บทที่14
‘ตึก ตึก ตึก’
‘หมับ’
“ดะ...เดี๋ยว ทะ...ทัพ แฮ่กๆ อะ...แฮ่ก ไอ้...ทัพ”
ผมที่วิ่งออกจากห้องเรียนตามไปอย่างสุดกำลัง ก่อนจะคว้าเอามือคนตรงหน้ามาจับไว้ได้ในที่สุด แต่มันดันต้องแลกมากับความเหนื่อยหอบ คนไม่ชอบเล่นกีฬาและออกกำลังกายแบบกู ทำไมต้องมาวิ่งตามคนขายาวแบบนี้ด้วย กูเหนื่อย! ได้แต่จับแขนคนตรงหน้าไว้ พร้อมๆกับที่ก้มตัวลงไปเอามืออีกข้างที่เหลือเท้ากับหัวเข่าแล้วหอบออกมาหนัก เหนื่อยชะมัด
“ใจเย็น แล้วก็...นักศึกษาช่วยพูดกับอาจารย์สุภาพหน่อยจะดีกว่านะ” เอ่อ....ห๊ะ อะไรนะ?
“ว่าไงครับนักศึกษา จะจับมืออาจารย์อีกนานไหม”
เสียงทุ้มเข้มๆที่ปกติไม่เคยจะสุภาพ แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังตีน ผมที่ลมหายใจเริ่มกลับมาสม่ำเสมอเด้งตัวขึ้นมายืนดีๆ พร้อมจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง
“มึงมาทำอะไรที่นี่ อาจารย์พิเศษเชี่ยอะไร!”
“หักคิรากร 10คะแนน”
“เห้ย!”
“นักศึกษากรุณาพูดจาให้สุภาพด้วย”
คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับใช้สายตาคมมองมาที่ผมนิ่งๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ในหัวสมองกูนี่เดือดปุดๆยิ่งกว่าภูเขาไฟที่กำลังอยากจะระเบิด 10คะแนนกู๊!~~
ใบหน้าหล่อคมที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ๆแล้วเอียงหน้ามากระซิบข้างๆลงหู ประโยคที่ชวนให้ใจกระตุกและขนลุกซู่ดังชัดเจนไปทั้งสมอง
“ถ้าอยากจะไม่สุภาพค่อยกลับไปพูดกับกูบนเตียงที่บ้าน หึ”
พูดจบแค่นั้น ก็ผละหน้าออกพร้อมยักคิ้วให้ ก่อนที่คนร่างสูงจะกลับหลังหันแล้วขายาวๆนั่นก็ค่อยๆก้าวจากผมไปเหมือนไปมีอะไรเกิดขึ้น มีแต่กูที่ยืนอ้าปากค้างยืนหน้าแดงแปร๊ดอยู่คนเดียวตอนนี้
“ไอ้บ้าทัพ!”
“หักอีก10คะแนน ผมได้ยินนะคุณคิรากร” ยัง ... มึงยังจะหันกลับมาหักกูอี๊กกก ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นๆมองอีกคนที่เดินผ่านไปพร้อมรอยยิ้มสะใจที่เห็นผมทำอะไรไม่ได้ นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรวะเนี่ย
...
‘ปึก’
เสียงวางจานข้าวที่ดังมาจากน้ำมือของไอ้อู๋ มันที่วางจานข้าวลงตรงข้ามผม พร้อมกับหย่อนตูดลงนั่งตรงหน้าผมและหรี่ตาส่งมาให้แบบกวนประสาท
“ตามึงเป็นเชี่ยไรไอ้อู๋”
“นี่คือหน้าตากำลังสงสัยใคร่รู้ของกู”
“มึงอย่ามาทำพูดดี แบบมึงไม่มีทางใคร่รู้ แบบมึงมันเรียกขี้เสือกเถอะ อะ แล้วเอาข้าวมาให้กูสักที”
“เอ๊ะๆ เสือก อันนี้ของโพดโว้ย ของมึงนู้น ไอ้ห่าบินถือมาให้ละ...อะนี่ของโพดน้า”
บุ้ยปากใส่ผมหน่อยๆแล้วหันไปยิ้มตอแหลพร้อมเลื่อนจานข้าวส่งไปให้ข้าวโพด เห็นมันทำแบบนั้นแล้วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เลยจริงๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ไอ้บินก็หย่อนตูดลงนั่งข้างๆผมพร้อมจานข้าวของมันและของผมเรียบร้อย
“อะ ผัดไทยกุ้งสด มึงโอเคไหม”
“โอเคหมดแหล่ะ กูแดกได้หมด” บอกมันพร้อมเลื่อนจานจะเอามากิน
“เดี๋ยวๆ มึงยังแดกไม่ได้ไอ้เมล กูยังไม่ได้รู้เรื่องเลย สรุปพี่ทัพ เอ้ย อาจารย์พี่ทัพนี่มาสอนได้ยังไง อะไร แล้วก็ทำไม”
“แล้วมึงมาถามกูทำเชี่ยไรล่ะ ใครจะไปรู้” ผมที่ก้มหน้าหลบสายตาจับผิดของมันแล้วตักผัดไทยกิน ส่วนไอ้อู๋ก็ยังไม่เลิกเสือกอ้าปากถามออกมาอีก
“คนอื่นไม่รู้ไม่แปลก แต่มึงนี่สิจะไม่รู้ได้ไง เดี๋ยวนี้กูรู้นะว่ามึงไม่ได้นอนคอนโด เมื่อไหร่มึงจะอธิบายกับพวกกูสักทีวะ ว่ามึงกับพี่ทัพนี่มันคือยังไง...โอ๊ย”
ไอ้อู๋ที่แหกปากลั่นออกมาเพราะแรงเตะขามันจากใต้โต๊ะเอง เสือกอยู่ได้ บรรยากาศแปลกๆบนโต๊ะก็เริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ อาจจะเป็นตอนที่ข้าวโพดกับไอ้บินตั้งใจฟังที่ไอ้อู๋ถามกันแบบเงียบๆล่ะมั้ง
“พูดอยู่ได้คนจะแดกข้าว”
“ว่าแต่ ทำไมอู๋ต้องคิดว่าเมลจะรู้เรื่องอาจารย์ด้วยล่ะ” โพดที่พูดออกมาตอนที่ทุกคนเลิกสนใจไปแล้ว มันที่ถามออกมาเสียงใส พร้อมเอียงหน้ามองอู๋พร้อมส่งยิ้มให้หน่อยๆ
“เอ้า ถ้ามันไม่รู้แล้วใครจะรู้ล่ะครับ โพดไม่เคยได้ยินข่าวตอนปี1หรอ ไอ้เมลนี่ยิ่งกว่าแฟนคลับอาจารย์พี่ทัพอีกนะ น่าจะเป็นแฟนครับมากกว่าโน๊ะเพื่อนโน๊ะ” ไอ้อู๋ว่าออกมาขำๆ แต่กูนี่อยากลุกเอาตีนขยี้หน้ามันสักที
“เอ๋...เพราะแบบนี้เมลก็เลยรู้เรื่องอาจารย์มากหรอ แบบนี้เมลก็ต้องเคยเห็นภรรยาอาจารย์สิใช่ไหม เห็นว่ากำลังจะแต่งงานเพราะว่าภรรยาอาจารย์ท้องแล้วนี่”
ข้าวโพดที่พูดออกมาแบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าชา เหมือนโดนลากไปตบหน้าที่กลางสี่แยก ใช่...ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าไอ้ทัพมันกำลังจะแต่งงาน ถ้าไม่มาเกิดเรื่องที่ผมกับณราชาซะก่อน ป่านนี้มันคงมีครอบครัวที่มีความสุข และคงกลายเป็นพ่อและนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่เพอร์เฟ็คที่สุดเลย
“ว่าแต่ทำไมโพดรู้เรื่องเมียอาจารย์ด้วยล่ะ นี่ก็แอบเป็นแฟนคลับอาจารย์ด้วยหรอครับ แบบนี้อู๋เศร้าเลยนะ”
“อ่ะ ฮ่าๆ อู๋ก้อ...จริงๆเรารู้เพราะกุ๊กชอบเล่าให้ฟังน่ะ”
‘ปึก’
“เมื่อไหร่จะแดกกันวะ พูดเรื่องไร้สาระกันอยู่ได้”
ไอ้บินที่เอาซ่อมกระแทกกับถ้วยพร้อมจ้องหน้าไอ้อู๋กับข้าวโพดตาขวาง มันที่บอกออกมาแบบนั้นทำเอาทุกคนเงียบเสียงลง อืม...ขอบใจ จะได้เลิกเซ้าซี้กันสักที
ผมที่เหลือบไปมองข้าวโพดที่แค่ยิ้มอ่อนตอบกลับบินนิดหน่อย มันที่ไม่พูดอะไรออกมาอีก แล้วเริ่มลงมือกินข้าวเงียบๆกันได้สักที ... ไม่รู้ทำไม แต่ผมเองก็เหมือนจะเริ่มไม่พอใจข้าวโพดเหมือนกัน อาจเป็นเพราะความนิสัยไม่ดีของผม ที่พอมันพูดเหมือนตอกย้ำว่าผมไม่รู้หรอว่าทัพมันมีเมีย ผมเองก็รู้สึกเจ็บและไม่ชอบใจขึ้นมาหน่อยๆ ... เลิกคิดอะไรไม่ดีกับเพื่อนได้แล้วมึง มันเป็นคนที่เคยห้ามไม่ให้ไอ้กุ๊กทำร้ายกูนะ...หรอวะ?
.
.
.
ออกจากห้องเรียนมาตอนเย็นเวลาเดิมสี่โมง เพิ่มเติมคือพี่ธรส่งไลน์มาบอกว่าอาจจะมาถึงช้าเพราะรถติดมาก จ๊ะ...ผมที่เดินออกไปมานั่งรอพี่ธรใต้ต้นไม้ต้นเดิมที่เคยรอพี่ธรพร้อมไอ้แจตอนนั้น ส่วนไอ้บินแยกไปชมรมบาส ไอ้อู๋บอกจะไปส่งข้าวโพด และนั่นทำให้ผมต้องกรอกตาเป็นรอบที่สิบของวัน
“พี่เมลลลลล ต๊ะเอ๋คร๊าบบบบ” เสียงใสๆที่ทำให้ผมต้องหันไปมอง และร่างกลมๆอวบอิ่มที่ช่วงนี้จะคุ้นหน้าคุ้นตาดีก็วิ่งเข้ามาหา ในมือของมันยังคงมีของกินเหมือนทุกทีที่เคยเห็น ...
“คิดถึงแจไหมมมม แจนั่งด้วย ขอบคุณคร๊าบ” อะ...ไม่ได้ปล่อยให้กูอ้าปาก และมันก็นั่งลงตรงหน้าด้วยหน้าตาร่าเริงของมัน ดูเป็นเด็กที่ไม่ค่อยเครียดเอาซะเลย เหมือนชีวิตเกิดมาเพื่อแดกแล้วตายไป
“กูอนุญาตมึงยังแจ”
“ยัง แต่พี่ดาบสอนว่าถ้าขอแล้วก็นั่งได้ไม่ต้องรอใครตอบรับหรอก” ว่าแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างๆออกมา ... เออ พี่มึงนี่สอนมาดี แต่พอพูดถึงพี่ดาบ เอ้ย เจ๊ดานี่แล้วนึกขึ้นมาได้
“ไอ้แจ พี่ดาบส่งรูปคนที่เป็นคนสั่งคนมาทำร้ายกูไปให้ไอ้ทัพยัง”
“อ่า แจไม่รู้ดิ แต่คิดว่าน่าจะยังนะ”
“แล้วอิพี่ตุ๊ดนั่นมันทำห่าไรอยู่ มั่วแต่งหน้าเรอะ ช้าชิพหาย” โมโหเลยแม่งๆๆ
“พี่เมลอย่าว่าพี่ดาบเป็นตุ๊ดนะ!”
มันที่ตะโกนบอกออกมาแบบนั้น หน้าตาน่ารักของมันที่ง้ำงอลงตอนที่มองหน้าผม ...อ่า กูดูเหมือนคนเหยียดเพศไปเลยแม่ง ทั้งๆที่ตัวเองก็ชอบผู้ชาย แต่ไปเรียกพี่มันว่าตุ๊ดน่าตาเฉย อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ
“อ่า แจ กูขอโ...”
“ถ้าพี่ดาบได้ยินมันจะต้องกรี๊ดดีใจแน่เลย! เพราะงั้นพี่เมลห้ามเรียกแบบนั้นนะ แจไม่ชอบเลย เมื่อไหร่พี่ดาบจะกลับมาเป็นพี่ดาบสักทีก็ไม่รู้ งุ้ย หงุดหงิดเลย”
ว่าแบบนั้นแล้วเริ่มแกะถุงลูกชิ้นออกมาแล้วยัดเข้าปากตัวเอง เคี้ยวหยับๆแบบเกรี้ยวกราดไปอีก ... เอ่อ มึงโกรธเพราะแบบนี้หรอ
“เออ กูจะไม่พูดอีก โทษทีนะๆ”
ยื่นมือไปตบๆบ่ามัน แก้วตากลมๆของมันที่ก่อนหน้านี้มองผมอย่างขุ่นเคืองก็ค่อยๆกลับมาใสแจ๋ววิบวับเหมือนเดิม พร้อมรอยยิ้มสดใสที่คุ้นเคยดี...อะ ไอ้เด็กนี่เปลี่ยนอารมณ์ไว
“แล้วนี่มึงโผล่มาทำไรที่นี่วะ ช่วงนี้กูรู้สึกเจอมึงบ่อยมากๆ”
“ต้องเจอซี่ ก็พี่ทัพอ่ะนะให้แจ อุ้ย อุ๊บ เปล่าๆๆๆๆ ไม่มีไรเลยจ้า”
กูนี่หรี่ตามองหน้ามันเลย มึงพิรุธน้อยมากๆไอ้เด็กกุญแจ หน้าตาเลิกลักร้อนรนไปอีก มันที่ไม่กล้าสบตาผม เอามือขึ้นมาปิดปากแล้วส่ายหัวไปมา ...จ้า เป็นคนที่ดูไม่ค่อยจะมีพิรุธเลยจริงๆ ถ้าอยู่ในวงไผ่ตำรวยก็จับมึงก่อนอ่ะไอ้แจเอ๊ย
“บอกมา ถ้ามึงไม่บอกกูจะเอาของกินมึงโยนทิ้งเดี๋ยวนี้ล่ะ” ว่าแบบนั้นแล้วคว้าถุงผ้าที่มันวางไว้บนโต๊ะมาไว้ในมือ แอบแง้มๆดู ในถุงผ้าแม่งคืออาหารนานาชาติ นี่มึงมาเรียนหรือมาตะลอนถามกูถามจริง?
“โง้ยยย พี่เมลลลล อย่าทิ้งถุงสมบัติแจ แจหิวโหยยย ไม่สงสารแจหรอฮะ แจขอๆๆ”
ไม่ว่าเปล่ามันทำตาละห้อยมองถุงอย่างน่าสงสาร แต่มือก็พยายามจะเอื้อมคว้ามาเอาคืนไป ดีที่นั่งอยู่กันคนละฝั่ง ฝันไปเถอะว่าจะได้เอาคืนไปง่ายๆน่ะไอ้หนู
“บอกมา อย่าคิดว่ากูไม่กล้าทำนะ กูรวย กูจะทิ้งขนมมึงยังไงก็ได้!” ประกาศกร้าวออกไปพร้อมสายตาเหี้ยมโหด เป็นไงล่ะ ใจบาปไหมล้า กลัวกูแล้วใช่ไหมไอ้ลูกหมู หึหึ
“ยัง ยังอีกกก”
โชคดีที่ข้างๆโต๊ะเรามีถังขยะอยู่ ผมก็เลยลุกขึ้นไปยืนเอาถุงผ้ามันจ่อลงถังขยะ หึ เอาแจแทบจะร้องไห้ มันนั่งปากเบะตาละห้อย พร้อมทำท่าเอื้อมมือมาห้ามจากตรงนั้น สงสารนะ แต่กูตลกมากกว่า และอีกอย่างคืออยากรู้มาก!
“นับ1 ....”
“ง่ะ พี่เมลอย่า”
“นับ2แล้วนะโว้ย”
“งื้ออพี่เมลลลล”
“อะ นับ2กับอีกครึ่ง...”
“แจ...แจ”
“นับสา....”
“แจบอกแล้วๆๆๆ ก็พี่ทัพอ่ะเป็นห่วงเลยวานแจมาวนเวียนใกล้ๆคอยเป็นหูเป็นตาแต่แจก็อยากมานะพี่เมลน่ารัก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว! อย่าทิ้งของกินแจจจจจจจจ แจหิวววววววว งื้อออ”
ไอ้แจที่หลับหูหลับตาพ่นทุกอย่างออกมารัวๆเพราะกลัวว่าผมจะเอาของกินมันไปทิ้ง แต่สำหรับผมตอนนี้ สิ่งที่ตกใจที่สุดน่าจะเป็นประโยคของมันนี่แหล่ะ
พี่ทัพอ่ะเป็นห่วงเลยวานแจมาวนเวียนใกล้ๆ
บ้าน่า ... คนแบบมันเนี่ยนะ ...เป็นห่วงผม
“เอามาเลย อย่ามาแกล้งแจแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นจะฟ้องพี่ทัพจริงๆด้วย”
มันที่ลุกขึ้นจากโต๊ะมาบ่นงุ้งงิ้งใกล้ๆผม แล้วหยิบเอาถุงของกินของมันกลับไป ริมฝีปากบางๆของมันยังยื่นออกมาบ่นมุมมิบไปเรื่อย แต่กูเนี่ยยังสตั้นอยู่ตอนนี้
“ม...มึงพูดจริงหรอวะ”
“พูดไรจริง” เงยหน้าออกมาจากถุงผ้าของมัน แล้วหยิบขนมครกออกมาเข้าปาก
“เรื่องไอ้ทัพ”
“อื้ออ จริงดิ วันนั้นที่พี่ทัพพาพี่เมลไปร้านพี่ดาบไง ที่พี่เมลเจอแจครั้งแรกไง จริงๆครั้งนั้นพี่ทัพให้แจไปจำหน้าพี่เมลไว้ แต่ยังดูไม่เท่าไหร่พี่เมลก็หายไปเฉยเลย ลุกหนีไปห้องน้ำเฉ๊ย”
มันที่ว่าออกมาแบบนั้น แต่กลับทำให้ผมร้อนหน้าแปลกๆ วันนั้นที่รีบลุกออกไปก็เพราะหงุดหงิดที่ไอ้ทัพดูแลมึงเป็นพิเศษเนี่ยแหล่ะ แต่ไม่คิดว่าจุดประสงค์ที่ไปร้านไอ้พี่ดาบวันนั้นคือเรื่องนี้
“พี่เมลร้อนหรอ หน้าแดงๆน้า อะๆ...กินเป๊บซี่ดับร้อนน้า แต่ว่า เรื่องที่แจหลุดเล่าไปอย่าบอกพี่ทัพน้า ไม่งั้นแจโดนแน่เบย”
แบ๊วมากมั้งมาบงมาเบย แต่ถึงแบบนั้นก็เลือกพยักหน้ารับให้สัญญากับอีกฝ่าย มันที่ฉีกยิ้มออกมากว้างๆ แล้วเอื้อมมือไปหยิบลูกชิ้นมากินต่อ ... เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มึงแดกหนมครกอยู่ไงแจ
“เห้ย เพื่อนนนนนน ทำไมยังไม่กลับบ้านครับ ส่วนหลังไม้กระดานนี้มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าต้องเป็นไอ้หมูแน่ๆ”
ไอ้อู๋ที่โผล่มาพร้อมเสียงร้องทักทาย ที่ผมมั่นใจว่าต้องเป็นเสียงที่ไม่พึงปรารถนาของไอ้แจแน่ๆ เห็นมันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแบบหนักๆแถมกรอกตาอีกหนึ่งที สงสารมันเลย เพราะเวลาไอ้แจมาหาผมทีไร มันจะต้องเจอไอ้อู๋ที่ชอบกวนประสาทมันทุกที
“ทำไมมึงมาอยู่นี่วะ ไหนบอกจะไปส่งโพดไง”
“ตอนแรกกูก็ว่าจะไปนั่นแหล่ะ แต่โพดไม่ให้ไปว่ะ เซ็งชิพ” มันบ่นออกมาแบบนั้นพร้อมๆกับหย่อนตัวลงนั่งข้างๆไอ้แจ ไอ้แจที่เห็นแบบนั้นก็รีบเขยิบหนีทันที
“นี่อ้วน มึงไม่ต้องทำท่าทางรังเกียจกูขนาดนี้ก็ได้ไหมครับ แหม่ สวยมากมั้งน่ารักมากไง๊ต้องมาทำขยับหนี โทษนะหนูแบบพี่อู๋นี่มีแต่คนอยากเข้าใกล้นะครับ”
“ก็ไปหาคนที่เค้าอยากเข้าใกล้ลุงดิ แต่ไม่ใช่กับนี่แน่นอนอ่ะครับ ถอยๆอย่ามาใกล้ ชิ่วๆ กลัวคันอ่ะครับ”
“สัดนี่ กูคนไม่ใช่หมามุ่ย”
“อ่อ หรอๆ”
“กวนตีนจังวะมึงเนี่ย”
“พอๆ มึงก็ชอบไปแกล้งมัน” ผมที่ยกมือห้ามศึกของไอ้สองคนนี่ไว้อีกแล้ว เจอกันทีไรมันเถียงกันได้เถียงกันดี
“แล้วทำไมโพดไม่ให้ไปส่งวะ”
“ไม่รู้ดิ โพดบอกว่าที่บ้านมารับ เค้าคงหวงของเค้าอ่ะมั้ง ก็โพดมันน่ารักนี่หว่า”
“ทีไอ้กุ๊กทำไมกลับเองได้วะ ที่บ้านมันไม่คิดจะห่วงมันบ้างรึไง”
“ก็มึงดูไอ้กุ๊กดิ แข็งเป็นไม้แบบนั้นยังจะน่าห่วงอีกหรอวะ แต่ไอ้เมลกูถามจริง ตอนนี้มึงก็ยังห่วงไอ้กุ๊กหรอวะเมล เอาจริงๆกูตกใจที่รู้ว่าไอ้กุ๊กเป็นคนวางแผนทำแบบนั้นกับมึงมากอ่ะ มันเป็นเพื่อนเรา มันจะทำได้หรอวะ”
“มึงยังคิดว่าไอ้กุ๊กจะทำได้หรอ แล้วทำไมมึงถึงเชื่อว่ามันเป็นคนทำจริงๆวะ”
“ก็เพราะโพดบอก”
“พี่นี่หูเบาเนอะ หน้าตาก็ดูไม่น่าโง่ แต่จริงๆเป็นคนโง่นี่นา” ไอ้แจที่กลืนลูกชิ้นลงท้องไปคำ มันที่เอียงหน้ามามองไอ้อู๋แล้วพูดขึ้นมา
“มึงด่ากูหรอไอ้อ้วน เดี๋ยวนะมึง”
“เอ้า...ก็จริงนี่หว่า แค่คนๆเดียวบอกว่าคนๆนึงผิดพี่มึงก็เลือกเชื่อแบบนั้นได้เลยหรอวะ ไม่คิดจะหาความจริงหน่อยหรอ หูเบาเอาต่างหูไหม เดี๋ยวซื้อให้”
“ไอ้เด็กนี่”
“แต่ก็จริงแบบไอ้แจมันว่านะ พวกเราทำไมเชื่อโพดง่ายแบบนั้นวะ ไอ้กุ๊กมันเป็นเพื่อนเรานะ”
“ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ มึงว่าโพดจะโกหกพวกเราใส่ร้ายไอ้กุ๊กมันทำไมล่ะ เพื่ออะไร แล้วถ้าไม่จริงทำไมไอ้กุ๊กมันไม่เถียงล่ะ”
“
คนเรามันก็มีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้นแหล่ะพี่มึง แค่บางคนเค้าจะเลือกพูดออกมาหรือเปล่าต่างหาก อย่าโง่ดิลุ๊ง”
“ไอ้เด็กนี่มันจะอยู่ร่วมโลกกับกูไม่ได้แล้ว ด่ากูจั๊ง มานี่เลยมึง ตายเพราะลูกชิ้นจุกปากหน่อยเป็นไง”
“อ๊ากก ช่วยด้วยยย อึกๆ อุกๆ”
ไอ้อู๋ที่พุ่งเข้าไปกอดรัดไอ้แจจากทางด้านหลังด้วยแขนข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างก็เอาลูกชิ้นมายัดปากไอ้แจรัวๆ เห็นแล้วก็สงสาร แต่ก็ปล่อยให้พวกมันตีกันต่อไปก่อน เพราะคำพูดที่ค่อนข้างสะกิดใจของผมใจตอนนี้...
แต่ละคนก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง แล้วทำไม...ทำไมพวกเราถึงไม่เลือกที่จะเชื่อหรือฟังเพื่อนตัวเองกันเลยสักครั้งล่ะ?
.
.
.
“พี่ธร เจ้านายพี่อ่ะ วันนี้อยู่ๆก็โผล่ไปเป็นอาจารย์พิเศษของผมเฉยเลย ผีมาก”
“อ่อ เจ้านายได้รับเชิญจากอธิการน่ะครับ เป็นปกติมากที่โดนเชิญให้ไปสอน แต่ไม่มีครั้งไหนที่จะตอบรับเลย จนมาครั้งนี้นี่แหล่ะ วันนั้นที่ผมมารับคุณเมลแล้วไปคุยกับอธิการก็เพราะเรื่องนี้นี่แหล่ะ จริงๆก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกันครับ ถ้าคุณเมลสงสัยไม่ลองถามเจ้านายดูล่ะครับ”
“เจ้านายพี่อ่ะปากหนักยังกับหิน ใครจะไปถามอะไรมันได้ล่ะ ถามไปก็ไม่ตอบหรอก”
ผมที่ตอบพี่ธรออกไปแบบนั้น แล้วหันหน้าออกไปนอกรถ ได้แต่คิดตามในใจว่า...ปกติก็โดนเชิญให้ไปสอนบ่อยแต่ไม่ยอมไป แต่ทำไมครั้งนี้ถึงยอมวะ?
หรือจะเป็นเพราะผม
บ้าน่า...นี่คือการมโนยิ้มคิดเข้าข้างตัวเองชิพหายของกูเองจ้า ... ใช้เวลาบนท้องถนนนานไม่ต่างจากวันก่อนๆ ผ่านไปสองชั่วโมงก็กลับมาถึงบ้านไอ้ทัพ และแน่นอนว่า ผมต้องตรงไปหาไอ้ลูกแมวของผมทันที ยังไม่ลืมว่าเมื่อเช้าไอ้ลูกแมวของผมถูกไอ้รี่คาบไปแดก ฮื่อ แค่คิดก็ใจเสีย อย่าแดกแมวกูนะไอ้รี่ ถ้ามึงแดกแมวกู กูจะเรียกมึงว่าไอ้แอ๊บเปิ้ลตลอดไป กูจะล้อให้เสียสิงโตเลย!
“ไอ้หลงงงง กูกลับมาแล้ววว”
วิ่งเข้าไปพร้อมกับร้องเสียงหลง บอกให้รู้ว่าเจ้านายมึงอยู่นี่นะ แต่พอเปิดประตูไปก็ต้องชะงัก เหยดแหม่ ไอ้รี่!! ใครเปิดประตูกระจกให้มึงเข้าม๊า!
ภาพตรงหน้าคือไอ้หลงที่เอามือวิ่งไล่ตะปบผีเสื้อปลอมที่ไอ้ทัพให้คนมาจัดไว้ มันก็ตะคลุมเล่นไปอย่างสนุกสนาน แต่อีกมุมนึงของห้องก็มีขนฟูๆของไอ้สิงโตขี้เกียจนี่นอนมองอยู่ มันที่ลากผ้าห่มสีแดงๆของมันมาปูนอนอยู่ที่มุมห้องอีกด้านนึงอย่างสบายใจ สายตาที่มองตามลูกแมวน้อยของผมนั้นคมกริบ ... ไม่นะ!
“มึงเข้ามาได้ไงไอ้รี่!” ชี้หน้าด่ามัน แต่ไอ้สิงโตตัวใหญ่ทำแค่หรี่ตามองผม เหมือนมันจะขัดใจหน่อยๆที่ผมมาขัดอารมณ์สุนทรีย์ของมัน เดี๋ยวนะ ทำหน้าตาแบบนั้นใส่กูหมายความว่าไงห๊ะ
“เมี้ยววว เมี้ยวๆ”
ว่าจะไปจัดการไอ้ยักษ์นั่นสักหน่อย โชคดีที่ไอ้หนูน้อยของผมมันมาตะแง้วๆอยู่ที่ขาซะก่อนเลยหยุดชะงัก ก้มหน้าลงไปยิ้มให้มัน ลูกแมวขาวๆที่ตอนนี้ยืนสองขา แล้วใช้ขาหน้าตะกุยเรียกผม เห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ คิดไม่ผิดจริงๆที่วันนั้นเสี่ยงตายช่วยมึงให้อยู่ในบ้านนี้ได้อ่ะ ไม่งั้นวันนี้กูคงอยู่ที่นี่อย่างแห้งเหี่ยว
“ว่าไงไอ้หนู เล่นคนเดียวสนุกไหม”
“เมี้ยววว” อุ้มมันขึ้นมา แล้วพาไปนั่งที่โซฟาหลุยย์ หนีไอ้รี่ที่มองตามาตาไม่กระพริบ
“กูไม่อยู่มึงโดนล่อลวงไปไหนเปล่า ไม่ได้นะเว่ย มึงจะไปนอนที่อื่นไม่ได้นะ นั่นที่นอนมึง เห็นไหมมีหลายห้องนุ่มฟูเบอร์นั้นอ่ะ” ว่าแบบนั้นแล้วชี้ไปที่คอนโดแมวของมัน
‘โฮกกก’
ผมกรอกตาทันทีที่อยู่ไอ้เชอร์รี่ตัวดีก็ส่งเสียงออกมา นี่มึงประท้วงอะไร
“หยุด มึงประท้วงอะไร มึงนะมึง อย่ามาล่อลวงแมวน้อยกูไป กูรู้นะว่ามึงอยากกินมัน ทำไมวะ ไอ้ทัพไม่ให้เนื้อมึงแดกหรอ จะมากินแมวกูอ่ะ แมวกูไม่ใช่ของกินนะเว้ย”
ชี้หน้ามองมันดุๆ ไอ้รี่ที่มองตรงมาด้วยแววตาดื้อดึง ไม่เข้าใจหรอกว่ามันหมายความว่าไง แต่สายตามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
“เข้าใจไหมไอ้หลง อย่าไปนอนมั่วๆซี่ ที่นอนมึงก็มีตรงนั้นๆ จำไว้นะไอ้หนู”
ก้มลงไปบอกมันแบบนั้น เจ้าตัวจ้อยของผมก็เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมก้มหัวรับ หัวกลมๆของมันที่เอียงมาถูไถกับมึงของผม พร้อมร้องออกมาเบาๆ
“เมี้ยว” น่าเอ็นดูไปหมด
‘โฮกกกก’
เสียงร้องดังๆส่งท้ายที่ทำให้ไอ้หลงกับผมต้องหันไปมอง ก็คือเสียงร้องเหมือนจะหงุดหงิดของไอ้รี่ หันไปไม่เห็นมันแล้ว เห็นแต่ตูดใหญ่ๆของมันที่หันหลังเดินผ่านกระจกไปที่กรงของมัน พร้อมคาบผ้าห่มแดงของมันไปด้วย เอาเว้ย จะชอบอะไรเบอร์นั้น แต่นั่นแหล่ะ ไปได้ก็ดี แมวกูจะได้ปลอดภัย ก้มลงไปมองไอ้ตัวเล็กที่มองตามไอ้รี่ไปจนลับสายตา ตากลมๆของมันที่ใสแจ๋ว ก่อนมันจะเอียงหัวทำหน้างงๆส่งมาให้ผม เหมือนมันจะถามผมว่าไอ้รี่เป็นไร
“กูก็ไม่รู้มันเหมือนกันไอ้แมวเด็ก”
บอกมันไปแบบนั้น แล้วไม่ลืมที่จะยื่นมือไปเกาคาง มันที่หลับตาปี๋ทำหน้าฟินแบบมีความสุขทันที ... เฮ้อ เป็นแมวมันดีจังวะ กูอยากเป็นมึงมากๆเลยไอ้หลงเอ๊ย
.
.
.
“ขอโทษนะครับป้า มีอะไรทานบ้างไหม เมลหิว”
โผล่หน้าเข้าไปในครัว เจอป้าแม่บ้านที่กำลังจะเดินออกไปจากครัวพอดี เลยได้จังหวะถามซะเลย เล่นกับไอ้หลงจนเหนื่อยเลยต้องมาหาของกินซะหน่อย
“มีขนมจีบกุ้งค่ะคุณเมล ทานลองท้องก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าอุ่นให้”
“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมทำเอง ป้ามีไรจะทำก็ไปทำเถอะครับ”
บอกออกไปแบบนั้นแล้วป้าแกก็ยิ้มตอบรับแล้วเดินหนีออกไป ผมที่พุ่งเข้าไปหาขนมจีบกุ้งในตู้เย็นทันที แน่นอนว่าไม่ได้ซื้อหรอก ป้าต้องทำไว้เองแน่ๆ และแบบนี้มันถึงน่าอร่อยกว่าของซื้อไงล่ะครับ กุ้งตัวเบ้งๆที่ดูแล้วเนื้อค่อนข้างจะดึ๋งดั๋งๆน่ากินวางโปะอยู่บนแต่ละชิ้น แค่เห็นก็กลืนน้ำลาย ผมหยิบออกมาเท่าที่ตัวเองอยากจะกินใส่ลงไปในจานแก้ว แล้วเอาหม้อนึ่งมาใส่น้ำแล้วเริ่มตั้งเตา เอาจานลงไปวางในนั้นแล้วเริ่มอุ่น ถ้าเอาไปเวฟคงจะได้กินง่ายกว่า แต่ถ้าเอาไปอุ่นในหม้อนึ่งแบบนี้ ขนมจีบจะไม่แห้งแกรนแล้วแข็งๆ จะทำให้กินอร่อยกว่าครับ โถ่ๆ....คาราเมลไม่ใช่คนไก่กานะครับ มีความรู้นะเออ อย่างน้อยๆตอนเด็กๆแม่ผมก็เคยสอนอะไรแบบนี้มาเยอะมากๆเลยล่ะ
“ว้าววว โคตรน่ากิน กูจะแดกมึงให้เรียบ”
พูดกับตัวเองตอนที่เปิดฝา ควันห้องฟุ้งทะลักทะลวงออกมา กลิ่นหอมๆของขนมจีบกุ้งที่ทำเอาผมต้องยิ้มอย่างอารมณ์ดี ใช้ส้อมจิ้มมันขึ้นมาชิ้นนึงเป่าๆให้หายร้อนแล้วเอาเข้าปาก
“โง้ยย อาย่อยยยย”
‘หมับ’
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรอวะ”
เสียงเข้มที่ดังข้างๆหูมาพร้อมๆกับวงแขนแกร่งที่โอบเอวผมมาจากทางด้านหลังทำเอาสะดุ้งขึ้นมาในตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูกจนต้องยืนตัวเกร็ง ...
“อะ...เอ่อ...”
“ว่าไง ถามทำไมไม่ตอบ” ใบหน้าหล่อที่วางลงมาที่ลาดไหล่ของผม แล้วเอียงหน้ามาถามแบบนั้น เชี่ย!
“อะ...ไอ้ทัพ”
“เรียกชื่อบ่อยกูจะคิดเงิน ว่าแต่มึงทำอะไร ทำไมหอมๆ”
“หนม...หนมจีบกุ้ง”
บอกอ้อมแอ้มออกไปแบบนั้น ได้แต่กดหน้าลงต่ำ รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ร้อนหน้าที่ไม่ใช่เพราะว่าร้อนจากควันของขนมจีบ แต่ร้อนเพราะไอ้คนที่อยู่ๆก็โผล่มาจากด้านหลังแล้วกอดกันไว้แบบนี้
“หรอ หอมดีนะ”
“อ๊ะ!”
ร้องออกมาพร้อมๆกับสะดุ้งเมื่อริมฝีปากอุ่นกดจูบลงมาที่ลำคอของผม แรงกดจูบหนักๆที่ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว พอหันตัวกลับหลังไปมอง คนที่ก็ผละตัวออกจากผมแล้ว มันที่เดินหนีออกไปที่ประตู ก่อนจะหันมาสั่งกันสั้นๆพร้อมรอยยิ้มที่จุดอยู่ที่มุมปาก
“ตักออกมาให้กูกินด้วยล่ะ
มันน่าอร่อยดี หึ”
อะ...อร่อยเชี่ยไรล่ะไอ้บ้า!
หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดูร้อน เออ...หน้ากูเนี่ยแหล่ะจ้า~~~~~
...
(มีต่อจ้า)