ตอนที่ 58
..ไฟ..“ตำรวจรู้ได้ยังไงว่าเราจะส่งของวันนี้”
“ผม ผมไม่ทราบครับ”
“มึงไม่รู้เหรอ ! งั้นใครควรรู้ มึงยังมีหน้ามาบอกกูว่าไม่รู้เหรอ ฮะ ?!”
“คุณกริด ผมทำตามคำสั่งคุณทุกอย่าง !”
“มึงหุบปาก !!!”เสียงของการทุ่มเถียงค่อย ๆ ไกลออกไปเมื่อผมเดินจากมา..
“มันเล่นละครเก่งนะว่าไหม” ผมชม
“หึ..” ผู้ฟังหัวเราะขึ้นจมูกเบา ๆ ตอบเท่านั้น
- - - - - - - - - -
สนามมวย “นี่น้ำครับ” ไอ้เด่นยื่นขวดน้ำขวดใหม่ให้กับสมุทรในทันทีที่เห็นว่าสมุทรทำท่าจะยกขวดน้ำขวดเก่าของเขาขึ้นดื่ม
“........” สมุทรชะงัก มองขวดในมือของตนเสี้ยววินาทีหนึ่งก่อนจะยอมรับขวดใหม่ไปเปิดโดยไม่ทักท้วงถามใด ๆ
“พี่ธานไปไหน” ผมถาม ไม่เห็นหน้ามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
“เห็นว่าออกไปดูความเรียบร้อยข้างนอกครับ” ไอ้เข้มตอบ
“นายเข้าไปอยู่ในห้องก่อน” ผมสั่งสมุทร
“ครับ” อีกฝ่ายขานรับ ถึงแม้สายตาของเขาจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ยอมตรงเข้าห้องพักดังกล่าวไปอย่างว่าง่าย ผมพยักหน้า ส่งสัญญาณให้ไอ้เด่นกับไอ้รุ่งเฝ้าคนในห้องไว้ไม่ให้ห่าง
“เฮียกานต์ยังไม่ติดต่อมาเหรอ” ผมถามพลางล้วงกระเป๋ากางเกง
“ยังเลยครับ” ไอ้เข้มตอบ
ผิดปกติ.. เวลานี้ควรเป็นเวลาที่โต๊ะที่ต่างประเทศใกล้จะปิดรับผลเต็มทีแล้ว โดยปกติก็มักจะได้รับสายจากเจ้าพ่อนักเสี่ยงโชคในเวลาประมาณนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ติดต่อมา ขณะที่ผมกำลังสงสัยอยู่นั้นพี่ธานก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
“โทรหาเฮียกานต์ซิ” ผมสั่งพี่เขา
“ครับ ?” พี่ธานชะงัก ขานรับด้วยโทนเสียงประหลาดใจ
“........” ผมเงียบ จ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง
“พี่ไปไหนมา” ผมเปลี่ยนคำถาม
“ไปดูความเรียบร้อยทั่วไปครับ” อีกฝ่ายตอบฉะฉาน
“มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม
“เปล่าครับ” พี่ธานตอบ ความเงียบก่อตัวขึ้นในขณะที่ผมไม่ซักถามต่อ
“นายครับ สายจากฟิลิปปินส์ครับ” ไอ้หินตรงเข้ามากระซิบบอกด้วยทีท่าเกรงใจว่าตนจะขัดการสนทนาระหว่างผมกับพี่ธาน
ผมแบมือออก โทรศัพท์มือถือถูกวางลงบนมือ ขณะที่รับมาก็ยังจ้องหน้าพี่ธานไม่ละสายตา...
“I’m speaking.” ผมทัก
“Hello Mr Fai ~ I’ve been waiting for your call.” ปลายสายพูดตอบ โทนเสียงหยอกเอินเต็มไปด้วยพลังและไม่ได้ล้อเล่นตามที่ปากพูดอย่างนั้น
“Sorry, I’m busy.” ผมพูด
“ไม่เป็นไร แล้ว.. ธุรกิจของเราล่ะ ?”
“ผมลงยี่สิบห้าล้าน เดี๋ยวจะจัดการให้ภายในสิบนาที” ผมตอบ
“ได้เลย ไม่มีปัญหา ~ ขอให้โชคดี” อีกฝั่งหนึ่งขานรับอย่างอารมณ์ดีก่อนจะตัดสายไปไม่ให้เสียเวลาต่อกัน
“ยี่สิบห้าล้าน” ผมพูดแกมสั่งคนตรงหน้า โดยละการซักถามประเด็นก่อนหน้าที่ผมเองก็ไม่ได้เชื่อในคำตอบนั้นอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาความในตอนนี้ และคิดว่าอีกฝ่ายก็คงทราบดีว่าผมเพียงแค่ปล่อยผ่านเพราะเห็นว่าเป็นพี่ใหญ่ก็เท่านั้น...
“ครับ” พี่ธานก้มหัวรับทราบก่อนจะแยกย้ายไปทำตามหน้าที่
...
สมุทรจะขึ้นชกในรอบที่สองของรายการ ผมและคนสนิทเดินออกมานั่งอยู่ที่โซนรับรองสำหรับแขกวีไอพีซึ่งมีไว้สำหรับเจ้าของค่ายแต่ละค่ายเท่านั้น เป็นที่นั่งส่วนตัวโดยไม่ต้องลงไปคลุกคลีด้านล่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วีไอพีเท่ากับห้องระดับ VVIP ที่อยู่เหนือชั้นขึ้นไป ดูเหมือนตอนนี้จะมีใครสักคนอยู่ในนั้น คนใหญ่คนโตที่ไม่เปิดเผยตัวตน อีกทั้งคนภายนอกก็ไม่สามารถมองผ่านกระจกนั้นเข้าไปได้ด้วย
“นักมวยค่ายคุณนี่ฝีมือไม่เบากันสักคนเลยนะ คนใหม่นั่นก็ด้วย”“........” ผมเหลียวหลังกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่
“สวัสดีครับ” กายยิ้มทัก เมื่อเห็นว่ามีแขกผมจึงลุกขึ้นยืน
“สวัสดีครับ” ผมตอบพร้อมตรงเข้าไปจับมืออีกฝ่ายทักทายกลับ ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาผมอยู่แล้ว ใส่สูทหรูเนี้ยบหัวจรดเท้า ประกบด้วยลูกน้องสองคนและอีกหนึ่งสาวซึ่งเป็นผู้หญิงของเจ้าตัว
“เอาซะผมอิจฉาเลย” กายขยายความแซวอย่างไม่จริงจังนัก
“หึ..” ผมผลิยิ้ม
“ขอโทษนะครับที่เข้ามาโดยพลการ อยากถือโอกาสมาทักทายแล้วก็ขอโทษคุณไฟสักหน่อยน่ะครับ เห็นว่า.. คนของผมเคยไปทำความเดือดร้อนให้คนของคุณไฟ” กายเอ่ย
“อย่าถือโทษเลยนะครับ” เขาพูด มุมปากเบะยิ้มเล็กน้อยคล้ายไม่จริงจังต่อคำพูดขอโทษนั้นของตน
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดนี่ครับ ผมไม่ถือเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก” ผมตอบ เหลือบมองไปยังผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกายกายพร้อมยิ้มทักทายให้เธอ ผู้ถูกมองช้อนตาขึ้นอย่างไม่เป็นมิตร
เธอคือมือปืนที่ยิงยู“หึ ๆ คุณนี่ใจกว้างเหมือนที่ผมได้ยินคนเขาร่ำลือกันมาเลยนะ ถ้ามีโอกาสผมก็อยากเชิญคุณไปทานอาหารร่วมกันสักมื้อครับ”
“ยินดีครับ” ผมผงกหัวตอบรับน้อย ๆ
“นี่ครับ นามบัตรผม” อีกฝ่ายรับนามบัตรจากลูกน้องของตนแล้วยื่นมาทางผม ผมรับมา เหลือบมองเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไรกลับไป
“งั้นผมขอตัวนะครับ ตามสบาย”
“ครับ” ผมตอบ กายและลูกน้องของมันเดินจากไป ท่าทีที่เหมือนว่าเป็นมิตรนั่นเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยในวงการนี้
“ดูปกตินะครับ” ไอ้เข้มพูดขึ้น สายตามองตรงไปทางแขกที่เพิ่งลากลับไปด้วยใบหน้าเรียบขรึม
“........” ผมไม่ตอบ เดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม เสียงเชียร์จากผู้ชมที่โห่ร้องทำให้ทราบว่าการแข่งขันดุเดือดขึ้นภายในไม่กี่นาที
“เอออออ ! เอออออออ !”
“สับศอกขวา แทงเข้าไป !”
“สมุทรไหวไหม ไหวไหมมม ! หมัดขวา ! อูยยย หมัดนี้เสียวไส้ไปเลยพี่น้องงง !!!”
“ค่ายมวยชัยโรจน์นี่ของเขาขึ้นชื่อเรื่องมวยหมัดจริง ๆ นะครับคุณป้อง”
“ใช่ครับ ไม่แน่ใจว่าสมุทรนี่จะเป็นม้ามืดรึเปล่า ชนะรอบแรกมานี่ฟลุคไหม หรือจะกลายเป็นม้ามืดแบบร่วงไปเลยนี่ก็เป็นได้ ฮ่า ๆ ๆ”
“อาจเป็นไปได้ อะไรก็เป็นไปได้นะครับ แดนนี่เขาเหมือนกระทิงดุ ไม่รู้ว่าสมุทรจะถูกแดนนี่เล่นงานเมื่อไหร่” การพากย์ของนักพากย์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมและมีการเสียดสีที่จงใจกระตุ้นให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมนั้น ก็เป็นหนึ่งในเสน่ห์ของการพากย์มวยไทยไปแล้ว...
ผมตั้งศอกลงบนพนักวางแขนเก้าอี้ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นร่วมไปด้วยเท่าไหร่นัก ฝั่งของเราไม่เชิงว่าได้เปรียบ ถึงแม้จะวิเคราะห์แล้วว่าคะแนนอาจสูสีแต่จะประมาทไม่ได้ เพราะ 3 ยกที่ผ่านมาสมุทรโดนหนักไม่น้อย ใจหนึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะไหวมาถึงยกนี้ เพราะแดนนี่มันดุเอาเรื่องอย่างที่นักพากย์ว่าจริง ๆ และตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะรับมือไหวได้อีกแค่ไหน เพราะฝั่งของคู่ต่อสู้ซึ่งเป็นระดับแชมป์จากหลายเวที มันเป็นประเภทที่ชอบรอจังหวะดี ๆ เพื่อที่จะได้น็อกนักมวยคู่ชก โดยเฉพาะนักมวยไร้ชื่ออย่างสมุทรด้วยแล้วก็เหมือนขนมหวาน
“........” ขณะที่ชมการแข่งขัน ผมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือเครื่องส่วนตัวที่เงียบผิดปกติ กระทั่งเวลาผ่านมาสักพักก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา ขณะเดียวกันก็มองไปยังพี่ธานที่อยู่ด้านล่างร่วมกับคนในค่ายข้าง ๆ เวที ถึงแม้จะมีบางอย่างน่าแปลกใจ แต่ผมก็ไม่เอ่ยถามไอ้เข้มกับไอ้หินที่นั่งประกบอยู่ด้านหลัง คิดว่าตัวเองอาจคิดมากไปเอง
“โอ้ยยยย !!!!”
“เอ้าเฮ้ย ! มันเกิดขึ้นได้ยังไงครับเนี่ยคุณป้อง !! กระทิงดุล้มไปแล้ว !!! แดนนี่ล้มไปแล้วพี่น้องงง !!!!”
“เฮ้ ~~~~~”เป้ง !!!!เสียงเก้าอี้จากคนข้าง ๆ ผมขยับ คล้ายว่าพวกมันไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้ลุ้นไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีได้ ไอ้เข้มกับไอ้หินชะโงกหน้าไม่เก็บรักษาท่าทีอย่างเคย...
หมัดขวาของสมุทรเสยเข้าที่ปลายคางของแดนนี่ในจังหวะที่ชุลมุน เป็นเหตุทำให้แดนนี่ล้มลงทันที สิ้นสัญญาณการนับตัดสินชี้ขาดการชนะน็อกของสมุทรจากกรรมการบนเวที ทำให้ไอ้เข้มกับไอ้หินนั่งไม่ติดเก้าอี้ มันร้องเฮไปตามเสียงเชียร์จากผู้ชมที่อยู่ฝั่งของเรา ผมนั่งเฉย ไม่ได้ออกปากห้ามอะไร ฝ่ายที่ชนะเดินเซไปอีกทางคล้ายเรียกสติของตนอยู่เช่นกัน ผมมองส่วนบนของสมุทรที่กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลาแสดงถึงความเหนื่อยล้าของเจ้าตัว ครูมวยและคนในค่ายทุกคนต่างนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทันทีที่กรรมการเข้ามายกแขนของสมุทรขึ้น เสียงร้องลั่นจากคนของค่ายผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“หึ..” ผมแสยะยิ้มมุมปาก มองใบหน้าของผู้ชนะที่ไม่ได้แสดงสีหน้าเท่าไหร่นัก มันค่อนข้างเรียบเฉยเผยให้เห็นว่าลึกลงไปแล้วอีกฝ่ายกำลังโล่งอกกับผลการชกในครั้งนี้
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป ผมนั่งอยู่ที่เดิมเพื่อดูการชกของนักมวยคู่อื่นต่อ เมื่อการแข่งขันจบลง พี่ธานก็เดินมาหาผมเพื่อแจ้งให้ทราบว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วผมมักจะเข้าไปร่ำลาคนในค่ายและเดินทางกลับในเวลานี้...
“โคตรเจ๋ง นักมวยเราชนะหมดทุกคนเลย”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“เย็นนี้กินอะไรดี”
“คุณไฟมาแล้ว”
เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานและตื่นเต้นดีใจดังเจี๊ยวจ้าวไปทั่วห้องพักของเรา ผมเดินเข้าไปด้านในและกวาดตามองไปรอบ ๆ
“สมุทรไปไหน” ผมถามถึง เห็นแต่นักมวยคนอื่นที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอยู่
“เออ นั่นสิ สมุทรไปไหน” ครูมวยได้ยินผมถาม แกอุทานอย่างสงสัยพร้อมกวาดตามองหาเช่นกัน
“เห็นบอกว่าออกไปข้างนอกแป๊บนึงครับ พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวมาครับ” พนักงานในค่ายหันมาพูดกับผม
“ไปกับใคร” ผมถาม
“........” ทุกคนเงียบลง
“เอ่อ ไม่.. ไม่ทราบครับ” อีกฝ่ายหน้าเสีย
“ไปกับพี่เด่นรึเปล่าครับ พี่เด่นก็ไม่อยู่นี่เหมือนกันครับ” เด็กในค่ายอีกคนพูดขึ้น
“มีอะไรรึเปล่าไฟ” ครูมวยตรงเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เปล่าครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับกันได้เลย วันนี้ขอบคุณมากครับ” ผมบอก
“ได้ครับ” ครูขานรับ
“Good job.” ผมตบบ่าเจอร์รี่
“Thank you.” อีกฝ่ายผงกหัวยิ้มรับเก้อเขิน ผมหันกลับไปสบตากับไอ้เข้มและไอ้หิน ส่งสัญญาณให้พวกมันออกตามหาสมุทรโดยไม่กระโตกกระตาก พวกเราเดินออกจากห้องมา ขณะที่ผู้คนในสนามมวยเริ่มทยอยออก การมองหาจึงเป็นไปอย่างไม่สะดวกนัก
“นายครับ !” ไอ้เด่นเรียก กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาพอดี
“สมุทรอยู่ไหน” ผมถามทันที
“เอ่อ คือ.. ผมไม่ทราบครับ ผมก็หาพี่เขาอยู่เหมือนกันครับ” อีกฝ่ายหลบสายตา
“กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้คลาดสายตา” ผมตรงเข้าไปบีบปลายคางมันขึ้นมา
“ขอโทษครับ” มันตอบ
“แล้วไอ้รุ่งไปไหน” ผมถามพร้อมปล่อยมือออก
“มันเจอเพื่อนนักมวยอีกค่ายเรียกไว้ตอนที่ผมให้มันเฝ้าพี่สมุทรแล้วผมไปเข้าห้องน้ำน่ะครับ”
“ขอโทษครับ” ไอ้เด่นขอโทษอีกครั้งก่อนก้มหน้าลง
“........” ผมไม่ซักต่อ ก้าวขาเดินนำออกมาเพื่อออกตามหาในทันที
“พวกมึงไปทางนั้น” ผมสั่งพร้อมชี้ไปทางซ้ายมือ
“ครับ” ไอ้เข้มกับไอ้หินขานรับ เส้นทางออกจากตัวอาคารหลักนี้มีทั้งหมดสี่เส้นทาง ทางที่ใกล้ห้องพักของเรามากที่สุดคือทางออกทางทิศเหนือ ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้ประตูทางออกของแขก VIP
ผมหยุดยืนอยู่สุดทางแยกที่สามารถแยกออกไปได้สองเส้นทาง เส้นทางหนึ่งด้านขวามือไว้สำหรับผู้ชมทั่วไปที่มักจะใช้เส้นทางนี้สำหรับเดินทางออกนอกตัวอาคาร อีกเส้นทางหนึ่งซ้ายมือสำหรับแขก VIP ที่จะเชื่อมไปสู่ลานจอดรถซึ่งเป็นโซนที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถใช้ได้ ความรู้สึกทำให้ผมเลือกเดินไปทางซ้าย เสียงก้าวเดินของผมกับไอ้เด่นที่ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ ความเงียบของทางเดินก็ยิ่งทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้าของเราสองคนชัดเจนขึ้นเท่านั้น
โครม ~