“ตื่นได้แล้วขี้เซา” เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ข้างหูคราม ชายหนุ่มยกมือปัด ๆ แล้วพักตัวไปอีกข้าง
“ที่รัก.. ตื่นเถอะ ผมหิวแล้ว” ธาริตเขี่ยปลายจมูกคราม เจ้าตัวย่นหน้า น่าแปลกที่ไม่ดูขี้เหร่ในสายตาคนมองเลยสักนิดเดียว
“ธาอย่าแกล้ง” ครามพึมพำ ตายังไม่ลืมเลย
“ตื่นเถอะ เดี๋ยวคืนนี้นอนไม่หลับนะ”
คนรักของเขาทั้งหลับลึกทั้งขี้เซา จนเขาลุกไปจัดโต๊ะเตรียมเตาแล้ว อุ่นแกงจืดของครามก็แล้ว กระทั่งทำของตกเสียงดังลั่นบ้านครามก็ยังไม่ตื่น สุดท้ายธาริตก็ต้องแงะครามออกจากฟูกจริง ๆ เจ้าตัวถึงยอมลืมตาขึ้นมาได้
“ไปล้างหน้ากันดีกว่า” มือใหญ่ดึงครามให้ลุกยืน ไฟทั้งบ้านสว่างโร่ แต่ด้านนอกมืดสนิท เขาได้ยินเสียงจิ้งหรีดดังคลอไปกับเสียงคลื่นหน้าหาด
“กี่โมงแล้วเนี่ย” ครามยกมือขยี้ตา เดินเตาะแตะอย่างกับเด็ก ๆ เข้าห้องน้ำไป พอได้ล้างหน้าตาก็สว่าง
เขาเพิ่งจะพบว่าธาริตจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยขนาดที่จัดการดึงโต๊ะพับตัวใหญ่ในห้องเก็บของข้างบ้านมากางที่ระเบียงเคียงกับเตาบาร์บีคิวไฟฟ้าเสร็จสรรพ
“สองทุ่ม” คนฟังตาโต เขาหลับไปตั้งสามชั่วโมงทีเดียว
“มานั่งเร็ว” ธาริตรุนหลังครามไปนั่งที่โต๊ะ เขารับหน้าที่ย่างอาหาร ตัดหนวดปลาหมึกอวบอ้วนใส่จานคนรัก เพราะรู้ว่าครามชอบ
“คราวนี้มาเที่ยวที่นี่แล้ว ปีใหม่ผมจะพาไปเที่ยวทะเลใต้ดีไหม หรือไม่ก็ไปเมืองนอกกัน” ธาริตถาม ในหัวเขานึกถึงอ่าวไร่เลย์ เกาะตาชัย เกาะกระดาน ไม่อย่างนั้นก็บินไปมัลดีฟ หรือเกาะโบราโบร่าไปเสียเลย
“ไม่เอา แพง.. มาที่นี่อีกก็พอแล้ว” ครามส่ายหน้า อยากเห็นทะเลที่อื่นบ้างก็จริงแต่ไม่อยากใช้เงินเขา ถ้าให้เก็บเงินไปเองคงใช้เวลาอีกสักสองสามปีถึงจะไปต่างประเทศได้ เอาไว้ถึงตอนนั้นครามจะลองเซอร์ไพรซ์เขาดู
“ชอบจริงนะหัวหินเนี่ย พรุ่งนี้เช้าจะพาไปขี่ม้าแกลบ” ธาริตหัวเราะ ยื่นมือส่งกรรเชียงปูให้คนรัก
“แล้วที่เรียนทำขนมไปถึงไหนแล้ว ใกล้จบคอร์สหรือยัง” สปอนเซอร์ใหญ่ถามถึง
ครามมีฝีมือก็จริง แต่ธาริตอยากให้คนรักได้เปิดหูเปิดตาด้วย มีขนมอีกหลายแบบที่ครามไม่เคยเห็นไม่เคยกิน ให้หัดทำไว้ พอมีร้านของตัวเองจะได้รู้ทันเชฟ เขาเห็นเจ้าของร้านโดนลูกจ้างโกงจนเจ๊งระเนระนาดมานักต่อนักแล้ว
“อีกสามสี่หนก็จบแล้ว อาทิตย์หน้าเขาจะสอนทำมองบลังก์ มีครีมเยอะหน่อยนะ”
ทุกครั้งที่ครามไปเรียนทำขนม คุณครูจะอนุญาตให้นักเรียนเก็บขนมฝีมือตัวเองกลับบ้านได้ เพราะฉะนั้นธาริตถึงกลายเป็นหนูทดลองของครามอยู่บ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อเริ่มจะหาย กลายเป็นว่าต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้นหน่อย
“ผมจะวิ่งรอ”
คนพูดยิ้ม ๆ ไม่เคยบอกว่าเขาชอบขนมหรูหราพวกนั้นน้อยกว่าคุกกี้ช็อกโกแลตของคราม ถึงครั้งแรกจะอบไม่สุก ครั้งที่สองไหม้เกรียม จนครั้งที่สามหวานจ๋อย ครั้งที่สี่ครามปรับสูตรใหม่เขาถึงจะกินได้ แต่มันก็อร่อย อร่อยเสียจนเขาเคยขอครามอย่างไร้สาระว่าอย่าทำให้ใครกินอีก แม้กระทั่งถ้าเปิดร้านเอง ลูกค้าที่ร้านเขาก็จะไม่ให้กิน
ธาริตลุกขึ้นช่วยครามเก็บจานเมื่อมื้ออาหารสิ้นสุดลง คนตัวน้อยตบมือลงพุงตัวเองแปะ ๆ บอกว่าอิ่มเกินไป
“ว่าไง ตัวน้อยของแด๊ดดี้” ธาริตหยอก เขาก้มลงไปพูดกับหน้าท้องนูนน้อย ๆ ของคนรัก
“ปลาหมึกตัวน้อยน่ะสิ อ้อ มีกุ้งกับปูด้วย แฝดสามไปเลย” คนฟังนึกขันกับการเล่นตลกของธาริตเลยเอาด้วย
“คืนนี้ต้องมีตัวน้อย ๆ ของผมแน่” เพียงแค่ดวงตาคมคู่นั้นมองสบมาครามก็อายม้วนต้วน พักหลังมานี้เขาไม่ค่อยยอมใช้อุปกรณ์ป้องกันเท่าไหร่ ครามเองก็เลยตามเลย ตาคนนี้ถึงได้ใจใหญ่
“ท้องได้ที่ไหนเล่า ไปเดินย่อยอาหารกันดีกว่า” ครามยื่นมือไปให้เขาจับ พากันเดินลงไปริมหาด สัมผัสอากาศคืนแรกและคืนสุดท้ายที่หัวหินก่อนจะต้องกลับกรุงเทพไปทำงาน
ตอนกลางคืนน้ำลงจากช่วงบ่ายที่เห็นไปมาก ลมที่พัดมาเย็นกว่ามากด้วยเหมือนกัน ท้องน้ำเบื้องหน้ามืดสนิท มองเลยไปไกล ๆ ก็เห็นว่ามันแทบจะกลืนไปกับสีท้องฟ้ายามราตรีด้วยซ้ำไป
“ดูเหงาจังเลยเนอะ”
“ไม่เห็นเหงาเลย” ครามหันมองธาริต อีกฝ่ายจ้องออกไป มีแสงไฟจากเรือหาปลาอยู่ไกลลิบ “มีธาอยู่ด้วยจะเหงาได้ยังไง”
“น้ำเน่ามาก” ครามหัวเราะ ออกเดินเคียงไปกับเขา สัมผัสได้ถึงทรายที่ปลายเท้า ธาริตกุมมือครามไว้ บนใบหน้าเขาเปื้อนยิ้ม
“ก็กลัวไม่รู้ว่ารัก” ธาริตยักไหล่ ไกวมือครามเบาๆ เขาคงไม่รู้ตัวว่าทำใจคนฟังลิงโลดไปถึงไหน
“นี่นับเป็นกับดักที่ทำให้ครามหนีไปไหนไม่รอดหรือเปล่า” น้ำเสียงไพเราะเอ่ยถาม เขาเคยฟังเรื่องราวของคู่รักมากมาย ทั้งมาปรึกษาบ้าง หรือเห็นเองบ้าง น่าประหลาดใจธาริตไม่เป็นแบบที่เขาเห็นมาเลยสักนิด
“ใช่ที่ไหนเล่า” ธาริตหัวเราะ ก้มมองคนรักที่ยิ้มเต็มแก้ม แถวนี้มืดไปหน่อย มีแค่แสงไฟไกล ๆ ตามแนวรั้วบ้านและแสงจากพระจันทร์เต็มดวง
“แต่ว่าอันนี้น่ะใช่แน่” คนตัวใหญ่หยุดเดิน เขาหยิบถุงกำมะหยี่สีดำขึ้นมาชู ธาริตเทมันออกมา มีแหวนเกลี้ยงสีเงินยวงสองวง พวกมั้นสะท้อนแสงจันทร์วาววับ
“แต่งงานกันนะ..”
ธาริตไม่ได้คุกเข่าลงกับพื้นทรายอย่างในหนังในละคร เขาเพียงแต่จับมือครามไว้แล้วพูดเรียบ ๆ น่าประหลาดใจเหลือเกินที่ไม่ต้องทำอะไรมากมายคนฟังก็ตื้นตันจนน้ำตาร่วง ครามตกใจมาก ไม่เคยคาดหวัง และไม่คิดด้วยว่าเขาจะทำให้ถึงขนาดนี้
..หากนี่เป็นกับดักอย่างที่ว่า ครามก็ยินดีจะติดอยู่กับมันจนวันตาย..
“แต่งได้ที่ไหนเล่า” ครามว่า กลัวเขาจะบ้าจี้จัดพิธีขึ้นมาจริง ๆ สองมือน้อยปาดน้ำตาวุ่นวายไปหมด
“แต่งได้.. ที่นี่” ธาริตสืบเท้าเข้าใกล้ มือหนึ่งถือแหวน อีกมือช่วยครามเช็ดน้ำตา “ไม่ต้องมีคนทำพิธี ไม่ต้องมีวงดนตรี ไม่ต้องมีแขกเหรื่อ มีแค่ผมกับคราม เท่านี้ก็พอแล้ว”
เสียงทุ้มอบอุ่นของเขาชวนฝัน แต่ครามกลับเห็นแย้ง งานแต่งงานของครามกับธาริตมีวงดนตรีธรรมชาติ ทั้งเสียงคลื่น เสียงลม และเสียงหรีดเรไรต่างกำลังขับกล่อมเพลงที่เพราะที่สุดให้ครามฟัง พิธีสมรสใต้แสงจันทร์มีแขกเหรื่อเป็นดวงดาวนับร้อยพัน ทั้งหมดเป็นพยานรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทำที่ครามเคยเห็นมาเสียด้วยซ้ำไป
“จากนี้ไป..เปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะ” ครามบีบมือคนรักเบา ๆ น้ำตาไหลอาบแก้มนวล
“ด้วยแหวนวงนี้... ผมเลือกคุณแล้ว เลือกที่จะให้ทุกสิ่งอย่างที่มีด้วยความรัก เลือกคุณให้อยู่กับผมไปทุกช่วงชีวิต ไม่ว่าจะขึ้นสูงหรือลงต่ำ จากนี้ไป..ผมจะเป็นบ้านให้ครามเอง”
ครามฟังทุกคำพูดของเขาอย่างตั้งใจ ธาริตบอกรักเขาเสมอ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนจะลึกซึ้งหนักแน่นเท่านี้มาก่อน เขาบรรจงสวมแหวนให้คราม คราวนี้นิ้วนางซ้ายที่ธาริตชอบประทับจูบไม่ว่างเหมือนเคยและคงไม่ว่างจนกว่าชีวิตของครามจะหาไม่
“ขี้แยอีกแล้ว” ธาริตจูบหน้าผากคนรัก เขาเช็ดหน้าให้ครามด้วยมือใหญ่อบอุ่น ก่อนจะยื่นแหวนและมือซ้ายให้คนตรงหน้าอย่างเต็มใจ ครามเงยหน้า ถึงเขาจะสาบานรักได้ไม่งดงามเท่าธาริต แต่ถ้อยคำสั้น ๆ เหล่านี้ล้วนออกมาจากความตั้งใจทั้งสิ้น
"ผมสัญญา... จากวันนี้และต่อไป ผมจะรักคุณ... จะรักแม้กระทั่งในวันที่คุณไม่ได้รักผมอีกแล้วก็ตาม”
------------------------------------
มาอัพช้าหน่อยค่ะ มันยาว ฮ่าาา ถ้าคนอ่านสะดวก เราอยากให้อ่านตอนนี้พร้อมกับฟังเพลงนี้ไปด้วยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=gTfGsMyxzV0ปล.น้องก็บอกอยู่ว่าแต่งเเล้ว หย่ากันแล้ว น้องเลี้ยงลูกคนเดียว ก็ยังมีคนซื่อบื้อไม่รู้เรื่อง /ถอนหายใจ