยนะ” คีรติพูดกระซิบใบหู ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบจนรู้สึกวาบหวิว ริมฝีปากคลอเคลียไปมาข้างแก้ม เขาไม่ได้เสหลบ ทำเพียงแค่ยืนนิ่งปล่อยให้คนด้านหลังสวมกอดอย่างหลวมๆ
“จู่ๆก็มากอดแบบนี้ใครจะไม่ตกใจล่ะครับ”
“แล้วชอบให้ผมกอดไหม?” ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ยอมลดละ เอียงหน้าเข้ามาใกล้อีกเพื่อขอคำตอบ
“...”
“ไม่ชอบจะไม่กอดแล้วนะ”
“ไม่ชอบคงไม่ปล่อยให้กอดแน่นแบบนี้หรอกครับ” ดวงตากลมโตเสมอง ริมฝีปากเปลี่ยนรูปเพื่อบ่งบอกว่าคนพูดงอนง้ออยู่ไม่น้อย ก่อนที่มือใหญ่จะบังคับใบหน้าหวานเข้ามารับจูบที่ยาวนาน มอบจังหวะเชื่องช้าไม่เร่งรีบเพื่อยื้อเวลาให้ลิ้นร้อนได้หยอกล้อกันจนพอใจ
“อืออ”
อีกคนใช้จังหวะในตอนที่เผลอกางมือข้างซ้ายของเขาแผ่ออก สอดโลหะเย็นเยียบเข้าสวมยังนิ้วนาง เลื่อนมันเข้าจนสุดแล้วขยับไปมาเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่หลุดออก
“ทีนี้ก็ครบทุกขั้นตอนแล้วนะ” คราวนี้สถานะถูกยืนยันให้ชัดเจนจากเจ้าของแหวน เป็นพันธนาการความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งคู่ คีรติลูบไล้มันไปมาอย่างเพลิดเพลินใจทำเอาเขาต้องพลิกตัวเข้าหาอีกฝ่ายโดยที่ยังมีมือใหญ่ประคองไว้บริเวณเอว ภัทรยกนิ้วของตัวเองขึ้นสูงจนเพชรเม็ดเล็กที่อยู่ตรงกลางต้องแสงไฟสว่างจ้า ชื่นชมความงามของมันโดยไม่สามารถเก็บรอยยิ้มที่มีเอาไว้ได้
“นึกว่าจะหลอกภัทรซะอีกเรื่องแต่ง”
“ภรรยาเขาอยากแต่ง สามีจะขัดใจได้ไง”
“ยังไม่จัดงานเลย มาเรียกอะไรสามีภรรยา” มือเล็กเอื้อมไปบิดแก้มคนตัวสูงเพราะความหมั่นไส้ คีรติเอียงหน้าลงเล็กน้อยเพื่อหลบ แต่ก็ไม่พ้นจากมือเขาอยู่ดี
“ได้กันแล้วผมไม่ถือ—โอ๊ย ฮ่าๆ” เสียงอุทานดังสนั่นเพราะภัทรออกแรงบีบให้มากกว่าเก่า หลังจากนั้นก็เลื่อนมือไปคล้องลำคอของอีกฝ่ายทั้งสองข้าง เราสองคนเต้นรำภายใต้ความเงียบและมีเสียงของหัวใจเป็นตัวกำหนดจังหวะ ริมฝีปากบางกดทับลงไปเพื่อมอบจูบให้หนึ่งครั้ง แทนการขอบคุณสำหรับเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา
“ภัทรรู้นะว่าภัทรไม่ใช่คนดี” เขาเว้นช่วง เอื้อนเอ่ยข้อความที่ส่งตรงจากใจ “ไม่ใช่คนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ใช่ผู้ชายอ่อนหวานเหมือนคนอื่นเขา แต่ภัทรมั่นใจว่าสิ่งที่ภัทรมีไม่แพ้ใครคือความรักที่ภัทรมีให้คุณ”
“...”
“ภัทรรักคุณคีนะครับ ภัทรสัญญาว่าจะเป็นคนรักที่ดีของคุณและไม่ทำให้คุณผิดหวังที่เลือกภัทร ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นภัทรก็ขอบคุณคุณมากจริงๆ ที่ยังยอมจะอยู่ด้วยกันถึงแม้ภัทรจะไม่น่ารักมากๆ เลยก็ตาม”
คีรติยกยิ้มจาง รับฟังถ้อยคำต่างๆ ของคนรักก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งกอบกุมใบหน้าหวานเอาไว้ “ขอบคุณภัทรมากกว่าที่รักผม”
เราสองคนปล่อยให้หัวใจได้ทำหน้าที่ของมัน ซึมซับเอาบรรยากาศแสนหวานที่ลอยล่องอยู่แสนนาน ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดๆต่อจากนั้น แค่แววตาสองคู่สบประสานก็เพียงพอต่อความรู้สึกที่อยู่ข้างใน
“อาบน้ำก่อนไหม?” เจ้าของห้องเป็นฝ่ายซักถาม ภัทรพยักหน้ารับ หลังจากผ่านกิจกรรมต่างๆ ของวันมาอย่างยาวนานเขาก็เริ่มอยากพักผ่อนอย่างสบายใจ
“ผมเตรียมผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าของคุณวางอยู่ด้านใน เชิญตามสบาย”
ภัทรอ้อยอิ่ง เหมือนคีรติจะรู้ว่าคิดอะไรอยู่คนตัวสูงถึงได้ยักคิ้วพร้อมกับมองมา แต่สุดท้ายแล้วร่างโปร่งก็ทำเพียงปล่อยให้ความคิดเหล่านั้นล่องลอยหายแล้วเดินจากไปอีกทาง
“ครับ”
แม้จะอยากเชื้อเชิญคีรติให้มาอาบน้ำด้วยกัน
แต่เขาคิดว่าถ้าทำแบบนั้นมันคงจะไม่จบแค่การอาบน้ำอย่างแน่นอน
สุดท้ายแล้วภัทรก็ต้องเดินจากมาพร้อมกับความไม่ได้สติของตัวเอง เมื่อลับสายตาเจ้าของห้องในมุมหนึ่ง เขาก็พิงหลังเข้ากับกำแพงในทันที ก้มลงเพื่อมองแหวนเพชรวงเล็กอย่างถี่ถ้วน มันช่างดูดีเสียจนไม่สามารถละสายตาจากได้ และช่างเหมาะสมกับเขาอย่างไม่มีที่ติ
โลหะสีเงินโค้งมนได้รูป รูปทรงเรียบง่ายไม่หวือหวา ขนาดพอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายของเขา ไม่หลวมจนเกินไป และไม่คับจนเกินไป จนน่าแปลกใจว่าคนซื้อเลือกขนาดได้ยังไงให้เหมาะสมถึงเพียงนี้ ตรงกลางของแหวนประดับด้วยเพชรสองเม็ดที่ฝังจมลงไปในเนื้อ อยู่ชิดติดกันเพื่อประกาศกร้าวความสวยแก่สายตา ทั้งหมดทำให้ใจเขาเต้นแรงอีกครั้งหลังถูกย้ำสถานะจากคนรักที่ตอนนี้เราสองคนเลื่อนขั้นของความสัมพันธ์เป็นที่เรียบร้อย
กลายเป็นสามีและภรรยา
สถานะที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอด
เพราะสมองต้องประมวลผลหลายเรื่องทำให้การอาบน้ำครั้งนี้ล่าช้ากว่าครั้งไหนๆ เสื้อผ้าชุดใหม่ถูกสวมใส่บนเรือนร่างสมส่วน เป็นผ้าซาตินที่ให้ความสบายแก่เจ้าของ มันระไปกับผิวเนื้ออย่างบางเบาทุกครั้งที่ได้ขยับตัว
เมื่อเดินออกมายังห้องโถงใหญ่ภัทรก็พบว่าคีรติก็เปลี่ยนชุดใหม่เหมือนกัน แต่อีกฝ่ายอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำที่หมิ่นเหม่ เขาไม่ทราบว่าภายใต้ผ้าขาวนั้นมีบางอย่างปกปิดอีกไหม แต่เท่าที่คาดเดาจากนิสัยของอีกฝ่าย
ร่างกายเปลือยเปล่าเลยเป็นคำตอบที่มาก่อน
แผงอกกว้างปรากฏเด่นชัด ขึ้นลอนสวยได้รูปน่ามอง เจ้าของมันถือแก้วไวน์ที่รินไม่มากนัก ยกขึ้นจิบไปพลางรับชมสิ่งที่อยู่บนหน้าจอโทรทัศน์อย่างไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไหร่ คีรติวางแขนพาดไปกับผนังพิงคล้ายเป็นการเชื้อเชิญให้เข้าไปหา ดึงดูดและยากที่จะปฏิเสธ
ฟอด!
ยังไม่ทันได้เอนตัวเต็มที่ก็มีการจู่โจมจากคนที่นั่งอยู่ก่อน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบใจไม่น้อย ได้กลิ่นหอมอบอวลลอยผ่านทำให้รู้ว่าคีรติก็จัดการธุระของตัวเองเช่นกันในตอนที่เขาหายไป
“กลิ่นหอมขนาดนี้อยากจะให้มานอนทุกวันเลย” แขนแกร่งพาดไปกับไหล่ โอบเขาไว้ไม่ห่างตัว
“งั้น...ภัทรมาทุกวันเลยดีไหม” เขาก็ไม่ต่าง วางมือไว้บนต้นขาอีกคนผ่านเนื้อผ้า หมิ่นเหม่เสียจนใครบางคนต้องแลบเลียริมฝีปาก
“เอาสิ ผมจะได้หายคิดถึง”
“กลัวอย่างเดียวนี่สิ” ดวงตาคู่สวยวาววับยามที่พูด ไล้นิ้วชี้ขึ้นสูงอีกหน่อย กระซิบชิดใกล้จนลมหายใจสอดประสาน “กลัวว่าจะไม่ได้นอนแบบที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรก”
ความหมายที่แฝงในประโยคเป็นที่รู้ดีของเราสองคน คีรติยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนหมด หยั่งเชิงมองมันเมื่อนิ่งไปสักพักก่อนจะโต้ตอบกลับมา
“อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคุณ”
“ขึ้นอยู่กับภัทร?”
“แน่นอน...ถ้าภัทรไม่ยั่วจนผมห้ามใจไม่ได้ล่ะก็ คงไม่ใช่ความผิดผมแน่ๆ”
คราวนี้เขาหัวเราะเสียงเอง เอนตัวซบร่างแกร่งที่รองรับเอาไว้ เอียงศีรษะพิงไหล่เพื่อออดอ้อน
“คุณคีนั่นแหละยั่วภัทรก่อน”
“จะโยนความผิดมาให้กันหรอไง?”
“เปล่าซะหน่อย” ภัทรเถียงเสียงแข็ง ใครบางคนจึงทำโทษด้วยการจับคางเขาเล่นอยู่แบบนั้น บางครั้งก็หยอกล้อด้วยการคลึงริมฝีปากบางไปมาอย่างชอบใจ
งับ!
การไล่งับนิ้วมือของคีรติเกิดขึ้นบ่อยครั้งจากคนที่นั่งด้านข้าง นิ้วแกร่งหลบบ้าง แต่สุดท้ายก็แหย่ให้ภัทรเล่นกับมันจนฟันคมสัมผัสกับผิวเนื้อ และในจังหวะหนึ่ง ภัทรก็จับแขนข้างขวาของคีรติให้หยุดนิ่งเพื่อโลมเลียสองนิ้วที่อยู่ในริมฝีปากคล้ายกับดูดดึงบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนกันอย่างรันจวนใจ
“อืมม”
มันจะเลยเถิดไปไกลถ้าจินตนาการอันล้ำเลิศส่งความคิดของใครบางคนให้กระโจนเข้าสู่ห้วงเสน่หา คีรติไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตัวเองไม่ใช่คนนั้น ด้วยสายตาของภัทรที่สบไว้อยู่ตลอดตอนที่อมสองนิ้วเขาเอาไว้ ลากตั้งแต่ตนจนสุดปลาย ดูดดึงมันอย่างชำนาญจนชื้นแฉะ จากนั้นก็ทำซ้ำแบบเดิมอีกหลายรอบ พร้อมกับความอุ่นร้อนเมื่อนิ้วถูกตอดรัดด้วยผนังนุ่ม และพร้อมกับสายตาที่จ้องมองเขาคล้ายกับบ่งบอกว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นที่อื่น
สรวงสวรรค์ชั้นไหนอีกฝ่ายก็พาไปพานพบได้เช่นกัน
ลิ้นร้อนลากเลียเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเช็ดมือเขาด้วยมือของเจ้าตัว หลังจากนั้นก็ยิ้มหวาน ซบเข้ากับอกแกร่งพร้อมกับมองคีรติด้วยสายตาที่ต่างออกไป
เป็นสายตาขี้เล่นที่มาพร้อมกับความยั่วเย้า
ทั้งหมดเลยส่งผลให้อารมณ์ของเขาพุ่งขึ้นสูง
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดผมหรอก” นิ้วชี้ไล้ไปยังคางมน เชยขึ้นจนได้องศาที่พอเหมาะ
“ไม่จริงครับ” อีกคนก็ไม่ต่าง ไล้มือของเจ้าตัวขึ้นสูงจนมันกระทบกับส่วนแข็งขืนที่ดุนดันอยู่ภายใน คล้ายกับว่าไม่ได้ตั้งใจจะสัมผัสมัน แต่ก็เลื่อนมือเข้าหาทุกครั้งหลังจากออกห่างได้ไม่เกินเสี้ยววินาที
“ความผิดภัทรนั่นแหละ”
หลังจบประโยค ดวงตากลมโตก็เสมองไปทางอื่น ครุ่นคิดสักพักแล้วหันกลับมาหา
“ว้า งี้ภัทรก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำล่ะสิ”
คีรติรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกผิด เพราะประกายระยิบระยับในดวงตาเริ่มเผยออกมาให้เห็น
“...ดีไหมครับ?” คำถามมาพร้อมกับการล้วงเข้าไปภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำที่หมิ่นเหม่ คีรติยกแก้วไวน์ที่เติมขึ้นอีกรอบ เสมองต่ำไปยังคนที่เลื่อนตัวลงพร้อมกับอมยิ้มอย่างชอบใจ
สายคาดเอวถูกรูดรั้งออกไปอย่างไม่ไยดีนัก ขาเขาอ้าออกกว้างตามแรงที่ถูกบังคับจากคนที่นั่งบนพื้น ใช้เข่ารองรับร่างตัวเองพร้อมกับถูมือเข้าหาต้นขาด้านใน ความอุ่นร้อนเริ่มไล่สู่กลางลำตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณคีจะได้รู้ไว้ด้วยไง...”
“อืมม”
“...ว่าภรรยาตัวเองมีดีตรงไหน”
มือข้างนั้นเริ่มสัมผัสส่วนอ่อนไหว รูดรั้งไปมาอย่างชำนาญ คีรติเชิดหน้าขึ้นสูงพร้อมกับเสียงครางที่ดังขึ้น
“ซี้ดส์”
สติเริ่มขาดหาย
ก่อนที่ตัวตนของเขาจะถูกลิ้นร้อนเล่นงาน และริมฝีปากบางที่กอบกุมมันเอาไว้จนหมด
“...เรื่องแบบนี้ภัทรมั่นใจว่าตัวเองก็ไม่แพ้ใครเหมือนกัน” #คุณไม่ตรงปก
241019
before30october
เป็นตอนที่ใช้เวลาแต่งค่อนข้างนานพอสมควรเลยค่ะ
กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างได้ ทำเอาพักไปหลายยกเลย
อยากจะมาอัพให้ทุกวัน แต่ไม่สามารถทำได้จริงๆ TT
ตอนนี้เขาก็ชัดเจนกันแล้วเนาะ
อีกไม่กี่ตอนก็คงจะจบแล้ว รอเคลียร์ประเด็นอื่นอีกสองสามตอน /ปิดตา
ขอบคุณที่ยังรอมาเสมอนะคะ ขอบคุณมากๆเลย <3