ตอนที่ 6 ช่วงเวลาแห่งการจากลา
เสียงเพลงบรรเลงจากวงโยธวาทิตของโรงเรียนในทุก ๆ เย็น เตือนให้ทุกคนรู้ว่าการแข่งขันกีฬาสีกำลังจะมาถึง ลมหนาวในปลายเดือนธันวาคมทำให้หลาย ๆ คนต้องหยิบเสื้อกันหนาวที่ถูกพับเก็บไว้ในตู้ตั้งแต่เมื่อต้นฤดูร้อนปีก่อนออกมาสวม ที่กลางสนามเต็มไปด้วยนักกีฬาที่กำลังซ้อมทั้งฟุตบอล กรีฑา รวมถึงเหล่าหนุ่ม ๆ สาว ๆ ซึ่งรับหน้าที่เป็นคฑากรประจำสีของตัวเอง อาทิตย์ทัศน์มองดูภาพที่คุ้นตาผ่านเลนส์กล้องถ่ายรูปตัวโปรดจากบนอัฒจรรย์ข้างสนามพร้อมกับลั่นชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์เหล่านั้นเอาไว้ เพราะนี่เป็นปีสุดท้ายที่เขาจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศสนุกสนานอบอุ่นแบบเพื่อนฝูงเช่นนี้
แม้จะเป็นปีสุดท้ายของการเรียนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา แต่ชีวิตของอาทิตย์ทัศน์ก็ยังดำเนินไปเหมือนเดิม เขายังคงตั้งใจเรียนเสมอต้นเสมอปลายเพื่อจะได้ไม่ต้องโหมอ่านหนังสือสอบอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อใกล้สอบ เขายังคงร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับทางโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอแม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาของการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ตาม ซึ่งในปีนี้เขาได้รับมอบหมายให้ช่วยกันกับเพื่อน ๆ ทำหนังสือรุ่นเพื่อแจกให้แก่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สำหรับอาทิตย์ทัศน์ถ้าจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมก็คงจะมีเพียงสิ่งเดียว....
ชายหนุ่มลดกล้องลงก่อนจะมองกระเป๋านักเรียนใบหนึ่งที่วางอยู่ข้าง ๆ ซึ่งเจ้าของกระเป๋ามาฝากมันไว้สักพักใหญ่ ๆ เมื่อช่วงเลิกเรียนก่อนจะวิ่งไปรวมกับเพื่อน ๆ ที่กลางสนามเพื่อซ้อมฟุตบอล ยิ่งแตดร่มลมตกคนในสนามยิ่งมีจำนวนมากขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงในชุดนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ยที่ยืนเด่นอยู่กลางสนามโบกมือให้สาวน้อยที่นั่งรวมอยู่กับเพื่อน ๆ ของเธอที่ใต้ต้นหูกวางริมสนามฝั่งตรงข้ามกับอัฒจรรย์ก่อนจะหันมาประจัญหน้ากับผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้าม เขาขยับตัวหลอกจนผู้รักษาประตูพุ่งไปผิดทางก่อนจะเตะลูกฟุตเข้าประตูโดยไม่ต้องออกแรงมาก เพื่อน ๆ ในทีมต่างวิ่งกรูกันเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกับสัญญาณนกหวีดเป่าหมดเวลาการแข่งขัน
ชายหนุ่มที่เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อวิ่งกลับเข้ามาที่อัฒจรรย์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะรับขวดน้ำเย็นที่อาทิตย์ทัศน์ส่งให้ไปเปิดดื่มแก้กระหาย
“เบา ๆ สิ เดี๋ยวก็สำลักหรอก” เจ้าของขวดน้ำเอ่ยขึ้น
“ฮ่า.....ชื่นใจ” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะเทน้ำราดลงบนศีรษะของตัวเอง
“แล้วนี่จะกลับเลยหรือเปล่า” อาทิตย์ทัศน์ถามพร้อมกับยื่นผ้ขนหนูให้เขา
ณัฐนนท์รับผ้าขนหนูมาซับเหงื่อก่อนจะส่ายหน้ารัว “เดี๋ยวต้องไปส่งตวงที่บ้านน่ะ สัญญากับตวงไว้แล้ว”
คำตอบของคนร่างสูงตรงหน้าทำให้อาทิตย์ทัศน์ได้แต่พยักหน้ารับ
“ไปก่อนนะ” ชายหนุ่มกล่าวขณะตวัดผ้าขนหนูพาดบ่าและไม่ลืมคว้ากระเป๋านักเรียนเดินผิวปากอารมณ์ดีก่อนจะตัดข้ามสนามฟุตบอลไปที่ฝั่งตรงข้าม
วันต่อมา...
จอมขวัญมองดูสองหนุ่มสาวที่กำลังนั่งกินข้าวด้วยกันที่มุมหนึ่งในโรงอาหารก่อนจะหันกลับมาพูดกับคนที่กำลังนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ตรงหน้าพร้อมกับวางช้อนและส้อมในมือด้วยความรู้สึกเซ็งในอารมณ์
“เชอะ! พอมีแฟนแล้วก็ลืมเพื่อน”
“ช่างเขาเถอะน่าขวัญ เขาจะยังไงมันก็เรื่องของเขา เรากินข้าวของเราดีกว่า” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นก่อนจะเหลือบมองสองคนนั้นเล็กน้อย
“โธ่...ถ้าขวัญรู้ว่าจะเป็นแบบนี้นะ ขวัญไม่ช่วยพี่นนท์หรอก”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ นนท์ก็ดีกับขวัญไม่ใช่เหรอ”
“มันก็ใช่แหละ แต่ขวัญไม่ชอบที่พี่นนท์เป็นแบบนี้นี่นา” จอมขวัญกล่าวก่อนจะหันไปมองสองคนนั้นอีกครั้ง “จีบดาวโรงเรียน ระวังเหอะจะอกหักเพราะดาวโรงเรียน”
“เอ้า! ยังจะไปแช่งเขาอีก” อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วยิ้ม ๆ
“ขวัญไม่ได้แช่งสักหน่อย ขวัญน่ะเตือนพี่นนท์แล้วพี่นนท์ก็ไม่เชื่อ”
“เอาน่า เพื่อนมีความสุข เราเป็นเพื่อนเราก็ต้องยินดีสิ” อาทิตย์ทัศน์ยิ้ม
“พ่อพระไม่มีใครเกินพี่จ้าเลยจริง ๆ” สาวน้อยที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำหน้ามุ่ย
หลังจากผ่านเทศกาลปีใหม่และการสอบกลางภาคไม่นานการแข่งขันกีฬาสีภายในโรงเรียนก็เริ่มต้นขึ้น อาทิตย์ทัศน์ได้รับหน้าที่ให้เป็นเหยี่ยวคอยถ่ายภาพและรายงานสถานาการณ์การแข่งขันในแต่ละสนาม ภาพชายหนุ่มในชุดนักเรียนสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวมีฮูทสะพยกล้องดิจิตัลตัวใหญ่ที่วิ่งไปวิ่งมาทั่วโรงเรียนจึงเป็นภาพที่คุ้นตาทุกคน
“เฮ้ยจ้า ถ่ายรูปคู่ให้เรากับตวงหน่อยสิ” ชายหนุ่มในชุดนักเรียนร้องขึ้นก่อนจะคว้าแขนอาทิตย์ทัศน์เอาไว้ก่อนจะออกแรงรั้งให้เขาเดินตามเข้าไปบริเวณที่วงโยธวาทิตของโรงเรียนกำลังตั้งแถว บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็มาถ่ายรูปบุตรหลานของตัวเองทำให้บริเวณนั้นแออัดไปด้วยผู้คน
“เดี๋ยวนนท์ให้จ้าถ่ายรูปคู่ให้นะ” ณัฐนนท์กล่าวกับคฑากรสาวสวยในชุดกระโปรงดูทะมัดทะแมงที่กำลังยืนยิ้มหวานให้เขา
“รบกวนหน่อยนะจ้า พอดีน้องชายตวงไม่รู้ไปไหนก็เลยไม่มีคนถ่ายรูปให้”
“ไม่ไรเป็นตวง เราเองก็กำลังอยากได้รูปไปทำข่าวพอดีเลย”
“จ้ะ” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเดินมายืนข้าง ๆ ชายหนุ่มร่างสูง
อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มและหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างกันผ่านเลนส์กล้องก่อนจะนับ.... “หนึ่ง สอง สาม” พร้อมกับกดชัตเตอร์
“ขอดูรูปหน่อยสิ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวก่อนจะคว้ากล้องจากมืออาทิตย์ทัศน์ไปยืนดูกันสองคน
“ขอบใจมากนะจ๊ะจ้า”
“ไม่เป็นไร” อาทิตย์ทัศน์ตอบยิ้ม ๆ พร้อมกับรับกล้องคืน จากนั้นเขาจึงเดินเบียดเสียดผู้คนบริเวณนั้นออกมา
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ” นอกจากเสียงนั้นจะทำให้ชายหนุ่มต้องชะงักแล้ว ไออุ่น ๆ ที่ข้อมือยังเป็นอีกแรงรั้งไม่ให้เขาไปไหน อาทิตย์ทัศน์หันกลับไปสบตาเจ้าของเสียงก่อนจะก้มลงมองมือหนาที่จับข้อมือของเขาเอาไว้
ณัฐนนท์ค่อย ๆ คลายมือออกก่อนจะกล่าว “ยังไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเลย”
“เอาสิ เดี๋ยวเราถ่ายให้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวพรางยกกล้องขึ้นแต่กลับถูกคนตัวสูงกว่าแย่งเอาไป
“น้องครับ ช่วยถ่ายรูปให้พี่หน่อย” เขาหันไปกล่าวกับรุ่นน้องที่เดินผ่านมาพอดี
“ได้ค่ะ” สาวน้อยในชุดพละตอบรับยิ้ม ๆ พร้อมกับรับกล้องจากมือของเขาก่อนจะถอยห่างออกไปเล็กน้อย
“ยืนใกล้ ๆ กันหน่อยค่ะพี่”
“เอ้า! มัวยืนอึ้งอะไรอยู่” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะยกแขนขึ้นพาดบนบ่าคนที่ตัวเตี้ยกว่าก่อนจะออกแรงรั้งคอเบา ๆ เพื่อให้เขามายืนใกล้ ๆ
“แล้วจะยืนตัวแข็งทื่อทำไมวะ เขินเหรอ” คนตัวสูงกระซิบก่อนกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นพร้อมกับหันไปยิ้มให้กล้อง
“ยิ้มนะคะพี่ ยิ้มมมมมมม” สาวน้อยร้องขึ้นก่อนจะนับและกดชัตเตอร์
“เรียบร้อยค่ะ”
“ขอบใจมากนะน้อง” ณัฐนนท์กล่าวก่อนจะรับกล้องคืนจากสาวน้อยรุ่นน้อง
“ใส่แผ่นมาให้บ้างนะ จะได้เอาไปอัดเก็บไว้” ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มก่อนจะส่งกล้องให้อาทิตย์ทัศน์ “ตลกดีนะ เรียนด้วยกันมาตั้งสามปี เพิ่งจะได้ถ่ายรูปคู่ด้วยกัน”
“เดี๋ยวอัดให้ก็ได้”
“อือ” ณัฐนนท์พยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันตรงนั้น
หลังจากงานกีฬาสีผ่านไป หลายคนต่างก็ตั้งหน้าตั้งตากับการเตรียมตัวสอบปลายภาคและการเตรียมตัวสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ดังนั้นช่วงนี้ใครหลาย ๆ คนจึงรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดช่วงเวลาที่หลายคนต่างเฝ้ารอก็มาถึง ช่วงเวลาที่หลาย ๆ คนเรียกว่าช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง น้องม.ห้ากำลังจะกลายมาเป็นพี่ม.หก หลายคนสอบเข้าเรียนให้โรงเรียนใหม่ได้ หลายคนต้องย้ายห้องเรียนเมื่อมีการสอบเลื่อนชั้น ในขณะที่พี่ม.หกที่กำลังจะจบการศึกษาอีกหลายคนกำลังลุ้นกับผลการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย แต่สำหรับอาทิตย์ทัศน์ เขาให้คำนิยามสั้น ๆ ของช่วงเวลานี้ว่า ‘ช่วงเวลาแห่งการจากลา’
“พี่จ้าถ่ายรูปสวยจังเลย” สาวน้อยนางหนึ่งที่กำลังนั่งเปิดดูวารสารของโรงเรียนที่เพิ่งได้รับแจกกับพวกเพื่อน ๆ ของเธอเอ่ยขึ้นขณะที่ตากล้องประจำโรงเรียนกำลังเดินผ่านมายังโต๊ะหินอ่อนที่พวกเธอนั่ง
อาทิตย์ทัศน์ยิ้มให้สาว ๆ เล็กน้อยก่อนจะพยายามมองหาใครคนหนึ่ง ในที่สุดสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่กำลังนังอยู่บนอัฒจรรย์ข้างสนามบาส
“แก...พี่จ้าน่ารักเนอะ” คนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ยิ้มเมื่อกี้ทำฉันใจจะละลาย”
“น้อย ๆ หน่อยย่ะยัยฝน แกเห็นไหมว่าแฟนเขานั่งอยู่โน่น” เจ้าของวารสารกล่าวพร้อมกับบุ้ยปากไปที่อัฒจรรย์
“นี่แกอย่าบอกนะว่าพี่จ้ากับพี่นนท์.....” เจ้าของคำพูดยิ้มอย่างมีเลสนัย “เป็น......เป็นแฟนกัน”
“บ้าแก...พี่นนท์เขาเป็นแฟนกับพี่ตวงหกทับสองไม่ใช่เหรอ ฉันเห็นเขาเดินถือกระเป๋าให้กันด้วยนะ” อีกคนท้วง
“เป็นหรือไม่เป็นก็ช่างเขาสิ แต่งานนี้ฉันเชียร์พี่จ้าสุดตัว”
....
“อ่ะนี่”
ณัฐนนท์ก้มมองซองกระดาษสีน้ำตาลในมือของใครคนหนึ่งยื่นมาให้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือก่อนจะรับซองนั้นเอาไว้
“รูปของนายกับตวง” อาทิตย์ทัศน์กล่าวก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ “ฝากให้ตวงด้วยนะ”
คนตัวสูงพยักหน้าก่อนจะเปิดซองออกดู “แล้วรูปคู่นายกับเราล่ะ”
“จะเอาไปทำไม”
“ก็บอกแล้วไงว่าจะอัดเก็บไว้ เผื่อไม่ได้เจอกันนาน ๆ จะได้เอาไว้ดู”
“หมายความว่ายังไง นายจะไปไหน”
“ก็พูดเผื่อไว้ เผื่อว่าต่อไปเราไม่ได้เรียนด้วยกันไง”
“อืม...” อาทิตย์ทัศน์พยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเย็น....
“ตกลงว่าจะให้หรือไม่ให้” ณัฐนนท์เอ่ยขึ้นก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกกันที่หน้าอาคารเรียน
อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาเขาเล็กน้อยพร้อมเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันอย่างตัดสินใจก่อนจะกล่าว “ขอโทษนะ เราเผลอลบทิ้งไปแล้ว”
“อ้าวเหรอ น่าเสียดายว่ะ อุตส่าห์ได้ถ่ายรูปด้วยกัน” ณัฐนนท์กล่าวอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก “แต่ก็ช่างมันเถอะ”
อาทิตย์ทัศน์พยักหน้า “นายรอตวงใช่ไหม”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านก่อนก็แล้วกันนะ ไว้เจอกัน” อาทิตย์ทัศน์ยกมือขึ้นก่อนจะหันหลังให้และเดินออกจากประตูโรงเรียนไป
.....
แม้นาฬิกาจะบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่ไฟที่ห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสองของบ้านยังคงสว่าง ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเอื้อมหยิบหนังสือเรียนเล่มหนึ่งจากกระเป๋านักเรียนซึ่งวางพิงเอาไว้ที่ข้างโต๊ะเขียนหน้าสือขึ้นมาก่อนจะเปิดไปยังหน้าที่ถูกขั้นไว้ด้วยรูปถ่ายใบหนึ่ง นิ้วเรียวค่อย ๆ หยิบภาพนั้นขึ้นมาดูซึ่งมันเป็นภาพของชายหนุ่มสองคนในชุดนักเรียนที่กำลังยืนกอดคอกัน
....
“เป็นอะไรหรือเปล่าตวง” ชายหนุ่มที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นถามเมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอาแต่นิ่งเงียบตั้งแต่เดินมาถึง
“เปล่า” หญิงสาวตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มเปิดหนังสือขึ้นอ่านบ้าง
“เปล่าแล้วทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะครับ” ณัฐนนท์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับยิ้มให้ “บอกนนท์ได้ไหม ใครทำอะไรตวง”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะกล่าว “ไม่มีใครทำอะไรตวง ตแต่วงแค่ไม่สบายใจเรื่องที่คนในโรงเรียนเขาพูดกัน”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ระ...เรื่อง....” ปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เรื่องนนท์กับจ้า”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถามต่อ “เขาพูดว่ายังไงกันถึงทำให้ตวงไม่สบายใจ”
“ก็ใคร ๆ เขาพูดกันว่านนท์กับจ้าเป็น....”
“เป็นอะไรครับ”
“เป็นแฟนกัน”
สิ้นเสียงหญิงสาว ณัฐนนท์ถึงกับหัวเราะพรืด
“ตวงไม่ขำด้วยนะนนท์” ปากบางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังจนสีหน้าของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสลดลงเล็กน้อย
“ตวงก็รู้นี่นาว่านนท์กับจ้าเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ม.สี่”
“ตวงรู้ แต่คนอื่น ๆ เขาไม่รู้ด้วยนี่นา เวลาที่เขาเห็นนนท์อยู่กับจ้าอยู่ด้วยกัน เขาก็เอาไปพูดกันสนุกปาก”
“แล้วตวงจะให้นนท์ทำยังไงตวงถึงจะสบายใจล่ะครับ ให้เลิกคบกับจ้าอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“ตวงไม่ได้จะให้นนท์เลิกคบกับจ้า ตวงแค่อยากให้นนท์อยู่ห่าง ๆ จ้าให้มากกว่านี้ ตวงไม่ชอบที่พวกน้อง ๆ ผู้หญิงมองนนท์กับจ้าแล้วก็พากันซุบซิบ นนท์เข้าใจที่ตวงพูดใช่ไหม”
เมื่อเห็นว่าตาคู่สวยยังคงจ้องมองอย่างรอคำตอบ ณัฐนนท์ได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้า....
วันหนึ่งในช่วงวันหยุดยาว....
เสียงของรถจักรยานยนต์ที่ขับมาจอดอยู่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามทำให้หญิงสาวที่กำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใจรีบผุดลุกขึ้น เธอรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้านทันทีซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายหนุ่มบ้านงั่งตรงข้ามเปิดประตูรั้วออกมาหยิบบางอย่างที่บุรุษไปรษณีย์ใส่เอาไว้ในตู้รับจดหมาย
“ใช่ผลเอนทรานซ์หรือเปล่าพี่จ้า” หญิงสาวที่เดินข้ามถนนมาเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มได้แต่พยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยกัน
“เปิดเลย ๆ ขวัญตื่นเต้นจะแย่แล้ว” หญิงสาวที่นั่งกอดหมอนอยู่บนโซฟาข้าง ๆ แม่ของเขาเอ่ยขึ้น
“จะเปิดแล้วนะครับ” อาทิตย์ทัศน์สบตาผู้เป็นแม่ที่ออกอาการลุ้นไม่แพ้จอมขวัญ
“เป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อเห็นคนตรงหน้าเอาแต่นิ่งเงียบหลังจากดึงกระดาษใบเล็ก ๆ ออกมาจากซอง
“เป็นยังบ้างลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
อาทิตย์ทัศน์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “คงต้องเสียเงินซื้อกล้องตัวใหม่”
“หมายความว่ายังไงพี่จ้า” จอมขวัญขมวดคิ้วก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “หมายความว่าติดอันดับหนึ่งเลยใช่ไหม”
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินมานั่งลงและสวมกอดผู้เป็นแม่ อรนุชประคองใบหน้าของลูกชายขึ้นมาพรมจูบให้ชื่นใจ
“แม่ภูมิใจในตัวลูกนะจ้า พ่อเองก็คงภูมิใจและดีใจกับลูกในวันนี้”
อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นแม่พร้อมกับยิ้ม “จ้าสัญญาว่าจ้าจะตั้งใจเรียนนะแม่”
....
ภายในร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก
“เป็นอะไรขวัญ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้” อาทิตย์ทัศน์กล่าวกับหญิงสาวที่นั่งใช้ช้อนเขี่ยไอศกรีมในแก้วทรงสูงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ขวัญดีใจน่ะ” จอมขัวญยิ้มแก้มแทบปริ
“นี่ ตกลงว่าพี่สอบได้หรือขวัญสอบได้กันแน่เนี่ย”
“พี่จ้าสอบติดคณะที่เลือกอันดับหนึ่ง แต่ขวัญดีใจแล้วก็ภูมิใจที่มีพี่ชายเก่ง ๆ นี่นา” หญิงสาวยิ้มก่อนจะตักไอศกรีมเข้าปาก “อยากเห็นพี่จ้าตอนใส่ชุดนักศึกษาจัง คงจะหล่อน่าดู”
“น้อย ๆ หน่อยเราน่ะ เป็นสาวเป็นนางเที่ยวไปชมผู้ชายแบบนี้ได้ยังไงกัน” อาทิตย์ทัศน์กล่าวยิ้ม ๆ
“ขวัญชมแค่พี่จ้าคนเดียวนี่แหละค่ะ ก็พี่ชายขวัญหล่อจริง ๆ นี่”
สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันก่อนจะลงมือจัดการกับไอศกรีมตรงหน้าเงียบ ๆ จนกระทั่งเสียงโมบายแขวนประตูดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาในร้าน
“ไงยัยจอมยุ่ง” เสียงเรียกชื่อที่ฟังคุ้นหูดังขึ้นทำเอาคนที่กำลังมีความสุขกับการกินไอศกรีมต้องเสียจังหวะ
“ไอ้พี่นนท์บ้า เมื่อไรจะเลิกเรียกขวัญแบบนี้สักที”
“ทำไมล่ะ มันก็เหมาะกับเธอดีออก” ณัฐนนท์หัวเราะอารมณ์ดี
“นั่งก่อนสิ” อาทิตย์ทัศน์เอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการห้ามทัพ
“ไม่ละ เรานัดกับตวงไว้ พอดีเห็นนายกับขวัญก็เลยแวะมาทักทายน่ะ มาฉลองผลสอบกันเหรอ”
อาทิตย์ทัศน์เงยหน้ามองคนตัวสูงพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ “แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ถ้านายสอบติดอันดับที่หนึ่ง นายก็ได้เจอเรากับตวงที่นั่นนะแหละ” ณัฐนนท์ยิ้ม เขาทำท่าจะวางมือบนบ่าของอาทิตย์ทัศน์แต่ในที่สุดก็ล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองเสียดื้อ ๆ
“แหม...ใจคอจะไม่นั่งคุยกับเพื่อนกับฝูงบ้างเหรอคะพี่นนท์” คำพูดของหญิงสาวทำให้ดวงตาสดใสของณัฐนนท์วูบหม่นลง เขายิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยคำลาในที่สุด...
...
“พี่จ้า” จอมขวัญเอื้อมมือแตะแผ่นหลังคนตรงหน้าเมื่อรู้สึกได้ว่าเขาเงียบไปตั้งแต่ออกจากร้านไอศกรีม
“ว่าไง” ชายหนุ่มเหลียวมามองคนข้างหลังเล็กน้อยก่อนจะหันกับไปมองทาง มือทั้งสองข้างยังคงกำแฮนด์จักรยานแน่น
“พี่นนท์เขาทำตัวเย็นชาแบบนี้นานหรือยัง”
คำถามของคนนั่งซ้อนท้ายจักรยานทำให้อาทิตย์ทัศน์ได้แต่นิ่งเงียบ
“ขวัญรู้สึกได้ว่าพี่สองคนมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม”
“คิดมากไปหรือเปล่า” ชายหนุ่มฝืนหัวเราะ
จอมขวัญขมวดคิ้ว เธอได้แต่จ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มพร้อมกับคิดอะไรเงียบ ๆ
เดือนสุดท้ายของการใช้ชีวิตในรั้วมัธยมกำลังจะหมดไป อาทิตย์ทัศน์มองที่นั่งข้าง ๆ ที่ปราศจากคนนั่ง หนังสือที่เคยถูกใส่เอาไว้ที่ใต้โต๊ะถูกขนออกไปจนหมด ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่กับเพื่อน ๆ ที่โต๊ะแถวหน้า เขาย้ายขึ้นไปนั่งตรงนั้นตั้งแต่หลังงานกีฬาสีและไม่เคยกลับมานั่งตรงนี้อีกเลย ไม่มีแม้แต่คำอธิบายหรือเหตุผลใด ๆ ...
เย็นวันนั้นขณะที่เพื่อน ๆ ซึ่งเป็นเวรทำความสำอาดกำลังช่วยกันทำความสะอาดห้องกันอย่างขะมักขะเม้น ณัฐนนท์ก็เดินเข้ามาในห้องก่อนจะตรงไปหยิบสมุดการบ้านที่ลืมไว้ใต้โต๊ะ เขายิ้มให้ชายหนุ่มที่กำลังถือถังขยะเดินสวนออกมาเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร อาทิตย์ทัศน์มองคนตัวสูงที่เดินสวนกันเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะก้มมองขยะในถังและเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ
“เราทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดังขึ้นขณะที่ณัฐนนท์กำลังจะเดินพ้นตัวตึก เขาชะงักก่อนจะเหลียวมองคนที่ในมือถือถังขยะยืนพิงกำแพงอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย
“นายแปลก ๆ ไปนะ”
“เปล่านี่ เราก็เหมือนเดิม พรุ่งนี้ก็เหมือนเดิม นายน่ะคิดมากไปหรือเปล่า” คนร่างสูงยิ้มจาง ๆ
อาทิตย์ทัศน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “นายตอบได้อยู่แล้วว่าเราคิดมากไปหรือว่ามันเป็นเรื่องจริง” เขาสบตาคนตรงหน้าก่อนจะฝืนยิ้ม “ถ้าวันนี้นายรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลง ก็อย่าพูดเลยว่าพรุ่งนี้อะไร ๆ จะเหมือนเดิม”
ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“นนท์ มัวทำอะไรอยู่น่ะ ตวงรอนานแล้วนะ”
อาทิตย์ทัศน์มองชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้ เขากำลังหันไปยิ้มกับคนที่เดินมาจากอีกทาง...
“ขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องเสียเวลา” พูดจบอาทิตย์ทัศน์ก็เดินขึ้นบันไดไป
ในที่สุดวันสุดท้ายของชีวิตในรั้วมัธยมก็มาถึง วันนี้โรงเรียนจึงจัดกิจกรรมให้บรรดาน้อง ๆ ได้อำลารุ่นพี่ ณัฐนนท์กำลังง่วนอยู่กับการเขียนเสื้อให้เพื่อนจึงไม่ทันสังเกตหญิงสาวที่เดินมายืนใกล้ ๆ จากนั้นเธอก็ยื่นดอกกุหลาบสีแดงสดให้เขา
“อ่ะให้” จอมขวัญกล่าว
“ขอบใจนะ” ชายหนุ่มหันมายิ้มพร้อมกับรับดอกกุหลาบมาวางไว้บนโต๊ะ
“เขียนเสื้อให้พี่หน่อยสิ” เขากล่าวพร้อมกับส่งปากกาเคมีให้จอมขวัญ
หญิงสาวรับมันมาก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ “หันหลังมา”
“เขียนดี ๆ ล่ะ ไม่ต้องต้องใส่อารมณ์” ณัฐนนท์พูดกลั้วหัวเราะ
“พี่นนท์กวนประสาท” พูดจบจอมขวัญก็ใช้มือเล็ก ๆ ของเธอตีลงบนแผ่นหลังกว้างก่อนจะลงมือเขียนข้อความ
“ตั้งแต่บ่ายพี่ยังไม่เห็นจ้าเลย ขวัญเจอบ้างหรือเปล่า”
“เป็นเพื่อนสนิทกันภาษาอะไร ไม่รู้ว่าเพื่อนไปไหน”
ณัฐนนท์ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “นั่นสินะ”
จอมขวัญจ้องมองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยปากกาก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป....
“ขวัญถามจริง ๆ เถอะพี่นนท์ เป็นเพื่อนกันมาสามปีพี่นนท์ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าพี่จ้ารู้สึกยังไง”
คำถามจากปากของหญิงสาวทำเอาคนถูกถามรู้สึกใจหายแปลก ๆ “ขวัญหมายความว่ายังไง จ้ารู้สึกอะไร”
“หึ...แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกถ้าพี่นนท์จะไม่รู้ เพราะพี่จ้าพยายามมากที่จะรักษาระดับของมันเอาไว้ไม่ให้เกินกว่าสิ่งที่มันควรจะเป็น” หญิงสาวกล่าวก่อนจะวางปากกาลง “เขียนเสร็จแล้ว”
“อ้าว ขวัญกลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” ณัฐนนท์ขมวดคิ้วมองตามหญิงสาวที่เดินออกจากห้องไป...
...
อาทิตย์ทัศน์นั่งลงที่อัฒจรรย์ข้างสนามบาสพร้อมกับวางดอกกุหลาบสีแดงกำโตที่ได้รับมาจากรุ่นน้องลงข้างตัวก่อนจะผ่อนลมหายใจยาว รอบ ๆ สนามตอนนี้สว่างไสวไปด้วยแสงไฟสีนวล ภายในโรงเรียนแทบจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่แล้วเพราะเป็นวันศุกร์ ตาคมมองไปรอบ ๆ บริเวณเหมือนจะพยายามจะจดจำรายละเอียดของสิ่งที่เห็นเอาไว้ให้มากที่สุดนั่นคงเป็นเพราะเวลาที่จะได้อยู่ในโรงเรียนเหลือน้อยเต็มที ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไรและถึงแม้จะได้กลับมา อะไร ๆ ก็คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่มีเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เคยนั่งข้าง ๆ กัน....
“มานั่งอยู่นี่เอง” ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังก้าวขึ้นมาบนอัฒจรรย์พร้อมดอกกุหาบกำโตในมือเอ่ยขึ้น
“ค่ำแล้วยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“ยัง นายยังไม่ได้เขียนเสื้อให้เราเลย” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับยื่นปากกาให้
อาทิตย์ทัศน์ก้มมองปากกาในมือหนาก่อนจะรับมันมา “หันหลังสิ”
“เขียนข้างหน้านี่แหละ ข้างหลังคนอื่นเขียนเต็มไปหมดแล้ว”
อาทิตย์ทัศน์สบตาเขาเล็กน้อยก่อนจะมองหาพื้นที่สำหรับเขียนข้อความ...
ชายหนุ่มจรดปากกาลงบนหน้าอกเสื้อของคนตรงหน้าซึ่งนั่งอยู่ห่างกันแค่เข่าชนกันเท่านั้น ในที่สุดอาทิตย์ทัศน์ก็เริ่มเขียนข้อความบางอย่างลงไปบนเสื้อในขณะที่ณัฐนนท์เองก็ก้มลงมองสำรวจใบหน้าของเขาให้ชัด ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ๆ กันขนาดนี้ ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของคนตรงหน้า....
“เสร็จแล้ว” อาทิตย์ยิ้มกับตัวเอง ก่อนที่จะชักมือออกเขาก็รู้สึกได้ถึงไออุ่น ๆ ที่ข้อมือ เป็นณัฐนนท์ที่จับข้อมือของเขาเอาไว้
“นายรู้สึกยังไงกับเรา”
เพียงคำถามสั้น ๆ ที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาของคนตรงหน้าแต่กลับรู้สึกเหมือนโดนกระแทกเข้าอย่างแรง อาทิตย์ทัศน์เงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวสูง ไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมถามคำถามที่ทำให้ใจเต้นรัวราวกับกลองรบเช่นนี้
“นะ นายว่าอะไรนะ”
“เราถามว่านายรู้สึกยังไงกับเรา” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับบีบข้อมือของคนตรงหน้าเบา ๆ
อาทิตย์ทัศน์ขมวดคิ้วก่อนจะแสร้งมองไปทางอื่น
“นายก็เป็นเพื่อนที่ดี”
“จ้า เรารู้ว่านายรู้ว่าคำถามของเรามันหมายความว่ายังไง” ณัฐนนท์กล่าวพร้อมกับรั้งข้อมือชายหนุ่มเพื่อดึงร่างเขาเข้ามาใกล้ ๆ
“เรารู้ว่านายหมายความว่ายังไง และนี่ก็คือคำตอบของเรา” อาทิตย์ทัศน์กล่าวทั้งที่พยายามขืนร่างเอาไว้
“ถ้าอย่างนั้น นายหันหน้ามาสบตาเรา แล้วพูดกับเราสิ” ณัฐนนท์จ้องมองเสี้ยวหน้าเกลี้ยงเกลาตาเขม็ง “ว่านายรู้สึกยังไงกับเรากันแน่”
“ช่วยพูดให้เราได้แน่ใจหน่อยได้ไหม” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
ชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเม้มปากแน่นก่อนจะค่อย ๆ หันมาประจัญหน้าสู้สายตาเขาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เราไม่ได้รู้สึกอะไรกับนายมากไปกว่า...เรื่องที่ว่านายเป็นเพื่อนที่ดี”
ณัฐนนท์ค่อย ๆ คลายมือที่กำข้อมือของอาทิตย์ทัศน์ออก “เข้าใจแล้ว” เขากล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง จากนั้นก็เดินจากไปเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร...
ก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารเรียนถูกหมนุจนสุด น้ำจากก๊อกที่ปะทะฝ่ามือหนาดังซ่า ละอองน้ำกระจายไปทั่วก่อนที่น้ำในมือจะถูกวักขึ้นสัมผัสกับผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง เจ้าของร่างสูงเงยหน้ามองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปที่ข้อความสั้น ๆ ที่เพิ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา...
‘ดีใจที่มีนายเป็นเพื่อน โชคดีนะ ลาก่อน’
...
ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตามนะคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนแนวนี้และที่นี่
เนื้อเรื่องคงไม่ได้เข้มข้นหรือหวือหวานัก
ตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่าแนวนี้จะมีใครอ่านหรือเปล่า
แต่พออ่านคอมเม้นท์ของคุณคนอ่านแล้วค่อยใจชื้นค่ะ
ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์นะคะ