ตอนที่ 20
“น้ารัก!~”
“น้องหยางอย่าวิ่งลูก!!”
ทันทีที่รถจอดสนิท เด็กชายตัวกลมก็เปิดประตูรถแล้ววิ่งเข้าชาร์จจนจงรักเซถอยหลังไปหลายก้าว โดยมีเสียงของผู้เป็นแม่ตะโกนเสียงแหวตามหลังมา เมื่อตั้งตัวได้จงรักจึงย่อตัวลงนั่งในระดับเดียวกับหลานชาย ก่อนจะบอก
“โดนคุณแม่ดุแล้วเห็นไหมครับน้องหยาง”
“ก็หยางคิดถึงน้ารักนี่ครับ” เด็กน้อยบอกซื่อๆจงรักจึงหอมแก้มใสทั้งสองข้างเป็นรางวัลให้คนปากหวาน
“น้ารักสวัสดีครับ” มัวแต่สนใจหลานชายคนเล็กจนลืมหลานอีกคนที่ไอจูงมือตามหลังมา
“สวัสดีครับน้องหยิน ตัวโตขึ้นหรือเปล่าครับ ไหนมาให้น้าหอมแก้มหน่อยเร็ว” ได้ยินผู้เป็นน้าบอกแบบนั้นเด็กชายหยินจึงปล่อยมือคุณลุงแล้วเดินเข้ามายื่นแก้มให้หอมอย่างว่าง่าย
หยินกับหยางเป็นลูกชายฝาแฝดของอ้ายน้องสาวแท้ๆของไอ ทั้งสองคนแม้เป็นฝาแฝดกันแต่นิสัยนั้นค่อนข้างต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อาจด้วยความเป็นพี่ทำให้หยินมีนิสัยสงบเรียบร้อยและเชื่อฟังคำสั่งมากกว่า ส่วนหยางเป็นเด็กร่าเริง ยิ้มง่าย ค่อนข้างเอาแต่ใจนิดๆตามสไตล์น้องชายคนเล็ก ไม่เพียงแต่นิสัย แม้กระทั่งหน้าตาของทั้งสองก็ยังต่างกันจนสามารถแยกออกได้ง่ายว่าคนไหนหยิน คนไหนหยาง
“น้องหยางสวัสดีครับน้ารักกับน้าเมฆหรือยังครับ” เมื่อได้ยินเสียงเตือนของไอ
“สวัสดีครับน้ารัก” หยางจึงผละจากอ้อมกอดของจงรักแล้วก้มหัวสวัสดีจนเกือบทิ่มพื้น ก่อนจะหันไปมองผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนทำหน้าทะมึนดุดันอยู่ข้างๆจงรัก
“สวัสดีครับน้าเมฆ” หยินเป็นคนเริ่มต้นทักทายก่อน จากนั้นจึงสะกิดน้องชายที่ดูเหมือนจะช็อคอยู่กับหน้าตาดุดันของเจ้าบ้าน
“สะ…สวัสดีครับ น้าเมฆ” หยางเอ่ยออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆกระเถิบเข้าไปชิดจงรักจนแทบจะเกยตัก
“สวัสดีเด็กๆ”
เสียงทุ้มต่ำของเมฆาผนวกกับรอยยิ้มเกร็งๆที่มุมปากจนคล้ายเจ้าตัวกำลังแสยะยิ้ม ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวขึ้นไปอีกเท่าตัวในสายตาเด็กๆ ทำเอาหยินที่ไม่ได้คิดอะไรในตอนแรก ผงะตัวถอยหลังไปคว้ามือของไอจับไว้แน่น อ้ายมองเห็นท่าทางของลูกชายทั้งสองเป็นคนแรกจึงรีบบอกกับเมฆา
“สงสัยเด็กๆคงยังไม่ชินน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า มืดแล้วยุงเยอะ”
เมฆาให้จงรักพาหลานเข้าบ้านพร้อมกับคุณแม่ส่วนตัวเองก็หันมาช่วยไอยกสัมภาระของเด็กน้อยทั้งสองที่ขนมาราวกับจะย้ายสำมะโนครัว
“ของเยอะนิดนึงนะครับ พอดีมีชุดนักเรียนกับเครื่องเรียนของเด็กๆด้วย” คนหน้าสวยว่าขณะส่งกระเป๋าเสื้อผ้าสองแฝดให้กับเมฆา
“คุณไอกับคุณอ้ายไปกันกี่วันครับ”
“สามวันครับ บินวันนี้ตอนตีหนึ่ง เพราะพรุ่งนี้มีงานแต่เช้าเลย” เมื่อเอาของออกจากรถหมดแล้วเมฆาก็เดินนำไอเข้ามาในบ้าน
“เหนื่อยแย่เลยนะครับ”
“ก็แบบนี้แหละครับ ใครว่าเป็นผู้บริหารแล้วสบาย ผมเถียงขาดใจเลยนะ” ไอว่าพร้อมกับทำหน้าขึงขังจริงจังทำให้เมฆาอดรู้สึกขำขึ้นมาไม่ได้
เมื่อถึงห้องนั่งเล่นเมฆาก็อาสาเป็นคนขนของทั้งหมดขึ้นไปเก็บบนห้องแทน เพราะคิดว่าไออาจต้องการเวลาในการคุยกับจงรักและเด็กๆก่อนเดินทาง คนหน้าดุหายขึ้นไปบนชั้นสองสักพัก ทันทีที่กลับลงมาก็เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่ไอกับอ้ายต้องเตรียมตัวไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ
เมฆาเตรียมใจมาแล้วว่าเด็กๆอาจจะร้องไห้งอแงตามผู้เป็นมารดาไปด้วย แต่เขากลับคิดผิด เพราะนอกจากเด็กๆจะไม่ร้องไห้ตามแล้วยังบอกลาด้วยดี ก่อนจะละความสนใจจากแม่และลุงไปหาคุณน้าตัวเล็กที่ไม่ได้เจอกันนานแทน แม่ของเด็กๆถอนใจเบาๆกับความไร้เดียงสานั้น แต่คนหน้าดุสังเกตเห็นว่าแววตาของเธอมีแววกังวลอยู่ไม่น้อย ระหว่างที่เดินไปส่งอ้ายขึ้นรถชายหนุ่มจึงพูดบางอย่างมาบอกกับเธอให้คลายกังวล
“คุณอ้ายไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกับจงรักจะดูแลพวกเด็กๆให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณนะคะ อ้ายรู้ว่าคุณเมฆกับรักต้องดูแลเด็กๆดีอยู่แล้ว แต่ที่อ้ายกังวลเพราะไม่ค่อยห่างกับเด็กๆนานๆ อีกอย่างก็กลัวว่าพวกแกจะสร้างปัญหาให้คุณเมฆน่ะค่ะ”
“ผมรับปากจะดูแลพวกแก เรื่องอื่นๆไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ขอบคุณจริงๆค่ะ ยังไงอ้ายฝากน้องหยินกับน้องหยางด้วยนะคะ ถ้าพวกแกดื้อมากๆก็ดุได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ครับ” เมฆาคลี่ยิ้มรับ พลางนึกในใจว่าหากเธอรู้ว่าเวลาเขาดุเป็นอย่างไร เธอคงรีบเปลี่ยนใจไม่ฝากลูกๆไว้ที่เขาเป็นแน่
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปก่อน ถ้ามีปัญหาอะไรคุณเมฆให้จงรักโทรติดต่อพวกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” ไอหันมาบอกเมฆาเมื่อสั่งเสียเรื่องหลานๆกับจงรักเรียบร้อยแล้ว
“ครับ” หนุ่มหน้าดุตอบรับ
“พี่ไปก่อนนะรัก ฝากดูหลานด้วย” ไอว่า
“เดินทางปลอดภัยนะครับพี่ไอ พี่อ้าย”
“เดินทางปลอดภัยนะครับ” ไอกับอ้ายยิ้มรับคำอวยพรของน้องชายกับคนรักก่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป
เมื่อไอกับอ้ายไปแล้วจงรักก็รีบปิดรั้วตามหลัง จากนั้นก็จูงมือคนรักเข้าบ้านไปหาสองแฝดซึ่งคาดว่ากำลังง่วนอยู่กับการ์ตูนที่จงรักเปิดให้ดูเมื่อครู่จนไม่ยอมลุกมาส่งแม่กับลุง และก็จริงดังคาด เพราะตอนนี้โซฟาหน้าทีวีถูกจับจองโดยสองพี่น้องหยินหยาง เด็กน้อยจ้องตัวการ์ตูนร้องเพลงเป็นจังหวะสนุกๆพร้อมกับโยกตัวไปด้วยอย่างมีความสุข เห็นดังนั้นจงรักจึงบอกให้เมฆาไปนั่งกับหลานๆ ส่วนตัวเองจะเข้าไปอุ่นนมให้เด็กๆดื่มก่อนนอนหลังจากที่การ์ตูนจบ
“พี่เมฆไปอยู่เป็นเพื่อนหลานๆก่อนนะครับ ผมไปอุ่นนมแปบเดียว เดี๋ยวตามไปครับ” จงรักบอกพร้อมกับคลี่ยิ้มหวานเป็นรางวัลล่วงหน้าเช่นนี้เมฆาจะปฏิเสธได้อย่างไร
“ได้สิ แต่ดูเหมือนหลานๆจะกลัวพี่ ยังไงรักก็…รีบๆมานะ”
“ครับ” พอน้องรับคำแล้วก็เดินหายเข้าไปในครัว ทิ้งให้เมฆายืนเคว้งอยู่สักพักก่อนตัดสินใจเดินไปหาเด็กแฝด
เมฆายืนอยู่หลังโซฟาเงียบๆโดยไม่ส่งเสียงอะไร คิดจะเข้าไปนั่งด้วยเหมือนที่จงรักบอก แต่ดูเหมือนเด็กๆจะนอนเหยียดยาวจนเขาไม่รู้จะแทรกได้อย่างไร จนผ่านไปครู่หนึ่งหยินกับหยางก็สังเกตเห็นเงาดำพาดผ่านมาที่โซฟาเป็นรูปร่างของผู้ชายตัวโตเหมือนยักษ์ เด็กแฝดหจึงเงยหน้าขึ้นมอง แต่ทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร เด็กน้อยก็รีบขยับเข้าหากันแล้วกระถดตัวไปอีกฝั่งของโซฟา โดยที่ผู้เป็นน้องซุกอยู่ด้วยหลังของพี่ พี่เองก็ทำท่าเหมือนเป็นโล่กำบังหากแต่แววตานั้นสั่นกลัวจนเมฆาเกือบยกมือขึ้นกุมขมับ
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหม”
ไหนๆก็เห็นแล้ว เมฆาจึงเอ่ยขึ้นก่อนเสียเลย ทว่าไม่รู้เป็นเพราะได้ยินเสียงต่ำๆของเขาหรืออย่างไร จากที่มีท่าทางหวาดหวั่นอยู่แล้ว เจ้าหยางแฝดน้องยิ่งสั่นกลัวมากกว่าเดิม คิ้วเข้มของคนหน้าดุขมวดเครียดขึง ไม่เข้าใจว่าเขาน่ากลัวอะไรขนาดนั้น
“ว่ายังไง ให้น้านั่งด้วยคนได้ไหม” เห็นเด็กๆไม่ยอมตอบ ชายหนุ่มจึงถามอีกครั้ง
“คะ…ครับ” สุดท้ายหยินแฝดพี่ก็ยอมเอ่ยปากโต้กลับ
หลังจากได้รับอนุญาตคนตัวโตจึงเดินอ้อมมานั่ง แต่จังหวะที่เขาทิ้งตัวลง เด็กสองคนก็ยังไม่วายสะดุ้งผวา เมฆาอยากจะถามออกไปจริงๆ ว่าเห็นเขาเป็นภูตผีปีศาจหรือไรถึงได้กลัวกันขนาดนี้ แต่คิดว่าถ้าพูดอะไรสักคำออกไปตอนนี้อาจทำให้ใครสักคนหรือทั้งสองคนร้องไห้จ้าก็เป็นได้ คนหน้าดุจึงเลือกที่จะนั่งเงียบๆต่อไปโดยไม่พูดอะไรดีกว่า
หากแต่เมฆากลับไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมแบบนั้นของตัวเองนั้นทำให้หยินกับหยางสั่นประสาทแค่ไหน คุณน้าตัวโตหน้าตาหน้ากลัวอยู่ๆก็เดินมาขอนั่งด้วย จากนั้นยังปั้นหน้าตึงไม่พูดไม่จา บวกกับเหลือบตาดุๆมองพวกเขาเป็นระยะ เท่านั้นก็เพียงพอให้สองพี่น้องดูการ์ตูนต่อไปไม่รู้เรื่องแล้ว
ท่ามกลางบรรยากาศกดดันราวกับกะลาสีเรือแตกที่ลอยคออยู่กับขอนไม้ โดยมีฝูงฉลามกระหายเลือดว่ายวนเวียนอยู่รอบๆ เด็กชายหยางแก้มกลมแฝดคนน้องก็ป้องมือเล็กป้อมที่ปากเพื่อกระซิบถามพี่ชายด้วยเสียงที่ไม่ได้เบาเลยสักนิด
“พี่หยิน”
“ว่ายังไงน้องหยาง” หยินหันไปกระซิบตอบ แต่ก็อีกนั่นแหละ กระซิบด้วยโทนเสียงที่ไม่เบาเช่นกัน
”น้ารักของพวกเราไปไหน”
ของพวกเรางั้นหรือ? ของเขาต่างหาก เมฆาค้านในใจ
“พี่ก็ไม่รู้”
“หยางอยากไปหาน้ารัก หยางกลัว”
“พี่อยู่ด้วย มะ…ไม่ต้องกลัว” หยินว่าเสียงสั่น
“ไม่ๆ พี่หยินก็กลัว หยางรู้นะ”
ประโยคพาซื่อของหยางทำให้เมฆาหลุดขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จะว่าสงสารก็สงสาร จะว่าตลกก็ตลก หรือจะว่าไม่เข้าใจเขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ อะไรของเจ้าเด็กแฝดสองคนนี้กันนะ แปลกคนจนเขารู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว
“กำลังสนุกอะไรกันอยู่ครับพี่เมฆ หัวเราะเสียงดังเชียว”
“น้ารัก!”
“น้ารักมาแล้ว!~” หยินกับหยางร้องออกมาแทบจะพร้อมกันเมื่อเห็นว่าคุณน้าสุดที่รักกลับมาสักที
“ไม่มีอะไรหรอกรัก มานั่งสิ หลานๆรออยู่แหนะ” เมฆาขยับเว้นที่ให้จงรักนั่งตรงกลางระหว่างตัวเองกับเด็กแฝด
“น้ารักไปไหนมาครับ หยางรอน้ารักตั้งนาน” แฝดคนน้องโผล่ออกมาจากหลังพี่ชายก่อนโผเข้ามาเกาะแขนจงรักแล้วอ้อนเสียงหวาน
“น้าไปอุ่นนมให้หนูสองคนไงครับ เดี๋ยวการ์ตูนจบก็ดื่มนมแล้วเข้านอนนะ พรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียนแต่เช้า” จงรักบอกพร้อมส่งแก้วนมให้หลานถือคนละแก้ว
“หยางไม่ไปโรงเรียน”
“ทำไมล่ะครับน้องหยาง พรุ่งนี้วันจันทร์ หนูยังไม่ปิดเทอมเลยนะครับ แม่อ้ายบอกน้ารักมา”
“แต่แม่อ้ายไม่อยู่ หยางไม่ไปก็ได้ครับ ดีไหมพี่หยิน” นอกจากตั้งใจจะเกโรงเรียนแล้ว หยางก็ยังไม่วายหันไปชักชวนพี่ชายให้เกเรเป็นเพื่อนอีกคนด้วย
“ดี…มั้ง” หยินตอบเบาๆ ความจริงก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกชัดเจนออกไป ไม่รู้ว่าน้ารักจะดุหรือเปล่า
“ไม่ได้นะครับ น้องหยางกับน้องหยินต้องไปโรงเรียนนะ”
“แต่แม่อ้ายไม่อยู่”
“แม่อ้ายไม่อยู่แต่น้ารักอยู่นี่ครับ”
“หยางไม่อยากไป” ฟังสองน้าหลานเถียงกันอยู่นาน ในที่สุดเมฆาก็ทนไม่ไหว
“เด็กดื้อ”
“หยางไม่ดื้อ”
“ถ้าไม่ดื้อก็ต้องฟังที่ผู้ใหญ่บอก ส่งเสียงเถียงจ๋อยๆแบบนี้ไม่น่ารักรู้ไหมครับ อีกอย่างเราเป็นนักเรียน จะเกเรไม่ไปโรงเรียนได้ยังไง” คนหน้าดุสอนอย่างใจเย็น ด้วยความที่หยางเกรงกลัวเมฆาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเจ้าตัวดีจึงยอมฟังเงียบๆ
“น้าเมฆพูดถูกนะครับ ไหนบอกน้ารักซิ น้องหยางกับน้องหยินเป็นเด็กน่ารักใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไปโรงเรียนนะครับ”
“ครับ” หยินพยักหน้ารับง่ายๆ ส่วนหยางลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมลงโดยดี
“ครับ หยางจะไปโรงเรียน”
“น่ารักมากครับ เราตกลงกันได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นเด็กๆรีบดื่มนมนะ น้าจะพาไปแปรงฟันแล้วเข้านอน การ์ตูนของหนูจบแล้วด้วย” หยินกับหยางทำตามที่จงรักสั่งอย่างว่าง่าย ระหว่างที่เด็กๆดื่มนมกันอยู่จงรักจึงหันมายิ้มแล้วขอบคุณคนรักหน้าดุเบาๆ “ขอบคุณนะครับที่ช่วยพูด”
“ไม่เป็นไรหรอก ดูหลานเถอะ เดี๋ยวพี่ไปเตรียมที่นอนให้” เมฆาลูบหัวจงรักเบาๆ จากนั้นจึงแยกตัวไปจัดที่นอนให้เด็กแฝดระหว่างที่จงรักพาทั้งสองคนไปแปรงฟัน
คราวแรกเมฆาตั้งใจว่าจะจัดที่นอนให้เด็กแฝดนอนอีกห้องที่ว่างอยู่ แต่พอคุยกับจงรักแล้วเจ้าตัวบอกว่าตามปรกติหยินกับหยางนอนห้องเดียวกับแม่ ดังนั้นเมฆาจึงเอาที่นอนปิคนิคมาปูข้างที่นอนใหญ่ในห้องของตัวเอง โดยให้เด็กสองคนนอนบนที่นอนของเขากับจงรัก ส่วนตัวเองคงต้องย้ายลงมานอนบนที่นอนชั่วคราวแทน
แปรงฟันเสร็จแล้วจงรักก็พาหยินกับหยางกลับเข้าห้อง เห็นที่นอนที่เมฆาจัดเอาไว้หนุ่มตัวเล็กก็ยังนึกกังขาหากแต่ไม่ได้พูดอะไร เขานำเด็กๆสวดมนต์เสร็จเสียงแจ๋วก่อนปิดไฟนอน โดยลำดับการนอนคือน้องหยินนอนชิดหน้าต่าง น้องหยางนอนตรงกลาง จงรักอยู่ถัดมา ส่วนเมฆานอนข้างๆจงรักแต่อยู่ต่ำกว่าหน่อยเนื่องจากเป็นที่นอนปิกนิก
ดับไฟได้ไม่นานเสียงกรนเบาๆของฝาแฝดก็ดังขึ้น จงรักนึกดีใจที่หลานๆนอนง่ายดีเหลือเกิน หากเด็กๆงอแงเหมือนสมัยที่ยังเล็กกว่านี้เขาคงแย่ รอให้หลานหลับสนิทดีแล้ว จงรักก็หันหน้ามาทางคนรักที่นอนกอดอกตัวตรงแหน่ว ตาโตมองผ่านความมืดสลัวจึงสังเกตเห็นว่าเมฆายังไม่ได้หลับตา ร่างเล็กจึงยื่นหน้าลงไปใกล้เพื่อกระซิบถาม
“พี่เมฆนอนได้ไหมครับ ลำบากไหม”
“นอนได้สิ หรือรักจะไล่พี่ไปนอนห้องโน้นคนเดียว”
“ไม่ใช่นะครับ” เพราะพี่เมฆพูดด้วยเสียงเรียบๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ จงรักจึงไม่รู้ว่าคนหน้าดุนั้นพูดจริงๆหรือแค่แกล้งเขาเล่น “รักแค่กลัวพี่เมฆนอนไม่สบายเท่านั้นเอง”
ฟังจากน้ำเสียงของน้อง เมฆาก็อดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ใครสั่งใครสอนให้จงรักน่ารักขนาดนี้กันนะ นอกจากจะเป็นห่วงสภาพร่างกายของเขาแล้ว ยังเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะคิดมากอีก ทั้งที่ประโยคนั้นเขาแค่ตั้งใจหยอกเล่นเท่านั้นเอง คนหน้าดุยกหัวขึ้นมองเห็นเด็กแฝดหลับกันหมดแล้ว เจ้าตัวจึงทำการอุกอาจโดยการเอื้อมมือออกไปคว้าเอวบางแล้วรั้งให้กลิ้งลงมาทับอยู่บนตัวเขา จากนั้นก็กอดเอวนุ่มไว้แน่นไม่ปล่อยให้ดิ้นหนีไปไหนได้
“โอ๊ะ!” จงรักเผลอร้องเสียงหลงเนื่องจากไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะรีบปิดปากตัวเองเอาไว้เพราะกลัวหลานตื่น
“ไม่สบายก็นอนได้ ใครจะปล่อยให้แฟนโดนยึดไปตั้งหลายคืนล่ะ”
“โดนยึดอะไรครับ พี่ก็ว่าไปนั่น แล้วทำอะไรครับเนี่ย เดี๋ยวพวกเด็กๆตื่นนะ” มือสองข้างเปลี่ยนมายันอกแกร่งเอาไว้ พยายามพูดลอกไรฟันด้วยเสียงที่เบาที่สุด สถานการณ์แบบนี้หากหลานตื่นมาเจอคงไม่ดีแน่ๆ
“หลับปุ๋ยจนกรนขนาดนั้น ไม่ตื่นง่ายๆหรอก”
“พี่เมฆเอาผมลงมาทำไมครับ จะให้ผมลงมานอนด้วยเหรอ มันแคบนะครับ”
“ไม่ได้จะให้นอนด้วย รักนอนข้างบนนั่นแหละดีแล้ว”
“แล้วพี่เมฆจะทำอะไร” หนุ่มตัวเล็กถามด้วยความสงสัย เพราะเมฆาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบถึงเนื้อถึงตัวสักเท่าไหร่
“ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากกอด ได้หรือเปล่า” เสียงเบาๆในตอนท้ายนั่น จงรักจะติ๊ต่างว่าพี่เมฆอ้อนได้หรือเปล่านะ
“ได้ครับ แต่พี่เมฆก็กำลังกอดอยู่นี่ครับ จะขออีกทำไม”
“จริงสินะ”
“อื้ม”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เงียบเสียงลง ไม่มีบทสนทนาใดๆคั่นความรู้สึกอีก จงรักปล่อยให้ตัวเองถูกกอดไว้เงียบๆ ถึงอย่างนั้นเสียงหัวใจของเขาก็ไม่ได้เงียบตามเลย มันยังคงเต้นแรงกว่าที่ควร ทุกครั้งที่ถูกคนคนนี้โอบกอดกระแสความรู้สึกอุ่นซ่านไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง ความสุขเอ่อล้นราวกับสายธารที่ไม่มีวันเหือดแห้ง
“รักครับ”
“ครับ” ยิ่งได้ยินพี่เมฆพูดเพราะๆ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นอีก
“พี่ขอจูบด้วยได้ไหม”
“ครับ…”
แม้เสียงตอบรับของน้องจะเบาแสนเบา ทว่าในห้องที่มีเพียงความเงียบกับเสียงลมหายใจของเด็กๆ เสียงเท่านั้นก็พอที่จะทำให้เมฆาได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว คนตัวโตกว่าพลิกกายให้น้องกลับไปอยู่ใต้ร่าง ก่อนจะเริ่มแตะริมฝีปากทักทายเบาๆ สัมผัสที่ราวกับผีเสื้อต้องกลีบดอกไม้นั้นชวนให้ใบหน้าร้อนผ่าว จงรักเผลอเผยอปากประกอบด้วยความเคยชินในรสจูบ จากนั้นจุมพิตแผ่วเบาดังสายลมอ่อนก็แปรเปลี่ยนเป็นลมพายุ
จงรักสั่นระริกทุกครั้งยามถูกไล่ต้อนด้วยเรียวลิ้นร้อนที่แสนชำนิชำนาญ ทว่าเมื่อคนหน้าดุผละจากริมฝีปากไปขบเม้มที่ปลายคางเรื่อยไปจนถึงลำคอ ร่างบางก็ผวาเฮือกเผลอส่งเสียงครางออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“อ๊ะ!…พี่ม…เมฆ”
“พี่หยินตื่นเร็วเข้า! น้าเมฆกำลังกินน้ารักของเราแล้ว!!!!”
หลังจากเผลอครางออกมาแบบนั้นจงรักก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างไปชั่วขณะ เนื่องจากร่างที่คร่อมเขาเอาไว้ถูกโจมตีด้วยเด็กชายแก้มกลมที่กระโจนเข้าใส่แบบไม่ยั้งแรงจนตัวของเมฆาเซล้มไปอีกทาง จากนั้นจงรักก็ถูกหลานชายคนเล็กของตัวเองพยุงขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มทน
“น้ารักเป็นอะไรไหมครับ เจ็บตรงไหนไหม”
“น้า…น้าไม่เป็นครับน้องหยาง น้าไม่เป็นอะไร” ผู้เป็นน้ารีบดึงคอเสื้อขึ้นให้เรียบร้อยก่อนละลักละล้ำบอก
“น้าเมฆใจร้าย น้าเมฆจะกินน้ารักของหยาง ฮือออ~” เมื่อเห็นว่าจงรักไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เจ้าตัวดีก็แผดเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ ทำเอาคนที่เพิ่งโดนกระโดดถีบกระเด็นรู้สึกมึนหัวขึ้นมาอีกรอบ
เมฆารวมรวมสติเพราะเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่ จากนั้นจึงลุกขึ้นไปเปิดไฟ แสงสว่างทำให้ตาคมดุเห็นอะไรๆชัดขึ้น สถานการ์ตอนนี้คือเจ้าเด็กหยางกำลังนั่งร้องไห้โดยมีจงรักนั่งหน้าเจื่อนกอดปลอบ ส่วนเจ้าเด็กหยินที่ไม่ค่อยรู้เรื่องราวเท่าไหร่แต่ถูกน้องชายทำให้ตื่นกำลังนั่งโงนเงนไปมา หากแต่ดวงตาหรี่ปรือกลับมองมาที่เมฆาอย่างวาดระแวง
“น้าเมฆจะกินน้ารัก น้าเมฆน่ากลัว ฮึก…ฮึก” หยางยังคงพูดประโยคเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด จนพาลทำให้หยินกลัวไปด้วยแล้วในตอนนี้
“จริงเหรอหยาง” เสียงเล็กๆของผู้เป็นพี่ชายถามออกมา
“จริงสิ หยางเห็น”
“แต่พี่ไม่เห็น” หยินว่า
“ก็พี่หยินหลับนี่นา! ฮือออ”
คนหน้าดุรู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเส้นเลือดที่ขมับ โอเคเขายอมรับว่าเมื่อครู่เขาคิดที่จะ
กินจงรักจริงๆ แต่เขาแน่ใจว่าคำว่า
กินของเขากับคำว่า
กินของหยางไม่ใช่ในความหมายเดียวกันแน่ๆ และคนสำคัญที่กำลังตกเป็นเป้าหมายของการถูก
กินก็รู้ความหมายดีอยู่แล้วด้วย
“น้าไม่ได้กินน้ารักสักหน่อย หยางเข้าใจผิด” เมฆาแก้ตัว
“กินสิ หยางเห็น น้าเมฆไม่ต้องมาหลอกหยาง หยางแอบดูตั้งแต่ที่น้าเมฆลากน้ารักลงจากที่นอนแล้วด้วย” เด็กแก้มกลมยื่นปากเถียงอย่างไม่ลดละ
“น้าไม่ได้กิน”
“น้าเมฆกิน”
“น้าไม่ได้กิน”
“กิน! น้าเมฆกินจริงๆ”
“ก็บอกว่าไม่ได้กินไง!”
“กินสิ ก็หยางเห็นนี่!”
“พอเถอะครับ หยุดทั้งคู่เลย” ในที่สุดจงรักก็ทนไม่ไหว ต้องเอ่ยปากบอกให้สองหนุ่มสงบศึกด้วยตัวเอง
“แต่น้ารักครับ…” พอเห็นว่าหยางไม่ยอมลงง่ายๆ จงรักจึงเริ่มพูดกับหลานชายก่อน
“น้องหยางฟังน้ารักนะครับ ความจริงแล้วน้าเมฆไม่ได้ทำอะไรน้ารักเลย ที่น้าเมฆดึงน้ารักลงไปข้างล่างเพราะกลัวพวกเราสามคนจะนอนเบียดกัน น้าเมฆเขาห่วงว่าพวกหนูจะนอนไม่สบายแค่นั้นเอง” จงรักค่อยๆอธิบายอย่างใจเย็น จนหลานตัวเล็กหลงเชื่อ
“เหรอครับ”
“ใช่ครับ”
“แต่หยางเห็นน้ารักร้อง เห็นน้าเมฆกัดคอน้ารักด้วย”
“เอ่อ…อันนั้นไม่ใช่อย่างที่หนูเห็นหรอกครับ คือพอน้ารักลงไปนอนข้างล่างใช่ไหม ทีนี้ไม่รู้ตัวแมลงอะไรกัดน้า น้ำเมฆก็เลยก้มดูให้ แต่ว่าห้องมันมืดมาก พวกเราไม่กล้าเปิดไฟเพราะกลัวหนูตื่น น้าเมฆก็เลยก้มลงมาดูใกล้ๆ น้องหยางเห็นแบบนั้นก็เลยคิดว่าน้าถูกน้าเมฆกัดไงครับ”
“จริงเหรอครับ”
“จริงสิครับ” จงรักยืนยันหนักแน่น
“จริงเหรอครับน้าเมฆ”
“อื้ม” พอหยางหันไปหาเมฆา คนตาดุก็แกล้งพยักหน้าเออออตามที่คนรักเล่าไป เจ้าตัวป่วนจึงยอมสงบลงได้เสียที
“ทีนี้น้องหยางก็นอนได้แล้วนะลูก ดูสิพี่หยินหลับไปแล้วเห็นไหม” จงรักชี้ให้คนบนตักมองดูพี่ชายที่หลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ครับ” เจ้าตัวเล็กคลานลงจากตักจงรัก ก่อนจะคลานไปนอนตรงที่เดิมของตัวเอง แต่ยังไม่วายหันมาตบที่นอนข้างตัวปุๆ “น้ารักมานอนที่เดิมเถอะครับ น้ารักไม่ได้เบียดพวกหนูหรอก”
“ครับๆ” จงรักเองก็กลับไปนอนที่เก่าเหมือนที่หลานบอก เมฆาที่ยืนกอดอกเฝ้าระวังสถานการณ์หลังสงครามสงบจึงทำการปิดไฟแล้วนอนบ้าง
ผ่านไปครู่ใหญ่ คราวนี้จงรักตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าหลานๆหลับแล้วจริงๆ จึงหันกลับมาหาเมฆาแล้วเอ่ยถามเสียงเบาด้วยความเป็นห่วง
“พี่เมฆหลับหรือยังครับ”
“ยัง”
“เมื่อกี้ที่น้องหยางกระโจนใส่ เจ็บหรือเปล่าครับ ผมเห็นคิ้วพี่บวมๆ ลงไปกินยาแก้อักเสบไหม”
“ก็ดีเหมือนกัน” เมฆาผุดลุกขึ้นนั่ง “ว่าแต่เจ้าแสบน่ะหลับแล้วจริงๆใช่ไหม ไม่ใช่คราวนี้เห็นพี่พารักออกจากห้องไปจะลุกขึ้นมาโวยวายคุณน้าถูกลักพาตัวหรอกนะ”
“หลับแล้วครับ คราวนี้หลับสนิทจริงๆ”
“อืม…งั้นรีบลงไปข้างล่างเถอะ เราเองก็ต้องรีบนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ากว่าปรกติเพราะต้องไปส่งพวกเด็กๆที่โรงเรียนด้วย” เมฆาว่าก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้อง
“พี่เมฆ” พอลงมากินน้ำกินยาในครัวเรียบร้อยแล้ว จงรักก็พูดขึ้น
“หืม?” คนหน้าดุเลิกคิ้วถาม
“โกรธน้องหยางหรือเปล่าครับ ผมขอโทษแทนหลานด้วยนะที่ทำวุ่นวายตั้งแต่คืนแรก”
“ไม่โกรธหรอก”
“จริงนะครับ ผมกลัวพี่จะไม่ชอบใจ เพราะตอนก่อนกลับเห็นเฮียวินบอกว่าพี่ไม่ชอบเด็ก แล้วก็ดูเหมือนหยินกับหยางจะกลัวพี่เมฆนิดๆด้วย แต่ผมยืนยันนะว่าเจ้าแฝดน่ะเป็นเด็กน่ารัก พวกแกคงยังไม่ค่อยชินเท่านั้นแหละครับ”
“หลานรักก็เหมือนหลานพี่ อย่าคิดมากเลย จริงอยู่ที่พี่ไม่ค่อยถูกกับเด็กเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้เกลียดอะไรเด็กๆหรอกนะ เพียงแต่เข้าหาไม่เป็นเท่านั้น พี่ถูกเลี้ยงให้โตมาคนเดียวไม่มีพี่ไม่มีน้อง อยู่แต่กับคนแก่ มันเลยไม่ค่อยชินน่ะ” อีกอย่างคือทุกครั้งที่เจอ พวกเด็กๆก็ทำท่าเหมือนกลัวเขาทุกครั้งไปโดยที่เมฆาหาสาเหตุไม่ได้ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่เข้าใกล้เพื่อตัดปัญหา
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ขอบคุณนะครับที่พี่เมฆเข้าใจ แต่พี่ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าแฝดน่ะเข้ากับคนง่าย พี่เมฆเป็นคนใจดี เดี๋ยวพออยู่ด้วยกันสักพักขี้คร้านพวกแกจะติดพี่เมฆของรักแย่”
“อืม…”
ไม่ติดยังแย่ขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดเด็กๆติดเขาขึ้นมาล่ะ… เพียงแค่คิดเมฆาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายคิ้วขึ้นมาเสียแล้ว
<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>
ตกใจล่ะสิ~~~~~~
ตอนนี้เค้ามาเร็วตามที่สัญญาไว้เมื่อคราวที่แล้ว 555555
อ่านคอมเม้นของแต่ละคนแล้วรู้สึกปริ่ม อิ่มเอม และมีพลังขึ้นมาเลยค่ะ
ดีใจที่ทุกคนชอบนิยายของเรานะ ดีใจมากจริงๆ
เราจะพยายามตั้งใจเขียนให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องนี้ หรือเรื่องอื่นๆที่กำลังจะตามมานะคะ
เอาล่ะมาพูดถึงตอนนี้กันดีกว่า
เกือบเรียกได้ว่าเปลี่ยนแนวกะทันหัน
เพราะจากนิยายโรแมนติกเปลี่ยนเป็นคอมมาดี้เมื่อมีเด็กอยู่ข้างๆพระเอก 55555555
เขียนๆไปก็นึกสงสารพี่เมฆแกเหมือนกัน แต่นี่แหละค่ะพี่ รสชาติของชีวิต
หวังว่าทุกคนจะชอบกับด้านนี้ของพี่แกนะคะ
เอาล่ะถ้าอ่านจบแล้วชอบก็ส่งเสียงเชียร์พี่เมฆเขาหน่อยน้าา
เพราะพี่แกยังต้องสู้กับฝาแฝดหยินหยางไปอีกหลายวันเลยทีเดียวค่ะ
เจอกันตอนหน้านะคะ
ละอองฝน
[07/03/2558 ,20:50]